ลิขิตรักเด็กขายน้ำ... [Ep.36 พี่ปัน] คือรัก.... [14/06/57] p.6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ... [Ep.36 พี่ปัน] คือรัก.... [14/06/57] p.6  (อ่าน 40563 ครั้ง)

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป


"กีฬา กีฬาเป็นยาวิเศษ ฮาไฮฮาไฮ"

นี้ผมยุ่งมากๆจนเกือบลืมเลยสินะครับว่าวันนี้เป็น...วันกีฬาสี !!!!

ผมใส่เสื่อกีฬาสีสีน้ำเงินคอวีที่มีโลโก้โรงเรียนที่หน้าอกด้านซ้าย ใส่กางเกงยีนต์สีดำมีรอยยับๆตัดกับสีเสื่อ ส่วนผมบนหัวก็จัดแจงหายางมามัดเป็นจุกบนหัวครับ ผมชอบทรงผมทรงนี้นะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกว่าอะไรแต่เต้มันตั้งไว้ว่าทรงน้ำพุ เวลาทำผมทรงนี้ที่ไหร่ผมชอบส่องกระจกทุกที่ ปกติผมด้านมันยาวจนแยงตานะครับแต่พอทำทรงนี้ก็นับว่าหมดปัญหา

ส่วนไอ้เต้นั้นเหรอครับ?

"คธากรยิ้มหน่อยครับ ...นั้นแหละหล่อมากครับ"

พี่ช่างภาพชมไอ้เต้และสายฟ้าที่ปีนี้เป็นคธากรคู่กัน

เดี่ยวนะใครโหวตพวกมันสองคนคู่กันวะ นิผมพลาดสินะ!!!

ก็แน่ละช่วงนี้ลูกค้าแน่นร้านนิครับ ผมเลิกเรียนเสร็จก็ตัวปลิวไปห้างเลยได้อยู่เย็นร่วมเตรียมงานกับเขากันซะเมื่อไหร่ เพราะงั้นวันนี้หน้าที่ของผมคือกองเชียร์กีฬาครับ โดยเฉพาะที่ผมโดนย้ำหนักย้ำหนาว่าต้องเข้าเชียร์ให้ได้ก็คือบาสทั้งๆที่รุ่นมอ4สีเราเข้าชิงต่างสองรายการคือบาสกับแบท

ที่น่าตกใจไปมากกว่านั้นคือการที่ไอ้วุธเทพกีฬาห้องสามจับคู่กับกราฟห้องผม!!!

ผมบอกแล้วไงครับ กราฟมันลึกลับถึงขนาดไปยื่นข้อเสนอกับวุธได้ทั้งๆที่ตอนแรกหมอนั้นปฏิเสธแทบตาย พอกราฟเปิดสมุดเล่มสีเขียวๆของมันแล้วพูดอะไรออกมาสองสามประโยคนั้นแหละ

วุธถึงขนาดจอมจำนนแบบไม่มีเงือนไขเลยที่เดี่ยว

ผมถึงได้บอกไง กราฟมันลึกลับและน่ากลัว

"หมอกเช็ดเหงือให้กูหน่อย"

"ได้ครับ คณคธากร!!"

สายฟ้ากับเต้ที่โชว์ตัวกันในรอบเช้าเสร็จแล้วเดินมาหาผมก่อนไอ้ตี๋บ้าจะยื่นหน้ามาให้ผมเช็ด

ต้องเห็นใจมันทั้งคู่จริงๆครับชุดคธากรของสีผมปีนี้มีคอนเซ็ปคือ'เทวดา'ครับ เสื่อสีขาวชั้นในเนียนไปกับผิวของพวกมันทั้งคู่ มีเสื่อกั๊กสีครีมอีกตัวสวมทับ กางเกงสแล็กสีขาวตัวเท่ๆเข้ากันกับชุด สุดท้ายคือรองเท้าหนังที่ขัดจนเงาวับพ่วงด้วยไม้คธาประจำตัว

แม้ตอนนี้จะเพิ่งเจ็ดโมงกว่าแต่แสงแดดที่สาดส่องลงมาก็ร้อนมากพอจะเผาของเสียในตัวพวกมันทั้งคู่จนกลายเป็นเหงือเต็มใบหน้า

ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าส่วนตัวขึ้นมาซับๆเหงือบนหน้าให้มัน ตอนนี้เราสามคนนั่งกันอยู่บนสแตนเชียร์สีเราครับ ผมนั่งคั่นกลางพอดี(จริงๆคือผมนั่งก่อนแล้วพวกมันแยกกันนั่งประกบผมต่างหาก)

"มึงเอาด้วยมั้ยเต้"

พอเช็ดหน้าให้สายฟ้าเสร็จผมก็หันไปถามเพื่อนสนิทตัวเองที่กำลังกินยาคูลท์ แต่มันส่ายหน้าแทนคำตอบ จะว่าไปวันนี้มันดูเหนื่อยๆแปลกๆแหะสงสัยคงร้อนมากๆมั่งครับ

"ปวดฉี่วะ กูฝากคธาแปบนะมึง"

สายฟ้าหันมาพูดกับผมก่อนมันจะรีบก้าวยาวๆไปทางอาคารสองที่อยู่หลังสแตนท์พอมันเดินไปลับสายตาผมก็รีบหันมาหาเต้

"เป็นไรวะมึง"

มันทำหน้างงๆ ผมเบ้ปากก่อนจะชี้ไปที่ขวดยาคูลท์...ไม่สิ

...เศษขวดยาคูลท์ที่แหลกละเอียดคามือมันต่างหาก

มันรีบหันขวับก่อนจะปาสิ่งที่อยู่ในมือเข้าใต้แสตนเชียร์

"เต้ เป็นไร อย่าโกหกกูดิ กูเพื่อนมึงนะเว้ย"

ผมพูดกับมันด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"หมอกกูมีเรื่องจะบอก..."

"อะไร"

ผมกลืนน้ำลายลงคอนิดๆหลังจากมันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"กูว่า...กูจะไปญี่ปุ่นวะ..."

จบคำใจของผมเต้นแรงขึ้น เต้เป็นเพื่อนสนิทคนเดี่ยวที่ผมมี...

"มึงจะทิ้งกูเหรอ...?"

"เปล่า...คือกู...แค่คิดๆ"

ผมรู้สึกหน่วงๆขึ้นมาร่างกายก็เริ่มหนักอึ่ง เต้เป็นคนที่ไม่เคยพูดจาแบบล้อเล่นทุกคำพูดของมันนั้นคือเรื่องจริงเสมอ

"มึงจะ...อึก...จะไปเมื่อไหร่"

"มึงอย่าเพิ่งร้องดิ กูใจเสียหมด"

"กูถามว่าเมื่อไหร่ ?"

ผมตะคอกมันทั้งน้ำตา ไม่อยากเลย ไม่อยากให้มันไป มันเป็นเพื่อนที่เป็นเหมือนพี่ชาย ตั้งแต่รู้จักกันมาผมกับมันก็ดูแลกันมาตลอด มันยังเคยเรียกผมว่าน้องด้วยซ้ำ

"กูพูดจริงๆนะ กูแค่...โอเค กูอาจไป...หลังสอบเสร็จ"

มันจะพูดโกหกแต่พอผมมองเขม็งก็เลยยอมพูดความจริง

หลังสอบ...ก็อีกแค่สองอาทิตย์เองดิวะ....

"อื้ม...มึงไปแล้วใครจะแย่งข้า่วกูแดรกวะ"

ผมพยายามพูดติดตลกแต่รู้ดีว่ามันไม่ขำเลยสักนิด...

"ต่อให้กูไม่อยู่...มันก็มีคนที่พร้อมจะดูแลมึงเสมอ"

"ไหนมึงบอกจะไม่ทิ้งกูไงวะ...!!! "

ผมตะคอกมันกลับไม่อยากฟังเหตุผลใดๆทั้งสิ้น

มันเป็นเหมือนทั้งเพื่อน ทั้งพี่น้องของผม...แล้วมันจะทิ้งผมไปเนี้ยนะ

ไหนมันบอกไงว่าผมเป็น'น้องชาย'ของมัน

"........................."

ผมนั่งสะอื้นโดยมีมันช่วยเช็ดน้ำตาให้สักพักพอร้องหนักๆผมก็พอทำใจขึ้นได้บ้าง ถ้ามันจะไปจริงๆร้องให้่ตายผมก็ห้ามมันไม่ได้อยู่ดี

"จะไปวันไหนกูจะไปส่ง...โอ๊ย มึงเขกหัวกูทำไมเนี้ย!!!"

ผมร้องครวณออกมาหลังจากมันจับหัวผมโขกกับหัวมัน

เต้มีนิสัยประหลาดๆอย่างหนึ่ง พอเวลามันงอนใครมันจะชอบเอาหัวไปเขก แ่น่นอนว่ามีแต่ผมเท่านั้นแหละที่มันงอน

"อยากให้กูไปมาก ?"

"เปล่าสักหน่อย"

"งั้นกูไม่ไปก็ได้"

มันพูดเหมือนเรื่องสัมเพเหระแล้วทำหน้าชิลๆใส่ผม

ไอ้ซั้ซแล้วมึงปล่อยให้กูร้องไห้ฟรีๆทำไมเนี้ย มันเสียน้ำในร่างกายกูโดยใช่เหตุมั้ย ไอ้บ้า !!!

"กูไม่อยากให้มึงร้องแบบนี้เลยหมอก กูทนเห็นน้องชายตัวเองร้องไห้ไม่ได้นานๆหรอกนะ ที่กูบอกว่าจะไปอันนี้กูแค่พูดเพื่อๆเฉยๆ เพราะพ่อกับแม่กูเขาอยากจะไปลงหลักปักฐานที่ญี่ปุ่นไง"

"ตกใจหมด กูก็นึกว่ามึงจะไปจริงๆ แล้วไอ้ที่บอกว่าหลังสอบคือ...?"

"คือพ่อแม่กูไปที่นั้นไง แต่กูว่ากูอาจจะอยู่ที่นี้ต่อ"

"ไอ้บ้า แม่มกูใจเสียหมด"

ผมว่ามันก่อนจะปั้นแยกเขี้ยวใส่ ดูสิ ใจเจิ้ยผมไปหมดแล้ว

"หมอก"

"อะไร?"

"กูดีใจนะ ทีมีึมึงเป็นเพื่อน"

"เออ กูก็ดีใจที่มีมึงเป็นเพื่อน เพราะงั้นห้ามทิ้งกู"

"ครับ ไอ้น้องชาย"

พูดจบมันก็หัวมือมันมาขยี้หัวผม ไอ้บ้าอย่าขยี้แรงดิ เดี่ยวจุกน้ำพุกูหลุด- -*

ผมนั่งเล่นไม่นานสายฟ้าก็วิ่งเหยาัะๆกลับมา เต้กลับไปนั่งเงียบเหมือนเดิม

นี้แปลว่าพวกมึงยังไม่เลิกทะเลาะกันเลยเหรอวะ ??? (แล้วตกลงพวกมึงทะเลาะอะไรกัน !?)

"พี่เขาเรียกแล้วมึง"

สายฟ้าทักเต้เบาๆ

"หมอกอย่าลืมที่ตกลงกันนะ"

"เออ"

ผมตอบรับไอ้สายฟ้าที่หันมาย้ำ ก่อนทั้งคู่จะลุกออกไปตั้งขบวนแถวซึ่งจะเริ่มเดินจากโรงเรียนสตรีล้วนซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างโรงเรียนเรามากนักแล้วไล่เรียงแต่ละสีเข้ามายังสนามกีฬาของโรงเรียนเราเริ่มจากสีชมพูพันทิพย์ สีฟ้าอินทนน น้ำเงินครามแก้วฟ้า สีแดงเกสรพฤษา และสุดท้ายสีเหลืออัมรินท์

แน่นอนว่าผู้นำขบวนพาเหรดเข้ามานั้นก็คือประธานนักเรียน พี่แอลห้องสิบ สายศิลป์ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบสิบปีของโรงเรียนเราที่เด็กสายศิลป์ได้เป็นประธานนักเรียน ตามติดๆมาด้วยสีชมพูมีคธากรนำหน้าคือพี่พังค์ซึ่งปกติวันธรรมดาก็สวย(?)อยู่แล้ววันนี้ยิ่งดูดีเป็นพิเศษ ด้วยชุดสีที่มาในคอนเซ็ปเวทมนต์สีฟ้านำโดยพี่นนท้คธากรหน้าหวานอีกคนที่เป็นเดือนโรงเรียนวันนี้พี่นนท์มาในชุทสูทสบายๆกับคอนเช็ปหวานเย็น

แน่นอนว่าขบวนต่อไปนำโดยคธากรซึ่งเป็นเด็กมอ4เพียงสองคน ไอ้เต้กับสายฟ้าที่มาในชุดเทวดา ไม่น่าเชื่อว่าพวกมันสองคนเข้าคู่กันแล้วออร่าจะประกายออกมาได้ขนาดนี้ มันหล่อทั้งคู่นะครับแต่หล่อกันคนละแบบ เต้จะหล่อแบบออกแนวโหดๆแต่สายฟ้าจะออกแนวหล่อแบบใสๆมากกว่า

แน่นอนว่าเด็กสตรีโรงเรียนใกล้เคียงที่มายื่นดูความอลังการย่อมต้องกรี๊ดก๊าดกันเป็นธรรมดา ตอนนี้ไอ้เต้ไอ้ฟ้ากำลังโดนโจกตีด้วยแสงแฟตจากกล้องทั่วสารทิศหนึ่งในนั้นก็คือผมเองทีตามเก็บภาพไว้ให้เพื่อนเพื่อทำพล็อตจบมอหกกัน

หลังจากขบวนกีฬาสีเดินเข้าไปยังลานสนามกีฬาครบเรียบร้อยแล้วท่านประธานซึ่งก็คือท่านผอ.ก็กล่าวเปิดโอโวทกับเด็กนักเรียน

"บัดนี้ถึงเวลาอันสมควร ข้าพเจ้าขอเปิดพิธีกีฬาสีประจำปีนี้ได้"

จบคำเพลงมหาฤกษ์จากวงโยก็ดังกระหึ่มก่อนท่านผอ.จะจุดคบเพลิงที่เหล่าตัวแทนคธากรทั้งห้าสีล้อมรอบ

เปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นเป็นสัญญาณว่าบัดนี้งานกีฬาสีของโรงเรียนเราได้เริ่มขึ้นแล้ว!!!



                                              ...........................................................


หุหุ คอมเม้นท์มาเยอะๆ ไรท์ก็มีแรงปั้นเยอะๆเหมือนกัน -3- อย่างที่บอกครับตอนกีฬาสียาวมากเพราะฉะนั้นจึงขอแบ่งเป็น3พาร์ทนะครับ แน่นอนว่าพี่ปันก็3พาร์ทต่อเช่นเดี่ยวกัน

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์จริงๆครับ ไม่มีคนอ่านคนเขียนอย่างแกะก็ไปไม่ไหวหรอกครับ นอนตายกลางสมรภูมิจริงๆ


ปล. แกะมีเพจแล้วนะ แวะเข้ามาเกรียนกันได้นะครับ  จะรอเสมอหนออออ ~

https://www.facebook.com/alonppun?ref=hl  :กอด1:

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป


"สีน้ำเงินชนะไปด้วยคะแนน17-16นะครับ! !!"


เสียงกรรมการประจำสนามขาดบอกก่อนผมกับไอ้เต้จะปรบมือกราวให้กำลังใจไอ้กราฟกับวุธที่ชิงเหรียญทองเหรียญแรกให้กับสีน้ำเงินได้สำเร็จในรายการกีฬาประเภทแบทมินตัน


พอออกมาจากสนามผมเห็นกราฟฉีกกระดาษจากสมุดสีเขียวๆประจำตัวของมันให้วุธ เจ้าตัวดีใจจนวิ่งออกไปจากสนามเหลือเพียงไอ้กราฟที่เดินมาพักที่สแตนเชียร์รอดูแข่งบาสฯอีกสิบนาทีข้างหน้า


"มึงเอาไรให้วุธวะ"


ผมทักหลังจากมันเดินมาถึงแสตนเชียร์


"ความลับ!!!"


เจ้าตัวตอบก่อนจะยิ้มทะเล้นออกมา


นี้เป็นครั้งแรกเลยมั่งครับที่ผมเห็นมันยิ้ม!!!


"ว่าแต่ว่า รายการต่อไปเถอะ"


"แข่งบาสไง ทำไมวะ"


มันไม่ตอบผมแต่หันไปยิ้มให้เต้แทน นี้ตกลงช่วงนี้กูพลาดอะไรดีๆไปจริงๆสินะ แล้วทำไมพวกมึงต้องมองหน้ากันเพื่อไรฟระ คุยกันทางโทรจิตเหรอยังไง- -


ผมเลิกสนใจพวกมันสองคนที่นั่งคุยกันผ่านสายตาข้ามหัวผม(ไอ้เปรตทั้งหลาย เอ๊ะ หรือกูเตี่ยเอง?)


รอไม่นานพวกสต๊าฟคณะกรรมการนักเรียนก็รีบวิ่งมาเครียล์สนามก่อนจะลากแป้นบาสมาตราฐานมาประกบสองข้างแล้ววัดระยะทางตรวจสอบความถูกต้องก่อนกรรมการจะเป่านกหวีดสามครั้งเป็นสัญญาณเรียกนักกีฬาลงสนามซึ่งทั้งสองฝ่ายก็เดินออกมาจากแต่ละฝั่งเพียงแต่...?


นักกีฬาทีมเราหายไปหนึ่งคนและหน้าเครียดๆของสายฟ้าทีน้อยครั้งผมจะได้เห็น มันกวาดตามองไปทั่วสแตนท์เชียร์ก่อนจะวิ่งยาวๆมาทางผม


"game start"


ผมได้ยินไอ้กราฟพูดเบาๆก่อนสายฟ้าจะวิ่งมาถึง


"กราฟ เห็นไอ้คินมั้ย มีคนบอกว่ามึงอยู่กับมันเป็นคนสุดท้าย"


สายฟ้าพูดเสียงเครียดก่อนผมกับเต้จะหันขวับไปมองกราฟ


"กูไม่เห็น"


มันตอบเสียงเรียบแต่คนถามหน้าถอดสีไปแล้ว


"มีไรวะมึง"


ผมหันไปหาสายฟ้าที่เริ่มลุกลี้ลุกลน


"นักกีฬาหายไปคน เป็นความประมาทของกูเองที่ให้พวกตัวสำรองไปลงแข่งกีฬาอื่นได้เพราะคิดว่า พวกตัวจริงไหวกันทั้งเกมส์ กู...พลาด"


มันเม้มปากเป็นเส้นตรงแสดงความเครียดออกมาอย่างชัดเจน


"เต้ไง"


กราฟพูดออกมาลอยๆ แต่คนถูกอ้างอิงสะดุ้งก่อนจะบอกปัด


"กูไม่ได้มีชื่อในรายการ"


"อ้อเหรอ งั้นนายปริทธร อรุณฉัตรนี้ชื่อใครวะ?"


กราฟพูดยิ้มๆก่อนจะส่งกระดาษแสดงรายชื่อตัวสำรองออกมาซึ่งมีชื่อไอ้เต้ต่อท้ายสุด แน่ละเต้หันไปมองสายฟ้าเพื่อให้อธิบายแต่ดูจากสีหน้างงๆของมันแล้วก็คงแปลว่าเจ้าตัวเองที่อยู่ในฐานะหัวหน้าทีมก็ไม่รู้เรื่องนี้


"ตอนนี้ช่างมันก่อนเถอะแต่เต้ช่วยฟ้าหน่อยได้มั้ย มีสิบคนก็ยังดีกว่าขาด"


สายฟ้าทำสีหน้าอ้อนวอนเต็มที่ใส่ไอ้เต้


"............."


"กูขอร้องนะ เต้ช่วยกูอีกสักครั้งเถอะ"


เต้ยังคงนั่งเงียบเม้มฝีปากเป็นเส้นตรง


"มึงช่วยๆมันหน่อยเถอะ นะเต้"


ผมช่วยพูดอีกแรงเพราะไอ้ตี๋บ้าทำหน้าจะร้องไห้แล้ว


"นักกีฬาเตรียมตัวนะครับ อีก5นาทีลงสนามเลยครับ"


เสียงกรรมการประกาศก่อนผมกับไอ้สายฟ้าจะมองไปที่ไอ้เต้


เพื่อนสนิทผมถอนหายใจดังๆออกมาก่อนจะพยักหน้าตกลง


"เออ!!!เอาเสื่อมาให้กูสิ"


"ไปๆ หลังสแตนท์ๆ"


สายฟ้าดีใจจนฉุดไอ้เต้ลุกไปหลังสแตนท์ทิ้งไว้เพียงผมกับไอ้กราฟพร้อมกระดาษรายชื่อนักกีฬาตัวสำรอง


ผมพยายามค้นหา'บางสิ่ง'จากสายตาไอ้กราฟ แต่นี้เป็นครั้งแรกที่ผมมองตาคนแล้วอ่านไม่ออก


ทั้งสายตาของกราฟมีเพียงความว่างเปล่าเสมือนหลุมดำที่ผมมองไม่เห็นอะไรจริงๆ!!!


บางทีผมว่ากราฟก็น่ากลัวไปนะ



                                             ------------------------------------------------------------------


"สายฟ้าวิ่งโว้ยย!!!"


ผมป้องปากตะโกนเชียร์เสียงดัง นาทีนี้นั่งกันไม่ติดแล้วครับเพราะสีเราเป็นฝ่ายตามอยู่2คะแนนเวลาเหลือเพียงนาทีกว่า!!!!


สายศิลป์ที่ว่าแน่ยังแพ้เด็กห้องโค้วต้านักกีฬา แถมอีกฝ่ายทำการบ้านมาดีมากจริงๆเล่นประกบสายฟ้า3-1ทั้งเกมส์จนไอ้ตี๋แทบจะขยับตัวทำแต้มไม่ได้


ผมหันไปมองนาฬิกาข้างสนามเข็มนาฬิกาเริ่มนับถอยหลัง15วินาที สุดท้าย

'15'

'14'

'13'

ไอ้สายฟ้าส่งลูกกลับแดนหลัง...ไม่สิลูกนี้มันจงใจส่งให้ไอ้เต้ที่อยู่แดนหลังโล่งๆเพียงคนเดี่ยว

'12'

'11'

'10'

ไอ้เต้รับลูกไว้ก่อนนักกีฬาทีมอีกฝ่ายจะรีบวิ่งมาบล็อกมัน

'9'

'8'

'7'

ไอ้เต้เลี้ยงลูกบาสรอดใต้หว่างขาของอีกฝ่ายก่อนจะโผล่ที่หลังเส้นสามคะแนน

'6'

'5'

อีกฝ่ายรีบวิ่งมาก่อนจะชนหลังไอ้เต้เต็มๆเพราะมันหยุดเท้าที่หลังเส้นเหลือพอดีเป๊ะ

'4'

'3'

เต้ชู้ตไกลจากระยะสามแต้มก่อนมันจะทรุดตัวลงเพราะเสียสมดุล

'2'

'1...'

'สวบ'


"ปรี๊ดดดดดดดดดดด"


"เฮ!!!!!!!"


เสียงนกหวีดยาวบ่งบอกถึงเวลาที่หมดลง ลูกบาสของมันลงห่วงก่อนสองวิสุดท้าย!!! ผมตะโกนดีใจกับเพื่อนที่ยังอึนๆว่า'กูชนะแล้วเหรอ'ก่อนสายฟ้าจะวิ่งเข้าไปกระโดดกอดเต้เต็มรัก


"พวกมึง จับไอ้เต้โยนกัน!!!"


สายฟ้าสั่งลูกทีมช่วยกันจับไอ้เต้ที่ยังหน้าเหวอๆก่อนผมจะรีบวิ่งเข้าไปช่วย


เปล่าครับ ....ไม่ได้ช่วยห้ามทัพ ผมไปช่วยโยนไอ้เต้ด้วยต่างหาก!!


"สีน้ำเงินชนะแล้วโว๊ย!!! เอ้าพวกมึงโยน! !!!"


สายฟ้าสั่งก่อนทุกคนจะช่วยกันโยนไอ้เต้ที่หวีดร้องสุดเสียงพลางสาปแช่งผมกับไอ้สายฟ้าทีเป็นแกนนำในการโยน


ครึ่งเช้าวันนี้ของพวกเราจึงจบลงด้วยเสียงหัวเราะของพวกเราทุกคนในห้องที่มาเชียร์....


อ้อ.... เสียงหวีดร้องของไอ้เต้ด้วยครับ  ; )



                                       ---------------------------------------------


ลงเยอะๆ คงยังไม่รีบเบื่อกันหรอกเนาะ ??? :vยังเหลืออีกพาร์ทนะครับของน้องหมอก  ^^

ออฟไลน์ tpaibull

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านแล้วคิดถึงบรรยากาศตอนกีฬาสีที่โรงเรียนจัง

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป

หลังจากแข่งบาสเสร็จ ผมคะแนนร่วมของแต่ละสีก็เริ่มทยอยกันออกมาซึ่งผลปรากฏว่า...

สีน้ำเงินร่วมคะแนนแล้วได้รองชนะเลิศครับ! !!!

ตอนนี้บ่ายสามกว่าๆแล้วการแข่งขันเองก็ดำเนินมาถึงจุดจบตอนนี้ทุกสีทุกตำแหน่งกำลังยืนรับฟังโอวาทพิธีปิดของท่านผอ.(ที่ไม่รู้ทำไมยาวกว่าตอนเปิดพีธี นี้ผมยืนหาวแล้วหาวอีกเนี้ย)

"พ่อก็หวังว่าการแข่งขันในวันนี้จะหล่อหลอมหัวใจลูกๆได้เป็นหนึ่งเดี่ยวกัน บัดนี้ได้เวลาอันสมควร ขอกล่าวปิดพิธีกีฬาสีประจำปีเพียงเท่านี้"

หลังสิ้นสุดโอวาทของคุณพ่อ เปลวเพลิงประรัมพีธีก็ค่อยๆมอบดับลงก่อนเพลงสามัคคีชุมนุมจะดังขึ้น

"พวกเราเหล่ามาชุมนุม
ต่างกุมใจรักสมัครสมาน
ล้วนมิตรจิตชื่นบาน
สราญเริงอยู่ทุกผู้ทุกนาม"


ผมเกี่ยวแขนซ้ายของเต้ส่วนแขนซ้ายของผมก็ขนาบด้วยสายฟ้าต่อไปเป็นทอดๆกับเพื่อนๆในห้องเพื่อนๆในสีและเพื่อนๆในโรงเรียนบางคนไม่รู้จักแต่ก็ยังยิ้มให้กันได้เสมอ

นี้และครับ มิตรภาพของกีฬ่าสี...

"อันความกลมเกลียว
นั่นเป็นใจเดียวประเสริฐศรี
ทุกสิ่งประสงค์จงใจ
จักเสร็จสมได้ด้วยสามัคคี..

ที่หนักก็จักเบาคลาย
ที่อันตรายก็ขจัดขัดขวาง
สนองพระเดชบ่จางกตเวทิคุณพระกรุณา

สามัคคีนี่แหละล้ำเลิศ
จักชูชาติเชิดพระศาสนา
สยามรัฐจักวัฒนา-
ปรากฏเกียรติฟุ้งเฟื่องกระเดื่องแดนดิน"


"เพลงมาร์ชพร้อม!!!"

พี่เปาโลหัวหน้่าวงโยฯขานนำก่อนลูกทีมในวงจะขานตาม

"พร้อม!!!!"

"สาม...สี่"

พิธีปิดกีฬาสีดำเนินต่อไปเรื่อยๆจากเพลงสามัคคีชุมนุมไปจนถึงเพลงมาร์ชโรงเรียนแล้วต่อด้วยเพลงสดุดีมหาราชา พอพิธีปิดจบเด็กๆต่างก็แยกย้ายกันไปตามแผนที่นัดกันไว้

ส่วนห้องผมนะเหรอ ..... ?

"หมูกะทะเว้ย ไม่หมดไม่เลิก!!!"

ไอ้ดนัยขานออกมาก่อนทั้งหมดจะตกลงเห็นด้วย

จริงๆต้องบอกว่าห้องผมหาเรื่องไปกินหมูกะทะกันบ่อยมากกกกก จนเหมือนเป็นธรรมเนียม หลังสอบกลางภาคเสร็จก็กิน สอบไฟนอลเสร็จก็กิน เทศกาลต่างๆก็กิน วันหยุดนัขตฤกษ์พวกมันก็ยังนัดกันออกมากิน(แน่นอนว่าผมไปทุกรอบ 555+) เรื่องของเรื่องไม่ใช่อะไรที่บ้านดนัยเปิดกิจการร้านหมูกะทะครับ(นี้สินะที่มึงชวนพวกกูไปบ่อยๆ หารายได้เข้าครอบครัวนี้เอง -  -)

ในห้องมีทั้งหมด37คนจะโบกแท็กซีกันก็กระไรอยู่

"ไปรถเมล์กันพวกมึง"

เพื่อนในห้องคนหนึ่งเสนอ

"เดี่ยวนะ กูว่ากินหมูกะทะตอนนี้มันสิ้นคิดไปไหมวะ ??? ไปเปลี่ยนเสื่อผ้ากันก่อนมั้ยหรือยังไง ???"

ไอ้กล้าทักจนทุกคนชงัก

"เออวะกูดีใจแทนสายฟ้ามันไปจนลืมตั..."

เพื่อนผมคนนั้นยังไม่ทันพูดจบประโยคเพื่อนอีกคนก็รีบปิดปากก่อนมันจะส่งซิกอะไรกันสักอย่าง ?

"ดีใจกับไอ้เหม่งเรื่องไรวะ ?"

ผมถามออกไปเพราะความสงสัย เพื่อนๆที่อยู่รอบตัวๆเริ่มมองหน้ากันไปมาแต่ก็เงียบไม่ตอบผม สุดท้ายผมเลยหันไปหา่ตัวการแล้วถามตรงๆแทน

"มึงมีข่าวดีเรื่องอะไรวะหรือยังไง"

"กู...ติดนักบาสโรงเรียนแล้วนะ"

"จริงเหรอวะ !!! เห้ยดีใจด้วยนะมึง"

ผมตีแขนมันไปตีแสดงความดีใจด้วยกับมัน เจ้าตัวก็ยิ้มๆออกมา

แต่เรื่องแค่นี้พวกมึงจะเงียบกันทำไมวะ ก็บอกมาเลยก็จบ....

"งั้นเอางี้แล้วกัน ตอนนี้แยกย้่่ายกันก่อนดีมะ สัก...ทุ่มหนึ่งเจอกันที่ร้านไอ้ดนัยเลย โอมะ"

ลีหยุ่นเพื่อนชาวจีนที่มาอยู่ไทยจนพูดคล่องปล๊อตัดสินขึ้นก่อนทุกคนจะมองหน้าักันแล้วตกลง

"โอเค งั้นทุ่มหนึ่งเจอกันร้านกูนะเว้ย มาให้ครบทุกคนนะ!!!"

ไอ้ดนัยหันมาย้ำก่อนทุกคนจะจับกลุ่มแยกย้่ายกันไปเหลือผม กราฟ ไอ้เต้แล้วก็ไอ้ตี๋บ้า

"กราฟ มึงจะไปไหนก่อนรึเปล่าวะ ?"

อย่า่งที่บอกครับ กราฟไม่ค่อยมีเพื่อน...จะว่ายังไงดีอ๊ะ เหมือนกราฟมันโลกส่วนตัวสูงมากกว่ามั่งครับเลยไม่ค่อยมีคนเข้าใจมันสักเท่าไหร่ จริงๆผมเองก็ไม่ต่างจากมันหรอกนะแต่ผมยังมีไอ้เ้ต้ไงที่คอยไปไหนไปกันแต่มันไม่มีใครเลย

"กูไปกับพวกมึงได้เหรอ ?"

"ก็ได้ดิ มึงก็เพื่อนกูนิหว่า"

ในแววตาของมัน แวบหนึ่งที่ผมเห็นมันสะท้อนคำว่า'ขอบใจ'ออกมา จริงๆแล้วกราฟไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกครับ แค่ภายนอกมันจะดูเงียบๆไม่ค่อยมีบทบาทกับชาวบ้าน เข้าสังคมก็ไม่เก่งมันมีแค่นั้นจริงๆ

"งั้น...ไปไหนกันดี ?"

ผมถามพร้อมยืมกระพริบตาปริบๆก่อนผมกับสายฟ้าจะชี้ไปที่ใครคนหนึ่งพร้อมกัน

"เต้ ไปบ้านมึงนั้นแหละ !!!"

"จะดีเหรอวะ ?"

"ดีดิ"

มันทำหน้าเบื่อๆก่อนจะพยักหน้าตกลง

"แล้วไปยังไงดีวะ ? ไอ้ฟ้าเอารถมานิ"

ผมถามก่อนจะหันไปมองหน้าพวกมันสามคน

"อัดสี่ไม่ได้แน่ๆ เดี่ยวเจอปิงปองโบกรถกูยิ่งแต่งๆเครื่อง"

สายฟ้าว่า

"เออวะ งั้นไปยังไงดี ?"

"ให้ใครสักคนไปกับกูดิ วิ่งไปคนเดี่ยวมันเปลืองน้ำมันเปล่าๆ"

"งั้น...ใครจะไปกับมันดีอ๊ะ"

เดี่ยวนะ.... แต่สายฟ้ารู้จักบ้านไอ้เต้ด้วยเหรอครับ ผมนึกไม่ออกว่าเต้เคยพามันไปบ้านตอนไหน

พวกเรายืนมองหน้ากันไปมองจนผมเริ่มเมื่อย งั้นเอางี้แล้วกัน...

"เอางี้ กูไปกับกราฟเอง เต้ไปกับฟ้านะ เจอกันที่บ้านมึง"

พูดจบผมก็ขี้เกรียจรอพวกมันประท้วงหรือตัดสินอะไรกันอีก เลยจัดการล็อกคอไอ้กราฟแล้วลากมันไปทันที่ ได้ยินเสียงไอ้เต้ตะโกนด่ามาแว่วๆ แต่ผมไม่สนใจ

ใช่ครับ...อยากให้พวกมันเลิกทะเลาะกัน เดี่ยวหมูกะทะผมกร่อยหมด

"กราฟ บ้านอยู่ไหนอ๊ะ"

ผมถามหลังจากเราขึ้นรถเมล์กันมาเรียบร้อยแล้ว

"แถวคลองสามนะ"

"เห้ย ก็ไกลอยู่นะนั้น"

คลองสามที่ถือว่าอยู่ไกลจากโรงเรียนผมพอสมควรเลยนะครับนั้น มันมาโรงเรียนยังไงเช้าทุกวันวะ

"ไม่เท่าไหร่ ชอบนะนั่งรถนานๆ"

"เหอะๆ เหรอวะ ? กูว่าไม่นะกูขี้เกรียจขึ้นBTSทุกวันมากนี้พูดเลย"

ผมกับมันนั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อยเท่าที่เวลาจะเอื่ออำนวย จริงๆกราฟก็ชอบพูดคุยนั้นแหละครับแต่มันเข้าหาคนอื่้่นๆไม่เก่ง เรานั่งคุยกันไปเรื่อยๆจนกระทั้งถึงหน้าหมู่บ้านจัดสรรคของไอ้เต้มัน

"ลงเนี้ยแหละ"

ผมว่าก่อนจะลุกขึ้นไปกดกริ่ง มันก็ลุกตามผมมา

พอมาถึงหน้าหมู่บ้านต่อไปก็โบกวินเข้าไปครับ เดินเองที่ไกลโขอ๊ะ แต่ค่ารถตั้ง20บาทแนะ -  - ผมกับไอ้กราฟยืนรอหน้าบ้านไอ้เต้ไม่นานรถของสายฟ้าก็เคลื่อนที่มาสมทบดูจากสีหน้าแล้ว ทั้งคนขับคนซ้อนนอกจากจะไม่เครียล์กัน ผมว่ามันหนักข้อกันมากกว่าเดิม เพราะไอ้เต้ทำหน้าบูดมากแล้วเดินเข้าบ้านปล่อยผมยืนเกาหัวเก้อๆเลย

สายๆฟ้าขยับรถของมันไปจอดใต้กันสาดก่อนจะเดินเข้าไปหยิบกุญแจที่ใต้พุ่มไม้แล้วเดินแบบไม่รอผมเพิ่งรู้ว่านอกจากผมแล้ว เต้มันก็บอกคนอื่นด้วยว่ากุญแจดอกสำรองอยุ่ตรงไหน

ที่สำคัญ สายฟ้าเชี่ยวทางมากยังกะัเคยมาค้างที่นี้อ๊ะครับ มันเดินไปคุ้ยของกินในตู้เย็นก่อนจะเดินมาันั่งที่โซฟาแล้วก็เปิดทีวีดูเ้อกเขนก

"กูชักไม่แน่ใจแล้ว ว่ากูหรือมันกับแน่ที่เป็นเพื่อนสนิทไอ้เต้"

ผมพูดขำๆกับกราฟซึ่งเจ้าตัวก็ยิ้มจางๆให้แทน

พวกเรานั่งเล่นฆ่าเวลากันจนถึงทุ่มเศษ ผมเปลี่ยนไปใส่ชุดสำรองของไอ้เต้ สายฟ้าใส่ชุดนักบาส ส่วนกราฟมีเสื่ออยู่ข้างในอีกชั้น พอถึงเวลาพวกเราก็ำพร้อมออกเดินทาง

ร้านหมุกะทะของดนัยอยู่ตรงติดริมถนนเลยครับ ข้างๆขนาบด้วยแม่น้ำที่ไหลผ่านทำให้เวลาไปกินได้บรรยากาศดีๆกลับมาประจำครับแุถวนั้นคนไม่พลุ่พล่านเท่าไหร่ด้วย ส่วนตัวดีจะตายพอไปถึงก็พบเพื่อนในห้องหลายคนกำลังนั่งเรียงรายกันอยู่ครับ อย่างที่บอกว่าคนเยอะมาก เพราะฉะนั้นจะนั่งโต๊ะเดี่ยวกัน37คนเลยก็คงจะไม่ไหวเลยแบ่งๆกันนั่งครับ

ไปถึงผมก็เขมือบเลย อย่างแรกคือเนื่อหมูครับ ที่นี้ใส่เนื่อสดใหม่ทุกวันทำให้รสชาติตอนเวลาย่างนี้หวานมากครับ ผมชอบมากๆเลยแหละ พอกินกันไปสักพักใหญ่ๆ ไอ้ดนัยก็พูดออกมากลางวง

"และัแล้วก็ถึงเวลา่อันสมควรแล้วนะครับ ที่เราจะได้รู้กันว่า หมู่หรือจ่า เอ๊า สายฟ้าออกมาไวๆเพื่อนๆคอย"

ผมหันขวับไปหาไอ้ตี๋ที่เกาหัวแกรกๆแก้เขิน ก่อนมันจะเดินออกไปพร้อมกีต้าร์โปร่งอีกตัว

"หมอก..."

"อะไร"

มันตะโกนมาหาผมครับจากกลางวงเลย

"กูขอเล่นเพลงนี้ให้มึงนะ"

ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจในคำพูดของมัน ไม่นานนักมันก็ยืนหลับตาทำสมาธิก่อนจะค่อยๆจรดนิ้วลงกับกีต้าร์แล้วร้องเพลงบางเพลงออกมา....

"รักในใจ เก็บมันเอาไว้เรื่อยมา
ก็เพียงแค่มองในตาเธออาจจะพอเข้าใจ
รักที่ใครบางคน ต้องทนเก็บไว้ข้างใน
ไม่อาจจะเปิดเผยไป ให้ใครได้รู้

ฉันจึงต้องทำเป็นเฉยชา
กลัวซักวันเธอรู้ว่าฉันรักเธอตลอดมา
และเธอเกิดจะบอกลากันไป

แต่ต้องเก็บต่อไปอีกนานแค่ไหน
รักที่เอ่อล้นใจ รักที่มีให้เธอมากมาย
สุดท้ายไม่มีค่าใด จะทำให้เธอเห็นใจ
จะทำให้เธอสนใจ เพราะรักที่มีมันเกินเอ่ยไป
เกินกว่าคำอธิบายใดๆ จะเท่าเทียม

เหมือนในใจ จะมีเส้นใยบางๆ
ที่คอยจะเข้ามาบัง กันขวางระหว่างสองใจ
จะทำให้เราเจอกัน แต่จะรักกันไม่ได้
ทำได้เพียงเก็บไว้ในใจดวงนี้

ฉันจึงต้องทำเป็นเฉยชา
กลัวซักวันเธอรู้ว่าฉันรักเธอตลอดมา
และเธอเกิดจะบอกลากันไป

แต่จะเก็บต่อไปได้นานแค่ไหน
รักที่เอ่อล้นใจ รักที่มีให้เธอมากมาย
สุดท้ายไม่มีค่าใด จะทำให้เธอเห็นใจ
จะทำให้เธอสนใจ เพราะรักที่มีมันเกินเอ่ยไป
เกินกว่าคำอธิบายใดๆ จะเท่าเทียม

และหากว่าในเส้นใยบางๆได้จางลงไป
คงถึงวันที่ใจสองใจ ได้รักกันซักที

แต่ต้องเก็บต่อไปอีกนานแค่ไหน
รักที่เอ่อล้นใจ รักที่มีให้เธอมากมาย
สุดท้ายไม่มีค่าใด จะทำให้เธอเห็นใจ
จะทำให้เธอมาสนใจ เพราะรักที่มีมันเกินเอ่ยไป
จะบอกเธอด้วยคำๆ ไหน

ต้องเก็บต่อไปอีกนานแค่ไหน
รักที่เอ่อล้นใจ รักที่มีให้เธอมากมาย
สุดท้ายไม่มีค่าใด จะทำให้เธอเห็นใจ
จะทำให้เธอมาสนใจ เพราะรักที่มีมันเกินเอ่ยไป
เกินกว่าคำอธิบายใดๆ จะเท่าเทียม

จะบอกเธอด้วยคำไหน ให้รู้ดี
รักที่ฉันมีทั้งใจ คงไม่มีคำๆ ไหนจะเท่าเทียม"


"ฮิ้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว"

เพื่อนๆในห้องพร้อมส่งใจกันส่งเสียงโห่ร้อง ในขณะที่ผมนั่งเงียบหลังจากฟังเพลงจบ...

นี้มัน....

"หมอก มึงจำได้มั้ยที่มึงบอกว่าจะให้กูเรื่องอะไรก็ได้ถ้าเกิดว่ากูชนะบาส"

"..........................."

" กูชอบมึงอ๊ะ เป็นแฟนกับกูนะ..."







ออฟไลน์ tpaibull

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น้องหมอกนี่เสน่ห์แรง ยังไงอย่าลืมพี่ปันซะละ

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
หมอกอย่าตกลงนะ ไม่งั้นพี่ปันเสียใจตายเลย

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao7: อร๊ายยยยยยยยย
อร๊ายยยยยยย
อร๊ายยยยย
ณ จุดๆ นี้ อยากให้หมอกตอบรับจังเลย
สายฟ้ามันน่ารักมาก น่าเสียดายไม่น่าล็อกพระเอกเลย

ถ้าเต้ไปญี่ปุ่นนี่คงจะมีดราม่ากับสายฟ้าเป็นแน่แท้

อยากเห็นสายฟ้าในชุดเทวดาจุงเบย

ตอนนี้มีตัวละครที่ชอบเพิ่มมาอีกตัวละ คือ พี่กราฟ ==> คนๆนี้รู้สึกมีเสน่ห์ล้ำลึกมาก เหมือนเป็นกุนซือเลย
รู้สึกชอบนะ อยากให้พี่กราฟมีคู่จังงงงงงงงงง

ตั้งหน้าตั้งตารอตอนต่อไปจ้า

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
"ฟู่"

ผมถอนหายใจระบายความเหนื่อยออกมาหลังจากทำงานเสร็จ วันนี้เป็นวันที่สองแล้วนับตั้งแต่น้องหมอกขอลาหยุดช่วงกีฬาสี ผมเองในฐานะพนักงานฝึกยังไงก็ต้องมาครับ วันนี้ผมได้ลองทำอาหารเองด้วยเรียกได้ว่าตั้งแต่มาที่นี้ผมทำเป็นเองหลายอย่างเลยก็ว่าได้

ผมเดินผ่านลานเบียร์สดก่อนจะแวะเดินเข้าไป จุ๊ๆ ไม่ได้กินประจำครับแค่พอแก้เหนื่อยกินเสร็จก็กลับบ้าน

เพียงแต่ที่ลานเบียร์แห่งนี้วันนี้'ผิดปกติ'

'ใคร'บ้างคนที่ผมไม่เจอ ตอนนี้เจอแบบไม่ได้ตั้งใจแถมยังเมาเหมือนหมาตอนแรกผมเห็นตั้งแต่จอดรถแรกๆแล้วครับแต่ไม่คิดว่าจะใช่เพราะไม่คิดว่าน้องมันจะดื่ม

"หมอก น้องหมอกครับ"

ผมช่วยเด็กที่ลานเบียร์พยุงตัว อื้อหื้มมม กลิ่นเหล้านี้หึ้งมากครับหน้าน้องมันแดงจัดตาสองข้างก็ช้ำบวมเหมือนคนร้องไห้หนักๆ
ที่ผมสงสัยคือนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมน้องหมอกถึงได้เมาขนาดนี้ จะว่าน้องมันมากินกับเพื่อนก็ไม่ใช่เพราะพอพยุงน้องมันขึ้นรถเสร็จผมก็เดินลงไปหาพวกเด็กลานเบียร์เพื่อสอบถามข้อมูล พวกนั้นบอกว่าน้องมาแค่คนเดี่ยวบอกว่าจะมากินรอพี่แล้วก็ซัดเอาซัดเอาจนเมาแอ๊แบบนี้นี้เบียร์สดหมดไปสองเหยือกครึ่งแล้วครับ

พอกลับขึ้นรถผมพยายามหาอุปกรณ์สือสารของน้องมันแต่ไม่มีเลย

"หมอก...น้องหมอกครับ โทรศัพท์หายไปไหนครับ"

"มัน...พังแย๊ว"

ผมขมวดคิ้วกับคำตอบ ทั้งยังสงสัยว่ามันพังได้อย่างไง?

"เดี่ยวพี่ไปส่งบ้านนะ"

"ไม่เอา! !!ไม่อยากกลับ เดี่ยวพี่เทสดุ"

น้องมันพูดเสียงสะลึมสะลือตาเปรอๆก่อนจะดิ้นตัวไปมา

ผมพยายามพูดล่อหลอกไปมาเพื่อถามทางคนเมาแต่น้องมันปฏิเสธลูกเดี่ยว

"ถ้าหมอกไม่กลับบ้าน แล้วจะนอนไหนครับ? "

"นอนกับพี่ปัน...ไม่ได้เหรอ? "

ผมกับน้องมันค้างกันอยู่อย่างงั้นจริงๆผมไม่ได้รังเกียจน้องหมอกหรือว่าอะไรนะครับแต่แบบว่า...

"พี่ปันให้ผมไปนอนด้วย...ไม่ได้เหรอ...ครับ"

น้องมันทำตาละห้อยใส่ผม

เออ .....เอาไงดีวะไอ้ปัน

"นะครับ"

"......"

"น๊าาาครับบบ"

"ก็ได้ๆ แล้วต้องโทรบอกพี่เทสก่อนมั้ย? "

ผมใจอ่อนยอมให้น้องมันนอนด้วยความจำนน พอถามน้องมันส่ายหน้าตอบแทนคำพูด

"ขอบคุณนะคร๊าบบบ"

น้องมันพูดก่อนจะจับแขนผมแล้วเอาหัวถูไถไปมา ตอนเมาเนี้ยอ้อนเก่งจังนะ

ผมนั่งยิ้มขำกับน้องมันหัวเราะเหมือนเด็กๆก่อนจะเอาหัวส่ายไปมากับเบาะรถ สงสัยพรุ่งนี้ตื่นมาคงจะแฮงค์มากแน่ๆอ๊ะครับงานนี้กลิ่นนี้ก็หึ่งเชี่ยว พอขับรถเข้าไปถึงหน้าบ้านก็พบว่ารถตู้ของคุณแม่ขับสวนออกไปพอดี สงสัยแม่ผมคงไปดูงานที่สปามั่งครับบางที่ก็ออกไปค้าง2-3วัน ตอนนี้สปาที่แม่ทำมันขยายสาขาเพิ่มออกไปนะครับ

"พี่ปันกลับมาแล้วเหรอแม่ไปดูแลสปาที่น่านนะ... อ้่าว...หมอก ?"

ยัยแทนทักผมหลังจากผมจอดรถแล้วพยุงน้องมันลงมาจากรถ ผมยิ้มแห้งๆให้มันเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไงดีตัวเองยังงงๆอยู่เลยครับ ดีที่มันก็ไม่เซ้าซี้แค่ยิ้มแห้งๆให้ผมแล้วก็เดินเข้าบ้านไป

ผมพยุงคนเมาไม่ได้สติขึ้นไปถึงชั้นสองก่อนจะพาเข้าห้องตัวเองไป แค่เดินยังเดินไม่ตรงทางเลยครับ พอเข้าห้องได้คนเมาก็ล้มพับไปกับเตียงนั้นแหละครับ

"หมอกทำไมดื่มหนักขนานนี้ล่ะครับ"

ผมถามน้องมันขณะถอดเสื่อตัวนอกออกแล้วคว้ารีโมตกดเร่งแอร์ ไม่ไหวครับอากาศเมืองไทยจะร้อนไปไหนเนี้ย

"ก็มันปวดหัว ก็เลยดื่ม มันหาคำตอบไม่ได้อ๊ะ..."

น้องมันงัวเงียตอบกลับมา แขนเล็กๆก็พาดปิดตาเอาไว้

"แล้วดื่มเหล้ามันทำให้ได้คำตอบเหรอครับ"

"ไม่...กินแค่ไหนมันก็คิด...คำตอบไม่ได้หรอก....เหล้ามันไม่ได้ช่วยให้ได้คำตอบ มันทำให้หมอกลืมคำถาม...."

ผมชะงักไปกับคำพูดของน้องมัน ขนาดเมายังไม่วายยัดปรัชญาใส่ผม

"แล้วหมอกอยากรู้คำตอบเรื่องอะไรล่ะครับ ฮือ..?"

ผมทิ้งตัวลงไปนั่งข้างๆน้องมันก่อนจะพยุงคนเมาให้นั่งตอบคำถามดีๆ น้องมันก็เอนไปเอนมานั้นแหละนะตามประสาคนเมาสุดท้ายผมเลยแก้ปัญหาด้วยการดันตัวมันให้มาพิงไหล่ไว้

"เมื่อวาน...ทะเลาะ...ไม่สิ ...ไม่เข้าใจอะไรบางอย่างกับเพื่อนสนิท"

"อะไรล่ะครับ เล่าให้พี่ฟังได้มั้ย ?"

"............"

น้องมันกระพริบตาปริบๆก่อนจะส่ายหัวถูไถกับแขนผมไปมา สุดท้ายผมกับมันนั่งเงียบกันไปสักพักจนมันเปิดปากพูดขึ้นมา

"พี่เทส"

"ครับ ?"

"จะทำไง ถ้าพี่คิดกับคนๆหนึ่งแค่เพื่อน แต่เขารู้สึกกับพี่มากกว่านั้น"

"อื้ม....แล้วเขาดีกับหมอกมั้ยล่ะ ?"

"ดี...ดีมากด้วย แต่....."

"แต่ทำไมครับ ?"

น้องมันหยุดพูดก่อนจะมองหน้าผมตรงๆ

"คนที่ดีกับคนที่รัก ...มันต่างกันนิครับ "

"แล้วเราให้โอกาสทั้งเราทั้งเขา เปิดใจกันไม่ได้เลยเหรอ ?"

"ถ้าเป็นคนอื่น...ได้ ถ้าเป็นหมอก...ไม่ได้ หมอก....หมอกไม่เหมาะสมกับใครทั้งนั้น"

"รู้ได้ไงว่าไม่เหมาะ ? "

"ก็หมอก...อ๊วกกกกกกกกกกกก"

เห้ย !!!

น้องมันยังไม่ทันพูดจบของเหลาภายในร่างกายก็พุ่งออกมายังข้างนอก คงไม่ต้องบรรยายนะครับว่าผมที่นั่งเป็นหมอกให้พิงจะเละเทะแค่ไหน คนเมาพยายามจะยกมือขึ้นมาปิดปากกั่นแต่ผมเข้าใจว่าร่างกายคงถึงชีดสุดจริงๆถึงไ้ด้อ้วกออกมาขนานนั้น

ผมส่ายหัวให้กับน้องมันที่ทรุดตัวลงไปกองกับพื่นห้อง ดีนะเนี้ยที่ถอดเสื่อนอกออกก่อนพอดี

"หมอกครับ...เละขนานนี้ไปอาบน้ำก่อนเนาะ ?"

น่าแปลกที่ผมกลับไม่นึกโกรธเคื่องใดๆ แต่ช่วยพยุงคนเมาขึ้นมา ตอนนี้สภาพของผมกับน้องมันถูกละเลงไปด้วยอ้วกครับ ดูไม่จืดกันเลยจริงๆ ดีว่าน้องมันเป็นผู้ชา่ยเลยไม่ต้องกังวลเรื่องตอนช่วยอาบน้ำหรอก...มั่ง

ผมปลดเสื่อยืดของน้องมันออกก่อนจะโยนไว้ข้างๆเตียง เข็ดขัดนักเรียนพร้อมกับกางเกงสีน้ำเงินก่อนจะถอดเสื่อผ้าตัวเองบ้าง ทำให้ตอนนี้ทั้งเนื่อทั้งตัวทั้งผมและน้องมันเหลือแค่บ็อกเซอร์คนละตัว

มันไม่น่าเกลียดไปหรอกเนาะ ? ยังไงก็มีกางเกงกันอีกคนละชั้นนิ...

ผมกระเดือกน้ำลายฝืดๆลงคอก่อนจะพยุงน้องมันเิดินเข้าห้องน้ำไป ข้างนอกว่าขาวแล้วข้างในนี้พอๆกับสีเผือกเลยนะครับ ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้มีเชื่อสายอาตี๋แท้ๆแต่ก็ยังขาวไ้ด้ขนาดนี้

"ไม่เอา !!!"

น้องมันร้องลั่นหลังจากผมเปิดฝักบัวใส่ก่อนจะกระโดดเกาะตัวผมเป็นปลิง

"น้องหมอกครับ เกาะพี่แบบนี้แล้วจะอาบน้ำกันยังไง"

"มัน...หนาว"

"งั้นรีบอาบน้ำกันนะจะได้ไม่หนาวไง"

ไม่ว่าผมจะพุดยังไงดูเหมือนคนเมาจะไม่มีสติมากพอที่จะคิดได้ ทำให้ตอนนี้ผมต้องอาบน้ำไปด้วยแบบมีน้องมันเกาะไป เหมือนแม่จิงโจ้อุ้มลุกยังไงยังงั้น สุดท้ายผมก็เลือกจะอาบแบบพอเป็นพิธีล้างกลิ่นอ้วกออกจากตัวทั้งน้องมันและผม พอเห็นว่าค่อนข้างสะอาดแล้วก็หยิบผ้าคุณหนูมาพันตัวน้องมันหลวมๆ

"หมอก เปลี่ยนกางเกงก่อนนะ"

ผมว่าก่อนจะยื่นบ็อกเซอร์เก่าๆที่ยังพอมีอยู่บ้างให้น้องมันใส่ ขนาดตัวนี้ผมใส่เมื่อประมาณตอนมอหกมั่ง พอน้องมันใส่เอวยังหลวมเลยครับ แต่ก็ดีกว่านอนล้อนจ้อนอ่ะเนาะ พอเครียล์น้องมันไ้ด้ผมก็รีบจัดการตัวเองบ้าง เสร็จสรรพก็ออกมาจากห้องน้ำ

"หมอกรอแปปนะ"

ผมพยุงน้องมันไปนั่งริมเตียงอีกข้างก่อนจะรีบหาอะไรมาทำความสะอาดอ้วกที่เละเืทอะ ก่อนจะคุ้ยๆหาเสื่อผ้าเก่าๆมาให้น้องมันใส่นอน แต่น้องมันส่ายหัวลูกเดี่ยว

"หมอก หนาวก็ใส่สิครับ เดี่ยวไม่สบายนะ"

"ไม่เอา ...อึดอัด"

"อ้าว แล้วไม่หนาวเหรอ"

"หนาว..."

น้องมันพูดไปตัวสั่นไปด้วยความเย็นจากแอร์ที่ผมเปิดทิ้งเอาไว้ ผมส่ายหน้าก่อนจะพยายามยื่นเสื่อให้

"แล้วถ้าไม่ใส่เสื่อจะทำยังไงล่ะครับ เดีย่วก็หนาวหรอก "

"พี่ปันก็นอนกอดหมอกสิ..."
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2014 18:20:40 โดย อโลลาน »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
เฮ้อเข้าใจน้องหมอกนะ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao5: :hao5: ป่านนี้สายฟ้าเป็นยังไงบ้างเนี่ย
เสียใจแย่เลย

พี่ปันน่าจะแอบถามนะว่า หมอกชอบใคร  :hao6:

เป็นกำลังใจให้นะ อยากอ่านต่อเร็วๆ  :mew1:

ปอลิง: มีพิมพ์ผิดนิดนึงจ้า ตรงที่หมอกเรียกปันว่าเทส

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
อร๊ายยยยยยยยยยยยย หมอกยั่ว  :m10: :m10: :m10:

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป


"พี่ปัน อยู่นิ่งๆสิ"

น้องมันจุ๊ปากขัดใจก่อนจะเอาขามาเกยผมพร้อมโอบกอดทั้งตัว

ครับ...ผมห้ามได้ที่ไหน สุดท้ายน้องมันก็งอแงชนะอยู่ดี สภาพในตอนนี้ก็อย่างที่บอกครับเราสองคนใส่บ็อกเซอร์กันคนละตัว
นอนด้วยกันบนเตียง ผมนอนหงายหน้าน้องมันนอนหันข้างมาทางผม

"พี่ปัน"

"ครับ"

"ขี้โกง กอดหมอกด้วยสิ"

ผมปั้นสีหน้าลำบากใจ อาจเป็นเพราะผมเป็นผู้ชายคนเดี่ยวเลยไม่คุ้นชินกับการนอนกอดใคร ขนาดนอนกับเพื่อนผมหรือกระทั้ง
ไอ้เฟรมผมยังไม่เคยคิดมากเท่านี้มาก่อนเลย

"เอางี้ หันข้างมาดีๆ"

น้องมันว่าก่อนจะพยายามพลิกตัวผมให้หันข้างไปทางน้องมันแต่ด้วยขนานตัวที่แตกต่างกันพลิกยังไงก็ไม่ไปหรอกครับ สุดท้ายผมก็ยอมหันพลิกข้างให้น้องมันอยู่ดีนั้นแหละ

"ดีมาก....ที่นี้ เอาแขนมาไว้งี้..."

พูดจบคนเมาก็จัดแจงเอาแขนผมไปพาดไว้ แสงสว่างเหลือเพียงโคมไฟจากบนหัวเตียงนอน

"งั้นนอนกันเถอะครับหมอก"

ผมพูดขึ้นก่อนจะเอามือปิดโคมไฟที่หัวเตียง ตอนนี้ทั้งห้องเหลือเพียงแสงสว่างเล็กน้อยจากหลอดไฟด้านนอก เราทั้งคู่เงียบจนได้ยินเสียงแอร์ซึ่งกำลังทำงาน

แต่ผมรู้ดีว่าน้องมันยังไม่หลับ

ทำไมนะเหรอครับ ? ก็มือน้องมัน....

"อื้มมม....พี่ปัน นี้ขนอะไรอ๊ะ"

หมอกพูดพร้อมเ้อานิ้วมือเล็กๆกรีดนิ้วไปบนหน้าอกของผมบริเวณที่มีขนขึ้น

อย่า...อย่าทำแบบนั้น

"ขนหน้าอกนะครับ นอนเถอะ"

ผมจับมือน้องมันออก ก่อนจะพยายามขมตาหลับ

และเป็นอีกครั้งที่ผมเชื่อว่าน้องมันยังไม่นอน....

เพราะมือมันอยู่ที่เดิม ที่เปลี่ยนไปก็แค่มันมาทั้งมือไม่ใช่แค่นิ้ว...

อย่าลูบสิครับ...อย่า...

"แล้วทำไมหมอกถึงไม่มีล่ะ ?"

"หมอกยังเด็ก"

"อื้ม...แต่ส่วนอื่นหมอกก็มีนะไม่เชื่อพี่ปันดูดิ"

ผมที่ยังหลับตา่รู้สึกได้ถึงการขยับตัวของคนที่นอนข้างๆ ที่ชันตัวลุกขึ้นมา

เห้ย!!!

ผมรีบลืมตามองก่อนจะเห็นว่าน้องมันยกแขนขึ้นสองข้างให้เห็นขนรักแร้

"นี้ไง ดูดิขึ้นมาตั้งเยอะ ตอนเหงือออกนะคันมากเลย..."

น้องมันพูดเบลอๆ ตายังลอยๆ ก่อนจะยิ้มแก้มตุ้ยให้ผมในความมืด

ฟู่...

ที่แท้ก็ขนรักแร้นี้เอง

สาบานกับตัวเองเลยครับ ถ้ามีโอกาสผมจะไม่มีวันให้หมอกแตะแอลกอฮอร์อีกเด็ดขาด !!!

"ครับ นอนกันเถอะนะ"

ผมจับน้องมันล้มตัวนอนลงอีกครั้ง ดีที่อีกฝ่ายเริ่มพูดง่ายเหมือนเดิม แต่ก็ยังบังคับผมให้หันหน้าไปมองอยู่ดี
ในความมืดมิดของราตรีก็ยังเห็นดวงตากลมโตคู่นั้นฉายแววตานุ่มนวลส่งมาทางผมอยู่ดี

"หมอก...ไม่ง่วงเหรอ"

"ง่วง...."

"ก็...นอนสิครับ"

พอพูดจบเราทั้งคู่ก็เงียบกันไปอีกครั้ง เหลือเพียงแววตาที่ยังมองตอบกันไปมา

รู้สึกตัวอีกที่ ...ผมคิดว่าใบหน้ามันเริ่มใกล้กันเกินไป

เหมือนระยะห่างมันร่นเข้ามาเรื่อยๆ...

และผมไม่คิดไปเอง เพราะคนที่ขยับเข้ามาใกล้คือน้องหมอก...

"หมอก...จะทำอะไรล่ะครับ"

"..................................."

ไม่มีคำตอบแต่ระยะห่้างลดน้อยลงเรื่อยๆ

ที่แปลกไปกว่านั้นคือหัวใจผมเต้มโครมครามดังกว่าเดิม ปากพูดถามเขาว่าทำอะไรแต่ทำไมตัวเองถึงไม่ขยับหนี

เหมือนสายตาคู่นั้น แช่แข็งผมไว้ไม่ให้ขยับตัวได้แม้แต่น้อย...

ใกล้...จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ

ใกล้...จนกลิ่นสบู่เตะจมูกผมอย่างชัดเจน

ใกล้...จนรู้สึกว่า ...มันโคตรอันตราย

แต่ไม่ว่าจะใกล้ขนานไหน ใบหน้าของน้องหมอกก็ไม่ยอมหยุดขยับ ไม่รู้ว่าทำไมผมกลับเลือกที่จะหลับตาปี๊ไม่มองภาพที่อยู่ตรงหน้าอีก เตรียมรอรับ'บางสิ่ง'ที่อีกฝ่ายอยากจะถ่ายทอดให้


..

..

..

.


.

.

.


"ฮ้าวววววววววววววววววววววววววววววววววววว ...ฝันดีครับพี่ปัน"

ผมสัมผัสได้ถึงลมร้อนๆวูบหนึ่งที่พัดผ่านไป กลิ่นยาสีฟันคอลเกตผสมนิดๆในลมนั้น

สรุปคือ...น้องมันหาวใส่ผมก่อนจะซุกหน้าลงไปกับหน้าอกของผม....

เหอะๆ....แล้วนี้ทำไมกูต้องใจเต้นโครมครามขนาดนี้ว่ะเนี้ย อีกอย่างที่ขัดใจสุดๆคืออารมณ์ขัดใจที่มันกำลังฟุ้งอยู่เนี้ยมันคืออะไีรว่ะไอ้ปัน ???

ผมขยับตัวขึ้นสูงกว่าคนที่กำลังนอนหลับไปจริงๆนิดหน่อย ลมหายใจอุ่นๆที่รดลงตรงอกผมบ่งบอกได้ดีว่ารอบนี้น้องหมอกหลับไปแล้วจริงๆแน่

"แสบนักนะเรา...หึหึ"

ผมพูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะขยี้หัวน้องมันเล่น เจ้่าตัวพึมพำบ่นนิดหน่อยแต่ก็ไม่เงยหน้าออกจากอกผมอยู่ดี

เอาเถอะครับ นอนแบบนี้็ก็อบอุ่นไปอีกแบบ

ถ้างั้นคืนนี้...


ฝันดีนะครับ




                                                                  ...........................................


"เห้ย !!!!!"

'ตุ๊บ'

"โอ๊ยยยยย"

ผมตกใจหลังจากก้นกระแทกพื่นเพราะโดนถีบในขณะที่หลับจนตกเตียง เดี่ยวนะ เกิดอะไีรขึ้นวะ ?

"พี่ปัน เข้ามาในห้องผมได้ไงครับ แล้วทำไมผมถึงได้โป๊แบบนี้ล่ะ"

น้องมันพูดเสียงสั่นก่อนจะเอาผ้าห่มพันตัวไว้เหมือนนางเอกในละครที่โดนพระเอกข่มขื่น แต่ขอโทษนะึีัครับกูไม่ได้ข่มขื่นมึงนะ
เว้ยแค่เกือบ..เอ๊ย แค่นอนด้วยกันเฉยๆ

"เออ...หมอกครับ นี้ห้องพี่ครับ แล้วพี่ก็ไม่ได้ทำอะไรเราด้วย"

ผมยันตัวยืนขึ้นจากพื่นก่อนจะพูดเ้รียกสติน้องมัน เจ้าหัวจะหันไปมองรอบๆห้องแล้วทำหน้าเหวอกว่าเดิม

"แล้ว...แ้ล้วหมอกมาอยู่ห้องพี่ปันไ้ด้ไงเหรอครับ ?"

พอสติเริ่มมาน้ำเสียงที่พูดก็อ่อนลง คงเพราะรู้ตัวดีว่าตัวเองผิดเอง

"หมอกลองนึกดูดีๆสิ เมื่อคืนจำอะไรได้บ้าง"

น้องมันทำหน้าเค้นความทรงจำในหัวก่อนจะยกมือกุมขมับ

"โอ๊ย...ปวดหัวอ๊ะ หมอกจำได้แค่เมื่อวานตามหาสายฟ้ากับเต้ แล้วมือถือก็เจ๊งไม่เป็นท่าอีก พอตกเย็นก็เลยไปดื่มแล้วก็..."

"แล้วก็อะไรครับ ?"

ผมใจเต้นถี่ อยากรู้ว่าน้องมันจะจำเรื่องเมื่อคืนได้มั้ย

"จำอะไรไม่ได้อีกเลย...."

สรุปว่าเมื่อคืน มึงจำสิ่งที่ทำค้างไว้กับกูไม่ไ่ด้เลยสินะ ไอ้แสบเอ๊ย!!!!

"ปวดหัวอ๊ะ....ปวด...."

น้องมันพูดก่อนจะยกสองมือกุมศีรษะน้ำตาไหลออกมา สงสัยคงแฮงค์หนักจากเมื่อคืนแหงๆ

ผมรีบเดินไปเปิดลิ้นชักข้างๆเตียงก่อนจะควานหาของบางอย่าง ไม่นานก็เจอของเหลวใสๆในขวดแก้วเล็กๆปกติผมจะพกติดตัวไว้ครับ แก้แฮงค์

"อ๊ะ หมอกจิ๊บไปฝาเดี่ยวพอนะ"

"อะไรอ๊ะครับ"

"ยาแก้แฮงค์นะ แก้ปวดหัวได้กินดิ"

พอบอกไปแบบนั้น คนแฮงค์หนักก็กระดกเข้าไปทั้งฝาก่อนจะทำหน้าพะอืดพะอม ก็แน่สิครับยาแก้แฮงค์มันหวา่นที่ไหน

"โอเค จากนั้นเรานอนต่ออีกสักพักนะ เดี่ยวพี่จะปลุกเที่ยงๆ"

"แต่ผมว่า..."

"ไม่มีแต่ ถ้าไม่นอนพี่จะโกรธเรื่องที่เีราถีบพี่ตกเตียง"

น้องหมอกทำสีหน้าปั้นยากแต่ก็ยอมนอนลงไปกับเตียงอยู่ดี

"งั้นเดี่ยวเรานอนไปนะ เดี่ยวสักเที่ยงๆพี่มาปลุก"

ผมบอกให้่กับคนที่กำลังหลับตาลง พอยื่นเฝ้าสักพักจนแน่ใจว่านอนแล้วจริงๆผมก็จัดแจงหาเสื่อผ้ามาแต่งตัวให้กับตัวเองคิดว่าอย่างน้อยๆวันนี้ น้องหมอกอาจจะต้องอยู่กับผมไปเลยทั้งวันก็ได้...พอคิดแบบนั้นผมก็ยิ้มกว้างให้กับตัวเองในกระจกเงา

แล้วกูจะดีใจทำไมวะ ก็แค่อยู่ด้วยกันเองแท้ๆ !!!



                                                                  ..........................................................



สวัสดีมิตรรักแฟนนิยายทุกท่าน

กลับมาแล้วจ้า แกะกลับมาจากป่าแล้ว  :hao7:

ที่หายไปแค่ไปค่ายมาครับ พอกลับมาก็เจองานยุ่งๆเลย อุตส่าห์หนีสังคมเมืองไปขึ้นเขา 7วัน6คืน 5555+ บอกเลยว่ามันส์มาก เอาไว้จะหาโิอกาสมารีวิวนะครับ

อีกอย่างเลย ค่ายนี่นี้สุดยอดจริงๆ

เอาเป็นว่าอาจจะรีวิวออกมาเป็นเรื่องสั้นสัก7ตอน

"เพาะรัก"

ฝากติดตามด้วยนะครับ แกะ&โฟน   :hao6:

เขียนมาซะขนานนี้บอกเลยว่าเป็นค่ายที่ฟินมากกกกกกกก 55555+ เนื่อเรื่องหลักๆก็จากตอนไปค่ายจริงๆนั้นแหละครับ แต่ก็มีแต่งเติมเสริมเข้าไปนั้นแหละ เป็นเรื่องของแกะกับเพื่อนร่วมค่ายคนหนึ่ง ที่บอกเลยว่า'ไม่ธรรมดา' แต่นั้นแหละครับ อ่านเพื่อความสนุกนะ แกะแต่งออกมาเพราะอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึก

ว่าครั้งหนึ่ง เราเคยมีวันเวลาดีๆร่วมกับคนแปลกหน้าตั้งเจ็ดวัน

คนแปลกหน้าที่ครั้งหนึ่ง...

เรา...


รู้สึกดีกับเขามากๆ....


ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันมาเรื่อยๆ

ขอบคุณครับ

ลูกแกะสีขาวขุ่น  :กอด1:









ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :katai2-1: เย้ๆมาต่อแล้ว

ไอ้เรื่องเข้าค่ายนี่น่าสนุกนะ  :hao3:
แลดูคุณแกะมีความสุขมาก
แล้วไอ้ "แกะ&โฟน" นี่มันอะไรยังไง
รึว่าหิ้วหนุ่มกลับมาจากค่ายด้วย หึหึ  :hao6:

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8
หมอกน่ารัก

ออฟไลน์ karatop

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 162
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พี่ปันน่ารัก ชอบ อิอิ ^^

JaneAkanishi

  • บุคคลทั่วไป
 :-[ :-[ :-[ตอนนี้แบบว่าเขินนนนนนนนนนนนนนน :heaven :heaven :heaven
แต่แอบเสียดายอ่ะ...พี่ปันน่ารักมากบ่องตรง

ออฟไลน์ ummax

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป

เที่ยงแล้ว...

ผมยืนยิ้มให้กับข้าวต้มที่ตัวเองทำกับมือ ก่อนจะจัดแจงวางไว้บนโต๊ะแล้วกะว่าจะขึ้นไปปลุกน้องมันบนห้อง พอเข้าไปก็เห็นว่าอีกคนยังอยู่ในนิทรา ผมคิดว่าน้องมันคงจะพอหา่ยแฮงค์บ้างแล้วจากการพักผ่อน

"หมอก...น้องหมอก"

ผมเรียนเบาๆไม่นานร่างของน้องมันก็สะดุ้งตื่น ก่อนจะทำหน้าสะลืมสะลือยันตัวไว้ติดหัวเตียง

"อ่า...หมอกหลับไปนานมั้ยครับพี่ปัน ?"

"ก็ราวๆสักสอง-สามชั่วโมงได้ เป็นไงบ้างรู้สึกดีขึ้นบ้างมั้ย ?"

น้องหมอกสะบัดหน้าสองสามที่ก่อนจะพยักหน้าตอบผม

"งั้นเดี่ยวไปเปลี่ยนเสื่อผ้านะ แล้วลงไปกินข้าวเที่ยงกัน พี่ทำข้าวต้มให้ทาน อ้อ พี่มีเสื่อผ้าของพี่อยู่ในตู้ลองรื้อๆเลือกดูนะ"

ผมชี้ไปที่ตู้เสื่อผ้าก่อนจะลงไปรอข้างล่าง

ระหว่างรอผมก็นั่งเช็คเฟสก่อนจะไล่ตอบข้อความจากเพื่อนๆที่ส่งกันเข้ามา ส่วนใหญ่ก็มีแต่เรื่องค่ายที่กำลังจะจัดนั้นแหละครับ
นอกนั้นก็ทั่วๆไปยกเว้น...

ข้อความจากไอ้หว้า...

'มึง กูจะลงไปน่านอีกรอบนะ ป้าวิไลแกโทร.มาบอกว่าแม่แกกลับมาแล้ว'

ผมอ่านทวนไปทวนมาก่อนจะรู้สึกเอ๊ะใจอะไรบางอย่าง...

สิ่งที่ใครบางคนเคยย้ำกับผมไว้

'เรื่องบางเรื่องปันต้องใช้สติคิดในรอบครอบ บางที่คำตอบของสิ่งที่ปันตามหาอาจจะไม่ได้อยู่ไกลตัวปันเลยนะ หัดมองภาพรวมกว้างๆ มองหลายๆุมุม ปันนะกำลังจะเป็นครีเอทีพ นะอย่าคิดคำตอบของคำถามแบบตรงไปตรงมาสิ อ้อ...แล้วก็ ถ้าหาทางออกไม่เจอปันก็เดินย้อนกลับไปทางเก่าก่อน มันก็ไม่แย่นักหรอกนะ...บายๆเจอกันเมื่อถึงเวลาที่สมควรจะเจอ โชคดีนะ... ปั๊น'

ผมยิ้มจางๆให้กับใครบางคนในห้วงอารมณ์

พอนึกถึงสิ่งที่บางคนบางคนย้ำ ผมก็เริ่มคิดถึงบางสิ่งที่อาจจะเป็นไปได้

ลางสังหรณ์...ของผม

ผมนั่งมองข้อความอย่างลังเลสักพักก่อนจะกดพิมพ์ตอบกลับไป

'หว้า ไม่ว่ามึงจะเจอหรือไม่เจอแม่ของปราย กูฝากมึงช่วยหาข้อมูลให้กูหน่อยกูต้องการรู้นามสกุลสามีของแม่ปรายและถ้าเป็นไปได้กูอยากได้ชื่อด้วย ฝากบอกเขาด้วยว่า...กูยังเคารพเขาเหมือนแม่คนหนึ่งนะ'

และข้อความจากไอ้เฟรม

'กูเตรียมการเรียบร้อยแล้วนะ วันนี้จะเข้าไปคุยกับพ่อ ถ้ามึงว่างมาด้วยก็ดีกูต้องการกำลังหนุน'

อ่า...อันนี้สิงานใหญ่

ไอ้เฟรมคิดจะคุยกับพ่อมันตรงๆเลยสินะ ไวไปรึป่าววะ ?

แต่เอาเถอะครับ มาถึงขั้นนี้แล้วเป็นไงเป็นกัน

'โอเึค เดี่ยวสักเย็นๆกูจะเข้าไปหา'

พอตอบข้อความสำคัญๆเสร็จผมก็ไล่ดูข่าวที่น่าสนใจก่อนจะรู้สึกแปลกๆที่คนข้างบนลงมาช้าผิดปกติ

พอคิดปุบก็มาปับเลยแหะ...

น้องหมอกลงมาในสภาพที่สมบูรณ์แต่ที่ดูไม่ค่อยจะเข้ากันก็คงจะเป็นเสื่อยืดโปโลไหล่กว้างๆที่ใหญ่เกินตัวจนโชว์ไหล่ขาวๆมา
ข้างหนึ่งกับกางเกงบอลสีตุ่นตัวเก่าของผมที่ัตัวใหญ่เกินคนใส่ไปหลายขุม ก็แน่ละครับไซด์ผมกับไซด์น้องมันคงละโยชน์ตัวผมยังกะควายถ้าเทียบกับน้องมัน

"คือ...หมอกเจอแต่ชุดนี้นะที่น่าจะใส่ได้"

น้องมันบอกก่อนจะนั่งลงกับเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของผม

"งั้นกินกันเลยนะ พี่ลองหัดทำดูนะ"

ผมว่าก่อนจะลองทานข้าวต้มฝีมือตัวเองไปหนึ่งคำ ผมว่ารชชาติมันก็ไม่ได้แย่อะไีรมากนะออกจะพอทานได้ด้วยซ้ำไป

"คนในบ้านไปไหนกันเหรอครับ ?"

ไอ้ตัวเล็กๆถามก่อนจะเหลี่ยวมองไปรอบๆ วันนี้บ้านมันจะดูเงียบๆนะครับ

"พ่อพี่ไปคุมงานที่ห้างนะ แม่พี่ไปรีสอร์ทที่ต่างจังหวัด ส่วนไอ้แทนรู้สึกจะออกไปเล่นบ้านเพื่อน"

ผมแจงก่อนคนตรงหน้าจะพยักหน้าตอบรับแล้วก้มลงทานของตัวเองบ้าง

โอเ้ค ผมว่าผมรู้แล้วล่ะว่าทำไมน้องมันถึงได้จับคอเสื่อไว้ตลอดเวลา

เพราะด้วยคอเสื่อยืดตัววีที่ตัวใหญ่เกินไป ต่อให้ไม่ต้องก้มยังแทบเห็นทั้งตัว เพราะงั้นเวลาก้มลงทานข้าวต้มจึงกลายเป็นว่าน้องมันนั่งให้ผมส่อง...

คือ...จะอธิบายยังไงดี

ถ้าเอาตามความรู้สึกคือผมคิดว่าตัวเองไม่ได้รังเกรียจหรอกนะที่จะนั่งมอง...เออ...หน้าอกของน้องมันนะ แต่แบบนี้จะถือว่าผมหื่นรึเปล่า ? หรือยังไง ?

ขนาดเมื่อคืนแสงไฟสลัวๆยังเห็นว่าผิวน้องมันขาวเนียนขนาดไหน แล้วนี้กลางวันสว่างๆมันยิ่งชัดเจนจนผมเผลอกลืนน้ำลายไปอีกหนึ่งระลอกก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆเพื่อดับทุกความนึกคิดแล้วทานข้าวต้มต่อไป

ผิวขาว...สวย...

ยอดอกเล็กๆสีนมเย็น...

หน้าท้องขาวๆ...

เป็นอีกครั้งที่ผมต้องสูดลมหายใจให้ลึกถึงปอดเพื่อระงับความคิดฝุ้งซ่้านทุกชนิดก่อนจะพยายามหลีกเลี่ยงวิวด้านหน้า

"เออ พี่ปัน"

"ครับ"

"หมอกว่าจะจัดกิจกรรมให้่เด็กๆเล่นด้วยอ่า พี่ปันสนใจมั้ย"

ผมจำใจเงยหน้ามองคนถาม พอดีกับที่อีกคนก้มลงไปอีกครั้ง

หมอกครับ...อย่าก้มบ่อยได้มั้ย

"ก็...ก็ีดีนะครับพี่ว่า"

"แล้วเราจะทำอาหารกี่อย่างเลี้ยงน้องๆดีครับ"

"แล้วแต่เราเลยก็ได้"

"หมอกว่าจะทำแบบเป็นกับข้าวหม้อโตๆ แล้วก็หุงข้าวสวยร้อนๆนะครับ"

จริงๆน้องหมอกพูดยาวกว่านี้มาก พูดไปเรื่อยๆ ผมก็ฟังไปกินไป ก้มไป มองบ้างไม่มองบ้าง

ในชีวิตของไอ้ปันบอกได้เลยว่าการกินข้าวครั้งนี้มันทรมารช่วงล่วงสิ้นดี...

เราสองคนกินกันไปเรื่อยๆจนกระทั้งหมดชามนั้นแหละครับ

"หมอกเอาเสื่อผ้าของหมอกตากไว้แล้ว สักพักคงแห้งอ๊ะพี่ปัน"

"งั้นเราต้องรอเสื่อผ้าแห้งก่อนสินะ"

น้องมันยิ้มแหยะๆให้ผมก่อนเราทั้งคู่จะนั่งเงียบกันไป...

ที่ผมเงียบเนี้ย คือกำลังคิดอยู่ครับว่าจะทำอะไรฆ่าเวลากันดี

"หมอกชอบเล่นเกมส์มั้ย ?"

"ไม่เท่าไหร่ครับ ไม่ค่อยได้เล่น"

"เหรอ งั้นชอบฟังเพลงมั้ย ?"

"ก็ชอบครับ พี่"

"แนวไหน ?"

"อื้ม...เอาจริงๆหมอกไม่ค่อยรู้จักหรอกนะ แต่ส่วนตัวชอบ'บาโรก'ครับ"

"แนวบาโรก ? ..."

ผมทวนคำของน้องมันก่อนเจ้าตัวจะอธิบาย

"คือเป็นแนวเพลงสมัยเก่านะครับ ใช้เสียงเบสต่ำในการดำเนินเพลง วงในประเทศไทยมีน้อยนะครับพี่ที่เล่นแนวนี้ อันนี้ไอ้เต้มันบอกผมมาอีกรอบ แต่เพลงที่มันเอามาให้ฟังก็เพราะดี"

"อื้ม...ชื่อเพลงอะไรล่ะ ?"

"นิทานดวงดาวครับพี่ ลองฟังดูสิครับ เพราะดีนะ"

ผมพยักหน้าให้ไ้อ้ตัวเล็กที่ขยับมานั่งข้างๆแทนเพราะต้องการจะฟังด้วย

เสียงเบสคีย์ต่ำนำกระแทกขึ้นมาก่อนจะมีเสียงเครื่องดนตรีอะไรสักอย่างที่ผมไม่รู้จักดังประกอบกันเป็นจังหวะนำ ให้ความรู้สึกขนลุกดีครับตัวMVเพลงก็ขึ้นต้นได้สวย

"อุทิศแด่โลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์
ในความงดงาม แห่งการรอคอยอันมืดมิด"


อื้ม...จัดว่าเปิดมาดีแหะ...


'คืนที่ไร้...ดวงดารา
ยังคงมีจันทราที่ล่องลอยอยู่บนนั้น
อยู่กับรักที่เป็นดั่งฝันเพราะเฝ้ารอคอย
โลกใบนี้ ให้หันมองที่เขาสักที

เพราะว่ายังคงรอคอย และยังรอคอย แม้ในราตรีที่มืดมน
เพราะไม่อาจเคียง ไม่อาจเทียบเคียง
หากดวงตะวัน เวียนอีกครั้ง

ไม่อาจจะฉุดรั้ง ไม่อาจจะเหนี่ยวรั้ง ไม่อาจให้โลกนั้นหันมา จากรักที่รอ
ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ไม่อาจจะหยุดยั้ง จากความรักที่มี
กับตะวันที่เขาเฝ้าคอย'


เพลงจบแต่ความรู้สึกไม่จบตาม...

"เพราะดีนะ...."

"ใช่ ....หมอกชอบมาก ตอนแรกเต้เอาให้ฟังครั้งเดี่ยวแล้วชอบเลย"

".................."

"พี่ปัน"

"ครับ....."

"พี่ปันร้องไห้ืำทำไมเหรอครับ ?"



                                                                     .......................................


อ่า....นอนตายอย่างสงบ

สวัสดีวันปีใหม่ไทยนะครับ ขอโทษด้วยที่มาช้า่...พอดีช่วงนี้เขาติดแชทอ๊ะ  :katai4:  ฮ่าๆ ก็งี้แหละครับ คนมันห่างไกลกัน ขอคุยกันบ่อยๆก็ยังดี  :hao5:

วันสงการต์ไปไหนกันมาบ้างครับ แกะชิวมากกกกกก บอกเลย

ถังแป้ง1ถัง ฮอนด้าหนึ่งคัน กายพร้อม ใจพร้อม ลุย !!!

คือแกะชอบเล่นแบบนี้นะครับ ไม่ค่อยชอบน้ำ ชอบแป้งมากกว่ามันถึงเนื้อถึงตัวมากกว่า  :hao6:

ยังไงก็เล่นกันอย่างมีขอบเขตนะึครับ รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ   :3123:

ปล. ใครที่ไม่เ้ข้าใจว่าพี่ปันร้องไห้เพราะอะไรลองอ่านบทนี้อีกรอบนะครับหรือลองเข้าไปฟังเพลงได้ แกะคิดว่าน่าจะได้ฟิลลิ่งเดี่ยวกับพี่ปัน

ขอบคุณครับ

ลูกแกะสีขาวขุ่น  :กอด1:


ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao5: พี่ปัน ช่วยพาหมอกออกไปจากบ้านแม่เลี้ยงด้วยเถอะ

ปอลิง: ติดแชทนี่เอง มิน่าล่ะไม่ค่อยเจอคุณแกะ  :m12:
คุยกะโฟน เหรอ หึหึ อินเลิฟอยู่อ่ะดิ  o3

ปอลิงปอลิ่ง: ว่างๆอัพ สายฟ้าที พลีสสสสสสส  :mew1:

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
"เอาสักกี่โลดีหมอก"

"สัก 5โลก็น่าจะพอครับ"

ผมตอบพี่ปันที่กำลังเลือกฟักทองหลายๆหัวพร้อมสลับกับดูผักชนิดอื่นๆที่เราจะนำไปทำเ็ป็นอาหารกลางวันให้เด็กๆในวันพรุ่งนี้

เมื่อวานนี้หลังจากฟังเพลงนิทานดวงดาวจบพี่ปันก็ซึมออกมากซึ่งผมเข้าใจดีว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เลยไม่อยากเซ้าซี่พี่มันมาก พอวันต่อมาผมเห็นพี่ปันยิ้มได้เลยค่อยสบายใจมากกว่าเดิม...

ครับ แค่มากกว่าเดิมนิดหน่อย

เพราะรอยยิ้มนั้น มันไม่ใช่'ของจริง'

เมื่อวานนี้หลังจากพี่ปันลงไป ผมก็ค่อยๆไปรื้อกองเสื้อผ้าเก่าๆของพี่มันแล้วพบว่าผมแทบจะใส่ไม่ได้สักตัวก็ดูสิครับไซด์ผมกับพี่มันนี้ห่างกันมากจริงๆนะครับ

สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเลือกกางเกงบอลกับเสื่อยืดคอย้วยๆที่ยังพอใส่ได้ ยังไงๆก็ดีกว่าตัวเปล่าๆอ๊ะครับ

พอมองออกไปนอกระเบียงผมก็เห็นเสื่อผ้าตัวเองแขวนตากไว้ด้านนอก อดคิดไม่ได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ผมปฏิเสธสายฟ้า

มันเป็นความรู้สึกดีๆที่ผมไม่สามารถรับได้ ผมรู้ว่ามันแย่แต่ผมรับมันไม่ได้จริงๆ ไม่ใช่เพราะผมกับมันเป็นผู้ชายแต่เพราะเราทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน

เพื่อนที่ผมไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้

ตัวผมไม่ได้ซื่อขนาดว่าจะไม่รับรู้ถึงสิ่งที่สายฟ้าพยายาม'สาน'

ถ้าจะพูดให้ถูก ตัวผมเองนั้นแหละที่คอยพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด คอยหลบหลีก สถานการณ์ต่างๆที่จะพานให้ผมกับมันก้าว
ไปสู่จุดๆนั้น

เพื่อนกันมันไม่มีวันเลิก...

ผมเชื่อแบบนั้น อีกทั้งรอยยิ้มของสายฟ้า ผมเชื่อว่ามีใครอีกคนที่ดูแลได้ดีมากกว่า ยิ่งผมได้คุยกับกราฟผมยิ่งเข้าใจ จริงๆแล้วสายฟ้าอาจไม่ได้ชอบผม เพียงแค่เหตุการณ์ใน'ตอนนั้น'เป็นตัวต้นเหตุให้สายฟ้ารู้สึกดีกับผม

ด้วยทุกสิ่งที่ผมคิด ผมเลยเลือกที่จะปฏิเสธความหวังดีของสายฟ้า

ผมไม่อยากฉุดใครให้ลงมาแปดเปื่อนกับผม

พอใส่เสื้อผ้าเสร็จผมก็ทดลองหมุนตัวหน้ากระจกก่อนจะตอบโอเคกับตัวเองแล้วปิดประตูตู้เสื่อผ้าแล้วหันหลังเตรียมตัวลงไปหาพี่ปันแต่'บางสิ่ง'ตกลงมาหล่นอยู่ตรงหน้าผม

บางสิ่งที่หน้าปกของมันเขียนไว้ว่า 'ณ น่าน'

ผมรู้ดีว่ามันเสียมารยาท แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างฉุดรั้งให้ผมเลือกที่จะหยิบมันขึ้นมาและ...เปิดออก

สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของผม คือรูปภาพเก่าๆซีดใบหนึ่งที่แปะไว้ที่หน้าปก เป็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่ชุดนักศึกษา ทำหน้ากวนๆใส่กล้อง สิ่งที่ทำให้ผมหัวใจเต้นรั่ว คือใบหน้าของผู้หญิงคนนี้...

ไม่ได้สวยจนตะลึ่ง หรือน่ารักจนผมหลงใหล แต่ความ'คล้าย'ที่เหมือนผมราวกับพิมพ์เดี่ยวกัน

คนๆนี้ใช่มั้ยที่ชื่อว่า'พี่ปราย'

อะไรบางอย่างสั่งให่ผมเก็บมันไว้ข้างๆเตียงก่อนจะเลือกพามันกลับไปยังห้องนอนของตน หลังพี่ปันมาส่งผมกลับบ้านเมื่อวานนี้และนั้นเป็นสาเหตุว่าทำไม ผมถึงได้บอกว่ารอยยิ้มของพี่ปันมันไม่ใช่'ของจริง...'

"หมอก..."

"น้องหมอกก"

"ครับๆ !!!"

เสียงพี่ปันดังปลุกผมจากภวังค์ฺ

"พี่ถามว่า ที่เราจะเอา่ชุดนร.น่ะ จะเอาแบบไหนดี พี่เลือกไม่ค่อยถูก"

พี่ปันยิ้มกว้างให้่ผม ตอนนี้เราเดินเลยจากโซนวัตถุดิบมาถึงพวกชุดเสื่อผ้าเด็กแล้วครับ คือผมเป็นคนขอเองว่าอยากได้ชุดไปให้เด็กๆใส่ไปโรงเรียน หรือพวกชุดใส่เล่นนะครับ น้องๆยังค่อนข้างขาดแคลน

"เอาแบบนี้ก็ได้ครับ"

ผมเลือกชุดนร.เด็กตราหนึ่งขึ้นมาก่อนจะส่งให้พี่ปันดู ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับแล้วก็ใส่ลงไปในรถเข็นแยกต่างหากกับพวกของที่จะนำไปประกอบอาหาร

"น้องหมอก"

"ครับ"

"เราเคย...อยากมีลูกมั้ย ?"

ผมที่กำลังเลือกชุดนร.อยู่สะงัดกึกอยู่กับที่

"ไม่รู้สิพี่ หมอกยังเด็กอยู่มั่ง"

"เหรอ ? คงงั้นมั่ง "

"แล้วพี่ปันล่ะครับ"

"อยากสิ พี่อยากมีึครอบครัวน่ะ มีลูกสักสองคนกำลังดี"

"อื้มมมม พี่ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีได้แน่นอนครับ"

"ก็ไม่แน่หรอกนะหมอก พี่อาจจะไม่เหมาะที่จะเป็นพ่อคนก็ไ้ด้ ขนาดแม่ของลูกพี่ยังหาไม่้เจอเลย"

น้ำเสียงของพี่ปันเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด แต่แววตายังคงยิ้มจางๆให้ผม

"ไม่หรอกครับ"

"ห๊ะ ?"

"สักวัน พี่ต้องเจอคนๆนั้น คนที่ทำให้พี่ยิ้มกว้างได้ตลอดเวลา คนที่อยู่ข้างๆพี่ คนที่จะเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพี่ หมอกเชื่อนะว่าวันนั้นมันต้องมาถึงแน่้นอน"

ผมหันไปยิ้มกว้างๆให้พี่มันพร้อมพูดออกมา และยิ่งอยากจะยิ้มกว้างมากกว่านี้เมื่อคนที่ผมยิ้มให้ยิ้มตอบกลับมา

เพียงแต่...ที่ผมไม่ชอบใจเลยจริงๆ....

มันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอ ? ที่พี่ปันเ้ขาอยากจะมีลูก มีภรรยาที่น่ารักสักคนหนึ่ง เป็นครอบครัวที่อบอุ่น

ทำไมตอนที่พูดออกไป ผมถึงรู้สึกใจหายกันน่ะ....

ก็ในเมื่อสิ่งที่ผมพูดออกไป

ยังไงๆมันก็ต้องเกิดขึ้นจริงๆนี้ครับ.....

"แล้วเคยตั้งชื่อลูกมั้ยหมอก ?"

"ชื่อ ?"

"อื้ม พี่เคยคิดไว้เล่นๆนะ ถ้ามีลูกผู้ชายจะให้ชื่อว่า 'มนตรา' "

"ชื่อเท่ดีนะครับ"

ผมพูดชม ฟังแล้วเหมือนชื่อตัวละครในนิยายเลยแหละ

"มนตรา...ที่รวบรวมความรัก ความเชื่อใจ มนตรา....ที่เปรียบเสมือน สายคล้องใจ ....พี่กับใครอีกคน"

"ฮะๆ โรแมนทริคดีนะครับ"

ผมหัวเราะแห้งๆเพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกยังไงดี ทั้งๆที่จริงแล้ว ผมต้อง'ไม่รู้สึุก'ต่างหาก

"หมอกรู้มั้ย แก่นแท้ของความโรแทนทริค คืออะไร ?"

"............."

"ความไม่แน่นอนไง พี่เคยอ่านเจอจากในหนังสือแปลนะ ความโรแมนทริคที่แท้จริงคือความไม่แน่นอน ถ้าให้แปลจากความหมายของพี่ ก็ประมาณ อะไรๆมันก็ไม่แน่นอน แต่เพราะงี้แหละมันถึงโรแมนทริค เพราะเราไม่รู้เลย ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป คนเรามันไม่มีใครเหมือนเดิมตลอดไป ไม่มีใครไม่เปลี่ยนแปลง เพราะงั้นแหละ ความไม่แน่นอนถึงได้โรแมนทริค"

ผมพยักหน้ัาตอบรับคำของพี่มัน ก่อนจะยิ้มจางๆให้ แล้วเดินเงียบๆกันไปทั้งคู่ซื่อของที่จำเป็นและของที่จะบริจาคให้น้องๆที่บ้านเด็กกำพร้าในวันพรุ่งนี้ ถ้านับเวลาจริงๆแล้ว เราเดินกันมาประมาณเกือบๆสามชั่วโมงกว่าแล้วครับ

เดินต่อกันอีักไม่นาน ของก็เต็มรถเข็น ผมชวนพี่ปันไปจ่ายเงินที่เคาเตอร์ก่อนจะช่วยกันขนของขึ้นรถพี่ปัน

"พี่ปัน พรุ่งนี้ตื่นสักตี4ไหวมั้ยครับ ?"

ผมบอกขณะช่วยพี่ปันขนของขึ้นรถ

"ห๊ะ ตี4เลยเหรอ ? "

"ครับ มันไกลนิดหน่อย แล้วก็หมอกอยากไปทำอาหารเช้าให้เด็กๆด้วยครับ อยากจะอยู่กับน้องๆถึงช่วงเย็นๆเลย"

"ก็ได้นะ แต่พี่ไม่ึ้่ค่อยได้ตื่นเช้ามานานแล้วแหะ งั้นเอางี้ได้มั้ย วันนี้เราก็นอนค้างบ้านพี่เลยสิ จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา"

อ่า...ก็จริงอย่างที่พี่มันว่านั้นแหละครับ แต่มันจะรบกวนรึเปล่า ? หรือยังไง

"แต่หมอกไม่มีชุด"

"เมื่อวานพี่รื้่อๆดูซื่อผ้าเก่าๆแล้วนะ เพราะกะจะเอาไปให้พร้อมกันเลย รู้สึกจะมีชุดที่หมอกใส่ได้อยู่นะ"

"งั้นก็ โอเคครับ หมอกขอโทร.บอกพี่เทสก่อนนะ"

พี่ปันพยักหน้าตอบรับ ก่อนเราทั้งคู่จะขึ้นไปนั่งกันบนรถ ผมโทร.ต่อสายหาที่เทสแล้วบอกไป พี่แกก็ไม่ได้ว่าอะไำรครับเพราะเขารู้ว่าผมดูแลตัวเองได้ และอีกอย่างอยู่กับพี่ปันคงไม่เกิดอะไรขึ้น

"เฮ้อ"

ผมถอนใจอีกครั้งหลังจากลองกดโทร.หาเต้และสายฟ้า แต่ก็ไำม่มีคนรับสาย

"เป็นไรเหรอหมอก"

"โทร.หาเพื่อนไม่ติดนะครับ"

"เพื่อนคนที่เราทะเลาะด้วยอ่ะนะ"

"ใช่ครับ"

"ไม่ต้องคิดมากหรอก เพื่อนกันยังไงๆเดี่ยวก็เข้า่ใจกัน บางที่ผู้ชายมันก็เป็นงี้แหละ ไม่ค่อยชอบเครียล์กันหรอก เดี่ยวสักพักพอลืมก็กลับมากินเหล้าด้วยกันเหมือนเดิม"

ผมหัวเราะกับคำพูดติดตลกของพี่มัน ก็จริงอย่างที่พี่ปันพูด ผู้ชา่ยก็ประมาณเนี้ยแหละครับ ทะเลาะกันแล้วชอบปล่อยให้เรื่องมันเงียบๆแล้วก็ดีกันเหมือนเดิม

ระหว่างทางขากลับ ผมกับพี่ปันคุยกันประปราย ยังดีที่มีเสียงเพลงช่วยให้เราทั้งคู่พอมีเีรื่องที่จะคุยโดยไม่อึดอัดนัก ผมเพิ่งรู้ว่าพี่ปันเป็นสายว๊าก ชอบฟังเพลงแนวนี้(ไม่เข้ากับลุคพี่ปันเลยอ๊ะ ผมคิดว่าพี่ปันจะชอบแนวประมาณหวานๆซะอีก) พอกลับมาถึงบ้านก็เจอแทนยิ้มแฉ่งต้อนร้บที่หน้าประตู ดีหน่อยตรงที่แทนไม่ได้ถามหาไอ้เต้เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่ามันไปอยู่ส่วนไหนของประเทศไำทย

มื้อเย็นในวันนี้ ป้าอิ่มลงมือทำต้มพะโล้ให้หม้อใหญ่ แน่นอนว่าผมเองก็กะจะอาสาช่วย แต่เจ้าบ้านไม่ยอมซะนี้ครับ ไล่ผมไม่เล่นคอมพ์เฉย พอถึงเวลากินผมสังเกตุได้อย่างหนึ่งว่ากับข้าวส่วนใหญ่แทบจะไม่มีผักเลย

สงสัยแทนคงไม่ชอบกินผักมั่งครับ ? แต่ตอนผมทำผัดผักก็เห็นทานได้ปกติดีนิครับ

เอาเถอะึครับ ยังไงๆนี้ก็บ้านเขา เรามีหน้าที่ทานก็พอ ฮ่าๆ ผมสังเกตว่ามื้่อเย็นนี้พี่ปันดูเจริญอาหารเป็นพิเศษ เพราะีพี่แกเล่นกินข้าวฟาดไปแล้วสองจานใหญ่ๆ(กินดุเดือดมากครับ)แต่อาหารฝีมือป้าอิ่มนี้ก็เด็ดสมราคาคุยจริงๆครับ ไว้ว่างๆคงต้องมาขอสูตรจากแกแล้วเอาไปผสมกับสูตรอาม่าตึกข้างๆดูแหะ อาจจะออกมาดีกว่าเดิม

หลังจบมือเย็น พี่ปันช่วนผมขึ้นไปนั่งเล่นบนห้อง ก่อนจะเล่าเรื่องสมัยมัธยมให้ฟัง ไม่่น่าเชื่อเลยว่าคนแบบพี่มันจะเกรียนและมีวีรกรรมมากมายขนาดนี้ ผมฟังไปก็ขำไป รู้ตัวอีกที่ก็ปาไปสี่ทุ่มกว่า

พี่ปันเลือกเสื่อผ้าให้ผมใส่ชุดหนึ่งก่อนพี่แกจะขอตัวไปอาบน้ำส่วนผมนั่งเล่นบนเตียงนอน ไม่ถึงสิบหน้าที่ก็โผล่ออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพน้ำเกาะตามเรือนกาย ช่วงล่างก็พันด้วยผ้าขนหนูผืนเดี่ยว สำคัญที่สุดคือถึงพี่มันจะไม่มีซิกแพก แต่แผงหน้าอกที่มีขนนิดหน่อยนั้น ผมว่าสาวที่ไหนมาเห็นก็พาลเลือดกำเดาไหลได้ง่ายๆครับ

แล้วภาพต่อมาก็ทำผมรีบย้ายที่ให้ตัวเองโดยด่วน

"งั้นเดี่ยวหมอกเข้าไปอาบน้ำก่อนนะ"

ผมไม่รอฟังคำตอบแต่เดินเลี่ยงเข้าไปเลย คือไม่ใช่อะไรครับ สงสัยพี่ปันคงติดนิสัยจากการอยู่โีรงเีีรียนชายล้วนมากไปล่ะมั่งเลย....

ผมไม่ได้อายนะ กับไอ้เต้ก็เคยแก้ผ้าอาบน้ำกัน แต่คือ...

ไม่ชิน...มั่งครับ

ถ้าจะให้ผมสรุึปคร่าวๆสิ่งที่น่าหงุดหงิดที่สุดในวันนี้ ก็ึืิึิคือหน้าแดงๆของผมในกระจกห้องน้ำเนี้ยแหละครับ !!!










                                                           ...................................................


สวัสดีทุกคนจาก แกะกลับมาแล้วน๊า ^^ คิดถึงทุกคนมากๆ ขอโทษที่หายไปเลยนะครับ   :mew4:

รักทุกคนครับ

ลูกแกะสีขาวขุ่น  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2014 18:42:32 โดย ลูกแกะสีขาวขุ่น »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao5: กลับมาต่อทีก็ดราม่าเลย
ให้อารมณ์ "เป็นได้แค่ตัวแทน"

JaneAkanishi

  • บุคคลทั่วไป

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
ครบ 100%แล้วนะครับ  :hao7:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ยังคงแอบหน่วงอยู่เรื่อยๆ
เริ่มไม่แน่ใจแล้วสิว่า ปันจะทำให้หมอกมีความสุขได้เหรอ
เหมือนปันยังยึดติดกับคนเก่า ได้น้องมาเป็นตัวแทน  :sad4:
ความโรแมนติกของฉัน คือ พระนายรักกันตลอดไปตะหาก!!

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8
บอกความรู้สึกไม่ได้ อธิบายไม่ถูก

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป

ฮ่าๆ

ผมนึกขำไอ้ตัวดีทีรีบแทรกตัวหลบผมเข้าไปในห้องน้ำ แก้มเป็นพวงออกสีแดงระเรื่อจนผมรู้สึกเอ็นดู
เพิ่งเคยรู้สึกว่าผู้ชายน่ารักก็ตั้งแต่เจอมันเนี้ยแหละครับ ปกติผมจะมองว่าหล่อหรือไม่หล่ออะไรประมาณนี้ คำว่าน่ารัก ผมจึงใช้กับสาวๆที่ดูสดใสเหมือนตุ๊กตามากกว่า

หมอกไม่ได้เหมือนตุ๊กตา แต่ใบหน้าซื่อๆนั้นกับแก้มเป็นพวง มันให้อารมณ์ว่า 'น่ารัก'มากกว่า'หล่อ'ครับ

ผมนั่งพิ้วปากอารมณ์ดี(ที่ได้แกล้งเด็ก)ก่อนจะนอนหลับตานิ่งๆฟังเสียงน้ำจากฝักบัวกระทบพื่นกระเบื้องก่อนเสียงนั้นจะค่อยๆเงียบลง

เสียงบิดล็อกดังออกมา ก่อนจะได้ยินเสียงของน้องมันเดินแบบเงียบๆ ผมยังคงหลับตานิ่ง

"นอนไวจังแหะ"

เสียงบ่นเล็กๆดังขึ้นจากข้างๆเตียงผม ก่อนจะรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของอีกคนที่ขึ้นมาบนเตียง ผมได้ยินเสียงแกร๊กเบาๆจากบนหัวนอน คิดว่าน้องมันคงปิดไฟ

"ฝันดีนะครับ พี่ปัน"

เสียงเล็กๆพูดก่อนจะนอนลงข้างๆผม

'หมับ'

"เฮ้ย พี่ปัน!!!!!"

เสียงน้องหมอกร้องลั่นห้อง หลังผมพลิกตัวมากอด

"ครับ"

"คือ พี่ปัน เออ..."

"อะไรครับ? "

ผมแกล้งตีเนียนพลิกตัวนอนหันมามอง แสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาทำให้ผมเห็นสีหน้ากับแก้มเป็นพวงที่แดงขึ้นอีกครั้ง

"คือ ไม่ต้อง...เออ กอดผมก็ได้ครับ"

"แต่เราขอพี่เองนะ เมื่อคืนก่อนหมอกก็กอดพี่ทั้งคืน"

ยิ่งพูด อีกฝ่ายก็ยิ่งหน้าแดง ผมได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นดังออกมาชัดเจน

"หมอก หมอกร้อน"

"เพิ่มแอร์ไง"

ปากว่า มือถึง ผมเอื้อมไปกดให้อุณภูมิในห้องลดลงเหลือ18องศา

ยิ่งมองยิ่งตลก ผมเห็นไอ้ตัวเล็กกรอกตาไปมาหาทางออก ในขณะที่ผมแกล้งตีหน้านิ่ง

"โอเคครับกอด...ก็ได้"

น้องมันพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ผมเอื้อมมือไปขยี้หัวมันเล่นด้วยความเอ็นดู กลิ่นสบู่จางๆยังคงเตะจมูกผมเสมอ

"หมอก"

"ครับ"

"เคย....ป๊ะ"

จบคำแก้มสองข้างก็แดงก่ำกว่าเดิมหลายเท่าก่อนน้องมันจะตีแขนผมดังเพี๊ย

“บ้าสิพี่ปัน หมอกอายุ16เองนะ!!!!”

“ไม่เห็นแปลก สมัยพี่ก็....”

“พอๆ ไม่อยากรู้ครับ”

น้องตัดบทผมก่อนจะพยายามหลับตาลงไป

“หมอก”

“ครับบบบ”

“แล้ว...เคยมีคนที่ชอบไหม ?”

น้องหมอกเงียบลงไป ก่อนลมหายใจอุ่นๆตรงหน้าอกผมจะดังขึ้นมาเล็กน้อย

“ไม่เคย อาจจะเพราะหมอกอยู่โรงเรียนชายล้วนตั้งแต่เด็กได้มั่ง แต่....”

“แต่.... ?”

“ตอนนี้...อาจมีแล้วก็ได้...มั่งครับ”

ผมรู้สึกไหวๆไปกับคำตอบนิดหน่อย รู้สึกเหมือนตัวเองหัวใจเต้นแรงมากผิดปกติ

“เหรอ....แล้ว...เป็นคนแบบไหนเหรอ ?”

“ไม่รู้สิ...หมอกไม่ค่อยแน่ใจกับตัวเองเท่าไหร่หรอก...แต่แค่อยู่กับคนๆนั้นแล้วหมอกสบายใจ....ก็แค่นั้นมั่งครับ”

“......”

เราทั้งคู่เงียบกันไปก่อนไอ้ตัวเล็กจะทำลายความเงียบนั้นลง

“นอนเถอะพี่ปัน พรุ่งนี้ตื่นเช้านะ”

“อื้ม...ฝันดีนะ”

ไม่มีคำตอบรับหรือปฏิเสธใดๆจากปากคนในอ้อมกอดของผมอีก เสียงลมหายใจที่สม้ำเสมอทำให้ผมรับรู้ได้ว่าน้องหมอกเองคงหลับลึกลงไปแล้ว

เหลือเพียงแค่ผม ที่กำลังรู้สึก‘ขม’กับสิ่งที่ตัวเองถามออกไป

บางที่ผมน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว

ว่าผม....มันไม่มีสิทธิ์....




                                                   ---------------------------------------------------------------


“พี่ปัน”

“..........”

“พี่ปัน !!!”

เสียงเล็กๆที่ดังกว่าเดิมกรอกข้างหูผม จนอยากที่จะหลับตาลง

จริงๆต้องบอกว่าผมแทบจะนอนไม่หลับต่างหาก...อยู่ดีๆไม่ว่าดี ไปถาม...ทำไม.....

“หมอกอาบน้ำเสร็จแล้วนะ พี่ปันเข้าไปอาบได้เลย”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะลุกตัวขึ้น นาฬิกาที่ผนังบ่งบอกได้ว่าตอนนี้เพิ่งจะตีสามครึ่ง ที่บอกไว้ว่าตีสี่เมื่อคืนนี้คงหมายถึงไปถึงนั้นสินะ ง่วงนะ แต่ก็ยอมไปอาบน้ำแต่โดยดี ผมเห็นน้องหมอกแต่งชุดเสร็จแล้วนั่งรอผมตรงเตียง

ใช้เวลาไม่นานผมก็จัดแจงอาบน้ำเสร็จ ผมเลือกแต่งตัวแบบสบายๆ เสื่อคอปกสีขาว กับเกงยีนต์สีดำอีกตัว เท่านี้ก็พร้อมไปทำบุญกันแล้วครับ

ดีอย่างตรงที่เมื่อวาน ผมกับน้องขนของบางส่วนลงไปใส่ไว้ในรถแล้ว ตอนนี้เราเลยขนแค่พวกของสดที่เอาออกมาจากตู้เย็นเท่านั้นขึ้นไปไว้ในเบาะหลังรถ ไม่นานก็เสร็จสิ้น

“โอเคครับ เดี่ยวพี่ปันขับออกถนนใหญ่แล้วหมอกจะบอกทางเป็นระยะๆนะครับ”

ผมพยักหน้ารับคำ ก่อนจะสตาร์รถขับออกไป ระหว่างทาง น้องหมอกขอบอกทางให้ผมเป็นระยะๆ เพราะตอนนี้ยังเป็นเวลาที่วิกาลพอสมควรทำให้ถนนด้านนอกนั้นแทบจะไม่มีรถวิ่ง เราจึงใช้เวลาน้อยกว่าที่คิดในการที่จะมาถึงบ้านเด็กกำพร้าเดชา

“ถึงแล้วครับพี่ปัน....”

หมอกพูดด้วยน้ำเสียงที่ผมฟังก็รู้ว่าตื่นเต้น ก่อนจะค่อยๆลงจากรถ

บ้านที่ปรากฏแก่สายตาผม เป็นบ้านปูน2ชั้น ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ด้านหน้ามีบริเวณค่อนข้างกว้าง และพื่นที่ๆน่าจะมากพอให้กับพวกเด็กๆได้วิ่งเล่นซุกซนตามวัย แสงไฟสีเหลืองอ่อนที่สาดส่องออกมาจากภายในตัวบ้าน ทำให้เราทั้งคู่รับรู้ได้ว่าข้างในมีคนที่อาจจะไม่ได้นอน หรือไม่ก็ตื่นแล้ว

หมอกกดกริ๊งหน้าบ้านเบาๆ  พลางยิ้มจางๆไม่นานนักก็มีร่างๆหนึ่งค่อยๆเปิดประตูออกมา

“ป้าอิ่ม....”

หญิงชราที่ค่อยๆเดินออกมา ทำตากว้างก่อนจะมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

“นั้น...หมอกเหรอ ?”


ไม่รอแม้กระทั้งตอบข้อสงสัย ร่างเล็กๆของหมอกโผกอดหญิงชราอย่างแนบแน่น ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูท่าจะเอ็นดูไอ้ตัวเล็กนี้ไม่น้อย

“ยายอิ่ม..คิดถึง....”

“จ๊ะ...ยายก็เหมือนกัน”

ผมมองภาพตรงหน้าด้วยสายตามีความสุข อย่างน้อยๆคนตรงหน้าก็ทำให้ไอ้ตัวเล็กของเขายิ้มออกมาได้ รอจนกระทั้งมันถอนกอดนั้นแหละเขาถึงได้ยกมือไหว้หญิงตรงหน้า

“สวัสดีครับ ผมปันนะครับ”

ยายอิ่มยกมือรับก่อนจะตอบกลับ

“ไหว้พระเถอะลูก ว่าแต่ มาทำอะไรกันค่ำๆมืดๆ ?”

“ฮ่าๆ หมอกมาเยี่ยมน้องๆนะครับ คิดถึงบ้าน คิดถึงทุกคน คิดถึงเพื่อนของหมอก หมอกซื่อของมาให้น้องๆด้วยนะครับ วันนี้วันเกิดพี่ปัน เขาเลยอยากจำทำบุญกับน้องๆครับ”

ไอ้ตัวเล็กแนะนำเสร็จสรรพก่อนจะผายมือมาทางผม

“ขอบคุณมากนะจ๊ะพ่อหนุ่ม เดี่ยวเชิญเข้ามาข้างในก่อนก็ได้ ตอนนี้ป้ากำลังทำกับข้าวเตรียมไว้ให้เด็กๆอยู่นะจ๊ะ”

ป้าอิ่มพูดก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปในบ้าน ตามด้วยผมกับน้องหมอก

พอเข้าไปถึง ป้าอุ่นก็เชื่อเชิญให้ผมกับน้องหมอกนั่งรอกันที่ห้องใหญ่ซึ่งมีโทรทัศน์เล็กๆขาวดำตั้งอยู่อีกฟากหนึ่ง พร้อมด้วยโซฟาที่ถึงแม้จะเก่าแต่ก็ยังคงสภาพใช้การได้อยู่ ร่องรอยการเย็บรอบๆตัวของมันบ่งบอกได้ถึงอายุการใช้งานเป็นอย่างดี

โซนห้องครัวแยกไปอีกด้าน ซึ่งในนั้นก็มีเตาแก๊ส ขาแก๊ส พร้อมถังแก๊สมินิอีก2ถัง

น้องหมอกอาสาขอช่วยคุณยายเข้าไปทำครัวด้วย แต่แกเองก็ดูท่าจะไม่ยอม สุดท้ายก็แพ้ลูกอ้อนของน้องมันอยู่ดีครับ ตอนนี้ทั้งผมและน้องหมอกจึงได้กลายมาเป็นผู้ช่วยชั่วคราวของคุณยายแก เมนูในวันนี้ที่ทำได้แก่ ข้าวต้มทรงเครื่องครับ

 ปกติแกเล่าให้ฟังว่าจะเน้นใช้โปรตีนเกษตรแทนเนื้อสัตว์เพราะมีราคาที่ถูกกว่า อีกทั้งยังเก็บไว้ได้นานกว่าเนื้อสัตว์ทั่วไป แต่วันนี้ผมกับน้องหมอกขนวัตถุดิบมาด้วย จึงทำให้เด็กๆได้มีโอกาสลิ้มลองรสชาติของเนื้อหมูแท้ๆอีกครั้ง

ผมอมยิ้มมีความสุข มองภาพตรงหน้าไปช่วยทำงานไป ระหว่างการทำครัว สองยายหลานก็เล่าเรื่องในอดีต เรื่องนู้นเรื่องนี้ให้ผมฟัง ยายแกบอกว่าตอนเด็กๆหมอกดื้อมากๆ ชอบขัดแกตลอด แต่พอโตขึ้นมากลับกลายเป็นคนเรียบร้อยขึ้นไปได้

“อู้ยยยย ตอนนั้นนะคุณปัน เจ้าหมอกนะมันซนมาก วิ่งไปชนนั้นชนนี้ แถมคราวก่อนนั้นก็ทำท่าจะเข้าไปคลุกกับไอ้แดง หมาข้างบ้านที่ทำท่าจะกัดมันซะอีก ซนอย่างกับอะไรดี”

“โถ่...ยายอย่าพูดแบบนั้นเลยครับ ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่เลยนะ”

“ก็แหมมมมม ตั้งแต่ยัย...”

‘แงงงงงงงง’

เสียงร้องแหลมเล็กๆดังขึ้นทำให้บทสนทนาของทั้งคู่หยุดลงไปก่อนคุณยายจะรีบขอตัวไปดูต้นเสียง แต่ยังไม่วายหันมาฝากหมอกช่วยดูแลข้าวต้มตรงหน้า

“เสียงเด็กทารกนิ ? ที่บ้านนี้มีเด็กทารกด้วยเหรอหมอก”

“อ่า....ครั้งสุดท้ายที่หมอกมาที่นี้...ไม่มีนะครับ”

น้องมันขมวดคิ้วหน้านิ่ว ก่อนตรงเสียงจะค่อยๆเดินมาหาผม

“ว้าว.....ยาย ผมขออุ้มน้องหน่อยได้มั้ยครับ”

“จริงๆเจ้าหนูนี้ไม่ชอบให้ใครอุ้มหน่า...แต่ก็ลองดู”

พูดจบยายอิ่มยกเด็กทารกวัยเกือบขวบให้หมอกอุ้ม น่าแปลกที่เสียงเด็กร้องไห้ในตอนแรกนั้นกลับเปลี่ยนกลายเป็นเงียบสนิทแทน

“น้องชื่ออะไรเหรอครับ ?”

“ยังไม่มีชื่อจ๊ะ ”

“ห๊ะ ?”

“ยายเพิ่งรับเด็กคนนี้มาดูแลได้เกือบๆอาทิตย์เองจ๊ะ”

หมอกพยักหน้าทำความเข้าใจ ก่อนจะยกเด็กทารกตรงหน้ามาดูใกล้ๆ

“ผมขอตั้งชื่อให้น้องได้มั้ยครับ ?”

“ตามสบายเลยจ้า”

ผมยืนดูน้องมันขมวดคิ้วได้ไม่นาน ก่อนจะเปล่งเสียงพูดออกมา

“งั้นผมขอเรียกน้องว่า ‘สายไหม’ นะครับ...”




                                                       -----------------------------------------------------


ขอบคุณทุกคนครับ

ลูกแกะสีขาวขุ่น  :กอด1:
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2014 14:26:59 โดย ลูกแกะสีขาวขุ่น »

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
เอาไปเป็นลูกเลย อิอิ

โอย ต้องผ่านดราม่าของปันไปอีกแค่ไหน สงสารหมอก  :hao5:

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป

หลังจากทำข้าวต้มเสร็จ ผม พี่ปัน สายไหมและยายอิ่มก็จัดสำหรับเตรียมใส่บาตรให้กับพระท่านที่เดินบิณฐบาตรผมกับพี่ปันช่วยกันตั้งโต๊ะหน้าบ้านได้ไม่นาน พระท่านก็เดินผ่านมา หลังใส่บาตรเสร็จ ยายอิ่มขอตัวไปนอนต่อก่อนเพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์จึงไม่จำเป็นต้องปลุกเด็กๆไปอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนเหลือทิ้งไว้เพียงผมพี่ปันกับสายไหม ดีที่ว่าตอนนี้เกือบๆหกโมงแล้วการ์ตูนช่องเจ็ดมาพอดีครับ

ต้องบอกก่อนว่าตอนแรกผมคิดว่าสายไหมเป็นเด็กผู้หญิงแต่ที่จริงแล้วผมคิดผิด !!!

เพราะน้องเป็นเด็กผู้ชายครับ เพียงแต่หน้าหวานไปหน่อย...จริงๆก็ไม่หน่อยนะ น่าหวานมากจริงๆนั้นแหละ ผมเห็นที่ใจละลายเลยว่าเป็นเด็กผู้หญิง

"โตขึ้นน้องคงหล่อดีนะ"

พี่ปันว่า

"ไม่หรอก ผมว่าน่ารักมากกว่า"

"เหมือนเรา"

"ห๊ะ ?"

"พี่หมายความว่า 'น่ารัก'เหมือนเรานะเหรอ ?"

เป็นอีกครั้งที่หัวใจของผมกระตุกแปลกๆ แต่ก็นั้นแหละครับ มันก็แค่นั้น เป็นเพียงแค่บางครั้งบางคราวเท่านั้น...

เท่านั้นที่พี่ปันจะมองคนอื่นบ้าง...นอกจากคนในใจ

ผมไม่ตอบอะไรอีกเพียงแต่นั่งมองสายไหมที่หัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจไปกับภาพเคลื่อนไหวขาวดำในจอทีวีเก่าๆ ตอนนี้น้องนั่งตรงกลางครับ ผมกับพี่ปันขนาบน้องกันคนละข้าง การ์ตูนผ่านไปสองสามเรื่อง หลังจากนั่งน้องสายไหมก็ค่อยๆกระเถิบตัว จนกระทั้งนอนหลับไปในที่สุด ผมยิ้มน้อยๆมองน้องมัน เด็กนี้ดีนะครับ มองมุมไหนยังไงๆก็น่ารัก

แก้มเป็นพวงของไอ้ตัวเล็กเปล่งประกายเป็นสีชมพูอ่อน ริมฝีปากเล็กๆพึมพำอะไรสักอย่างไม่ได้ศัพท์

ผมค่อยๆบรรจงอุ้มน้องสายไหม ก่อนจะเดินขึ้นมาชั้นสองแล้วเดินไปหาฟูกเก่าๆผืนหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆวางน้องมันนอนลงในท่าที่สบายที่สุด

"เมื่อก่อนหมอกนอนห้องนี้แหละกับพี่เทส"

ผมพูดกับคนข้างๆที่เดินตามมา

"แล้วปกติเรากินอยู่ยังไงเนี้ย ?"

"ตามมี ตามเกิิดครับ เมื่อก่อนจำได้ว่าสมัยนั้นป้าอิ่มจะมีลูกมีหลานเข้ามาช่วย อย่างที่บอกนะครับพี่ปัน ที่นี้ไม่ใช่บ้านเด็กกำพร้าที่อยู่ในการดูแลหรือคุ้มครองของรัฐ เพราะงั้นเราจึงไม่ได้เงินตรงส่วนนี้อยู่แล้ว ที่ผ่านมาผมกับพี่เทสก็พยายามหาเงินแล้วก็ส่งมาให้ทางนี้ตลอดๆ เพียงแต่น้อยครั้งมากที่พวกเราได้กลับมาเยียมที่บ้านหลังนี้..."

"จนกระทั้ง แม่เลี้ยงเขามาขอพาเรากับเทสไปเลี้ยง?"

"พี่ปันรู้ ?"

ผมไม่ตอบคำถามแต่ถามคำถามกลับไปแทน

พี่ปันเหมือนจะพุดอะไรต่อ แต่ก็ไม่พูด

ผมเองก็เงียบ....

"ไอ้เฟรมเล่าให้พี่ฟังนะ"

พี่ปันพูดหลังจากเราทั้งคู่เดินมานั่งเล่นที่ชิงช้าหน้าบ้านกัน ตอนนี้เพิ่งเกือบๆจะเจ็ดโมงกว่าครับ

ผมกับพี่ปันพูดคุยกันไปเรื่อยๆเท่าที่จะคิดเรื่องกันออก ไปๆมาๆก็กลายเป็นเรื่องรอบๆตัวเราแทน พี่ปันนี้มีคุณสมบัติข้อหนึ่งที่ผมไม่ค่อยพบเท่าไหร่จากคนทั่วไป

คุณสมบัติที่ว่าคือ การที่ไม่ว่าจะคุยเรื่องอะไรก็สบายใจ...

ไม่รู้สิครับ ตั้งแต่รู้จักกันมา ผมกับพี่ปันคุยกันก็ไม่บ่อยนะ แต่เหมือนๆผมจะคุ้นๆกับน้ำเสียงแล้วก็ท่าทางของพี่ปันมากๆเหมือนๆกับว่าเราเจอกันบ่อยมากๆ แต่ก็นั้นแหละ ผมคงคิดไปเองเฉยๆ

"พี่หมอก !!!!"

เสียงเข้มๆเสียงหนึ่งดังเรียกผม ก่อนเจ้าของเสียงจะกระโดดเข้ามากอดเต็มรัก

"เห้ย ไอ้เอิร์ธ !!! ลุก ไอ้ซั้ซ ตัวมึงโตจะตาย"

ไอ้เอิร์ธหรืออีกชื่อหนึ่ง หมีดำ(ชื่อนี้ผมเรียนมันคนเดี่ยว) ปรากฏตัวขึ้น เอิรธ์เป็นเด็กที่นิสัยทะเร้นๆครับออกแนวกวนทรีน ผิวเข้ม ชอบตัดผมผิดระเบียบโรงเรียน ที่สำคัญคือมันเรียนอ่อนมากๆแต่กีฬาดีเลิศ เอากะมันสิ !!!

"แหม พี่ก็...."

ไอ้เอิร์ธยอมลุกออกไปโดยดีครับ ก่อนจะหันไปยิ้มแฉ่งสวัสดีพี่ปัน

"หวัดดีครับ ผมชื่อเอิร์ธอยู่ม.2"

"สวัสดีครับ"

พี่ปันทักกลับไปด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

"เอิร์ธ คนอื่นตื่นรึยัง"

ผมหันไปถามมันต่อ

"ตื่นหมดแล้วพี่ เหลือไอ้ซ่า เมื่อคืนมันนั่งอ่านหนังสือ เห็นว่าจันทร์นี้สอบชิงทุน"

ไอ้ซ่าที่เอิร์ธพูดถึง คือเด็กอีกคนครับ คู่รักคู่กันของไอ้เอิร์ธนี้แหละ แปลกนะครับที่พวกมันทะเลาะกันตลอดเวลา แต่ก็ยังไปไหนมาไหนด้วยกัน ไอ้ซ่าเนี้ยเป็นเด็กเรียนตัวยงเลยครับผิวมันจะออกขาวๆหน่อยตัดกับไอ้เอิรธ์ ส่วนไอ้เอิร์ธออกแนวหุ่นนักกีฬามากกว่า อาจจะเป็นเพราะหุ่นของมันก็ได้ นี้ขนาดแค่ม.2ยังจะสูงกว่าผมแล้วอ๊ะครับ

"พี่ปัน"

เสียงแหลมใสๆอีกเสียงดังขึ้น ก่อนผมจะทักไปหาต้นเสียง

"แคท !!! ไม่เจอตั้งนาน โตขึ้นนะเรา"

แคทเขามากอดผม ก่อนจะทำแก้มป้อง

"คนใจร้าย ไหนบอกจะมาบ่อยๆ"

"พี่ก็มาแล้วนี้ไง"

"เชอะ คนใจร้าย ง้อเขาเลย"

"โอ้ๆ พี่มาง้อแล้วนะครับ ยอมทุกอย่างเลย"

แคทยังทำแก้มป้อง ก่อนจะยิ้มเจ้าเลห์แล้วหันมาหาผม

"ยอมงอนก็ได้ แต่เล่นพ่อแม่ลูกกัน"

"ห๊ะ ?"

"แคทเป็นลูก"

แคทชี้หน้าออกตัวเอง ก่อนจะพูด แล้วปลายนิ้วเล็กๆของเด็กป.4ก็หันไปหาพี่ปัน

"พี่สุดหล่อคนนี้เป็นพ่อ"

พี่ปันชี้หน้าตัวเอง ก่อนแคทจะพยักหน้ารั่วๆว่าใช่ พี่นั้นแหละ !!

"สุดท้าย พี่หมอกเป็นแม่ !!!!"

เห้ย !!!!!!!!!!!!!

แต่จนแล้วจนรอด ในที่สุดผมก็ต้องยอมแพ้ มานั่งเป็นพ่อแม่ลูกกับน้องแคทที่วิ่งไปเอาเสื่อมาปู ก่อนจะใช้ไอ้เอิรธ์ไปขนอุปกรณ์ต่างๆนาๆมานั่งเล่นกับพวกผม

สรุปแล้วยังไงๆก็ต้องเล่นเป็นแม่สินะ....

ผมกับพี่ปันโดนน้องแคทลากลงมานั่งกับเสื่อ ก่อนน้องแคทจะนั่งแทรกตรงกลาง

"คุณแม่คะ คุณพ่อจะออกไปทำงานแล้ว อวยพรคุณพ่อหน่อยสิค่ะ"

้น้องแคทพูดจาฉะฉาน ก่อนจะกระตุกเสื้อผมเบาๆ ...เออ จะให้ตอบยังไงดีล่ะเนี้ย ?

"อ๊ะ...เออ...ไปดีนะ"

"ไม่ช่ายยย ต้องพูดว่า 'ระมัดระวังตัวน่ะคะ ที่รัก'"

น้องแคทพูดพร้อมส่ายหน้าเบาๆ

"ร..ระมัดระวังตัว..น่ะคะ...ท..ที่รัก"

ผมพยายามพูดประโยคนั้นอย่างยากลำบาก ก็มัน...กระดากปากนี้ครับ ให้มาบอกชอบ...เออ...พี่ปันนะ

รอบนี้เหมือนน้องแคทจะพอใจ เธอพยักหน้าเบาๆก่อนจะพูดต่อ

"งั้นที่นี้ คุณพ่อค่ะ จูบบอกลาคุณแม่หน่อยสิค่ะ"

รอบนี้ทั้งผมและพี่ปันหันขวับเลยครับ แต่ดูจากสีหน้าน้องแคทนี้ คงไม่ได้ล้อเล่นแน่ๆ...

"พี่ว่า ...ไม่ดีหรอกม๊างงงง"

"นั้นสิ เล่นอย่างอื่นเถอะ"

ทั้งผมและพี่ปันช่วยกันเกลี่ยกล่อม แต่เด็กก็คือเด็กอยู่วันยังค่ำนั้นแหละครับ

น้องแคททำหน้าเศร้ามาก ก่อนจะค่อยๆเบะปากเชิ่ดขึ้นเตรียมร้องไ้ห้

"โอเคๆ แค่จูบใช่มั้ย"

พี่ปันเห็นท่าไม่ดีเลยหันมาขยิบตาให้ผม ก่อนจะเอี้ยวตัวเอา่หน้ามาใกล้ๆ ที่นี้ล่ะ น้องแคทเงียบกริบเลยครับ นั่งตาแป๋วมองจากอีกมุม

"นิ่งๆนะหมอก"

เสียงพี่ปันกระซิบเบามาก ก่อนที่แก้มของพี่ปัน....

....จะชนแก้ม...ของผม

"งั้นพ่อไปทำงานก่อนนะครับ"

พี่ปันรีบเอี้ยวตัวกลับ พอๆกับผมที่หลบสายตาพี่มัน ดีนะเมื้อกี้ไอ้เอิร์ธมันวิ่งเข้าไปเอาน้ำเย็น ไม่งั้นผมโดนล้อตายแน่ๆ ดีแค่ว่านี้ถูกกันแค่แก้ม

แต่ทำไมใจผมมันเหมือนมีแผ่นดินไหวเลยฟระ !!!

หลังจากนั้นเี่รา(ผมกับพี่ปัน)ก็โดนน้องแึคทให้รับบทนู้น นี้ นั้น จนกระทั้งน้องมันพอใจนั้นแหละครับ ส่วนไอ้เอิร์ธนะเหรอ นั่งหัวเราะพวกผมจากบนชิงช้านู้นแหละครับ

"แล้วงี้ ถ้าพี่ไม่อยู่ใครเป็นแม่ล่ะ"

"ก็พี่ซ่าไง"

ผมขมวดคิ้วเบาๆก่อนจะถามต่อ

"แล้วพ่อ ?"

"ก็พี่เอิร์ธไง"

โอเคครับ คิ้วผมขมวดกันเป็นโบว์ไปแล้ว

"แล้วจูบ ?"

"ก็จู..."

"ไอ้แคท/ไอ้แคท!!!!"

เสียงเด็กวัยกำลังแตกเนื้อหนุ่มสองเสียงดังขึ้นพร้ัิอมกันโดยมิได้นัดหมาย ก่อนบุคคลที่อยู่ในหัวข้อการสนทนาจะปรากฏตัวออกมาในสภาพผมยุ่งๆ แว่นตาอีกอัน และก็คราบน้ำลายที่มุมปาก

ไอ้เอิร์ธพูดลอยๆหลังจากหันไปมอง

"สภาพทุเทศชิบ"

"ดีกว่าหมา"

"มึงว่าใครเป็นหมา"

"นั้นไง หมาตอบกูแล้ว"

"ไอ้ ....!!!"

แน่นอนว่าไอ้เอิร์ธ(ที่เถียงแพ้ตลอด)ได้แต่พยายามก่นด่าบรรพบุรุษโคตรเหง้า แต่ไอ้ซ่ามันแสบครับ สนใจที่ไหน มันเดินดุ่มๆมาหาผมกับพี่ปัน ก่อนจะยกมือไหว้เราทั้งคู่

"สวัสดีครับ พี่หมอก พี่ปัน ยายให้มาเรียกไปกินข้าวกันครับ ตอนนี้8โมงกว่าๆแล้ว"

"ดีๆ พี่หิวแล้วเหมือนกัน"

ผมว่าก่อนเราจะช่วยกันเก็บของให้เข้าที่เข้าทาง แล้วเดินกันเข้าไปในบ้าน

น้องๆในบ้านตื่นกันหมดแล้วครับ ในนี้มีเด็กโตแค่สองคน คือไอ้ซ่ากับไอ้เอิร์ธ ส่วนที่เหลืออีก5-6คนตอนนี้กำลังอยู่ชั้นประถมศึกษากันครับ เด็กๆที่ตื่นแล้วช่วยกันหยิบจานชามมาไว้ ก่อนจะนั่งกันเป็นวงกลม ด้านข้างมีหม้อข้าวต้มใบโตอีกใบ ยายอิ่มเองก็นั่งข้างๆพวกเราครับ

ผมหันไปมองพี่ปันที่ปรับตัวเข้ากับสถานที่ พี่ปันไม่ได้ถือตัวเลย แต่นั่งกับพวกเราเหมือนชินชา ก็อย่างที่บอกครับ ที่นี้ไม่เหมือนร้านอาหาร ช้อนกลางก็ไม่มีหรอกครับ มีแค่ช้อนสั้นคนละึัคันเท่านั้นแหละครับ

"เอาหมูเยอะๆ"

ไอ้เอิร์ธที่นั่งข้างๆคนตักข้าวต้ม หรือก็คือไอ้ซ่าบอก ตอนถึงคิวมัน

ผมบอกไปแล้วใช่มั้ยครับ ว่าไอ้ซ่ามันแสบ

"เห้ย กูบอกหมูไม่ใช่ผัก"

"แดรกๆไป อย่าเรื่องมาก"

"ก็กูจะเอาหมู"

"มึงจะเอาไปทำไม ก็ในเมื่อมึุงก็เป็นหมูอยู่แล้ว"

"ไอ้...!!!!"

แน่นอนครับ ว่าไอ้เอิร์ธไม่มีทางชนะ สุดท้ายมันก็ฟึดฟัดอยู่อย่างงั้น ไอ้ซ่าคงทนรำคาญไม่ไหวตักหมูให้มันเพิ่มไปอีก3-4ก้อน ผมนั่งหัวเราะพวกมันสองคนไปกินข้าวไป ยายอิ่มก็ยายหน้ายิ้มๆ

"พวกมึงสองคนนี้ ถ้าคนหนึ่งเป็นผู้หญิงกูคงคิดว่าเป็นแฟนกันไปแล้ว"

"ก็เป็..."

"ไอ้แคท/ไอ้แคท !!!!"

เสียงน้องแคทถูกขัดอีกรอบ ก่อนพวกมันสองคนจะส่องอายไลน์พิฆาตจนน้องแคทเบะปากแล้วเงียบไป อะไรของพวกมึงว่ะ ???

"จะเป็นไปได้ยังไง ก็พี่เอิร์ธมีแฟนแล้วนิ"

น้องต้น เด็กป.5อีกคนที่อยู่ในบ้านบอก ผมหันหน้า่ไปหาผู้ถูกสอบสวนในทันใด ไอ้เิิอิร์ธกระพริบตาปริบๆ

"จริงเหรอมึง ?"

"อื้ม ...ก็ไม่นานมานี้เอง"

"เออๆ มีแฟนได้แต่อย่าสร้างเรื่องก็แล้วกัน"

ผมพูดแบบนี้เพราะคิดว่ามันเป็นสิทธิ์ส่วนตัวครับ ขอแค่น้องมีแฟนแล้วไม่มีเรื่องเสียหายก็พอ

เพียงแต่...ทำไมบทสนทนามันถึงได้เงียบไปเลยว่ะ.....


 


                                                               ----------------------------------------


ครบ100%แล้วนะครับ :กอด1:

ขอบคุณทุกกำลังใจครับ  :กอด1:







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-05-2014 09:29:40 โดย ลูกแกะสีขาวขุ่น »

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8
555
หมอกเป็นแม่

ออฟไลน์ yamanaiame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
น่ารา๊กกกกกกก อะ มาต่อเร็วๆเด้ออ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด