ลิขิตรักเด็กขายน้ำ... [Ep.36 พี่ปัน] คือรัก.... [14/06/57] p.6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ลิขิตรักเด็กขายน้ำ... [Ep.36 พี่ปัน] คือรัก.... [14/06/57] p.6  (อ่าน 40560 ครั้ง)

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
เอ่อออออออออ อยากจะถามคุณแกะว่า
.......................
...............
..........
......

เปลี่ยนพระเอกตอนนี้ทันมั้ย  :mew1:
ถึงพี่ปันจะไม่ได้ผิดอะไรแต่ตอนนี้ เทใจให้สายฟ้าสุดๆแล้วอ่ะ
ตอนที่แล้วมุ้งมิ้ง ตอนนี้ก็ยังมุ้งมิ้ง สายฟ้าน่ารักอ่ะ
อยากจะจิ้นให้สองคนนี้เป็นแฟน ภาพมันลอยมาเป็นฉากๆยิ่งกว่าพี่ปันอีก ฮ่าฮ่าฮ่า
ตอนนี้สัมผัสความเป็นคนที่มีจิตใจดี? ที่น่าจะเข้ากับหมอกได้และ พร้อมที่จะอยู่กับหมอก
คอยเป็นห่วงเป็นใย ที่สายฟ้าพูดถึงงานีฬาสี น่าจะขอหมอกเป็นแฟน

หมอกเอ๋ยย ถ้า ผช คนนี้แกไม่เอา
ฉันขอเถอะนะ
#ไปซื้อแหมาจับสายฟ้าเข้าห้อง  :hao7:


ระวัง'ว่าที่'แฟนเขาหึ่งนะครับ 5555 :laugh:

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป

ตอนพิเศษที่คิดว่าคนอ่านคงไม่อยากอ่าน แต่คนเขียนอยากจะลง[ทำใจนะ แกะมันเกรียนนนนนนน 5555+ :hao7:]


"การผจญภัยของไอ้แกะกับงานพิเศษ[1]"


'เช้าแล้ววันนี้ยังไม่สาย ตื่นมาก็ร้องเพลงถึงเธอ...'


เสียงนาฬิกาปลุกดังรั่วๆก่อนนายแกะจะตาสว่างขึ้น แหมมมมม ฟังจากเพลงแล้วคิดว่าแสงแดดจะปลุกส่องแกะใช่ป๊ะ


โน !!! แสงแดดที่ไหนจะมีมาตอน'ตี4'ครับ  -   -


ไอ้แกะบิดซ้าย บิดขวา ก่อนจะกลิ้งตัวไปมาและ...'ตุ้บ'ตกเตียง


เอาเหอะ ข้ามๆฉากน่าเกลียดไปบ้างเนาะ เรื่องของเรื่องคือวันนี้มีจ็อบพิเศษครับ ต้องไปออกงานนอกสถานที่ซึ่งออฟฟิต(เขียนงี้ป๊ะ ???)ของแกะโคตรรรรรจะอยุ่ห่างไกล แล้วพี่เขาก็นัด6โมงเช้า อีแกะจึงต้องตื่นมาตอนตี4แบบบงัวเงีย(จริงๆพี่เขาถามเราแล้วล่ะว่าไหวมั้ย แต่ก็นั้นแหละ แกะมันงก งานไหนก็รับหมด :hao7:)


กายพร้อม ใจพร้อม แกะทำได้ !!!!....


ตี4 .30 แกะหายร่างไปอยู่ตรงป้ายรถเมล์อนุเสาว์รีชัยฯก่อนจะเดินไปซื่อของที่มินิ7-11 บอกพี่เขาว่า

"เอาลาเต้กับแซนวิสครับ ที่มันโปรโทชั่นนะ"

"มีแต่กาแฟธรรมดานะค่ะ"

แกะพยักหน้า ก่อนพี่คนขายจะหันไปกดน้ำแข็ง


เดี่ยวนะ ... คือ ....แกะสั่ง 'ลาเต้'ที่เป็นกาแฟกระป๋องกับแแซนวิส ไม่ใช่กาแฟเย็นเป็นแก้วแบบนี้นะครับ


แต่ก็นะ แกะเป็นคนง่ายๆครับ ช่างมันเถอะ [ไม่ค่อยมีปัญหาในการกินขอแค่เขมือบแล้วไม่ตายพอ -3-]


10นาทีผ่านไป แกะัหิวมากกกกกกกก แซนวิสทำไมอบนานจังวะ เริ่มหงุดหงิดแล้วนะ -  -********


"ได้แล้วค่ะ ขอโทษนะค่ะที่ทำให้รอนาน พอดีเครื่องมันเำพิ่งเปิดนะค่ะ"


พี่คนสวย(มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก)อีกคนที่มาขายด้วยเป็นคนยื่นแซนวิสให้แกะพร้อมกาแฟ


โอ้ววววววววววว ไม่เป็นไรครับพี่สาว แกะไม่ถือ [คนสวยส่งให้ทั่งที่ แหมมมมม อร๊อยอร่อย  :hao6:]


พอได้ของแกะก็เดินไปหาคนขายไก่


"น้าครับ มี4-2 ผ่านมั้ยครับ"


"มี"

คุณน้าว่าสั้นๆก่อนจะสับไก่ดังฉึก ฉึก ฉึก


"ขอบคุณครับ"


แกะรีบพูดก่อนจะเดินไปนั่งสงบตรงป้ายนั้น แบบ...กลัววะ แถวนี้ยังมืดๆอยู่ด้วย


5นาทีผ่านไป  แกะยังเฉยๆ


15นาทีผ่านไป  แกะเริ่มเดินไปเดินมา รถเมล์4-2ค่ะ คุณไปอยู่ไหน ???


การตื่นมาเตรียมพร้อมตั้งแต่ตี4ไม่ได้ช่วยอะไร หากรถเมล์ที่คุณจะไป... ยังไม่ออกวิ่ง #อีแกะกล่าวไว้ ณ จุดๆนั้น


จนกระทั้ง.....


'ตื่ดๆๆๆๆ'


แกะหยิบมือถะือขึ้นมาดูก่อนพี่ทีุ่คุมงานจะกรอกเสียงลงมา


"โหล น้องแกะอยู่ไหนแล้ว"


"อนุเสาวรีครับพี่"


"งานพี่เริ่ม 6โมงนะ"

แกะเริ่มกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะกรอกเสียงกลับไป


"ครับพี่ ถ้าไม่ทันเดี่ยวนะวินไปครับ"


พอวางสายปุบแกะก็เริ่มมองหารถวินก่อนจะเดินไปหาพี่วิน


แกะ : ไปหน้ารามเท่าไหร่ครับ

วินซี๊ด : 250ครับน้อง ราคานี้ถูกที่สุดแล้วนะ

แกะ : ....////นับเศษเงินในตัว รวมแล้วได้ทั้งหมด...73.50บาทถ้วน  -  -"

วินซี๊ด : ^_____^

แกะ : ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากครับพี่

แกะรีบจรรีเดินออกมาก่อนจะคิดวนไปวนมา เอาไงดีวะกู -  - ถ้าไปสายแย่แน่ๆ

สุดท้ายก็โบกแท็กซีแมน


แท็กซีแมน : ไปไหนครับน้อง

แกะ : ไปหน้ารามครับพี่

แท็กซีแมน : ตรงไหนครับน้อง ???

แกะ : ...////เพิ่งเคยไปออฟฟิตไม่กี่ครั้งเอาไงดีวะกู

แท็กซีแมน : มันมีจุดเด่นอะไรมัย้ ? แบบ ตรงข้ามห้างหรือไรงี้

แกะ : เออ พี่ มันมีไก่อ๊ะ ไก่ตัวใหญ่มากกกกกกกกกกก 2ตัวยืนคู่กัน

แท็กซีแมน : อ้อออออออออออ เคร่ๆน้องขึ้นมาเลย

สรุปแล้ว ขอบคุณคุณไก่มากครับ ถ้าไม่มีพี่ไก่ เช้านี้แกะคงไปไม่ถึงออฟฟิตวะ   :hao5:

พอไปถึงออฟฟิตรวมค่ารถแล้ว 105บาท ถูกกว่าพี่วินซี๊ดดดดด แบบไป-กลับยังเหลือเงินกินหนมตั้ง40บาท [พี่วินซี๊ดดดดดด โหดจัง กระซิกๆ]


แต่...อย่าลืมนะ ว่าแกะมีเงินแค่ 73.50บาท  - - 


"พี่Pครับ แกะยืมหน่อยครับ30บาท"

พี่P พี่สาวผู้แสนใจดีพ่วงด้วยตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบุคคลของที่นี้ควักเงินให้แกะแบบชิลๆ ก่อนอีแกะจะวิ่งหางชี้(?)ไปจ่ายเงินค่ารถ


ตอนนี้ที่ออฟฟิตกำลังวุ่นวายได้ที่เลยละครับ วันนี้เป็นวันส่งของให้ลูกค้านิ


"น้ิองแกะขึ้นแพ็คของข้างบนนะ แล้วแพ็คเสร็จค่อยลงมา"


แกะพยักหน้ารับก่อนจะวิ่งขึ้นไปข้างบน แล้วค่อยๆแ็พ็กพี่โอ้ที่ละชิ้นๆ สักพักหนึ่งมี่ผู้ชายอายุมากกว่าแกะขึ้นมานั่งเล่นกับหมาตรงโต๊ะข้างบน


ใครวะ ??? ไม่เคยเห็นหน้าเลย หรือเด็กพาร์มไทม์


"นาย... นาย"


ผมเรียกมันก่อนไอ้คุณคนนั้นจะชีหน้าตัวเอง เออครับ กูเรียกมึงนั้นแหละ คงไม่ได้เรียกไอ้เพรชหมาที่นอนข้างๆมึงหรอก 


"เรียกเราเหรอ ?"


"อื้ม มาช่วยแพ็คของสิ เขาจ้างมาก็ทำให้คุ้มดิวะ อย่าอู้"


แกะบ่นยาวกว่านี้มาก แต่ขอพิมพ์แค่นี้พอ...


ด้วยการอนุมาน(มโน)ไปเองว่าไอ้เด็กนี้มันต้องทำพาร์ทไทม์กับที่นี้แน่ๆ เลยใช่มันมาช่วยแพ็คของซะเลย   :hao3:


มันก็ดีนะ โดนใช้ก็ไม่บ่นสักคำ เดินมานั่งลงช่วยแพ็คพี่โอ้ที่นอนกองกับพื่น


1ชม.ผ่านไป แพ็คเสร็จแล้วจ๊ะ ต้องขอบคุณไอ้เด็กนี้นะ อุส่าห์ช่วยจนเสร็จ  +  +


พี่Pขึ้นมาตรวจงานก่อนจะพูด


"อ้าวลูก ยังไม่ไปเรียนอีกเหรอ ?"


เดี่ยวนะค่ะเจ๊ เจ๊Pเรียกเด็กคนนี้ว่าอะไรนะ ??? เพื่อบ้างที่อีแกะอาจจะมีขี้หูหนามากจนทำให้ได้ยินอะไรเพี้ยนไป



"ครับแม่ พอดีSมาช่วย'น้อง'เขาแพ็คของนะครับ"



ถ้านี้เป็นนิยาย เชื่อมั้ยว่าอีแกะเหงือออกเต็มหน้าแล้วจ้าาาาา ต้องบอกว่าไม่มีหน้าแล้วสิ เพราะมัน'แตกละเีอียดยับ' =  ="   :z3:


"ไปอาบน้ำไป เดี่ยวไปเรียนไม่ทัน"


อาเจ๊ไล่ก่อนคุณพี่เข้าจะหันมายิ้มๆให้แกะแล้วเดินจากไป


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ก่อนคุณจะใช้งานคนไม่รู้จัก กรุณาสอบถามเขาก่อนว่าเป็นอะไรกับคนที่นี้รึเปล่า ??? ไม่เช่นนั้นอาจหน้าแตกละเอียดยับได้เหมือนแกะ 

หลังจากนั้น อีแกะก็ได้แต่ขนพี่โอ้ขึ้นรถไปแบบเงียบๆ ....

ประมาณครึ่งชม.เห็นจะได้ระหว่างที่แกะขนของขึ้น


ไอ้คุณS ที่ใส่เสื่อผ้านักเรียนเต็มยศพร้ัอมติดตราโรงเรียนเดี่ยวกับน้องหมอกเดินลงมาถึงชั้นล่าง


"แม่Sไปก่อนนะ ...พี่ไปก่อนนะ"


ประโยคหลังคุณท่านหันมาพูดกับแกะ


เชื่อมะ ??? แกะฟังแล้วนึกถึง'ไอ้เต้'ขึ้นมาเลย  - - 


แบบลุคส์ ประมาณนี้อ๊ะ กวนๆ แมนๆเต็มขั้น  แต่ไม่ขอเจอแบบนี้นะ มันหน้าแตกมากไปวะ   :heaven


หลังจากขนพี่โอ้ แพ็คของทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จ แกะก็เดินทางไปพร้อมกับพี่ๆ ในฐานะพนักงานเบ้ดเตล้ด


โอเค...พนักงานเบ็ดเตล็ด มันดูดีไป แปลง่ายๆนะครับ 'เบ๊สะดวกใช้ -  -'


หน้าที่ของแกะก็อย่างที่เกริ่นนำไป ยกของ ขนของ คอยอธิบายและประสานงานกับลุกค้า(ผู้แสนจะเรื่องมาก...เอ๊ย ละเอียดรอบครอบบบบบบ  -  - )


หน้่าที่สุดท้ายคือ... ยกของขึ้นรถ6ล้อ


คนขับรถคนนี้เป็นคนดีมากนะครับ....


ดีออกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


คิดดูนะ แกะแบกของไปมา 5ชม.เต็มๆ มันยืนสะกิดเท้ารอ โอ้... ไอ้....$$#$^$@#%


จนกระทั้งแกะขนของลงเสร็จแล้วนั้นแหละ เหลือฟิวเจอบอร์ดแผ่นหนึ่งที่ต้องเก็บเข้าไปไว้ในโรงงาน


อีคนขับรถ6ล้อเดินมาอย่างเท่ ก่อนจะยื่นฟิวฯแผ่นนั้นให้่บอร์ด


......เคยฟังเพลง อย่าเป็นคนดีในวินาทีสุดท้ายป๊ะ แบบฟิลนั้นแกะได้ยินเสียงพี่โฟร์พี่มดดังข้างหูมาเลยอ๊ะ แบบมึงครับ ไม่ต้องก็ได้นะ เกรงใจวะ ตั้งฟิวเจอร์บอร์ดแผ่นหนึุ่งแนะ ดีออกกกกกกกกกกส์  -  -


หลังจากนั้นอีแกะที่หมดพลังงานไปกับการขนของขึ้นรถ ก็เหลือจุดหมายปลายทางสุดท้าย


'สถานที่ส่งของ'ครับ


เมื่อไปที่จุดหมาย พี่'เบาหวิว'ผู้ติดต่อประสานงานก็เดินมาหาเจ๊P


"เดี่ยวขนลงมากองไว้หน้าโกดังก่อนนะค่ะ"


ก่อนจะเข้าใจผิดกัน แกะขออธิบายรูปร่างพี่เบาหวิวก่อนนะครับ


คุณเคยเห็นโอ่งมังกรของเพรชบุรีแบบขนานใหญ่เวอร์มั้ยครับ ??? นั้นแหละ พี่'เบาหวิว' (ประชดสุดพลัง -  - นี้พุดเลย)


"น้องค่ะ ยกมาไว้ ตรงนี้ ๆๆๆๆๆๆๆ"


บลา บลา บลา ๆๆๆๆ  แกะก็ยกไปไว้ตามที่เขาสั่งและนะ เอาเถอะยังไงก็ได้


อนึ่ง สินค้าที่แกะนำไปส่งมันเป็นฟิวเจอร์บอร์ดใช่มั้ยครับ ? มันก็เบามากกกกกก แน่นอนว่าเปราะมาก ยกแต่ละที่นี้ต้องระวังกันสุดชีวิิต


พอเอาลงมาจากรถเสร็จ ตอนนั้นลมแรงมากครับ ฟิวเจอร์บอร์ดพี่โอ้ล้มละเนระนาดเลย  (พี่โอ้ของแกะะะะะะะ  T T)


ก่อนพี่เบาหวิวจะพูดกับเพื่อนเขาว่า


พี่เบาหวิว : ขวัญ ลมแรงจังเลย แบบนี้เบาหวิวจะปลิวมั้ยเนี้ย


คุณพระ !!!!


ถึงแกะจะอึด ถึก ทนปานน้องๆแรด ขนานไหนก็เถอะ แต่คุณกุเชื่อจริงๆนะว่า ยังไงๆผมก็เบากว่าคุณมรึงแน่นอน ขอโทษเถอะ ลมที่จะพัดเจ๊ขึ้นนะ มันต้องน้องๆพายุไซโคนู้นนนนนนนนน กะอีแค่สายลมแค่นี้ ถามจริงๆตอนมันพัดพี่รู้สึกรึเปล่าเหอะ


หลังจากขนตามที่คุณเบาหวิวสั่งจบ แกะก็เดินไปเคลียร์ของเตรียมตัวกลับ


ตอนนี้สภาพอีแกะเป็นเยี่ยงนี้


ปากอมชมพู(ซีดจนไร้เลือด)ผิวขาว(กว่าถ่านนิดหน่อย) ตาเป็นประกายล่องลอย(จะเป็นลมแดดแล้วครัชชชชชชช)


เหมือนตัวละครที่กำลังหมดแรงอ๊ะ นี้พูดเลย


หลังจากขึ้นรถแกะก็นอนพิงกระจกไป ก่อนรุ่นพี่อีก2คนที่เป็นเด็กช่างจะขึ้นมานั่งด้วย ก็เบียดๆกันไปนะน่ะ


แกะหลับไปสักพัก รู้สึกไหล่หนักๆวะ พอลืมตาขึ้นมาเห็นหัวไอ้คุณพี่เด็กช่างมานอนซบ


คิดถึงเรื่อง 'เด็กช่างรักจริง คุณเคยได้ยินมั้ยครับ ?' ที่พี่คนหนึ่งในเล้าเป็ดแต่งไว้เลย


คุณพี่ครับ นอนแบบนี้ถามจริง ไม่กลัวถูกลักหลับเหรอครับ ???


แน่นอนว่า ด้วยความที่แกะเป็นคนดีมากจึง....


เอาหัวคุณพี่ไปซบกับคุณเพื่อนมัน


คือแบบ ฟินมันก็ฟินนะ แต่กูหนักวะ แล้วหัวคุณมรึงเหงือทั้งนั้นเลยนะเว้ยยยยยยย   :serius2:


ไปอาบน้ำมาก่อนแล้วค่อยมาซบนะครับ พี่เด็กช่าง   :-[ (ได้ยินพี่เขาคุยกับว่าเรียนปีนี้จบแล้วนะ ดีเนาะ ขยันทำงานด้วย เรียนจบสุงด้วย พี่อยากได้ศรีภรรยาเป็นของแปลกมั้ยครับ  :impress2:  ??? 5555555555555555555555+)


สุดท้ายกลับมาถึงออฟฟิต อีแกะก็ขึ้นไปยืนรอรับเงิน


"อ๊ะ นี้ของน้องแกะนะ"


หากแกะเปรียบเสมือนตัวละครที่กำลังหมดแรง แบงค์สีม่วงตรงหน้าก็ไม่ต่างอะไรจากยาเพิ่มพลัง


"ขอบคุณครับพี่ พน.เจอกันครับ  :bye2:"


แกะรับมาก่อนจะสอดใส่ไว้ในกระเป๋าเงิน แน่นอนว่าให้แม่400ขอเก็บไว้ซื่อนิยาย100หนึ่ง
ครับ   :laugh:



จบแล้ว การผจญภัยหนึ่งวันของแกะ


เดี่ยวนะ ใครอยากฟังแกเล่าวะ ???


5555 ก็ไม่รู้่สินะ แกะอยากเล่าอ๊ะ  :hao7:


เอาเป็นว่า แป๊ปหนึ่งนะ เดี่ยวพี่ปันมาแน่ๆ คืนนี้แหละ ตอนนี้ขอตัวก่อนสักครู่แล้วเดี่ยวพี่ปันจะตามมางับ  :hao3:


ปล. พรุ่งนี้ไปใส่ชุดหมีด้วย  :impress2:  ไม่เคยใส่เลย น่าลองใส่เนาะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2014 19:44:16 โดย อโลลาน »

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
แทนคำขอโทษที่มาส่งพี่ปันไม่ทัน

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41333.0

สมใจแล้วนะครับ แม่ยกสายฟ้า  :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
อ่านประสบการณ์คุณแกะ
ทั้งฮา  :m20:
ทั้งสงสาร  o18
ทั้งน่าจิ้น น่าฟิน  :impress2:
สนใจเด็กนักเรียนกับเด็กช่าง หึหึ

อ่านประสบการณ์คุณแกะพอเข้าใจแล้วว่าทำไม ได้แรงบันดาลใจบ่อย
ที่แท้มันมีอะไรให้จิ้นนั่นเอง ฮ่าฮ่าฮ่า
ตอนนี้ในหัวกำลังจิ้นอยู่  :hao6:

ปอลิง: ทำร้ายสายฟ้าของฉันทำไม  o22

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป

"แล้ว...ไปทานอะไรสงเดชถึงได้อาหารเป็นพิษ"
คนตรงหน้าผมถามขึ้นพร้อมสายตาสงสัยที่มองสลับกันไปมาระหว่างผมกับใบรับรองแพทย์ปลอมๆที่ไอ้เฟรมหามาให้ผม


'สงสัยผมล้างวัตถุดิบไม่สะอาดมั่งครับ'


ผมเขียนใส่กระดาษก่อนจะยื่นให้น้องมันอ่าน


"ระมัดระวังดีๆ ส่วนอันนี้เบอร์ผม ถ้าเกิดแอสซิเดนอะไรอีกก็ส่งข้อความมาหาผมได้"


เจ้าตัวว่าก่อนจะเขียนเลขสิบหลักส่งกลับมาให้ผมแล้วหันไปยุ่งกับกะทะต่อ


จะพูดยังไงดีว่ามีแล้ว


เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสงสัยผมรับกระดาษแผ่นนั้นลงไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินไปควัาเอี๊ยมแล้วเดินเข้าไปแต่งตัวหลังร้าน วันนี้ลูกค้าค่อนข้างหนาตาเป็นพิเศษครับอาจเป็นเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดยาว3วัน


ตอนนี้ในครัวกำลังวุ่นวายได้ที่เลยครับเพราะลูกค้ากลุ่มหนึ่งในวัยกลางคนยกกันมากินเลี้ยงฉลองวันเกิดครับ


"น้องหมอก ลูกค้าสั่งเค้ก2ปอนด์นะ ครึ่งชม.ทำทันไหม? "


เจ๊อินที่กำลังง่วงกับกะทะตรงหน้าถามขึ้นมา คิดดูว่ายุ่งขนาดไหนขนาดเจ้าของร้านยังต้องโดดลงมาช่วย


"พอไหวครับ ในตู้เย็นมีเนื้อเค้กสำเร็จรูปพอดีครับพี่ แต่งหน้าก็คงทันอยู่"


มันพูดไปทำไป ตอนนี้พ่อครัวห้าคนในครัว(ร่วมทั้งผม)หัวหมุนติ๊วๆเลยครับ


"พี่สินหยิบเนื้อเค้กสำเร็จรูปในช่องฟิตให้หน่อย"


ผมพยักหน้ารับคำก่อนจะเดินไปเปิดช่องฟิต คว้านสายตามองหาไม่นานก็เจอก้อนเนื้อเค้กสำเร็จรูปที่ถูกห่อด้วยพลาสติกใสซ่อนตัวอยู่ริมซ้ายมือแต่มันแข็งโป๊กมากครับ ผมสงสัยว่าจะกินเข้าไปได้ยังไงแด่ก็รีบถือไปให์น้องมันอยู่ดี


พอยกไปให้น้องมันก็จัดแจงเอามีดผ่าพลาสติกใสออกก่อนจะใส่จานร้อนเอาเข้าตู้อบอาหารของร้าน


ไม่ถึงห้านาทีก็เอาออกมา ก้อนเค้กที่ตอนแรกแข็งโป๊กกลับฟู่นุ่มขึ้นมาจนตาสังเกตได้ หมอกยกหม้อช็อกโกแลตที่ตั้งไฟลงมาจากเตาก็จะใช้กระบวยตักราดไปที่เนื้อเค้กจนทั่วก้อน กลบสีขาวนวลของเนื้อเค้กได้สนิท ทิ้งไว้ไม่ถึงนาที่ก่อนจะเอาช้อกครีมใส่ขวดแล้วแต่งหน้าเบาๆตามคำอวยพรที่ลูกค้าเขียนสั่งมาให้


ไม่ถึงสิบนาทีเค้กวันเกิดก็ออกมาสมบูรณ์แบบ


"้เอาไปเสิร์ฟไำด้เลยครับ"


หมอกว่าหลังจากทำเค้กเสร็จ ผมเองก็มือกำลังเป็นระวิงกับผัดผักบุ้งของลุกค้าอีกโต๊ะ ตอนนี้เรียกได้ว่าแทบจะเป็นนาทีทองลูกค้าเข้าร้านแทบจะเรียกได้ว่าโต๊ะนั้นกินเสร็จก็มีคนมาต่อ


และผมคะเนว่า ...อาจจะเป็นแบบนี้ไปจนกว่าของในครัวจะหมด ไม่ก็พ่อครัวหมดแรงกันซะก่อน



                                                                     .................................



"ขอบคุณมากๆนะครับ"


เสียงส่งแขกชุดสุดท้ายดังขึ้นหลังจากลูกค้าเข้าออกจากร้านตั้งแต่ห้าโมงยิงยาวมาถึงสองทุ่มครึ่งกว่าๆ หลังจากมาราธอนอาหารในที่สุดทั้งพ่อครัวทั้งเด็กเสริฟ์ก็ได้มีโอกาสพักหายใจหายคอกันสักที่...


ยกเว้นผม


"เอาล่ะ ว่างแล้ว ไหนพี่สินลองทำอาหารให้ผมทานมาหนึ่งอย่าง"


น้องหมอกพูดขึ้นหลังเห็นว่่าร้านสงบลงเรียบร้อยแล้ว


ชักอยากให้มันยุ่งอีกจริงๆ อย่างน้อยๆผมผัดแบบยุ่งๆก็ยังมีน้อมันมาคอยช่วยปรุง แต่ถ้าทำเองผมก็ไม่ค่อยจะมั่นใจสักเท่าไหร่เลยนะสิครับ ฝึกเมื่อเสาร์อาทิตย์ที่แล้วก็โอเคอยู่หรอก แต่ดันเข้าโรง'บาลไปซะนี่


สุดท้ายพอเจอสายตากดดันมากๆ ผมก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินไปค้นวัตถุดิยในตู้แช่แข็ง


ไม้ตายสุดท้ายที่ฝึกมา... ซุปไก่


น้องหมอกยืนดูผมเลือกวัตถุดิบอยู่ข้างๆก่อนจะพูดลอยๆออกมาหลังจากผมกองวัตถุดิบทั้งหมดไว้ข้างๆอ่างล่างวัตถุดิบ


"ซุปไ่ก่จะอร่อยส่วนมากเขานิยมใช้น่องไก่น่องเล็กๆกัน"


แม้จะเป็นเหมือนคำพูดลอยๆแต่ผมรู้ว่าน้องมันกำลังใบ้ให้ผมฟัง มันก็เก่งเนาะเห็นแค่นี้ก็คาดเดาเมนูได้แล้ว


ผมแอบยิ้มในใจให้กับคนปากหนักตรงหน้า แม้จะบอกให้ผมทำเองแต่น้องมันก็แอบๆใบ้ช่วยๆอยู่ดี ผมเอาน่องไก่น่องใหญ่เก็บตามคำแนะนำก่อนจะเลือกแต่น่องเล็กๆออกมาแล้วค่อยๆจัดการฝานเนื้อไก่น่องเล็ก หมอกทำตัวเป็นผู้ชมที่ดีดูผมทำเงียบๆแต่ถ้าขั้นตอนไหนที่น้องมันเห็นว่าไม่เวิร์คเจ้าตัวก็จะพูดลอยๆออกมาเอง


แน่นอนว่าผมทำตามแบบไม่โต้แย้งอยู่แล้ว


ไม่ช้าไม่นานนักซุปไก่ถ้วยเล็กก็เสร็จสมบูรณ์ด้วยการทำของผมและการแอบช่วยใบ้ของน้องมัน ผมเตรียมจะยกออกมาให้น้องมันชิมแล้วครับถ้าไม่ติดว่าเสียงเจ๊อินเดินเข้ามาขัดเอาซะก่อน


"หมอก ออกมานี้เร็วๆเข้า นายด้วยนะย่ะนายสิน"


เจ๊อินทำเสียงตกใจก่อนจะลากไ้อ้ตัวเล็กออกไปจากห้องครัว พร้อมๆกับผมที่ออกไปข้างนอก


พอออกมาก็พบว่าพี่ๆเด็กเสิร์ฟกำลังยืนเรียงแถวต่อจากเซฟในร้านต้นเหตุคือชายสูงวัยสองคนที่กำลังก้าวเข้ามาในร้านต่อให้โง่เง่าขนานไหนก็ต้องรู้ว่าเป็นคนระดับใหญ่โต ทุกคนจึงอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นกับแขกวีไอพีก่อนร้านใกล้ปิด ผมเองก็ไม่แตกต่างกันเพียงแต่เหตุผลที่ผมตื่นเต้นไม่ใช่เรื่องนั้น..


"สวัสดีครับ พ่อครัวฝึกหัด ชื่ออะไรนะเรา นายสินใช่มั้ย ?"


ผู้ชายวัยเลยกลางคนที่ดูท่าทางทรงอำนาจเดินมาหยุดอยู่ที่ผมก่อนจะพูดทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส


ผมคงไม่รู้สึกตื่นเ้ต้นหรือเครียดอะไร...


.......ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่'พ่อ'ของผมเอง




                                                              ...............................................



 ขอบคุณทุกคนมากครับ

               
แกะซ่า :pig4:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao3: คุณพ่อมาทักลูกชายเดี๋ยวความก็แตกหรอก

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
"พี่สินพูดไม่ได้ครับท่าน"

ผมก้าวออกไปอยู่ด้านหน้าข้างๆพี่อินในฐานะพ่อครัวของร้านมือรอง แม้ร้านของเราจะไม่ใช่ร้านในเครือของห้างแห่งนี้แต่บุคคลสองคนตรงหน้ามีสิทธ์และเสรีเต็มที่ในการที่จะเซ็นต์แค่กึกเดี่ยวแล้วพวกเราจะไม่มีที่ทำมาหากิืน

"อื้ม...สวัสดีครับคุณหมอก"

"ไม่ต้องเติมคุณหรอกครับท่าน"

เพราะรู้สึกว่าได้รับเกรียตร์มากเกินไปกับคำว่าคุณผมเลยรีบตอบกลับไปล

"งั้นหมอกก็ห้ามเรียกอาว่าท่านได้มั้ย เีีรียกแค่อาก็พอ เรียกท่านแล้วมันเิขิน"

ท่านตอบกลับมาอย่างเป็นกันเอง

"ได้ครับคุณอา"

คนแรกที่ทักทายขึ้นมายังไม่น่าตื่นเต้นเท่าบุคคลตรงหน้าอีกคนที่กำลังมองผมด้วยรอยยิ้ม

"สวัสดีครับ พ่อครัวน้อย"

"สวัสดีครับท่าน"

คุณลุงที่ครั้งหนึ่งเคยมาใช้บริการร้านเรา วันนี้มาในชุดสูทเต็มยศพร้อมกับคุณอาเจ้าของห้าง เล่นเอาพี่ๆบริกรที่เคยก่อเรื่องไว้แทบไม่กล้าเงยหน้าออกจากพื่นร้าน

"ไม่ต้องเกร็งไปหรอกนะ วันนี้อาแค่อยากมาทานข้าวกับคุยเล่นๆนะ ตอนนี้หมอกว่างมั้ย อ้อ อาชื่อเด่นนะ เรียกอาเด่นก็ได้"

อาเด่นพูดอย่างเป็นกันเองก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะ พี่อินกับผมก้าวเดินตามไปส่วนพี่ๆบริกรคนอื่นๆไปประจำจุดอื่น สำหรับลูกค้าVIPขนานนี้เราสองคนบริการเองจะีดีกว่าครับ

"เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนอาชาติ เพื่อนลุงเขามาทานอาหารที่ร้านนี้แล้วติดใจนะ หมอกว่างพ่อจะคุยเล่นกับคนแก่สองคนนี้มั้ย ?"

อาเด่นพูด

ผมหันไปมองหน้าพีฺฺ่อินซึ่งพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตว่า'เต็มที่'

"ค่อนข้างว่างครับ"

"งั้นช่วยมาคุยเล่นกับอาทีนะ อ้อ อาอยากทานอาหารไปด้วยคุยไปด้วย จะเป็นการรบกวนไปมั้ยถ้าเราอยากจะลองฝีมือเซฟที่เราส่งมาฝึกงานกับที่นี้"

อาเด่นพูดต่อ

ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ มันก็จริงอย่างที่อาเด่นว่าไว้ในประโยค ฟังผ่านๆเหมือนมันไม่มีอะไรแต่ใจความจริงๆคือ'เราอยากทดสอบฝีมือคนของเรา'

แต่พี่สินเองยังไม่เก่งพอขนานจะบินเดี่ยวได้หรอกครับ

'ไ้ด้สิครับ เดี่ยวผมทำให้ทานเอง'

ไม่ทันที่ผมจะตอบรับหรือบอกปัีดคนถูกเรียกทดสอบก็ตอบรับคำแทนซะเองด้วยการเขียนโน้ตแล้วยื่นให้อาเด่น ผมแอบสังเกตเห็นว่าอาชาติเองก็พยายามกลั้นขำเรื่องอะไรสักอย่างเต็มที่อยู่

"ได้ อากับอาชาติทานอะไรก็ไ้ด้ เดี่ยวเราช่วยทำมาให้อาๆทานนี้นะ"

จบคำของอาเด่นพี่สินก็เิดินเข้าครัวไป

"หมอกนั่งลงเลยนะ ไหนๆก็ไหนๆมารอชิมด้วยกันเลย"

ประโยคแฝงความนัยที่ขัดผมไว้อีกรอบดังขึ้น ตอนแรกผมกะจะขอตัวไปเปลี่ยนเสื่อผ้าแล้วจะแวะไปช่วยพี่มันสักหน่อย ทุกอย่างต้ิองพังลงเพราะคุณอาขัดไว้

พี่อินดันผมให้นั่งลงก่อนเจ๊แกจะพูดเบาๆว่า'สู้ๆ'แล้วก็เดินไปหลบข้างๆเพราะรู้ตัวว่าไม่ได้ถูกเชิญ ทิ้งไว้เพียงผม อาเด่นแล้วก็อาชาติที่ยังนั่งปั้นหน้ายิ้มอยู่


"หมอกคิดว่าในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ห้างเราควรจัดแคมเปญแบบไหนเพื่อกระตุ้นยอดขายดี"

พอนั่งไม่ถึงนาทีคำถามแรกก็ออกมาจากปากอาเด่น ไหนอาว่าคุยกันเล่นๆไงครับ ไอ้คำถามนี้มันเจาะลึกเลยนะนั้น

ผมเค้นคำตอบจากในหัวก่อนจะค่อยๆเรียบเรียงความคิดสร้างประโยคที่ดูฟังง่ายๆออกมา ไม่ถึงห้านาทีก็พร้อมตอบคำถาม

"การกระตุ้นยอดขาย ต้องดูก่อนครับว่าคุณอาเองวางแผนไว้แบบไหน ระยะสั้น  ระยะยาว หรือระยะกลาง อีกทั้งหมอกไม่รู้ปัจจัยต่างๆของ'ภายใน'ดีนักหมอกจึงไม่สามารถตอบคุณอาได้ว่าควรจะจัดแคมเปญแบบไหนเพื่อกระตุ้นยอดขายและเป็นวิธีที่เซฟที่สุด แต่จากการสังเกตของหมอกห้างของคุณอาเองยังอยู่ในกระแสที่เป็นที่นิยมครับ"

ผมพยายามตอบแบบรักษาทั้งตัวเองและคนฟัง ไม่ตอบแบบเจาะจงหรือลึกมากเกินไป

อย่าพยายามอวดเก่งต่อหน้าคนที่รู้ลึกกว่าเราครับ... ที่คุณอาถามมาก็แค่หินเสี่ยงทายเท่านั้นเองมันไม่มีความจำเป็นอะไีรเลยที่จะต้องมาถามกับพ่อครัวในร้านบนห้างของตัวเอง ผมรู้ตัวว่าแค่เขาอยากจะทดสอบเล่นก็เท่านั้น


"แล้วหมอกคิดว่า ห้างเราจะเป็นที่นิยมแบบนี้ไปอีกนานมั้ย ?"

อาชาติถามบ้าง

อันนี้เป็นคำถามที่ปลายเปิืดที่ให้สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ครับ แต่นั้นหมายความว่าคุณสามารถปั้นคำตอบให้ออกมาไม่เกินจริงแต่ไม่ติดลบเกินไปนะน่ะ

"จากกระแสของห้างต่างๆตอนนี้ ห้างของเราจะเป็นที่'นิยม'ไปสักพักใหญ่ๆพอสมควรครับ ด้วยการโหมเชียร์ของตัวโฆษณาที่ทางห้างทำออกมา และจากการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงภายในห้างตามจุดต่างๆที่หมอกคิดว่าอาชาติเป็นคนเสนอไปรวมทั้งการที่ห้างเราเพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่นาน แต่ทางฝั่งคู่แข่งของเราเองเขาก็วางแผนในการรับมือระยะยาวเหมือนกัน หมอกจึงคิดว่าห้างของเราควรหา'เอกลักษณ์'ของตัวเองเพื่อที่จะได้เรียกให้ผู้คนเข้ามาใช้บริการของห้างเราครับ"

คุณอาทั้งสองคนพยักหน้ารับรู้และเข้าใจ

"แล้วหมอกคิดว่า ภายในห้างของเรามีอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ดีละ ?"

ผมเงียบไปกับคำถามก่อนจะคว้านหาความรู้ ความเข้าใจจากสิ่งที่รู้ในหัวออกมาตอบ

"อะไรก็ได้ครับ ที่จะสร้างความทรงจำให้กับผู้คน หมอกขอยกตัวอย่างนะครับ เช่นเวลาคุณอาเจอกระปุกออมสินสีชมพูหรือช้างสีชมพูคุณอาจะคิดถึงอะไรครับ ? หรือเวลาที่คุณอาไปห้าง มีห้างไหนบ้างที่สร้างกลยุทธ์เล็กๆที่แอบแฝงอย่างแนบเนียน เช่นบันไดเลื่อนที่เป็นทางเรียบตรงทั้งขาขึ้นและขาลง คุณอาอาจจะเห็นว่าไม่จำเป็นแต่จริงๆแล้วความแตกต่างเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ส่งผลนะครับ ถ้าลองสังเกตผลลัพท์ดีๆ เพราะ'ความแตกต่าง'และ'ดีกว่า'ของสิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ไม่ใช่เหรอครับ ที่จะนำมาซึ่งความทรงจำระยะยาวของผู้คนและทำให้เขาอยากกลับมาใช้บริการที่ห้างนั้นๆอีก"

ผมยกตัวอย่างธุรกิจที่มีจุดเด่นและเอกลักษณ์ในตัวเองให้่อาทั้งสองฟังก่อนท่านจะรับฟังแล้วพยักหน้าตาม

"อื้ม....แล้วถ้าอาอยากจะพัฒนาคุณภาพของบุคคลากรในห้างของอาล่ะ"

"นี้เป็นอีกคำถามที่หมอกตอบได้แบบไม่ชัดเจนครับ อย่างที่กล่าวไว้ก่อนหน้า หมอกรู้เพียงแค่เรื่อง'ภายนอก'แต่ไม่ได้รู้เรื่อง'ภายใน'มากพอที่จะชี้แนะหรือนำเสนอแนวทางได้อย่างชัดเจนครับ แต่วิธีการพัฒนาบุคคลกรมีหลากหลายมากครับ แล้วก็หลายด้านมาก ยกตัวอย่างการกระตุ้นการอยากทำงานของพนักงานที่หมอกเคยรู้มา เช่นการวางเป้าหมายหรือแผนการในระยะสั้นๆเพื่อสร้างเสริมกำลังใจและการหาอะไรให้พนักงานได้ตื่นตัวกัน ที่หมอกเคยเจอก็มี 'การ์ดบันทึกความดี' ลักษณะคือการให้พนักงานเขียนการ์ดประจำวันสั้นๆในแต่ละเดือนว่าวันนี้ พวกเขาได้พบเจออะไรบ้าง นอกจากจะเป็นการระบายความเครียดไปในตัวแล้วเรายังได้ประโยชน์จากการ์ดพวกนี้ครับรับรู้ความเป็นไปว่าพนักงานต้องการอะไร อะไรคืออุปสรรคในการทำงาน และการตั้งรางวัลไว้ เช่นใครเขียนครบหนึ่งเดือนแบบไม่ขาดจะได้รับรางวันอะไรก็ว่ากันไปครับ มันเป็นจิตวิทยาเล็กๆที่เมืองนอกนิยมใช้กัน"


ผมร่ายยาวเท่าที่ความรู้ในหัวจะเอื้ออำนวยให้ คุณอาสองคนยังคงแต่รับฟังแล้วพยักหน้าเข้าใจ





                                                                        ---------------------------------------

เจอกันตอนหน้าครับ  :กอด1: ขอบคุณทุกบวกเป็ดและคอมเม้นท์ครับ





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2014 05:51:22 โดย อโลลาน »

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าน้องหมอกเรียนแค่ ม.ปลาย
รึน้องแกเคยไปเข้าคอร์สการจัดการและบริหารเบื้องต้น
เหมือนน้องแกเคยสัมผัสวงการนี้มาก่อนเป็นพ่อครัวเลยอ่ะ

ว่าแต่พี่สินทำอะไรได้อีกนอกจาก 'ซุปไก่' นะ

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4

ออฟไลน์ tpaibull

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มาจิ้มไว้เป็นกำลังใจก่อนครับ
อ่านได้แค่ 2 ตอนเอง สงสารชีวิตน้องเทสจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป

ผมเดินแยกกับน้องหมอกกลับเข้ามาในครัว รู้สึกโล่งอกนิดๆที่พ่อยังไม่หักหน้าผมด้วยการเปิดเผยเรื่องจริงทั้งหมด แต่ผมรู้ดีว่ากลับบ้านไปนั้นแหละต้องหาเหตุผลดีๆมาให้พ่อยอมรับ ไม่งั้นล่ะก็วุ่นแน่ๆ

ทำอะไรให้พ่อทานดี ?

ไม่สิ...

เปลี่ยนเป็นผม'ทำอะไรเป็น'จะง่ายกว่า...

ผมคิดกับตัวเองในใจก่อนจะเดินไปดูวัตถุดิบในตู้เย็น งานนี้ผมโดนปล่อยให้บินเดี่ยวชัวร์ๆจากการที่ไม่มีเซฟคนไหนเดินเข้ามาในครัว นี้พ่อคิดจะแกล้งลูกชายตัวเองอีกแล้วสินะ

เอาวะ อย่างน้อยๆก็มีซุปไก่แล้วชามหนึ่ง แต่อย่างน้อยๆคงต้องทำไปอีกสักอย่าง...เอาไงดี ???

ผมเริ่มเดินหาตัวช่วยในครัว เพื่อว่าจะมีหนังสือทำอาหารหรือว่าอะไร รู้สึกเสียใจที่ตัวเองพลาดลืมเอาสมาร์ทโฟนที่เข้าเน็ตได้มา เพราะตอนนี้ผมอยุ่ในคราบของนายสิน จึงเอาแต่บีบีเครื่องเก่าของตัวเองเอามาไว้พิมพ์สื่อสารก็เท่านั้น...

แล้วผมก็พบว่า ในครัวมันไม่มีไอ้หนังสือที่ผมต้องการเลยแม้แต่เล่มเดี่ยว

ทันใดนั้นสายตาของผมก็เบนเข็มไปที่กระเป๋าของใครบางคน... หมอกเป็นคนเดี่ยวในครัวที่แขวนกระเป๋าไว้ด้านใน

เอาวะ ... ถ้าลองอธิบายให้น้องมันฟัง มันคงไม่โกรธผมหรอกมั่งที่แอบไปเปิดกระเป๋าโดยไม่ได้ขออณุญาตก่อนเนี้ย...

ผมเดินไปเปิดกระเป๋าถือจาคอปของน้องมันก่อนจะไล่ค้นไปเรื่อยๆจนกระทั้งไปเจอกับหนังสือเล่มหนึ่ง

'108วิธีทำอาหารเยอรมัน'

เอาวะ...ดีกว่าไม่มีอะไรให้อ้างอิงเลย

ผมหยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋าก่อนจะค่อยๆเปิดดูสารบัญแล้วพบว่า...มันเกินความสามารถของผมไปมากโขและส่วนใหญ่เป็นอาหารหรูๆที่ใช้เวลาในการทำนานมากกว่าปกติ

พอคิดได้แบบนั้นเลยตัดสินใจจะยัดมันเข้าไปคืนที่เดิม แต่สมุดเล่มสีเทาอีกเล่มหนึ่งหล่นลงมา

ผมขมวดคิ้วก่อนจะถือวิสาสะเปิดไล่ดู...

ในหน้ากระดาษแต่ละหน้าจะลงบันทึกประจำวันไว้พร้อมกับวันเวลาต่างๆ ผมเปิดผ่านๆก่อนจะไปสะดุดกับข้อความในกระดาษหน้าหนึ่ง...

'อีกสองเดือนเองเหรอ... ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ ตายเลยง่ายกว่ามั้ย ??? :'( '

ผมตกใจไปกับข้อความที่อ่าน ไม่คิดเหมือนกันว่าเด็กที่ดูร่าเริงแจ่มใสอย่างหมอกจะมีโมเม้นท์แบบนี้จนถึงขนานเขียนลงบันทึกประจำวัน ที่สำคัญคือหน้ากระดาษนี้มันเปียกเป็นดวงๆตามจุดต่างๆ ถ้าให้ผมเดา...

คงร้องไห้ไปด้วยเขียนไปด้วย...

อยากเปิดอ่านให้จบนะครับ แต่เวลามันไม่เอื้ออำนวย

ผมตัดสินใจเก็บสมุดสีเทาเล่มนั้นซ่อนไว้ในช่องเก็บของด้านล่างก่อนจะยืนสงบความคิดทุกอย่างลง

สิ่งที่ต้องทำตอนนี้ก็คืออาหารหนึ่งจาน...

พอตัดสินใจได้แล้วผมเดินไปเลือกวัตถุดิบออกมาหลายๆอย่าง สงสัยงานนี้คงไม่พ้นข้าวผัดที่น้องมันเคยสอนทำอีกเป็นแน่แท้ แต่เวลาตอนนี้มันนานเกินไปเกินกว่าจะคิดเรื่องอื่น

แม้ในใจจะรู้สึกหนักอึ่งกับสิ่งที่อีกคนกำลังเผชิญก็เถอะ...


                                                              ....................................................

'ฟู่...'

ผมถอนหายใจโล่งออกมา ไม่ถึงยี่สิบหน้าที่ข้าวผัดสองจานพร้อมไข่ดาวอีกจานละฟองก็เสร็จสมบูรณ์พร้อมเสิร์ฟ ผมยกมันออกมาพร้อมกันก่อนจะเดินออกไปนอกครัว

ตอนนี้เห็นน้องหมอกยืนนั่งคุยกับพ่อของผมและอาชาติอยู่ ผมเดินเอาข้าวผัดสองจานเข้าไปแล้วค่อยๆวางลงพร้อมกับซุปไก่

"มาพอดีเลยนะ กำลังหิวเลย มะ ชาติลองกินกันดู ฉันอยากจะรู้ฝีมือพ่อครัวของห้างเราวะ"

พ่อผมพูดยิ้มๆก่อนจะยิ้มโหดๆมาให้ผม ส่วนอาชาตินะเหรอครับ นั่งกั้นขำอยู่ ก็ทั้งอาทั้งพ่อผมเห็นผมมาตั้งแต่เด็กๆต่อให้ปลอมมากกว่านี้แต่เชื่อเถอะ ยังไงๆก็ยังจำกันได้อยู่ดี

ทั้งสองคนนั่งทานกันไปเรื่อยๆจนเกือบๆครึ่งจาน...

"อร่อยดีนะ...ใช้ได้หรือยังไงวะเด่น ?"

อาชาติพูดหลังทานไปได้พอสมควร ส่วนพ่อหันมามองหน้าผมก่อนจะพูด

"ก็อร่อยดีนะ..ฝีมือใช้ได้"

นั้นถือเป็นคำชมและแปลว่าผมน่าจะรอดแล้ว...มั่ง

"วันนี้อาสองคนรู้สึกสนุกมากนะที่ได้คุยกับหมอก อาหวังว่าวันหน้ามาทานที่นี้เราจะได้คุยกันเรื่อยเปือยแบบนี้อีกนะ"

พ่อผมพูดกับน้องหมอกหลังจากทั้งคู่ทานข้าวจบ ต่อให้ไม่ได้อยู่ฟังแต่ผมก็เชื่อได้ว่าไอ้การคุยกันเรื่อยเปือยคงไม่ทำให้ไอ้ตัวเล็กมันหน้าซีดได้ขนานนี้หรอก...

หลังจากส่งทั้งสองท่านเสร็จ ตอนก่อนออกจากร้านพ่อผมหันมาพูดแบบไม่ออกเสียงว่า'เจอกันที่บ้าน'

สรุปคือ...ยังไงก็ยังไม่รอดสินะ..

ผมปาดเหงือออกจากขมับพลางคิดหาข้อแก้ตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ตอนนี้เกือบๆจะสามทุ่มกว่้าแล้วครับได้เวลาปิดร้านแล้ว

"หมดเรื่องแล้ว ช่วยๆกันปิดร้านเถอะจะได้กลับบ้านกัน"

ไอ้ตัวเล็กว่าก่อนจะเดินเข้าไปในครัว คนอื่นๆก็ช่วยๆกันทยอยเก็บข้าวเก็บของเตรียมจะปิดร้านกัน

แล้วหนึ่งวันในครัวของผมก็ผ่านไปได้ด้วยดี..

                                                           .............................................


หลังจากปิดร้านเสร็จ พวกเราทั้งหมดในร้านต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน วันนี้น้องเทสมารับหมอกครับ เกือบหลบไม่ทัน(กลัวน้องมันจำได้นั้นแหละ)ผมเลืิอกที่จะใช้บริการรถแท็กซี ไม่นานก็ถึงบ้านของตัวเอง

ไฟในบ้านยังคงเปิดอยู่...

ผมกระเดือกน้ำลายลงคอฝืดๆก่อนจะไขประตูเข้าไปในบ้าน

ร่างของบุคคลที่คุ้นตายังคงนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ผมเดินเ้ข้าไปเงียบๆแล้วนั่งข้างๆท่าน

"สนุกมั้ยล่ะหึเรา ...ซนใหญ่เลยนะ"

พ่อผมกล่าวเบาๆหลังผมนั่งลง

ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆจริงๆครับ ผมนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะอธิบายให้พ่อฟังเรื่องนี้ยังไงดี เรื่องของปรายนอกจากไอ้หว้าแล้วก็ไม่มีใครรู้ เรื่องของน้องหมอกผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายยังไง

ยิ่งเรื่องความรู้สึกในใจ...ผมไม่รู้จริงๆว่าจะอธิบายกับพ่อยังไง...

"ปัน...ลูกนะอายุ24แล้วนะ"

"........................"

"พ่อจะไม่คาดคั้นเราว่าเราทำอะไรลงไป หรือทำไปเพื่ออะไร แต่พ่อจะเืตือนปันนะลูกในฐานะที่พ่อเป็นพ่อ คนเรานะความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญนะ...ถ้าเกิืดเรื่องมันแดงขึ้นมา สิ่งที่จะเสียไปปันอาจจะเรียกคืนไม่ได้ก็ได้นะ..."

"........................"

"พ่ออยากให้เราคิด และพิจารณาให้ดีๆก่อนที่จะทำอะไรลงไป จะได้ไม่เสียใจในภายหลัง..."

ผมยังนั่งฟังพ่อพูดต่อไปเงียบๆ

"ที่พ่อจะพูดก็มีเท่านี้แหละ"

"พ่อครับ..."

"อะไร"

"ผมรักพ่อนะ..."

ผมพูดก่อนจะกอดพ่อแรงๆ...ไม่ได้กอดพ่อมานานมากแล้วเหมือนกันครับ

"ลูกผู้ชายเขาพิสูจน์กันด้วยการกระทำเว้ยไอ้ลูกหมา"

พอพูดจบพ่อก็ขยี้หัวผมเล่น จนผมคอเอียงไป

พ่อของผมก็ยังเป็นพ่อคนเดิม ไม่เคยคาดคั้นผมไม่ว่าผมจะทำอะไร แต่จะคอยตักเตือนและชี้แนะหากสิ่งที่ผมทำมันไม่ถูก ไม่ควร

ผมดีใจจริงๆที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อ...

หลังจากคุยเรื่องสัมเพเหระเสร็จ ผมขอตัวพ่อขึ้นไปในห้่องก่อนจะเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ คืนนี้ยังมีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากทำก่อนนอนครับ..


สมุดสีเทาๆที่เอากลับมาด้วยจากที่ร้าน...มันดูเหมือนจะเชื่อเชิญให้ผมอยากอ่านมันจริงๆนั้นแหละ....




                                                                   ...........................................


แกะก็ไม่รู้จะพูดอะไร นอกจากภาวนาให้ความหวานในตอนแรกๆ...

ช่วยประครองน้ำตาของคนสองคน ...ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี


ขอบคุณครับทุกคน

แกะซ่า  :กอด1:

                           








ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao5: บันทึกดราม่ามาแล้ว ฮือฮือ
หวังว่าปันอ่านแล้วจะหาทางช่วยหมอกนะ
ไม่ใช่ว่าอ่านแล้วดันกลายเป็นความสงสาร ไม่ใช่ความรัก อันนี้ดราม่ากันในอนาคตเลยนะ

พ่อปันนี่เริ่มสงสัยเหรอว่าปันชอบหมอก รึหมายถึงแค่ ทำไมปันถึงปลอมตัว

ออฟไลน์ tpaibull

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เฮ้อ สมุดสีเทามาแล้ว
เตรียมมาม่าชามใหญ่ๆไว้ได้เลย

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
ไม่มี !!!

ผมเทกระเป๋าจาคอปนร.ของตัวเองลงกับเตียงแทบจะแงะหนังมันขึ้นมาด้วยซ้ำเพราะสิ่งสำคัญของผมหายไป !!!

สมุดบันทึกประจำวันของผม !!!

"แม่ม...ลืมไว้ไหนว่ะ ??"

ผมสถบอย่างหงุดหงิดเพราะนึกไม่ออกว่าตัวเองดันทะเล่อทะล่าไปวางทิ้งไว้ที่ไหน แล้วตอนไหนกันที่มันหายไป

ด้วยความที่ผมไม่เคยเอามันออกห่างจากตัวสักครั้งนอกจากตอนที่เข้าครัว ผมมั่นใจแน่ๆว่าตัวเองไม่ได้ลืมไว้ที่โรงเีรียน

แล้วงั้นมันอยู่ที่ไหนวะ !!!

ผมยืนสงบสติอารมณ์คิดทบทวนเรื่องทุกอย่างในวันนี้ ไอ้เต้มีท่าทีแปลกๆแต่ึคิดว่าไม่ใช่ สายฟ้าเองก็ทำท่าจะเดินเข้ามาหลายรอบแต่หยุดท้ายก็ไม่เดินเข้ามา ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องอะไรแต่ดูเหมือนพวกมันจะทะเลาะกัน

OK. แต่ตอนนี้จำเป็นต้องตัดเรื่องพวกมันทิ้งไปก่อนครับ

พอตอนพักกลาง ทั้งคู่ก็หายไป แต่ตอนนั้นสมุดยังอยู่ในกระเป๋าผมแน่นอน...

กระเป๋าจาคอปใบนี้อยู่กับผมตลอดเวลายกเว้น...

ตอนเข้าครัว

แล้ววันนี้เองก็ยุ่งมากๆเอาซะด้วย และผมคิดว่าคนในครัวเองก็ไม่มีใครว่างมากพอขนานจะเปิดกระเป๋าผมเล่นแล้วเอาไดอารี่ออกไป

ถ้างั้น.... มันหายไปไหน ?

สิ่งที่ผมกลัว... ไม่ใช่กลัวว่าใครจะ่อ่านแล้วตกใจหรือรังเกรียจกับชีวิตของผม แต่สมุดเล่มนั้นคือสิ่งสุดท้ายที่ยืนยันตัวผมในฐานะ'หมอก'เด็กกำพร้าจากบ้านเมตตา

สมุดเล่มที่ได้มาจากบ้านเด็กกำพร้าก่อนที่ผมจะออกมาพร้อมพี่เทส เป็นสมุดที่'คุณแม่'ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงผมที่นั้น ท่านบอกไว้ว่าคนที่พาผมมาส่งจากรถปอเต๊งตึ่งเขาให้ไว้ดูแทนของต่างหน้าตอนผมเด็กๆ แน่ละผมยังจำความไม่ได้หรอกว่าคนที่พาผมออกมาจากรถปอเต๊งตึ่งเป็นใคร เพียงแค่คาดเดาไปเองว่าน่าจะเป็นผู้หญิงเพราะจากคำสรรพนามที่คุณแม่เรียกเขาว่า'เธอ'

สมุดเล่มนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากของสำคัญที่สุดในชีวิตผมเลยจริงๆ เพราะคนที่ให้มันมาทำให้ผมอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้...

แต่บัดนี้...มันหายไป !!!

ผมเดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่นเพราะนึกไม่ออกจริงๆว่าตัวเองเผลอเร่อเอาไปทิ้งไว้ที่ไหนรึเปล่า แต่สุดท้ายก็หมดแรงล้มลงกับเตียง

หรือว่าผมจะต้องสูญเสียมันไปจริงๆ...

แค่คิดก็ร่างกายก็รู้สึกอ่อนล้าจนน้ำตามันไหลออกมา

แม้ผมจะพยายามไม่ึคิดถึงวันเวลาที่มันเดินเข้ามาเรื่อยๆแต่ก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว

ระยะเวลาสองเดือน ทำไม...มันถึงได้ดูสั้นลงขนานนี้นะ...

ไม่เอา....ผมไม่อยากเป็นเลย....

ผม...ไม่อยากขายตัว...................




                                                           ............................................................


"โยธาวิน"

"มาครับ"

ผมตอบด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น เพราะเมื่อคืนแทบไม่ได้นอนจากการร้องไห้ แถมวันนี้ไอ้เต้ก็หายตัวไปพร้อมๆกับสายฟ้าโทร.ไปก็ไม่มีสัญญาณจนผมหมดที่พึ่งที่พอจะระบายความรู้สึกภายในออกไปได้บ้างปกติเต้ไม่เคยขาดเรียนโดยไม่บอกผม แต่ผมเองก็เพิ่งสังเกตได้ว่าเต้มันเปลี่ยนไป อาจจะเป็นเพราะผมกำลังกังวลแต่เรื่องของตัวเองจนลืมใส่ใจกับเรื่องของเพื่อนสนิท ขนานมันขาดเรียนวันนี้ผมยังไม่รู้เลยว่ามันหายไปไหน

วันนี้ทั้งวันผมแทบจะเรียนไม่รู้เรื่อง หูตามันอื้อไปหมด ผมเลิกเรีียนอย่างหงอยๆก่อนจะพาตัวเองไปที่ร้านอาหารของพี่อิน

"วันนี้นายสินขาดนะ"

พี่อินบอกผมหลังจากเข้างานได้ประมาณเกือบชั่วโมง ผมให้เบอร์อีกฝ่ายแ่ต่ก็ลืมขอเบอร์อีกฝ่ายไว้ พอเข้าไปดูในเฟสก็ไม่เป็นพี่สินออน

นี้วันนี้ทุกคนรวมหัวทิ้งผมรึเปล่า...แม้กระทั้งพี่เทสก็ยังหายไปเลย...

ผมทำอาหารอย่างหงอยๆต่อไปเรื่อยๆ อะไรๆก็ดูเหมือนจะไม่เป็นใจ กระทั้งวัตถุดิบในตู้เย็นก็ยังหมดทั้งๆที่มันจะมีเหลือเฟื้อซะด้วยซ้ำไป

เพราะวันนี้ของมีน้อย ไม่ถึงหนึ่งทุ่มพี่อินก็ปิืดร้าน ความจริงพี่มันทักผมแล้วละว่าเป็นอะไรรึเปล่าทำไมดูหม่นๆแต่สิ่งที่อยู่ในใจของผมบอกใครออกไปไม่ได้จริงๆ...

ผมเดินออกจากร้านแบบมึนๆก่อนตัวเองจะเดินไปชนผู้หญิงคนหนึ่งเข้า

"โอ๊ย!!!"

"ขะ..ขอโทษครับ"

ผมรีบขอโทษก่อนจะรีบเข้าไปช่วยพยุงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งโดนผมชนเพราะความเหมอลอย พอตั้งหลักขึ้นมาได้คุณน้าก็มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

"หนู..ชื่อหมอกรึเปล่าจ๊ะ ?"

คุณน้าถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นจนผมสงสัย ก่อนแกจะไล่ลูบแขนผมทั้งสองข้างแล้วกำแน่นรอฟังคำตอบ

"เออ..ใช่ครับผมชื่อหมอก"

วินาทีที่ผมพูดจบน้าแกก็ดึงผมไปกอดเต็มรักก่อนจะหอมซ้ายหอมขวาไม่ทันอธิบายอะไรให้ผมฟัง

"หมอก หมอกจำน้าได้มั้ย ?? โห ไม่คิดเลยนะเนี้ยว่าจะได้เจอหมอกอีกครั้ง รู้มั้ยตอนนั้นหมอกตัวเล็กกว่้านี้มากเลยนะ ผิวก็ขวากว่านี้มาก แต่ตอนนั้นเรายังเด็กมากจริงๆคงจำน้าไม่ได้หรอก ใช่มั้ย ?"

ผมพยักหน้าหงึกๆยอมรับด้วยความงงๆว่าผู้หญิงคนตรงหน้านี้คือใคร

"น้าชื่อพะเยา เป็นเพื่อนกับแม่มณีคนที่เอาหมอกไปฝากไว้ที่บ้านเด็กกำพร้าไง"

พอพูดถึงจุดๆนี้ผมเองก็แทบจะกระโดดจนตัวลอย

"จริงเหรอครับ ? แล้ว แล้วคนที่เอาหมอกไปฝากตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนเหรอครับ ???"

แม้จะไม่ใช่แม่แท้่ๆของผม แต่ถ้าไม่มีผู้หญิงคนที่ชื่อมณีป่านี้ผมเองอาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็เป็นไปได้

"โอ๊ย แม่มณีนะหลังจากที่ได้สามีใหม่แกไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศจนได้ดิบได้ดีกับสามีแกพักใหญ่นั้นแหละ ความจริงน้าได้ข่าวว่าแกกะจะไปขอหนูจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นแ้ล้วแต่พอไปถึงเขาก็บอกว่้าหนูหมอกได้รับการอุปการเลี้ยงดูซะแล้ว แถมที่อยู่ก็ติดต่อไม่ได้"

"เหรอครับ...."

ผมดีใจจนพูดไม่ออกกับข่าวที่ได้ยิน ยังน้อยๆถ้าผมได้เจอกับคุณน้ามณี ผมอาจจะรู้ก็ได้ว่าจริงๆแล้วตัวเองเป็นลูกหลานของใคร ต้นกำเนิดมาจากไหน พ่อแม่ของผมล่ะ...

ทำไมเขาถึงปล่อยให้ผมตกอยู่ในสภาพนี้ได้....

"เอายังงี้แล้วกัน วันเสาร์นี้น้ามีนัดกับแม่มณีอยู่พอดี หนูหมอกว่างจะไปเจอแม่มณีกับน้ามั้ยล่ะ ?"

ผมพยักหน้ารัวๆก่อนคุณน้าพะเยาจะขอเบอร์โทร.ของผมไว้พร้อมนัดหมา่ยให้มาเจอกันวันเสาร์นี้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง

หลังจากแยกย้ายกันไปกับคุณน้า ผมตัวลอยดีใจอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยๆแปลว่าเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับผมกำลังจะได้รับรู้ใช่มั้ย ? ผมเดินยิ้มไปเตรียมตัวจะกลับบ้าน อย่างน้อยๆในวันที่ฟ้าไม่แจ่มใสสำหรับผมก็ยังมีเรื่องดีๆมาให้พอชื่นใจบ้าง

'ตื๊ด ตื๊ด'

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนผมจะกดรับสาย

เบอร์ไม่คุ้นแหะ ....

"สวัสดีครับ"

"หมอกนี้พี่ปันนะ"

"ครับพี่ปัน สวัสดีครับพี่"

ผมกรอกเสียงลงไปก่อนที่ปลายเสียงจะเงียบไปแปปหนึ่ง

"ตอนนี้เราอยู่ไหนเหรอ ?"

"ห้าง...ครับ"

"พี่มีเรื่องอยากคุยกับหมอก...หมอกรอพี่อยู่ที่ห้างนั้นก่อนนะ...."

จบคำปลายสายก็วางไม่รอให้ผมตอบรับหรือปฏิเสธ...

พี่ปั้นมีเรื่องอะไรกับผมนะ ?



                                                                           .......................................


ขอบคุณสำหรับทุึกคอมเม้นท์และบวกเป็ดครับ

แกะซ่า :กอด1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2014 13:06:01 โดย อโลลาน »

ออฟไลน์ tpaibull

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เย้ ขอบคุณครับ
ไม่อยากให้หายไปนานเลย
คิดถึ้ง คิดถึง

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
คุณชายปันอ่านบันทึกแล้วก็รู้ความจริงหมดแล้วสิ

ไม่ใช่เรื่องพลิกเปลี่ยนเป็น SM นะ
กลายเป็นปันไปซื้อหมอกมาปู้ยี้ปู้ยำ  :mew5:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
สงสารหมอกบอกเลย
เมื่อไหร่หมอกจะหลุดพ้นจากบ้านหลังนั้นซะที
คุนแกะอีกนานมั้ยกว่าจะหวานนน

ออฟไลน์ IRIS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 434
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ถ้าพี่ปันได้อ่านแล้ว ขอให้รัก และเห็นใจน้อง ช่วยน้องออกจากนรกนั้นให้ได้นะ

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ คนอ่านทุกท่าน  มาขอลาพักร้อนสักพักรู้สึกหมดไฟครับหมดแรงจะปั้นต่อขอพักเติมไฟสักพัก


ไม่นานอาจกลับมา................


ขอบคุณทุกคนมากๆครับ ขอเวลาทบทวนตัวเองหน่อยครับ


แกะซ่า  :ling2: ....(หมดไฟ) 


ปล. กลับมาีอีกครั้งสัญญาว่าจะลงจนจบ 

ห๊ะอะไีรนะ มึงแต่งจบแล้วเหรอ  อุ๊ปปปปปปปปปปปป  :hao7: :hao7: :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2014 14:53:30 โดย อโลลาน »

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
รอได้จ้า

ไปจุดไฟเติมไฟให้ตัวเองเยอะๆเลยนะ

ถึงเราจะคิดถึง หมอก ปัน เต้ สายฟ้า ก็ตาม  :ling1:
ขอให้คุณแกะกลับมาพร้อมกับนิยายล็อตใหญ่
เราล่ะ อยากอ่านมาก ว่างก็แต่งชลหมีด้วยนะจ๊ะ

ปอเสื่อรอ (เพื่อกดดัน) ตั้งแต่วันนี้  :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
ตีสองแล้ว...

ผมทิ้งตัวลงไปกับเตียงนอนหลังจากอ่านบันทึกในกระดาษ300กว่าหน้าจบ....

ที่ผ่านมาตลอดเวลาภายใต้รอยยิ้มที่สดใสของน้องมัน...มัน'ขม'ขนานนี้เลยเหรอครับ ?

แกล้งทำตัวเป็นปกติ ไม่มีปัญหาอะไร แล้วยิ้มสู้ต่อไป...

ทั้งๆที่จริงแล้วภายในกำลังรู้สึกหวาดกลัว รู้สึกแย่ ถึงขนานอยากจะตายลงไปให้ได้

แต่สุดท้ายแล้วน้องมันก็ยังเดินต่อ...

ไม่มีวันไหนเลยที่น้องมันจะคิดว่าจะยอมแพ้ จะหยุดอยู๋แค่นั้นแล้วรอรับชะตากรรมที่โหดร้าย

ทุกๆวันของน้องมัน แม้อาจจะวนเวียนแค่โีรงเรียน ร้านอาหาร และที่บ้าน แต่ไม่มีวันไหนเลยที่น้องมันจะเขียนว่ายอมแพ้รึว่าพอแล้ว...

แล้วถ้าเป็นผมล่ะ ?

ถ้าผมต้องเกิดมาไม่มีพ่อไม่มีแม่

ไม่มีใครเข้าใจและต้องเจอกับสภาพที่โหดร้ายขนาดนั้น...

ผมจะเดินต่อไปไหวมั้ยนะ ? แล้วผมจะยิ้มสู้ได้อย่างมันรึป่าว ?

แค่คิดก็รู้สึกปวดร้าวแทนแล้ว...

เด็กตัวเล็กๆคนหนึ่ง อายุแค่สิบหกแต่กลับต้องเจอกับอะไรที่มันหนักหนาสาหัสขนานนี้...

ผมสูดหายใจลึกๆก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันไดอารี่ของน้องมันยังวางอยู่ที่หัวเตียงข้างๆผ้าเช็ดหน้าที่น้องมันเคยให้มา

ครั้งที่แล้วมันช่วยเช็ดน้ำตาให้กับผม

ครั้งนี้ผมเองจะช่วยเช็ดน้ำตาให้กับมันบ้าง...

ผมจะต้องทำให้ได้.....


                                                                     ....................................


"ไม่ กูไม่เห็นด้วย"

ไอ้เฟรมว่าเสียงเรียบ

ผมขมวดคิ้วสงสัยกับคำตอบของมัน

หลังจากเมื่อวานที่ผมตัดสินใจจะช่วยหมอกแล้ว ผมเองต้องลากให้คนที่รู้เรื่องนี้ดีมาเครียล์ผมไม่เชื่อหรอกว่ามันจะไม่รู้เรื่องของน้องเทส แล้วว่าผิดซะเมื่อไหร่ล่ะมันรู้เรื่องทั้งหมดดีอยู่แล้วแต่ไม่ยอมบอกผม

น่ากระทืบจริงๆ...

"ทำไมมึงถึงไม่ให้กูแจ้งตำรวจ"

"ไหนล่ะ หลักฐาน ?"

พอโดนย้อนกลับมาแบบนั้นผมก็สะอึก จริงสิต่อให้แจ้งตำรวจไปแล้วไหนล่ะหลักฐาน...

พอมันเห็นผมนั่งเงียบไปมันก็พูดต่อ

"กูมีแผน"

"ยังไง ?"

"ก็....."

มันว่าก่อนจะอธิบายแผนการตั้งแต่แรกเริ่มจนจบให้ผมฟัง พอผมฟังเท่านั้นและรู้สึกเลยว่าแผนมันโคตรเสี่ยง

"แต่...."

"ไม่มีแต่ นี้เป็นวิธีเดี่ยวแล้วเท่าที่ทนายมือใหม่อย่างกูจะคิดออก"

มันไม่รอให้ผมแย้งแต่สวนกลับทันควัน

ผมเคยบอกไปรึยังครับ ว่าำไอ้เฟรมมันเรียนนิติฯ เออเนาะคนเจ้าเลห์เรียนกฏหมาย เหอะๆ....

"มึงจะแน่ใจได้ไงว่ามันจะเป็นไปตามแผน"

ผมถามมันด้วยความไม่แน่ใจ จริงอยู่ว่าถ้าแผนการนี้สำเร็จทุกอย่างจะจบลงด้วยดี

แต่มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ???

"กูไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง แต่มึงรู้มั้ย กูซื่อไอ้เทสมาหมดไปกี่ล้านแล้ว กูไม่ยอมให้เมียกูมีอะไรกับคนอื่นหรอก"

"เมีย ?"

"เออ เมียกูมีอะไรมั้ย ??? กูเลิกกับพลอยนานแหละ"

ข่าวใหม่ด้านความสัมพันธ์ของมันกับน้องเทสทำผมตกใจ เพราะนอกจากมันจะยืนยันหนักแน่นแล้วนี้มันจะพูดตรงๆอีกว่าเลิกกับพลอยแล้ว

"สิ่งที่มึงทำได้ตอนนี้คือมีสติและใจเย็นๆปัน แม่เลี้ยงอรอนงค์ไม่ใช่หมูในอวยใ้ห้มึงเคี้ยวง่ายๆ กว่ากูเองจะมาถึงจุดๆนี้ได้ มึงไม่รู้หรอก เทสมันเสี่ยงมามากกว่าหมอกขนานไหนกูเองก็วิ่งเต้นหาผู้ใหญ่ตั้งหลายคน..."

"..........."

"ถึงหมอกจะไม่ใช่น้องแท้ๆ แต่เทสมันก็รักน้องมันจริงๆ กูถึงได้บอกว่าให้มึงใจเย็นๆ อย่าให้่ความพยายามและความเสียสละของเมียกูที่ผ่านมามันเป็นศูนย์เพราะความใจร้อนของมึง ไม่อย่างงั้นแล้ว...GAME OVER!!"

มันขู่ผมไว้เพื่อไม่ให้ผมเผลอใจร้อนโทร.ไปแจ้งความก่อนจะเล่าวีรกรรมของมันกับน้องเทสให้ผมฟัง ทั้งๆที่หลายเรื่องเป็นเรื่องเครียดๆแต่พอเล่าออกมาหลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นๆไปได้แล้ว มันกลับกลายเป็นเหมือนเรื่องตลกที่ฟังแล้วทำให้จิตใจแจ่มใส พอฟังมันเล่าไปๆผมถึงได้รู้ว่ามันกับน้องเทสเองเสี่ยงมากขนาดไหนในแต่ละเหตุการณ์

ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมมันกับน้องเทสถึงจะรักกันได้...

"ว่าแต่มึงเถอะ"

พอมันเล่าจบก็ถามผมต่อ

"กูืำทำไม"

"มึงอ๊ะยังไง....?"

"................"

"กูหมายถึงมึงกับไอ้หมอกนะ ยังไง !!?"

"วันนี้เมฆครึ่มวะ"

"อย่าเปลี่ยนเรื่อง ไอ้สัส"

มันสถบด่าผมหลังผมพยายามจะ...เปลี่ยนเรื่อง

นั้นสิ...แล้วผมเปลี่ยนเรื่องคุยทำไม

ก็แค่มันถามถึงผมกับหมอก...

ผมกับน้องหมอก...

ผมกับน้องหมอกที่หน้าคล้ายปราย

ผมกับน้องหมอกที่หน้าคล้ายปรายแต่เป็นเด็กผู้ชายที่ทำอาหารเก่ง

ผมกับน้องหมอกที่หน้าคล้ายปรายแต่เป็นเด็กผู้ชายที่ทำิอาหารเก่ง และผมทานอาหารที่ใส่ผักที่น้องมันทำได้คนเดี่ยว

ผมกับน้องหมอกที่หน้าคล้ายปรายแต่เป็นเด็กผู้ชายที่ทำิอาหารเก่ง และผมทานอาหารที่ใส่ผักที่น้องมันทำได้คนเดี่ยว และคำสาปของไอ้หว้า...

เดี่ยวนะ...คำสาปของไอ้หว้า ???

เห้ยใช่ !!! ผมลืมไปเลยว่ามันเคยสาปแช่งอะไรผมไว้ แถมมันเองก็อยู่ในเหตุการณ์ที่ผมกินผักได้ด้วย....

"กูไม่รู้หรอกนะ ว่าเกือบๆเดือนหนึ่งที่ผ่านมานี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่มึงแน่ใจนะว่า มึงไม่ได้คิดอะไีรเกินเลย...?"

"......................."

"ปัน...กูกับมึงนะไม่ใช่พี่น้องกันก็เหมือนพี่น้อง ตอนกูล้มมึงช่วงพยุงกู ตอนมึงล้มกูช่วยพยุงมึง มีเรื่องอะไรบ้างที่มึงกับกูไม่เคยรู้กัน"

มันจ้องหน้าผมนิ่ง ในขณะที่ผมยังเงียบไม่ตอบมัน

"บางเรื่อง ไม่ต้องไปหาเหตุผลให้มันมากมายก็ได้...สมองนะคิดแต่เรื่องที่ต้องใช่เหตุผลพอ....เรื่องบางเรื่องเหตุผลมันใช้ไม่ได้ สิ่งที่ต้องใช้คือความรู้สึก"

".............................."

"กูจะไม่บังคับให้มึงฝืนพูดอะไรในขณะที่ยังไม่พร้อม หรือไม่แน่ใจอะไร แต่ถ้ามึงพร้อมเมื่อไหร่มึงต้องบอกกูเหมือนที่กูบอกมึง โอมั้ยไอ้เพื่อนหน้าแมว"

"เออ !!!"

"อ้อ กูลืมบอกมึงไปนะ"

"อะไรวะ ?"

มันยิ้มหน้าทะเล้นก่อนจะบอกอะไรให้ผมฟัง

"ไอ้หว้ามันบอกว่า เห็นตอนนั้นยุ่งๆมันเลยยังไม่ได้บอกมึง พอจะบอกมึงก็เข้าโรงบาล"

"มันจะบอกอะไรกู"

"มันว่ามันจะหาร้านตัดชุดเป็นเพื่อนเจ้าสาวแล้วนะมึง หึหึหึ"

จบคำของมัน หน้าผมก้ร้อนผ่าวขึ้นมา

ไอ้หว้า ไอ้บ้า !!!เรื่องแบบนี้มึงบอกคนอื่นได้ยังไงวะแม่ม  -  -*

ทั้งๆที่จริงแล้วผมกับน้องหมอกเราเพิ่งรู้จักกันแค่เดือนกว่าๆ ผมเจอน้องมันครั้งแรกก็โดนต่อยแต่ก็นะ...ตัวเองก็ไปกอดน้องมันเต็มรัก พอเจอกันครั้งที่สองผมก็โดนน้องมันโชว์โหดในห้องครัว พอเจอกันครั้งที่สามผมเข้าโรง'บาลเพราะซ่าอยากกินผัก เจอกันอีกครั้งหนึ่งน้องมันเอาโจ๊กที่มีแต่ผักไปให้ผมกิน ต่อมาก็เจอพ่อที่ร้านอาหาร

จริงๆแล้วเราเพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง แต่ในด้านความรู้สึกผมรู้จักหมอกมากกว่านั้น...

ผมไม่รู้หรอกว่าหมอกจะรู้รึป่าวว่าผมเป็นคนยังไง แต่ผมคิดว่า...ตัวเองรู้จักหมอกดีมากๆ

หมอกเป็นเด็กที่ร่าเริงยิ้มได้ตลอดเวลา ไม่เคยกลัวกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ไม่เคยหยุดที่จะมีความหวัง ต่อให้เจอเรื่องร้ายๆผลักให้ล้มลงไปขนานไหน น้องมันก็จะลุกขึ้นเดินต่อไป

เหมือนกับที่น้องมันบอกไว้...

'เพราะชีวิตต้องเดินต่อไป....'

แล้วผม....คิดอะไรกับน้องมัน.....?

จะ้บ้าเหรอครับ !!! อย่าไปคิดบ้าจี้ตามไอ้หว้าสิ

ต่อให้น้องมันจะหอมขนานไหนก็เถอะ...ก็แค่กลิ่นสบู่

ต่อให้น้องมันจะน่ารักขนานไหนก็เถอะ...ก็แค่...ผมไม่เคยลืมสัมผัสอุ่นๆจางๆที่ใครบางคนฝากเอาไว้...

ต่อใ้ห้ทั้งนิสัยและหน้าตาของน้องมันจะคล้ายกับ'ใคร'อีกคน แต่มันก็ไม่ใช่

มันคือ'ความเหมือน'ที่'แตกต่าง'

ผมกับปรายชอบกันได้ภายในเวลา่ไม่ถึงอาทิตย์เพราะรู้สึกได้ถึง'ใจ'ของกันและกัน ถ้าจะพูดก็คงเหมือนกับเคมีของเราทั้งคู่เข้ากันได้

แล้วผมกับหมอกล่ะ ? มันคืออะไร

แม้จะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แต่ผมเองก็ไม่คิดจะหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเอง

งั้นความรู้สึกของผม...มันคืออะไร

ความรู้สึกที่ปวดร้าว ที่ต้องคิดว่าอีกฝ่ายเจอเรื่องร้ายๆเจ็บปวดมามากขนานไหน และกำลังเผชิญหน้ากับอะไร

ทำไมผมต้องนั่งร้องไห้ไปกับบันทึกของคนๆหนึ่งด้วย...

ถ้าน้องมันเป็นผู้หญิง....

หรือถ้าเป็นผมเองที่เป็นผู้หญิง....

ผมจะรู้สึกสับสนข้างในขนานนี้มั้ยนะ ?

แล้วที่ผม'รู้สึก'อยู่ข้างใน เพียงเพราะแค่ตัวเองได้เจอกับน้องมันในวันเวลาที่พอดีกับความคิดถึงที่กำลังอยากเจอใครอีกคนรึเปล่า ?

ถ้าผมตัดเหตุผลทุกอย่างทิ้ง...ตามที่ไอ้เฟรมบอก...

ถ้าผมไม่สนใจคนอื่น...นอกจากผมกับน้องมัน...

มันจะผิดมากมั้ยครับ...

ถ้าผมอยากจะ......

..

..

.

.

.

"ปัน...ไอ้ปัน"

ผมสะดุ้งจากภวังค์ความคิดเมื่อโดนไอ้เฟรมกรอกใส่หูข้างๆ

"คิดอะไรของมึง โคตรเหม่อ"

"ป่าว...กูไม่ได้คิด"

"เออ งั้นกูไปก่อนนะ คืนนี้จะไปหาเทส..."

"เออ !!!"

ผมกระแทกเสียงใส่พอเห็นสีหน้าแววตาระรื่นของมัน ...

"ไอ้เฟรม"

"อะไร"

มันถามตอนที่กำลังเตรียมจะลุกออกจากโต๊ะ

"มึง...ชอบน้องเทสจริงๆเหรอวะ ?"

"มึงถามกูมาตรงๆก็ได้ กูไม่โกรธหรอกถ้ามึงจะถามอะไรแบบนั้น"

สุดท้ายมันก็นั่งลงกับที่ตามเดิม

ไอ้เฟรมก็ยังคือไอ้เฟรมวันยังค่ำ มันรู้เสมอว่าผมต้องการจะสื่อหรือจะถามอะไร

"งั้นกูถามตรงๆ มึงรับได้เหรอวะที่มึงเป็นเกย์"

"กูขอถามกลับ ในความหมายของมึงเกย์คืออะไร"

มันสวนผมกลับ

"ผู้ชายที่ชอบผู้ชาย...มั่ง"

"อื้ม ก็ถูก"

"แล้วมึง..."

"เอางี้ฟังกูพูดนะ"

มันคงรำคาญคำถามวกไปวนมาของผมเลยยกมือปรางห้ามญาติก่อนจะร่ายยาว

"กูกับเทสรู้จักกันม ถ้านับเวลาจริงๆ 3ปีแล้ว 3ปีที่กูกับมันอยู่ข้างๆกันแล้วมีความสุข สามปีที่มันกับกูผ่านเรื่องเลวร้ายหนักหนาสาหัสของชีวิตคู่ สามปีที่ทำให้กูแน่ใจว่า.... ถ้าเป็นคนๆนี้ คนที่ทำให้กูสุขหรือทุกข์ไปได้พร้อมกับเขา คนที่ทำใ้ห้กูยิ้มได้ในวันที่กูมีแต่น้ำตา...กูว่า....กูยินดีที่จะอยู่ข้างๆเขาตลอดเวลา มันไม่้เกี่ยวกับว่าเขาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เออใช่กูรู้ ในสายตาคนอื่นอาจจะมองกูเป็นพวกร่วมเพศ มองว่ากูโรคจิตหรืออะไรก็แล้วแต่...."

".............."

"แต่คนพวกนั้นมีความหมายมากกว่าคนที่มึงรักเหรอวะ ?"

".............."

"หรือมึงต้องแคร์ด้วยว่าใครจะมองยังไง ว่าคนเขาจะมองมึงไม่ดีรึเปล่า มองอ๊ะมองแน่ และแน่นอนกูยอมรับมันหนักหนา มันรู้สึกกดดันที่เราดันไม่เหมือนคนในสังคมส่วนใหญ แต่กูก็ยันยืนยันว่ากูปกติ...."

".............."

"กูเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป ที่กูเลือกแล้วว่ากูจะรักใครสักคนหนึ่งจากหัวใจ ....ก็อธิบายให้มึงฟังได้แึค่นี้ล่ะวะ...."

มันพูดส่งท้ายยิ้มๆ

"แีรกๆ ถามว่ากูอายมั้ย ตอบเลยว่ามาก ทั้งๆที่กูเดินควงกับคนนู้น พาคนนี้ไปทั่ว ไม่เคยคั่วสาวซ้ำแต่พอเจอกับน้องมันกูก็ต้องถอดเขี้ยวเล็บออก"

ผมพยักหน้ารับก่อนมันจะเล่าต่อ

"มึงรู้มั้ย ...สามปีที่ผ่านมา น้ิองมันแม่มไม่เคยพูดว่ารักกูแม้แต่คำเดี่ยว ต่อให้กูจะทำยังไงก็เุถอะ แต่กูเชื่อว่าข้างในของไอ้เทสก็ไม่ต่างอะไรจากกู...."

"งั้นมึงก็โชคดีแล้วล่ะที่ได้เจอคนนั้นของตัวเองจริงๆ"

"เออ มันเป็นความโชคดีในความโชคร้ายของน้องมันต่างหากที่เจอกูแบบนั้น"

ผมทำหน้าสงสัย แต่มันบอกปัดที่จะเล่าจุดเริ่มต้นที่พวกมันเจอกัน

โห จะเล่าทั้งที่เล่าให้จบเลยก็ไม่ได้...

นี้คือข้อดีของการมีเพื่อนแบบไอ้เฟรมครับ มันเป็นคนตรงๆที่ใช้ความรู้สึักตัดสินทุกอย่าง ชอบก็บอกชอบ เกลียดก็บอกเกลียดไม่เคยมีต่อหน้าหรือลับหลัง

แต่มันลืมไปรึป่าวว่าอาชาติโหด.... =  ="

"แล้วมึงจะบอกเรื่องน้องเทสกับพ่อมึงมั้ยวะ"

"กูรอบอก บอกแน่ๆแต่ไม่ใช่ตอนนี้"

ผมกลืมน้ำลายเหนี่ยวๆลงคอ เมื่อนึกถึงสภาพตอนที่ลูกชายคนเดี่ยวของอดีตทหารเก่ายศสูงพาแฟนที่เป็นเด็กผู้ชายเข้าบ้าน อยากรู้จริงๆว่าอาชาติจะไล่กระทืบมันมั้ยหรือว่าทำยังไง ?

แล้วถ้าเป็นพ่อผมล่ะ..... ???

ผมสะบัดหน้าไล่ความคิดบ้าๆของตัวเอง แล้วกูจะเปรียบเทียบกับพ่อทำไมวะ ??? หรือเพราะแม่ต้องการเห็นผมได้แฟนเป็นผู้ชายอยู่แล้วผมเลยไม่ซีเรียจตรงจุดๆนี้...

หรือจริงๆแล้ว....ผม......


"คืนนี้กูขอโทร.เรียกน้องหมอกมาคุยนะ"

"เออ ทำอะไรก็ได้ แต่อย่าให้ผิดแผนพอ"

มันว่าเสียงเรียบก่อนต่างคนต่างแยกย้ายกันไป

บางที่มันอาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้

ที่ผมจะเลิกใช้เหตุผล...แล้วกลับไปใช่ความรู้สึกอีกครั้งหนึ่ง....




                                                                ................................................


ขอบคุณทุกคนครับ

แกะซ่า(เริ่มมีไฟ)  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2014 06:18:05 โดย อโลลาน »

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :mew1: ขอต้อนรับการกลับมาของคุณแกะ

เฟรมมันรักเทสขนาดนี้เลยเรอะ ขอประทานอภัยที่แอบด่าในใจไว้ซะเยอะ
ไม่คิดว่ามันจะฟันฝ่าอะไรกับเทสมามากมายจนรู้สึกรัก เห็นตอนแรกๆมันยังพูดกับเทสซะเหมือนที่ระบายอารมณ์
หรือว่านั่นเป็นแผนกัน

พี่ปันเหมือนกำลังสับสน ด้วยความน่าสงสารของหมอก การที่หมอกเหมือนปราย
ความน่ารักของหมอก กลัวจังว่าปันมันอาจจะไม่ได้รักหมอกจริงๆ แค่สงสารหรือ มโนไปว่ารักด้วยความรู้สึกหลายๆอย่าง
คงเป็นเพราะเรายังไม่ได้สัมผัสความรู้สึกว่าปันรักหมอกถึงขนาดจะช่วยทุกอย่างล่ะมั้ง
เรายังคิดว่าหมอกน่าจะชอบแต่ยังไม่รู้ตัวซะด้วยซ้ำ

ขอให้คุณแกะมีไฟเรื่อยๆเลยนะจ๊ะ  :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ tpaibull

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ดีใจที่กลับมาครับ นั่งลุ้นกับน้องหมอกดีกว่า
อีกแค่ไม่กี่เดือน เจ๊ก็จะหากำไรกับน้องหมอก
อยากรู้ว่าปันจะช่วยได้ยังไง

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
ผมยืนรอพี่ปันที่หน้าร้านหนังสือได้ไม่นานคนนัดก็เดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มกว้างๆ

"หวัดดีครับพี่"

พี่ปันเพียงพยักหน้ายิ้มรับก่อนเราทั้งคู่จะเงียบกันไป

ผมเงียบเพราะรอฟังว่าพี่มันนัดผมเรื่องอะไร ส่วนที่พี่มันเงียบเพราะอะไรผมไม่รู้

"เออ คือจะว่าไงดี วันนี้หมอกรีบกลับบ้านมั้ย? "

พี่ปันพูดหลังจากทำหน้าเก้อกังๆเหมือนคนเพิ่งนึกเรื่องจะพูดออก

ยังกะไม่ได้เตรียมเรื่องจะพูดมายังงั้นแหละ -  -

"ก็ว่างๆอยู่ครับ"

"งั้น...ไปกินสเวนเซนกันก่อนมั้ย พี่มีหลายเรื่องอยากจะคุยกับเราพอดี"

ผมพยักหน้าตอบรับเพราะยังไงๆตัวเองก็ไม่ได้รีบกลับอยู่แล้ว

สุดท้ายเราทั้งคู่ก็เดินเงียบๆไปจนถึงสเวนฯพี่มันเลือกที่นั่งด้านริมติดกระจกก่อนจะสั่งไอติมมา2ถ้วยระหว่างรอพี่มันก็พูดเกริ่น

"งั้นพี่จะพูดเรื่องของเราก่อนนะ"

"ครับ"

"โอเค พี่ขอเป็นตัวแทนของค่าย ยุพราช ครั้งที่7 ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับน้องติดค่ายของเราแล้ว"

จบคำสมองผมก็ประมวลผลข้อมูลก่อนจะยิ้มกว้างดีใจออกมา

เอาจริงๆผมลืมไปแล้วว่าตัวเองสมัครค่ายไว้กับเขาด้วย!!! แต่พอรู้ว่าติดก็อดไม่ได้ที่จะดีใจ ค่ายนี้เป็นค่ายที่เด็กสมัครเยอะจริงๆครับ ตอนส่องเพจค่ายมีแต่คนโพสหน้าวอล ตัวเพจค่ายเองคนกดไลค์ก็ปาไปหมื่นกว่า

แต่ที่ผมสงสัยคือ... จริงๆพี่เขาจะต้องโทร.แจ้งไม่ใช่เหรอครับ อีกเรื่องคือพี่ปันเป็นพี่ค่ายด้วยเหรอ?

"พี่ปันเป็นพี่ค่ายเหรอครับ? "

"จะว่าเป็นก็ได้นะ จริงๆแม่งานคือน้องๆปีสามครับ พี่จบแล้วแค่มาช่วยน้องๆนะ"

"อ้อ เหรอครับ"

ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเตรียมอ้าปากถามเรื่องที่สงสัยอีกเรื่องแต่พี่ๆบริกรเอาไอติมมาเสิร์ฟพอดี

"เดี่ยวอีกเรื่องค่อยพูดที่หลังตอนนี้ทานไอติมก่อนเนาะ"

พี่ปันพูดก่อนจะตักไอติมเข้าปากผมเองก็ไม่ขัดศรัทธาเริ่มกินของตัวเองบ้างพอกินกันไปคุยกันไปเรื่อยเปื่อยได้สักพักพี่ปันก็ว่างช้อนจะพูดต่อ

"ส่วนอีกเรื่องเป็นเรื่องของพี่เองครับ คือวันอาทิตย์นี้วันเกิดพี่เอง"

"สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้าครับพี่"

ผมพูดตามมารยาทก่อนพี่ปันจะพูดต่อ

"พี่อยากทำบุญวันเกิดด้วยการทำอาหารเลี้ยงเด็กกำพร้านะ หมอกไปทำบุญกับพี่มั้ย"

"พี่เลือกที่จะไปรึยังครับ"

ผมตอบคำถามด้วยคำถามก่อนพี่มันจะส่ายหน้าเบาๆแทนคำปฏิเสธ

"งั้นหมอกไปด้วย แต่ขอเลือกบ้านเด็กกำพร้าที่จะทำได้มั้ยครับ? "

"ได้สิ"

"ตกลงครับ งั้นเสาร์นี้เราไปซื่อวัตถุดิบกัน หมอกขอเลือกบ้านเด็กกำพร้าเดชาราชนะ"

ผมตาเป็นประกายหัวใจพ่องโตด้วยความสุขที่จะได้กลับไปสถานทีที่ครั้งหนึ่งผมกับพี่เทสเคยเรียกว่าบ้าน

ใช่ครับ...บ้านเด็กกำพร้าเดชาราชคือบ้านที่เด็กกำพร้าอย่างผมและพี่เทสเคยอยู่...

"งั้นเป็นอันว่าตกลงแล้วนะ"

"ครับพี่ พี่ปันครับ นอกจากเลี้ยงอาหารเด็กแล้วทำอย่างอื่นด้วยมั้ยครับ"

"ทำยังไงบ้างละ พี่ไม่ค่อยรู้ซะด้วย"

"คือ...มันต้องใช้งบด้วยนะครับ"

ผมอ้อมแอ้มบอก ถึงอีกฝ่ายจะรวยแต่ผมไม่รู้ว่าพี่มันจะสนรึป่าวหรือตั้งงบไว้แค่ไหน

"แสนหนึ่งพอมั้ย? "

"แสนหนึ่ง! !!"

ผมตาโตทวนคำพี่มันที่นั่งยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าว่าโอเคกับงบหนึ่งแสน

"คือยังงี้ไง หมอกอยากซื่อของพวกสิ่งที่มันจำเป็นๆไปฝากน้องๆนะครับ แล้วก็อยากมอบทุนให้น้องๆด้วยแล้วก็อยากจัดกิจกรรมให้่น้องๆได้พักผ่อนกันแล้วก็....."

ผมหยุดพูดพอเห็นสีหน้ายิ้มของพี่ปัน ลืมตัวไปเลยว่างบหนึ่งแสนนั้นมันเงินของเขา แต่ผมดันไปพูดเหมือนเป็นเจ้าของซะเอง

"ไม่ต้องเงียบหรอก พูดต่อก็ได้ งบหนึ่งแสนนี้พี่ตั้งให้เราบริหารเลย เต็มที่ครับ เพราะพี่ก็ไม่รู้จริงๆนั้นแหละว่าต้องทำอะไรยังไงบ้างอีกอย่าง..."

พี่ปันพูดก่อนจะเว้นวรรคไป

"พี่ชอบเวลาที่หมอกยิ้มอย่างมีความสุข น่ารักดี รอยยิ้มของหมอก ใครเห็นก็สบายใจนะ "

พอพี่ปันพูดจบผมก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวไปกับใจความบางอย่างที่แฝงอยู่ในประโยค

พี่ปันเป็นผู้ชายที่ทำคนอื่นเขินได้เก่งมาก ครั้งแรกที่เจอกันพี่มันทำผมเขิน(อาย)ที่ตัวเองเข้าใจผิดไปชกเขาหน้าตาเฉย
ต่อมาก็ตอนสอนทำอาหาร เล่นยื่นหน้ามาแบบนั้นใครก็เขินสิครับ

อีกครั้งที่โรง'บาล จริงๆพี่มันเข้าใจว่าแค่กุมมือผมไว้แต่จริงๆมีมากกว่านั้น

เป็นเรื่องที่ผมไม่คิดจะบอกใครแม้กระทั้งเจ้าตัวเอง

ในระหว่างที่ผมกำลังรอเต้กับแทน...

"ปะ...ปราย ..."

ผมได้ยินพี่ปันเรียกชื่อนี้ออกมา ตอนแรกผมคิดว่าพี่มันจะฟื่นแล้วเลยเดินเข้าไปใกล้ พอถึงระยะแล้วพี่มันก็ดึงแขนผมไป

ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวผมจึงถลาไปทั้งตัวด้วยแรงของพี่มัน ...ปากของผมชนแก้มพี่ปัน...

'จุ๊บ'

"เห้ย!!!"

ผมอุทานตกใจลั่นก่อนจะพยายามแกะมือเหนียวๆของพี่มันแต่นี้พูดเลย มือพี่มันยิ่งกว่าตุ๊กแกอีก

สุดท้ายเลยตามเลย ผมเอื่อมมือลากเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้ก่อนจะฟุบตัวลงข้างๆพี่มัน

เพิ่งรู้เหมือนกันว่าฝามือคนเรา...

...มันจะ'อุ่น'ได้ขนาดนี้

"หมอก"

"ครั...เห้ย!!!"

ผมสะดุ้งตกใจกับใบหน้าของพี่มันที่อยู่ห่างจากผมแค่ไม่กี่เซ็นต์

นี้ยื่นหน้ามา(อีกแล้ว)ตอนไหนวะ! !!

"คิดไรอยู่ ใจลอยเชี่ยว"

พีมันพูดกึ่งขำผม

ไม่อยากบอกเลย ก็คิดถึงมึงไง....

บ้าเอ๊ย แล้วกูจี้คิดตามทำไมวะเนี้ย! !!

"งั้นตกลงตามนี้นะ เดี่ยวพี่โทร.ไปตอนวันเสาร์นะครับ"

"ครับพี่"

"งั้นกลับบ้านกันเดี่ยวพี่ไปส่ง"

ผมก้มหน้างุดๆรับคำก่อนพี่มันจะสั่งเช็กบิล

จากนั้นผมกันพี่มันก็เดินกันไปคุยกันไปจนถึงลานจอดรถ ผมเดินเก้ๆกังๆไปนั่งที่เบาะด้านข้างคนขับก่อนพี่มันจะขึ้นและขับรถออกไป

พอมาถึงที่หมาย ผมบอกให้พี่มันส่งแค่หน้าซอยพอครับเพราะข้างในมันแคบกลับรถลำบาก

"ขอบคุณนะพี่ปัน อุตส่าห์มาส่ง"

"ไม่เป็นไร"

"งั้นเจอกันเสาร์นี้นะครับ"

"เดี้ยวก่อนหมอก"

พี่มันขัดตอนผมกำลังจะลงรถพอดี

"พี่จะบอกเราว่า...นอนหลับฝันดีนะครับ..."

"เช่นกัน...ครับ"

ผมก้มหน้าพูดเสียงเบาหวิวก่อนจะรีบลงจากรถแล้วเดินเข้าซอยไป ไม่นานพี่ปันก็เคลื่อนรถออกไป

'นอนหลับฝันดีนะครับ....'

นี้มัน...

หมายถึง'เป็นห่วง'

รึเปล่านะ.....

'ตึกตึกๆ'

เนื้อในกายที่หน้าอกด้านซ้ายเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

นี้ผม...

'เขิน'งั้นเหรอ! !!?

"อ้าวหมอกกลับมาแล้วเหรอ ?"

พี่เทสที่ถอดแว่นออกทักผมระหว่างทางขึ้นบรรไดพอดี

"ครับพี่"

"อื้ม...กินยาด้วยนะ หน้าแดงๆ ไม่สบายเหรอเรา ?"

"้เออ...ครับ"

จบคำผมรีบแทรกตัวเดินผ่านพี่เทสขึ้นไปห้องตัวเอง ก่อนจะกระโดดทั้งตัวลงไปนอนกับเตียง

ในวันที่ฟ้าหม่นๆก็ยังมีเรื่องดีๆผ่านเข้ามาให้เราพอชื่นใจ...

"พี่ชอบเวลาที่หมอกยิ้มอย่างมีความสุข น่ารักดี รอยยิ้มของหมอก ใครเห็นก็สบายใจนะ "

ยิ่งคิด...ยิ่งฟุ้นซ่าน

"ไอ้บ้า"

ผมด่าตัวเองหน้ากระจกก่อนจะรีบเข้าห้องน้ำไป

นี้ผม...

..

..
..
..

.

.

.

.......รึเปล่านะ ?



                                                        ..................................................................


มาอัพเช้าๆก่อนไปทำงาน

ไม่มีคนอ่าน คนเขียนก็คงไปไม่รอด

ขอบคุณครับ  :กอด1:

แกะซ่า   :bye2:





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2014 18:15:37 โดย อโลลาน »

ออฟไลน์ pannixz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 373
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
เอิ่มมมม"หลับให้สบาย"
เรารู้สึกว่าเค้าใช้กันตอนจากไปไม่กลับ ไม่ใช่หรอ...
 :mew5:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
ใช่ๆ
ไม่ควรใช้คำว่า หลับให้สบายนะ
มันเหมือนเค้าเสียไปแล้ว

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
น้องหมอกเจอหยอดไปนิดเดียว
เริ่มชอบเลยเหรอลูก

ขอให้พี่ปันมันชอบก่อนนะ น้องหมอกไปชอบมันก่อนเดี๋ยวคงจะเสียใจ
ความรู้สึกพี่ปันมันยังไม่เคลียร์เลย ว่ามัน สงสาร เอ็นดู รัก หรือว่าอะไร
หวังแค่ว่าน้องหมอกจะไม่เป็นตัวแทนปราย

ปอลิง: หลับให้สบาย มันแปลกจริงๆอ่ะแหละ

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป

หลังจากน้องหมอกลงจากรถไปผมถอนหายใจเบาๆคลายความกังวลข้างในออกไป


อย่างน้อยๆน้องมันก็ดูไม่ค่อยเครียดเท่าไหร่แล้ว


ส่วนวันอาทิตย์นี้วันเกิดผมจริงๆครับ...


วันเกิด...อยากจะทำบุญ


ผมยิ้มบ๊องๆให้กับตัวเองในกระจกมองหลังรู้สึกดีหวุดหวิดที่หาข้อแก้ตัวดีๆมาแก้ต่างกับน้องมันได้


ก็เล่นนัดออกมาซะเฉยๆนิครับจะบอกไปตรงๆว่าอยากเจอก็ใช่ที่


คือผมแค่อยากรู้ว่าตอนนี้น้องมันเป็นยังไงมันสู้ไหวรึเปล่าหรือท้อแท้บ้างมั้ย


แต่สิ่งที่ผมเห็นในแววตาของมันยังคงมีแต่ความรู้สึกที่ยังไม่ยอมแฟ้ต่อโชคชะตาหรือสิ่งต่างๆ


ยิ่งเห็นรอยยิ้มสดใสของน้องมันผมก็รู้สึกได้เลยว่าตัวเองคิดถูกจริงๆที่นัดน้องมันออกมา


อดทนหน่อยนะหมอก


พี่สัญญา... พี่จะช่วยเราออกจากที่นั้นให้ได้ !!!




                                             ......................................................................................


เช้าวันพฤหัสมาถึงวันนี้ผมมีนัดกับไอ้หว้าที่คณะ พอเดินเข้าไปก็เห็นมันโบกไม้โบกมืออยู่ตรงม้าหินอ่อนพร้อมแฟนมันที่นั่งอยู่ด้วยกัน


"ตกลงแต่งเมื่อไหร่ กูตัดชุดรอแล้วเนี๊ย"


ดูครับ ยังไม่ทันได้นั่งมันก็ส่งกองทัพสุนัขเข้าโจมตีผมไปหนึ่งดอก


"แต่งบ้าแต่งบออะไร"


"เหอะๆอย่ามาทำเป็นไขสือ มึงกินผักได้แล้วนิ"


"แล้วไง? "


ผมเบ้ปากยักคิ้วกวนตรีนมันผมที่ได้คือสันหนังสือธีสิสมันฟาดผมเต็มรัก


"เจ็บนะเนี้ย น้องนัทดูสิครับ หว้ามันแกล้งพี่"


ผมลูบหัวป้อยๆทำตาน่าสงสารก่อนหันไปอ้อนน้องนัทแฟนมันซึ่งกำลังหัวเราะพวกเราสองคนที่เล่นกันเหมือนเด็กๆ


"ยุ่งไรกับแฟนกูค่ะ"


ไอ้หว้าพูดเสียงดังก่อนจะโอบคอน้องนัทประกาศศักดา


อย่าแปลกใจทีมันกล้าพูดตรงๆแล้ว คืองี้ครับหลังจากคบกับน้องนัทได้สักพักหนึ่งไอ้หว้ามันคงทนรำคาญพวกผู้ชายทีมาตาม
ตอแยมันไม่ไหว มันเลยตั้งสถานะกำลังคบกันกับน้องนัทก่อนจะรูปคู่ลงบอร์ดคณะเล่นเอาซะผู้ชายที่มาจีบมันกระเจิ้งไปคนละทิศละทาง


"มองไรค่ะน้อง!!"


"ป๊... เปล่าครับพี่"


ไอ้หว้าหันไปถามพวกเฟรชชี่ปีหนึ่งที่มองมันอยู่นาน ดูจากสัญลักษณ์แล้วเด็กวิศวะนั้นเองครับ น้องมันคงเสียดายทั้งสองคนเลยมองซะตาละห้อยจนโดนไอ้หว้าด่า จะว่าไปหว้ามันก็เป็นคนเงี้ยละครับ ตรงไปตรงมาดีพอๆกับไอ้แต่สองคนนี้อยู่ใกล้ๆกันไม่ได้หรอกนะครับ มันตีกันตายทั้งๆที่ก็รู้จักและอยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ พอเข้ายูฯไอ้เฟรมก็โดดไปนิติฯส่วนผมกับไอ้หว้าก็โดดมานิเทศฯตามที่ถนัด


"นี้ไงชุดที่กูไปตัด สวยมั้ยมึง? "


มันว่าก่อนจะส่งรูปชุดที่มันตัดมาให้ผมดูผ่านมือถือ


นี้สรุปมึงเอาจริงเหรอวะ!!!


"มึงเอาจริงเหรอวะ"


"เออดิ กูเคยล้อเล่นที่ไหน"


มันยักคิ้วสองข้างส่งให้ผม เออครับกูเชื่อมานานแล้วว่ามึงมันคนจริง สึดดด


ผมกับมันนั่งคุยเรื่องค่ายที่จะจัดกันอีกสองอาทิตย์กว่าๆต่อสักพักก่อนรุ่นน้องสองคนจะเดินเข้ามาหาพวกผม


"พี่ปัน พี่หว้า สวัสดีค่ะ"


ผมยกมือรับไหว้น้องๆก่อนจะเชื่อเชิญให้น้องๆทั้งสองนั่งลง สองคนนี้คือประธานและรองประธานค่ายปีนี้ครับ คนหนึ่งชื่อเพยคนนี้เป็นรองประธานค่ายครับ ช่วยอีกคนชื่ออุษาคนนี้ประธานค่ายปีนี้ครับ


"เจอเราสองคนพอดีเลย พี่กำลังว่าจะถาม เรื่องค่ายเป็นยังไงบ้าง"


"ตอนนี้90%แล้วค่ะพี่ ธีมปีนี้คือ โรงเรียนเวทมนต์ค่ะ"


น้องอุษาตอบ ผมพยักหน้ารับก่อนน้องจะพูดต่อ


"ตอนนี้ก็รอเสื่อที่สั่งสกรีนกับโรงงานก็ถือว่าสมบูรณ์100%แล้วค่ะ"


"อื้ม ดีแล้วแหละ เด็กๆก็คาดหวังกันพอสมควร"


พอพูดถึงตรงนี้หน้าใครบ้างคนที่ยิ้มแฉ่งให้ผมเมื่อวานก็ลอยออกมาจากห้วงความคิด


"สำหรับเอกปีนี้ก็มี เอกpr เอกวิทโท เอกประชาสัมพันธ์ เอกบริหาร เอกโฆษ เอกฟิมล์ ร่วมทั้งหมดหกสาขาค่ะ"
รอบนี้น้องเำพยพูดขึ้นบ้าง


"แล้วสายสันพร้อมแล้วเนาะ"

ฝ่ายสันย่อมาจากสันทนาการครับคือน้องๆที่เป็นพวกชอบเต้นไรงี้นะครับ คอยเอนเตอร์เทนน้องๆตลอดสามวันสองคืนครับ เรียกได้ว่าสำคัญไม่แพ้พี่เลี้ยงเลยละครับ


แต่ถ้าจะพูดให้ถูกจริงๆ ทุกคนสำคัญหมดครับ เพราะเราคือ"ครอบครัว"ต่อให้อยู่คนละเอกแต่เราก็ยังสนิทกันได้


"พร้อมยิ่งกว่าพร้อมพี่ พวกนั้นซ้อมกันหนักมาก"


น้องอุษาพูดยิ้มๆ ก็คงซ้อมกันหนักจริงๆนั้นและครับ


"โอเค งั้นเดี่ยวพี่จะรอดูวันเปิดค่ายนะ จัดเต็มไปเลยเนาะ!!!"


"ไว้ใจได้เลยพี่"

"ปีนี้เราจะฉายหนังสั้นเรื่องอะไรให้น้องดูกันมั่งนะ ? พี่ลืมถามไป"


"หนังสั้นที่จะฉากปีนี้มีทั้งหมด 4เรื่องค่ะพี่ปันเรื่อง 'ระหว่างทาง' 'ซ็อกเกอร์' 'ซิงเกิ้ล' และก็'วันสุดท้ายของเรา'ค่ะแล้วก็มีMVที่เอกเราทำขึ้นกันด้วยอีก2MV มีเพลง'แตกต่างเหมือนกัน'กับ'ชั่วโมงต้องมนต์'ค่ะพี่"


"ปีนี้มีหนังผีด้วยเหรอ ?"


ผมถามน้องมันต่อ ในรายการทั้งหมดมีหนังผีมาด้วยเรื่องหนึ่งแหะ


"อิอิ ความคิดหนูเองค่ะพี่ จะฉากเรื่องสุดท้ายก่อนน้องๆนอนกัน"


น้องอุษาพูดยิ้มๆ น้องครับ ที่น้องทำนี้มันทำลายเด็กๆืทางอ้อมเลยนะ แต่ผมไม่ขัดหรอกนะเพราะปีผมก็มีหนังผีเหมือนกันครับ เรียกได้ว่ามุกนี้ขายได้ตลอดกาล


ผมกับน้องๆนั่งคุยกันเรื่องคณะต่อ อีกไม่นานผมกับไอ้หว้าและน้องๆก็แยกย้ายกันไป


พอมองดูนาฬิกาแล้วเพิ่งจะบ่ายสองเอง


ช่างเถอะ ไปร้านอาหารไวๆก็ดี


จะได้...ลองฝึกทำอาหารดูไง


ผมไม่ได้อยากรีบไปเพราะอยากเจอหน้าใครบางคน


จริงๆนะ! !!


                                                                    ......................................


"อ้อ น้องหมอกลาหยุดงานยาวเลยสามวัน เห็นว่ามีกีฬาสีนะแต่เห็นเปรยๆว่าเสาร์อาทิตย์นี้ก็จะหยุด"


เจ๊อินบอกหลังจากผมเขียนโน๊ตถามหาน้องมัน


นี้หมายความว่ากูมาเก้อสินะ สินะ สินะ


ผมถอนหายใจเซงๆก่อนจะจัดการผัดอาหารที่อยู่ตรงหน้าต่อไป


ยังงี้สินะ ที่เขาเรียกกันว่าบางครั้งความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน ขนานเจอน้องมันที่ร้านทุกวัน สามวันถัดจากนี้ผมก็ไม่ได้เจอ... -3-


ไอ้ไม่เจอกันนะพอเข้าใจอยู่หรอกนะ...


แต่ไอ้ความรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆข้างในใจ....


นี้มันคืออะไรกันแน่วะ ไอ้ปัน!?




                                                       -----------------------------------------------------------


เลิกงานแล้วเราก็มาลง เห็นคอมเม้นท์แล้วชื่นใจ   :กอด1: ขอบคุณครับ  :z2:

แกะซ่า  :bye2:


ปล. เขาแก้ไขแล้วนะจ๊ะเรื่องคำพูดของพี่ปัน สาเหตุที่มันเป็นแบบนั้นเพราะตอนปั้นตีสองจ๊ะ ด้วยความง่วงๆเลยอยากจะนอนหลับสบายๆ สุดท้ายลืมไปว่ามันใช้สำหรับคนที่ล่วงลับไปแล้ว  :hao7: (ดีนะเพื่อนๆทัก)


ปล.2 ไม่สั้นไปเนา่ะ ค่อยๆกระดึบๆไป ตอนต่อไปน้องหมอก'3พาร์ท'นะครับ จบงานกีฬาสีพอดี   :กอด1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
มาจิ้มก่อนอ่านค่า

อโลลาน

  • บุคคลทั่วไป
https://www.facebook.com/alonppun


แกะมีเพจแล้วน๊า ร่วมมาเกรียนกันได้เรื่อยๆนะขอรับ   :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด