บทที่ 1 : สวัสดีประเทศไทย"โซดะคุง จะไม่ทบทวนอีกครั้งหรือ เรื่องกลับเมืองไทยน่ะ เธอก็รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังดัง น่าจะกอบโกยให้มากกว่านี้นะ"
ผมเดินฮัมเพลงหยิบโน่นหยิบนี่จัดใส่กระเป๋าเดินทาง ส่วนใหญ่ก็เป็นเสื้อผ้าที่ชอบ กับของฝาก ยังไงเสียผมก็มีห้องส่วนตัวที่นี่ ไม่ต้องขนทุกอย่างกลับหมด เพราะคงต้องไปๆ มาๆ อีกหลายครั้ง... ออ จริงสิ ก่อนอื่นผมต้องกล่าวทักทาย และแนะนำตัวก่อนซินะ
สวัสดีครับ... ผมชื่อโซดา (ชื่อเล่น) ปีนี้อายุย่าง 22 ปี สูง 187 ซม. รูปร่างเพียว มีกล้ามเนื้อพองาม ออ ซิกแพ็ค ผมก็มีนะครับ
"โซดะคุง..."
ส่วนคนที่กำลังเรียกชื่อผมในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นอยู่นี่ ก็คือผู้จัดการของผมเอง เขาชื่อทาเคดะ หนุ่มกลางคนชาวอาทิตย์อุทัย รูปร่างดีหน้าตาญี่ปุ่นแท้ ผิวแทน อายุอานามก็ประมาณ 34 - 35 ปี ตอนนี้เขาเดินมาจับไหล่ผม แล้วหมุนตัวผมไปหากระจกเงาบานใหญ่ ทาเคดะสูงกว่าผมนิดหน่อย ทำให้ผิวเข้มของเขายิ่งทำให้ภาพในกระจกเงาของผมดูราวกับจะสะท้อนแสงได้ เพราะผมผิวขาวมาก แถมผมก็ขาวด้วย แต่คิ้วผมเป็นสีน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาที่มองตอบมาก็มีสีเทาอมฟ้า นัยน์ตาเรียว จมูกโด่ง กับริมฝีปากบางกำลังดี ผมเป็นลูกครึ่งเยอรมันไทย และผมรู้ดีว่าผมเป็นคนหล่อมาก การันตีโดยนิตยสารเกย์หลายฉบับที่ขยันจัดอันดับกันเหลือเกิน
"ทาเคดะซัง เราคุยเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วนะครับ ผมรับปากแล้วด้วยว่าจะมาถ่ายต่อให้ครบตามสัญญา แต่ตอนนี้ผมต้องกลับไปเรียนต่อแล้ว"
"อาชีพนี้ทำเงินให้เธอง่ายกว่า สูงกว่า สบายกว่า ไม่เห็นต้องกลับไปเรียนให้ลำบากเลย"
ผมยักไหล่ทำให้มือของทาเคดะหลุดไป ก่อนจะหันไปจัดกระเป๋าจนเสร็จแล้วยกไปเตรียมไว้ที่ใกล้ประตูห้อง
"เป็นเพราะผมตื้อให้เธอรับบท 'รับ' ใช่ไหม เธอถึงตัดสินใจกลับไทยเร็วอย่างนี้"
ทาเคดะทำน้ำเสียงเศร้าๆ ผมหัวเราะเบาๆ ไม่ปฏิเสธ
"ก็ส่วนหนึ่ง แต่คุณก็รู้ว่าคุณบังคับผมไม่ได้หรอก ยังไงมิโซเระซังก็ให้อำนาจผมตัดสินใจ... ทาเคดะซัง ผมเคารพคุณนะ และผมก็ไม่ได้รังเกียจอาชีพนี้ เพียงแต่ผมมีฝันและมีเส้นทางที่ผมเลือกแล้วก็เท่านั้น"
"นั่นซินะ เอาเถอะ ในเมื่อเธอจัดกระเป๋าเสร็จแล้ว ก่อนจะไป เธอก็ควรไปลามิโซเระซังก่อน"
**************************************
"ท่านคะ รับชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มไหมคะ"
เสียงนุ่มๆ ของแอร์โฮสเตรสสาวสวย เรียกความสนใจผมจากการนั่งอ่านนิตยสาร ผมหันไปส่ายหน้า
"ไม่ละ ผมว่าจะขอนอนก่อน ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนถึงช่วยปลุกด้วยแล้วกัน"
"ค่ะท่าน เชิญพักผ่อนตามสบาย หากต้องการให้รับใช้ กดปุ่มตรงนั้นได้ตลอดเวลาเลยนะคะ"
เป็นบริการดีๆ ของคนเดินทางระดับเฟิร์สคลาสละนะ ผมยิ้มให้เธอเล็กน้อย ปรับที่นั่งเป็นที่นอนแล้วเอนนอนเอามือลองใต้ศีรษะ นึกย้อนถึงเรื่องราวของปีที่ผ่านไป...
ผมเป็นลูกคนกลางของครอบครัวมีฐานะ พ่อของผมเป็นเจ้าของธุรกิจผลิตเหล็ก เดินทางมาไทยพบรักกับแม่ผมที่เป็นนางแบบ ผมมีพี่ชายกับน้องสาวอย่างละคน ตอนนี้ทั้งสองคนรวมพ่อแม่ของผมอยู่ที่เยอรมัน ที่จริงแม่ขอให้ผมไปอยู่ด้วยกัน แต่ผมรักอิสระเลยขอเรียนบริหาร สาขาการจัดการอุตสาหกรรมที่ไทย ผมบอกพ่อว่า พ่อมีพี่ชายสืบทอดธุรกิจอยู่ด้วย ส่วนผมจะเดินตามทางของตัวเอง พ่อก็ยอม ส่วนแม่ก็คอยส่งเงินมาให้ ผมใช้เงินเก่งมาก ตอนแรกๆ ผมก็ไม่คิดอะไร จนกระทั่งตอนเรียนปี 2 ผมขอดรอปไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่น 1 ปี ช่วงแรกๆ ก็ตั้งใจเรียนอยู่ พอผ่านไปสามสี่เดือนภาษาผมอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะภาษาพูด ผมก็เลยออกเที่ยว ลองหมดทั้งหญิงและชาย ผมเที่ยวได้แค่ 4 คืน คืนต่อมาผมก็ถูกแมวมองหนังเอวีมาทาบทาม
มันตลกดีนะ ผมคิด การถูกแมวมองที่ญี่ปุ่นทาบทามไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผม เพราะตอนผมเดินย่านวัยรุ่น ผมก็ถูกพวกแมวมองนายแบบดาราทาบทามแจกนามบัตรเหมือนกัน ส่วนหนึ่งก็เพราะพวกเขาคิดว่าผมเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น (ที่ครึ่งทางฝรั่งเด่นกว่ามากๆ) แต่พอรู้ว่าผมเป็นต่างชาติก็เลยเลิกมาวุ่นวาย ซึ่งก็เป็นเพราะกฏหมายเกี่ยวกับการทำงานในญี่ปุ่นแรงมากนั่นเอง
"ผมไม่ใช่คนญี่ปุ่น ผมทำงานให้คุณไม่ได้หรอก"
ผมปฏิเสธการทาบทามจากแมวมอง ซึ่งมีบุคลิกแตกต่างจากแมวมองทั่วไปที่ผมเคยเจอ เขาใส่สูทสีดำ หน้าตาเคร่มขรึม ดูภูมิฐานและน่าเกรงขามไปพร้อมๆ กัน มิจิรุเกย์รับที่ผมควงมาด้วยสะกิดผมยิกๆ พร้อมกับมองหน้าชายตรงหน้าอย่างหวาดๆ
"ทำได้ซิ ถ้าเธออยากทำ แน่นอนว่าเป็นแบบถูกกฏหมายด้วย"
"อ๊ะ!"
เสียงเรียบๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ผมหันไปมองผู้หญิงที่แต่งชุดเดรสสีแดง ทาปากสีแดง รวบผมสีดำสนิทเป็นมวย เธอมีรูปร่างสวยและอายุน่าจะไม่ต่ำกว่า 30 บุคลิกของเธอดีทรงอำนาจ โดยเฉพาะเมื่อมีรถโรลส์รอยซ์สีดำ และบอดี้การ์ดในชุดดำยืนเป็นแบ็คกราวน์สามคน มิจิรุถึงกับอุทาน ก่อนที่จะเอามือผมลงจากไหล่ของเขาแล้วค้อมศีรษะ ก่อนเดินจากไปอย่างลนลาน
"ไปดื่มน้ำชากับฉันหน่อยซิ"
ผู้หญิงตรงหน้าผมเอ่ยปาก ก่อนจะหันหลังเดินไปขึ้นรถ ซึ่งคุณแมวมองก็เดินตามไปนั่งข้างคนขับ เหลือที่นั่งข้างๆ ผู้หญิงคนนั้นไว้ให้ผม ผมเหล่มองบอดี้การ์ดที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ก่อนตัดสินใจเดินไปนั่งยังที่ที่เตรียมไว้ให้ พวกเขาพาผมไปยังคฤหาสน์ญี่ปุ่นที่มีอาณาบริเวณกว้างอย่างกับสวนสาธารณะ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ชงชาญี่ปุ่นแท้ๆ ส่งให้ผม
"ฉันชื่อ มิโซเระ เป็นนายหญิงของกลุ่มโออิดะ ส่วนเขาชื่อทาเคดะเป็นหัวหน้าสาขาโตเกียว
ทาเคดะ เรียกเด็กๆ เข้ามาซิ"
แล้วทาเคดะก็หันหน้าไปส่งสัญญาณกับชายที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูกระดาษ จากนั้นแถวของเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่ใส่แต่ผ้าเตียวก็เดินเข้ามาในห้อง นับได้เกือบยี่สิบคน มีหลายคนเข้าตาผมเหมือนกัน
"ฉันอยากให้เธอมาแสดงให้เรา ธุรกิจของเราถูกกฏหมาย และฉันให้เกียรติเธอด้วยการให้เธอเป็นฝ่ายเลือกบทและนักแสดงได้"
"เอ่อ มิโซเระซัง ผมยอมรับนะว่าผมก็ถูกใจคนของคุณไม่น้อย แต่ผมได้ยินว่าคนต่างชาติไม่มีสิทธิทำงานในญี่ปุ่นไม่ใช่หรือครับ"
"เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา ฉันจะรับเธอเป็นลูกบุญธรรม"
"?"
หน้าตาคำถามของผม ทำให้มิโซเระยิ้มขำแต่ก็ยังดูดี เธอเปิดกระเป๋าถือ แล้วยื่นรูปถ่ายใบหนึ่งมาให้ เป็นรูปเด็กวัยรุ่น หน้าตาไม่ใกล้เคียงผมเท่าไหร่ นอกจากสีผมกับสีผิวที่ขาวตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น
"เธอมีส่วนคล้ายกับลูกชายฉันที่เสียไป ไม่ใช่หน้าตาแต่เป็นบุคลิกน่ะ ฉันเลยถูกใจเธอเป็นพิเศษ เธอชื่อจริงว่า นาคิน บัลลาร์ด ชื่อเล่นว่าโซดา ฉันขอเรียกเธอว่าโซดะ จะได้ไหม"
โซดะเป็นชื่อที่ผมตั้งให้ตัวเองที่ญี่ปุ่นนะครับ เพราะใช้ชื่อนี้แล้ว เพื่อนๆ ชาวญี่ปุ่นของผมเรียกได้ถูกต้องมากกว่าชื่ออื่น
"ถึงอย่างนั้น ผมคงต้องขอปฏิเสธ ต้องขออภัยด้วยนะครับ"
มิโซเระยิ้ม และพยักหน้าให้ทาเคดะพาคนอื่นๆ ออกไป เหลือแค่ผมกับเธอ มิโซเระใช้เวลาสบประสานตากับผมนานมาก แต่ผมก็ไม่หลบตา ผมรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าของผมมีอำนาจที่จะบังคับให้ผมจำยอมก็ได้ ความมีอิทธิพลของเธอแผ่ออกมารอบๆ ตัว และความเงียบรอบตัวก็แฝงไว้ด้วยบรรยากาศกดดันซึ่งมันดำเนินอยู่นานเกือบสิบนาที ก่อนที่เธอจะผ่อนคลายและยิ้มออกมาอีกครั้ง
"โซดะ เธอเป็นเด็กฉลาดและมุ่งมั่น แต่เธอเคยถามตัวเองไหมว่า เธอจะเกาะพ่อแม่กินไปถึงเมื่อไหร่ ฉันรู้ว่าเธอใช้เงินฟุ่มเฟือยมากที่นี่ เธอมาทำอะไรที่ญี่ปุ่นกันแน่ ถ้าเธอต้องการที่จะเรียนรู้ หาประสบการณ์ หาเลี้ยงตัวเอง และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ นี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ฉันจะเสนอให้ ถ้าเธอยังปฏิเสธอีก ฉันก็จะปล่อยเธอไป"
"..............."
ผมนิ่งเงียบกับคำพูดที่แทงใจดำอย่างแรง หลังจากคิดทบทวน ผมก็ตอบตกลงและขอให้มีการเซ็นสัญญาแค่หนึ่งปี แล้วมิโซเระก็ทำตามที่เคยให้คำมั่น หนังเรื่องแรกของผม ผมเล่นเป็นนักเลงตัวร้ายจับเด็กหนุ่มหน้าสวยมาปู้ยี้ปู้ยำ เรื่องนี้ผมขอสวมแว่นกันแดดทั้งเรื่อง แม้แต่ตอนถ่ายปก แต่ถึงอย่างนั้น กระแสตอบรับก็ดีเกินคาด จนทาเคดะให้คนเขียนบทภาคต่อมาให้ ไปๆ มาๆ เวลาแค่ 3 เดือน ผมถ่ายหนังไปแล้ว 18 เรื่อง วางขายไป 15 เรื่อง ยอดขายทะลุเป้าหมด โดยเฉพาะเรื่องที่ผมเปิดเผยหน้ามากขึ้น มีงานถ่ายแบบ งานสัมภาษณ์ งานมิตตี้งแฟนๆ ผมได้เงินเป็นกอบเป็นกำ แถมอึดกว่าเดิมอีก
อันที่จริงการรับบทรุกในหนังเกย์นี่ ค่าตัวไม่ค่อยมากนักหรอกครับ แต่เพราะทาเคดะมีแผนเปิดตลาดกลุ่มลูกค้าผู้หญิง และผมก็มีความโด่ดเด่นแตกต่างจากนักแสดงคนอื่นๆ ในวงการ ทำให้ผมกลายเป็นจุดขายที่ดี ค่าตอบแทนก็มีค่าเซ็นสัญญา เงินเดือน และค่าถ่ายหนังต่อเรื่อง ส่วนสวัสดิการก็มีทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ ยาบำรุง และอีกมาก ที่พิเศษสุดก็คือผมได้ห้องพักส่วนตัวบนอพาท์เมนท์สุดหรูที่อยู่ในเครือโออิดะตลอดชีพ สิ่งที่ผมได้รับมันมากกว่าคนอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นวันว่างของผม ผมจึงมักไปขลุกอยู่กับมิโซเระ ผู้ซึ่งชอบสอนวิถีแห่งอาทิตย์อุทัยให้ผมหลายๆ อย่าง ตั้งแต่ชงชา จัดดอกไม้ จนไปถึงศิลปะการป้องกันตัว
ทุกอย่างมันก็ราบรื่นดี จนกระทั่งจวนได้เวลาที่มหาวิทยาลัยที่ไทยกำลังขึ้นปีการศึกษาใหม่ ทาเคดะก็บอกผมว่าแฟนๆ รีเควสให้ผมเป็นรับบ้าง ซึ่งเป็นอะไรที่ผมไม่คิดจะทำ แต่ด้วยหน้าที่ ผมเลยให้ทาเคดะพาคู่นักแสดงมาดูตัวกันก่อน ปรากฏว่าดูไปแล้วสิบกว่าคน ไม่ถูกใจผมสักคน ประจวบกับว่าใกล้เวลาเปิดภาคเรียน ผมเลยขอลากลับมาเรียนต่อก่อน แต่ก็รับปากว่าจะกลับไปถ่ายต่อจนครบ ซึ่งทาเคดะคำนวณให้ว่าเหลืออีก 13 เรื่อง เพราะช่วงแรกเขาป้อนงานผมเยอะไปหน่อย คือปีนึงให้ถ่าย 40 เรื่องนั่นเอง
อย่างที่มิโซเระพูดไว้ การรับงานนี้เป็นประสบการณ์ที่ดี มันทำให้ผมเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับเซ็กซ์ไปมาก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดจะยึดเป็นอาชีพจริงจัง เพราะผมต้องการเป็นนายตัวเองมากกว่าจะให้ใครมาบงการ
************************************************
"ฮัลโหล ชัชที่ว่าให้มารับตกลงมาหรือเปล่า ที่กูถึงสุวรรณภูมิแล้วนะกำลังไปเอากระเป๋า"
ชัช หรือชัชวาล เพื่อซี้ตั้งแต่สมัยมัธยน ตอนนี้มันกลายเป็นรุ่นพี่ผมที่มหาวิทยาลัยไปเรียบร้อยแล้ว คิดถึงเหมือนกันปีนึงผ่านไปไม่รู้มันจะเปลี่ยนไปแค่ไหน
'เอ้อน่า เดินออกมาเลยพวกกูรอรับอยู่แล้ว'
ปีที่ผ่านมา ผมก็ยังติดต่อพวกเพื่อนๆ ที่ไทยอยู่เรื่อยๆ ผ่านทางสไกป์บ้าง ไลน์บ้าง แต่ไม่ผ่านเฟสบุ๊คเพราะผมไม่มี สาเหตุก็เพราะสโตรกเกอร์ญี่ปุ่นน่ากลัวครับ ที่ผมแสดงตัวตนในญี่ปุ่น ก็ไม่ได้เอ่ยสัญชาติเชื้อชาติตัวเองเลย ส่วนใหญ่เลยอนุมานกันไปว่าผมเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นกับฝรั่งชาติไหนสักชาติหนึ่งอ่ะนะ
"วู้วๆๆ อยู่นี้เว้ย พระเอกเรากลับมาแล้ว เย้ๆๆ"
เสียงเฮฮาเป่าปากของบรรดาพวกเพื่อนๆ ทำเอาผมแทบจะเดินเลยพวกมันไปไกลๆ เสมือนไม่รู้จักกัน เวลาทุ่มกว่าๆ คนเต็มสนามบินแต่พวกลิงสี่ตัวทำเอาผมเด่นซะไม่มี คนเดินอยู่แถวนั้นต่างหันมามองผม ชี้ชวนกันอีกต่างหาก บางคนคงเชื่อว่าผมเป็นดาราจริงๆ ....ก็นะ...
"เชี้ย!! พวกมึงเดี๋ยวได้อดของฝากเรียงตัว"
"โอ๊ยโย่ว! ม่ายยย เพื่อนโซดาของกระผม พวกกระผมผิดไปแล้ววววว"
เสียงไอ้เปียว หนุ่มอินดี้ผมยาวเคาแพะโหยหวนเข้ามากอดแข้งกอดขา ผมเลยตบหัวมันไปที แต่ก็ยิ้มออกมาเต็มปาก อยู่กับพวกมันผมสบายใจที่สุดแล้ว
"โหยย ท่านโซดาครับ ไปญี่ปุ่นมาปีนึง กลับมาทั้งที ใช้กระเป๋าไซท์ 20 นิ้วใบเดียวเองเหรอครับ"
ไอ้ฟาสที่มาช่วยผมลากกระเป๋า พูดพลางหมุนกระเป๋าเดินทางสีเทาไททาเนียมใบจิ๋วไปมา
"อืม ก็แค่เสื้อผ้าสองชุดกับของฝากพวกมึงอ่ะ รับรองเด็ดทุกชิ้น ว่าแต่ไอ้ชัช คืนนี้กูไปนอนคอนโดมึงนะ"
"ว้ายๆๆ เฮียโซดาจะนอนกะเค้า คิดอะไรกับเค้าหรือเปล่าอ่ะ เค้าเสียววว โอ้ยยยย"
เพื่อนๆ ที่หมั่นไส้ท่าบิดไปบิดมาของไอ้ชัชรุมตบหัวมันคนละที ที่แม่งโคตรไม่เข้ากับตัวมันเลย สูงพอๆ กับผม แต่ตัวก็หนากว่าตามสไตล์นักบาส (มันได้โควต้านักกีฬาบาสของมหาวิทยาลัย) เสือกทำตุ้งติ้ง ผมล้วงกระเป๋ากางเกงมองมันด้วยมาดตัวร้าย มีไอ้พิกกอดอกยืนคุมเชิงเป็นแบล็คกราวอยู่ (ไอ้พิกมันมาดนักเลงครับ ชอบใส่เสื้อหนังสวมแว่นดำ) ...คือผมก็ไม่ได้ปิดพวกมันเรื่องรับงานถ่ายหนังเอวีญี่ปุ่นหรอกนะ พวกมันรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นไบรุก แต่ในกลุ่มผมก็ไม่มีใครเป็นเกย์สักคน แต่เที่ยวกันได้ทุกทีตามประสาคนชอบเฮฮา
"แล้วนี่มีแพลนจะไปไหนไหม หรือว่าจะพักก่อน"
พิก ที่ย่อมาจากพิกโกโร่ ถามผมขณะที่ขบวนของพวกเราเริ่มออกเดิน
"กูอยากกินต้มยำกุ้งว่ะ โคตรคิดถึงอาหารไทย อากาศแบบไทย แล้วก็ทะเลไทยด้วย"
"เอ่อ งั้นไปกินก่อน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปเที่ยวกัน มึงแม่ง... ถ้าถอดรูปฝรั่งออกไปนี่ก็ไทยแท้ๆ เลยนะ 555 ยินดีต้อนรับกลับบ้านว่ะ"
"ขอบใจเพื่อน"
ผมยิ้มทั้งปากทั้งตา โชว์ฟันเขี้ยวกันชัดๆ เดินกอดไหล่กอดคอกันไปที่รถ โดยมีเสียงพวกมันคอยถามคอยเล่าอัพเดทข่าวเมาส์กันเองให้ผมฟังไปตลอดทาง
...ผมเป็นลูกคนกลาง ไม่ได้รับความสำคัญเท่ากับลูกคนโต ไม่ได้รับความเอาใจใส่อย่างลูกคนเล็ก... ผมจึงชอบมิตรภาพระหว่างเพื่อนที่จริงใจที่สุด
สวัสดีประเทศไทย... ผมนายโซดากลับมาแล้วคร้าบบบบ.... (^O^)/
**************************************************************
กลับมาอีกครั้ง ขอขอบคุณทุกเสียงตอบรับ/ต้อนรับนะคะ เอาตอนแรกมาเสริ์ฟแล้วคร่าาาา
เอาอิมเมจนายโซดามาฝาก ที่มาคือนายแบบชื่อ Benjamin Jarvis (อังกฤษ) แต่เราว่าเฉดสีเขา
เหมือนพวกเยอรมันมากกว่า ยิ้มน่ารักเนอะ
[attachment deleted by admin]