ตอน 10
“ตัวหนักชะมัด คนอะไรวะ” ไอ้แทนบ่นอุบหลังจากที่ช่วยผมลากพี่ต้นกลับมาที่ห้องได้
“ขอบใจนะ ที่มึงช่วยกู” ผมบอกกับมันเบาๆ
“เรื่องแค่นี้เอง ทำเหมือนกูเป็นคนอื่นอยู่เรื่อย แล้วนี่แน่ใจนะว่าจะให้กูกลับ” อีกคนถามอย่างเป็นห่วง
“กูอยู่ได้ มึงไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แค่นี้เอง”
“แน่ใจนะ”
“แน่สิ ทำเหมือนกูเป็นเด็กสามขวบไปได้”
“เออๆ แต่ถ้ามีอะไรก็โทรหากูนะ ไม่ว่าจะดึกแค่ไหนก็ไม่ต้องเกรงใจเข้าใจไหม”
“เออ น่า ” ผมบอกก่อนจะเดินไปส่งมันที่หน้าห้อง ผมรู้ว่าไอ้แทนมันเป็นห่วงผมมากแต่เรื่องนี้ ไม่ควรให้มันเข้ามาเกี่ยวด้วย เมื่อ
ผมเป็นคนเลือกเดินทางนี้มาตั้งแต่แรก ผมก็ควรจะรับผลของการกระทำนั้นเอาไว้เอง
“พี่ต้นไปอาบน้ำเถอะครับ เดี๋ยวจะเป็นหวัด” ผมเดินเข้าไปบอกร่างสูงที่ยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมขยับ ผมรู้ว่าสำหรับพี่ต้นแล้วเรื่องนี้คงมีผลกับจิตใจอยู่มาก
“ขอโทษนะ เพราะพี่แท้ๆเลยทำให้ไม้ลำบากไปด้วย” ร่างสูงบอกเสียงเบา
“ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้ลำบากอะไรนิ คนที่แบกพี่กลับมาคือไอ้แทนต่างหาก” ผมเอ่ยติดตลก
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พี่ก็ทำให้ไม้ไม่สบายใจอยู่ดี”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ไปอาบน้ำเถอะครับ จะได้กินข้าวแล้วก็กินยากันไว้ซะหน่อยจะได้ไม่เป็นหวัด” ผมบอกพลางยื่นผ้าเช็ดตัวให้อีกฝ่าย
“ขอบคุณนะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ผมเต็มใจ” ผมยิ้มรับก่อนจะมองแผ่นหลังกว้างที่ผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ พลางถอนหายใจอย่าง
แรง ถึงจะรู้สึกสับสนและเหนื่อยอยู่บ้างแต่ผมก็รู้ว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่ความจำใจ แม้ว่าเหตุการณ์วันนั้นมันจะไม่เกิดขึ้น ผมก็ยังเต็มใจที่จะรักพี่ต้นอยู่ดี
1 ปีก่อน
ผมมองกระดาษในมือก่อนจะยกยิ้มกว้าง ในที่สุดโอกาสการฝึกเป็นช่างทำขนมของผมก็เริ่มขึ้นแล้ว แต่นอกเหนือจากนั้น ใบประกาศรับสมัครงานที่ผมถือในมือยังเป็นร้านนั้นด้วย..
เพี้ย!!
“เชี่ยไม้ อ่านอะไรอยู่วะ” เสียงทุ้มพร้อมกับแรงตบที่ไม่เบาเลยฟาดเข้าที่ไหล่ผมเต็มๆพร้อมกับใบหน้าหล่อที้น้อยกว่าผมอยู่มาก
จะโผล่เข้ามาใกล้ๆ
“มึงมาดีๆเป็นไหมเชี่ยแทน มาแบบที่กูไม่ต้องเจ็บตัวน่ะเป็นไหม” ผมแหวลั่นใส่ไอ้เพื่อนรักที่ชอบมาพร้อมกับการทำร้ายร่างกาย
ผมอยู่เรื่อย
“สุขกู มึงจะทำไมจ๊ะ น้องไม้” อีกคนยังลอยหน้าลอยตาพูด
“สรุปบอกกูได้หรือยังว่าอ่านอะไรอยู่”
“ประกาศรับสมัครงาน” ผมบอกด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก็คนมันดีใจนิครับ ถ้าได้ทำงานที่ชอบในร้านที่ใช่ มันคงสุขใจไม่น้อย
“งาน อย่างมึงเนี่ยนะจะทำงานพิเศษ” อีกคนเลิกคิ้วถาม
“ทำไมวะคนอย่างกูมันทำไมมิทราบ”
“เปล่า แต่มึงจะไหวเหรอ ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย หนักนะเว้ย ลำพังเรียนอย่างเดียวมึงก็ซ่อมแล้วซ่อมอีกถ้าไปทำงานด้วย
กลัวว่า อีกสิบปีก็ยังไม่จบ ฮ่าๆๆๆ” คนตัวสูงหัวเราะร่วน
“เชี่ยแทนดูถูกกูมาก” ผมแหวลั่นก่อนจะส่งเท้าน้อยๆบรรจงถีบเข้าที่ก้นของเพื่อนรักอย่างสวยงาม
พลั่ก!!
“เชี่ยถีบกูทำไมเนี่ย”
“มึงดูถูกกู นี่กูใคร เทพไม้น่ะรู้จักป่ะ แค่เรื่องแค่นี้ทำไมกูจะทำไม่ได้”
“ครับๆ ท่านเทพ ว่าแต่ไอ้ร้านที่มึงจะไปทำนี่มันอยู่ตรงไหนวะ”
“มึงจำร้านกาแฟที่กูเคยเล่าให้ฟังได้ป่ะ ร้านที่อยู่แถวๆหอกูอ่ะ”
“อ้อ ไอ้ร้านที่มึงบอกว่าชอบบรรยากาศนะเหรอ แต่เท่าที่กูดูก็ไม่ได้น่าสนใจสักนิด เป็นร้านที่ดูแล้วหวานแหว๋วจนขนลุก เอาอย่าง
นี้สิถ้ามึงอยากทำงาน มึงไปทำร้านมอไซต์ พี่ที่กูรู้จักไหม รับรองมีมอไซต์เจ๋งๆ ให้มึงดูเพียบ ครับเพื่อน” เพื่อนรักเสนอความคิด
“ไอ้แทน กูเรียนคหกรรมจะไปทำงานร้านมอไซต์ ทำหอยขมอะไรวะ คิดด้วยสิคิดด้วย”
“เออ จริงด้วยกูลืม กูอยู่กับมึงจนคิดว่ามึงเรียนช่างยนต์เหมือนกูแล้วนะเนี่ย ฮ่าๆๆ”
“เย็นนี้ มึงต้องไปกับกู” ผมบอกพลางจ้องหน้าเพื่อนรักไปด้วย
“ไปไหน”
“ไปสมัครงานไง นะไอ้เชี่ยคุณแทนเพื่อนรัก พากูไปหน่อย” นี่ผมลงทุนอ้อนมันสุดฤทธิ์แล้วนะ ไม่พาไปนี่ใจหมามาก
“ทำไมกูต้องไปวะ”
“กูไม่อยากไปคนเดียวไง นะไอ้แทนสุดหล่อ นอกจากตัวกูเองกูไม่เคยชมใครว่าหล่อเลยนะ ไปเป็นเพื่อนกูเถอะ” ผมบอกพลาง
ทำตาปริบๆ นี่เทคนิค จากเพื่อนสาวในสาขาเลยนะครับ
“เออๆ ยุ่งจริงมึง เย็นนี้กูมีแข่งด้วย อย่าค่ำล่ะ” มันตอบตกลง อย่างเต็มใจ??
“ดีมากเพื่อน ถ้ากูมีลูกกูจะให้ลูกกูบวชให้มึงนะ ฮ่าๆๆ”
“ห่า เล่นตลอดนะมึงน่ะ”
ผมยิ้มกว้างพลางมองใบประกาศสมัครงานในมือไปด้วย นี่ ความฝันของผมใกล้เป็นจริงแล้วสินะ แล้วเจอกันนะ แกลลอรี่ แล้วเจอกันนะ พี่ต้น
หลังจากที่เอาเวฟลูกรักไปเก็บไว้ที่หอ ผมก็กระโดดซ้อนท้ายลูกรักของไอ้แทนแล้วมุ่งหน้าไปที่ร้านทันที ไม่ได้หรอกเดี๋ยวเต็ม ถึงผมจะแอบดึงประกาศทุกแผ่นที่เจอออกแล้วก็ตามที แต่ของแบบนี้จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด
“เป็นอะไรเชี่ยไม้เงียบทำไมวะ” ไอ้เพื่อนรักตะโกนถามแข่งกับเสียงลม
“เปล่าเว้ย พอดีว่ากู คิดอะไรปเรื่อยมึงอย่าสนใจเหรอ”
“เหรอ สงเสียงบ้างก็ดีนะกูจะได้รูว่ามึงยังไม่กระเด็นตกจากรถ ฮาๆๆ”
“เชี่ย!!” ผมอวยพรมันไปหนึ่งครั้งก่อนที่ลูกรักคันเก่งของไอ้แทนจะหยุดลงที่หน้าร้าน แกลลอรี่
“เก็บอาการหน่อยก็ได้นะมึง ดูจะมีความสุขเกินเหตุ ร้านนี้มีอะไรดีเหรอวะ” ไอ้แทนเลิกคิ้วถาม เอ๊ะ นี่ผม ออกอาการขนาดนั้นเลย
เหรอเนี่ย ไม่เห็นรู้ตัวเลย
“ก็กูบอกแล้วไงวะว่าชอบบรรยากาศร้านนี้มาก”
“งั้นก็ไปสิ ยืนอยู่ตรงนี้จะได้สมัครไหมครับงาน ส่วนกูรออยู่ตรงนี้แล้วกัน ไม่อยากเข้าไป มันไม่เหมาะกับกู”
“เออ รออยู่ตรงนี้แหล่ะ” ผมบอกก่อนจะเดินไปในร้านกาแฟที่ผมได้แต่มองอยู่ไกลๆ
“แกลลอรี่ ยินดีต้อนรับครับ” เสียงทุ้มเอ่ยทัก
“เอ่อ สวัสดีครับพี่ พอดีว่าผม มาสมัครงานน่ะครับ” ผมบอกพลางชูกระดาษประกาศรับสมัครงานให้อีกฝ่ายดู
“อ้อ ครับ น้องชื่ออะไรเหรอ หน้าตาคุ้นๆเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า” ร่างสูงเลิกคิ้วถาม
“ผมชื่อ ไม้ ครับพี่ สงสัยหน้าผมจะโหลมั้ง มีคนทักผิดอยู่บ่อยๆ”
“แล้วเราเรียนอยู่ใช่ไหม เรียนอะไรอยู่เหรอ”
“อ้อ ผมเรียนคหกรรมครับ ตอนนี้ปวช ปี 3” ผมตอบ แต่ นี่มันสัมภาษณ์งานหรือเปล่าครับ
“เรียนคหกรรมงั้นแปลว่าทำขนมเป็นสินะ”
“เป็นครับ นั่นน่ะของถนัดเลย” ผมบอกอย่างภูมิใจถึงผมจะดู เกรียนไปสักนิด กากไปสักหน่อย แต่ความฝันของผมก็คือการมีร้าน
เบเกอรี่เป็นของตัวเองนะครับ
“ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เริ่มงานได้เลยแล้วกัน”
“หะ หา นี่พี่รับผมแล้วเหรอครับ” ผมถามด้วยความสงสัยอย่างแรง แค่คุยกันสามประโยคนี่รับผมแล้วเหรอครับ นึกว่าจะให้โชว์
ฝีมือทำขนมแบบในละครซะอีก
“ใช่สิ พี่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะรับ ใครก็ตามที่มาสมัครเป็นแรกและน้องก็มาเป็นคนแรกไง” เขาบอกด้วยรอยยิ้มกว้าง
“โหย ตรรกกะอะไรของพี่เนี่ย”
“อ้าว ไม่พอใจเหรอน้อง ไม่พอใจพี่รับคนอื่นก็ได้นะ”
“เฮ้ย พอใจสิพี่พอใจมาก งั้นผมเริ่มงานพรุ่งนี้เลยนะ ว่าแต่พี่ชื่ออะไรเหรอ”
“โทษทีๆ พี่ลืมแนะนำตัวสินะ พี่ชื่อต้น เรียกว่าพี่ต้นก็ได้”
“โอเค ครับพี่ต้น ผมไปนะครับ หวัดดีพี่” ผมบอกก่อนจะเดินไปหาไอ้แทน เอ๊ะ หรือผมควรจะแกล้งมันดี ครับ
“เฮ้ย ไอ้ไม้เป็นไงบ้างวะ” ร่างสูงที่นั่งเล่นเกมส์อยู่เงยหน้าขึ้นถาม ก่อนที่ผมจะพยายามตีหน้าเศร้า พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เฮ้อ”
“เอาน่าๆ ร้านกาแฟไม่ได้มีร้านเดียวซะหน่อย ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกเพื่อน” ไอ้แทนบอกเสียงเบาก่อนจะตบไหล่ผมเบาๆ
“แต่กู..”
“เฮ้ย เอาน่า อย่าคิดมากเอาเป็นว่า วันนี้กูเลี้ยงเหล้ามึงเป็นไง” มึงพูดเองนะเพื่อนรัก ฮ่าๆๆ ลาภปาก ล่ะ ไอ้ไม้
“มึงพูดเองนะ เชี่ยแทนว่าจะเลี้ยงเหล้ากู” ผมถามย้ำก่อนจะยิ้มกว้าง
“เฮ้ย นี่มึงหลอกกูเหรอ”
“กูหลอกมึงตอนไหน กูยังไม่ได้พูดอะไรเลยมึงแมร่งก็คิดเองเออเอง ไปเรื่อย กูจะบอกว่ากูเริ่มงานพรุ่งนี้เว้ย ฮ่าๆๆ ไอ้เพื่อนโง่”
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง ไอ้ไม้”
“อย่าฝากนานนะ กูไม่มีดอกเบี้ยให้นะโว้ย”
“เออ แล้วจะกินไหมเหล้าน่ะ ถ้ากินก็ขึ้นมา” เพื่อนรักตะโกนอย่างหัวเสีย
“กินสิ ของฟรีเรื่องอะไรกูจะพลาด ฮ่าๆๆ” วันนี้โคตรโชคดีเลยครับ นอกจากจะได้ทำงานที่ แกลลอรี่แล้วยังได้กินเหล้าฟรีด้วย
เกิดเป็นไอ้ไม้นี่มันดีจริงๆครับ
“ไอ้ไม้ หายหัวไปไหนวะ มาช่วยกันยกของหน่อยสิ” เสียงทุ้มตะโกนเรียกก่อนที่ร่างสูงจะหอบข้าวของพะรุงพะรังเข้ามาในร้าน
“โห ลุง ซื้ออะไรมาเยอะแยะไปเมาซุปเปอร์มาหรือไง” ผมถามก่อนจะไปช่วยเจ้าของร้านยกของไปเก็บ
“นี่บอกกี่ครั้งแล้วว่า ให้เรียกพี่ ทำงานมาสองเดือนแกจะอัพอายุพี่เร็วไปไหนวะ”
“โห ก็ดูลุงทำสิ คนหนุ่มอายุ ยี่สิบปลายๆที่ไหนจะร้องครวญครางโอดโอยเวลายกของหนัก มีแต่คนแก่เท่านั้นแหล่ะที่ทำได้แบบลุงน่ะ ฮ่าๆๆ”
“ไอ้ไม้ไอ้เด็กเวร” เสียงตะโกนของเจ้าของร้านดังขึ้นพร้อมกับ ถุงอะไรสักอย่างลอยเฉียดหัวผมไป โอ้ เดี๋ยวนี้ลุงต้น เร็วอุปกรณ์
เหรอ
“ลุงนั่นแหล่ะ ที่แก่เอง” ผมยังต่อปากต่อคำไม่เลิก ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สรรพนามระหว่างกันนั้นเปลี่ยนไป แต่หลังจากทำงานได้
สักพัก ผมก็เริ่มล้อพี่ต้นว่าลุง ก็คนหนุ่มที่ไหนจะบ่นตลอดเวลา แบบพี่ต้นกัน แถมเวลายกของหนักยังโอดโอยว่าปวดหลังอีก นี่มันนิสัยคนแก่ชัดๆ
“ไอ้เด็กเวรนี่ กวนตีน”
“ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะลั่นทุกวันๆวัน แกลลอรี่ มักจะเต็มไปด้วยเสียงโครมครามเล้ากับเสียงต่อปากต่อคำของผมกับแสมอ มันอาจจะดู
เป็นความสัมพันธ์ที่ประหลาด แต่ผมก็มีความสุขดี และอยากให้มันเป็นอย่างนี้ตลอดไป
แต่นั่นคงเป็นสิ่งที่ผมคิดเองคนเดียว…
“ไอ้ไม้ ไหว้พี่เขาซะสิ” เสียงทุ้มบอกกับผมในวันหนึ่งก่อนที่เขาจะพาใครคนหนึ่งมาในร้าน
“ใครวะลุง”
“ไอ้นี่ บอกครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่ วู้ นี่พี่เล็กเขาจะมาทำงานกับเราด้วย” เสียงทุ้มบอก ก่อนจะยิ้มให้คนแปลกหน้าคนนั้น
“หวัดดีครับพี่เล็ก ผมชื่อไม้นะครับ เป็น คนทำขนม เด็กเสริฟ์ เด็กล้างจาน เด็กถูพื้น เด็ก..”
“พอเลยไอ้ไม้ สรุปเลยนะ ไอ้นี่มันเป็นพนักงานร้านพี่เอง มันกวนตีนมาก แต่ไม่มีอะไร ถ้ามันพูดอะไรบ้าๆบอๆก็อย่าไปใส่ใจนะ” ร่างสูงเอ่ยติดตลก พลางมองคนแปลกหน้าไม่วางตา แววตาที่ทำให้ผมต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า พี่ต้นรับพี่เล็กทำงานเพราะอะไร
......................................TBc........................
มาแล้ววววววววววววววววววว
หืดขึ้นคอเลย
บางคนอาจจะบอกว่า เฮ้ คนดีๆอย่างน้องไม้ ไม่มีจริง หรอก
ใช่ค่ะ คนดีๆ แบบนี้ ไม่มีจริงหรอก มันอุดมคติ เกินไป
น้องไม้ของทุกคนน่ะ เป็น คนธรรมดา กว่านั้นเยอะ
#อย่าตัดสินอะไรแค่10 ตอน นะคะ
ด้วยรัก พิตต้า
ก่อนจากเค้าฝาก คุณพระนาย และ คุณกานต์ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ
กลิ่นแก้ว
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41492.msg2660152#msg2660152