ตอน 3
เสียงฝนที่ตกอยู่ข้างนอกทำให้ผมรู้สึกตัว ก่อนที่อ้อมแขนแกร่งจะรัดแน่นมากขึ้น
“ยังเช้าอยู่เลยจะรีบตื่นไปไหน” คนที่ยังหลับตาอยู่เอ่ยถาม พลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
“เช้าที่ไหนมันสายแล้วนะครับ เดี๋ยวก็เปิดร้านไม่ทันกันพอดี แล้ววันนี้ผมก็มีเรียนตอนบ่ายด้วย” ผมบอกพลางขยับตัวหนีอ้อมแขนที่รัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“อื้อ ฝนยังตกอยู่เลย อากาศแบบนี้น่านอนจะตาย วันนี้ เปิดร้านสายหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกน่า นอนๆ”
“แต่ว่า ผม”
“นอนเถอะน่า เดี๋ยวนี้ดื้อเหรอ นอนเร็วๆ พี่ง่วงนะ”
ผมไม่ตอบรับแต่ซุกเข้าในอ้อมกอดของอีกคนอย่างว่าง่าย อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นแต่ในขณะเดียวกันมันก็หนาวเหลือเกิน
“วันนี้เข้าเรียนกี่โมง” ร่างสูงที่กำลังสวมเสื้ออยู่เอ่ยถาม
“บ่ายโมงครับ”
“งั้นก็ไม่ต้องเข้าร้านแล้วกัน ไปเรียนเถอะ พี่ดูร้านคนเดียวได้” เจ้าของร้านตัวสูงบอก
“แต่ว่า”
“ไม่มีแต่ บอกแล้วไงว่าถ้าวันไหนมีเรียน ไม่ต้องเข้าร้านเป็นเด็กเป็นเล็กต้องทุ่มเทกับการเรียนเข้าใจไหมไอ้แสบ”
“ครับ” ผมรับคำพร้อมกับที่มือหนาวางบนไหล่
ผมยิ้มให้พลางมองมือหนาที่ยังอยู่บนไหล่ พี่ต้นใจดีกับผมเสมอแม้ว่าเมื่อก่อนจะชอบทะเลาะกันยังไงแต่พี่ต้นก็ไม่เคยโกรธจริงๆสักครั้งทุกครั้งที่ผมมีปัญหา มือคู่นี้จะคอยปลอบและให้กำลังใจผมเสมอ นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมหวั่นไหวและรักผู้ชายคนนี้ก็ได้ แต่ผมก็รู้มาตลอดว่าความหวังดีนั้นไม่สามารถเปลี่ยนเป็นความรักได้เมื่อในหัวใจของพี่ต้นไม่เคยลืมคนในอดีตได้เลย..
“งั้นพี่ไปก่อนนะ กินข้าวด้วยล่ะ เย็นๆค่อยไปช่วยพี่ปิดร้านแล้วกัน” เขาบอกก่อนจะเดินออกจากห้องไป
บางครั้งผมเองก็ไม่ชอบ ไม่ชอบความใจดีพวกนั้น ไม่ชอบความอ่อนโยนที่ตัวเองได้รับ ไม่ชอบที่พี่ต้นทำเหมือนว่าเป็นห่วง เพราะมันทำให้ผมยิ่งรักเขามากขึ้นทุกวัน
“ไอ้ไม้งี่เง่าเอ้ย!!” ผมสบถลั่นเมื่อน้ำตาเจ้ากรรมที่เก็บเอาไว้มานานมันไหลออกมาจนได้ ไม่มีใครในโลกนี้อยากจะเจ็บปวดเพราะความรัก แต่บางครั้งเราก็ไม่อาจเอาชนะสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตาได้
Rrrrrrrrrrrrrrr
เครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กแผดเสียงลั่นปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์ก่อนจะเหลือบมองเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอ แทน
“ว่าไงครับเพื่อน” ผมกดรับก่อนจะพูดกับปลายสาย
(ห่า กว่าจะรับนะมึงกูรอสายตั้งนาน) เพื่อนรักขอผมบ่น
“นานอะไร มันดังสองวิกูก็รับแล้วเนี่ย อย่ามากวนมึงโทรมามีอะไร”
(เปล่าจะโทรมาถามว่าวันนี้เข้าเรียนไหม)
“เข้าสิวะ ใกล้สอบแล้วขืนกูไม่เข้าคะแนนกูจะเหลือเหรอ เจอกันที่เดิมนะครับเพื่อนแทน”
(เชี่ย ขนลุกอย่าพูดเพราะกูไม่ชิน) ปลายสายแหวลั่นก่อนที่ผมจะหัวเราะเบาๆ
แทนไท หรือ ไอ้แทน เป็นเพื่อนสนิทของผมที่สถาบัน แต่มันเรียนช่างยนต์นะครับไม่ได้เรียนคหกรรมแบบผม สนิทกันได้ยังไงก็ไม่รู้ เจอกันวันแรกๆแทบจะต่อยกันตายเพราะแย่งที่จอดมอไชต์ อย่างว่าเด็กช่างเลือดมันร้อนน่ะครับ แต่ก็โดนลงโทษให้ขัดส้วมด้วยกันเป็นอาทิตย์ไม่สนิทก็ต้องสนิทล่ะครับ
“ฮ่าๆๆ มึงนี่นะ เออ เดี๋ยวกูไปเจอกันที่เดิมนะจะไปกินข้าวด้วย”
(อ้าวไม่เข้าร้านเหรอ) มันถาม แทนมันรู้ครับว่าผมทำงานกับที่ร้านกาแฟ แต่มันไม่ค่อยไปหาเท่าไหร่เพราะมันบอกว่า เด็กช่างนั่งร้านกาแฟแล้วไม่เท่
“ไม่หรอก วันนี้เจ้านายกูเขาใจดี ให้หยุดได้เดี๋ยวเจอกันนะ แค่นี้ล่ะ”
(เออบาย) ปลายสายวางไปแต่ผมยังอมยิ้มกับความเกรียนของเพื่อนไม่หาย เพราะมันเป็นแบบนี้ถึงเป็นเพื่อนกันมาได้สามปี อยู่กับมันไม่ต้องคิดมากไม่ต้องปวดหัว อยู่กับมันแล้วสบายใจแม้มันจะไม่เคยช่วยอะไรผมได้แต่อย่างน้อยทุกครั้งที่มีปัญหามันก็ยังคงอยู่กับผมเสมอ
“เฮ้ ทางนี้ๆ” ผมมองคนที่ตะโกนอย่างไม่อายใครพลางตะโกนขึ้นม้าหินอย่างระอา นี่ล่ะไอ้แทน มันสนโลกซะที่ไหน
“มึงเรียกกูเบาๆก็ได้มั้ง ” ผมแหวลั่นก่อนที่มือจะฟาดลงบนหน้าผากมันด้วยความรัก??
“ก็กูกลัวมึงไม่ได้ยินนิ ป่ะไปกินข้าวกูหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย” ไอ้แทนบอกพลางลากผมไปที่โรงอาหารทันที
เด็กนักเรียนในสถาบันต่างแหวกทางให้เราอย่างพร้อมเพรียงเห็นมันติงต๊องขนาดนี้ไอ้แทนเพื่อนผมเป็นประธานรุ่นครับ เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่คนในสถาบันจะเกรงใจมันอยู่ไม่น้อย
“มึงกินไรอ่ะ” มันถาม
“ถามอย่างกะไปซื้อให้กู”
“เออดิ เดี๋ยวกูไปซื้อให้คิวมันยาวเดี๋ยวมึงยืนนาน”
“เอา เล็ก ต้มยำไม่งอก แล้วกัน” ผมบอก ดีเหมือนกันจะได้ไม้ต้องยืนต่อคิวให้เมื่อย
“โอเค มึงไปซื้อน้ำไป เดี๋ยวกูมา” มันบอกพลางยื่นแบงค์ยี่สิบให้ผม วันนี้สงสัยผีเข้าไอ้แทนคิดยังไงถึงเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำผมล่ะ
เนี่ย แต่ช่างเถอะ ดีซะอีกที่มีของฟรีกิน เปรมล่ะไอ้ไม้
“มาแล้ว” ชามก๋วยเตี๋ยวร้อนๆถูกวางตรงหน้าก่อนเพื่อนรักจะยื่นตะเกียบให้ผม บริการดีไปป่ะวะ
“แทนกูถามจริงเถอะ มึงผีเข้าเหรอ”
“ทำไมมึงถามแบบนั้น”
“ร้อยวันพันปีเคยซื้อข้าวให้กูที่ไหน วันนี้เป็นอะไรถึงเอาใจกูจัง มึงทำดีหวังผลป่ะ”
“ห่า กูก็อยากเป็นคนดีบ้างมึงกินๆไปเถอะน่าอย่าถามมากได้ป่ะ” มันตอบก่อนจะลงมือซัดก๋วยเตี๋ยวในชามตัวเองทันที
“ไอ้ไม้!!” เพื่อนรักของผมตะโกนลั่น จนคนรอบข้างหันไปมมองมันเป็นตาเดียว ผมทำได้แค่ส่ายหน้าระอาก่อนจะเดินเข้าไปหามัน
“ตะโกนทำไมวะ แล้วนี่มึงเรียนเสร็จแล้วเหรอ” หลังจากที่ซัดก๋วยเตี๋ยวกันจนอิ่มทั้งคู่เราสองคนก็แยกย้ายไปเข้าเรียนเหมือนเดิม
แต่มันก็แปลกตรงที่พอผมเลิกเรียนก็เจอมันนั่งยิ้มแฉ่งรออยู่
“เออดิ นี่กูมารอมึงตั้งนานนะ”
“รอกู รอทำไม”
“ก็วันนี้มึงไม่ได้เอามอไซต์ มาไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวกูไปส่ง”
“มึงเป็นไข้หรือเปล่าวะไอ้แทนกูถามจริงๆเถอะ วันนี้ดูมึงดีกับกูแปลกๆ”
“เปล่าซะหน่อยห่า กูเป็นคนดีบ้างไม่ได้ไง มาเถอะน่าพูดมากจริงเว้ย” ไอ้แทนแหวลั่นก่อนจะลากผมไปนั่งซ้อนท้ายเจ้าNinja250R ของมัน เห็นแล้วคิดถึง ฮอนด้าเวฟ ของตัวเอง อนาถจิต เฮ้อ อยากมีมอไซต์เท่ๆแบบนี้บ้างครับ
“มองตาละห้อย อยากได้เหรอ”
“เออดิ” ผมตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
“ไม่ให้หรอก….ถ้ามึงอยากขับกูไม่ให้ แต่ถ้าอยากซ้อนท้ายถูกไม่ว่า” มันบอกก่อนจะมองผมด้วยสายตาที่ผมไม่อยากจะคาดเดาอะไร เพราะมันเหมือน เหมือนแววตาของผมที่มองพี่ต้น
“มึงพูดอะไร”
“ช่างเถอะ ขึ้นมาเร็วๆเดี๋ยวจะสาย โดนเจ้านายด่านะมึง” มันเฉไฉก่อนจะสวมหมวกกันน๊อคทันที อย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย ขอ
ให้แววตาที่ผมเห็นมันล้อเล่นทีเถอะ
มึงอย่ารักกูเด็ดขาดนะไอ้แทน อย่ารักคนอย่างกูเลย
“ไม้ถึงแล้ว” เสียงของเพื่อนสนิททำให้ผมหลุดจากภวังค์ นี่ผมนั่งเหม่อนานขนาดนี้เลยเหรอ
“เออ ขอบใจนะ” ผมบอกแม้ว่าจะยังสงสัยในสิ่งที่มันพูดแต่ผมก็ไม่อยากให้ความสงสัยนั้นทำให้ผมเสียเพื่อนที่ดีอย่างมันไป
“เดี๋ยวสิรอกูก่อน”
“รอ..รอทำไม”
“อ้าวไอ้นี่ พูดกับลูกค้าอย่างนี้ได้ไงครับ ผมก็จะเข้าไปกินกาแฟไง” มันบอกก่อนจะยกยิ้มกวนส้น..เหมือนเดิม
“มึงเนี่ยนะกินกาแฟ ไหนบอกมันไม่เท่ ไม่เหมาะกะเด็กช่างอย่างมึงไง”
“ก็แหม กูอยากจะกินบ้างไม่ได้ไง ไม่มีป้ายห้าเด็กช่างเข้าร้านกาแฟสักหน่อย หลบๆ จะเข้าร้าน” มันบอกก่อนจะเดินเข้าร้านน่าตาเฉย วันนี้มันแปลกๆ ตั้งแต่เช้าแล้วนะ
“ไม้มาแล้วเหรอ” เสียงของคนที่เพิ่งรับออร์เดอร์เสร็จเอ่ยทัก
“อ้าวพี่เล็กมาได้ยังไงครับเนี่ย”
“ก็ลุงต้นของแกนะสิ โทรไปบอกพี่ว่าพนักงานประจำโดดพี่ก็เลยมาช่วยเนี่ย” พี่เล็กบอกก่อนจะชี้นิ้วไปที่เจ้าของร้านตัวสูง
“เหรอครับ”
ที่ทำเป็นใจดีเพราะแบบนี้สินะ ที่ไล่ให้ไปเรียนเพราะอยากอยู่กับพี่เล็กใช่หรือเปล่า
ไอ้ไม้เอ้ย…ทำไมแกมันโง่ขนาดนี้ โง่ที่เอาแต่คิดอยู่ได้ว่าเขาเป็นห่วง เขาก็แค่อยากไล่ตัวเกะกะให้ไปพ้นๆก็เท่านั้น
“เป็นอะไรหรือเปล่าไม้ หรือว่าวันนี้เหนื่อย ถ้างั้นไม่ต้องทำงานดีไหมเดี๋ยวพี่บอกพี่ต้นให้”
“ไม่ต้องหรอกพี่ ผมไหวน่า นี่ไอ้ไม้ของพี่นะแค่นี้เอง เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ แล้วจะมาช่วย” ผมบอกก่อนจะเดินเข้าหลังร้าน
“วันนี้ใครมาส่งเหรอ” เสียงทุ้มของเจ้าของร้านถามขึ้น
“เพื่อนนะครับ”
“เพื่อนจริงอ่ะ แต่ทำไมเขามองแกไม่วางตาเลยวะ” พี่เล็กที่เพิ่งจะมาถึงเอ่ยแซว
“เพื่อนจริงๆพี่ ไม่ได้เป็นอะไรกันนะ”
“เฮ้ย พี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลย ร้อนตัวทำไม” พี่เล็กหัวเราะร่วนที่แกล้งผมได้ ก่อนจะผิวปากอย่างอารมณ์ดี
ตลอดทั้งบ่ายผมเหมือนตกอยู่ในสงครามเย็นมันแปลก แปลกที่ไอ้แทนจอมเกรียนเอาแต่นั่งเงียบ ทั้งที่ปกติมันต้องโหวกเหวกโวยวายบ้างแต่แปลกกว่าคือพี่ต้นที่เอาแต่จ้องผมทุกครั้งที่เดินผ่าน นี่ทุกคนกำลังเล่นอะไรกัน
“ไม้กูกลับแล้วนะ” เสียงของเพื่อนรักดังขึ้นก่อนที่มือหนาจะวางบนไหล่ผมพร้อมกับตบเบาๆ
“เออ เดี๋ยวกูไปส่ง”
“เอ้ยไม่ต้อง กูไม่ใช่เด็กสามขวบกูจำทางได้น่า”
“กูจะไปส่งมึงตามมารยาทหรอก ไปเลยเร็วๆ” ผมบอกก่อนจะลากไอ้แทนออกมาจากร้านได้สำเร็จ
“กูไปนะ”
“เออไปๆ” ผมบอกพลางยกมือไล่
“ไม้”
“ว่าไง”
“มึงมีอะไรจะบอกกูหรือเปล่า” ไอ้แทนเอ่ยถามพลางมองผมด้วยสายตาคาดคั้น มันรู้อะไรมา
“ไม่มีนิ”
“เหรอ ไม่มีก็ดีแล้ว มีอะไรอย่าปิดกูนะกูอยู่ข้างมึงเสมอไปล่ะ” มันบอกก่อจะขึ้นคร่อมลูกรักแล้วขับออกไป
ไอ้แทนหมายถึงอะไร มันต้องการจะพูดอะไรกันแน่
..............................TBC.............................

ขยันเปิดตัวตัวละครใหม่เหลือเกิน ฮ่าๆๆๆ
เอาอิมเมจ ตัวละครมาฝากนะคะ
แทนไท

พี่อิท
