ร้ายซ่อนรัก
บทที่ 7
โมกข์เบือนหน้ากลับมาอย่างไม่คิดที่จะสนใจ
ในประวัติอันถึงลูกถึงคนของเขาและปราบมักจะมีแดเนียลมาเกี่ยวข้องในฐานะตัวป่วนเสมอ
โมกข์รู้ว่าแดเนียลไม่มีปัญญาทำอะไรเขาได้นอกจากสร้างความรำคาญชั่วครั้งชั่วคราว
แต่ในเรื่องการทำงานแล้ว โมกข์เองก็ยอมรับฝีมือของแดเนียลอยู่ไม่น้อย เพราะฝรั่งตาน้ำข้าว
คนนี้ก็มีดีขนาดเทคโอเวอร์บริษัทขนาดกลางแล้วพัฒนามันจนก้าวตามหลังเขาและปราบมา
ติดๆ
ปราบขอตัวไปรับแขกผู้ใหญ่เปิดโอกาสให้เขาอยู่กับพัทธ์ เมื่อพัทธ์เห็นสายตาที่โมกข์มองจ้อง
มา อาจารย์หนุ่มก็รู้สึกเก้อจนวางหน้าไม่ถูก
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
พัทธ์ถามอย่างไม่รู้จะทำลายบรรยากาศเงียบๆ อย่างไร
“กำลังคิดว่า อาจารย์ใส่สูทตัวนี้แล้วดูดีกว่าที่ผมคิด”
คนตัวสูงกว่าก้าวเดินมาใกล้จนห่างกันไม่ถึงฟุตพลางยกมือขึ้นจับขอบเสื้อสูทของอีกฝ่ายดึง
กระชับให้เข้ากับรูปร่าง
“อาจารย์จะไม่ชมคนเลือกให้หน่อยหรือ ที่กะขนาดของอาจารย์ได้พอดีเป๊ะ”
พัทธ์ร้อนทั่วหน้าไปหมดเมื่อได้ยินคำพูดที่ชวนให้คิดต่อของโมกข์
ยิ่งเมื่อยืนใกล้กันขนาดนี้แล้วมันยิ่งทำให้ลมหายใจของเขาสะดุดลงอย่างอัตโนมัติ
เสียงพิธีกรในงานเริ่มขึ้นจากด้านบนเวที พัทธ์เอียงหน้าไปมองหนีการสบตาของโมกข์
“งานจะเริ่มแล้ว ผมว่าผมควรไปหาที่นั่งแล้วล่ะ”
ว่าแล้วพัทธ์ก็หันตัวกลับอย่างรวดเร็วจนปลายเท้าไปสะดุดเข้ากับขอบพรมหนา เขาเสียหลัก
หน้าคะมำไปข้างหน้า
“อุ๊บส์”
ร่างที่ใกล้จะล้มชะงักเมื่อท่อนแขนแกร่งสอดมารั้งเอวทางด้านหน้าช่วยให้พัทธ์ไม่ล้มคว่ำไปกับ
พื้น พัทธ์ถึงกับถอนหายใจโล่งอกที่เขาไม่ได้ปล่อยไก่ไปกับงานใหญ่ระดับนี้
แต่เมื่อสติกลับมาหาตัว ทำให้พัทธ์แทบกัดริมฝีปากเมื่อเห็นสภาพตอนนี้ เขาอยากล้มคะมำไป
กับพื้นมากกว่า เมื่อมีโมกข์มายืนชิดอยู่ด้านข้างค่อนมาทางด้านหน้าแล้วแขนข้างหนึ่งโอบมาที่
รอบเอวของเขากระชับเข้าหาตัวของโมกข์ ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดลงมาที่ข้างหู
จมูกของพัทธ์ใกล้จนเกือบกระแทกเข้ากับบ่ากว้าง ใกล้จนเขาได้กลิ่นน้ำหอมเย็นๆ โชยเข้าจมูก
คุ้นเหลือเกินกับกลิ่นนี้ พัทธ์บอกไม่ถูกว่าเขาเคยได้กลิ่นที่ไหน เขารู้แต่ว่ามันช่างเหมาะเจาะกับ
โมกข์ มันยิ่งเสริมให้ฮอร์โมนเพศชายของโมกข์แผ่ขยายอาณาจักรเหมือนสิงโตที่กำลังจ้องมอง
เหยื่อ
“ผมไม่เป็นไรแล้ว”
พัทธ์ที่เพิ่งหาเสียงของตัวเองพบพูดเบาๆ ฝ่ามือที่ยึดอยู่ตรงเอวจึงคลายมือลงอย่างอ้อยอิ่ง
พร้อมกับท่อนแขนที่ค่อยๆ เลื่อนห่างอย่างช้าๆ
พัทธ์ผลักให้ร่างของโมกข์ห่างพ้นตัวอย่างรวดเร็ว เขาลอบหายใจเข้าเมื่อรู้สึกทรมานที่กลั้น
หายใจอยู่นานเกิน ลำคอแห้งผากไปหมดเมื่อกลืนน้ำลายลงคอ
เขาสบตาคมคู่นั้นอีกครั้ง ก็เห็นแต่ความขบขันพราวระยับไปหมด ใบหน้าขาวจัดแดงเรื่ออยู่ใน
ความมืดของงาน พัทธ์ฮึดฮัดหันหลังให้แล้วก้าวยาวๆ หนีเข้าไปในเก้าอี้ในแถวลึกๆในที่นั่ง
สำหรับแขกในงาน
ฮึ นี่คงเห็นเขาเป็นตัวตลกสินะ
พัทธ์ค่อนขอดในใจเมื่อคิดถึงสายตาที่มองมาของโมกข์ ดวงตาคู่เดียวที่มองมาแต่ในความรู้สึก
ของเขามันช่างเหมือนดวงตาคู่นั้นก๊อบปี้แล้วเพลทไปวางอยู่รอบตัว
มันทำให้พัทธ์ฟุ้งซ่านจนแทบไม่มีสมาธิกับงานที่เริ่มแล้วเอาเสียเลย
โมกข์เดินออกไปด้านหน้าของงานอย่างอารมณ์ดี
ใบหน้าขาวเนียนที่น่าสัมผัสทำให้เขารู้สึกอยากที่จะดึงพัทธ์เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแล้วฝังจมูกลง
ไปอย่างมันเขี้ยว แต่โมกข์ต้องเตือนตัวเองไว้ให้เย็นลงก่อน
ยิ่งเข้าใกล้โมกข์ก็ยิ่งรู้ว่า ความรู้สึกที่มีให้พัทธ์มันไม่ธรรมดาเหมือนที่เขามีกับคนอื่น แน่นอน
เขาอยากได้พัทธ์ แต่โมกข์ต้องการให้พัทธ์เต็มใจตอบสนอง
ถึงแม้เขาจะรู้มาอีกว่าที่พัทธ์คบกับกานต์นั้น พัทธ์จะเป็นรุก แต่โมกข์เชื่อมั่นว่าพัทธ์ไม่เหมาะ
หรอกที่จะเป็นรุก เขาจะทำให้พัทธ์ยอมรับความจริงข้อนี้ให้ได้
เมื่อเดินมาถึงจุดลงทะเบียน โมกข์มองเห็นกานต์กำลังก้มหน้าลงไปเซ็นชื่อ เขาจึงเดินตรงเข้าไป
ใกล้ จนเมื่อกานต์เงยหน้าขึ้นมาจึงได้เห็นโมกข์ที่ก้มหน้าไปยิ้มให้
กานต์ยืดตัวขึ้นมาพร้อมร้อยยิ้มท้าทาย พลางเดินก้าวออกจากจุดนั้นโดยที่มีโมกข์เดินตาม
“พบกันอีกแล้วนะฮะโมกข์ ไม่นึกว่าจะพบคุณที่งานนี้”
“เพราะผมรู้ว่าจะพบกานต์ที่งานนี้ไงครับ ผมถึงได้มา”
โมกข์ที่เดินตามหลังวาดมือไปแตะที่เอวของกานต์แล้วพาเลี้ยวออกไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางเข้า
งาน กานต์เชิดหน้าขึ้นแต่ก็ยอมเดินตามไปทางนั้น
“ผมไม่รู้นะโมกข์ ว่าคุณเป็นใคร ถึงได้มาอยู่ที่บริษัทที่ผมทำงานอยู่บ่อยมาก รวมทั้งงานนี้ด้วย
คุณคงไม่ใช่แค่มาพบเพื่อนใช่ไหม”
โมกข์ที่เดินตามหลังในระยะประชิดยิ้มอย่างสมเพช
เขารู้ว่ากานต์ต้องรู้ว่าเขาเป็นใคร ถึงได้เข้ามาตีสนิท สิทธานักสืบมือดีสืบประวัติของกานต์มา
ให้เขาหมดแล้ว โมกข์รู้ว่าชีวิตของกานต์ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าเงินและเซ็กส์
ช่างเป็นคนรักที่ไม่เหมาะกับพัทธ์แม้แต่นิดเดียว
“ผมเป็นใครมันไม่สำคัญหรอก รู้แค่ว่ากานต์เองก็อยากเจอผม เหมือนที่ผมอยากเจอกานต์ใช่
ไหม”
เมื่อพ้นเขตงานโมกข์ก็เป็นฝ่ายเดินนำแล้วฉุดแขนกานต์ให้ก้าวเดินจนพ้นตัวตึกไปสู่สวนต้นไม้
เล็กๆ ที่จัดไว้ด้านหลังของโรงแรม เขาลากจนพ้นจากแสงไฟเข้าสู่มุมมืดที่มีต้นไม้ใหญ่บังแสง
จนมิดก่อนที่จะผลักให้กานต์ยืนชิดกับต้นไม้
โมกข์กระโจนเข้าหาร่างนั้นดึงหน้าของกานต์มาใกล้แล้วก้มไปจูบอย่างดุดัน
เขานี่แหละจะทำให้กานต์หลุดพ้นไปจากวงจรชีวิตอันแสนดีของพัทธ์ เขาจะไม่ยอมให้พัทธ์ต้อง
จมปลักอยู่กับคนที่เห็นแก่ตัวเองอย่างกานต์
โมกข์คำรามเบาๆ เหมือนราชสีห์ตะปบเหยื่อเมื่อเขาดึงชายเสื้อเชิตของกานต์ออกจากกางเกง
แล้วถอดกระดุมออกทีละเม็ด จนเผยให้เห็นผิวเนียน ยอดอกเม็ดเล็กชูชันอวดสายตาอยู่เบื้อง
หน้า โมกข์ไม่รอช้าที่จะใช้ปากงับลงไปแล้วเม้มไปทั้งลานนมสีเนื้อ
กานต์เม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงครางไว้ โมกข์ช่างใช้ปากได้ดีเหลือเชื่อเมื่อปลายลิ้นร้อนกวาด
ไปรอบแผงอกของเขา ยิ่งเมื่อมือของโมกข์คว้าหมับลงที่จุดสงวนกานต์ก็สะดุ้งเฮือก
มือนั้นทำงานได้ดียิ่งกว่าปาก โมกข์ทั้งบีบ ทั้งเค้นผ่านเนื้อผ้าจนกานต์เผลอปล่อยเสียงแผ่วลึก
อยู่ในลำคอ
“โมกข์ อา…ผมจะ…จะไม่ไหวแล้ว อย่าให้ผมต้องขาดใจตายเลย”
เสียงสั่นพริ้วอ้อนวอนขอ ดวงตาของกานต์ฉ่ำไปด้วยแรงปรารถนา โมกข์ดูดพลังของเขาไป
จนขาสั่นแทบยืนไม่อยู่ เขามองใบหน้าคมเข้มตรงหน้าอย่างหลงใหลแม้ว่าโมกข์จะมองเขา
อย่างเยาะหยัน
เถอะนะ ไม่ว่าเขาจะคิดอะไร วินาทีนี้กานต์คิดอะไรไม่ออกแล้ว
โมกข์กระตุกยิ้มที่มุมปาก เขาเวทนาคนที่กำลังตัวสั่นด้วยความอยากในอารมณ์ ก็แค่นี้สำหรับ
กานต์ รับรองว่าเขาจะสนองให้ถึงใจ คิดแล้วโมกข์ก็ปลดตะขอรูดซิปกางเกงของกานต์แล้ว
กระตุกลงไปจนถึงต้นขา แล้วโมกข์จัดการรูดซิปกางเกงของตัวเองด้วย
ทันทีที่ขอบกางเกงเปิดออก กานต์ที่มองจ้องอยู่ถึงกับใจสั่นเมื่อเห็นส่วนที่อัดอยู่ภายในนั้นพอง
ตัวขึ้นมา ยิ่งเมื่อโมกข์ดึงกางเกงชั้นในลงมันก็ยิ่งอวดตัวชูชันให้เขายิ่งสั่นสะท้าน
โมกข์เบียดจนแผ่นหลังของกานต์แนบชิดไปกับต้นไม้ใหญ่ เขาใช้ต้นขาเบียดจนกานต์เปิดทาง
แล้วเขาจึงดันสะโพกแทรกตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ะ โมกข์”
กานต์หลุดปากร้องออกมาเมื่อความเจ็บปวดแล่นแปลบ ขนาดของโมกข์ช่างใหญ่โตจนแม้แต่
ช่องทางของเขาที่เคยมีประสบการณ์มาแล้วยังต้องสะดุ้งในครั้งแรกที่โมกข์ใส่เข้ามา แต่เมื่อ
โมกข์ใช้วิธีหมุนวนสะโพกเป็นวงกลม มันก็ผ่อนคลายลงในที่สุด
โมกข์กดริมฝีปากลงไปที่ปากของกานต์ เขาสอดลิ้นลงไปอย่างรวดเร็วกานต์เองก็สนองตอบ
ทันทีเหมือนกัน โมกข์กวาดลิ้นไปทั่วโพรงปากยิ่งทำให้กานต์กระเจิดกระเจิงหนักขึ้นไปอีก โมกข์
ใช้เวลานี้ดันแก่นกายเข้าไปจนสุดตัว
“อื้มมม”
กานต์ส่งเสียงร้องอึกอักอยู่ในลำคอที่ถูกปิดไว้ด้วยปากของโมกข์ เมื่อภายในถูกเสียดสีเข้าที่
จุดสำคัญ ความเสียวสะท้านแล่นวูบเกือบขาดใจ แต่โมกข์ยังไม่หยุดแค่นี้
โมกข์ย่อตัวลงไปเล็กน้อยแล้วดึงขาสองข้างของกานต์จนลอยขึ้นมาให้เกี่ยวไปรอบเอวของเขา
โดยใช้ต้นไม้เป็นหลักให้กานต์ ยิ่งทำให้ภายในกระแทกกระทั้นตอดรัดเบียดแน่นจนกานต์เผลอ
เงยหน้าครางเสียงกระเส่า
กานต์คล้องแขนไปรอบคอโมกข์ สอดนิ้วมือไปกับเส้นผมหนานุ่ม ปลายนิ้วแทบจิกเมื่อโมกข์จับ
สะโพกของเขาขึ้นลงรับกับการบุกทะลวงของโมกข์ ขอบซิปกางเกงของโมกข์เสียดสีอยู่กับถุง
เนื้อ แทนที่จะเจ็บมันกลับยิ่งช่วยให้เสียวซ่านมากขึ้นไปอีก
“อ๊ะ โมกข์”
กานต์ร้องเมื่ออยู่ๆ กล้ามเนื้อก็ตอดรัดถี่ยิบ ของเหลวสีขาวขุ่นพุ่งวาบขึ้นมาจากส่วนของเขาจน
เปรอะเปื้อนไปทั่วแผ่นอก โมกข์ใช้มือจับมันให้ตั้งตรงจนหยาดน้ำพุ่งเข้าสู่ปากของกานต์
กานต์เงยหน้าครางลึก เขาแลบลิ้นออกมาเลียผลผลิตของเขาเข้าไป เขาได้ยินเสียงหัวเราะหึหึ
จากลำคอของโมกข์ ที่มองเขาด้วยสายตาที่แปลไม่ออก
“เหนื่อยหรือยังครับกานต์”
โมกข์ดันสะโพกเข้าไปจนมิด
“ถ้ากานต์ยังไหวผมของอีกยกนะ”
โอ…คนอะไรช่างแข็งแรงเหลือเกิน
กานต์ร้องอยู่ในใจ เมื่อโมกข์ไม่รอคำตอบ สะโพกแกร่งเริ่มต้นอีกครั้งโดยการหมุนควงเป็น
วงกลม ภายในเสียดสีมากขึ้นไปอีก
โมกข์ช่างหาจุดอ่อนของเขาได้อย่างง่ายดาย กานต์สะท้านเฮือกเมื่อโมกข์แกล้งถูไถซ้ำๆ อยู่ตรง
จุดกระสัน ท่อนขาที่ตวัดอยู่รอบเอวของโมกข์รัดแน่นเพราะเจ้าของเกร็งสุดตัว โมกข์ใช้ฟันขบไป
ที่ยอดอกที่พุ่งชูชันของเขา กานต์ยิ่งใช้แขนรัดไปรอบลำคอของโมกข์จนแทบหายใจไม่ออก
“อ๊า…”
กานต์ร้องลั่น กล้ามเนื้อภายในตอดรัดถี่ยิบยิ่งกว่าครั้งที่แล้ว โมกข์ปล่อยตัวเองจนฉีดผลผลิต
อัดแน่นอยู่ในช่องทางของกานต์ ก่อนที่ทั้งสองจะหายใจหอบเป่ารดใส่กัน
--------------------------จบบทที่ 7 ---------------------------------------------------------------
พูดคุยกับผู้แต่ง
สวัสดีค่ะ ^^
ตั้งแต่แต่งมายังไม่เคยได้พูดคุยกันกับคนอ่านเลยเนอะ
เป็นอย่างไรบ้างกับนิยายเรื่องแรกที่ไม่ไช่แฟนฟิค พอใช้ได้ไหมคะ
ขอบคุณสำหรับความเห็นติชมที่มีกันเข้ามา บอกเลยว่าคนแต่งคนนี้
โปรดปรานคอมเมนต์เป็นที่สุด
สำหรับใครที่ถามถึง ปราบกับปมุต คู่พี่น้อง ขอบอกว่าจะไม่มีในเรื่องนี้นะคะ
วางแผนไว้ว่าจะแต่งเป็นเรื่องต่อไปแบบ SM นิดๆ ตั้งชื่อไว้ประมาณ เพลิงพ่าย ทำนองนี้
รออ่านกันได้หลังจากเรื่องนี้เจบค่ะ
สุดท้าย ขอแนะนำตัว ผู้แต่งชื่อ แกล้ม ค่ะ อายุอานามเฉียดหลักสี่แล้ว นับญาติกันได้นะคะ
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
แกล้ม