ตอนที่ 19ชนนน “ขอบคุณคร้าบเฮีย!!!...วู้ๆ พวกเราเต็มที่โว้ย วันนี้เสี่ยนนเลี้ยงทั้งที” เหล่าทโมนทั้งแก่ทั้งเด็กของทีมบาสและทีมรักบี้ส่งเสียงอึกทึก ก่อนแตกรังเดินไปตามส่วนต่างๆของร้าน ที่จัดอาหารและเครื่องดื่มไว้บริการอยู่รอบบริเวณ
ผมได้แต่แจกยิ้มให้บรรดาลิงแก่ลิงเด็กทั้งหลาย ที่ตัวเองพามาเลี้ยงบุฟเฟ่ต์หมูกระทะข้างโรงเรียน เพื่อเชื่อมสัมพันธ์แก่นักกีฬาของสองทีมนั้น ก็ได้โอกาสหันมาใส่ใจคนข้างกาย ผู้ที่แค่นั่งเฉยๆก็ปล่อยฟีโรโมนให้กลุ่มนักเรียนสาวโต๊ะข้างๆได้อายม้วน กับเสน่ห์ดึงดูดเกินห้ามใจของแฟนรูปหล่อ
ไอ้ผมผู้เป็นเจ้าของสุดหล่อจึงได้แต่พยายามทำใจไม่เหวี่ยงไม่วีนจนเกินงาม แต่ผมอดไม่ได้จริงๆที่จะส่งค้อนน้อยๆให้เบส ยามเจ้าตัวละสายตาจากเหล่าทโมนทั้งหลายที่เราพามา และหันมาสบตากับผมเข้า สุดหล่อมีเลิกคิ้วน้อยๆอย่างน่ามองใส่ตาผมด้วยความแปลกใจ แต่ผมก็ตัดบทซะก่อนด้วยไม่อยากทำลายบรรยากาศดีๆระหว่างเรา
“เบสอยากได้อะไร เดี๋ยวนนไปตักมาให้!” วุ้ย! เสียงจะแข็งไปไหนวะกู ดูสินั่น! สุดหล่อคิ้วขมวดเป็นโบหมดแล้ว
ส่วนไอ้สายตาเจ้ากรรมของผมนี่สิ ดันหาเรื่องไปถลึงตาใส่สาวๆโต๊ะข้างๆจนได้ ทำให้เบสถึงกลับเหลียวมองตามสายตาของผม ก่อนจะหันมาจ้องหน้าผมและถอนใจเบาๆใส่ ‘ใช่ซี่! ไอ้นนมันน่าเบื่อ ไม่สวยไม่เอ๊าะแบบโต๊ะนั้นนี่ หึ!’
“ไปด้วยกันนี่แหละ...[อ๊อก!]...น้อยใจไม่เข้าเรื่องนะครับ นน!” หมดกันมาดรองกัปตันทีมรักบี้แสนเท่ กลับมาโดนกัปตันทีมบาสลากคอออกจากโต๊ะแบบไม่ทันตั้งตัว แถมจะมาขายหน้ากลางร้านหมูกระทะ เพราะหายใจไม่ออกด้วยเสื้อรัดคอเอาอีก
‘แต่แหม! มันน่าดีใจไม่น้อยน้า เพราะอย่างน้อยแฟนสุดหล่อก็อ่านใจผมออก ครึๆ’
“เบสเอาหมูนุ่มเนอะ นนตักให้...อ่า ไม่เอาครับๆ อย่ากินเครื่องในเลยนะครับ มันไม่ดีเท่าไหร่ เอากุ้งกับปลาหมึกแทนแล้วกันเนอะ...เบสครับ เอาผักบุ้งมั้ย กินแล้วบำรุงสายตานะ เบสจะได้เห็นนนชัดๆไม่ฝ้าฟาง ฮึๆ...เบสครับ นนว่า.......”
“นน! พอก่อน” ผมที่กำลังสรรหาของดีของอร่อยให้สุดหล่อก็ต้องชะงักกับเสียงเข้มๆที่ดังขึ้น และตกใจจนแทบปล่อยที่คีบอาหารร่วงลงพื้น เมื่อหันมาเจอบรรดาถาดอาหารที่ถูกเทินพะเนินสูง บดบังใบหน้าหล่อๆจนเห็นแต่ตาวาวๆของเบสเท่านั้น
“อ่า...แหะๆ มาครับนนถือเอง ก็นนอยากให้เบสกินแต่ของอร่อยๆที่ดีต่อสุขภาพนี่หน่า” ผมพูดไปก็ถ่ายของในมือสุดหล่อมาถือไว้เอง ก่อนจะออกเดินตามหลังสุดหล่อกลับโต๊ะ
มาถึงก็ได้เรื่องเลย เมื่อบรรดาทโมนทั้งหลายโห่แซวซะลั่นร้าน ไอ้ทีมบาสน่ะไม่เท่าไหร่ พวกมันยังแซวพอรักษาหน้าลูกพี่บ้าง แต่ไอ้ทีมรักบี้นี่สิ แซวชนิดที่ว่าสุดหล่อของผมอายจนหน้าแดงแทบระเบิด หันมามองผมตาเขียวปั๊ด
“ฮิ้ววว อิจฉาคนมีแฟนโว้ย”
“ซ้อคร้าบ รักเฮียพวกผมมากๆน้า เฮียแกไม่เคยบริการใครเท่านี้เลยนะครับ”
“เฮียแม่ง รักซ้อเว่อร์อ่ะ มีเดินตามต้อยๆ ไม่ห่างตัวเลยว่ะ”
“ฮ่าๆ เบสแน่นะมึง เล่นรองกัปตันกูซะหงอเชียว”
ไอ้ผมรึอยากยิ้มใจจะขาดกับคำแซวของพวกแม่ง แต่ตาเขียวๆของเมียหน้าหล่อนี่สิ ทำเอาต้องรีบก้มหน้าซ่อนยิ้ม และแกล้งหันไปปรามพี่ๆเพื่อนๆน้องๆรอบตัว มีแอบขยิบตาส่งสัญญาณให้หุบปากไปด้วย พวกมันมีแอบโวยอีกนิดหน่อย แต่พอผมยกคำขู่ว่าจะให้จ่ายกันเอง มีอันหุบปากฉับไม่มีเสียงระคายหูสุดหล่อของผมอีกเลย
ผมจึงได้โอกาสหันมาเอาใจเมียรัก ด้วยการคีบบรรดาเนื้อสัตว์ที่ตักมาลงกระทะ ก่อนหันไปคีบน้ำแข็งรินน้ำอัดลม บริการเมียไม่ให้ต้องลำบาก
“ดื่มน้ำก่อนนะครับ เนื้อสุกเมื่อไหร่ นนคีบให้เนอะ แหะๆ” นาทีนี้ใครจะว่าไอ้นนกลัวเมียก็ว่าไป ขอแค่เมียเลิกทำหน้าเคร่งใส่เป็นพอ
แน่ะ! ดูท่าน้ำเย็นๆจะดับอารมณ์มาคุของสุดหล่อได้แฮะ เพราะหลังจากเบสจิบไปอึกหนึ่ง ก็เริ่มหันไปคุยกับน้องๆในทีมบาสบ้างแล้ว ผมถึงกลับเผลอพรูลมหายใจผ่านปาก และหันมาตั้งหน้าตั้งตาปิ้งบรรดาหมูหมึกกุ้งเตรียมไว้ให้สุดหล่อ แต่ไอ้เจ้าของสายตาวาวๆ และรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ต่ำกว่าสามคนที่นั่งตรงข้ามนี่สิ
ผมมองแวบเดียวก็เห็นไปถึงไส้ติ่งพวกแม่งแล้ว โดยเฉพาะไอ้พี่แหนมมันกะล้อผมเรื่องกลัวเมียแน่ๆ ผมจึงใช้ตะเกียบชี้หน้าปรามให้หุบปาก พลางเหลือบกลับมามองเบสไปด้วย ‘พวกมึงนี่ช่างหาเรื่องให้ผัวเมียทะเลาะกันเนอะ’
“ฮึๆ กูเชื่อแล้ว ความรักทำให้มึงเปลี่ยนไป ไม่งั้นวันนี้กูคงไม่ได้แดกของฟรี...เนอะ พวกมึงเนอะ” ‘เออวุ้ย! ไอ้พี่แหนม มึงจะชมกูทั้งทีขอแบบดีๆเหมือนชาวบ้านได้บ้างมั้ยเนี่ย’ เมื่อลูกพี่ขอความเห็น ลูกน้องข้างๆต่างพากันขานรับเสียงใสอย่างน่าเตะ
แต่ก็จริงอย่างไอ้พี่แหนมมันว่าครับ ว่าความรักทำให้ผมมองโลกสดใสขึ้นเยอะเชียว เพียงแค่มีสุดหล่ออยู่ในกรอบสายตา อะไรๆที่ว่าน่าเกลียดก็สามารถมองข้ามไปได้ หรือแม้แต่เสียงมึงมาพาโวยหนวกหู ก็พาลปล่อยผ่านหูซ้ายทะลุออกหูขวาไปได้เช่นกัน อย่างเหตุการณ์ตรงหน้าของผมนี่ไงครับ
ยังดีที่พวกแม่งยังรู้ตัวไม่เอาน้ำเมาเข้าวง สมกับสถานะและอายุหน่อย ทำให้อะไรๆตอนนี้สนุกครื้นเครงกว่าแรกเริ่มหลายเท่า ด้วยต่างกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทีม ก่อเกิดเสียงพูดคุยหยอกล้อและเสียงหัวเราะดังขึ้นไม่ขาด บวกเข้ากับรอยยิ้มเจิดจ้าของเมียรูปหล่อ และคำขอบคุณจากน้ำเสียงนุ่มๆ ยามผมคีบเนื้อที่สุกใส่จานให้เข้าไปอีก ไอ้นนก็สุขเกินบรรยาย เรียกว่าอิ่มใจพาลให้อิ่มท้องไปด้วย ซึ่งความสุขที่ว่ากลับถูกขัดจากแขกที่ผมลืมไปแล้ว
“บิวขอโทษพี่ๆนะครับที่มาช้า คุณแม่พาไปเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาลมาน่ะครับ...สวัสดีครับพี่นน รอบิวนานมั้ย” เสียงใสๆของผู้จัดการทีมรักบี้ดังขึ้น เรียกความสนใจของทุกคนร่วมโต๊ะให้หันมอง
ส่วนไอ้นนน่ะเรอะสะดุ้งโหยง เผลอปล่อยหมึกชิ้นอวบที่สุกกำลังดีตกลงข้างจาน ‘ไอ้เด็กบิว มึงหาเรื่องให้กูแล้วมั้ยล่ะ ใครเค้ารอมึ้งงง! คนในทีมมีเยอะแยะดันไม่ถาม เสือกถามแต่กูไมว้า’ และดูสินั่น สุดหล่อตวัดสายตาใส่ผมแล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นมีดได้ สายตาคู่นั้นคงฟันคอผมขาดไปแล้ว
ผมกลืนน้ำลายไล่อาการคอแห้งที่เกิดขึ้นฉับพลัน ก่อนส่ายหน้าน้อยๆให้เบส ว่าผมนั้นไม่รู้เรื่องที่ไอ้เด็กบิวมันพูด และตั้งใจว่าจะหันไปต่อว่ามันที่ทำลายบรรยากาศดีๆที่ผมเพียรสร้างขึ้น แต่แล้วไอ้ภาสหน้าเป็นดันยื่นปากมาช่วยไอ้เด็กบิวได้อย่างเฉียดฉิว
“พี่ๆรอเราได้เสมอคร้าบ นั่งก่อนสิน้องบิว อย่ายืนนานเดี๋ยวขาสวยๆนั่นจะเมื่อยไปซะก่อน” จบคำไอ้ภาส ทุกสายตาจ้องขาขาวๆที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นจู๋ของไอ้เด็กบิวทันที ซึ่งหนึ่งในนั้นดันมีผมด้วยนี่สิ
ผมไม่ได้ตั้งใจมองนะครับ แต่เพราะคำพูดของไอ้ภาสต่างหาก ด้วยเหมือนเป็นปฏิกิริยาตอบสนองแบบอัตโนมัติของมนุษย์น่ะ แต่ผลของมันกลับไม่ต่างจากว่าผมกำลังให้ความสนใจไอ้เด็กบิวอย่างออกนอกหน้า ซึ่งมันเองถึงกลับยืนบิดแก้มแดงหลบตาผมพัลวัน ก่อนจะค่อยๆทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามเยื้องมาทางผม
ผมไม่รู้ว่าเพราะความอยากแกล้งของไอ้ภาสที่มีต่อผมรึเปล่า ที่ไล่ลูกทีมรุ่นน้องคนหนึ่งให้สละที่ให้ไอ้เด็กบิว เพราะรู้กันทั้งทีมล่ะครับว่าไอ้เด็กนี่มันชอบผม งานนี้คงไม่ต้องบอกว่าไอ้นนจะเซ็งขนาดไหน ด้วยตอนนี้สุดหล่อทำหน้าเคร่งเข้าโหมดเจ้าชายน้ำแข็งผู้น่าเกรงขามไปแล้ว ผมก็ได้แต่ถลึงตาคาดโทษใส่ไอ้ภาสที่ยิ้มปากบานมาทางผมอย่างจงใจ แต่มือมันเองดันคอยหยิบจับนู่นนี่ให้ไอ้เด็กบิว
“เบส~ นนแกะกุ้งให้เนอะ มือจะได้ไม่เปื้อน....อ่ะ กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดนะครับ” ผมน่ะแทบจะป้อนกุ้งให้ถึงปากสุดหล่อ ด้วยอยากเอาใจและแสดงออกให้ชัดไปเลย ว่าคนที่ผมสนใจและอยากเอาใจใส่นั้นมีแค่เบสคนเดียว ไม่คิดจะมองไปฝั่งตรงข้ามด้วยซ้ำว่าไอ้เด็กนั่นจะคิดยังไง ซึ่งอารมณ์นี้ผมไม่รู้หรอกว่าเราได้ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนบนโต๊ะเข้าแล้ว
ส่วนสุดหล่อเองก็จ้องเพียงกุ้งที่ถูกแกะ และราดด้วยน้ำจิ้มพร้อมกินในจานนิ่งๆ ทำเอาผมลุ้นตัวโก่งจนเผลอขมวดคิ้วกลั้นลมหายใจเลยทีเดียว แต่สุดท้ายกุ้งตัวน้อยที่สละชีพอยู่ในจานก็ไม่ตายเปล่า เมื่อสุดหล่อตักมันขึ้นอย่างช้าๆ จนเกือบจะถึงปากสีสดอยู่แล้ว มือขาวๆข้างนั้นก็มีอันชะงัก พร้อมดวงตาคู่เรียวที่กวาดมองรอบตัว ไอ้ผมที่จับจ้องทุกการกระทำของเบสอยู่นั้น ก็พลันมองตามสายตาเค้าไปด้วยและต้องตกใจ เพราะเพิ่งรู้ว่าทุกการกระทำของเรามีพยานขี้เสือกร่วมยี่สิบชีวิตสังเกตการณ์อยู่ด้วย
พวกมันก็เหมือนจะรู้ตัวว่ากำลังเสือกเรื่องของเราเข้าแล้ว แถมถูกจับได้แบบคาหนังคาเขาอีก ทำให้พวกแม่งยิ้มเก้อๆให้เรา ก่อนหันไปทำท่าคุยกันแบบไม่มีพิรุธให้จับได้สักนี้ด! แต่กลับเป็นผลดีกับผม เมื่อสุดหล่อระบายยิ้มอย่างขำๆ ก่อนเอาช้อนเข้าปาก ลดรังสีมาคุรอบตัวไปเยอะเลย ผมที่ใจชื้นจึงหันมาแกะกุ้งที่ทยอยสุกแล้วใส่จานให้สุดหล่อ
“เบสกินกุ้งอีกมั้ย เดี๋ยวนนไปตักมาปิ้งให้อีก” ผมก็ว่าสุดหล่ออารมณ์ดีขึ้นแล้วเชียว แต่ทำไมตาคู่เรียวถึงหันมาจ้องหน้าผมนิ่งๆอย่างนี้ได้ล่ะ ทั้งๆที่เมื่อครู่ยังหันไปหัวเราะน้อยๆกับลูกทีมอยู่เลย แต่ไอ้นนก็ไม่หวั่นเอายิ้มเข้าสู้ล่ะงานนี้ ซึ่งดูท่าจะได้ผลและได้ผลดีซะด้วย เมื่อสุดหล่อส่ายหัวให้น้อยๆ ก่อนพูดแสดงความห่วงใยกันออกมา
“พอแล้ว นนกินบ้างเถอะ เช็ดมือซะหน่อยนะ อิ่มแล้วค่อยไปห้องน้ำกัน” ผมรับกระดาษทิชชู่มาแบบเบลอๆ และเช็ดมือตามคำสั่งของเมียรัก ก่อนคีบหมูที่เบสคีบมาวางในจานให้เข้าปาก ส่วนตาก็ไม่ได้ละไปจากหน้าขาวๆแก้มแดงๆจากไอร้อนของสุดหล่อได้เลย
ตอนนี้ใครจะมองว่าผมนั้นเป็นเอามากจนถึงขั้นเพ้อ เพราะหลงเสน่ห์เมียตัวเองก็ช่างสิ เมียผมน่าหลงน้อยซะที่ไหนเล่า แต่แล้วบรรยากาศอ่อนหวานที่อบอวลไปด้วยกลิ่นควัน ก็ถูกทำลายจากเจ้าของเสียงใสๆที่ผมเองก็ลืมมันไปแล้ว
“พี่นนกับพี่เบสเป็นคู่ที่น่าอิจฉาจังนะครับ แต่บิวล่ะสงสัย...” ‘มึงสงสัย แล้วต้องเว้นจังหวะเพื่อ!?’ สงสัยไอ้เด็กบิวมันกำลังเรียกร้องความสนใจจากผมครับ
แต่ไม่ได้มีแค่ผมที่ให้ความสนใจ เพราะเหล่าทโมนทั้งหลายก็มีอาการไม่ต่างกัน เรียกว่าทุกสายตาจ้องมันเป็นตาเดียว จะยกเว้นก็แต่สุดหล่อครับ ที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาพลิกชิ้นหมูบนกระทะ แต่จะให้ผมทำอย่างสุดหล่อก็ไม่ได้ แม้ใจจริงจะไม่อยากสนใจไอ้เด็กบิวก็ตาม แต่เพราะสายตาที่จ้องตรงมาทางผมของมัน และการทิ้งท้ายอันส่อเจตนาว่าต้องการคำตอบจากผมนี่ซิ
“สงสัยเรื่องอะไร” เอากะเค้าหน่อย อยากรู้ไรลองว่ามาดิ
“บิวล่ะสงสัยว่าทำไม...พี่นนถึงไม่เรียกพี่เบสว่า ‘พี่เบส’ ล่ะครับ ทั้งๆที่พี่เบสน่ะ ‘แก่’ กว่าพี่นนตั้งปี หรือพี่นนโดนพี่เบสขอร้องไว้ จะได้ดูดีในสายตาคนอื่น” ผมขอถอนใจเฮือกใหญ่ๆหน่อยเถอะ อย่างน้อยน่าจะช่วยไม่ให้ผมหลุดคำที่ทำร้ายน้ำใจไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่ จนต้องวิ่งร้องไห้ออกจากร้านแทบไม่ทัน
คำพูดที่ฟังก็รู้แล้วว่าตั้งใจประชดสุดหล่อของผม ซึ่งไอ้นนทนไม่ได้อยู่แล้ว บวกกับอาการชะงักมือและหัวคิ้วเข้มที่ขมวดเป็นปมของสุดหล่อเข้าไปอีก ไอ้นนต้องขอเคลียร์
เคลียร์แม่งท่ามกลางบรรยากาศมาคุของลูกน้องทีมบาสที่โคตรยกย่องลูกพี่อย่างเบส ซึ่งพวกทีมบาสกำลังจ้องไอ้เด็กบิวตาแข็ง และเคลียร์ท่ามกลางบรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของลูกน้องทีมรักบี้ ที่นั่งใบ้แดกไปแล้ว เพราะไอ้เด็กบิวก็ถือว่าเป็นหนึ่งในทีมรักบี้ แต่ดันแกว่งปากหาส้นพาลให้สองทีมผิดใจกัน ที่สำคัญผมอยากเคลียร์ใจกับไอ้เด็กนี่ด้วย และอยากทำให้เบสมั่นใจในตัวผม เหมือนที่เค้าทำเพื่อผมเรื่องน้องฝ้ายมาแล้ว
“บิว! นายเข้าใจผิดแล้วล่ะ เบสไม่เคยขอร้องอะไรแบบนั้นกับพี่เลย มีแต่พี่นี่แหละที่เป็นฝ่ายอ้อนวอนขอให้เราเรียกแทนกันด้วยชื่อ และกว่าเบสจะใจอ่อนยอมเรียกแบบนี้ พี่ก็ตื๊ออยู่นาน และไม่เฉพาะเรื่องนี้หรอกที่พี่เป็นฝ่ายตื๊อ เพราะพี่ตื๊อเบสตั้งแต่การขอเป็นแฟนแล้ว บิวดูแฟนพี่สิ หล่อและแสนดีซะขนาดนี้ ถ้าพี่ยอมให้หลุดมือไป ใครต่อใครก็คงแอบด่าว่าพี่เป็นไอ้โง่แล้ว และพี่ก็ยังคงสติดีอยู่ ไม่มีทางปล่อยให้ใครหน้าไหนมาแย่งไปได้หรอก”
ผมละสายตาจากใบหน้าที่ไร้สีเลือดของไอ้เด็กบิว เพื่อมาสบตากับสุดหล่อ และต้องคลี่ยิ้มกว้างกว่าเดิม เมื่อแก้มใสขึ้นสีระเรื่อ พร้อมตาคู่เรียวที่ทอประกายเจิดจ้าแสดงถึงความถูกใจ แม้ใบหน้าหล่อเหลาจะยังคงนิ่งเฉย ซึ่งคำพูดของผมก็ทำเอาลูกทีมบาสระบายยิ้มถูกใจกันถ้วนหน้า ฝั่งลูกทีมผมถึงกลับถอนใจกันเป็นทอดๆ มีไอ้พี่แหนมนี่แหละที่แอบขยิบตายกนิ้วให้ผม
“และมีความจริงอีกอย่างที่น้อยคนจะรู้...พี่เรียนช้าไปหนึ่งปี ที่สำคัญพี่กับเบสเราเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยอนุบาลแล้ว ดังนั้นเรื่องอายุของเรา บิวคงไม่ติดใจแล้วใช่มั้ย!?” ‘แหมะ! ไอ้นน มึงดูหล่อขึ้นมาทันตาเลยวุ้ย ก๊ากกก ชมตัวเองก็เป็นกู’ แต่ผมก็ไม่ได้โม้เกินจริงนะ
ดูสายตาคนในทีมบาสผมก็รู้แล้ว ว่าผมนั้นได้ใจพวกมันไปเต็มๆ แต่อย่าไปมองทีมรักบี้ล่ะ เพราะสายตาพวกแม่งฉายแววหมั่นไส้มากกว่าชื่นชม ‘คอยดูเถอะ ปีหน้ากูเป็นกัปตันเมื่อไหร่ พวกมึงไม่มีทางส่งสายตาให้แบบนี้หรอก ขืนมี กูสั่งซ้อมโหดแน่เหอะ!’
ส่วนไอ้เด็กบิวที่ผมจงใจพูดด้วยนั้น แทบจะหลั่งน้ำตาแล้วมั้งนั่น ตางี้โศกมีน้ำตาคลอเบ้าด้วย จนผมเองยังอดรู้สึกสงสารขึ้นมาไม่ได้ แต่จะให้ไปปลอบก็คงไม่ใช่ ด้วยความตั้งใจแต่แรกนั้น ผมก็อยากให้ไอ้เด็กนี่ตัดใจจากผมอย่างเด็ดขาดสักที เข้าใจอยู่หรอกว่าตัวผมออกจะหล่อและดูดี ย่อมเป็นที่หมายตาต้องใจใครต่อใครเป็นธรรมดา แต่เดี๋ยวนี้จะให้ไอ้นนชายตาแลอย่าหวังซะให้ยาก เพราะทั้งตัวและใจผมยกให้สุดหล่อข้างตัวคนนี้ทั้งหมดแล้ว
ส่วนเรื่องของไอ้ดำตูดหมึกและไอ้หน้าหยกขี้แยนั้น ผมเพิ่งมารู้รายละเอียดจากเบสเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง ว่าเจ้าตัวเค้าจำผมได้ตั้งแต่เรากลับมาเจอกันอีกครั้ง ตอนปีที่แล้วที่ผมอยู่มอสามและเบสย้ายเข้ามาเรียนในช่วงมอสี่ พอได้รู้ผมล่ะขัดใจ ทำไมสุดหล่อถึงไม่รีบบอกให้ผมรู้ก็ไม่รู้เนอะ ไม่งั้นนะเราคงเป็นแฟนกันตั้งแต่ปีที่แล้วๆ ที่สำคัญยังมีเรื่องทำให้ผมเคืองมาจนทุกวันนี้ คือการที่สุดหล่อไปจีบไอ้ธันว์ และมองข้ามความหล่อความใสของเพื่อนวัยเด็กอย่างผมไป จนเกือบทำให้เราเป็นศัตรูกันไปแล้วด้วยซ้ำ ดีที่ผมกลับตัวทันซะก่อน ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีความสุขเหมือนทุกวันนี้หรอก และตำนานไอ้ดำตูดหมึกกับไอ้หน้าหยกขี้แยคงถูกผมลืมไปตลอดกาล
ไม่ใช่ว่าผมความจำเสื่อมเพราะตกรถโรงเรียนนะครับ แต่สำหรับเด็กสี่ขวบที่บาดเจ็บหัวแตกแขนเดาะเนื้อตัวฟกช้ำ จากการตกรถโรงเรียนนั้น คงหาเด็กได้น้อยคนนักที่อยากจดจำเหตุการณ์ที่ทำให้ตัวเองเจ็บตัว บวกกับการมีคนรอบข้างคอยตามใจ เยี่ยงผมเป็นเทวดาองค์น้อยๆเข้าไปด้วย เด็กชายชนนนวัยสี่ขวบจึงเอาแต่ใจสะบัด
แม้แผลภายนอกจะหายดี แต่ลูกชายคนเล็กของบ้านชลาสินธุ์ก็ยังไม่หมดฤทธิ์ ลามปามถึงขั้นไม่ยอมไปโรงเรียนเป็นปี ด้วยพ่อกับแม่ที่คอยโอ๋ผมมาตลอดนั้นไม่อยากจะขัดใจ กลัวลูกน้อยใจว่างั้นเถอะครับ จนมาได้คุณหญิงแม่ของไอ้นลินนี่แหละ ที่ทำให้ผมกลับมาเป็นน้องนนที่น่ารักของท่านพ่อท่านแม่อีกครั้ง เหตุการณ์ดังกล่าวจึงทำให้ผมเรียนช้าไปหนึ่งปี จนกลายมาเป็นรุ่นน้องของสุดหล่อ และเป็นช่องโหว่ให้ไอ้เด็กบิวมันกระแทกแดกดันสุดหล่อของผมได้นี่แหละ
“ขอบคุณพี่นนมากคร้าบบบ ที่กลายเป็นเสี่ยมาเลี้ยงพวกเราในวันนี้...เอ้า! พวกมึงขอบใจพี่นนกันหน่อย” สิ้นคำเชิญชวนทะเล้นๆของไอ้แปงรองกัปตันทีมบาสที่เรียนชั้นเดียวกับผม แต่ดันกลายมาเป็นรุ่นน้องจากคำบอกเล่าของผมนั้น ทำเอาบรรดาทโมนทั้งหลาย ทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นน้องจริงๆที่อายุน้อยกว่าผม ยกมือไหว้กันให้พรึ่บ สมกับที่ไอ้แปงมันตั้งใจล้อเลียนใส่
แต่งานนี้อย่าหวังว่าจะทำอะไรไอ้นนได้ เพราะผมรับมุขมัน ด้วยการลูบหัวให้พรพวกแม่งทุกตัว ทำเอาฮากันทั้งวง ไม่เว้นไอ้พี่แหนมและพี่ๆอีกหลายคนที่กลายมาเป็นเพื่อนผมไปแล้ว โดยเฉพาะสุดหล่อที่ระบายยิ้มเจิดจ้าอยู่ข้างตัว ทำเอาไอ้นนใจเต้นและอยากเร่งเวลาให้เราถึงบ้านกันเร็วๆ ผมจะได้จับสุดหล่อฟัดให้สมอยาก เพราะตั้งแต่เราฟิทเจอริ่งกันอาทิตย์ที่แล้ว เบสไม่ยอมให้ผมค้างด้วยอีกเลย แต่มีวันนี้นี่แหละที่ยอมให้ผมค้างด้วยที่บ้าน เพราะห่วงเรื่องอุบัติเหตุด้วยเห็นว่ากว่าจะกินกันเสร็จก็ดึกแล้ว
“พวกกูก็ต้องขอบใจมึงนะโว้ย ที่ใจป้ำพ่วงพวกกูมาด้วย งั้นแยกกันตรงนี้เลยว่ะ...ส่วนพวกมึงกลับกันดีๆนะ อย่าให้กูโดนเรียกเข้าห้องปกครองพรุ่งนี้เชียว” หลังจากไอ้พี่แหนมหันมาขอบใจผม มันก็สั่งเหล่าสมุนแยกย้าย ซึ่งสุดหล่อเองก็ทำไม่ต่างกัน แต่คำพูดและท่าทางนั้น ต่างจากไอ้พี่แหนมราวฟ้ากับก้นเหว
“พวกเราแยกกันตรงนี้นะครับ กลับกันดีๆล่ะ ระหว่างทางมีปัญหาอะไร โทรบอกได้เลย” เสียงนุ่มๆมาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
เบสที่เป็นแบบนี้ ใครไม่รักก็บ้าแล้ว และผมขอบอกตรงนี้เลย รักและเอ็นดูสุดหล่อของผมได้ แต่ไม่ต้องเยอะนัก ขอให้มีขอบเขตกันด้วย เพราะสุดหล่อคนนี้มีผมคอยมอบความรัก และคอยดูเอ็น เอ๊ย! คอยเอ็นดูมากๆอยู่แล้วทั้งคน ดังนั้นไม่ต้องส่งสิ่งเหล่านั้นมาให้เยอะนัก เดี๋ยวพาลจะหลงเสน่ห์สุดหล่อผมเข้า
ผมที่กำลังชื่นชมแฟนรูปหล่อของตัวเองอยู่นั้น ก็ต้องหลุดออกจากภวังค์ เมื่อเบสหันมาสนใจไอ้เด็กบิวที่ยืนอยู่นิ่งๆ แต่หน้าบึ้งเป็นตูดอยู่คนเดียว ทั้งๆที่คนอื่นสลายตัวกลับกันไปเกือบหมดแล้ว ก่อนเบสจะถามด้วยความเป็นห่วงว่าจะกลับยังไง เพราะขามาเห็นว่าแม่มาส่ง แต่ตอนนี้ไม่เห็นว่าจะมีคนมารับ ทั้งๆที่ไอ้เด็กนี่ตั้งใจจะฉีกหน้าเจ้าตัวกลางวงหมูกระทะแท้ๆ แต่เพราะเบสเป็นคนจิตใจดีไม่คิดถือสาใครแบบนี้สิเล่า ไอ้นนถึงไปไหนไม่รอด แต่ความหวังดีของสุดหล่อดันถูกปฏิเสธแบบไม่ใยดี
“บิวจะกลับยังไงก็เรื่องของบิว!” มันขึ้นนะมันขึ้น คนเค้าเป็นห่วงแท้ๆแต่กลับพูดหมาไม่แดก แต่ผมยังไม่ทันจัดการไอ้เด็กปากเสียนี่ ไอ้พี่แหนมกลับออกหน้าแทน
“บิว! พูดแบบนี้กับรุ่นพี่ได้ยังไง เบสน่ะมันรุ่นพี่เรานะ” เอาครับ ปล่อยกัปตันทีมเค้าจัดการเอง ดีเหมือนกันเพราะขืนผมออกหน้าปกป้องเบส เดี๋ยวมันจะเอาไปนินทาได้ว่า ผมเข้าข้างแฟนตัวเองคิดกลั่นแกล้งมันเข้าแล้วจะยาว
ผมจึงยืนกอดอกมองทั้งคู่อยู่แบบนั้น และสุดหล่อที่ทำท่าจะห้ามไอ้พี่แหนม กลับโดนมันยกมือห้าม และพูดขึ้นมาว่าปล่อยให้มันจัดการกับเด็กในทีมเอง ก่อนไอ้พี่แหนมจะสั่งให้ผมพาสุดหล่อกลับบ้าน
“...นน มึงพาแฟนมึงกลับบ้านไป ทางนี้ปล่อยกูจัดการเอง เบส มึงไม่ต้องห่วงน่า ดูทำหน้าเข้า อย่างน้อยนี่ก็ผู้จัดการทีมกู เดี๋ยวกูเคลียร์เอง”
เมื่อไอ้พี่แหนมออกหน้าซะขนาดนี้ มีรึเราจะขัดมัน ผมจึงจูงมือเบสกลับไปขึ้นรถและตรงกลับบ้าน ปล่อยไอ้เด็กบิวมันโดนยักษ์ใหญ่กัปตันทีมรักบี้อบรมไปแล้วกัน อยากซ่าดีนัก!
.............................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะดูท่าจะกี่บิวคงไม่ทำให้ความรู้สึกระหว่างนนเบสสั่นคลอนได้หรอกเนอะ
โดยเฉพาะชนนนคนที่หลงสุดหล่อไม่ลืมหูลืมตา 555 แต่ก็อยากให้ตามกันต่อไป
ว่าเด็กบิวจะยอมสิ้นฤทธิ์อยู่แค่นี้มั้ย หรือจะมีใครยื่นมือมาช่วยปราบรึเปล่า

ตอนหน้า เหอะๆ สองหนุ่มอยู่ด้วยกันยามค่ำคืนจะเกิดอะไรขึ้นบ้างน้า
ในเมื่อหนึ่งหนุ่มนั้นหมกมุ่น เอ๊ย! ถวิลหาค่ำคืนแรกที่เคยแนบชิดกัน
อีกหนุ่มจะยินยอมพร้อมใจมั้ยน้า...อยากรู้ ติดตามได้วันพุธค่ะ

+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
