[novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [novel] ขอให้รักเรานั้น...นิรันดร ครับ by นัทนที  (อ่าน 274461 ครั้ง)

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เศร้า  ใจร้ายมาก ๆ เลย  ทำร้ายจิตใจเรา   :monkeysad:  :monkeysad:  :monkeysad2:  :impress3:

tamkub

  • บุคคลทั่วไป
เศร้าเนอะคับ :monkeysad:

abcd

  • บุคคลทั่วไป

moopai

  • บุคคลทั่วไป
shock ไปเลย :serius2:

ไม่เอา ไม่เอา  :sad5:

ไม่ให้บาสตาย :sad4: :sad4: :sad4:

Vasabi

  • บุคคลทั่วไป

TonG_x_Zhi

  • บุคคลทั่วไป
อึ้งไป 5 วินาที
ทำไมความโชคร้ายไม่ยอมไปห่างจากบี
นี่หรือที่บทสรุปชีวิตรักที่พระเจ้าประทานมาให้บี   มันทรมานจัง

mokung

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อ.....ชีวิต :monkeysad:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ชีวิตจริงบางครั้งโหดร้ายกว่านี้เสียอีก
เมื่อท่านยังมีเวลาจงทำมันให้ดีที่สุดกันนะครับ  :monkeysad:
*****************************************************************************************************************



.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 18 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

ในค่ำคืนนั้นหากไม่มีนางพยาบาลคนนั้นมาทั้งดุ ทั้งขู่ และทั้งปลอบให้ผมยอมเดินออกมานอกห้อง ผมก็คงจะขออยู่กับบาสทั้งคืนเพราะผมรู้ดีว่านี่คงเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่กับเขาบนโลกที่โหดร้ายใบนี้

แต่ด้วยสภาพอากาศที่เย็นจัดในห้องซึ่งอาจจะเป็นอันตรายกับผมได้หากอยู่ในห้องนี้นานเกินไปได้ทำให้ไม่ว่าผมจะร้องขอหรืออ้อนวอนอย่างไร นางพยาบาลคนนั้นก็ไม่ยอมให้ผมอยู่กับบาสนานไปกว่านี้ แถมขู่ด้วยสีหน้าจริงจังว่าต่อให้ต้องฉุดกระชากลากถู นางก็จะต้องให้ผมออกไปจากห้องนี้ให้ได้ จนในที่สุดผมก็ต้องยกธงขาวยอมแพ้

ที่สำคัญนางได้แจ้งว่าแม่ของบาสได้เดินทางมาถึงโรงพยาบาลแล้ว และกำลังคุยกับคุณหมออยู่ ซึ่งข่าวที่ผมได้รับรู้นี้แทบจะทำให้ผมอยากจะรีบหนีกลับบ้านไปในทันทีเนื่องจากผมไม่กล้าสู้หน้าท่าน โดยเฉพาะเมื่อได้นึกถึงสัญญาที่ผมเพิ่งให้กับท่านไปเมื่อวาน

“อย่าทิ้งบาสนะลูก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อย่าทิ้งเขานะ”

คำขอจากปากแม่ของบาสยังดังกึกก้องอยู่ในหัวผมอย่างชัดเจน แต่ทั้งๆที่ผมรับปากกับแม่ของบาสไปอย่างนั้นแล้ว....ผมก็ยังทิ้งเขาไป

ผมทิ้งเขาไปจนเป็นสาเหตุให้เขาตาย

ผมไม่กล้าคิดว่าถ้าท่านได้เจอผมและได้รู้ว่าผมคือสาเหตุที่ทำให้ลูกชายคนเดียวของท่านเสียชีวิตลง ท่านจะโกรธเกลียดและชิงชังผมแค่ไหน แต่ในขณะที่ผมกำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่อย่างหดหู่นั้นเองที่แม่ของบาสได้เดินมายังห้องที่เก็บศพบาสพอดี

ในตอนนั้นเอง ทันทีที่ท่านเห็นผม ท่านก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อนด้วยการเดินเข้ามาร้องไห้และกอดผมไว้แน่นด้วยความรู้สึกสูญเสียแล้วก็พร่ำแต่ถามผมว่า

“เกิดอะไรขึ้นลูก เกิดอะไรขึ้นหาบี ฮือๆๆๆ”

เมื่อได้ยินคำถามนั้น ผมก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจมันจะสลายแล้วก็กลั้นใจตอบแม่ของบาสไปว่า

“เพราะบีเองแม่ ทั้งหมดมันเป็นความผิดของบีคนเดียว ถ้าบีไม่ทิ้งบาสไป เขาก็คงไม่ตาย ฮือๆๆๆ”

ผมสารภาพผิดไปกับแม่ของบาสแล้วก็ซบหน้าลงร้องไห้บนไหล่ของท่านอย่างสุดปวดร้าว แต่แทนที่แม่ของบาสจะผละผมออกไปด้วยความรังเกียจเมื่อได้ยินคำสารภาพของผม ท่านกลับยิ่งกอดผมไว้แน่นแล้วก็ร้องไห้หนักขึ้น จนใครที่ผ่านไปผ่านมาในบริเวณนั้นก็คงได้เห็นภาพของคนสองคนที่รู้สึกสูญเสียอย่างที่สุดต่อการจากไปของบาสซึ่งกำลังยืนกอดกันร้องไห้อย่างไม่อายผู้คนที่เดินผ่านไปมา

ผมกับแม่ของบาสยืนกอดกันร้องไห้ต่อไปอย่างนั้นอีกสักพัก จนเมื่อผมได้สติ ผมจึงค่อยๆลดตัวลงกราบแทบเท้าแม่ของบาส

“บีขอโทษ บีผิดเอง ยกโทษให้บีด้วยนะแม่”

ผมซบหน้าลงร้องไห้แทบเท้าแม่ของบาสเพื่อขออภัยในความผิดที่ตัวเองก่อขึ้น ในขณะที่อีกใจก็อดคิดไม่ได้ว่านี่กระมังที่เขาเรียกว่า “กรรมติดจรวด” เพราะไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ บาสก็เคยซบหน้าลงร้องไห้แทบเท้าผมเพื่อขอโทษในสิ่งที่เขาทำมาแล้ว

“มันเป็นกรรมลูก มันคงเป็นกรรมของพวกเรา อย่าโทษตัวเองเลย”

คำพูดจากปากแม่ของบาสทำให้ผมถึงกับตกตะลึงที่ท่านโยนความผิดทั้งหมดให้เป็นเรื่องของกรรม และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นไปมองท่าน ท่านก็พูดต่อออกมาด้วยสายตาเอ็นดูว่า

“อโหสิให้บาสเขาด้วยนะลูก ไม่ว่าบาสเขาเคยทำอะไรไม่ดีไว้ บีอโหสิให้เขานะลูก”

หลังพูดจบแม่ของบาสก็ยื่นซองจดหมายซองหนึ่งมาให้ผมซึ่งกำลังมีสีหน้างุนงงอย่างสุดขีดที่ท่านมีท่าทีกับผมอย่างนี้

แต่เมื่อผมได้รับซองจดหมายนั้นมาแล้ว ผมก็พอจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้นเมื่อผมพบร่องรอยว่าซองจดหมายฉบับนี้ได้ถูกเปิดอ่านมาก่อนหน้านี้แล้ว

“บาสเขาทิ้งมันไว้บนโต๊ะในห้อง แม่ขอโทษนะที่ต้องเปิดอ่านก่อน”

ผมก้มลงมองจดหมายฉบับนั้นอย่างเจ็บปวด แล้วทำท่าจะร้องไห้ออกมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงบันทึกของบาสก่อนหน้านี้
บันทึกที่เขาได้บอกเล่าเรื่องราวมากมายที่เกี่ยวกับความรักของเขาที่มีต่อผม

บันทึกที่ทำให้ผมรู้ว่าเขาทนเก็บงำความรักนั้นไว้แล้วแอบมองผมจากด้านหลังมานานถึง 8 ปีโดยที่ผมไม่เคยหันไปมองเขาเลย แต่พอวันนี้...วันที่เขากล้าก้าวออกมายืนข้างหน้า และเป็นวันที่ผมหันมามองเขาอย่างเต็มตา

สวรรค์ก็กลับมาพรากเขาจากไป

เมื่อนึกถึงตรงนี้ผมก็เริ่มร้องไห้อย่างหนักออกมาอีกครั้ง จนแม่ของบาสต้องเดินเข้ามาแล้วก็บีบมือผมไว้แน่นอย่างปลอบโยนจนผมเริ่มปรับความรู้สึกได้ ท่านจึงขอตัวเดินเข้าไปในห้องเก็บศพบาสด้วยท่าทีสงบ

ส่วนผมก็ทรุดลงนั่งอย่างอ่อนแรงแล้วก็ค่อยๆ หยิบจดหมายในมือขึ้นมาอ่านอย่างหมดอาลัยตายอยาก

-----------------------
4 พฤษภาคม 2546

ถึงบี....ผู้เป็นดั่งดวงใจของบาส
-----------------------

แม้น้ำตาของผมจะยังคงไหลปริ่มๆจากความรู้สึกเศร้าเสียใจต่อการจากไปของบาส แต่แค่ได้อ่านบทขึ้นต้นของจดหมาย ผมก็อดยิ้มออกมาทั้งน้ำตาไม่ได้เมื่อคิดถึงว่าภาษาน้ำเน่าแบบนี้เป็นคำพูดที่บาสใช้พูดกับผมเสมอ

หลังจากยิ้มอย่างอิ่มใจไปอีกสักพัก ผมก็เอามือขึ้นปาดน้ำตาเล็กน้อยแล้วก็เริ่มอ่านต่อ

---------------------

.....ถ้าบีได้อ่านจดหมายฉบับนี้ นั่นก็คงหมายถึงว่าบาสคงไม่อยู่แล้ว

บาสขอโทษนะที่ไม่ได้มาพูดกับบีด้วยตัวเอง แต่จะทำไงได้ในเมื่อบาสชักชินกับการพูดความในใจกับบีผ่านตัวอักษรเสียแล้วล่ะ

ที่สำคัญบาสไม่รู้ว่าบีจะหายโกรธบาสหรือยัง หรือบีจะยอมพบหน้าบาสหรือเปล่า

จริงๆแล้วก่อนหน้านี้บาสเคยคิดว่าบาสจะเก็บความลับที่บาสเป็นคนทำลายความรักของบีกับทีมไว้กับตัวจนวันตาย
แต่แล้วในวันที่บีได้มอบความรักให้กับบาสในห้องทำงานของบาสในวันนี้นั้น บาสถึงได้บอกกับตัวเองว่าบาสจะตอบแทนความรักของบีด้วยการโกหกได้ยังไง

บาสอยากแสดงให้บีเห็นว่าบาสยังคงเป็นบาสที่รักบีด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีสิ่งใดปิดบังซ่อนเร้น

และหากบีจะรักบาส บาสก็อยากให้บีรักบาสเพราะความดีของบาสจริงๆ ไม่ใช่เพราะบาสไปทำลายความรักของไอ้ทีม แล้วก็แย่งบีมา

บาสแค่คิดว่าด้วยความรักที่บีมีต่อบาส อาจจะทำให้บียอมยกโทษให้บาสบ้างก็ได้

แต่ตอนนี้บาสรู้แล้วว่านั่นคงเป็นคำขอที่มากเกินไป เพราะสิ่งที่บาสทำมันช่างเลวร้ายจริงๆ

บาสไม่รู้มาก่อนว่าบาสทำให้บีต้องเจ็บปวดมากขนาดนั้น

บาสไม่รู้ว่าก่อนว่าบาสทำให้บีถึงกับเคยฆ่าตัวตาย

ในตอนนั้นเพื่อชดเชยกับการที่บาสทำให้บีต้องเจ็บปวด

ทุกวันเมื่อกลับถึงบ้าน บาสก็จะเอามีดมากรีดแขนตัวเองเพื่อให้บาสได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่บาสได้ทำให้บีต้องร้องไห้

แผลที่บีเห็น แผลที่บีเคยถาม มันคือร่องรอยแห่งตราบาปที่บาสทำไว้เพื่อเตือนสติตัวเองว่าบาสได้ทำให้คนที่บาสรักที่สุดต้องเจ็บปวดและเสียน้ำตา

บาสคงเป็นคนขี้ขลาดมากใช่มั้ยที่ตอนนั้นบาสไปขอให้บียอมรับผิดในความผิดที่บีไม่ได้ก่อ แต่ที่บาสทำอย่างนั้นก็เพราะบาสไม่รู้จริงๆว่าจะมีวิธีไหนที่ดีกว่านี้ได้

บาสไม่กล้าพูดความจริงกับบี เพราะบาสกลัวบีจะเกลียดบาส

บาสเคยบอกตัวเองเสมอว่าบีไม่ต้องรักบาสก็ได้ บีไม่ต้องมาสนใจบาสก็ได้

แต่บาสคงยอมรับไม่ได้ที่จะให้บีเกลียดบาส

บาสเลยเลือกที่จะปิดบังความลับนั้นเอาไว้อย่างอดสู เพราะบาสรู้สึกละอายใจเหลือเกินเมื่อรู้ว่าไอ้ทีมมันไม่เคยนำเรื่องนี้ไปบอกให้บีได้รู้เลย

ไอ้ทีมมันอาจจะดูเป็นหนุ่มเจ้าชู้ แต่บาสก็รู้ดีว่าคนอย่างมันลองได้รักใครเข้าแล้ว มันก็จะทุ่มให้กับคนๆนั้นอย่างหมดหัวใจ

เหมือนกับที่มันรักบี มันก็ไม่เคยหันไปมองใครอื่น

หรืออย่างกรณีของบาส เมื่อมันยอมรับบาสเป็นเพื่อนรักแล้ว มันก็ตัดสินใจรักษาความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนรักอย่างลูกผู้ชายของเราไว้ แล้วยอมทิ้งบีซึ่งเป็นคนที่มันรักแทน

บาสรู้ดีว่าบาสทำให้มันเจ็บปวดแค่ไหน แต่บาสก็คาดไม่ถึงว่าสิ่งที่บาสทำได้กลับกลายมาเป็นต้นเหตุให้ชีวิตของมันต้องพังทลายลงทั้งชีวิต

บีคงไม่รู้ว่าหลังจากที่มันได้เลิกรากับบี ไอ้ทีมมันก็แทบไม่เป็นผู้เป็นคน

มันเริ่มมาค้างอยู่ที่บ้านบาสครั้งละนานๆ แล้วก็ดื่มเหล้าอย่างหนัก จนการเรียนมันเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ

ที่สำคัญเมื่อความรักในอุดมคติของมันได้พังทลายลง มันก็กลายเป็นคนที่ไม่เชื่อมั่นในความรักอีก

ไอ้ทีมประชดชีวิตด้วยการกลายมาเป็นหนุ่มเพลย์บอยอย่างสมบูรณ์แบบ เที่ยวหลอกฟันเขาไปทั่วไม่ว่าจะเป็นหญิงแท้ หรือเกย์

ปากมันก็บอกว่าคนรูปหล่ออย่างมันต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม และไม่จำเป็นต้องรักใคร แต่บาสก็รู้ดีว่าที่มันทำไปทั้งหมดนั้นเพราะมันเสียใจที่ความรักของมันกับบีต้องล้มเหลวลง

หลายครั้งที่มันเมามายจนไม่ได้สติ มันก็มักจะร้องไห้แล้วก็เรียกหาแต่บี

บาสต้องทนมองไอ้ทีมในสภาพนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างเจ็บปวด แต่ไม่ว่าบาสจะเตือนสติมันเท่าใด มันก็ไม่เคยฟัง

บางครั้งบาสก็พยายามเตือนสติว่ามันจะทนเจ็บปวดอย่างนี้ต่อไปทำไมในเมื่อมันยังรักบีอยู่ บาสพยายามบอกให้มันไปขอคืนดีกับบี แต่มันก็ไม่ยอมทำตาม

จนกระทั่งวันที่มันรู้ว่าบีสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ วันนั้นแหละมันถึงได้ออกอาการเหมือนคนบ้าเมื่อรู้ว่ามันต้องแยกจากบีไปจริงๆ

ในวันสุดท้ายก่อนที่บีจะไปกรุงเทพ มันจึงมาบอกกับบาสว่ามันตัดสินใจจะไปขอคืนดีกับบีที่บ้าน

แต่หลังจากวันนั้นไอ้ทีมมันก็กลับมาเมามายที่บ้านบาสเหมือนเดิม แล้วก็สารภาพกับบาสว่ามันได้ไปหาบีจริงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับบีเลย

เมื่อก่อนบาสเคยเชื่อว่าบาสรักบีมากกว่าไอ้ทีมมันแน่ๆ แต่หลังจากที่ฟังมันพูดในวันนั้น บาสก็ชักไม่แน่ใจเสียแล้วในเมื่อไอ้ทีมมันบอกถึงสาเหตุที่มันตัดสินใจยกเลิกที่จะขอคืนดีกับบีว่า...

บีกำลังจะไปมีอนาคตที่ดี เพราะบีสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศได้ และมันก็รู้ดีว่าด้วยความเก่งของบีก็คงทำให้บีมีอนาคตที่สดใสไปอีกไกลมาก แต่ตัวมันเองกลับกำลังตกต่ำลงทุกวัน การเรียนก็ไม่เอาไหน ด้านกีฬาที่มันเคยเก่ง มันก็ทิ้งไปนานแล้วเพราะตั้งแต่ที่มันเลิกกับบีมันก็ไม่สนใจที่จะไปเล่นฟุตบอลอีก มันเลยไม่อยากดึงบีให้ต้องมาตกต่ำอยู่กับคนไม่เอาไหนอย่างมัน

ที่สำคัญมันรู้ว่ามันเคยทำให้บีต้องเสียใจแค่ไหน มันจึงไม่มีหน้าไปขอโอกาสจากบีอีก

หลังจากวันนั้นมันก็เลยกลับมาใช้ชีวิตเสเพลยิ่งกว่าเดิม จนเมื่อเราทั้งคู่ต่างมาเรียนกรุงเทพ บาสกับมันก็เลยค่อยๆห่างกันในที่สุด

แต่ก่อนหน้าที่บาสจะเจอบีไม่กี่วัน บาสก็เพิ่งได้ข่าวว่าไอ้ทีมกำลังแย่มากเพราะมันพลาดไปทำผู้หญิงท้อง

บาสรู้ดีว่าลูกผู้ชายอย่างมันคงยืนกรานที่จะเอาเด็กไว้จนมันถูกตัดขาดจากทางบ้านแล้วก็ต้องมาหาเลี้ยงตัวเองกับเมียที่กำลังท้องอ่อนด้วยการไปเล่นดนตรีในผับต่างๆ แล้วก็ต้องดรอปเรียนเอาไว้

แต่บาสได้ข่าวมาอีกว่าพอเมียมันคลอด เมียของมันก็หนีมันไป แล้วทิ้งลูกอ่อนไว้กับมันเพียงลำพังเพราะคงทนความลำบากไม่ไหว

บาสจำได้ว่าบีเคยเรียกบาสว่าเป็น "คนดี"

แต่รู้อย่างนี้แล้วบีจะยังชื่นชมบาสด้วยคำๆนั้นได้อยู่หรือเปล่า ในเมื่อบาสเป็นคนทำลายความรักและอนาคตที่เคยรุ่งโรจน์ของเพื่อนรักของบาสด้วยมือของบาสเอง

เมื่อเทียบกับสิ่งที่บาสทำคำว่า “เลว” มันคงยังน้อยไปใช่มั้ย

แต่น่าแปลกที่ถึงบาสจะทำบาปไว้ขนาดนั้น แต่โชคชะตาก็ยังให้โอกาสบาสได้มาพบกับบี

ให้โอกาสบาสได้มาอยู่ใกล้ชิดอย่างมีความสุขกับคนที่บาสรัก

แม้ช่วงเวลานั้นจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่บาสก็มีความสุขมากกว่าเอาเวลาทั้งชีวิตของบาสมารวมกันเสียอีก

ในตอนนี้บาสจึงไม่ได้หวังอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว เพราะบาสได้รับมามากเกินพอแล้ว

ถ้ามีสิ่งไหนที่บาสจะพอทำได้เป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิต....บาสก็อยากคืนบีกลับไปให้ไอ้ทีม

บาสอยากให้มันกับบีได้กลับมารักกันอีกครั้ง

เพราะถ้ามันเป็นอย่างนั้นได้จริงๆ บาสก็คงมีความสุขมาก

บาสอยากทำตามคำสัญญาว่าบาสจะไม่ทำให้บีต้องเสียน้ำตาอีก เพราะฉะนั้น...อย่าร้องไห้นะคนดี

เพราะต่อไปนี้คงไม่มีคนชื่อบาสมาคอยเช็ดน้ำตาให้อีกแล้ว

ดูแลตัวเองนะ

บาสจะเฝ้ารักและคอยดูแลบีเสมอ

รักบียิ่งกว่าชีวิต
บาส

---------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2007 19:58:18 โดย b|ueBoYhUb »

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
 :monkeysad:
....................................
เอ่อ พูดไรไม่ออกอ่ะครับ

<รักและระลึกถึงบาสเสมอ>

Ice-cream Is My Life

  • บุคคลทั่วไป
 :monkeysad:

น้ำตาซึมเลยครับ ปกติผมไม่ค่อยร้องไห้กับเรื่องพวกนี้ซักเท่าไหร่นะ แต่พออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ไม่ไหวจริง ๆ ครับ  สงสารจับใจเลย

 :monkeysad:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






beta

  • บุคคลทั่วไป
เศร้าอย่างบอกไม่ถูกครับ รักหนอรัก :really2: :impress: :impress: :serius2: :serius2: :serius2:

wee

  • บุคคลทั่วไป
สิ่งที่บาสทำให้บีเป็นครั้งสุดท้าย คงเป็นเรื่องทีมแน่เลย
แต่ จดหมายลา...น่ะ  คงไม่หมายความว่า มันไม่ใช่อุบัติเหตุหรอกน่ะ....บาส  ผู้น่าสงสาร
หมายเหตุ   อยากรู้จัง  ที่มาของบาดแผลที่บาสกรีดมือตนเอง ทุกๆบาดแผล มันแฝงความเจ็ดปวดในใจแต่ล่ะครั้งอย่างไรบ้างที่บาส ต้องเผชิญกับมัน

TonG_x_Zhi

  • บุคคลทั่วไป
ความรักที่บาสมีให้บีนั้นเป็นรักนิรันดร อย่างแน่นอน
แต่ "รักนิรันดร" ที่บีได้มาต้องแลกด้วยชีวิตของบาส
ยิ่งบีได้อ่านจดหมายฉบับสุดท้ายของบาสแล้ว   บีคงไม่อยากมีความรักแล้วล่ะมั้ง
เศร้าจังเลย

pandaba

  • บุคคลทั่วไป
 :pigcry3:


พูดได้แค่นี้ครับ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
มาเศร้าต่อครับ


 :3028:


เรื่องมันยังไม่จบเหรอ


 :dont2:


พูห์

kirati69

  • บุคคลทั่วไป

บาสอยากทำตามคำสัญญาว่าบาสจะไม่ทำให้บีต้องเสียน้ำตาอีก เพราะฉะนั้น...อย่าร้องไห้นะคนดี

เพราะต่อไปนี้คงไม่มีคนชื่อบาสมาคอยเช็ดน้ำตาให้อีกแล้ว


โอ๊ยยยยยย โดน  :sad4: :sad4: :sad4:

 :monkeysad:

Tantalum

  • บุคคลทั่วไป
 :sad4:....................................... :sad4:

mokung

  • บุคคลทั่วไป
 :sad4: ไม่มีอะไรจาพูดอะ

pim

  • บุคคลทั่วไป
โหยย.....................

เศร้าบาดจิต

น้ำตาร่วงอีกแล้ว

บีจะทำไงต่อไปเนี่ย

บาสอะ ด่วนตัดสินใจเกินไปแล้ว ทำไมทำอย่างนี้เนี่ย เฮ้ออ

rarmz

  • บุคคลทั่วไป
บาสอยากทำตามคำสัญญาว่าบาสจะไม่ทำให้บีต้องเสียน้ำตาอีก เพราะฉะนั้น...อย่าร้องไห้นะคนดี

เพราะต่อไปนี้คงไม่มีคนชื่อบาสมาคอยเช็ดน้ำตาให้อีกแล้ว

ดูแลตัวเองนะ

บาสจะเฝ้ารักและคอยดูแลบีเสมอ

รักบียิ่งกว่าชีวิต
บาส




ทำไมบาสต้องตายด้วย?
ตกลงคนที่น่าสงสารที่สุดเป็นใครกันแน่อ๊ะ?



อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก อ่านไปน้ามตาจะไหล



ยิ่งไปประโยคข้างบนอ่ะ





อ่านแล้ว ร้องเลย  :monkeysad:




ท่าทางอุบัติเหตุนี่ บาสคงจงใจให้เกิด
เพราะเขียนจดหมายไว้ก่อนหน้านี้แล้วนิ?






อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ร้องอีกรอบได้ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย




ปล. บาสฟื้นมาได้มั๊ยอ่ะ??? อยากไห้ฟื้นอ่ะ


แง๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






pandaba

  • บุคคลทั่วไป
บลูต่อสิครับ :monkeycry4:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
คงจิตใจดีกันขึ้นมาแล้วนะครับ ความรักก็มีมุมที่สวยงามด้วยนะครับ  :impress:

*****************************************************************************************************************
กุมภาพันธ์ ของปีเตอร์ คอป
[wma=300,50]http://f1.podcast.blog.webs-tv.net/upload2/new/e/e/a/eead8016b7c106b9153ec8acc1bbecfb.mp3[/wma]
*************************************************************


.............ขอให้รักเรานั้น....นิรันดร ภาค 2….....( 19 )

ความรักของผมเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งในชีวิต
รักครั้งแรกของผมมาเร็วเกินไป….แต่รักครั้งสุดท้าย กลับมาสายเกินกว่าผมจะรู้ตัว
--------------------------------

จดหมายของบาสทำให้ผมอ่อนแรงจนแทบจะล้มลงไปอีกครั้ง เพราะจดหมายฉบับนี้ได้ทำให้ผมรู้อะไรที่น่าตกใจเพิ่มขึ้นอีกมาก

ประเด็นแรกคือถึงแม้จดหมายฉบับนี้จะไม่ได้บอกว่าบาสกำลังจะไปไหน แต่มันได้ทำให้ผมเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า..ตกลงแล้ว การตายของบาสมันเป็นอุบัติเหตุ หรือ ความจงใจ ?

ประเด็นต่อมาคือการได้รู้ว่าทีมเขาต้องเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องตัดสินใจทิ้งผมไปเพราะความเข้าใจผิด

นอกจากนั้นการได้รู้ว่าชีวิตของทีมต้องพังทลายลงเพราะความรักที่มีต่อผม มันทำให้หัวใจของผมที่แหลกสลายไปแล้วจากการตายของบาสเหมือนยิ่งถูกย่ำยีบีฑาหนัก

ทำไมในวันนั้น เขาถึงไม่ยอมพูดขอคืนดีกับผมตรงๆ เพราะเพียงแค่เขาเอ่ยปาก ผมก็พร้อมจะกลับไปหาเขาทันที ไม่ว่าจะต้องบุกน้ำลุยไฟ หรือจะต้องตกระกำลำบากแค่ไหน ผมก็ไม่กลัว

ผมเพียงแค่ขอให้มีเขาอยู่ข้างๆ

แต่นี่คงเป็นสิ่งที่โชคชะตาได้กำหนดไว้แล้ว.

โชคชะตาคงตั้งใจให้มันเป็นไปอย่างนั้น เพราะถ้าในวันนั้นทีมได้กลับไปคืนดีกับทีม ผมก็คงไม่มีโอกาสได้มาเจอบาส และไม่มีโอกาสได้รักผู้ชายคนนี้

ในที่สุดแล้วผมก็คงต้องยอมรับกับสิ่งที่แม่ของบาสพูดนั่นคือ..มันเป็นกรรมของพวกเรา

ในวันนั้นหลังจากกลับจากโรงพยาบาล ผมก็ได้กลับไปที่บ้านของบาสกับแม่ของเขาอีกครั้งและก็ตัดสินใจที่จะมาอยู่ค้างกับแม่ของบาสจนกว่างานศพจะเสร็จสิ้น รวมทั้งได้ตั้งปณิธานว่าผมจะอยู่ดูแลแม่ของบาสแทนเขาไปตลอดชีวิตเพื่อให้เขาได้ไปสู่ภพหน้าอย่างสงบสุข

วันต่อมา ศพของบาสก็ได้ถูกนำไปตั้งสวดบำเพ็ญกุศล ณ วัดแห่งหนึ่งบนถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งผมก็ได้ไปอยู่ช่วยงานมาตั้งแต่เริ่มต้น จนกระทั่งตกดึกผมก็ได้มานั่งอยู่หน้าศพบาสเพื่อทำหน้าที่คอยหยิบธูปให้กับแขกเหรื่อที่มาเคารพศพ โดยตลอดเวลาที่ผมนั่งอยู่ตรงนั้นผมก็ได้แต่แหงนหน้าขึ้นมองรูปถ่ายของบาสแล้วก็นึกถึงวันเวลาที่เราเคยมีความสุขอยู่ด้วยกัน

ขณะที่ผมกำลังนั่งใจลอยอยู่นั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงหนึ่งพูดขึ้นมาว่า

“ผมขอธูปด้วยครับ”

เมื่อได้สติผมก็รีบเอี้ยวตัวไปหยิบธูปส่งให้กับเจ้าของเสียงอย่างลุกลี้ลุกลน แล้วก็รีบขอโทษขอโพยเขาเป็นการใหญ่ที่ผมมัวแต่ใจลอย

“ขอโทษคับ นี่คับธูป”

ในตอนนั้นเองขณะที่ผมกำลังยืนมือส่งธูปให้กับเขา ผมก็ต้องตกตะลึงอย่างที่สุดเมื่อได้เห็นใบหน้าของผู้ชายคนนี้ชัดๆ จนทำให้ธูปในมือถึงกับร่วงหล่นลงพื้น แต่ผู้ชายคนนี้กลับไม่มีปฏิกิริยาอะไร เขาได้แต่เอามือไปหยิบธูปที่ร่วงหล่นนั้นขึ้นมาแล้วก็เดินไปนั่งคุกเข่าพนมมือแสดงความเคารพแก่ศพของบาส ขณะที่ผมยังคงได้แต่นั่งตัวแข็งอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าในวันนี้ผมจะได้พบกับ..ทีม..อีกครั้ง

ถึงแม้ใบหน้าของทีมในตอนนี้จะดูทรุดโทรมและมีความหม่นหมองเหมือนคนที่มีเรื่องทุกข์ใจอย่างหนัก แต่ผมก็ต้องยอมรับว่าเขายังคงมีร่องรอยของความหล่อเหลา สมบูรณ์แบบไม่เคยเปลี่ยน ยกเว้นแต่เพียงแววตาคู่นั้นที่กลับแสดงถึงความเป็นคนกร้านโลก และดูโศกเศร้าอยู่ตลอดเวลา

ผมนั่งตะลึงงันไปอีกสักพัก จนเมื่อผมได้หันไปมองรูปบาสอีกครั้งผมก็รู้สึกลำบากใจเหลือเกินที่ได้มาเจอทีมในงานศพของผู้ชายอีกคนที่ผมรักเขาอย่างสุดหัวใจ ผมจึงตัดสินใจเดินลุกออกมานั่งสงบสติอารมณ์ที่บริเวณม้านั่งใต้ต้นลีลาวดีด้านนอก จนกระทั่งอีกสักพักผมก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา

“มาหลบอยู่นี่เองเหรอ”

เสียงที่เริ่มต้นทักผมทำให้ผมต้องหันหลังกลับไปมองในทันทีแล้วก็พบว่าทีมกำลังยืนอยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย


“ตั้งใจจะมาหลบหน้าใครหรือเปล่า”

น้ำเสียงของเขาค่อนข้างประชดประชัน

“เปล่านี่ “ ผมตอบไปแกนๆ

“เหรอ ทีมนึกว่าอาจจะมีบางคนไม่สบายใจที่ทีมมาที่นี่”

“งั้นคนๆนั้นก็คงไม่ใช่บีหรอก ผิดหวังมั้ยล่ะ”

“เจอกันครั้งแรกก็คุยกันอย่างนี้เลยนะ”

“แล้วใครเริ่มล่ะ”

ผมตอบไปอย่างไม่สบอารมณ์ ในขณะที่อดคิดไม่ได้ว่า...ไม่ว่าจะรักหรือเลิกกันผมกับทีมก็ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งเป็นฝ่ายชวนทะเลาะเสมอ

“เป็นไงบ้างล่ะ บีสบายดีหรือเปล่า”

เมื่อรู้สึกตัวว่าต่างฝ่ายต่างกำลังทำผิด ทีมก็กลับมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“อืมสบายดี แล้วทีมล่ะ”

“ก็เรื่อยๆแหละ”

ทีมตอบคำถามนี้ของผมด้วยแววตาหม่นๆ แล้วก็พูดต่อว่า

“ได้ข่าวว่าช่วงปิดเทอม บีมาอยู่กับบาสเหรอ”

หลังคำถามนี้ของทีมผมก็อดสะดุ้งไม่ได้เมื่อนึกถึงว่าความจริงนี้คงทำให้ทีมเจ็บปวดมาก

“ใช่ พอดีบาสเขาไม่สบาย แม่ของเขาก็เลยจ้างบีมาช่วยดูแล”

“เหรอ”

คำตอบนั้นไม่ยินดียินร้าย และไม่แสดงอาการแปลกใจ นอกจากจะมีแต่สีหน้าครุ่นคิด

“ทั้งหมดมันเป็นความผิดของทีมเอง ถ้าไม่ใช่เพราะทีม บาสมันก็คงไม่ตาย”

“อะไรนะ”

ผมถามทีมอย่างตกใจที่ได้ยินเขาพูดออกมาอย่างนั้น

“เมื่อคืนวานไอ้บาสมันโทรศัพท์มาหาทีมเพื่อสารภาพในสิ่งที่มันเคยทำกับทีมไว้ ที่จริงแล้วทีมก็ไม่แปลกใจหรอกเพราะทีมรู้เรื่องนี้มานานแล้ว เพียงแต่พอทีมแน่ใจว่าสิ่งที่ไอ้บาสมันพูดคือเรื่องโกหก ทุกอย่างมันก็สายไปแล้ว เพราะตอนนั้นทีมได้เลิกกับบีไปแล้ว ทีมก็เลยไม่อยากต้องเสียเพื่อนรักไปอีกคน ทีมจึงตัดสินใจคบกับมันต่อไปทั้งๆ ที่ทีมก็รู้ดีว่ามันเป็นคนทำลายความรักของทีม แต่สิ่งที่ทำให้ทีมทนไม่ได้ก็คือความจริงที่ว่าในขณะที่ทีมต้องใช้ชีวิตอย่างทนทุกข์ทรมานเหมือนตกนรกทั้งเป็น ไอ้บาสมันกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่กับบี ทีมโมโหมันมาก ทั้งๆที่ทีมเห็นแก่เพื่อนรักอย่างมันมาตลอดจนยอมเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่เคยปริปาก แต่ลับหลังทีมมันกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่กับบีโดยไม่สนใจว่าทีมจะรู้สึกยังไง ทีมก็เลยบังคับให้มันออกมาเคลียกับทีมข้างนอก ทีมไม่รู้ว่าขามันยังไม่หายดี ถ้าทีมไม่บังคับให้มันออกมา มันก็คงไม่ตายใช่มั้ยบี”

พูดจบผมก็เห็นน้ำตาของทีมไหลงมาอย่างเจ็บปวด ในขณะที่ผมก็ได้แต่ยืนนิ่งอย่างไม่รู้ว่าผมจะตอบเขาไปว่าไงได้ ในเมื่อตอนนี้ผมก็ไม่รู้แล้วว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันเป็นความผิดของใครกันแน่

มันอาจจะเป็นความผิดเพราะความหูเบาของทีม ถ้าวันนั้นเขาจะเชื่อใจผมมากกว่านี้เรื่องทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้น

หรือมันจะเป็นความผิดเพราะความขี้ขลาดของบาส ถ้าวันนั้นเขายอมสารภาพออกมาตรงๆว่าเขารักผม บางทีเราอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนผมกับกอล์ฟ

หรือมันจะเป็นความผิดเพราะทิฐิและความได้เดียงสาต่อความรักของผมเอง ถ้าวันนั้นผมยอมลดทิฐิและพยายามแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้น บางทีเราทั้งสามคนก็ไม่ต้องมาเจอโศกนาฏกรรมแบบนี้

ในที่สุดแล้วผมก็คงได้แต่ใช้คำว่า “ถ้า” แต่น่าเสียดายที่เมื่อไหร่ที่เราพูดถึงคำๆนี้ขึ้นมา มันก็หมายถึงว่าเราไม่อาจไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว

ผมค่อยๆหลับตาแล้วก้มหน้าลงอย่างเจ็บปวดจนกระทั่งผมได้ยินเสียงทีมพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า

“บีจำได้มั้ย ว่าบีเคยถามคำถามทีม 3 ข้อ ข้อ 1 กับ ข้อ 2 บีคงได้คำตอบไปแล้วใช่มั้ย”

ผมค่อยๆพยักหน้าอย่างทุกข์ทรมานเพื่อบอกให้เขารู้ว่า...ใช่ ผมได้รู้คำตอบของ 2 ข้อนั่นแล้วโดยต้องแลกกับความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

“ส่วนข้อ 3 ......”

หลังคำพูดนี้ของทีม ผมก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างไม่รู้ตัวเพราะผมไม่เชื่อหูตัวเองว่าทีมกำลังจะตอบคำถามที่เขาได้ปล่อยให้ผมค้างคาใจมาถึง 5 ปี

“ไม่รู้สินะ ตอนนั้นทีมก็ยังเด็กมาก ที่สำคัญหลังจากที่ทีมสูญเสียบีไป ทีมก็ไม่เคยเชื่อมั่นอะไรในความรักอีก ทีมก็เลยไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว ความรักมันเป็นยังไงกันแน่ ทีมรู้แต่เพียงอย่างเดียวว่าช่วงเวลาที่ไม่มีบีอยู่ใกล้ๆ มันทรมานมากนะ มันทรมานแสนสาหัสจริงๆ”

แม้ทีมจะไม่ได้ตอบออกมาตรงๆว่าเขารักผมหรือไม่ แต่คำตอบและหยดน้ำตาที่ไหลลงมาของเขามันทำให้ผมถึงกับเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่เมื่อนึกถึงคำสัญญาที่ว่าผมจะไม่ร้องไห้ให้เขาเห็นอีก ผมจึงพยายามฝืนมันเอาไว้ แล้วก็ชวนทีมเปลี่ยนเรื่องคุย

“ได้ข่าวว่าทีมมีลูกแล้วเหรอ”

ทีมมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยที่ผมรู้เรื่องนี้ แต่ก็ฝืนตอบผมมาว่า

“ใช่ ตอนนี้ก็ 7 เดือนกว่าแล้ว”

“เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงล่ะ”

“ผู้ชาย”

“คงหน้าตาน่ารักน่าดูเลยนะ”

“แน่นอนสิ ก็พ่อมันหล่อนี่”

ทีมตอบกลับมาอย่างยิ้มๆ

“ฮึ ฮึ นั่นสิ แล้วแกชื่ออะไรเหรอ”

ทันทีที่ผมถามคำถามนี้จบลง ผมก็อดแปลกใจไม่ได้ที่คำถามง่ายๆนี้ได้ทำให้ทีมถึงกับสะดุ้งแล้วก็มีท่าทีคิดหนัก ก่อนที่จะถอนหายใจยาวออกมาหนึ่งครั้ง แล้วก็ฝืนใจตอบผมกลับมาว่า

“บี....แกชื่อ บี ปิติรัตน์ โอฬารสกุล”

“ชื่ออะไรนะ”

ผมถามย้ำทีมอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

“บีก็ได้ยินชัดแล้วนี่ ไม่รู้สิ ทีมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมทีมถึงชอบชื่อนี้ แต่ทีมตั้งใจมานานแล้วว่าถ้าทีมมีลูกคนแรก ไม่ว่าลูกของทีมจะเป็นผู้หญิง หรือ ผู้ชาย ทีมก็จะให้ชื่อนี้ ทีมว่ามันเป็นชื่อที่เพราะดีนะถึงจะโหลไปหน่อยก็เถอะ”

คำตอบของทีมถึงกับทำให้ผมกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ จนผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้าแบบ 180 องศาเพื่อให้น้ำตามันไหลย้อนกลับเข้าไปข้างใน และถึงแม้คืนนี้จะเป็นคืนข้างขึ้น แต่ผมก็พูดออกมาอย่างโง่ๆเพื่อแก้ตัวต่อการกระทำที่ไร้เหตุผลของตัวเองว่า

“คืนนี้ดาวสวยดีนะ”

หลังคำพูดนั้น ผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะของทีมก่อนที่จะเห็นเขาแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าเช่นเดียวกันแล้วก็บอกกับผมว่า

“อืม ใช่ สวยจริงๆด้วย ดาวเต็มฟ้าเลย”

-----------------------

ในค่ำคืนนั้นหากใครมีโอกาสผ่านไปผ่านมาบริเวณป้ายรถเมล์หน้าวัดนั้นก็คงเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่เหมือนคนวิกลจริต เพราะเด็กผู้ชายนี้เดี๋ยวก็ยิ้ม เดี๋ยวก็หัวเราะ เดี๋ยวก็ร้องไห้

ใช่แล้วล่ะ...เด็กผู้ชายคนนั้นคือผมเอง

ผมกำลังยิ้มให้กับตัวเองที่รู้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทีมยังคงรักผมอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง

ผมร้องไห้ให้กับความสูญเสียผู้ชายที่ผมรักเขามากอย่างที่สุดอีกคน

ผมหัวเราะให้กับโชคชะตาที่น่าขันของตัวเอง

ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ความรักได้เล่นตลกกับผมอย่างเหลือร้าย...เพราะ

รักครั้งแรกของผมถูกทำลายโดยผู้ชายซึ่งเป็นรักครั้งที่สอง

ส่วนรักครั้งที่สองกลับถูกทำลายโดยผู้ชายซึ่งเป็นรักครั้งแรก

ถ้านี่คือหนี้กรรมระหว่างบาสกับทีม พวกเขาก็คงชดใช้กันไปหมดแล้ว

แต่ผมล่ะ....ผมอยู่ตรงไหนของวงล้อแห่งกรรมนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ทีมทำกับบาส หรือบาสทำกับทีม

คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือผมที่ยืนอยู่ตรงนี้

เมื่อนึกถึงตรงนี้ น้ำตาของผมก็ไหลลงมาอย่างเจ็บปวดอีกครั้ง ในตอนนั้นเองอยู่ดีๆ ผมก็รู้สึกราวกับว่าสติของผมกำลังเลื่อนลอยมากขึ้นทุกที จนกระทั่งโดยไม่รู้ตัวผมก็ค่อยๆก้าวเดินลงไปในถนนเหมือนคนสิ้นหวังที่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ขณะที่หูทั้ง 2 ข้างก็เริ่มได้ยินเสียงแผดร้องกึกก้องของรถคันหนึ่งที่แล่นมาด้วยความเร็ว

ผมค่อยๆหลับตาลงช้าๆ เพื่อหลบแสงไฟเจิดจ้าที่สาดส่องเข้ามาตรงหน้าขณะที่เอา 2 มือขึ้นมาปิดหูเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงแตรแหลมสูงจนเสียดแทงเข้าไปถึงหัวใจที่ดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในตอนนั้นผมพยายามนึกถึงหน้าของบาสเพื่อหวังว่าชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้คงได้นำพาผมให้ได้ไปพบกับเขา

แต่ทันใดนั้นเองที่ผมรู้สึกเหมือนโดนใครบางคนฉุดแขนผมไว้แล้วก็กระชากผมให้ถอยหลังไปอย่างแรงจนผมกลับไปล้มลงบนทางเท้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงๆหนึ่งที่ผมคุ้นเคย ผมจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมองเขา

“บีจะบ้าไปแล้วหรือไง จะทำอะไรน่ะหา”

ทีมเขย่าตัวผมอย่างแรงแล้วก็ตะโคกใส่ผมอย่างโมโหสุดขีด

“คิดว่าทำอย่างนี้แล้วไอ้บาสมันจะดีใจหรือไง แล้วทีมล่ะ ทีมไม่มีความหมายอะไรกับบีเลยใช่มั้ย”

ทีมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกและน้อยอกน้อยใจใขขณะที่น้ำตาของเขาก็เริ่มไหลลงมาอาบทั้งสองแก้ม ส่วนผมก็ได้แต่ร้องไห้แล้วก็ตอบเขาไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

“บีไม่รู้ทีม บีไม่รู้ บีห้ามตัวเองไม่ได้ ห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ ฮือๆๆๆ”

พูดไปน้ำตาผมก็ไหลลงมาไม่ยอมหยุด จนทีมรีบดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้

“อย่าทำอย่างนี้นะบี ถ้าบีเป็นอะไรไปแล้วทีมล่ะ ทีมจะอยู่ยังไง จะให้ทีมมีชีวิตอยู่ได้ยังไงถ้าต้องเสียบีไปจากโลกนี้จริงๆ ”

พูดจบเรา 2 คนก็กอดคอกันร้องไห้อย่างไม่อายสายตาของผู้คนที่อยู่บริเวณป้ายรถเมล์แห่งนั้น จนสักพักเมื่อเราทั้งคู่ต่างปรับอารมณ์ได้ทีมก็ค่อยๆพยุงตัวผมให้ยืนขึ้น

“ให้ทีมไปส่งบ้านนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก บีกลับเองได้”

ผมรีบตอบทีมไปด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะยอมรับความหวังดีของเขา ในขณะที่ศพของบาสยังอยู่ในศาลา

“ให้ทีมไปส่งเถอะ ไม่งั้นทีมหลับไม่ลงแน่ ที่สำคัญถ้าคืนนี้ทีมไม่ยอมไปส่งบีให้ถึงบ้านโดยปลอดภัย ไอ้บาสมันคงเข้ามาแตะทีมในฝันแน่”

คำพูดของทีมทำให้ผมนึกถึงคำพูดของบาสอีกครั้ง

“ถ้ามีสิ่งไหนที่บาสจะพอทำได้เป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิต....บาสก็อยากคืนบีไปให้ไอ้ทีม บาสอยากให้มันกับบีได้กลับมารักกันอีกครั้ง”

หรือนี่จะเป็นความตั้งใจของบาสเพื่อให้ผมกับทีมได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นความตายของบาส มันเกิดจากความตั้งใจของเขาอย่างนั้นหรือ

“มาเถอะบี ทีมจอดรถมอเตอร์ไซด์ไว้ตรงโน้น”

ทีมพยายามเรียกผมอีกครั้ง แต่ไม่ทันที่ผมจะตอบว่าอะไร เขาก็ฉุดมือผมแล้วพาเดินออกไปให้ไปนั่งซ้อนท้ายรถจักรยายนต์ที่เขาจอดไว้ริมทาง

ผมยอมรับว่าการกลับมาเจอทีมอีกครั้งในวันนี้ทำให้ผมทำตัวไม่ถูก จนเมื่อผมขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายทีมแล้วผมก็ได้แต่ทำตัวเก้ๆกังๆ ไม่รู้จะเอามือ เอาเท้าไปไว้ที่ไหน จนทีมต้องพูดประชดผมอีกครั้ง

“ทำไมเหรอ กะอีแค่เอามือมากอดเอวทีม มันจะเป็นอะไรนักหนา ถ้าทีมมันน่ารังเกียจนักก็ทนเอาหน่อยแล้วกัน ถือว่าเพื่อความปลอดภัยของตัวเองแล้วกัน”

“บีไม่ได้คิดอย่างนั้นสักหน่อย”

พูดจบผมก็เอามือไปโอบเอวทีมไว้ตามที่เขาบอก แต่ทันใดนั้นทีมก็แกล้งออกรถทันทีด้วยความรวดเร็วจนทำให้ผมตกใจจนถึงกับกอดเขาไว้แน่น

ขณะที่ผมกำลังกอดทีมไว้นั้นเองผมก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัวด้วยความโหยหาความอบอุ่นเช่นนี้มานานแสนนาน

ผมรู้สึกได้ว่าแม้แผ่นหลังของทีมจะทั้งใหญ่และกว้างขึ้นมาก แต่ความรู้สึกอบอุ่นที่ผมได้รับนั้น มันกลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย ซึ่งในตอนนั้นเองที่ผมเริ่มรู้สึกได้ว่าทีมกำลังเอามือข้างหนึ่งมาบีบกุมมือของผมที่กำลังกอดเขาเอาไว้แน่นจนทำให้ผมถึงกับน้ำตาไหลเมื่อได้รับการสัมผัสจากมือของทีมอีกครั้ง แต่ขณะที่อีกใจหนึ่งผมก็กลับนึกถึงบาสขึ้นมาไม่ได้

หากเป็นเมื่อก่อน ผมก็เคยถามตัวเองตลอดเวลาว่า...จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนเราจะสามารถรักคน 2 คนได้ในเวลาเดียวกัน

แต่ในวันนี้ผมคิดว่าผมได้รับคำตอบแล้วเพราะหัวใจของผมตอนนี้ได้มีทั้งทีมและบาส และไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรผมก็คงขอรักผู้ชาย 2 คนนี้ไปตราบจนวันตาย

ผมค่อยๆกอดทีมแน่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มหนาว ในขณะที่ทีมก็ยังคงเกาะกุมมือของผมไว้ไม่ยอมปล่อย แล้วเขาก็ค่อยๆลดความเร็วลงจนมันกลายเป็นมอเตอร์ไซด์ที่วิ่งช้ามาก ผมจึงอดถามเขาไม่ได้ว่า

“ทีม..รถไม่วิ่งช้าไปหน่อยเหรอ”

“อืมนั่นสิ ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน เมื่อวานก็ยังดีๆอยู่เลย แต่พอบีมานั่งมันกลับเร่งเครื่องไม่ค่อยขึ้น

เมื่อได้รับคำตอบอย่างนั้นผมก็ได้แต่ยิ้ม แล้วก็กลับไปซบแผ่นหลังอันอบอุ่นของทีมไว้ตามเดิม

ในคืนนั้นหากใครได้เดินผ่านไปผ่านมาบนถนนจรัญสนิทวงศ์ ก็คงได้เห็นมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งที่ออกจะแปลกตาไปสักหน่อย

ด้านหนึ่งมอเตอร์ไซด์คันนี้มีผู้ชาย 2 คนที่นั่งกอดกันแน่นราวกับจะไม่มีวันยอมแยกจากกันเป็นอันขาด

และอีกด้าน.....มอเตอร์ไซด์คันนี้คงเป็นมอเตอร์ไซด์ที่เรียกได้ว่า....

....วิ่งช้าที่สุดในโลก.....

-----------------------------------------


pandaba

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องของทีมกับบีจะเป็นไงต่อไปครับนี่

โหย เครียดว้อย  :serius2:

TonG_x_Zhi

  • บุคคลทั่วไป
ทั้งบาส  บี  และทีม  ก็เหมือนอยู่ในวงล้อของกรรมกันทั้ง3คน
ถึงแม้ว่าบาสจะตายไปแล้ว   แต่ผลลัพธ์หลังจากการจากไปนั้น  จะเป็นไปตามประสงค์ของบาสหรือไม่  ผมคงต้องรออ่านต่อไป
แต่ความเห็นส่วนตัวของผม  ทีมและบีสุดท้ายแล้วคงจะเป็นเพื่อนที่คอยห่วงหากันมากกว่า   อันนี้ผมเดาเอานะ
แต่ไม่ว่ายังไงความรักก็ยังมีมุมที่สวยงามอย่างที่คุณบลูบอกแหละครับ^^

moopai

  • บุคคลทั่วไป
อะไรกันเนี่ยยยยยยยยยย...สงสารทุกคนเลยยยยย :serius2: :sad5: :sad4:

Tantalum

  • บุคคลทั่วไป
 :monkeysad:ขอให้ชะตากรรมอันเลวร้ายของเรื่องนี้ ได้สิ้นสุดลง หุหุ

Vasabi

  • บุคคลทั่วไป
 :monkeysad2: โหยยยยยยยย  รันทดใจจิง ๆ น่าสงสารทั้ง 3 คน  ฮือ ๆ  ๆๆ  :monkeycry4: :monkeycry4:

kirati69

  • บุคคลทั่วไป
ภาค2 ของเรื่องนี้  ผมอ่านเป็นรอบที่ 3 แล้ว  โดยรอบนี้พยายามตามอ่านของคุณบลูทีละตอน เหมือนที่เคยตามอ่านของคุณนัทนทีเมื่อตอนโพสไว้ครั้งแรก 

ยอมรับเลยว่าอ่านกี่ครั้ง ก็ยังได้อารมณ์หมือนเดิม ร้องไห้ได้เกือบทุกตอน อ่านจบแล้วมันแบบว่า..เศร้าโครต รู้สึกหดหู่ ไม่อยากทำอะไรต่อเลย

สงสารทั้ง 3 คนมาก โดยเฉพาะอ่านรอบนี้เริ่มรู้สึกไม่ชอบเรื่องชะตากรรมเลย  พระเจ้าโหดร้ายกับทั้ง 3 คนเกินไป  ทั้งๆที่ความรักของพวกเขามันบริสุทธิ์ แล้วก็สวยงามมาก 

บ่นไปงั้นๆแหละ เครียด กดดัน สงสาร อยากให้พวกเขามีความสุขจัง  :serius2:




wee

  • บุคคลทั่วไป
ชีวิตคนเรา.... กว่าจะมาจนถึงจุดสิ้นสุด  จิตใจของเรา....มันคงจะด้านชา  ไร้ความรู้สึกไปแล้วล่ะมั๊ง 
 :monkeysad2: :monkeysad2: :monkeysad2:

pandaba

  • บุคคลทั่วไป
แว้บมาดูครับ  :confuse:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด