ขอบคุณนะครับที่ฝ่าฝันแต่งมาจนจบให้อ่านกันได้ในวันนี้
ผมก็อ่านรวดเดียวจบเหมือนกันน่ะครับ จากนิสัยที่ชอบให้นิยายจบแล้วค่อยอ่าน
อีกทั้งนิสัยที่จะไม่ลง comment ให้ง่ายๆของผม ทำให้ชอบติดนิสัย
"แอบอ่าน
อยู่หลังฉาก"ผมคงแปลกกว่าคนอื่นเขา สงสัยเป็นเพราะชีวิตผมก็ผ่านอะไรหนักๆมาเยอะมาก
จนทั้งเรื่องผมได้หลั่งน้ำตาเพียงครั้งเดียวตอนที่
“อ้าวจุดเทียนสิบาส”
พูดจบผมก็ยื่นไฟแช็กให้บาส
“บีจุดให้ไม่ได้เหรอ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็บีเป็นแสงสว่างในชีวิตของบาส ถ้าบีเป็นคนจุด ต่อไปชีวิตของบาสก็จะได้สว่างไสวเหมือนเทียนพวกนั้นไงล่ะ”
“แหวะ บาสไปหัดพูดประโยคน้ำเน่าพวกนี้มาจากไหนเนี้ย บีขนลุกเลยดูสิ ”
ผมพูดอย่างขำๆ แล้วก็ก้มลงไปจุดเทียนวันเกิดให้ตามที่เขาขอ
เพราะทำให้ผมคิดถึงคนที่ผมรักจนสุดใจ เปรียบเสมือนแสงสว่างของชีวิตผม
ตอนนี้ผมกำลังชั่งใจว่าอยู่สองประเด็น
ประเด็นแรกคือ ผมมีคำถามที่อยากถามที่รักของผม แต่ยังไม่มั่นใจว่าถึงเวลา
อันสมควรแก่การถามแล้วหรือยัง? ผมคงต้องถามเขาแน่ๆ ในเมื่อรักไปหมด
เท่าที่มีแล้วนี่ ยังไงก็ต้องลุยไปข้างหน้าอยู่แล้ว!!
ประเด็นที่สองคือ จะบากหน้าไปขอให้เขาอ่านเรื่องของคุณนันนทีดีไหม
เผื่อเราสองคนจะมี "ภูมิคุ้มกัน" ปัญหารักขึ้นมาบ้าง สักนิดก็ยังดี...
************************************
ขอพื้นที่ระบายให้พี่นันนทีฟังนะครับ
เคยมีคนตั้งฉายาผมไว้ว่า "หุ่นยนต์หัวใจน้ำแข็ง"ด้วยน่ะครับ
เพราะชีวิตของผมเป็นระบบมากๆ วันๆก็ทำงานงกๆ หาเงินค่าเทอมเรียนเอง
ตั้งแต่มัธยม จนเวลาผ่านไปทำให้ผมเป็นคนที่ไร้รอยยิ้ม
การยิ้มก็ฝึกขึ้นเพื่อธุรกิจ และการค้า จนผมได้มาเจอ
"แสงสว่างในชีวิต"เขาปลุกผมขึ้นมาให้มีชีวิต แล้วก็ทำให้ผมรักเขาอย่างหมดใจ รักหมดใจ ให้
หมดเลย ไม่มีกั๊ก แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่รอดก็ไม่รู้นะ (ฮา)
อยากให้เขารู้ว่า
"ไม่ว่าอย่างไร ผมก็คงไม่สามารถหยุดรักเขาได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม"
และ
"ผมเชื่อมั่นว่าคนที่เคยบอกว่ารักผม คงจะไม่หลอกใจตัวเอง วิ่งหนีใจตัวเอง
แล้วมาทำร้ายผม"
รักพี่นะครับ
ฮา ไปๆมาๆ ขอพื้นที่ระบายกลายเป็นมาบอกรักพี่เขาซะงั้น
อย่าวันกันเลยนะครับ
อย่างไรก็ขอบคุณพี่นันนทีมากนะครับ