หลักกิโลเมตรที่ 4 (บ้านหลังเก่า)
เกือบสิบโมงเช้าที่มวลเมฆและไอหมอกค่อย ๆ จางหาย ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีฟ้าสดใสดวงอาทิตย์ทอแสงอาบผืนหญ้าสีเขียวอ่อน ผืนน้ำยังคงสงบนิ่งราบเรียบราวกระจกใสสะท้อนเงาทิวสนชัดเจน ผู้คนบริเวณคันดินเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้น บรรดาหนุ่ม ๆ สาว ๆ ต่างก็มาเก็บภาพบรรยากาศยามสายที่อากาศเริ่มเย็นสบายในชุดเสื้อกันหนาวแฟชันหลากสีสัน โทรศัพท์มือถือถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าของหลาย ๆ คู่ เพื่อบันทึกภาพน่าประทับใจนี้เอาไว้ บ้างก็ถ่ายภาพคู่กัน บ้างก็ผลัดกันถ่ายโดยมีทัศนียภาพของอ่างเก็บน้ำปางตองเป็นฉากหลัง จะมีก็เพียงอาทิตย์ทัศน์ที่ยังคงมองภาพทิวสนและท้องฟ้าผ่านเลนส์กล้องก่อนจะกดชัตเตอร์รัว ๆ จากนั้นชายหนุ่มเช็คภาพจากจอ LCD ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจ
อาทิตย์ทัศน์มองคนที่กำลังนั่งสเก็ซต์ภาพลงบนกระดาษใบเล็ก ๆ ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้าง ๆ กัน เจ้าของพวงแก้มเนียนใสยื่นหน้าเข้าไปมองใกล้ ๆ ด้วยความสนใจ มือหนายังคงตวัดปากกาอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานลายเส้นของปากกาหมึกซึมสีดำก็ก่อเกิดเป็นภาพที่พอจะมองออกว่าเป็นสัตว์ปีกสีดำ
“คุณว่าพวกมันจะหนาวไหม” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยขึ้นก่อนจะมองไปยังเจ้าหงส์สีดำสองตัวที่กำลังว่ายน้ำตามกันอยู่กลางอ่างเก็บน้ำ
“ผมว่าไม่นะ เพราะถ้ามันหนาว มันคงหาเสื้อกันหนาวมาสวมแล้วละ หรือไม่ก็พากันขึ้นมาผิงไฟ” ปากหยักตอบทั้งที่ยังคงสนใจกับกระดาษวาดรูปใบเล็ก ๆ ในมือ
“กวนประสาทตลอด”
“เอ๊า! ก็จริงนี่คุณ ดูคุณสิเวลาคุณหนาวคุณยังต้องสวมเสื้อกันหนาวเลย” ตฤณกรหัวเราะ
“บ้า มันคนละอย่างกัน”
“ผมว่าพวกมันคงไม่หนาวหรอก แต่ถึงจะหนาวนะอย่างน้อยมันก็ไม่ได้หนาวแบบโดดเดี่ยว อย่างน้อยก็ยังเห็นว่ามีอีกตัวอยู่ข้าง ๆ กัน หนาวด้วยกัน ตัวไหนเป็นตะคริวอีกตัวจะได้ช่วยทัน แต่มันอาจจะแย่นิดหนึ่งที่มันมีแต่ปีก ไม่มีมือไม่มีแขนเอาไว้กอดกันแบบนี้” คนตัวสูงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยกแขนข้างซ้ายขึ้นกอดคอคนข้าง ๆ เอาไว้
“เนียนตลอด” อาทิตย์ทัศน์พึมพำ
ตฤณกรยิ้มก่อนจะลงมือวาดรูปต่อจนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง....
“เสร็จหรือยัง” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นขณะมองภาพสเก็ซต์หงส์สีดำสองตัวที่ลอยเคียงข้างกันอยู่บนผิวน้ำ แหวนทองคำขาวที่นิ้วนางข้างซ้ายของคนข้าง ๆ ยังชวนให้นึกถึงเหตุการ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งคำพูดและการกระทำยังคงเหมือนวนกลับมาปรากฏขึ้นชัดเจนในความรู้สึกของอาทิตย์ทัศน์อีกครั้ง
ตฤณกรค่อย ๆ เก็บปากกาใส่ปลอกก่อนจะพยักหน้า “เสร็จแล้ว สวยไหม”
“สวยดี” คนตัวเล็กกว่ายิ้ม
“ใบนี้ผมจะส่งให้แฟนผม”
“แล้วจะเขียนว่าอะไร”
คนตัวสูงยิ้มก่อนจะเก็บรูปที่เพิ่งวาดเสร็จลงกล่องเหล็กสำหรับใส่เครื่องเขียน “ไม่บอก ต้องไปรออ่านเองที่ปลายทาง”
อาทิตย์ทัศน์ทำหน้าเซ็งก่อนจะกล่าว “พวกความลับเยอะ”
“แล้วคุณล่ะ ไม่ส่งโปสการ์ดให้แฟนบ้างเหรอ ผมมีกระดาษกับปากกาให้ยืมนะ”
คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่ ผมยังไม่มีแฟน” พูดจบอาทิตย์ทัศน์ลุกขึ้นปล่อยให้ตฤณกรที่โดนเอาคืนนั่งอ้าปากหวออยู่อย่างนั้น
คนตัวสูงกว่ารีบลุกขึ้นตามก่อนจะประท้วงในคำพูดเมื่อสักครู่ “โห!!!! ยังไม่มีแฟนอีกเหรอครับ อายุขึ้นเลขสามแล้วนะคุณ”
“พี่ตัง พี่จ้า” เสียงเจื้อยแจ้วของพลอยชนกดังขึ้นขัดจังหวะ สาวน้อยในชุดกันหนาวสีชมพูทั้งชุดที่เดินควงแขนพ่อและแม่ของเธอเข้ามาส่งยิ้มหวานมาให้
“ตื่นแต่เช้าเลยนะทั้งสองคน ลุงตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นอยู่ที่เต็นท์กันแล้ว”
“มารอดูพระอาทิตย์ขึ้นน่ะครับคุณลุง” ตฤณกรกล่าว
“ในที่สุดก็เจอตัวจริง ๆ เสียที เมื่อคืนยัยพลอยพูดถึงจนป้าอยากจะเจอตัวจริงให้ได้” หญิงวัยกลางคนในชุดเสื้อกันหนาวขนสัตว์ที่สวมแว่นตากันแดดสีชาเอ่ยขึ้น
“นี่แหละค่ะแม่ พี่ตังแล้วก็พี่จ้า” ผู้เป็นลูกสาวกล่าวเขิน ๆ
“แล้ววันนี้จะไปไหนต่อล่ะ” ชายวัยกลางคนกล่าวกับอาทิตย์ทัศน์ ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มก่อนจะปล่อยให้เจ้าของรถเป็นคนตอบ
“วันนี้จะไปนอนบ้านที่เชียงใหม่ครับคุณลุง เดี๋ยวคงจะขับกลับทางแม่สะเรียงแล้วก็แวะเที่ยวไปเรื่อย ๆ” ตฤณกรกล่าว
“แล้วคุณลุงล่ะครับ” อาทิตย์ทัศน์ถามบ้าง
“เมื่อวันก่อนลุงมาทางแม่สะเรียง วันนี้ก็เลยว่าจะขับไปปาย แล้วก็พักที่ปายสักคืน พรุ่งนี้ค่อยกลับไปอุทัย พอดีสองแม่ลูกเขาลาพักร้อนยาวกัน” จากนั้นสองสามีภรรยาก็ขอแยกตัวออกไปเดินเล่น โดยปล่อยลูกสาวเอาไว้กับสองหนุ่ม
“พี่ตังเป็นคนเชียงใหม่เหรอคะ”
“ครับ”
“แล้ว เอ่อ..แล้วพี่ตังมีแฟนหรือยังคะ” คำถามของพลอยชนกทำเอาอาทิตย์ที่ทำกำลังกดชัตเตอร์ถ่ายภาพอยู่ห่างไปไม่ไกลต้องชะงัก ชายหนุ่มค่อย ๆ ลดกล้องลงเพื่อหันมาฟังคำตอบของเจ้าของใบหน้าระบายยิ้มเหมือนกัน
ตฤณกรหันไปสบตาคนที่กำลังมองมาแว่บหนึ่งก่อนจะตอบคำถามของหญิงสาว “มีแล้วครับ”
“จริงเหรอคะ” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นไม่น้อยจนคนตัวสูงต้องพยักหน้าย้ำคำตอบที่เพิ่งพูดออกไปเมื่อสักครู่อีกครั้ง ในขณะที่อาทิตย์ทัศน์เองก็พยายามซ่อนรอยยิ้มบาง ๆ ของตัวเองโดยการหันกลับไปถ่ายรูปต่อ...
“ว้า!! แย่จัง อย่างนี้พลอยก็กินแห้วสิคะ อยากรู้จังว่าสเป๊กพี่ตังจะเป็นยังไง”
ตฤณกรนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ ยกมือขึ้นชี้ไปที่คนที่ยืนอยู่ด้านหลัง “แบบนั้นน่ะครับ”
พลอยชนกหันมองตามปลายนิ้วของชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้า เขาชี้ไปที่คนที่กำลังยืนหันหลังให้ สาวน้อยหันกลับมาอีกครั้งพร้อมแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เธอยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้ใครได้ยินเสียงกรีดร้องก่อนจะกระโดดไปมาเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งได้ของเล่นชิ้นใหม่
“พลอยคิดแล้วเชียวว่าพี่สองคนต้องไม่ใช่แค่เพื่อนกันธรรรมดา” หญิงสาวแก้มแดงกล่าว
“ทำไมล่ะครับ ดูไม่เหมือนเหรอ” ตฤณกรถาม
“อืม มันก็... จะว่าเหมือนเพื่อนกันมันก็เหมือนนะคะ พี่สองคนก็เหมือนเพื่อนผู้ชายที่ไปเที่ยวแบบลุย ๆ ด้วยกัน”
“สุดท้ายก็ไม่รอดสายตาคุณมัณฑนากรช่างสังเกต” ตฤณกรหัวเราะ
“พลอยจะถือว่านี่เป็นคำชมที่วิเศษมาก ๆ เลยนะคะ” เธอยิ้ม “พลอยละลุ้นจะแย่ คิดว่าจะไม่ใช่พี่จ้าแล้วเสียอีก พี่จ้าน่ารักนะคะพี่ตัง”
ตฤณกรพยักหน้าเขิน ๆ ก่อนจะตอบ “เรื่องนั้นน่ะ พี่รู้ตั้งแต่วันแรกที่เจอที่เจอเขาแล้วละครับ”
อาทิตย์ทัศน์ละสายตาจากทิวทัศน์ตรงหน้าก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือซึ่งบอกเวลาเกือบสิบโมงครึ่ง เขาหันไปมองสองหนุ่มสาวที่กำลังยืนคุยกันอย่างออกรสก่อนจะเดินไปสมทบ
“ถ้าอย่างนั้นพลอยขอตัวก่อนนะคะ หวังว่าคงมีโอกาสได้เจอกับพี่สองคนอีก” พลอยชกกล่าวเมื่ออาทิตย์ทัศน์เดินมาถึง
“อ้อ พลอยจะบอกว่า...เพื่อนกันน่ะเขาไม่มองกันด้วยสายตาแบบที่พี่ตังมองพี่จ้าหรอกนะคะ” หญิงสาวยิ้มหวานก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้ชายหนุ่มสองคนสบตากันเขิน ๆ
“ผมรู้สึกสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้” อาทิตย์ทัศน์พึมพำขณะมองตามหญิงสาวที่กำลังเดินจากไป....