ถ้าให้รักก็อย่าร้าย 7“มาเลยๆ พวกเราดาวเด่นน้องใหม่ไฟแรงมาเว้ย”
เสียงพี่ผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนเรียกเพื่อนๆให้ลุกจากเก้าอี้
ขึ้นมาตอนรับพวกผมที่เพิ่งเดินเรียงแถวกันมาถึงซุ้มครับ
ซุ้มนี้เป็นซุ้มของภาคเครื่องกลครับ
ใช่แล้วมันคือซุ้มของสุดที่รักของผมเอง แค่ผมรักพี่เขานะครับ
แต่พี่เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมรัก ฮ่าๆๆแบบว่าหมาเห่าเครื่องบินเลยผม
“ไหนวะ คนไหน”
เสียงผู้ชายดังขึ้นก่อนผมจะเห็นว่าเป็นพี่โฟมครับ พี่ว๊ากปี 3 คนหนึ่งนั่นเอง
ความเกรียน และความกวนตีนของพี่แกอย่าได้ให้ใครไปสะดุดต่อมอะไรแกนะครับ
แกจัดชุดใหญ่ให้ได้อายกันมานักแล้ว ไม่สนด้วยว่าจะเป็นหญิงหรือชาย
“นี่ไงน้องวีดาวเด่น น้องแบตสุดหล่อ แถมยังมีดาวคณะปีนี้น้องลูกแพรมากันครบเซ็ตนะจ๊ะ”
พี่ผู้หญิงผมยาวยังคงพูดต่อไปให้ผมได้เสียวสันหลังครับ
แค่ที่ผ่านมา สามสี่ซุ้มผมก็เลอะจนไม่เหลือสภาพ
แถมด้วยเสื้อผ้าที่เปียกเข้าไปจนถึงไข่ชั้นในนี่อีกครับ
ไม่รู้ไปตักน้ำจากคลองข้างๆคณะมาหรือป่าวผมเริ่มคันตามลำตัวแล้วสิครับ
“ว๊าวๆๆ กูจะจัดอะไรต้อนรับดีหน้า” พี่โฟมพูดพร้อมทำหน้าให้ผมขนลุกเลยครับ
“ไหนมีอะไรวะ” เสียงนิ่งๆดังขึ้นผมมองไปเป็นพี่คิมครับ
ตายแน่ผมแต่ละคนถ้าเคยลงเชียร์ก็จะรู้วีรกรรมที่ผมได้ก่อไว้ แน่นอน
แต่ผมมองหาแล้วไม่เห็นพี่ตินณ์ครับ
เห็นแต่รุ่นพี่ปีสี่ แล้วก็ปีสองบางคนที่เคยลงห้องเชียร์
“น้องวีครับ ได้ข่าวว่าออกไปเต้นบ่อยๆ
แบบนี้ก็คงชำนาญแล้วสิ ไหนลองเต้นให้พี่ดูซักเพลงสิครับ”
เอาแล้วไงพี่โฟมเปิดประเดินก่อนเพื่อนเลยครับ
“เอ่อ เพลงอะไรครับ” ผมถามพี่โฟมกลับเสียงไม่ดังเท่าไหร่
“เพลงอะไรดีวะ อยากดูน้องมันเต้นเพลงอะไร”
พี่โฟมหันไปถามเพื่อน และรุ่นพี่รุ่นน้องตัวเองในซุ้มครับ
“เพลงฮวก กล้วยแขก ไก่ย่าง ว่าว คัน”
เสียงบอกชื่อเพลงดังแข่งกันระงมเลยครับ
แต่ละเพลงไม่เห็นใจคนเต้นอย่างผมเลยครับแหม่
“งั้นเอาเพลงคัน เบาๆไปก่อนแล้วกัน เอากลองจัด”
สิ้นเสียงพี่โฟมเสียงกลองก็ดังให้จังหวะ คนในซุ้มก็เริ่มต้องครับ
“ คัน.................คัน คันตรงนี้ๆๆ พี่ช่วยหนูที หนูทนไม่ไหว
คันในร่มผ้า คันขา คันไหล่ (ซ้ำ)
คันเข้าไปข้าใน..........อู้ว.........ทั้งเสียว ทั้งคัน”
เสียงเพลงดังขึ้นเพลงที่ผมต้องเริ่มเต้น
บอกได้เลยครับวันนี้ผมเอวเคล็ดแน่นอนเพราะทุกเพลงแม่งเด้งจนกางเกงจะทะลุแล้วครับ
ผมเต้นเสร็จมีร้องซ้ำแปลว่าต้องเต้นต่อ ผมก็เต้น
“อ่าว ยืนดูเพื่อนเฉยๆได้ไง เอาเปรียบเพื่อนเหรอ ช่วยกันเต้นสิ
หลานรหัสพี่ของ 4 ชุดเลยนะ” สิ้นเสียงพี่คิมเท่านั้นครับ
เพื่อนๆก็มายืนเรียงแถวช่วยผมเต้นก่อนที่ลูกแพรจะโดนหนักกว่าเพื่อนเพราะเป็นหลานรหัสพี่คิม
“เอาหล่ะ เต้นกันพอหอมปากหอมคอ มาเข้าเกมส์ที่จะให้ทำในซุ้มนี้คือ เลี้ยงลูก”
พี่ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนอธิบายเกมส์ครับ เกมส์ก็ไม่ยากเท่าไหร่
คือให้เอาเชื่อกที่ผูกมะเขือยาวไว้แล้วมาผูกที่เอวของเราให้มันห้อยลงข้างล่างในระดับเข่า
ก่อนที่จะเอาไปเขี่ยลูกมะนาวที่พื้นให้เข้าเส้นชัย เป็นการเลี้ยงลูกมานาวให้เข้าเส้น
ความสนุกของเกมส์นี้เหรอครับ คนเล่นไม่สนุกหรอกครับ
ก็เพราะว่าผมต้องย่อตัวลงไปให้มะเขือของตัวเองตีให้โดนมะนาวลูกเล็กๆ
ย่อแล้วย่ออีก มือสองข้างก็ต้องไขว้หลังไว้ห้ามเอามาช่วย สุดท้ายก็ต้องเด้งเอวช่วยอยู่ดี
คนที่เชียร์นี่ก็ขำกันขี้แตกขี้แตนสิครับก็ท่าแต่ละคร ทุเรศได้อีก
เวลาแข่งๆที่ละ 4 คนครับชาย 2 หญิง 2 ใครเข้าคนแรกก็รอด
คนที่สองเต้นหนึ่งเพลง คนที่สามเต้นสองเพลง
คนสุดท้ายโดนเต้น 3 เพลงรวดครับ บอกเลยโครตซวย
และไอ้คนนั้นก็ไม่พ้นผมสิครับ ความซวยผมตกอยู่ที่ผมเสมอ
“วีมานี่ก่อน” พอผมทำกิจกรรมที่ซุ้มเครื่องกลเสร็จกำลังจะออกจากซุ้มนี้
อยู่ๆก็ได้ยินเสียงให้เดินไปหา พอมองไปเป็นพี่ตินณ์ ยืนอยู่กับเพื่อนครับ
ชื่อพี่อาร์มกับพี่นัท ผมก็ยิ้มให้ก่อนเดินเข้าไปหา
“ครับพี่ตินณ์ มีอะไรเหรอ” ผมถามยิ้มๆ
“ไม่มีอะไร พอดีเห็นหน้าลบแล้ว เลยอยากเติมให้”
“เติมอะไรครับ” ผมถามพี่ตินณ์งงๆ
ก่อนสายตาจะมองตามแกไปเห็นสิ่งที่อยู่ในมือพี่นัทครับ
มันเป็นแป้งผสมสีดำ ผมเลื่อนสายตาขึ้นมองหน้าพี่นัท
เท่านั้นแหละครับ เคยเห็นผู้ร้ายในคราบนักบุญไหมครับ
หน้าพี่นัทฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มสดใสและจริงใจส่งให้สุดๆ
ก่อนที่มือแกจะจ้วงลงไปในขันที่ผสมแป้งแล้วยกขึ้นมาละเล้งหน้าผม
พี่ตินณ์ก็เอากับเขาด้วยครับ
“มึงว่าหล่อยังวะ”พี่นัทหันไปถามพี่อาร์มครับ
“กูว่ายังน้อยไปหว่ะ” พี่อาร์มตอบหน้านิ่งๆ
“งั้นกูเติมเอง” พี่ตินณ์คว้าขันที่ผสมแป้งมาถือแล้วละเลงหน้าผม
จนไม่เหลือพื้นที่ให้ชั้นหนังกำพร้าได้หายใจเลยครับ
ตอนนี้คือเหลือแต่ตาที่เป็นสีขาว
คือถ้าเป็นซุ้มอื่นแป้งจะเป็นสีขาวหรือสีสดใส แต่ซุ้มนี้สีดำเป็นขี้ควายเลยครับ
ผมว่าถ้าล้างออกนี่หน้าผมคงใสกิ๊กเหมือนทำสปาพอกโคลนแน่ๆ
“เสร็จแล้ว อ่ะแถมให้โชคดีไอ้น้อง”
พี่ตินณ์ว่าก่อนยิ้มให้ผมแล้วดึงที่คาดผมที่อยู่บนหัวแกมาใส่ให้ผมครับ
แล้วแกก็เดินไปล้างมือผมได้แต่มองอึ้งๆว่าที่อยู่บนหัวตัวเองเป็นของพี่ตินณ์ๆ
ผมพี่แกยาวมาปิดตาแกเลยมีที่คาดผมสีดำอันเล็กๆอยู่บนหัว
แต่ตอนนี้มันมาอยู่ที่ผมแล้วครับ ผมก็ได้แต่เดินยิ้มไปตลอดทาง
“เฮ้ย! ไอ้วีหน้ามึงไปทำอะไรมา”
เสียงไอ้แบตทักผมเมื่อผมเดินตามมาจนทันกลุ่มของตัวเองที่ออกเดินมาก่อน
“พอกหน้าเพื่อหน้าที่ขาวใส ดั่งตูดเด็ก” ผมตอบไอ้แบตครับ
“ไอ้เชี้ยวี มึงอย่ากวนตีนเอาเรื่องจริงดิ เมื่อกี้ยังไม่มีเลย”
“หึหึ พี่ตินณ์แม่งละเลงหน้ากูดิ บอกมันจางเลยเติมให้ มึงเอาไหมพี่เขาเติมฟรีไม่คิดเงิน”
ผมถามไอ้แบตอย่างเผื่อแผ่ครับ อยากให้ได้เหมือนๆกันจะได้ไม่มาอิจฉาภายหลัง
“ไม่ต้องกูพอใจในสิ่งที่มี” ไอ้แบตว่าพร้อมรีบสั่นหัวเลยครับ
“ดูท่าพี่เขาเอ็นดูมึงมากเนอะให้มาซะเยอะเลย แทบไม่มีรูจมูกให้หายใจ”
“เออดิ รักมากแบบนี้กูก็มีสิทธิ์ใช่ป่ะ” ผมถามไอ้แบตพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้าเลยครับ
“เออมี แต่มีสิทธิ์อกหักน่ะมึงเข้าใจไหม เต็มหน้าขนาดนี้
ถ้าเข้ารักเขาไม่ทำมึงหรอก ฟาย!! ใช้สมองคิดบ้างอย่างใช้แต่ขี้เลื่อยอย่างเดียว”
นอกจากมันจะทำลายความหวังแล้วมันยังด่าผมด้วยครับ เลวไหมเพื่อนแบบนี้
แต่จะเลิกคบก็ไม่ทันแล้วครับ ก็ผมดันโง่เป็นเพื่อนมันไปแล้ว
“เออกูโง่ ถ้าไม่โง่คงไม่เป็นเพื่อนมึงหรอก”
ผมว่าก่อนเดินหนีมันเลยครับ มันก็ด่าตามหลังมาแต่ผมไม่สนใจซะอย่าง
“ว๊าย!!”
“อะไรแพร อย่าบอกนะว่าตกใจหน้าหล่อๆของวี”
ผมถามลูกแพรที่หันมาเห็นผมเดินอยู่ข้างหลังแล้วตกใจร้อง
ก่อนเพื่อนคนอื่นจะหันมาดูเป็นตาเดียว ผมไม่ใช่ของแปลกนะครับ
จะมองกันทำไมนักหนาวะ หรือว่าผมหล่อ
แอบเขินเหมือนกัน ถ้าหน้าแดงคงไม่มีใครรู้นะ
“ไม่ตกใจเลยจ๊ะ ไม่ตกใจ” แพรโกหกได้ไม่เนียนมากๆครับ
“หน้าวีมันหน้าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมถามพร้อมทำเสียงเศร้าเลยครับ
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่มันหน้าตกใจมากอ่ะ
ถ้ามืดแล้วอย่าไปทำแบบนี้ที่ไหนนะเขาจะนึกว่าผี”
ลูกแพรว่ายิ้มๆก่อนหันไปหัวเราะกับเพื่อนผู้หญิงที่เดินด้วยกันครับ
ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่โกรธเพราะคนที่ทาให้เป็นพี่ตินณ์
ก็แบบนี้แหละครับยามรักน้ำต้มผักยังว่าหวาน ให้ทานขี้ก็ยังยิ้ม หึหึ
“เราเหลือด่านเดียวแล้วใช่ป่ะ”ผมถามลูกแพรครับ
“ใช่เหลือแค่ภาคไฟฐานเดียวก็จะได้กลับแล้ว”
ลูกแพรหันมาตอบผมพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้าเลยครับ
แต่ก็ดีเหลือแค่ที่เดียวผมจะได้รีบกลับไปทำงานห้องไอ้พี่ชินแล้วกลับห้องตัวเองไม่ต้องค้าง
“ฮิ้ว เอาต้องรับน้องๆกันหน่อย” เสียงเป่าปาก เสียงแซว
เสียงโห่ร้องแสดงการต้อนรับเหยื่ออย่างพวกผมดังมาแต่ไกลเลยครับ
“แล้วตั้งแถวหน้ากระดานเลยค่ะ”
พี่คนหนึ่งในซุ้มออกมาต้อนรับพวกผมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอาบยาพิษครับ
“ซุ้มนี้เป็นซุ้มภาคไฟฟ้านะคะ พี่ทุกคนยินดีตอนรับน้องเข้าสู่รั่วมหาวิทยาลัยแห่งนี้
ยังไงขอให้น้องคนแรกแนะนำตัวเองหน่อยค่ะ ขอท่าพรีเซนต์ชื่อด้วย แล้วไล่มาเรื่อยๆ”
พี่แกทักทายเสร็จสั่งแนะนำตัวเลยครับพวกผมก็เริ่มแนะนำ
อันนี้ไม่ยากเท่าไหร่เพราะทุกๆซุ้มก็จะสั่งเหมือนกัน
“ หลังจากแนะนำตัวเองแล้วพี่ก็จะอธิบายเกมส์ของซุ้มนี้ให้ฟังนะค่ะ
เกมส์จะแบ่งเป็น 3 เกมส์ย่อยที่ต้องทำให้ผ่านทุกเกมส์ ถึงจะได้ลายเซ็นของซุ้มนี้
เริ่มจากเกมส์แรกคือให้น้องๆทุกคนขึ้นไปยืนบนหนังสือพิมพ์แผ่นนี้ให้ได้ทั้งหมด”
สิ้นเสียงพี่แก พวกผมก็เริ่มหันหน้ามามองกันเลยครับ
หนังสือพิมพี่ถูกตัดจนเหลือประมาณกระดาษ A4 สองแผ่นต่อกัน
แล้วให้คนเป็นสิบขึ้นไปยืนให้หมดเนี๊ยะนะ บ้าไปแล้ว
“แผ่นนี้จริงเหรอครับ” ผมถามเพื่อความแน่ใจ
“จริงค่ะ เมื่อยืนได้แล้วพี่จะจำเวลา 2 นาที ถ้าไม่ล้มถือว่าผ่านค่ะ”
พี่แกตอบเสร็จแล้วมียิ้มเยอะสะใจด้วยครับ
การได้แกล้งเด็กปีหนึ่งมันคงสนุกมาใช่ไหม
ผมจะทำความรู้สึกนี้ไว้แล้วน้องรุ่นต่อไปเตรียมตัวได้เลย หึหึ
พวกผมก็เริ่มปรึกษากันว่าจะทำยังไง
จะได้ข้อสรุปว่าให้ผู้ชายยืนเป็นฐานแล้วเอามือประสานกันให้ผู้หญิงขึ้นไปยืนอีกที
แล้วคนที่เหลือก็พยายามเกาะหลังไว้ แค่นึกภาพตามผมก็จะแย่แล้วครับ
เมื่อพร้อมก็บอกพี่แก พี่แกก็ให้ขึ้นไปยืนแล้วเริ่มจับเวลาครับ
บอกได้เลยว่าผมอยู่ข้างล่างโครตหนักทั้งหลังทั้งมือ
เกร็งจนหน้าเขียวแม่งก็ไม่สองนาทีซะที
เวลาเหมือนเดินช้า หนึ่งนาทีเหมือนหนึ่งชาติเลยครับ
พอพี่แกบอกผ่านเท่านั้นครับ
ก้อนที่เกาะกันอยู่อย่างเหนียวแน่นก็พังทลายแยกตัวออกจากกัน
เหมือนแมลงวันตอมขี้ที่ใครเอาไม้ไปแย่แล้วฝูงแมลงวันแตกเลยครับ
“เกมส์แรกผ่านไปด้วยความสามัคคีกันมากค่ะน้องๆ
เกมส์ต่อไปจะเป็นรุ่นพี่ปี 3 มาอธิบายให้ฟังนะคะ” พอแกพูดจบเท่านั้นครับ
พี่ผู้ชายหน้าเข้มคนหนึ่งก็ลุกขึ้นจากโต๊ะที่ผมเห็นไอ้พี่ชินกับพี่โยนั่งอยู่ด้วย
“เกมส์ที่สองนี้ง่ายๆครับ อาศัยความสามัคคีเช่นเดิม กลุ่มนี้มี 10 คนพอดี
เอาเป็นว่าพี่จะให้แบ่งเป็น 2 แถวๆละเท่าๆกัน
โดยจะเป็นการส่งต่อคำคนหน้าสุดจะรับคำจากรุ่นพี่แล้วแสดงท่าทางให้เพื่อนคนแรกดู
แล้วเพื่อนคนแรกส่งต่อให้เพื่อนคนถัดไปจนถึงคนสุดท้ายเป็นคนตอบ
ตอบผิดโดนลงโทษ ตอบช้ากว่าอีกทีมโดนลงโทษเช่นกัน
เราจะนับไว้ก่อนว่าผิดกี่ครั้ง แพ้กี่ครั้งแล้วนับเป็นรอบให้เต้นนะครับ เข้าใจไหมครับ”
พี่แกอธิบายยาวเลยครับ จริงๆมันคือเกมส์ใบ้คำนั้นแหละครับ
“เข้าใจค่ะ /เข้าใจครับ” เสียงพวกผมตอบรับออกมาพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง
“งั้นแบ่งเลยครับ” ผมอยู่กลุ่มเดียวกับไอ้แบตแล้วก็ลูกแพรครับ
ไอ้แบตเป็นคนใบ้คนแรก ผมเป็นคนรับคำ
ไอ้แบตทำท่าเหมือนนกแล้วก็เอามือต่อกันเป็นสามเหลี่ยมก่อนท่ากากบาท
แล้วอะไรซักอย่างกลมๆแล้วทำท่าลาดตัว
ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจครับ แต่มันคงเห็นสายตาผม
มันเลยชี้ไปที่เป้ากางเกงตัวเองแล้วทำท่าโบกมือ เท่านั้นผมรู้เลยครับ
ผมหันหลังกลับมาส่งท่า นกเขาไม่ขันให้แพรต่อ แพรก็เหมือนงงแล้วส่งต่อ
จนถึงคนสุดท้าย แม่งตอบนกกระจอกไม่กินน้ำครับผมโครตฮา
ความหมายใกล้เคียงนะแต่พี่หน้าหนวดแม่งโหดไม่ยอมให้ครับ
สรุปแล้วผิดทั้งสองแถว
ต่อมาผมเป็นคนใบ้ แพรเป็นคนรับไอ้แบตไปต่อท้ายเป็นคนทายครับ
แล้วคำที่ผมได้คือ ผีหิ้วหัว ผมก็จัดการดึงหัวตัวเอง
โดยจับผมกำเต็มมือแล้วทำท่าดึงแล้วชี้ที่หน้าตัวเองที่กำลังดำได้ที่
ก่อนทำท่าเดินหิ้วของไปหา แพรยิ้มเลยครับคำนี้ไม่ยากเท่าไหร่
แพรก็หันไปใบ้โดยชี้มาที่หน้าผม ที่นี้ทุกคนก็ชี้ตามสุดท้ายไอ้แบตทายถูกครับ
ผมควรดีใจไหมว่าตัวเองหน้าเหมือนผีเนี๊ยะชักเริ่มสงสัย
ต่อไปเป็นแพรใบ้บางครับผมเป็นคนตอบแล้วผมก็ตอบผิด
จากนั้นก็ผิดบ้างช้าบ้างสลับกันไป สุดท้ายนับแล้วผมต้องเต้น 4 เพลงครับ
เริ่มจากเพลงตุ่ม เมื่อกลองพร้อมเพลงพร้อมพวกผมก็เริ่มเต้นทันที
ตุ่มใส่น้ำ......ใส่น้ำให้เต็มตุ่ม (2 รอบ) แล้วเราจะชื้นใจ ๆ
ตุ่มตะลุ่มตุ่มโป๊ะ โป๊ะปะโล๊ะโป๊ะตุ่ม วี๊ดตุ่มว๊ายตุ่มๆ
เด้งซ้าย เด้งขวา เด้งหน้า เด้งหลัง เด้งพร้อมๆกัน เด้งๆๆๆๆ เด้งๆๆๆๆ
พอเพลงตุ่มจบกลองขึ้นเพลงใหม่ต่อเลยครับ ผมก็ต้องรีบปรับท่าตามเพลงแทบไม่ทัน
เพลงต่อไปแกจัดเพลงอารมณ์เสียวให้ครับ ไม่รู้เป็นไงผ่านซุ้มไหมจัดเพลงนี้ตลอด
อารมณ์เสียว ๆ ๆ อารมณ์เสียว ๆ ๆ สุดสยิว มันสุดสยิว ผู้ชายอะไร
นั่งรถมาตั้งไกล หัวใจมันเริ่มเปลี่ยว เห็นเธอมาคนเดียว ฉันนึกเสียวสุดไส้
อยากเดินเข้าไปทัก เธอรักฉันบ้างไหม เธอตอบมาทันใด
ฉันนี่ไง ลูกผู้ชายตัวจริง กระทิงแดง อู้ว...........เสียว
อารมณ์เสียว ๆ ๆ อารมณ์เสียว ๆ ๆ สุดสยิว มันสุดสยิว ผู้ชายอะไร โอ้วๆ
แสน..ปวดแขน อยากมีแฟนจนตัวสั่นๆ จะทำยังไงดีๆ ช่วยบอกฉันทีๆ ตรงไหนๆ ตรงนี้ๆ
แสน..ปวดขา อยากเตะหมาตัวสั่นๆ จะทำยังไงดีๆ ช่วยบอกฉันทีๆ ตัวไหนๆ ตัวนี้ๆ
แสน..ปวดหัว อยากมีผัวจนตัวสั่นๆ จะทำยังไงดีๆ ช่วยบอกฉันทีๆ คนไหนๆ คนนี้ๆ
ฉันเสียวตรงนี้ ตรงนั้น(ซ้ำ) ฉันเสียวตรงนั้น ฉันเสียวตรงนี้
พวกเธอมาทำอะไรกัน (ซ้ำ) หรือจะมาทำให้ฉันนั้นเสียว
(เสียวๆๆ) ๆโคตรเสียว โคตรเสียว
เพลงอารมณ์เสียวจบต่อด้วยเพลง แสน และก็เพลงเสียวครับ
คืออยากจะบอกพวกพี่ๆว่าผมเต้นจนเสียวสันหลังไปหมดแล้วครับ
ปั้นเด้าเคล็ดกันเลยทีเดียวรัวขนาดนี้
คือแต่ละเพลงก็เหมาะกับความหื่นของภาคนี้ดีครับผมไม่แปลกใจเลย
จริงๆมันมีเพลงธรรมดาเบาๆอีกเยอะแต่พี่แกคัดแต่ละเพลงมาให้พวกผมนี่เด็ดๆทั้งนั้นครับ
แล้วอีกทีมก็โดนเหมือนกันครับ อีกทีมเจอไป 5 เพลง มีเพลง
อารมณ์เสียวเหมือนกัน แล้วก็ว่าว กล้วยแขก นมไฮโซ มะหมี่ขูดมะพร้าวครับ
“เกมส์ที่สองเสร็จแล้วต่อไปจะเป็นเกมส์ของพี่ปี 4 เป็นเกมส์สุดท้ายนะคะ”
พี่ผู้หญิงคนเดิมออกมาบอกก่อนจะเปลี่ยนให้พี่ผู้หญิงสวยๆที่ดูจะเป็นพี่ปี 4 ลุกขึ้นจากโต๊ะครับ
“สวัสดีน้องๆทุกคนนะคะ เกมส์นี้อาศัยความเชื่อใจเท่านั้นค่ะ
โดยพี่จะแจกผ้าสีดำให้น้องคนละผืน
โดยจะมีรุ่นพี่ไปปิดให้แล้วจากนั้นน้องก็จะถูกพาไปยังเขาวงกต
โดยให้จับเพื่อนด้านหน้าตัวเองไว้เขาพาไปไหนก็ต้องไปเพราะเขาเป็นหัวหน้าทีม
ถ้าน้องสามารถออกจากเขาวงกตภายในเวลาที่กำหนดได้ถือว่าผ่านค่ะ
ถ้าไม่ผ่านก็เต้นเหมือนเดิมเพื่อเป็นการคลายเครียดให้พวกพี่นะจ๊ะ”
พี่แกพูดเสร็จส่งยิ้มหวานมาให้ผมด้วยครับ
แล้วผมก็เห็นพี่โย พี่ชินเดินถือผ้าสีดำในมือตรงมาที่พวกมผมครับ
“ไอ้วีมึงเป็นคนนำ” เสียงไอ้แบตที่อยู่ใกล้ๆกระซิบครับ
“ทำไมต้องเป็นกูวะ” ผมถามกลับทันที
“ก็ไม่มีคนนำแล้วมึงยืนคนแรก มึงนำ”
พอมันพูดจบผมก็มองไปข้างหน้าจะเห็นเป็นสถานที่ที่ถูกกั้นด้วยผ้าสีดำทั้งหมด
เป็นสีเหลี่ยมกว้างพอสมควร ตอนแรกผมก็สงสัยว่าเอาไว้ทำอะไรตอนนี้ไม่สงสัยแล้วครับ
“กูปิดให้” ผมแบมือไปขอผ้าแต่พี่ชินบอกจะปิดให้เองเลยครับ
“แน่นไป” ผมบอกเมื่อรู้สึกว่าผ้ามันรัดแน่นมากไป
“พอยัง”
“ครับ” พี่ชินถามพร้อมคลายผ้าออกนิดนึง
“หึหึ ใครทาหน้าให้วะ ดูดีกว่าปกติเยอะเลย
ยิ่งปิดตาแม่งไม่เหลือความเป็นคนเลยซักนิด”
พี่ชินผูกตาให้ผมเสร็จก็เดินไปผูกคนอื่นต่อครับ
“ใครนำทางยกมือขึ้น” เสียงพี่ปี 4 คนเดิมถามผมก็ต้องยกมือสิครับ
“โยพาน้องเข้าไปได้เลย” ผมได้ยินเสียงพี่แกสั่งพี่โยครับ
แล้วก็รู้สึกเหมือนมีคนมาจับแขนผม
“เดินตามพี่นะวี” เสียงพี่โยครับผมจำได้
“ครับ” ผมตอบรับพร้อมเดินตามแรงจูงของแกไปเรื่อยๆ
“ตอนนี้เข้ามาแล้วนะ พี่จะปล่อยแล้วดูแลตัวเองนะ”
พี่โยพาผมมาหยุดแล้วก็ปล่อยแขนผมเลยครับ มืดขนาดนี้จะไปต่อได้ไงวะ
“ครับ” แล้วผมก็ตอบรับแกไปอย่างนั้นก่อนที่จะเริ่มเอามือคลำทาง
เหมือนคนตาบอดว่ามีอะไรอยู่ข้างหน้าหรือป่าว เสื้อก็ถูกไอ้แบตดึงจากด้วยหลังครับ
ผมเริ่มเดินไปเรื่อยๆ จนเริ่มเหยียบอะไรซักอย่างมันนุ่มๆ บอกไม่ได้ครับว่าเป็นอะไร
“หมอบกิ่งไม้” อยู่ๆก็มีเสียงหนึ่งบอกให้ผมหมอบ ผมก็รีบหมอบเลยครับ
“กิ่งไม่ระวัง” ผมบอกคนถัดไปแล้วก็บอกกันเป็นทอดๆ
ไม่รู้ว่ามีจริงหรือป่าวแต่หมอบไว้ก่อนดีที่สุด
แล้วผมก็เดินไปจนรู้สึกว่าเหยียบพวกใบไม้แห้งหรือไปมะพร้าว
เพราะมันรู้สึกสากๆเท้า มือผมก็คลำทางจนไปเจอข้างฝา
ผมก็บอกคนข้างหลังว่าข้างฝาให้จับไปเลื่อยๆ
“กรี๊ดดดดด.......” อยู่ๆผู้หญิงข้างหลังผมก็ร้องขึ้นมาเสียงดังเลยครับ
“เป็นอะไร” ผมตะโกนถาม
“อะไรไม่รู้วิ่งชนขาเรา” เสียงตอบกลับมาครับ
“ไม่มีอะไรเกาะไว้แน่นๆ” ผมบอกกลับก่อนเริ่มเดินต่อ
“ไอ้วีมึงว่าใกล้ถึงยัง” ไอ้แบตถามผมครับ
“คงใกล้แล้วหว่ะเดินมานานแล้ว ตอนกูดูข้างนอกมันไม่ไกลเท่าไหร่นะ” ผมตอบมันกลับ
“เออ หวังว่ามึงคงไม่พาหลงนะ” ไอ้แบตแม่งดูถูก
“ไม่เว้ยคนอย่างกูไม่มีหลง” ผมโม้เลยครับ
“หึหึ” เสียงไอ้แบตหัวเราะใส่ผมสองหึครับ
กวนได้อีกผมก็เลิกสนใจมันแล้วเดินต่อไปเรื่อยๆ
แล้วอยู่ๆมือผมก็เหมือนคลำไปเจอตัวอะไรซักอย่างมันเกาะอยู่กำแพงครับ
ผมคลำดูว่ามันคืออะไรให้แน่ใจ
แล้วไอ้ตัวนิ่มๆหางยาวผิวขรุขระหน่อยๆมันดิ้นครับ ชัดเลย
“อ๊ากกกกกกกกกก................”
ผมร้องเสียงดังก่อนก้าวสะดุดอะไรซักอย่างล้มครับ
ไอ้แบตที่จับผมอยู่ก็ล้มตามกัน ทันทีที่รู้สึกว่าตัวเองล้ม
ผมไม่เจ็บเท่าไหร่แต่มีมือใครมารับผมไว้
แล้วปากผมก็ไปสัมผัสกับอะไรซักอย่างที่นุ่มๆอุ่นๆไม่นานผมก็โดนผลักออก
ผมกำลังงงว่าตัวเองล้มใส่ใครก็ผมยืนหน้าสุดแล้วไอ้แบตก็อย่างข้างหลัง
แล้วความรู้สึกเมื่อซักครู่คืออะไร อาการใจเต้นแรงนี่มาจากไหน
“ไอ้วีมึงเป็นอะไร โอเคไหม” เสียงไอ้แบตถามผมดังมาจากข้างหลังครับ
“ไม่เป็นไร” ผมตอบมันแบบยังเบลอๆครับ
“แล้วมึงร้องทำไม”
“กูว่ากูจับโดนตุ๊กแกหว่ะ” ผมบอกมันเสียงสั่นเลยครับเมื่อนึกได้ว่าตัวเองจับโดนอะไรเข้า
“ไอ้เชี้ย ร้องซะตกใจแถมพาล้มทั้งขบวนเลยนะมึง” เสียงมันว่าผมครับ
“กูขอโทษ อ่ะจับใหม่ๆ” ผมบอกมันพร้อมควานมือไปเจอมือมัน
แล้วดึงมาจับชายเสื้อด้านหลังผมอีกครั้งครับ
“เออนำดีๆหล่ะ” จากนั้นผมก็บอกให้สำรวจว่าพร้อมไหมจะเดินกันต่อ
ทุกคนตอบว่าพร้อมเลยเริ่มเดินอีกครั้งครับ เดินไปก็มีเสียงบอกให้หมอบ
ให้คลานเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปเรื่อยครับจนสุดท้ายผมก็ออกมาได้สำเร็จ
เสียงที่ผมได้ยินก็จะเป็นเสียงที่เปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ
ผมเลยไม่รู้ว่าเป็นเสียงใครบ้างครับ
พอออกมาได้ปรากฎว่าเลยเวลาโดนทำโทษให้เต้นไปตามระเบียบ
ก่อนจะได้ลายเซ็นภาคไฟฟ้ามาครองสมใจ
ตอนโดนทำโทษให้เต้นผมรู้สึกว่าพี่ที่ซุ้มมองผมแปลกๆ
บางคนก็เหมือนกั้นยิ้ม ผมว่าต้องมีคนเห็นแน่ๆ
ว่าผมล้มทับใครแต่ผมก็ไม่กล้าถามเพราะอายครับ
ผมรู้สึกว่าคนที่ผมล้มทับหน้าจะเป็นผู้ชาย
เพราะแรงตอนที่ผลักผมออกมาแรงมาก
ผู้หญิงคงไม่มีแรงเยอะเท่านี้
แถมหน้าอกก็แบนราบแข็งโป๊กเป็นไม่กระดานเลยครับ
ไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งใดๆ
และที่ผมอยากรู้คือเหมือนปากผมไปชนกับปากใครนี่สิครับ
มองพี่ชินกับพี่โยก็ทำเหมือนปกติไม่มีพิรุธซักคน
แล้วหมาตัวไหนเอาจูบแรกผมไปว่ะ แม่งอยากรู้แต่ไม่กล้าถามครับ
“จากที่ดูสมุดกิจกรรมน้องๆทำกิจกรรมครบแล้ว
ก็ขอให้เดินทางกลับบ้านปลอดภัย อาบน้ำนอนให้สบาย
ใครที่โดนเมล็ดแมงลักไปเต็มหัวก็ไปสระผมเอานะคะ
อย่าแกะเพราะมันจะยิ่งพันกัน แล้วเจอกันวันจันทร์หน้าค่ะ”
พี่ผู้หญิงที่เดินมาตอนรับคนแรกเป็นคนมาพูดส่งท้าย
ก่อนพวกผมจะเดินแยกย้ายกันครับ
แต่ก่อนไปขอดูหน่อยเถอะว่ามันมีอะไรบ้างในเขาวงกตนั่นถึงให้หมอบให้คลานกันนัก
ผมเดินไปแอบดูตรงทางที่เดินออกมาครับปรากฏว่าไม่มีห่าอะไรเลย
นอกจากทางโล่งๆและใบมะพร้าวแห้งไม่เยอะ ดินเหลวที่เอามากองไว้
บอกไส้เลยว่าโครตเจ็บใจครับ ตอนพวกผมทั้งหมอบทั้งคลาน
คลำสะเบะสะบะไปทั่วรุ่นพี่คงขำกันน่าดูเลยสินะ
บทเรียนครั้งนี้ผมจะจำไว้ไม่มีทางลืมครับ
“วีเดี๋ยวแพรไปส่ง” เสียงลูกแพรเรียกผมที่กำลังเดินออกห่างไอ้เขาวงกตเชี้ยนั่นเรื่อยๆ
“แพรเอารถมาเหรอ” ผมถามกลับ
"ช่ายวันนี้แพรขับมาเอง"
“แต่รถแพรจะเลอะน่ะสิ” ผมถามอย่างเกรงใจครับ
เพราะตอนนี้ตัวผมเต็มไปด้วยเชือกฟางที่มัดผม
ที่คาดผม เมล็ดแมงลักบนหัว ชุดที่เปื้อนแป้งสีต่างๆมากมาย
ฝุ่น และโคลนเต็มตัวไปหมดเลยครับ
“ไม่เป็นไรยังไงก็ต้องล้าง ไปแบตขึ้นรถ เดินไปอายเขาเปล่าๆ”
แพรบอกก่อนเรียกไอ้แบตขึ้นรถครับ ผมก็เลยขึ้นไปด้วย
สุดท้ายแพรก็มาส่งผมกับไอ้แบตที่หอ จากนั้นก็ขับออกไป
ผมรีบขึ้นมาอาบน้ำและนอนสลบไปเลยครับ
ความเหนื่อยทำให้ผมลืมกระทั้งเวรทำความสะอาดห้องพี่ชินวันนี้
--- โปรดติดตามตอนต่อไป--- ขอบคุณค่ะที่ติดตามเสมอ กดเป็ดก๊าบๆบวกคืนเรียบร้อยจ้า
เจอกันตอนหน้าค่ะ รักคนอ่านเหมือนเดิมค่ะ ม๊วฟ