รุ่นพี่ผม...มัน 'เลว'
34
...
‘ถ้าพระเจ้าจะทดสอบอะไรคุณ..พระองค์จะเลือกทดสอบในช่วงเวลาที่คุณอ่อนแอที่สุด’
Cr.Zitraphat. .
.
.
..
.. “เพราะอย่างนี้ไง ผมถึงได้เกลียดพระเจ้า!!”
.
.
.
สรุปอาการคือช็อกจากพิษไข้เลือดออก แถมยังอาละวาดเพ้อเพราะพิษไข้เลยวุ่นวายกันทั้งหมอและพยาบาล ซ้ำยังไปลากเอาไอ้คนที่ด้วงกว่างไม่คิดว่าจะพาลพามาลำบากไปด้วยอย่างพ่อกำนันมานั่งเฝ้านอนเฝ้า ฝืนสังขารผู้หลักผู้ใหญ่ที่ห่วงหลานชายแบบออกอาการอย่างเห็นได้ชัด
แต่กระนั้นไอ้การที่ด้วงนอนอยู่โรงพยาบาลเสียเกือบอาทิตย์ มันเลยใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย..อย่างน้อยมันก็ยังถือว่าได้พักทั้งสมองและร่างกาย ให้ฮึดขึ้นมาใหม่เพื่อกลับไปสู้กับไอ้ผู้จัดการที่อยู่แก่งเพกา
เมื่อหมอท่านอนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ก็ใช่ว่าพ่อกำนันจะยอมให้กลับไปเพียงลำพัง เมื่อแกเอ่ยปากออกมาเองว่า ระหว่างที่อาการยังไม่ดีจะมีใครมาว่างดูด้วง ไหนจะหยูกยาที่เป็นภาษาไทย เมื่อไอ้ยะข่ากับจ๊ะปอเองก็อ่านไม่ออกทั้งคู่ หมดหนทางปฏิเสธ เมื่อพ่อกำนันยื่นคำขาดมากอย่างนั้น ด้วงเลยจำใจต้องกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านปู่อย่างพ่อกำนัน พร้อมๆ กับรอระยะเวลาพักฟื้นจนกว่ายาของหมอจะหมด
ด้วงกว่างเลยบ่อยให้มันเลยตามเลย แม้จะคาดเดาได้เลยว่า การที่ไม่ยอมกลับไปที่แก่งเพกา
..มันจะยิ่งสร้างปัญหาก็เหอะ!!
**
ปัญหาแรกที่มาเยือนคือเรื่องพวกแหม่มสาวๆ ที่เห็นว่าไกด์คนสนิทหายไป แม้จะมีผู้จัดการมาถอดเสื้อโชว์ซิคแพคกับผิวสีแทนเรียกทุกสายตาให้หันมามอง แล้วไหนจะไอ้รอยยิ้มกระชากใจ ที่ยิ้มแจกให้ได้กับทุกสายตามันทำให้แหม่มจ๋าบางคนถึงกับคุมตัวเองไม่อยู่ แต่ก็นั่นล่ะมันแค่ช่วงระยะเวลาประเดี๋ยวประด๋าว เพราะไอ้ที่พวกแหม่มสาวๆ ต้องการจริงๆ คือไกด์นำตกปลาไม่ใช่อาหารตาไร้เซ้นส์อย่างคุณผู้จัดการ ปัญหาที่สองคือเรื่องที่พัก เมื่อตอนนี้ห้องพักมันเต็มเพราะกรุ๊ปทัวร์ของสาวๆ ชาวรัสเซียน ที่ TJ. เหมือนจะเกณฑ์มาปล่อยแก่ง ที่พักที่เหลือเลยเหลือแค่ห้องผู้จัดการที่แชร์กันกับไกด์ และห้องไอ้ย่ะข่ากับจ๊ะปอ ในตอนแรกผู้จัดการกับจ๊ะปอคุยกันแล้วว่า ไกด์ป่วยอยู่เลยจะให้ผู้จัดการได้นอนพักคนเดียวอย่างสบายใจ แต่มาๆ ไปๆ ผู้จัดการกลับต้องขอย้ายไปนอนกับจ๊ะปอและไอ้ยะข่า เพราะมีแหม่มจ๋าบางคนใจกล้าถึงขนาดมาเคาะห้องผู้จัดการ
แล้วปัญหาที่สามก็เกิดขึ้นมา ..
เมื่อเกือบสามอาทิตย์กว่าๆ เข้าไปแล้วที่ด้วงกว่างไม่กลับมาแล้วไอ้อาการเหม่อของผู้จัดการมันค่อนข้างจะน่ากังวล
“จะขึ้นไปเยี่ยมไกด์ที่ฝั่งไหมล่ะผู้จัดการ?”
จ๊ะปอแกเอ่ยปากดักคอ ไอ้คนที่หอบเอาหมอนข้างกับผ้าห่มมายืนเคาะประตูหน้าห้องแล้วถอนหายใจ แต่ไม่มีคำตอบกลับ มานอกจากเสียงถอนลมหายใจ กับร่างกายสะโหลสะเหลที่เบียดตัวชนไหล่แทรกจ๊ะปอเข้าไปในห้องแล้วทิ้งดิ่งลง นอนข้างๆ ไอ้ยะข่าที่กำลังกรนสนั่น
“พรุ่งนี้มีออกเรือพาพวกแหม่มไปถ่ายภาพอยากจะติดเรือไปด้วยไหม?”
จ๊ะปอแกเอ่ยปากแต่ผู้จัดการอย่างรัตติดรแค่ยกมือโบกปัดแล้วขดตัวกลมพร้อมดึงหมอนข้างเน่าๆ ของไอ้ยะข่ามากอดแน่น..
“..ห่วงเขา หวงเขาก็ไปดูใจเขาหน่อยเถอะผู้จัดการ .. ”
“...”
“ถึงเขาจะเกลียดจะโกรธยังไงแต่ไปดูใจเขาหน่อยก็ไม่เสียหายอะไรหรอก ”
จ๊ะปอแกบ่นไปอย่างนั้นแล้วเอื้อมมือไปดึงประตูปิด ไอ้ที่พูดลอยๆ ไปใจหนึ่งก็หวังให้ผู้จัดการรุ่นลูกรุ่นหลานมันฟังๆ เอาไว้บ้างเพื่อจะคิดอะไรขึ้นมาได้ แต่แกก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่าไอ้การที่คนฟังนั้นเงียบไป เงียบไปเพราะเริ่มจะคิดได้หรือเงียบไปเพราะ..หลับตามไอ้ยะข่า?
สายฝน กับสายลมเย็น เหมือนจะเตือนบอกให้รู้ว่าพรุ่งนี้เช้ากำลังเดินทางเข้ามา กะเหรี่ยงเฒ่าถอนหายใจแล้วก่ายหน้าผากได้แต่หวังว่า คงไม่มีปัญหาอะไรที่จะตามมายิ่งกว่านี้หรอกนะ
***
“ช่วงเช้าจะพาไป ถ่ายภาพฝูงควายที่พวกชาวบ้านเขาเอาลงมากินหญ้า จากนั้นจะพาลงแพไปตกปลาที่แก่งนอก ข้าวเช้าทานที่แค้มป์ก่อน ส่วนข้าวกลางวันผมสั่งให้เอื้องดาวเตรียมแล้ว ส่วนข้าวเย็นเราจะกลับมาทานที่รีสอร์ต”
แผนงานคร่าวๆ ถูกจัดวางและแจกจ่าย พร้อมเด็กใหม่อย่างเอื้องดาวที่ถูกแนะนำตัวให้กับทางคณะ และก็อย่างที่คิดเด็กสาวชาวกะเหรี่ยงที่หน้าตาจิ้มลิ้มแลดูซื่อๆ จนพากันเรียกความสนใจจากพวกแหม่มได้นั้น ยังไม่เรียกความสนใจได้เท่ากับผู้จัดการที่แต่งตัวมาอย่างกับงานทัวร์เป็นงานเดินโชว์ ไอ้ยะข่ามองพวกแหม่มแล้วมองหน้าลุงจ๊ะปอ เห็นลุงแกได้แต่ส่ายหน้า ไอ้ยะข่าเลยไม่รู้ว่าการไปถ่ายภาพควายในครั้งนี้ พวกแหม่มๆ นี่จะได้ภาพควายตัวไหน ระหว่างควายที่อยู่ในตำแหน่งที่แอบกระซิบให้พวกชาวบ้านเขามาปล่อยไว้ หรือว่าควายเมืองกรุงที่อยู่ในตำแหน่งผู้จัดการแก่งเพกา ?
ไหนบอกว่าไม่มา?”
“หา?!”
ไอ้ยะข่ามันหันมาถามลุงจ๊ะปอที่ดูพวกแหม่มถ่ายภาพควายสองพวกอย่างอารมณ์เสีย สรุปว่าไอ้การที่เอาแพใหญ่ออกมาให้พวกแหม่มดูฝูงควายที่ริมน้ำ มันไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าให้พวกแหม่มพากันรัวภาพกดชัตเตอร์ถ่ายกับควายกรุงเทพฯ และควายเมืองกาญฯ
“ช่างมันน่าไอ้ยะข่าถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศ ถ่ายควายถ่ายแบบบ้างก็ช่างมัน”
ลุงจ๊ะปอแกว่าขันๆ แล้วกวักมือเรียกให้มาช่วยกันหยิบเอาข้าวกล่องไปแจก จะว่าไปการอยู่บนแพมันก็ใช่ว่าจะไม่ดี อย่างน้อยก็ไม่มีอดให้ต้องรันทดใจ เพราะว่ามีพวกแหม่มๆ รายล้อมด้วยเนื้อนมไข่เต็มไปหมด ไอ้ยะข่าได้แต่ยิ้มแก่นๆ ก่อนจะหัวเราะหึๆ ในลำคอ เพิ่งรู้ว่าเหมือนกัน..เพิ่งคิดได้เหมือนกันว่าผู้จัดการที่ปากหนักอย่างนั้น ยอมติดแพมาด้วยเพราะความเป็นห่วงคนบนฝั่งอย่างที่ลุงจ๊ะปอแกกำลังคิดจริงๆ
‘กร๊อบ!’
ช้อนพลาสติกที่กำไว้แหลกคามือผู้จัดการจนเอื้องดาวที่นั่งใกล้ๆ ต้องสะกิดให้รู้ตัว ช้อนคันใหม่ถูกยื่นให้พร้อมๆ กับรอยยิ้มใสๆ..รัตติกรได้แต่รับมันไว้พร้อมเอ่ยคำขอบคุณ บางที..บางทีนะบางที ..บางทีรัตติกรก็คิดว่าสีฟ้าของท้องฟ้ามันมีสีของความหวังลางๆ สีของความหวังสีฟ้าจางๆ อย่างท้องฟ้าบ้านกำนัล..
***
แพจอดแช่อยู่ครึ่งชั่วโมงก็บ่ายหน้าเคลื่อนตัวจากท่าที่จอดไปยังเขื่อนแก่งนอก เป้าหมายของการตกปลา เพราะไม่ได้มาดูล่วงหน้าครั้งนี้ ไอ้ยะข่าเลยคาดเดาอะไรไม่ได้ เมื่อแพเคลื่อนมาแล้วพบว่าน้ำน้อยกว่าที่คิดไว้ ซ้ำเพราะไกด์ประจำที่ชำนาญอย่างด้วงกว่างดันป่วยได้เกือบอาทิตย์ไอ้ยะข่าเลยไม่รู้ว่าพวกปลาที่เขื่อนในยังจะ เหลือปลาอะไรให้ตกอยู่บ้าง ถ้าพวกปลาในแก่งตอนนี้ตามน้ำหลากไปทางเขื่อนล่างก็คงต้องให้ลุงจ๊ะปอแกเอา เรือลากแพกลับรีสอร์ตอย่างเดียว ..
“คิดอะไรอยู่จ๊ะผู้จัดการ?”
เอื้องดาวเธอเอาน้ำมาเสิร์ฟให้พร้อมๆ กับรอยยิ้ม รัตติกรรับเอาน้ำใบเตยมาดื่ม ความสดชื่นของน้ำแทบอยากจะทำให้ต้องขอใบเตยจากเอื้องดาวมาอีกซักขัน เอามาเทราดหัวตัวเองให้ไอ้ความคิดถึงไอ้ด้วงกว่างอัดอั้นในใจมันลดลงได้บ้าง..ได้บ้างสักนิดก็ ยังดี
“..น้ำที่เขือนนอกลดลงกว่าที่คิด”
ไอ้ยะข่าที่เพิ่งแทรกเข้ามายิ้มๆ แล้วเอาสองมือลูบหน้า ดีนะที่พวกแหม่มๆ พากันไปอออยู่ที่ควายจริงๆ ในตอนนี้เลยไม่ค่อยมีเนื้อนมไข่มาวนเวียนใกล้ๆ ให้เสียอารมณ์
“กลัวจะไม่มีปลาหรอ?”
“อืมส์..กลัวไม่มีอะไรให้พวกแหม่มๆ ทำกันมากไปกว่าถ่ายรูป ผู้จัดการกับควาย”
พูดเองแล้วก็ฮาเอง หัวเราะไปหัวเราะมาเอื้องดาว กลับดึงแขนพาไอ้ยะข่ากับผู้จัดการไปที่ท้ายแพ
“..เอื้อง เห็นลุงจ๊ะปอติดอาหารปลากับขนมมา ที่เขื่อนนอกมีพวกปลาเสือที่ไม่ค่อยกลัวคน เอาอาหารปลาลงโปรยกับให้พวกแหม่มลงเล่นน้ำก็ได้ ถ้าไม่ไปตกปลา ”
ไอ้ยะข่าได้แต่มองหน้าเอื้องดาว คราวนี้มันยิ้มกว้าง แล้ววางมือบนหัวเด็กสาวก่อนจะขยี้ด้วยความเอ็นดู รอยยิ้มของไอ้กะเหรี่ยงยิ้มกว้างได้อย่างไม่ต้องเสแสร้ง
***
ไอ้ยะข่ามันยกนิ้วให้เอื้องดาว ในตอนที่พวกแหม่มวี๊ดว้าย ว่ายน้ำเล่นกับฝูงปลาเสือสีสวย โชคดีที่น้ำไม่ลึกมากนัก และก็โชคที่จ๊ะปอติดอาหารปลามาด้วยนอกจากเหยื่อล่อ กะไว้แล้วว่าจะจอดแพไว้กับเรือลากซักชั่วโมงสองชั่วโมง ด้วงคิดว่ากะให้เวลาพวกแหม่มเล่นน้ำถ่ายรูปฝูงปลา แล้วจากนั้นก็พากันกลับรีสอร์ต
“โห่เอื้อง คิดได้ไงเนี้ยเรื่องพาพวกแหม่มมาว่ายน้ำ”
ไอ้ยะข่ามันว่าพลางกดชัตเตอร์ถ่ายภาพพวกแหม่มๆ กับฝูงปลา
“อย่างกับพวกกินรี”
ลุงจ๊ะปอแกกว้างตอนไอ้ยะข่ามันชมพวกแหม่มอกบึบบับสัดส่วนอย่างกับนางแบบตามนิตยสาร
“ยกยอดความดีความชอบให้เอื้องดาวเลยไอ้ยะข่า”
รัตติกรว่าอย่างอารมณ์ดีแล้วเอื้อมมือไปขยี้ผมยาวๆ ของเอื้องดาว เด็กสาวได้แต่หันมายิ้มหยี่ตา จนได้เวลากลับพวกแหม่มบางคนถึงกลับออกปากว่าอยากมาอีกด้วยซ้ำ
“ชูชีพกับกล่องข้าวทิ้งไว้ในเรือนะครับ ส่วนข้าวของของใช้ตรวจสอบให้ครบก่อนนะครับ”
ก่อนจะกลับเข้าแก่งเพกา ลุงจ๊ะปอแกแวะที่ท่าเรือลงผู้จัดการไปบ้านลุงกำนัน และในตอนนั้นถ้าถามว่าผู้จัดการห่วง ไกด์อย่างด้วงกว่างไหม ?
ลุงจ๊ะปอแกคงไม่ต้องตอบอะไรนอกจากชี้มือให้ดูภาพผู้จัดการวิ่งขึ้นบ้านกำนัลไปอย่างไม่เหลียวกลับมา
ไอ้ยะข่ามันว่าขันๆ แล้วเดินหันหลังกลับไปอย่างงงๆ
““ทำยังกะเมียป่วย”..”