รุ่นน้องผมแม่ง..
รุ่นน้องผมแม่ง...
-1-
..
ผมชื่อรัตติกร เป็นผู้จัดการแก่งเพกา ส่วนมากในแต่ละวันๆ นอกจากดูแลพวกลูกทัวร์แล้วก็หาเรื่องก๊งเหล้าไปวันๆ เมื่อก่อนมันก็ไม่ใช่งานที่อยากทำหนักหรอก แต่พอทำๆ ไปจากเดือนเป็นปี จนเข้ามาปีที่ สิบสาม ทุกอย่างมันก็กลายเป็นกิจวัตรประจำวัน มันเหมือนกับการตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน ตื่นขึ้นมาสำรวจลูกบวบแพที่ใช้ล่องแก่ง ตื่นขึ้นมาสำรวจทางน้ำ ตื่นขึ้นมาเช็คแขกที่จองที่พักในแต่ละวัน เรื่องมันก็วนลูบอยู่ประมาณนี้ วันไปวนมา อาจจะมีช่วงโลว์ซีซั่นที่ผมได้พักบ้างอย่างน้อยก็สองสามวันต่อปี นานเป็นสิบปีแล้วที่ผมใช้ชีวิตแบบสังกะตายในแก่งเพกา ใช้ชีวิตเหมือนหมานั่งๆ นอนๆ รอให้เจ้าของตัวจริงมารับเสียที แต่ก็นั่นล่ะ สิบสามปีที่ผ่านไปใครจะไปรู้ล่ะว่าตอนนี้จากหมาบ้าไม่ยอมฟังใคร ผมกลายมาเป็นหมาแก่เฝ้ารอเจ้านายเพียงคนเดียวกลับคืนมา...
ก็ผมทำกับมันไว้เยอะนี่น่า ตอนนี้ผมเลยได้แต่รอ เฝ้ารอทั้งๆ ที่ไม่รู้จริงๆ ว่ามันจะมีวันนั้นหรือเปล่า วันที่มันทิ้งผมไป วันที่เรื่องราวนั้นผ่านไป มันคล้ายกับเป็นเพียงแค่เรื่องของเมื่อวาน
“ผู้จัดการ แย่แล้ว! ไอ้ขมิ้นทำเรื่องแล้ว!!”
เสียงเอื้องดาวเธอตะโกนก้องมาก่อนตัว ผมผลุดลุกแล้วรวบมัดผมเผ้าที่ไม่ได้ตัดมาเป็นแรมปี ขยี้ก้นบุหรี่ทิ้งแล้ววิ่งตามไปทิศที่ได้ยินเสียงเอื้องดาว ปีนี่เธอกำลังท้องลูกชายคนที่สอง น่าจะใกล้คลอดในไม่กี่เดือนนี้ล่ะ แต่ก็ยังฝืนมาทำงานในแก่งไม่ยอมขึ้นฝั่งเธอว่าเคยคลอดมาแล้วคนนึง อีกคนคงคลอดได้ง่ายกว่าท้องแรก เห็นเธอว่าอย่างนั้นพวกในแก่งเลยไม่มีใครกล้าขัดต้องยอมให้เธอเป็นแม่บ้านของแก่งต่อไปจนกว่าจะคลอดไอ้หมาน้อยในท้อง
“ว่ามา?”
“ไอ้ขมิ้นทำลูกทัวร์หาย พวกตำรวจตามมาจากบนฝั่งด้วย นี่กำลังสอบปากคำกันอยู่”
เอื้องดาวเธอว่าหน้าตาเสีย ในแก่งเคยมีเรื่องร้ายแรงที่สุดก็แค่ช่วงฤดูน้ำหลากที่ปกติจะปิดแก่ง แต่เมื่อสองวันก่อนพายุเข้ามาไม่ทันได้ตั้งตัว แม้จะสั่งงดล่องแพแต่ก็ยังมีพวกทัวร์บางกลุ่มฝืนประกาศ ไอ้ขมิ้นเป็นกะเหรี่ยงหน้าใหม่ที่รับเข้ามาช่วยงานจ๊ะปอได้ไม่นาน ผมไม่คิดจริงๆ ว่ามันจะห้าวถึงขนาดเอาพวกลูกทัวร์แอบไปที่แก่งโดยลำพัง ถึงจะบอกว่าทางแก่งไม่มีส่วนรู้เห็นแต่แค่จากคำเล่าปากเปล่าของไอ้ขมิ้นใครจะเชื่อ?
“ถ้าหาตัวลูกทัวร์ไม่เจอ ตำรวจเขาตีไปว่าเป็นคดีฆ่าชิงทรัพย์ไอ้ขมิ้นมันจะถูกจับไหมผู้จัดการ?”
นั่นเป็นเรื่องปวดเศียรเวียนเกล้าเรื่องแรกที่โถมเข้ามาตั้งแต่เมื่อวาน ส่วนเรื่องของวันนี้ก็คงไม่ต่างกัน เพราะแทนที่จะได้ทำงานแต่ผมกลับต้องมานั่งอยู่กับพวกตำรวจและอาสาฯ กู้ชีพ นักท่องเที่ยวที่หายไปเป็นลูกชายคนเดียวของนายทหารระดับสูงแถมยังเป็นว่าที่คุณหมออนาคตไกล การหายไปในเขตแก่งเพกาถึงได้เป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกฝ่ายต่างเพ่งเล็ง ไอ้ขมิ้นตอนนี้มันกลัวจนหัวหด คำให้การอะไรที่หลุดออกมาเหมือนจะออกมาจากปากพวกบ้าเสียจริตมากกว่าจะออกมาจากปากของลูกหาบเจนพื้นที่ ผมพยายามที่จะคิดในแง่ของความเป็นจริงมากกว่าเชื่อเรื่องอาถรรพย์ ‘ดงนาง’ อย่างที่หลายคนพูดกันปากต่อปากแต่นั่นมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นมา เมื่อทั้งๆ ที่เข้าวันที่สองแล้วแต่ทีมค้นหายังไม่เจอเบาะแสอะไรของว่าที่คุณหมอ
หลายคนในแก่งเพการู้ดีว่าเพราะอะไร หลายคนในแก่งเพการู้ดีว่าช่วงน้ำขึ้นไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ เวิ้งดงนาง เว้นแต่ไอ้ขมิ้นอวดดี ที่ความอวดดีของมัน นำภัยมาให้ทุกคนในแก่ง ทุกคนต่างตกเป็นผู้ต้องสงสัย หากไม่เจอตัวว่าที่คุณหมอ คดีความคงตามมาอีกเป็นกระบวน ทีนี้ถ้าไม่ได้ผู้ต้องสงสัย คงต้องมีใครสักคนในแก่งกลายเป็นแพะรับบาปไปจริงๆ
..
“ไหวไหมผู้จัดการ? ”
ไอ้ยะข่า ที่กำลังจะกลายเป็นพ่อลูกสอง สะกิดถามรัตติกรที่ตอนนี้แทบไม่เหลือสภาพ การค้นหาคนในเวิ้งน้ำสุดลูกหูลูกตาไม่ใช่เรื่องง่าย ใจหนึ่งหลายๆคนภาวนาให้ห่าอะไรก็ตามที ดลใจให้มีสักศพลอยขึ้นมา จะได้ยุติการค้นหาที่ไร้หนทาง แต่อีกใจหนึ่งหลายๆคนก็ภาวนาขอแค่ให้ว่าที่คุณหมอยังมีลมหายใจคืนกลับมาหาครอบครัว
“ไอ้ขะมิ้นมาว่าไง? มันจำได้ไหมว่าปล่อยเขาไว้ที่ไหน?”
ในตอนนี้เขาเบลอจนหลุดคำถามเดิมๆที่ไม่เคยได้คำตอบ กลางเวิ้งน้ำกว้าง มันจะมีป่ารกชัฏได้ยังไง ไม่ว่าถามกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ไอ้ขะมิ้นก็ยืนยันว่า ‘นาย’ ให้จอดเรือหางยาวที่ริมเกาะแล้วเดินเข้าป่าไป..
“พักก่อนไหมผู้จัดการกลับไปแก่งเพกาก่อนทางนี้ผมดูแลเอง”
ยะข่าขันอาสาทั้งๆ ที่สภาพก็ไม่ต่างกัน ฝนฟ้ากระหน่ำลงมาเหมือนจงใจให้การค้นหายิ่งยากขึ้น รัตติกรเหมือนจะติดไข้เนื้อตัวรุ่มๆ ร้อนผ่าว เขาได้แต่ส่ายหัว ก็ในตอนนี้ถ้าไม่มีเขาคุ้มกะลาหัวไอ้ขะมิ้นสักคน มีหวังไอ้ที่ลอยขึ้นมาคงจะเป็นศพไอ้ขะมิ้น
“เอื้องดาวบอกมีคนจะไปตามจ๊ะปอ…”
อยู่ๆไอ้ยะข่าก็โพล่งออกมาเหมือนคิดได้ ตอนนี้จ๊ะปอแกได้ดิบได้ดีมีเมียฝรั่ง รัตติกรหวลคิดไปถึงวันที่แกแต่งตัวโก้เขามาลาไปกรุงเทพฯ กับแหม่มสาวคราวลูก…คิดได้แค่นั้นทุกอย่างก็ดำมืด ทุกอย่างเหมือนไฟที่ถูกดับสวิตซ์ลงเพียงแค่ชั่วพริบตา..
TBC.