Part 15

บิดขี้เกียจเพราะรู้สึกเมื่อยไปหมดทั้งตัว แต่ความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นทันทีที่ขยับตัวทำให้ต้องรีบลืมตาตื่น ถึงได้เห็นว่าผมบิดขี้เกียจอยู่บนตัวของผู้นำพยัคฆราชที่จ้องอยู่พร้อมกับทำหน้าตานิ่ง ๆ
“...โอ๊ย!...”
“..จะไปไหน..นั่งอยู่นี่ก็ดีแล้วไง..” กำลังขยับลุก ลงแรงที่ข้อเท้าอย่างลืมตัว ..เจ็บจี๊ดขึ้นมาจนต้องกัดฟัน...มองไปรอบ ๆ ก็ถึงรู้ฟ้ามืดแล้ว...
“ พี่ชัชใกล้ถึงรึยังครับ “
“ ใกล้แล้ว “ ..คนที่ตอบไม่ใช่พี่ชัช แต่เป็นคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน...
“ไม่เมื่อยเหรอ ผมจะลงไปนั่งตรงนั้น”
“ งั้นก็ลงไปให้ผมนั่งตักคุณมั่งได้ไหมล่ะ หรือไม่ก็นวดให้ผมหน่อย” ผมทำหน้าเหวอนิด ๆ เมื่อมือหนายื่นไปล้วงเอาที่นั่งสองชั้นที่ผมนั่งกินข้าวบ้านพี่จีขึ้นมาก่อนจะวางปุข้างๆ ตัวเอง...ถ้ามีแบบนี้แล้วทำไมต้องให้ผมนั่งตักจนถึงตอนนี้ด้วย...
“...................”
“ นวดหน่อยสิ ผมเมื่อย”
“..ผมนวดไม่เป็น..แล้วผมก็ยังไม่ได้บอกซักหน่อยว่าอยากนั่งตักคุณ..” นั่งตัวตรงหลังจากที่ค่อย ๆ ขยับตัวเองลงมานั่งลงตรงเบาะนุ่ม ๆ ก่อนจะหันไปตอบคนที่ตบหน้าขาตัวเองผับ ๆ
.... มองแสงไฟรายทางสีส้ม ๆ รู้สึกดีขึ้นแม้จะยังปวดที่ข้อเท้าอยู่แต่ก็ไม่มาก อาการปวดหัวก็หายไปแล้ว คงเพราะได้นอนเพียงพอ....แต่อาการปวดที่ช่วงล่างนี่ถ้าไม่นึกถึงมันก็คงไม่เป็นอะไร...
“..หือ...มีแรงแล้วสิ ถึงพูดอย่างนี้..ก่อนหน้านี้เห็นอ้อยสร้อยเชียว..จะใจดำเกินไปไหม นวดให้ผมแค่นี้ไม่ได้รึไง ทีผมทั้งแบกทั้งให้นั่งตักเนี่ยมันดีรึไง”
“...................”
“...ซอ....ขัดใจ...”
“.....คุณโอ.!....”
“....ซอ..1...ซอ..2 ซอ...”
“ข้างไหนครับ!” ในที่สุดก็ต้องขยับตัวหันไปหาคนที่นั่งนับผมอยู่หลังจากที่ดึงมือตัวเองกลับ เพราะคนที่บอกว่าผมขัดใจดึงมือผมไปวางแปะบนขาตัวเองจะให้นวดให้ได้....
“ทั้งสองข้าง”
“...................” อุตส่าห์อารมณ์ดีขึ้นแล้วแท้ ๆ กลับต้องหม่นลงเพราะคนที่หาเรื่องปวดขาเอง...ยกมือไปจับ ๆ ช่วงขาที่ผมนั่งทับก่อนหน้านั้น บีบ ๆ ไปงั้น... เพราะไม่ใช่มืออาชีพอยากหายเมื่อยก็คงต้องพึ่งหมอนวดแล้วล่ะ...แต่สีหน้าที่เหมือนว่าสบายซะเต็มที่มันน่าหมั่นไส้น้อยที่ไหน...
“..ก็ดีนะ ที่คุณมีอารมณ์อื่นนอกจาก เฉย นิ่ง แล้วก็นิ่ง...ถ้าว่างๆ ทำอารมณ์แบบเมื่อคืนนี้อีกนะ...”
“.................” ชักมือกลับหลังจากที่เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหู...กลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะมองหน้าคนที่พูด.....
“...ถ้าอยากลองก็บอกนะ ผมมีทีเด็ดเพียบ เหมือนคืนนั้นเป๊ะเลย...”
“..คุณโอครับ..” กำมือแน่น...เรียกชื่อคนที่กระซิบกระซาบข้างหูไม่ได้แคร์สายตาพี่ชัชที่ขับรถอยู่ซักนิด....ก่อนจะตวัดสายตาขึ้นมองแล้วยกยิ้มให้จนคุณโอเลิกคิ้วแปลกใจที่เห็นรอยยิ้มของผม....อยากจะพูดให้อีกคนรู้ถึงความคิดผมตอนนี้... เผื่อจะเปลี่ยน
ใจ...ไล่ผมออกจากสวนโดยดีก็ได้...
“...ว่าไงครับ...”
“...ผมไม่ใช่ผู้หญิง...ไม่ได้เสียดายอะไรกับเรื่องพวกนั้น...และตอนนี้ก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแม้กระทั่งคุณจะไปถล่มราชสีห์เกริกไกร...รวมถึงการฆ่าผม...เพราะงั้นเลิกพูดจาดูถูกกันซักที...ผมยินดีจะออกจากงานที่ทำอยู่...ส่วนคุณจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ..”
“.................”
“..................” ความเงียบแผ่ไปทั่วรถ ผมพูดแล้วนั่งตัวตรงมองไปข้างหน้า...กล้าพูดเพราะ...ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีกแล้วตอนนี้...ในเมื่อคนที่ผมพยายามที่จะเสียสละในสิ่งที่พอจะทำได้ กลับกำลังตามฆ่า...พ่อแท้ ๆ กำลังจะฆ่าผม...มันไม่มีอะไรเลวร้ายและน่ากลัวกว่านี้อีกแล้ว...แค่นึกก็น้ำตาพาลจะไหลแต่ก็เงยหน้าและสงบสติอารมณ์ตัวเองไว้...พอแล้วล่ะ...พอสำหรับทุกอย่าง...
“....หิวล่ะสิ...ใกล้ถึงแล้วล่ะใจเย็นๆ...”
“..................” งงกับคนที่จู่ ๆ ก็พูดเรื่องที่ไม่เข้าบรรยากาศขึ้นมา....นึกว่าจะโกรธแล้วถูกข่มขู่อะไรอีก...มือหนาเอื้อมมาโอบบ่าผมให้เข้าไปหาตัวเองพร้อมกับตบเบา ๆ ที่ต้นแขน...
“...ผมอยากถึงบ้านเร็ว ๆ.....”
“...พี่ชัชครับ..รถเราเหาะได้ไหม..ถ้าเหาะได้เหาะไปเลยครับ...”
“ฮ่าๆๆ เหาะไม่ได้หรอกครับเจ้าสัวน้อย”
“....................” ปรับอารมณ์ไม่ถูก...แกะมือหนาออกจากต้นแขนตัวเอง...ทำเป็นไม่สนใจ...แต่ก็ต้องยอมรับว่าคำพูดไร้สาระพวกนั้นทำให้อารมณ์กรุ่น ๆ ที่ก่อเกิดขึ้นเมื่อครู่จางหายไป.....
ไม่นานรถก็วิ่งเข้าไปจอดที่บ้านไม้สองชั้นทึ่คุ้นเคย...ทันทีที่ลงจากรถบัวกับน้าบานชื่นก็โผกอดผมร้องไห้เป็นการใหญ่...ดีที่อาการเจ็บทุเลากว่าเมื่อเช้าไม่งั้นต้องถูกเป็นห่วงมากกว่านี้ แม้ว่าข้อเท้าจะยังเจ็บแต่ก็พอจะกระเผลกไปได้....แต่ที่คิดไม่ถึงคือคนที่นั่งรออยู่ในบ้าน ไม่ได้มีแค่คุณอาทิตย์กับคุณโต้...
“..มานี่สิ มาดูซิเป็นยังไงบ้าง..”
“..................” ผมเดินเข้าไปนั่งใกล้คนสูงวัย หลังจากที่ยกมือไหว้ไปแล้ว....เจ้าสัวศรันย์นั่งรออยู่ในบ้าน...มือหนาลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา...แววตาอาทรที่ทอดมองมาทำให้ผมต้องส่งยิ้มกลับไป...
...รู้จักอุ่นใจ...และปลอดภัยที่สุด...
“..กลัวรึเปล่าบอกฉันซิ...”
“..กลัวครับ..แต่ตอนนี้ซอไม่เป็นไร...”
“..ดีแล้ว..เก่งมาก...เพื่อความปลอดภัยของเธอ ตั้งแต่คืนนี้ย้ายมานอนที่นี่นะ...”
“ ..ไม่ครับ! ซอจะนอนกับ..” ผมรีบปฏิเสธทันทีเพราะให้นอนบ้านนี้ก็เท่ากับผมต้องคอยอยู่ใกล้คนอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างผู้นำพยัคฆราช ที่ไม่ได้นิสัยพ่อมาซักนิดเลย...
“ ฉันคุยกับคนของเธอแล้ว พวกเธอบอกว่าเห็นด้วย...ว่าไงบัว”
“ค่ะคุณน้อง ไปอยู่บ้านนั้นเกิดอะไรขึ้นพวกเราก็ช่วยอะไรคุณน้องไม่ได้เลย บัวเป็นห่วงคุณน้องนะคะ แล้วตอนเช้าบัวจะมาหาก่อนไปทำงาน ให้เรื่องมันซากว่านี้หน่อยนะคะ แล้วค่อยกลับไปนอนที่บ้านเรา..”
“แต่ว่า” จะปฏิเสธยังไง ผมลำบากใจจริงๆ ดูเหมือนว่าคุณโต้กับคุณอาทิตย์ก็คงจะรู้เรื่องของผมกันหมดแล้ว เพราะตอนนี้ทุกคนในห้องรับแขกนั่งนิ่งฟังผมกับเจ้าสัวศรันย์คุยกันอยู่...ผมมองบัวที่ทำหน้าตาอ้อน ๆ มาให้...ก็เข้าใจเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นบัวกับแม่ก็ต้องลำบากเพราะผม...
“ไม่ต้องแต่แล้วล่ะ บัวเอาของมาไว้ในห้องเจ้าโอแล้ว “
“ ..ครับ...เดี๋ยว..เอาของมาไว้ห้องไหนนะครับ..”
“ห้องผมไงคุณ...บ้านนี้มีห้องแค่ 3 ห้องนะ คุณพ่อนอนห้องนึง ผมกับคุณ อาทิตย์กับโต้..”
“..ให้ซอนอนกับ..เจ้าสัวได้ไหมครับ..ไม่งั้นซอจะกลับไปนอนบ้าน..” ไม่รู้ว่ากล้าเอ่ยปากขอออกไปอย่างนี้ได้ยังไง แต่ก็ทำเอาคนมีอายุยิ้มออกมา ก่อนจะบุ้ยปากไปทางลูกชายตัวเองที่นั่งหน้าตึงอยู่....
“...ไม่ได้...นอนกับผมนี่แหละ...ถ้าจะไปนอนกับคุณพ่อ เราก็ไปนอนเบียดกันสามคนเลยดีไหม..”
“..เจ้าสัวครับ..” เห็นสีหน้าและน้ำเสียงทุ้มๆ ที่พูดออกมานิ่งๆ พอกับสีหน้าแล้วผมก็ต้องหันกลับมาหาเจ้าสัวอีกรอบ...ผมไม่ยอมนอนห้องเดียวกับผู้ชายคนนี้เด็ดขาด...
“ ฮ่าๆๆ เอาล่ะ ๆ นอนก็นอน แต่ฉันค้างที่นี่แค่สองคืนนะ...ที่เหลือก็ต้องตกลงกันเอาเอง ยังไงฉันก็อยากให้เธอพักที่บ้านนี้
..เพราะฉันให้การ์ดมาเพิ่มที่นี่แล้ว...ว่าไงไอ้เสือ...”
“..ก็แล้วแต่คุณพ่อครับ...แต่หลังจากคุณพ่อกลับก็ต้องนอนกับผม เพราะคุณอาทิตย์เป็นแขกจะให้นอนห้องเดียวกับโต้ก็ดูไม่ดี...”
“ไม่เป็นไรครับคุณโอ ให้คุณซอนอนไปเถอะ ผมนอนที่ไหนก็ได้ขอแค่ผ้าห่มกับหมอนก็พอ..”
“ไม่ได้หรอกครับ...ผมเชิญคุณมาก็ต้องสะดวกสบายที่สุด...ซอ... หรือว่าอยากจะนอนที่นอนพับอย่างเมื่อคืนอีก..”
“..............................” คำพูดเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร ท่าทางนิ่งๆ กลับมาอีกแล้ว แตกต่างจากตอนอยู่บนรถเหมือนคนละคน....และคำพูดทิ้งท้ายที่จงใจมองมาที่ผมแล้วยกยิ้ม ก็พอจะรู้ว่าเหมือนเมื่อคืนคืออะไร.....หันมองหน้าบัวแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ ถ้าบัวหรือใครรู้เรื่องระหว่างผมกับคุณโอ จะคิดยังไงกันนะ...หรือจะรังเกียจ...แต่ใครจะว่ายังไงผมก็ไม่สนใจหรอกตอนนี้ ก็มีเพียงแค่บัวกับคนที่รักผมเท่านั้นที่ผมแคร์....
หลังจากทานข้าวเย็นร่วมกันเสร็จผมกับเจ้าสัวก็มีโอกาสได้คุยกันตามลำพัง...ที่ระเบียงห้องที่มีชุดเก้าอี้เล็ก ๆ ตั้งอยู่...ผมรินน้ำชาที่มีควันลอยกรุ่นอยู่ กลิ่นหอมของใบชาช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย...ผมส่งยิ้มให้คนที่มองมา...แววตาที่ทอดมองไม่ได้ทำให้เคอะเขิน แต่รู้สึกว่ามันแฝงไปด้วย...ความเอ็นดู
“ไอ้เสือมันทำอะไรแปลก ๆ รึเปล่า ทำไมถึงกลัวมันนัก”
“..มะ ไม่ครับ คุณโอไม่ได้ทำอะไร..แค่ซอไม่คุ้นเคย ที่จะนอนกับใคร..”
“ แต่ก็เลือกที่จะนอนกับฉันงั้นเหรอ..” เจอคำถามนี้เข้าไปก็อึ้งไปเหมือนกัน...ยกนมอุ่น ๆ ตรงหน้าขึ้นดื่มกลบเกลื่อนเพื่อหาคำตอบที่ดีที่สุด...ทั้งที่ไม่รู้ว่าเจ้าสัวแห่งพยัคฆราชจะเชื่อหรือเปล่า...แต่อย่างน้อย ๆ ผมก็ควรที่จะพูดความรู้สึกจริงๆ ออกมา...
“ ไม่รู้สิครับ...ซอรู้สึกสบายใจที่ได้อยู่กับท่าน...เจ้าสัวอาจจะมองว่าแปลกที่ซอคิดอย่างนั้น ทั้งที่เราก็เจอกันเมื่อไม่นาน...แต่ซอก็คิดอย่างนั้นจริงๆ”
“ใครบอกล่ะ เราเคยเจอกันนานแล้วนะ”
“อะไรนะครับ..” ชะงักมือที่จะยกนมขึ้นดื่ม ก่อนจะถามออกไป หรือว่าผมฟังผิด...
“ฮ่าๆๆ ช่างเถอะ...เรื่องของเธอฉันคิดว่าฉันพอจะรู้นะ แค่อยากรู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
“...ก็สบายใจขึ้นครับ...เพราะไม่อยากจะคิดมากอะไรเกี่ยวกับเรื่องคุณพ่ออีกแล้ว...ส่วนนึงซอก็ควรจะขอบคุณคุณโอที่ช่วยให้ซอมีชีวิตรอดจนคิดอะไรได้มากมาย..ซอว่าท่านรู้ว่าซอคิดอะไรอยู่..” เหมือนว่าคนที่นั่งตรงหน้าจะมองผมออกหมดว่าตอนนี้คิดอะไรอยู่...ท่าทางสุขุมและเยือกเย็นและไล่ต้อนสิ่งที่อยากรู้จนกระทั่งจนมุมด้วยท่าทางแบบนี้...
“นั่นน่ะสิ...เธอไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น...ถ้าไอ้เสือมันไล่เธอ ก็ไปอยู่กับฉัน...แต่ฉันมั่นใจว่ามันไม่ทำแน่...งั้นเรามาแลกกันในฐานะที่ฉันรู้เรื่องของเธอ เธอก็ควรจะรู้เรื่องของฉันด้วย”
“.....................” ส่งยิ้มแทนคำตอบ...ก็อยากรู้เหมือนกันว่ากว่าจะมายืนตรงนี้ผ่านอะไรมาบ้าง...กว่าจะเป็นผู้นำตระกูลดัง เจ้าสัวศรันย์ใช้ชีวิตยังไง..
“...ฉันเป็นเด็กกำพร้า...เกิดมาก็ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่า..พ่อแม่คืออะไร...ความรักจากคนที่ให้กำเนิดเป็นยังไง...ถึงจะโหยหา แต่ก็ไม่ได้ตามหาสิ่งนั้น...ฉันเรียน จนจบ ป.6 ในบ้านเด็กกำพร้า โดยมีคนอุปถัมภ์...ในที่สุดเมื่อโตพอจะออกมาได้ ฉันก็ออกมาชีวิตบนโลกที่ตอนนั้นมันดูวุ่นวายมากสำหรับฉัน ตอนนั้นเราออกมาพร้อมกัน 2 คน...มีฉัน และน้องสาวอีกคน... เราสนิทและดูแลกันเหมือนพี่น้องจริง ๆ ทั้งที่ต่างคนต่างมาอยู่ในบ้านอุปถัมภ์แต่เหมือนมีใครกำหนดว่าเราจะต้องใช้โชคชะตาร่วมกัน...เราเริ่มจากธุรกิจเล็ก ๆ ช่วยกันทำทุกอย่างเพื่อหาเงิน...จนในที่สุดตอนอายุ 25 ฉันก็จับธุรกิจถูกทาง...พวกเรามีเงินมากพอที่จะเล่นหุ้น... ทุกอย่างดูราบรื่น..ธุรกิจที่ทำทุกอย่างมันเติบโตอย่างไม่น่าเชื่อ ทำอะไรก็ดูเป็นกำไรไปหมด จาก น้อย พอดี พอใช้ กลายเป็นเหลือกินเหลือใช้...เมื่อเติบโต ก็ต้องมีอุปสรรค แต่ก็มีคนที่เห็นแก่เงินหนุนหลังให้ก้าวผ่านมาได้ตลอด...จนกระทั่งนามสกุลที่พวกเราตั้งขึ้นเองกลายเป็นตระกูลมาเฟียดังขึ้นมา...ไม่ได้อยากเข้าไปร่วมเล่น แต่เมื่อถูกดึงพวกฉันก็ต้องทำ...แต่ในที่สุด....น้องสาวฉันก็ถูกพวกมีอิทธิพลพาตัวไป...ฉันพยายามเข้าไปช่วยแต่เธอรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น...น้องสาวฉันกลายเป็นภรรยาของตระกูลนั้นไปแล้ว...เพียงเพราะคำทำนายที่ทำให้พวกนั้นทำสิ่งที่เหยียบย่ำหัวใจฉันเหลือเกิน..กระทั่งวันสุดท้ายที่เธอสิ้นลม...ฉันยังทำได้เพียงแค่กราบไหว้ดวงวิญญาณของเธอ...และตอนนี้ฉันก็กำลังรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ...ว่าจะดูแลดวงใจดวงน้อยเพียงดวงเดียวที่เธอมีอยู่...ฉันไม่เคยเชื่อในคำทำนาย แต่ตอนนี้..ฉันกลับอยากให้มันเป็นความจริง...”
“ คำทำนาย ” คำทำนายอีกแล้ว...ทำไมเรื่องพวกนี้ถึงได้วนเวียนอยู่กับแวดวงนี้ตลอดด้วย...
“...สิงโตเจ้าป่าจะเกรียงไกร หากได้ครอบครองสมิงสา...
...เลือดเนื้อหน่อแท้สีหราชา จักต้องมีบุรุษ 3 กล้า และท้าย 1 สตรี...
...หากแม่นเพี้ยนคำโหรา สีหราชาต้องพ่าย
...พยัคฆ์หนุ่มจักปลิดเจ้าป่าให้ชมน์วาย คืนสู่พงใหญ่เขตโลกันต์”
“..ท่านคงไม่ได้หมายถึง...” ผมนิ่งและอึ้งไปเมื่อฟังบทกลอนคำทำนาย...มันบังเอิญหรือมันใช่...แต่มันก็มีบางอย่างที่มันขัด ๆ กับสิ่งที่ผมคิดว่าใช่อยู่..ดวงใจดวงน้อยเพียงดวงเดียวที่มีอยู่...
“..ไม่ต้องคิดมากหรอก..เมื่อถึงเวลา ทุกอย่างก็จะดีเอง...ง่วงนอนหรือยัง...”
“...ครับ....”
**************************************************
เปิดประตูห้องออกมาอย่างแผ่วเบาเพราะเจ้าสัวยังไม่ตื่น...ตอนนี้พึ่งจะ 6 โมงครึ่ง...อากาศเย็นจนต้องใส่เสื้อแขนยาวทับออกมาด้วย...เพราะเรื่องที่ได้ยินเมื่อวานทำให้นอนไม่ค่อยหลับ อาจจะเพราะเมื่อวานนอนกลางวันเยอะไปด้วย...ได้ยินเสียงกรุกกรักในครัวเห็นพี่ต่ายกำลังทำกับข้าวอยู่พอดี...
“ลุกขึ้นมาทำอะไรแต่เช้าคะ ตกใจหมดเลย”
“ซออยากออกมาสูดอากาศแต่เช้า...หอมจัง..” ผมมองที่พี่ต่ายทำ ตั้งแต่ที่เห็นพี่ต่ายต้องไม่ใช่แค่แม่ครัวบ้านๆ ทั่วไปแน่เพราะกับข้าวดี ๆ ระดับภัตตาคารพี่ต่ายก็ทำได้เหมือนกัน...
“วันนี้กับข้าวเยอะหน่อย...พี่เลยมาแต่เช้า...ไปนั่งหน้าบ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่เอานมออกไปให้พร้อมกาแฟคุณอาทิตย์ รายนั้นก็ตื่นเช้าเหมือนกัน แล้วเท้าหายดีแล้วเหรอคะ...”
“ดีขึ้นแล้วครับ ไม่ปวดแล้ว แต่ก็ยังต้องค่อย ๆ เดิน” ลงเท้าเต็มแรงไม่ได้เพราะมันยังแปลบ ๆ อยู่ตลอด...แต่มันก็ดีขึ้นแล้ว...รวมถึงอาการปวดที่บั้นท้าย และเจ็บส่วนนั้น ก็เริ่มจางไปแต่ก็ยังรู้สึกบ้างเวลานั่งลงไม่ระวัง....เจ็บทีไรก็นึกถึงเรื่องบัดสีนั่นทุกที...แต่ผมเป็นคนบอกไปเองว่าไม่เสียหายอะไรก็คงได้แต่เจ็บใจตัวเอง แต่พูดอะไรออกมาไม่ได้....กล่าวขอบคุณพี่ต่ายก่อนจะเดินออกไปหน้าบ้าน เห็นคุณอาทิตย์ยืนสูบบุหรี่อยู่...ดูเป็นคนเยือกเย็นดีจัง...
“ตื่นแต่เช้าเลยนะครับ”
“..คุณซอ...มันติดเป็นนิสัยครับ ที่สวนของตัวเองผมต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปดูแลพวกต้นไม้ดอกไม้..นั่งเถอะครับ..” คุณอาทิตย์รีบทิ้งบุหรี่พร้อมกับใช้เท้าขยี้ให้ดับ...ก่อนจะปัดควันที่ตัวเองพึ่งพ่นออกมาแล้วเชิญผมนั่ง...
“ สูบก็ได้นะครับ ผมไม่เป็นไรหรอก..”
“..ไม่ละครับ ผมว่ามันไม่เข้ากับคุณ..” คุณอาทิตย์ส่งยิ้ม ก่อนจะเดินมานั่งลงตรงข้ามกัน...เมื่อเห็นพี่ต่ายยกกาแฟกับนมออกมาเสริฟให้พร้อมขนมปังโรลหอม ๆ
“ อากาศสดชื่นจังเลย “
“..ครับสดชื่นมากเลย...ดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ...ผมไม่คิดเลยนะว่าคุณจะเป็นถึงลูกชายคนเล็กของตระกูลดัง”
“ ไม่หรอกครับ ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว...อะ!..”
“..ใบไม้น่ะครับ...” ผมโยกหัวหลบมือที่ยื่นมือเพียงเล็กน้อยเพราะจู่ ๆ ก็ใจหล่นวูบขึ้นมา...แต่มือนั่นแค่หยิบเศษใบไม้แห้งที่ติดผมของผมออกให้เท่านั้น...ใบหน้าคมเข้มยิ้มให้อย่างบริสุทธิใจ..ทำให้ผมต้องยิ้มตอบ...
“..ขอบคุณครับ...สวนคุณอาทิตย์ต้องสวยมาก ๆ เลยใช่ไหมครับ...”
“..ไม่รู้สิครับ ผมอยู่กับมันจนชิน...ซอ...”
“......................”
“ ไม่รู้ว่าผมพูดไปจะเหมาะไหม...และไม่รู้ว่าคุณจะรังเกียจรึเปล่า...แต่ถ้าคุณไม่มีที่ไปไม่ว่าเมื่อไหร่...คุณไปหาผมนะครับ..”
“....................”
“..ผมแค่อยากจะเห็นคุณยิ้มแบบนี้...แทนแววตาเศร้า ๆ ที่เคยเห็น...” นิ่งไป ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่พูด...เสียงทุ้มพูดออกมาอย่างน่าฟัง...
“...ผมดูน่าสงสารขนาดนั้นเลยเหรอครับ...”
“..ไม่ครับ..ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...แต่ผมหมายความตามที่พูด..ทั้ง ๆที่รู้ว่ายังไงคุณโอก็คงไม่ปล่อยให้คุณไปจากเขาแน่ ๆ” ย่นคิ้วกับคำพูดของคุณอาทิตย์แล้วพูดไปพูดมาทำไมต้องมาเกี่ยวกับคุณโอด้วย...
“ ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยครับ..ผมก็ส่วนผม คุณโอก็ส่วนคุณโอ ผมเป็นแค่ลูกจ้าง”
“เหรอครับคุณลูกจ้าง”
“...คุณโอ.....” ฝ่ามือที่บางแปะบนบ่า.. พร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นทำให้อุทานชื่อคนมาใหม่เบา ๆ แล้วก็มาตอนที่พูดถึงพอดีเหมือนตั้งใจ...
“ตื่นเช้ากันจังเลยนะครับ”
“ครับ ชินกับตอนอยู่สวนต้องตื่นเช้า..”
“..................” คุณอาทิตย์พูดแล้วมองคนมาใหม่ที่ตอนนี้จงใจนั่งลงเบียดผมอย่างไม่เอ่ยขออะไรให้ยุ่งยาก...พยายามจะขยับออก แต่วงแขนกลับกอดเอวผมแน่น กระชับเข้าหาตัวเอง.....เงยหน้าส่งยิ้มแหย ๆ ให้คุณอาทิตย์พร้อมกับแงะมือหนานั่นออกจากเอวตัวเอง...แต่ดูเหมือนว่ามันยากเกินไป...
“...นี่แถวนี้แหละครับที่กำลังเตรียมที่อยู่...”
“ ...ครับปกติผมไม่ยักรู้ว่าคุณโอชอบไม้ดอกด้วย...”
“..ครับ ก็เกิดชอบขึ้นมาซะอย่างนั้น.......ว่าไงครับ..”
“ ปล่อย “ ผมพูดรอดไรฟัน หลังจากที่แกะมือไม่ออกซักทีก็ลงทุนหยิกลงบนหลังมือคนที่กอดผมเอวผมอยู่ กลายเป็นว่าอีกคนก้มหน้าลงมาถามผมเหมือนไปสะกิดมากกว่าหยิก....
“ ผมหนาว...”
“...คุณโอ...” หันมองคนพูดด้วยหางตาก่อนจะปล่อยเลยตามเลย แล้วยกนมขึ้นดื่มพร้อมกับส่งยิ้มให้คุณอาทิตย์ที่มองอยู่... มาอีกแล้วบุคลิกที่สองรองจากนิ่งเป็นรูปปั้น แล้วอย่างนี้ใครจะตามทันว่าตอนไหนว่าจะเป็นยังไง...
“..นั่งตักไหมครับ...ไม้มันแข็ง....”
“...ไม่เป็นไรครับ ผมยอมนั่งแข็ง ๆ อย่างนี้ดีกว่า.....คุณอาทิตย์จะเอาพันธุ์สีฟ้ามาลงไหมครับ เจ้าฟ้าใสของผมจะได้มีเพื่อน..”
“..อ่ะ...อ่ะ ครับ มีครับ ก็คุณโอสั่งมาแทบจะทุกพันธ์ของกล้วยไม้เลย...”
“ ดีจัง..อยากจะเห็นตอนมันออกดอกแข่งกันจัง...”
“..มันก็งั้น ๆ แหละ...พอมันดอก..ผมจะตัดไปขายให้หมด...” เป็นคนที่ทำลายบรรยากาศได้อย่างยอดเยี่ยม กำลังจินตนาการถึงดอกไม้หลากสีที่บานสะพรั่งแต่ก็ถูกตัดตอนเพราะคำพูดของบางคน...
“...มันก็สิทธิของคุณโอ..ไม่มีใครขัดได้หรอกครับ...”
“...หือ..งอน...ผมไม่ตัดเจ้าฟ้าใส ฟ้ากระจ่างอะไรของคุณหรอกน่า...”
“ ผมไม่ได้งอน..คุณอาทิตย์เข้าบ้านเถอะครับ..คุณโอ!...เข้าบ้านครับ” กำลังจะลุกหลังจากที่ชวนคุณอาทิตย์ แต่แรงกระชับที่เอวทำให้ต้องถอนหายใจก่อนจะหันไปชวนด้วย...และอีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบสนองอย่างเต็มที่อย่างน่าหมั่นไส้...ขออิมเมจแบบนิ่งๆ เหมือนเดิมได้ไหม..อย่างนี้มันกวนประสาท...
หลังจากเข้าบ้านเจ้าสัวก็ตื่นพอดีและชักชวนทุกคนนั่งดื่มกาแฟต่อในบ้าน ส่วนผมขอตัวเข้ามาดูงานในอ๊อฟฟิศเพราะทิ้งไปหลาย
วัน ปรากฏว่าคุณโต้เคลียร์บางส่วนแล้ว แต่ก็ยังเหลือที่ค้างไว้...รีบเปิดแฟ้มเปิดคอมทำต่อ...
มีต่อด้านล่างค่ะ ตัวอักษรไม่พอ