CHAPTER 24
“ครอบครัวสุขสันต์” กริ๊งงงงง!
ผมได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถืออยู่ใกล้ๆ กับหัวนอน มือก็คว้ามันอย่างสะเปะสะปะก่อนที่จะหยิบมันมาดูเวลาอย่างสะลึมสะลือ
“เก้าโมง...” สายกว่าที่ตื่นปกติเยอะเลย
ผมดันกายขึ้นจากเตียงนอนอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนที่จะลุกขึ้น เดินไปหยิบชุดอยู่บ้านมาเพื่อที่จะอาบน้ำ แต่พอยกขาขึ้นแล้วก็รู้สึกร้าวๆ แถวสะโพกชอบกล... พอคิดได้แบบนั้นผมก็หันขวับไปมองเตียงที่ตัวเองเพิ่งลุกขึ้นมาก่อนที่จะรู้สึกหมั่นไส้คนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างพูดไม่ถูก
ห๊ะ... ผมปวดสะโพกทำไม?
นี่พวกคุณคิดบ้าอะไรกันอยู่เนี่ย!
โอเค ผมจะบรรยายมากกว่านี้สักนิด ตอนนี้ผมเพิ่งลุกขึ้น บนเตียงมีเด็กนักศึกษาที่รับจ๊อบเสริมเป็นพี่เลี้ยงเด็กนอนอยู่ แต่ฟังนะ ผมกับเขาใส่เสื้อผ้ากันทั้งคู่ ไม่มีซากบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในกิจกรรม เอ่อ... กิจกรรมบนเตียงเลยแม้แต่น้อย และไม่มีคราบอะไรอยู่บนผ้าปูที่นอนผมด้วย
ก็เมื่อคืนน่ะ...
มือผมเริ่มวางไปแบบสะเปะสะปะ ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไร้ประสบการณ์ขนาดนี้มาก่อน แต่อาจจะใช่... ผมไร้ประสบการณ์ในการโดนผู้ชายจูบ แม้แต่พ่อผมยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าท่านเคยจูบที่ปากของผมรึเปล่า แล้วไอ้เด็กนี่มันเป็นใครมาจากไหนกัน!
ไม่นานนักเขาก็ถอนริมฝีปากออกแต่ยังไม่วายที่จะคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ไม่ห่าง สักพักเขาก็ทำท่าจะโถมเข้ามาใหม่
‘หยุด...’ เสียงผมเหมือนกับกระซิบ
‘ก็ผมขออนุญาตแล้วนี่ครับ’
แววตาคนตรงหน้าแวววับจับจ้องริมฝีปากของผมจนผมนึกสงสัยว่าเจ้าลูกหมาคนนั้นหายไปไหน หมอนี่ต้องเป็นฟ้าครามตัวปลอมแน่ๆ
‘หยุด’ ผมย้ำซ้ำอีกทีเมื่อเขาทำท่าเหมือนไม่ฟัง ‘ยังไม่ทันอนุญาตเลย’
‘แต่คุณเพชรไม่ห้าม...’ เขาพูดแค่นั้นก่อนที่จะประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง
หัวผมตื้อไปหมดทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่ได้จูบเก่งอะไร เขามีทักษะแต่ก็เป็นทักษะแบบเด็กน้อย หากแต่ผมค่อยๆ หลับตาลง ยอมรับให้มันเป็นไปและค่อยๆ เลื่อนมือไปโอบรอบคออีกฝ่าย ปล่อยให้อีกฝ่ายทิ้งน้ำหนักของเขาบนตัวผมมากขึ้น
ตึง!
และโซฟาก็หงายหลัง... ทุกอย่างมันน่าอดสูที่สุด แต่ผมนึกขอบคุณที่โซฟาหงายหลัง มันเป็นเหมือนเครื่องเตือนสติ ผมรีบดันกายเขาออกจากผมก่อนที่เจ้าฟ้าครามจะกลับมาเป็นลูกหมาน้อย
พี่เลี้ยงเด็กยิ้ม ‘แฮะๆ ขอโทษนะครับ’
มันยังมีหน้ามาขอโทษอีก!
นั่นแหละเรื่องทั้งหมด การที่ผมเจ็บสะโพกก็เกิดมาจากตอนนั้นด้วยเหมือนกัน... ไม่ใช่เรื่องอกุศลที่พวกคุณๆ คิดกันเลย อันที่จริงจูบนั่นก็แอบอกุศลหน่อยๆ... แต่ช่างเถอะ
ผมเดินอ้อมไปอีกฟากของเตียง เข้าใกล้เจ้าเด็กนั่นที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ก่อนที่จะหรี่ตาลงอย่างนึกหงุดหงิดใจ หน้าหล่อแล้วไงวะ ตอนนั้นใครอนุญาตให้เขามาจูบ แต่ก็นั่นแหละ... ผมไม่ได้ห้ามเขา แถมยังทำท่าเหมือนคล้อยตามอีกต่างหาก
พรึ่บ!
จู่ๆ ดวงตาที่ปิดสนิทก็ลืมตาขึ้นจนผมสะดุ้ง
“แฮะๆ” คนที่นอนอยู่ยิ้มเผล่ “ผมฝันรึเปล่าครับเนี่ย”
“อะไรของคุณฮะ” ผมว่าด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้
“ก็แหม... อุตส่าห์ตื่นมาเจอคุณเพชรมองแบบนี้อยู่นี่นา” เขายิ้มพลางค่อยๆ ดันกายของตัวเองขึ้นมาพิงพนักเตียง “เหมือนฝันดีสุดๆ เลย”
“งั้นก็ฝันต่อไปละกัน”
ผมว่าพร้อมกับถอนหายใจอย่างเอือมระอา ป้อคำหวานเก่งเสียเหลือเกินเจ้าหมอนี่
เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขดังไล่หลังของผมจนผมต้องส่ายหน้า ฟ้าครามเป็นคนที่น่าหมั่นไส้เป็นบ้า น่าหมั่นไส้ถึงขนาดผมรู้สึกหมั่นไส้เขาอย่างจริงจัง แต่พอผมเดินเข้ามาปิดประตูห้องน้ำจนเห็นกระจกบานใหญ่ที่แขวนไว้เท่านั้นแหละผมก็เบ้หน้าออกมาโดยอัตโนมัติ
ผมว่านะ... คนที่น่าหมั่นไส้มากกว่าฟ้าครามก็คือผมเองนี่แหละ
หน้าบานจริงๆ เลยนายพชร!ผมอาบน้ำอาบท่าในเวลาอันรวดเร็ว (ที่เสียเวลาคือการนั่งจับมุมปากตัวเองให้ตกลงมาหน้ากระจก เห็นหน้าตัวเองแล้วทำใจไม่ได้จริงๆ นะ) พอเดินออกมาก็เห็นเตียงว่างเปล่า ผ้าห่มถูกพับเก็บอย่างเรียบร้อยที่ปลายเตียง ไหนจะปลอกหมอนเรียบกริบนั่นอีก ฟ้าครามมีมารยาทเป็นบ้า
ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างก่อนที่จะเห็นภาพที่การนั่งกลั้นยิ้มในห้องน้ำไร้ค่าในวินาทีเดียว
“กินอะไรดีครับคุณเพชร?”
...แม่ งเอ๊ย!
ผมได้แต่สบถอย่างหยาบคายกับตัวเอง พอกันที เจ้าเด็กบ้านี่ต้องการอะไรจากโลก!
ฟ้าครามขมวดคิ้วมุ่น “คุณเพชรครับ”
ผมได้แต่ถอนหายใจ ไม่พูดอะไรและเดินไปที่โต๊ะแทน บนโต๊ะมีขนมปังปิ้งกับไข่ดาวและเบคอนวางอยู่บนจานอย่างสวยงาม
“นายนี่ดีจริงๆ” ผมพึมพำเบาๆ “สารพัดประโยชน์” ...พี่เลี้ยงเด็กก็ได้ พ่อครัวก็ได้ พ่อบ้านก็ได้
ผมทดคำเหล่านั้นไว้ในใจ นี่ยังไม่นับการเป็นคนขับรถ เพื่อนดื่ม หรือบทบาทอีกร้อยแปดพันเก้าที่เขาสามารถเป็นได้อีกนะเนี่ย
“ครับ?” ฟ้าครามเลิกคิ้วนิดหน่อย
“ช่างเถอะๆ” ผมปัดอย่างไม่ใส่ใจอะไรมากก่อนที่จะลงมือทานข้าว
ให้ตายสิ... บางทีผมก็อดสงสัยไม่ได้นะว่าชาติที่แล้วผมทำบุญด้วยอะไร ถึงได้มาเจอคนอย่างฟ้าคราม? ตอนแรกผมนึกว่าเขาจะกลับบ้านเลยแต่เขากลับส่ายหน้าและคลี่ยิ้มทะเล้น
‘ผมอยากอยู่กับคุณเพชรนานๆ ครับ’
น่าเบื่อ... ผมอดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก สุดท้ายคือผมก็ใช้งานให้เขาไปล้างจาน ส่วนผมก็นั่งดูทีวี ไม่นานฟ้าครามก็เดินเข้ามานั่งเล่นกับผมที่โซฟาหน้าทีวี ตอนที่เขาหย่อนกายนั่งเบาะข้างๆ ตัวผมเกร็งกลับขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
“คุณเพชรครับ” เหมือนเจ้าพี่เลี้ยงเด็กจะสังเกตเห็น “ไม่เห็นต้องเกร็งขนาดนั้นเลย” ซ้ำยังมีหน้ามา
พูดน้ำเสียงกะล่อนอีกต่างหาก
“...อะไร” ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
ดวงตาสีเข้มของเขาหรี่ตามองผมเล็กน้อย และผมก็จ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ถ้าเขาไม่ได้เอ่ยปากต่อ
“ผมก็นึกว่าคุณเพชรคิดถึง ‘เรื่องเมื่อคืน’ อยู่ซะอีก...” ตูม!
ผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่างระเบิดตูมในหัว คว้าของใกล้ๆ มืออย่างหมอนอิงมาปาใส่เขาอย่างหงุดหงิดใจ มันโดนเต็มๆ หน้าเขา แต่ฟ้าครามกลับดึงมันมากอดไว้และหัวเราะเบาๆ อย่างน่าหมั่นไส้
“หัวเราะอะไรน่ะฮะ” แม้ว่าผมทำเสียงเข้ม เขาก็ยังหัวเราะต่อ “หยุดเลยนะฟ้า!”
เสียงหัวเราะเขาเบาลงนิดหน่อยก่อนที่จะหันมายิ้มให้ผม “คุณเพชรเนี่ย... น่ารักจริงๆ นะครับ”
อะไรบางอย่างระเบิดในตัวผมอีกครั้ง ถ้ามีอะไรใกล้ๆ มือผมก็อยากจะขว้างใส่เขาอีกสักที แต่สิ่งที่มีก็มีแค่แก้วหนึ่งใบผมเลยทำไม่ได้แบบที่คิด
“ฟ้าคราม... ให้ตายเถอะ” เสียงผมอ่อนลงนิดหน่อย มันแผ่วเบาจนคล้ายว่าเป็นเสียงกระซิบกับตัวเอง “ผู้ชายวัยจะขึ้นเลขสามไม่อยากได้ยินคำว่า ‘น่ารัก’ หรอกนะ”
...แต่พอได้ยินก็รู้สึกดีอย่างน่าเหลือเชื่อเหมือนกัน ผมไม่ได้พูดคำนั้นและไม่คิดว่าจะพูดมันออกไปแน่ๆ ฟ้าครามคงจะล้อเลียนผมด้วยสายตาไปอีกนาน ผมไว้ใจอะไรเขาไม่ได้อีกแล้ว ลูกหมาน้อยหายไปตั้งแต่เมื่อคืน นี่มันบ้ามาก... นี่น่ะเหรอ ‘ทั้งหมด’ ของเขาที่ผมบอกว่าอยากรู้จัก อาจจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ แค่นี้เขาทำให้ผมแทบจะทำอะไรไม่ถูกในบ้านของตัวเอง เหมือนกลับไปเริ่มใหม่จากศูนย์ในเรื่องความรัก
ผมยิ้มบางๆ กับตัวเอง จู่ๆ ก็เผลอคิดว่าตอนนี้ตัวเองรวมเรื่องเขากับเรื่องความรักไปแล้วเหรอ
เชื่อเลยจริงๆ...
ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่รู้ตัวว่าอีกฝ่ายขยับกายเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มือเขาเริ่มทำตัวเป็นปลาหมึกจับรีโมทที่ผมถืออยู่ในมือนั่นแหละ
“จะเอาก็บอกดีๆ” ผมปราม
“ครับ” ฟ้าครามว่างั้น แต่ยิ้ม... ยิ้มแบบกะล่อน!
ผมส่งเสียงฟึดฟัดอย่างหงุดหงิดแต่ไม่ได้พูดอะไร เจ้าเด็กนั่นยิ้มกริ่ม และเป็นอีกครั้งที่ผมต้องยอมรับว่าเจ้าฟ้าครามน่ะสวมหนังแกะมาตลอด!
“อึดอัด” ผมพึมพำเบาๆ ตอนที่เขาขยับเข้ามาใกล้อีกนิด
“ครับ”
“ไม่มีคำอื่นจะพูดรึยังไง”
“เปล่าครับ” เจ้าเด็กนั่นหันมา “ก็ยังไงผมก็ไม่คิดจะขยับอยู่แล้ว...”
“ฟ้าคราม” ผมเรียกชื่อเขาเสียงแข็ง “ผมอายุมากกว่าคุณนะ”
“อา นั่นสินะ” เขาพยักหน้า แต่ไม่มีทีท่าจะขยับไปเลยแม้แต่นิดเดียว ซ้ำร้ายยังหันมาพูดจาหมาๆ ใส่ผมอีกต่างหาก “แต่คุณเพชรก็น่าจะทันเพลงเด็กกว่าแล้วไงนี่ครับ”
“นี่!” ผมตั้งใจจะก่นด่าเขาต่อเสียนิดหากแต่เสียงออดดังขึ้นมาก่อนคำด่าที่คิดๆ เลยเป็นหมัน “...พระพายมาแล้ว” ผมพึมพำเบาๆ ก่อนที่จะหันไปมองเขาที่ยักคิ้วหลิ่วตา “รอดไปนะ”
“ฮิๆ”
ผมรู้สึกว่าสกิลการกวนตีนของฟ้าครามมันเพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราดไปรึเปล่า!
แต่สิ่งที่ทำได้คือการเบ้ปาก ส่งเสียงจิ๊ในลำคอก่อนที่จะเดินลุกขึ้นจากโซฟาไปที่ประตูบ้าน เห็นหลานยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมๆ กับคุณปฐพี
พ่อของหลานยิ้ม “รถใครเหรอครับ”
“...” ผมเงียบ
ผมไม่รู้จะหยิบคำตอบไหนมาตอบเขาดี ตอบอะไรไม่ถูกเลย ผมรู้ว่าคุณปฐพีถามด้วยความสงสัยจริงๆ ในเมื่อผมเป็นผู้ชายวัยเฉียดสามสิบที่ไม่เคยซื้อรถมาขับเลยแม้แต่นิดเดียว
คุณปฐพีเอียงคอนิดหน่อยอย่างสงสัย คล้ายจะทวงคำตอบ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไรเสียงเรียกข้างหลังก็ดังขึ้นมาก่อน
“พระพาย!”
“อ้าว พี่ฟ้าขา” หลานทำหน้างง “ทำไมพี่ฟ้ามาอยู่ที่นี่ล่ะคะ?”
...พลาด
คำหนึ่งลอยขึ้นมาในหัวของผมอย่างรวดเร็ว และมันก็ลอยขึ้นมาบนใบหน้าของคนที่เพิ่งจะเดินออกมาจากบ้านด้วยเหมือนกัน ผมทำอะไรไม่ถูก แต่ไม่ทันที่จะพูดอะไรฟ้าครามก็สะกิดไหล่ผมให้รู้สึกตัว ผมจึงเดินไปเปิดประตูบ้านให้สองพ่อลูกเดินเข้ามา
“คุณเพชร...” คุณปฐพีเอ่ยปากขึ้นมาคล้ายจะพึมพำ
“ครับ?” ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ไม่ได้คิดจะอธิบายอะไร แต่ถ้าหากเขาถามก็คงจะต้องตอบไปตรงๆ (แต่คงต้องยกเว้น ‘เรื่องบนโซฟา’ เมื่อคืนไปก่อน)
เขาไม่ได้ถามแต่แววตาเคลือบแคลงความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยม
“พระพาย เข้าบ้านก่อนลูก” ผมเบี่ยงเบนประเด็นด้วยการอุ้มพระพายขึ้นมา “โฮ่... ทำไมวันนี้ตัวหนักจัง คุณพ่อขุนให้อ้วนเหรอ” แกล้งแซวตามประสา แกก็ไม่ได้ตัวหนักอะไรขนาดนั้นหรอก
“ใช่ค่า” พระพายเหมือนลืมฟ้าครามไปแล้ว “คุณพ่อให้พระพายกินนู่นกินนี่เยอะไปหมดเลย พระพายล่ะกลัวอ้วน”
“รีบคิดนะเรา” ผมเอาหน้าผากชนหน้าผากแกเบาๆ พลางเดินเข้าบ้าน โดยมีฟ้าครามเปิดประตูให้
“ฮิๆ” หลานหัวเราะคิกคัก
ผมรู้... ทุกอย่างดูดี ไปได้สวย
แต่มีอะไรบางอย่างทำให้ผมกังวล
คล้ายว่าสิ่งนั้นจะเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของคุณปฐพี--------------------------
อุ๊ย ปัญหา
ขอโทษที่หายไปนานนะคะ... คือสัปดาห์สอบก็หาย
สัปดาห์หลังสอบดันเหนื่อยแล้วมีงานโรงเรียนอีก (พรุ่งนี้ค่ะ) เลยไม่เสร็จสักที
ปล. คุณปฐพีผู้โดนด่ากำลังจะกลับมา กร๊ากกกก