CHAPTER 29
“ขยับความสัมพันธ์” ฟ้าครามเงียบ
เขาเงียบมาก... จนผมรู้สึกประหม่า ไม่รู้จะจัดการสถานการณ์เช่นนี้อย่างไรดี ผมเบือนหน้าหนี ไม่กล้าพอแม้ตัวเองจะเพิ่งพูดไปว่ารู้สึกอย่างไรกับเขา
มันรวดเร็ว...ฉับไว..แต่ไม่ฉาบฉวย
มันเร็วเสียใจคนที่ไม่เคยหวั่นไหวกับผู้ชายมาตลอดระยะเวลาเกือบสามสิบปีเช่นผมไม่รู้จะทำอย่างไรจนตัวเองปฏิเสธเขา พอเริ่มยอมรับ กลับปฏิเสธต่อไปไม่ไหว
ใครจะด่าว่าเป็นผู้ชายใจง่ายผมก็ไม่ขอโต้แย้ง ลองคุณเจอผู้ชายแบบฟ้าคราม อาจจะไม่ใช่เพราะหน้าตาดี ไม่ใช่เพราะเขามีแต่ข้อดี แต่อย่างไรก็ตาม เขาทำให้ผมชอบจนถึงขั้นมองข้อเสียของเขาเป็นเรื่องที่ ‘น่ารัก’ ไปเสียแล้ว
“คุณเพชร...” ฟ้าครามเรียกผมหลังปล่อยให้ความเงียบปกคลุมระหว่างสองเราอยู่พักใหญ่ “เมื่อกี้นี้?” เสียงเขาฉายความฉงนแบบไม่ปิดบัง “จริงเหรอครับ”
“...” ผมไม่ตอบ เหมือนคำตอบจุกอยู่ที่คอ กระดากเกินกว่าจะพูด
“คุณเพชรครับ” อีกฝ่ายว่าเสียงอ่อนลงหน่อย ผมไม่กล้ามองหน้าเขาด้วยซ้ำ รู้แค่เขาเคลื่อนกายเข้ามาใกล้จนผมสูดลมหายใจลึก “เมื่อกี้ผมฟังอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ”
“...”
“เงยหน้าขึ้นมองผมหน่อย”
ผมส่ายหน้า ลมหายใจติดขัดไปเสียหมดแต่สุดท้ายฟ้าครามกับเอามือของเขาแตะหน้าผมเบาๆ ไม่ได้ออกแรงแต่ผมกลับเงยหน้ามองเขาโดยอัตโนมัติ
ฟ้าครามมองผม มองตรงๆ ด้วยแววตาคู่นั้น ผมยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ ในหัวตีกันมั่วไปหมด
“คุณเพชรพูดจริงๆ เหรอ”
“...” ผมกัดริมฝีปาก ไอ้เด็กบ้า! ใครสั่งใครสอนให้เค้นผู้ใหญ่แบบนี้กัน!
“พูดอีกได้มั้ยครับ...” เขากระซิบพรอด “ผมอยากได้ยินอีกจัง เหมือนเมื่อกี้ฟังไม่ชัด”
ผมร้องกู่ก้องในใจว่าทำไมมึงไม่ฟังดีๆ “มะ มีให้ฟังครั้งเดียว”
“เสียดายจัง” ผมเบือนหน้าหนี ปากเบ้โดนอัตโนมัติเมื่อเห็นเจ้าพี่เลี้ยงเด็กอมยิ้มขำ “แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าผมฟังผิดหรือเปล่า”
“คิดเอง”
“ถ้าอย่างงั้น...” ฟ้าครามหรี่ตาและคลี่ยิ้มบาง “ถ้าผม ‘คิด’ จริงๆ คุณเพชรจะไม่ด่าว่าผมมโนเองสินะครับ”
ผมเกลียดหมอนี่จริงๆ!
ทำไมจากเจ้าลูกหมาน้อยน่ารักถึงกลายเป็นผู้ชายเหมือนหมาป่าไปเสียได้ ให้ตายเถอะ ผมจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ทำไมตัวเองต้องถูกเด็กอายุน้อยกว่าเกือบสิบปีถือไพ่เหนือกว่า ได้ข่าวว่าเขาเป็นฝ่ายมาสนใจผมก่อนไม่ใช่หรือยังไงกัน!
“...!” ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือที่มันอยู่บนหน้าผมไล้ไปบริเวณแก้ม “ดะ เดี๋ยว”
ฟ้าครามยิ้ม “ก็คุณเพชรบอกให้ผมคิดเองนี่ครับ”
คำพูด น้ำเสียง และสายตาของอีกฝ่ายทำให้ผมใจกระตุก เหมือนมือไม่มีแรงออกมาดื้อๆ ทั้งที่ตัวเองก็ใช่ว่าจะไม่แข็งแรง อย่างน้อยๆ ถ้าผมขัดขืนก็คงจัดการเขาได้ไม่ยาก ไซส์เราไม่ได้แตกต่างกันขนาดนั้น แต่ผมไม่เคยทำ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าผมทำไม่ได้... ฟ้าครามต้องไม่ใช่เทวดา เขาต้องเป็นปีศาจที่เสกเวทมนตร์ใส่คนได้ด้วยการยิ้มแน่ๆ
มือของเขาหยุดลงแถวริมฝีปาก ใบหน้าคมนั้นเลื่อนเข้ามาใกล้ มือของผมจับชายเสื้อของตัวเองโดยอัตโนมัติ จนจมูกเขาไล้ลงบนแก้ม ลมหายใจอุ่นๆ ปะทะแถวปลายคาง นั่นเป็นสัญญาณเตือนถึงอะไรที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นสิ่งถัดไป
ผมหลับตาลง... กำลังจะปล่อยให้มันเป็นไป...
ปี๊นนนนนนนนนนนน!“HOLY CRAP!”
ผมร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนที่จะหันขวับไปมองที่ต้นเสียงจากด้านหลัง ในใจกู่ร้องคำว่าชิบหายในใจทันทีเมื่อเห็นว่ารถใครบีบแตร
รถคุณปฐพี! ฟ้าครามเองก็ตกใจเช่นกัน เราสองคนผละออกจากกันโดยอัตโนมัติ บ้าเอ๊ย... พ่อน้องพระพายคงไม่เห็นใช่มั้ย!
ผมคว้าของทุกอย่างก่อนที่จะเอื้อมมือไปเปิดประตู “เดี๋ยวโทรหานะ”
“คะ ครับ” ฟ้าครามรับคำงงๆ
“ฝันดี ขอบคุณมากสำหรับวันนี้” ผมเอ่ยแบบนั้นก่อนที่จะคลี่ยิ้มให้อีกฝ่าย ขณะที่มือก็เปิดประตูรถทันที “กลับบ้านดีๆ นะ”
พี่เลี้ยงเด็กทำหน้าเหลอหลา ก่อนที่จะพยักหน้าอย่างงุนงงและค่อยๆ ออกตัวไป
รถคันที่บีบแตรเมื่อกี้เลื่อนขึ้นมาที่ประตูหน้าบ้านแทนรถคันเดิมของฟ้าคราม ผมรู้สึกทำตัวไม่ถูก แตกต่างจากกรณีเมื่อกี้ แม่งเอ๊ย อย่างกับพาชู้เข้าบ้าน คิดอะไรจัญไรจริงๆ พชร แต่ผมยังไม่อยากให้คุณปฐพีรู้จริงๆ ผมทำตัวไม่ถูก
คุณปฐพีจอดรถ และเดินลงมาจากที่นั่งคนขับ อ้อมมาทางอีกฝั่งและอุ้มพระพายลงมาจากที่นั่งข้างๆ คนขับ
“เพิ่งกลับเหรอครับ” พ่อของหลานยิ้ม “กลับช้านะ”
ผมสูดลมหายใจลึก “ครับ” พยักหน้าและเดินไปไขกุญแจเปิดประตูบ้านตัวเอง ผมเพิ่งรู้สึกว่ารอยยิ้มของคุณปฐพีทำให้ผมอึดอัดได้ขนาดนี้ “พระพายหลับเหรอครับ”
“อื้อ ผมพาลูกขับรถเล่นน่ะ”
“อ๋อ...” ผมพยักหน้าก่อนที่จะเปิดประตู “เชิญครับ จะกลับเลยมั้ย”
“ไม่ล่ะครับ” อีกฝ่ายยิ้ม “คิดว่ามีเรื่องต้องคุยกับคุณเพชรนิดหน่อย”
ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างเสียไม่ได้
ผมให้คุณปฐพีขึ้นมาในบ้าน อุ้มหลานวางบนเตียงของแก ดูเหมือนสักชั่วโมงนึงผมจะต้องปลุกแกขึ้นมาทานข้าวเย็นและอาบน้ำก่อนที่จะปล่อยแกนอนยาว
พอจัดการหลานเสร็จคุณปฐพีก็หันมามองผมด้วยสีหน้าจริงจังที่ทำให้ผมสูดลมหายใจลึก
“เอ่อ เดี๋ยวผมลงไปหยิบน้ำให้ละกันนะครับ”
“ครับ” คุณปฐพีพยักหน้า “ไปคุยกันที่โซฟาข้างล่างมั้ย”
ผมคิดว่านั่นคือคำพูดอ้อมๆ ว่า ‘เรื่องนี้เราต้องคุยกันยาว’ และผมทำได้แค่ภาวนาในใจว่าขออย่าให้เป็นเรื่องที่ผมกังวลเลย เขาคงไม่หยิบเรื่องนั้นมาพูด...ใช่มั้ยนะ
คุณปฐพีเป็นผู้ชาย...แน่ๆ เขาคงไม่มีรสนิยมชมชอบผู้ชายด้วยกันหรอกไม่งั้นคงจะไม่มีเมียสองลูกสองแบบนี้ แถมหนึ่งในนั้นคือพี่สาวผมด้วย แต่ประเด็นไม่ใช่เขาชอบหรือไม่ มันอยู่ที่เขารังเกียจมันหรือเปล่า แน่นอน ผมไม่สนใจว่าเขาจะเกลียดผมหรือไม่เพราะผมก็ใช่ว่าจะชอบเขา แต่ว่าผมกังวลเรื่องหลานต่างหาก
พระพายคือครอบครัวคนเดียวที่ผมยังเหลืออยู่ ถ้าเกิดเขารังเกียจผมมากจนผมไม่สามารถเจอแกได้ผมต้องอ้างว้างมากแน่ๆ
ผมถอนหายใจ เอาน้ำไปวางตรงหน้าคุณปฐพีที่ทำหน้าจริงจังกว่าปกติเล็กน้อย แต่ก็ยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า
“ถามตรงๆ นะครับ” อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ “เป็นอะไรกับฟ้าครามหรือครับ”
...จนได้สินะ
ผมกัดริมฝีปาก ไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่คุณปฐพีกลับเลือกที่จะยื่นคำถามที่ดูเหมือนจะง่ายกว่าเดิมให้กับผม
“ต้องถามว่ารู้สึกอย่างไรให้กันมากกว่าสินะครับ?”
“มันค่อนข้างจะ...” ผมอึกอัก “พูดยาก” ผมเลือกที่จะตอบแบบนั้นไป
คุณปฐพีมองผมนิ่งๆ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย เขาไม่ได้ว่าอะไรออกมา และเอ่ยปากถามออกมาอีกครา “เคยทำอะไรให้พระพายเห็นหรือเปล่าครับ”
“ไม่!” ผมเถียงทันควัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมมั่นใจ “ไม่เคย แน่นอน ผมสาบานเลย” ผมรีบเอ่ยปากพูดต่อเมื่ออีกฝ่ายทำสีหน้าเหมือนไม่ไว้ใจ
สุดท้ายเขาก็ยกมือขึ้นยอมแพ้ “ถ้าคุณยืนยันแบบนั้นก็เชิญเถอะครับ ผมขอแค่นั้นแหละ”
ผมสูดลมหายใจลึก
“คุณจะเป็นเกย์ รักผู้ชาย หรือจะอะไรก็แล้วแต่...” คุณปฐพีเอ่ยปากพูดเสียงเรียบ “สิ่งแรก ผมเห็นลูกสำคัญที่สุด และผมเชื่อคุณว่าคุณจะไม่ทำอะไรไม่ดีให้พระพายเห็น ผมกลัวแกโดนล้อ” คำพูดสุดท้ายเจือไปด้วยความเสียใจ “แค่แกไม่ได้อยู่กับพ่อ หรือการที่แกไม่ได้มีแม่อยู่ด้วยแล้ว อาจจะทำให้แกดู... ไม่สมบูรณ์”
ลมหายใจผมติดขัด แต่อีกฝ่ายยังพูดต่อ
“ผมมันเป็นพ่อที่แย่พอแล้ว... ผมไม่ได้บอกว่าการที่คุณกับเขารักกันมันไม่ดีนะ แต่ว่าถ้า... ถ้าแกโดนถามว่าทำไมพวกคุณถึงสนิทกันนัก หรือ...”
“ผมขอโทษครับ” ผมเอ่ยปากออกมาด้วยความเสียใจ “ผมลืมคิดถึงเรื่องนี้จริงๆ”
ผมคิดมาตลอดว่าตอนที่แกมาอยู่กับผม...ผมจะสามารถเติมเต็มให้แกได้ จนผมลืมมอง ณ จุดนี้ไป ลืมไปว่าประเทศไทยอาจจะยังไม่ยอมรับขนาดนั้น โดยเฉพาะคนรุ่นที่เป็นแม่คนปัจจุบัน ถึงเขาจะยอมรับเรื่องความรักในเพศได้แต่ผมไม่คิดว่ามันจะถูกยอมรับถ้าหากคู่รักเหล่านั้นเลี้ยงเด็กเยี่ยงบุตรแท้ๆ
“ไม่เป็นไรครับ” คุณปฐพียิ้ม “บางทีมันอาจจะพลาดที่ผมตั้งแต่แรก” ผมสังเกตได้ว่ามือของอีกฝ่ายกำเข้าหากันแน่น
“ถ้าตอนนั้น...ผมพยายามรักษาครอบครัวไว้” วินาทีนั้นผมเผลอคิดถึงคำพูดของพี่เพลง คำเดียวที่ย้ำเตือนผมตลอดว่าผมไม่ควรเกลียดพ่อของพระพาย...บางทีคุณปฐพีอาจจะไม่ใช่สามีที่ดี แต่เขาเป็นพ่อที่ดี
ผมเคลือบแคลงใจ ผมไม่คิดว่าคนที่ทิ้งลูกเมียไปแต่งงานใหม่จะเป็นพ่อที่ดีได้ แต่ในวินาทีนี้ผมคิดจริงๆ ว่าเขาเป็นบุคคลที่ห่วงพระพายที่สุด พยายามทุกอย่างเพื่อพระพายมากที่สุด จนสิ่งที่ผมเคยทำมามันเทียบไม่ได้เลย กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พรรค์นี้ผมยังไม่ใส่ใจ แต่คุณปฐพีกลับใส่ใจทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของลูกที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน
ผมไม่เคยรู้ว่าทำไมเขาถึงเลิกกับพี่เพลง และบางทีเขาอาจจะไม่มีวันบอกผมเลยก็เป็นได้...แต่ลึกๆ ลงไปผมก็รู้สึก เขาไม่ได้ปรารถนาจะทิ้งพี่เพลงไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ขอโทษนะครับ คุณปฐพี” ผมย้ำคำนั้นออกมาอีกคราขณะที่เรานั่งด้วยกัน คุณปฐพียิ้ม “และอีกข้อที่ผมถามเรื่องนี้ขึ้น ไม่ใช่เพราะผมอยากรู้...อันที่จริงผมก็อยากรู้แหละ” เขาพูดติดขำเล็กน้อย “แต่ผมอยากให้คุณรู้นะ แม้ว่าคุณจะตั้งแง่เกลียดผม”
ผมสะดุ้งเล็กน้อย นี่ผมแสดงออกให้เขาเห็นชัดเจนขนาดนี้เลยหรือเนี่ย...
“คุณเป็นน้องของเพลง” เขาเว้นไปเล็กน้อย
“เพราะแบบนั้น... ผมก็ถือว่าคุณเป็นน้องของผม” ผมทำหน้าอะไรไม่ถูกเมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้น ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกลับไปเลยได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อ ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินคำแบบนี้จากปากของอีกฝ่าย
เขายิ้มเมื่อเห็นปฏิกิริยาของผม “ถึงคุณจะไม่อยากนับผมเป็นพี่เท่าไหร่ก็เถอะ เอาตามจริงเราก็ไม่ได้เป็นพี่น้องกันตามกฎหมายแล้ว” นั่นเป็นเพราะเขาหย่ากับพี่เพลงแล้ว
“ฮะๆ” ผมเค้นหัวเราะ
“ผมหวังว่าเราจะเป็นครอบครัวด้วยกันได้ คุณพชร” เขาเอ่ยปากออกมาแบบนั้น “ผมหวังแบบนั้นจริงๆ”
เรื่องจริงที่ผมต้องยอมรับ ผมตั้งแง่กับคุณปฐพีไว้มาก...เกลียดเขาสุดๆ เพราะเขาทิ้งทั้งพี่ทั้งพระพาย เกลียดกว่าตอนที่เมียใหม่เขาผลักหลานตกบันไดแต่เขากลับเลือกที่จะฝากพระพายไว้กับผมแทนที่จะเลิกกับภรรยา แต่ลึกๆ แล้วผมเองก็รู้ตัวเหมือนกัน
ผมไม่ได้เกลียดคุณปฐพีขนาดนั้น อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นคนแบบนี้ก็ได้ล่ะมั้ง... ผมอาบน้ำก่อนที่จะปลุกพระพาย ไล่หลานไปอาบน้ำและตัวเองลงไปทำอาหารง่ายๆ ให้แกกิน พระพายอิดออดนิดหน่อย แกบอกว่าพ่อพาแกกินขนมจนอิ่มท้องแต่ผมจะยอมตามใจได้ที่ไหน ยังไงแกก็ต้องกินข้าวแต่ให้ปริมาณข้าวน้อยลงกว่าปกติเท่านั้น
“แล้วก็นะ น้องน่ารักกกก... “ ผมนั่งฟังพระพายพูดเรื่องน้องตัวเองไม่หยุด สาบานว่าโตมาแกต้องเห่อน้องมากแน่ๆ
“ทำไมไม่พูดถึงคุณพ่อบ้างล่ะคะ” ผมแกล้งแหย่ “เดี๋ยวคุณพ่อเสียใจนะ”
“โอ๊ย ไม่เป็นไรค่า” หลานแกหัวเราะเอิ้กอ้าก “คุณพ่อไม่เสียใจหรอก คุณพ่อก็ชอบพูดถึงน้องเหมือนกัน”
...อืม ดูท่าจะได้หลงกันทั้งบ้านสินะ น้องภาพพิมพ์เนี่ย
จะว่าไปผมก็เคยเห็นแกไม่กี่ครั้ง ตอนนี้คงยังไม่ครบขวบดีด้วยซ้ำ บางทีวันที่ผมพาพระพายย้ายกลับไปอยู่นู่น ผมอาจจะต้องซื้ออะไรให้น้องเขาด้วยสินะ
ผมนั่งฟังพระพายพูดเรื่องเดิมๆ จนเกือบสี่ทุ่มผมก็ต้องไล่แกไปนอนเพราะกลัวว่าแกจะนอนดึกไป หลานงอแงบอกว่านอนมาเยอะแล้ว แกก็โดนผมดุอย่างไม่จริงจังอะไรนักว่าแล้วนอนทำไมเยอะๆ
“ฝันดีนะคะ” ผมก้มลงจูบหน้าผากแกเบาๆ ขณะที่ดึงผ้าห่มมาห่มให้แก
“พระพายยังไม่ง่วง” แกงอแง
“อย่าดื้อสิคะ” ผมว่าอย่างขำๆ “น้าไปแล้วนะคนเก่ง”
“น้าเพชรเล่าอะไรให้ฟังหน่อยสิคะ” แกดันตัวขึ้น “อย่าง... เรื่องของแม่”
ผมชะงักไปก่อนที่จะอมยิ้ม “อยากรู้เรื่องไหนล่ะคะ”
พระพายดูตื่นเต้นตอนผมเล่าเรื่องของพี่เพลง ผมไม่ได้เล่าอะไรมากแค่เรื่องตอนที่ผมโดนแกล้งตอนเด็กๆ แต่พี่เพลงมาช่วย ทั้งๆ ที่ตัวเองก็หาของที่ผมเกลียดมาแกล้งผม ประมาณว่าน้องข้าใครอย่าแกล้ง...ข้าแกล้งได้คนเดียว ไม่นานแกก็หลับ ผมเห็นแกยิ้ม... ไม่รู้ว่าแกฝันถึงแม่ดีๆ อย่างพี่เพลงหรือเปล่า
ผมเดินออกมาเมื่อมั่นใจว่าแกนอนหลับสนิท ก่อนที่จะเดินมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงตัวเองและคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคนที่สัญญาว่าจะโทรหาตั้งแต่เย็น
[ครับ!] ฟ้าครามรับเสียงร้อนรน [คุณเพชร... เงียบไปเลย นึกว่าเป็นอะไรเสียอีก]
“โทษที” ผมหัวเราะเบาๆ “คุยกับพระพายเพลินน่ะ”
[อ๋อ... ไม่มีอะไรใช่มั้ยครับ]
“อื้อ”
[แล้ววันนี้...]
“ไม่ต้องกังวลน่า” ผมว่าพลางอมยิ้ม “ไม่มีปัญหาหรอก”
[ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึง สรุปที่ผมได้ยินวันนี้…เรื่องจริงใช่มั้ยครับ]ผมไปต่อไม่ถูก ลืมไปเสียแล้วว่าตอนเย็นไปพูดอะไรกับเจ้าฟ้าครามไว้ จริงๆ จะเบี่ยงประเด็นโดยการตัดสายได้แต่ก็ดูแย่ไปหน่อย ผมเลยเลือกที่จะเงียบ
[ผมไม่ขอให้คุณเพชรพูดซ้ำหรอกครับ...] เสียงนุ่มกระซิบข้างหู [แค่อยากจะให้ฟังผมบ้าง]
“…”
[ผมก็รู้สึกเหมือนคุณเพชรนะครับ]
ผมเอามือตะปบใบหน้าตัวเอง พยายามกดที่มุมปากไว้แต่กลับกลายเป็นช่วยอะไรไม่ได้เลย เหมือนมุมปากมันจะยกขึ้นตลอดเวลา สุดท้ายก็ได้แต่นึกขอบคุณที่เขาอยู่คนละที่ ขืนพูดออกมาตอนอยู่ตรงหน้าผมคงหลุดฟอร์มไปเยอะ ทำไมต้องฟอร์มจัดด้วยวะ... ลำบากตัวเองทำไม
“ขี้โกง” ผมว่าอย่างขุ่นเคือง “ทีงี้ล่ะไม่พูด” ผมบ่นงึมงำ
[ถ้าพูดคุณเพชรตัดสายแน่ๆ ครับ] ผมกลอกตา...เจ้าเด็กนี่รู้วิธีรับมือผมดีเกินไปแล้ว! [หรือคุณเพชรอยากให้ผมพูด?]
“ไม่ล่ะ” ผมปฏิเสธ
ขนาดไม่พูดออกมายังทำให้ผมเป็นขนาดนี้...ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเขาพูดออกมาผมจะเป็นขนาดไหน สงสัยได้ปาโทรศัพท์ออกนอกระเบียงแน่ๆ
ค่อยเป็นค่อยไป...ค่อยๆ เขยิบความสัมพันธ์
อย่าทำอะไรให้ชัดเจนนักเลย แค่นี้ก็มีความสุขจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!
---------------------------------------------------
น้อมรับทุกข้อกล่าวหา Orz มาช้าเป็นนิจจริงๆ
ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการอ่านนะคะ
ส่วนคุณปฐพี... เอาเป็นว่า รอส่วนของนางกันดีกว่าค่ะ! 5555555
ให้ด่ากันไปก่อน ซึ่งจริงๆ นางอาจจะน่าด่าก็ได้นะ ฮึๆ