My Almond Crush....
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Almond Crush....  (อ่าน 47963 ครั้ง)

วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
16(3) ทะเล และกล่องไปรษณีย์สีแดง (กีฬา เกม และลูกผู้ชาย)


    ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวันหนึ่ง เพราะแสงสว่างที่ส่องลอดหน้าต่างเข้ามานั้นเริ่มเข้มขึ้นจนกลายเป็นสีเหลืองทองจนผมแสบตา บนที่นอนของผมมีไอ้พี่เอ็กซ์ที่ตอนนี้แม่งก็ยังกรนเบาๆ สภาพหนุ่มหล่อที่ผมเห็นเมื่อเย็นวานนั้นหายไปหมดเลยครับ เหมือนไอ้ขี้เหล้าคนหนึ่ง แต่ส่วนคู่รักทะเลเดือด 2 คนของผมนั้นหายไปจากห้องแล้วครับ

        ผมลุกจากที่นอนเพื่อออกมาแปรงฟันล้างหน้าที่ห้องน้ำหลังบ้านพัก ตอนนี้ในบ้านยังเงียบสนิทผมว่าพวกไอ้เอ็มคงยังไม่คืนชีพกันจากเมื่อคืนแน่ ส่วนพวกผู้หญิงก็ดื่มกันไปไม่น้อยเหมือนกัน ผมเดินกลับเข้าห้องและพบว่า ไอ้พี่เอ็กซ์มันตื่นขึ้นมาลุกนั่งบนเตียงผมแล้ว ตาบวมหัวและเพราะไม่ได้เซ็ทผม เสื้อยังเป็นตัวเมื่อวานเพราะไม่ได้อาบน้ำซกมกที่สุด แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรมันก็ชิงพูดมาก่อนครับ

“เฮ้ย.....โย๊ป มึงลักหลับกูป่าววะ” ดูแม่งมันถาม เมื่อวานกูอุตส่าห์ช่วยมึงถอดเดฟออก

“เฮ้ยย....ป่าวพี่เอาไรมาพูด” ผมตกใจ แอบโกรธนิดๆ แต่ต้องสุภาพกับรุ่นพี่หน่อยครับ

“มีงดูบ็อกเซอร์ตัวเองดิ” เขาชี้มา แล้วผมก็เห็นหลักฐานชิ้นสำคัญเมื่อคืนว่า นอกจาก 2 คนนั้นแล้วผมเองก็เสร็จสมอารมณ์หมายเหมือนกัน

“เฮ๊ยยยย.....ป่าวพี่” ผมตกใจ และร้อนรนครับ เริ่มอาย

“รึมึงฝันเปียก” ไอ้เชี่ยพี่เอ็กซ์ยังรุกผมไม่เลิก

“ป่าวพี่.....” แล้วในที่สุดคนที่ช่วยชีวิตผมก็เปิดประตูห้องเข้ามา พี่วิกับไอ้คอร์ทครับ 2 คนนั้นใส่เสื้อกล้ามสบายๆ กับบ็อกเซอร์ตัวเดิมจากเมื่อคืน

“มีอะไรกันโวยวาย” พี่วิถาม ผมกับไอ้พี่เอ็กซ์อึ้งกันไปพักหนึ่งครับ ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับ ร่องรอยที่ไอ้คอร์ทมันทำไว้บนตัวพี่วิชัดมากครับ ทั้ง อก คอ หลัง เหมือนทาขี้ผึ้งแก้หวัดเลย เพียงแต่มันเป็นรอยจ้ำช้ำๆ ที่เกิดจากการจูบ การดูดแรงๆ บางที่เป็นรอยนิ้วที่บีบรัด ที่น่ากลัวที่สุดคงเป็นรอยฟันบนคอด้านซ้าย และก็ที่ฐานอกพี่วิครับ แต่สักพักพอไอ้พี่เอ็กซ์มันตั้งสติได้มันก็กลับมาเข้าประเด็นเดิมอีก

“วิดูเป้าไอ้โย๊ปดิ” แม่งเสือกชี้มาอีก ผมอายสายตาพี่วิกับไอ้คอร์ทจนรู้สึกว่าไอ้นั่นผมมันหดตัวเป็นหนอนไปเลยครับ

“แล้วไง” พี่วิถามหน้าตาเฉยไม่ได้สนใจ
“เอ็กซ์รีบไปเถอะ พินตามหาแล้ว” แล้วพี่วิก็ตัดบทด้วยการไล่ไอ้เชี่ยพี่เอ็กซ์กลับไปที่บ้านพักของมันครับ

“อ่อๆ ขอบใจ” แล้วไอ้พี่เอ็กซ์ก็ลุกขึ้นยืนโดยไม่ได้อายเลยว่าไอ้นั่นของมันก็แข็งโด่จนทิ่มบ็อกเซอร์เป็นกระโจม ผู้ชายมักแข็งตัวตอนเช้าทุกคน มันไม่สนใจครับแต่หยิบเดฟตัวเองแล้วโดนออกไปทางประตูห้อง

“เย็นนี้มากินเหล้าด้วยนะ” พี่เอ็กซ์หันหน้ามาบอก ผมเลยคิดในใจว่า มาเถอะกูจะให้พี่วิเก็บเงินค่าเหล้ามึง 2 เท่าเลย

“เชี่ยโย๊ปมึงปล้ำไอ้เอ็กซ์เหรอวะ” พี่วิจบแต่ไอ้เชี่ยคอร์ทไม่ยอมจบครับ

“สัตxx กูป่าวเว้ย....” ผมรีบปฏิเสธ

“เสียดายว่ะแม่ง...” ดูมันครับ มึงได้ประตูหลังคนเดียวก็พอละไอ้คอร์ท ปล่อยกูไปเถอะ

“เปลี่ยนกางเกงไปมึง อายชาวบ้านเขามั้ย” ไอ้คอร์ททับถมผมต่ออีก สัตxx กูแตกเพราะแอบดูพวกมึงน่ะแหละ แล้วมึงดูสภาพเมียมึงบ้างเหอะ ไอ้ทรีเห็นแม่งด่าเละแน่

“แต่งตัวดิโย๊ป ได้ไปกินข้าวเช้ากันที่ตลาด” พี่วิพูดเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรอีกแล้วครับ

“เออเร็วๆ กูหิวแล้ว” ไอ้คอร์ทเร่งผมอีก

        ขณะที่ผมกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า พี่วิก็เปลี่ยนเสื้อกล้ามเป็นเสื้อยืด แล้วสวมยีนส์ ส่วนไอ้คอร์ทนี่สวมยีนส์ทับไปอย่างเดียวเลย แล้วพวกเรา 3 คนก็เช่าจักรยานไปตลาดครับ 3 คน จักรยาน 2 คัน เรามาถึงตลาดแล้วจอดจักรยานที่ร้านโจ๊กและข้าวต้ม ขณะที่เรากินข้าวเช้ากันไป ก็มีแต่คนมองพี่วิครับ รอยบนตัวมันชัดซะขนาดนี้ คงช่วยไม่ได้ แต่พี่วิก็ไม่มีทีท่าจะสนใจ

         ขากลับพวกเราแวะเซเว่นระหว่างทาง เพราะผมซื้อขนมถุง ไอ้คอร์ทซื้อช็อกโกแลต พี่วิซื้อคาลพิโกโซดากับพลาสเตอร์แปะแผลกล่องใหญ่ แล้วเราก็ขี่จักรยานเล่นเรื่อยๆ จนสายแดดเริ่มร้อนจึงกลับรีสอร์ทกันครับ

         พอกลับมาถึงเราก็แยกย้ายครับ พี่วิเอานิยายออกมาอ่านบนแปลใต้ต้นสนใหญ่ข้างบ้านพัก ไอ้คอร์ทก็เล่นกีตาร์นั่งอยู่ข้างๆ กัน ผมสงสัยนะครับ 2 คนนี้มันเข้ากันได้ดีเกินไปมั้ย คนหนึ่งเล่นกีตาร์คนหนึ่งอ่านหนังสือ แล้วมันจะรู้เรื่องเหรอ แต่ผมไม่ได้ถามหรอกนะครับ เพราะสักพักผมก็ไปนอนเล่นใกล้ไอ้คอร์ทครับ ไปนอนฟังเพลงจนเคลิ้มหลับไป

         12.56 ผมตื่นมาอีกครั้งเพราะไอ้ทรีปลุกผมขึ้นมาครับ พวกมันสั่งอาหารจานเดียวจากห้องครัวของรีสอร์ทเพราะตื่นสาย เลยไม่ได้ไปตลาด พวกเราเลยได้กินอาหารตามสั่งกันทุกคนครับในมื้อกลางวัน พี่วิกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับคอที่มีปลาสเตอร์แปะแผลติดไว้เต็มไปหมด ไอ้คอร์ทก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ประหลาดทั้งคู่ พอกินเสร็จพักใหญ่พวกเราก็ชวนกันเล่นน้ำทะเลอีกแล้ว เว้นแต่คราวนี้พี่วิกับไอ้คอร์ทไม่ยอมลงมาเล่นด้วย พวกเราก็เล่นน้ำเหมือนเดิมจนบ่าย 3 กว่าๆ ครับ

        4.00 ไอ้เชี่ยพี่เอ็กซ์กลับมาพร้อมกับรุ่นน้องผู้ชายของมันอีก 4 คน มันมาชวนไอ้เอ็มคุยอะไรสักพักหนึ่ง แล้วไอ้เอ็มก็เสียงดังแบบดีใจ ครับ

“เฮ๊ย...มึงแข่งบอลกันป่าว ข้างละ 6 คนพอดี” แล้วไอ้เอ็มก็ประกาศครับ ไอ้คอร์ทลุกขึ้นทันที ไอ้นี่ก็นักบอลคณะครับ

        สุดท้ายแล้วพวกเราทุกคนก็ต้องแข่งครับ พวกผมรวมไอ้บลีชเป็น 5 คน พี่วิกับไอ้คอร์ท 2 คน และไอ้พี่เอ็กซ์รวมกับรุ่นน้องมัน 5 คน  คนเล่นเป็น 12 คน แบ่งได้ข้างละ 6 พอดี แล้วคราวนี้เราก็แบ่งข้างกันครับ

“คอร์ท...วิถอดเสื้อไม่ได้” พี่วิกระซิบเมื่อฝ่ายผมทุกคนกำลังถอดเสื้อออก ให้ไม่สับสนครับเพราะฝ่ายหนึ่งจะถอดเสื้อ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งสวมเสื้อ

“แลกข้างสิ” ดูไอ้คอร์ทตอบเมียมัน เหมือนไม่ใส่ใจ สายตามันมุ่งมันกับการเล่นมากครับ พี่วิเลยเดินไปคุยขอแลกตัวกับไอ้พี่เอ็กซ์ครับ พี่เอ็กซ์มันพยักหน้าแล้วยิ้ม ถอดเสื้อออกแล้วโยนออกไปนอกสนามต่อหน้าพี่วิเลย หลังจากนั้นก็เกินมาทางฝ่ายผมครับ พี่วิเลยไปเป็นไข่แดงท่ามกลางฝ่ายเด็กจากมหาลัยอื่น

        เราเริ่มเกมกันด้วยด้วยการเปิดลูกกลางสนามครับ ไอ้ทรีเป็นโกลประตูฝ่ายผม แต่ที่ทำให้ผมแปลกใจที่สุดก็คือ พี่วิอยู่ในตำแหน่งศูนย์หน้าครับ ตอนนี้รอบๆ ชายหาดที่พวกเราใช้เป็นสนามบอลจำเป็นได้รับความสนใจจากพวกสาวๆ มากครับ ทั้งที่มากับพวกเรา แล้วก็สาวๆ จากมหาลัยพี่เอ็กซ์ แม้แต่พี่พินคนสวยก็ยังมานั่งดูด้วย ผมกลับมาสนใจในสนามต่อแล้วจึงพบว่า พี่วิเล่นแรงมากครับ พี่เขาเลี้ยงบอลเข้ามาในแดนผมแล้วค่อนข้างลึกด้วย เเคลื่อนไหวไวมาก หลบพ้นไอ้คอร์ท และไอ้เอ็มที่เป็นนักบอลคณะมาได้ ตอนนี้พี่เอ็กซ์เลยวิ่งเข้าไปสกัดครับ คู่นี้เล่นกันแรงมากครับพี่วิเตะแย่งบอลแรงจนพี่เอ็กซ์เสียหลัก สะใจครับไม่มีกรรมการ แต่แทนที่จะล้มพี่เอ็กซ์คว้าคอเสื้อพี่วิทัน นั่นทำให้ปลาสเตอร์แปะแผลของพี่วิหลุดออกมา แต่เผลอแค่แป๊บเดียวพี่วิก็สลัดหลุดแล้ว เลี้ยงลูกไปหน้าประตูไอ้ทรีดูประหม่าเมื่อเผชิญหน้ากับพี่ชายมันครับ และเร็วกว่าที่ใครจะคิดพี่วิก็ซัลโวบอลลูกแรกทำประตูให้กับทีม

         เสียงเชียร์ดังกระหึ่มนำความอึ้งมาให้พวกเรามากครับทั้งสาวต่างมหาลัย และก็เพื่อนผม พี่วิเองก็หัวเราะสะใจเหมือนคนบ้า แล้ววิ่งกลับไปที่แดนตัวเอง นอกจากผมที่อึ้งแล้ว คนที่อึ้งสุดก็มีไอ้คอร์ท กับไอ้พี่เอ็กซ์ครับ ไม่นานเกมรุกของฝ่ายผมก็เริ่มขึ้นเมื่อไอ้เอ็มส่งบอลต่อให้ไอ้คอร์ทวิ่งเข้าไปในแดนของฝ่ายพี่วิ ด้วยความเร็วมากครับพี่วิวิ่งออกห่างจากผมเข้าไปสกัดลูกที่เท้าไอ้คอร์ท คนรัก 2 คนแย่งลูกกันสักพัก ผมเห็นว่าไอ้คอร์ทคือข้อยกเว้นของพี่วิครับ พี่วิไม่ใช้แรงที่มีอยู่ทั้งหมดแย่งบอลกับมัน ในที่สุดไอ้คอร์ทก็ได้บอลทิ้งให้พี่วิเสียหลักล้มลงบนพื้นทราย ทันทีที่พี่วิลุกขึ้นมาไอ้คอร์ทก็ถึงระยะทำประตู และยิงลูกบอลตีเสมอให้ฝ่ายเราได้ครับ

      เกมดำเนินไปแบบนี้อีกสักพักพี่วิมักจะเสียลูกให้ไอ้คอร์ทเสมอ แต่คราวนี้ไอ้คอร์ทกับทำลูกหลุดเมื่อโดนเด็กจุฬาฯ รูปร่างทะมัดทะแมงสกัด แต่โชคก็ยังช่วยผ่ายเรา เพราะไอ้พี่เอ็กซ์แย่งบอลคืนมาได้ แล้วยิงประตูที่ 2 ให้พวกเรามีคะแนนนำ 2 ต่อ 1 เกมนี้จบลงด้วยการที่ฝ่ายผมชนะไป 3 ต่อ 2 ลูก โดยมีไอ้คอร์ท พี่เอ็กซ์ และไอ้เอ็มทำประตูคนละลูก ส่วนฝ่ายพี่วินั้นมีพี่วิที่ยิงประตู และรุ่นน้องพี่เอ็กซ์อีกหนึ่งคน

“วิเล่นเก่งจัง เก่งกว่าเอ็กซ์อีก” พี่พินเข้ามาชมเพื่อนครับ

“555 เอ็กซ์มันอ่อน” พี่วิเกทับอีกครับ

“เบาๆ หน่อยพินเราได้ยิน” พี่เอ็กซ์ร้อนตัวครับ แล้วพวกเราก็ขอตัวไปอาบน้ำล้างเหงื่อครับ ส่วนไอ้พี่เอ็กซ์ก็พารุ่นน้องมันไปล้างตัวที่บ้านพัก

        พวกผมไปอาบน้ำรวมกันที่ห้องน้ำหลังบ้านพักครับ อาบแบบใส่กางเกงในไม่มีใครอายใคร ส่วนพี่วิขอแยกตัวไปอาบคนเดียวในห้องน้ำข้างในตัวบ้าน ตอนนี้เองที่ผมได้เห็นร่างกายไอ้คอร์ทใกล้ๆ ร่างกายที่สมบูรณ์แบบครับ ไม่เล็กไม่ใหญ่ไม่อ้วนไม่ผอม มีกล้ามเนื้อเล็กๆ ทำให้ดูแข็งแรง และสิ่งที่ต่างจากสมัยเราเรียนรด. ก็คือขนตรงนั้นของมันงอกมาคลุมช่วงหัวหน่าวทั้งหมดลามมาถึงสะดือเป็นทรงสามเหลี่ยม ของที่อยุ่ในกางเกงในก็ไม่ธรรมดาครับ ผมไม่แปลกใจเลยที่พี่วิหลงรักมัน หากยกเหตุผลแค่รูปร่างหน้าตา

“สัตxx บลีชกูไม่เชื่อว่ามึงใหญ่สุด” เอาละครับพวกผู้ชาย ท้ายที่สุดมันก็ต้องมาวัดขนาดเจ้าโลกกัน เนื่องจากพวกเรามองเห็นความตุงของเพื่อนทุกคนครับ แต่ไอ้บลีชมันเป็นคนใต้ มันเลยคุยว่ามันใหญ่สุด พวกเราทุกคนท้ากันไปมาครับ รู้สึกเหมือนเด็กมัธยม ในที่สุดทุกคนก็ถอดกางเกงในแล้วงัดออกมาวัดกันครับ

“แม่งไอ้บลีชมึงแพ้ว่ะ 555” ไอ้วิตซ์หัวเราะครับ แต่ผมคิดว่ามันไม่ควรหัวเราะ เพราะคนที่ใหญ่กว่าไอ้บลีชไม่ใช่ใคร แต่เป็นผมเอง ฮ่าๆๆ

“สัตว์ควxxม้า” ไอ้ทรีด่าผมครับ

      เราเรียงลำดับกันครับ มีไอ้ทรีเล็กสุดขาวแบบคนจีน ตามมาด้วยไอ้วิตซ์ซึ่งใหญ่กว่าแค่นิดเดียวดำคล้ำตามสีผิว จากนั้นก็เป็นไอ้เอ็ม กับไอ้คอร์ทที่ดูขนาดเท่าๆ กันครับ แต่ของไอ้เอ็มจะโค้งขึ้นเหมือนดาบส่วนของไอ้คอร์ทจะตรงๆ แถมอวบกว่านิดหนึ่งด้วยพวกเราเลยตัดสินให้ไอ้คอร์ทใหญ่กว่าไอ้เอ็มแบบฉิวเฉียด จากนั้นเป็นไอ้บลีชครับ มันใหญ่จริงคล้ำๆ ตามสีผิวของคนใต้ขนมันหยิกมากครับ สุดท้ายและใหญ่ยาวที่สุด ฮ่าๆๆ กลับเป็นผม เคยวัดของตัวเองเล่นๆ สมัยมัธยมครับ 8.1 นิ้วเอง จากนั้นไอ้เชี่ยวิตซ์ก็หาเรื่องอีกครับว่าให้เราชักว่าวแข่งกัน ซึ่งผมก็เคยครับแต่ตอนนี้มันรู้สึกแปลก ยิ่งผมเคยเห็นไอ้คอร์ทมีอะไรกับพี่วิด้วยแล้ว

“สัตxx กูไม่เล่นเว้ย จะไปแต่งตัวแล้ว” ไอ้คอร์ทปฏิเสธครับ

“เออมึงน่ะไปเลยยังไงมึงก็แพ้ เพิ่งได้กับเมียเมื่อคืนนิ 55” ไอ้เอ็มจัดหนักเลยครับ

“สัตxx” แล้วไอ้คอร์ทก็เดินหยิบผ้าเช็ดตัวพันเอวแล้วออกไปจากห้องน้ำครับ ส่วนผมที่ยังไม่มีคนรู้ความลับเรื่องเมื่อคืน ก็ต้องแข่งด้วยครับ

“มึงอย่าปากโป้งไปบอกพี่กูกับแฟนกูนะสัตxx” ไอ้ทรีตั้งเงื่อนไข

“เออ” ไอ้เอ็มย้ำ

“ใครแตกไกลที่สุดชนะ” ไอ้บลีชบอก แม่งเด็กเทพก็หื่นครับ ผมไม่บอกได้ไหมว่าสุดท้ายแล้วเกมนี้ใครชนะ ฮ่าๆๆๆ


         ตกเย็นเราก็ไปซื้อของทะเลแล้วล้อมกองไฟ กินเหล้ากินเบียร์กันไปโดยมีพี่เอกซ์กับรุ่นน้องผู้ชายมัน 4 คนมานั่งกินด้วย แต่คืนนี้ไอ้คอร์ทไม่เล่นกีตาร์นะครับ มันเซ็งไอ้พี่เอ็กซ์ครับเหมือนผมเลย แต่ตอนที่เรากำลังคิดว่าจะไปตั้งวงไพ่นั้น เกมสุดท้ายของวันนี้ก็เริ่มขึ้นครับ โดยความคิดของไอ้พี่เอ็กซ์จอมกวนตีนอีกแล้วครับ

“เฮ๊ย....เราเล่นเกม Truth or Dare (ตอบความจริงหรือรับคำท้า) กันมั้ย” คำถามสั้นๆ ที่พวกเราหลายคนตอบตกลงด้วยความขาดสติแทบทันที อาจจะด้วยความเมาก็ได้ครับ พี่วิทำท่าจะไม่เล่น สุดท้ายโดนน้องชายตื้อ ไอ้คอร์ทก็โดนตื้อ และพอไอ้คอร์ทยอมเล่น พี่วิก็ต้องเล่นด้วยครับ

         แล้วพวกเราผู้ชายทุกคนก็เดินออกไปบนชายหาดครับ ก่อไฟกองเล็กๆ ขึ้นมาแล้วนั่งล้อมวง ไอ้พี่เอ็กซ์ถือน้ำอัดลมขวด 1.5 ลิตรมา 2 ขวด นอกนั้นพวกเราก็ถือเบียร์กับกับแกล้มมาครับ

“กติกาง่ายๆ เวียนกันกินน้ำอัดลมคนละอึก กูจะเปิดเพลงแล้วหยุดครั้งละ 2 นาที ขวดอยู่ที่มือใครคนนั้นโดน” พวกเราพยักหน้าเข้าใจครับ คงเมากันหลายคน
“แต่จะให้คนที่โดนเลือกเองนะ ว่าจะเอา truth หรือ dare แต่ต้องตอบความจริงนะเว้ย” พี่เอ็กซ์เสริม

          แล้วเกมก็เริ่มครับ ไอ้พี่เอ็กซ์กดเปิดเพลงจากมือถือพร้อมๆ กับที่มันยกขวดลิตรขึ้นมาดื่มหนึ่งอึกแล้วส่งต่อให้รุ่นน้องที่อยู่ข้างๆ ซึ่งรีบยกขวดดื่มแล้วรีบส่งต่อ เมื่อขวดวนไปประมาณรอบครึ่งเพลงก็หยุดลง ขวดอยู่ที่ไอ้ปิ้งรุ่นน้องไอ้พี่เอ็กซ์ ไอ้ปิ้งดูอึ้งๆ ครับ

“truth หรือ dare” ไอ้พี่เอ็กซ์ถามเสียงเย็น

“truth” ไอ้ปิ้งรีบตอบ

“ใครจะถาม” เพื่อนที่ผมจำชื่อไม่ได้พูดออกมา

“กูถามเอง” เพื่อนมันอีกคนพูด
“มึงเคยเย็xxกระเทยมั้ย” คำถามแรกก็เอาเลยครับ ไอ้ปิ้งมันก็หุ่นดี ขาว ล่ำ น่าจะสเป็คเกย์อยู่ครับ

“เคย ตอนกูเรียน รด.” ไอ้ปิ้งกลั้นใจตอบ

“เฮ้ยย...เหี้xx” พวกเพื่อนๆ มันอุทานด้วยความตกใจ บนประหลาดใจ ไอ้ปิ้งนั่งหน้าแดงเลยครับ

      และหลังจากนั้นไม่นานรอบสองก็เริ่มขึ้น แล้วโชคช่างเข้าข้างเหลือเกินที่ขวดมันมาหยุดอยู่ที่ผม ฮ่าๆๆ ซวยละกู
“truth” ผมรีบตอบลืมคิดไปเลยครับ

“กูถามเอง” ไอ้คอร์ทครับ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด

“มึงได้เมียมึงแล้วหรือมึงยังไม่เคย” ไอ้คอร์ทที่หน้าเริ่มแดงเพราะกินเบียร์ เล่นผมแรงมาก

“กู....ไม่เคย กู........ยังเวอร์จิ้น” แล้วผมก็พูดความจริงที่น่าอายที่สุดในชีวิตออกไป

“แม่ง.....จริงอ่ะสัตxx” พวกไอ้เอ็มตกใจครับ เพราะผมดูเป็นคนมากประสบการณ์เรื่องนี้ที่สุดในกลุ่มครับ ขนาดตอนไอ้เอ็มจีบสาวผมก็เป็นคนพามันไป ผมไม่รู้หลอกครับหน้าผมจะแดงขนาดไหน แต่ผมรู้สึกว่าหน้าผมร้อนมาก

      รอบต่อไปขวดไปอยู่กับไอ้บลีช ซึ่งอึ้งแดกครับ
“....truth” มันบอกหลังจากลังเล มันโดนคำถามเดียวกับผมครับว่าเคยมีเซ็กซ์แล้วหรือยัง และด้วยความแปลกใจของผม
“กูยังไม่เคย” มันยังเวอร์จิ้นครับ

“สัตxx Kใหญ่ซะป่าวพวกมึง” ไอ้วิตซ์ล้อครับ รุ่นน้องไอ้พี่เอ็กซ์ก็หัวเราะด้วย

       รอบต่อไปขวดไปหยุดที่ไอ้พี่เอ็กซ์เองครับ แต่มันดูเฉยๆ เหมือนเคยผ่านเกมนี้มาบ่อย
“truth” มันตอบเสียงเรียบ

“ผมรู้ว่าพี่เป็นเกย์ ในวงนี้ถ้าเลือกได้พี่อยากมีเซ็กส์กับใครที่สุด แล้วพี่จะเล่นท่าไหน” รุ่นน้องมันเป็นคนถามครับ

“กูอยากได้วิ.....”

“สัตxx” ไอ้คอร์ทลุกขึ้นทำท่าจะพุ่งไปชกไอ้พี่เอ็กซ์ครับ แต่โดนพี่วิที่มือไวกว่าดึงแขนไว้ ทุกคนในวงตะลึงครับ แต่ไอ้พี่เอ็กซ์เสือกไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“กูจะจับมันเย็xxท่ายกล้อ”

“เหี้xx…” เสียงไอ้คอร์ทครับ ถึงไอ้คอร์ทจะโดนพี่วิดึงแขนไว้ ผมทันได้เห็นประกายสีทองวิ่งผ่านหน้าไปแวบเดียวก็มีเสียงป๊อก กระป๋องเบียร์เปล่าพุ่งเข้าหน้ามันจังๆ เลยครับ พี่วิปาออกมาเอง

“กูจะเลิกแล้ว” พี่วิพูด แต่โดนพวกเราห้ามไว้เพราะ 2 คนนั้นยังไม่โดนครับ ไม่อย่างนั้น 2 คนนั้นจะออกไปโดยที่รู้ความลับพวกผม โดยที่พวกผมจะไม่มีความลับเขามาเป็นตัวประกันเลย

         ขวดน้ำอัดลมวนไป 2-3 รอบโดนรุ่นน้องพี่เอ็กซ์กับ ไอ้วิตซ์ ซึ่งรายหลังนี้ยอมรับว่าเคยไปขึ้นครูตอนอยู่มัธยมครับ ท้ายที่สุดขวดนั้นมันก็ไปตกอยู่ที่ไอ้คอร์ท
“truth” ไอ้คอร์ทบอก และผมไม่พลาดโอกาสที่จะแก้แค้นครับ

“เมื่อคื่นมึงพาพี่วิไปเย็xxที่ไหน” อาจเป็นเพราะผมเริ่มเมา ผมเลยไม่ยั้งคำพูดแล้วครับ

“เหี้xx” “ควxx” พี่วิกับไอ้คอร์ทด่าผมพร้อมกันครับ คำถามนี้ตอบคนเดียวรู้ความลับของ 2 คนครับ กำไรมาก

“....เฮ้อ.....กูพาเมียกูไปเอาบนหาดทรายตรงนั้น” แล้วมันก็พยักเพยิดไปที่จุดเกิดเหตุเมื่อคืนครับ

“แม่งเหี้xx เจ๋งว่ะคอร์ท” ไอ้เอ็มหันไปยกนิ้วให้ไอ้คอร์ท ส่วนพี่วิหันหน้าออกไปนอกวงเลยครับ

   แล้วขวดก็วนไปเรื่อยๆ โดนไอ้ทรี ซึ่งมันยอมรับว่ามันเพิ่งได้เมียมันไปไม่นานนี้เอง และก็มาถึงไอ้เอ็มครับ ไอ้นี่โคตรเด็ด
“DARE….” มันบอกเสียงดัง

“มึงกล้ายืนชักว่าวให้แตกกลางวงป่าวไอ้เอ็ม” ไอ้บอลคนที่ยิงประตูคู่กับพี่วิท้าไอ้เอ็มที่เริ่มสนิทกันแล้ว เพราะแดกเหล้ากับพวกผม ไอ้เอ็มดูอึ้งไปสักพัก

“มึงกล้าป่าว” เอ็มโดนถามย้ำครับ

“สัตxx….” แล้วไอ้เชี่ยเอ็มก็ลุกขึ้นยืนครับ ถกกางเกงกับกางเกงในลงไปกองกับพื้น แล้วเริ่มชักว่าวครับ

“อ่า....” ไอ้เอ็มครางเบาๆ ทุกคนจ้องมองมันด้วยความอึ้งครับ ไอ้คอร์ทส่ายหน้า ส่วนไอ้ทรีกับพี่วิตาค้างไปเลยครับ เกือบสามนาทีผ่านไปไอ้เอ็มก็ปล่อยน้ำเชื้อมันลงกองไฟจนมีเสียงดังซู่ ไอ้สัตxxนี่โคตรพิเรนทร์ ส่วนน้ำที่เปื้อนนิ้วมัน มันก็สะบัดใส่ไอ้บอลคนท้าครับ แต่แทนที่ไอ้บอลจะด่ามันกลับก้มหน้าแดงไม่มองสบตาใครเลย

        รอบต่อไปขวดก็ไปตกที่พี่วิในที่สุดครับ พี่วิถอนหายใจทำท่าเหมือนจะเป็นลม พี่วิดูลังเลนิดหน่อยแล้วประกาศครับ
“dare” พี่วิพูดพร้อมกับหันไปมองหน้าไอ้คอร์ทแบบสื่อความหมาย

“จูบปากผม” ไอ้คอร์ทท้าแฟนมันครับ เหมือนรู้กัน

“เฮ้ย....ไม่ได้” ไอ้เชี่ยพี่เอ็กซ์ท้วงครับ
“ไม่แฟร์ว่ะ.....วิจูบปากใครก็ได้ในวงนี้ นอกจากไอ้คอร์ท” เขาตั้งเงื่อนไข

“เหี้xx มึงจะเอาใช้มั้ย” “สัตxxพี่กู”คราวนี้ไอ้คอร์ทกับไอ้ทรีกระโดดขึ้นมาพร้อมกันเลยครับ จนพวกผมต้องคว้าตัวมันไว้

“จูบแบบเบาๆ ก็ได้พี่” ไอ้เอ็มช่วยคงสงสารพี่วิ แต่พี่วิน้ำตาไหลแล้วครับ จับมือไอ้คอร์ทไว้แน่น แต่ที่ผมลืมสังเกตก็คือ ไอ้บอลก็นั่งมองพี่วิกับไอ้คอร์ทน้ำตาไหลเหมือนกันครับ

“ผมจูบพี่วิเองครับ” ไอ้บอลลุกขึ้นมาอาสาทั้งน้ำตา

“ไม่ต้องโกรธหรอกคอร์ท กูเป็นรับเหมือนพี่วิ ถือว่าจูบปากแบบพี่น้อง” แล้วไอ้บอลตี๋หุ่นดีที่เพิ่งประกาศว่าตัวเองเป็นเกย์รับก็จูบพี่วิเบาๆ ที่ริมฝีปากนานประมาณ 1 นาที แล้วมันก็กลับไปนั่งครับ

        พี่วิกับไอ้คอร์ทนั่งลง ไอ้คอร์ทรีบดึงพี่วิไปจูบปากทันทีแบบดูดดื่มมาก แต่ทุกคนแกล้งทำเป็นไม่เห็น จนขวดวนรอบสุดท้ายไปตกที่ไอ้บอล
“dare” มันบอก

“มึงมาจูบปากกู...บอล” แล้วไอ้บอลก็ขยับตัวช้าๆ ไปจูบปากไอ้พี่เอ็กซ์แบบเดียวกับที่จูบปากพี่วิ แต่ไอ้พี่เอ็กซ์กลับเอามือจับล็อกหัวไอ้บอลไว้ แล้วก็จูบไอ้บอลแลกลิ้นแบบเร่าร้อนมาก เหมือนจงใจจะจูบอวดไอ้คอร์ทกับพี่วิ

“อ่า......” ไอ้บอลครางลอดริมฝีปากออกมาครับ เหมือนช่วยตัวเองไม่ได้ ตัวมันอ่อนทรุดไปกับพื้นเลยครับ น้ำตาก็ไหลไม่หยุด

“เอ็กซ์พอแล้ว....” พี่วิลุกขึ้นครับ น้ำเสียงและสายตาของพี่วิทำให้ทุกคนนั่งอยู่กับที่ไม่กล้าขยับตัว ผมเองเคยเห็นสายตาแบบนั้นมาครั้งหนึ่งแล้ว

“วิมาแทนดิ” ไอ้เชี่ยพี่เอ็กซ์มันปล่อยไอ้บอลลงบนทรายแล้วเอื้อมมือหาพี่วิ ผมคิดว่าไอ้คอร์ทกับไอ้ทรีจะลุกขึ้นไปชกหน้าไอ้พี่เอ็กซ์ คราวนี้ผมจะห้ามมัน แต่ที่เร็วที่สุดคือพี่วิครับ วูบเดียวพี่วิกระชากคอหอยไอ้พี่เอ็กซ์ขึ้นจนตัวลอย หมุนแขนทิ้งให้ไอ้พี่เอ็กซ์ล้มหงายหลังบนพื้นทราย แต่มันไม่จบแค่นั้นครับ พี่วิล้มตัวทิ้งศอกลงอย่างแม่นยำลงไปที่ลิ้นปี่พี่เอ็กซ์ผู้หน้าสงสาร มันอ้วกแตกทันทีครับ

“ตาย........” เสียงพี่วิเปลี่ยนเป็นแหบพร่าแบบที่ทำให้ผมขนลุกจนผม บอล ไอ้คอร์ท ไอ้เอ็ม และไอ้บลีชต้องมาจับตัวพี่วิไว้ครับ ส่วนที่เหลือไปช่วยหิ้วปีกไอ้พี่เอ็กซ์ครับ

“55555....รุนแรงจัง” ไอ้พี่เอ็กซ์ยังขำออก แต่เสียงมันเบาๆ แล้วครับ

“มึงรีบกลับไปนอนบ้านมึงเลย” ไอ้คอร์ทไล่ แล้วไอ้บอลก็บอกลาพวกผม เดินกลับไปกับพวกมัน

         คืนนั้นผมนอนไม่ค่อยหลับครับ หมุนตัวไปมาบนเตียงที่ตอนนี้ได้นอนคนเดียวแล้ว และบนเตียงอีกหลังที่อยู่ข้างๆ ผม มีเสียงร้องไห้เบาๆ และเสียงปลอบของไอ้คอร์ทครับ ความลับของเกมนี้ลับคงถูกฝังไว้ในผืนทรายในกองไฟไปตราบนานเท่านานไม่มีวันหลุดไปจากปากพวกเรา แต่ผลกระทบมันที่ทำให้คนหลายคนต้องมีความทรงจำที่เลวร้ายติดตัวตลอดไปนั้นผมเองก็ไม่แน่ใจว่าน้ำทั้งทะเลจะลบเลือนมันไปได้


ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #121 เมื่อ07-11-2013 02:52:17 »

ทำไมวิขี้แยจังเลย ตอนนี้เหมือนจะเริ่มบทนางเอกช่องหลายสีแล้ว  :serius2:

Kirimanjaro

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #122 เมื่อ07-11-2013 10:07:48 »

เกมโหดสัสอ่ะ   :fire:

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #123 เมื่อ07-11-2013 16:19:27 »

รอติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #124 เมื่อ07-11-2013 19:13:26 »

ชอบวิ เธอเป็นอะไรได้มากมายแบบคาดไม่ถึง

ออฟไลน์ บ๊ายบายโพ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #125 เมื่อ08-11-2013 00:37:17 »

ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างความรู้สึกมันบอกว่าท้ายที่สุดแล้วโย๊ปนี่แหละพระเอก 55555555  :hao4:
เอ็กซ์ออกตัวแรงอ่ะ เกือบตายไม่รู้ตัวละ
คนเขียนน่าจะใส่วันที่ที่อัพด้วยน้า บางทีเราเข้ามางงๆไม่รู้ว่าอัพแล้ว  :L2:

วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
16(4) ทะเล และกล่องไปรษณีย์สีแดง (คำถามกลับไปคิด)


     วันต่อมาผมตื่นมาตอนเช้าด้วยกิจวัตรเดิมๆ ครับ ล้างหน้า แปรงฟัน แต่งตัว แล้วออกไปกินข้าวพร้อมกับพี่วิ ไอ้คอร์ท แถมวันนี้ไอ้ทรียังตามมากินด้วย แม่งคงหิว วันนี้พวกเราไม่รีบร้อนครับ เพราะเมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว พวกเราก็ขี่จักรยานเล่นตามความยาวของถนนเลียบชายหาดชะอำ แล้วก็ขี่ย้อนกลับไปที่รีสอร์ท ก่อนกลับพี่วิขอแวะร้านชะอำรำลึก ที่เป็นร้านขายของที่ระลึก พวกเราก็เข้าไปซื้อของเหมือนกัน ตั้งแต่ตื่นเช้ามาไม่มีพวกเราคนใดที่เอ่ยถึงเกมที่ผ่านมาเมื่อคืนเลยสักคนครับ ผมคิดว่ามันคงฝังลึกไปกับพื้นทรายของทะเลชะอำ อย่างที่มันควรจะเป็นตามเจตนารมณ์ของเกม แต่ผมยอมรับครับว่า สิ่งที่ผมได้เห็นเมื่อคืนเปลี่ยนมุมมองของผมต่อคนที่เล่นเกมด้วยกันอย่างสิ้นเชิง

      กว่า 7 ปีที่ผมรู้จักไอ้คอร์ท ผมคิดว่ามันเป็นคนเรียบร้อย อาจมีเจ้าชู้เพลย์บอยบ้าง แต่เมื่อคืนผมเห็นว่ามันเป็นคนอารมณ์ร้อน และยังรุนแรง พี่วิจากคนที่ผมมองว่าเป็นพวกเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง (ego-centric) ดูมั่นใจตัวเอง กลับทำอะไรไม่ถูกเวลาอยู่ต่อหน้ำไอ้คอร์ท น่าตลกนะครับ ส่วนไอ้เอ็มคนแกล้งทำเป็นเรียบร้อยอีกคน กล้าชักว่าวต่อหน้าเกย์ที่ท้ามัน แถมเสือกปาน้ำเชื้อใส่ไอ้คนท้าแบบเชิญชวนอีก ทั้งๆ ที่แฟนมันก็นอนอยู่ในบ้านห่างออกไปแค่ร้อยเมตร คนพวกนี้ เพื่อนผม คนที่ผมรู้จัก ทุกคนมีอีกด้านหนึ่งของตัวเองในมุมที่คนอื่นไม่รู้ และเมื่อเปิดมันออกมา ก็ชวนให้ผมตกใจอยู่ไม่น้อย

     เรากลับมาถึงบ้านพักก็นั่งเล่น กินขนม แล้วไอ้คอร์ทก็เอากีตาร์มาเล่น แต่สักพักไอ้พี่เอ็กซ์ก็เดินหน้ายิ้มมาครับ ทุกคนนั่งตัวแข็ง พี่วิอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งยืนแล้วครับ ผมว่าอย่างน้อยไอ้พี่เอ็กซ์มันควรจะระวังตัว

“ดูนี่ดิ....สุดยอดอ่ะ” พี่เอ็กซ์เลิกชายเสื้อให้ดูตอนที่เดินมาใกล้พอ ผมเห็นรอยช้ำสีม่วงเข้มเหมือนโดนไม้ฟาด ฝีมือพี่วิเองครับ

“โดนเบาไปไงสัตxx” พี่วิด่า

“5555 ก็ว่าไป เย็นๆ มากินเหล้าด้วยนะ”

“มาแดกตีนกูสิ” ไอ้คอร์ทเสริมเมียมัน แต่ไอ้พี่เอ็กซ์เดินกลับไปแล้วครับ

        พอเที่ยงวันพวกเพื่อนๆ ที่เหลือก็ตื่นขึ้นมาครับ แล้วพวกมันก็พากันไปสั่งข้าวกินที่ห้องอาหารของรีสอร์ท ส่วนพวกเราที่เหลือกลับเข้าไปนอนเล่นในบ้านพักครับ เปิดแอร์เพราะวันนี้แดดแรงมาก และเราก็ได้ยินเสียงเคาะประตูครับ ผมเลยเดินไปเปิดให้ ผมค่อนข้างตกใจเล็กน้อยครับที่เป็นไอ้บอลตี๋หล่อเดินเข้ามา

“พี่วิอยู่ป่ะ” มันถาม

“ในห้องน่ะ” แล้วผมก็เดินนำมันไป

“พี่วิ...ผมขอคุยด้วยหน่อยดิ” มันบอกพี่วิ ไอ้คอร์ทกับผมก็มองหน้ามันสงสัยครับ ว่ามันจะมาคุยกับพี่วิทำไม นอกจากมันจะติดใจรสจูบพี่วิเมื่อคืน

“อืม.....” พี่วิจับบ่าไอ้คอร์ท แล้วเดินออกไปคุยนอกห้องกับไอ้บอล

     ผมระหว่างที่นอนเล่นบนเตียง ผมก็ห้ามตัวเองไม่ได้ที่จะถามไอ้คอร์ทให้หายข้องใจ

“มึงคิดยังไงกับพี่วิวะ...” ผมถามมันด้วยความสงสัย

“ถามทำไม” มันตอบ

“มึงแบบว่ารักเขาป่าว...เขาเป็นผู้ชาย และมึงมีอะไรกันแล้ว”

“กูก็ไม่รู้ว่ะ...แต่กูชอบ ” มันตอบ 

“แล้วทำไมมึงถึงไปชอบพี่เขา” ผมยังสงสัย

“แล้วกูจะรู้มั้ย เวลาชอบใครแม่งต้องมีเหตุผลด้วยป่าว” เจอไอ้คอร์ทสวนมาแบบนี้ผมก็ต้องเงียบครับ

        สัก 10 นาที พี่วิก็เดินกลับเข้ามาในห้องครับ พวกเราเลยนอนตากแอร์กัน 3 คน

“ไปคุยอะไรกับไอ้บอลมา” คอร์ทถามพี่วิ

“55...หึงเหรอ” พี่วิล้อ แล้วพลิกตัวมาหอมแก้มไอ้คอร์ท

“อายโย๊ปมันมั่ง แม่งนอนอยู่ตรงนี้” ไอ้คอร์ทปรามเอามือดันอกพี่วิออกไป แต่มันคงไม่รู้ว่ามากกว่านี้ผมก็เคยเห็นมาแล้ว

“บอลมันชอบไอ้เอ็มน่ะ...” พี่วิบอก gx]ujpoginjv’

“เฮ๊ยยย...” ผมกับไอ้คอร์ทอุทานออกมาพร้อมกัน

“แต่บอกมันแล้วว่า เอ็มมันมีแฟนแล้ว” พี่วิเล่าต่อ

“แล้วมันว่าไง” ไอ้คอร์ทก็อยากรู้พอๆ กับผมครับ

“บอลมันติดใจน่ะว่า ถ้าเอ็มมีแฟนเป็นผู้หญิงแล้วทำไมถึงกล้าชักว่าวให้มันดู ทำไมถึงกล้าปาน้ำเชื้อใส่มัน”

“ไอ้เอ็มแม่งเหี้xx..555” ไอ้คอร์ทด่าแล้วขำ

“ไอ้เอ็มโดนไอ้บอลเล่นแน่” ผมเล่นด้วยครับ ในที่สุดก็มีเรื่องแกล้งเพื่อนอีกแล้ว

        2 วันผ่านไปพวกเราก็นอนเล่น นั่งเล่น กินเหล้า เล่นน้ำ เล่นไพ่ ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อยครับ เป็นวันหยุดที่สบายๆ โดยมีไอ้พี่เอ็กซ์และพวกมาปรากฏตัวในวงเหล้ากับวงไพ่เป็นครั้งคราว ผมชอบสังเกตไอ้บอลกับไอ้เอ็มครับ เริ่มละความสนใจจากไอ้คอร์ทกับพี่วิ กรณีของไอ้เอ็มซับซ้อนกว่านิดหนึ่งครับ เพราะแฟนมันก็อยู่ด้วย นอกจากจะแวะมาที่บ้านพักพวกเราบ่อยขึ้น ไอ้บอลมันก็ไม่ได้แสดงตัวแบบออกหน้าออกตาอะไรครับ มานั่งกินเหล้า เล่นไพ่ไปเงียบๆ จนผมเลิกสนใจพวกมันไป


      และในระหว่าง 2 วันนี้ พวกเราต่างคนต่างก็ใช้ชีวิตอิสระมากจนบางทีผมก็สงสัยว่าเรามาเที่ยวด้วยกันหรือเปล่า พี่วิกับไอ้คอร์ทมักจะขลุกอยู่ในห้อง รึไม่ก็นั่งเล่นกีตาร์บนเปลใต้ต้นไม้ ไอ้ทรี ไอ้วิตซ์ ไอ้เอ็มก็ตัวติดกับพวกแฟนมันครับ พวกผม 3 คนที่เป็นหมาหัวเน่าส่วนใหญ่จะอยู่ในห้องนั่งเล่น ดูหนังจากช่องเคเบิ้ลทีวี ย้อนนึกไปถึงเรื่องกล่องไปรษณีย์สีแดง ที่ไข่ย้อยบรรยายว่าความคิดคำนึงของเขานั้นไม่อาจลบเลือนด้วยน้ำทะเล สำหรับผมแล้วมันตรงกันข้ามเลยครับ ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ผมไม่ได้คิดถึงอะไรเลย นอกจากเรื่องตัวเอง ใช้ชีวิตให้มันหมดไปวันๆ จนผมต้องเริ่มคิดครับว่าหลังจากกลับไปจากทริปนี้แล้ว ผมจะต้องทำอะไรต่อบ้าง แวะหอ กลับบ้าน เที่ยว ดูหนัง สรุปแล้วก็ไม่มีสาระอะไรเลย เวลามหาลัยปิดเทอม 

        คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของเราที่ชะอำแล้ว พวกเราเลือกลำบากมากเลยครับว่าจะล้อมกองไฟแล้วร้องเพลงให้ไอ้คอร์ทเล่นกีตาร์ หรือจะเช่าห้องคาราโอเกะของรีสอร์ทดี สุดท้ายแล้วพวกเราก็เลือกคาราโอเกะเพราะไอ้คอร์ทคงไม่ยอมดีดกีตาร์ให้เราตลอดคืน แถมพอมีพวกพี่เอ็กซ์กับไอ้บอลมาร้องด้วยตัวหารค่าเช่าห้องคาราโอเกะก็เพิ่มขึ้นครับ

         ถึงแม้ผมจะคิดว่าการร้องคาราโอเกะกับเพื่อนๆ เป็นเรื่องที่น่าสนุก แต่ว่าครั้งนี้มันมีอะไรที่แปลกไป เพราะระหว่างที่เราร้องเพลงกันอยู่ในห้องคาราโอเกะพวกเราก็เริ่มหายไปจากห้องกันทีละคนสองคน เริ่มด้วยคู่รักทะเลเดือด พี่วิกับไอ้คอร์ทหายไป สักพักไอ้พี่เอ็กซ์ก็หายไป ไอ้บอลหายไป ไอ้ทรีกับเจ็มหายไป และไอ้เอ็มก็หายไป ตอนนี้ผมว่าผมก็อยากออกไปเดินเล่นตากลมทะเลเย็นๆ เหมือนกัน

        ผมเดินออกจากห้องโดยที่ไม่มีใครถามว่าจะไปไหน ผมเดินกลับไปที่บ้านพักและพบว่า พี่วิกับไอ้คอร์ทนั่งติดกัน คอร์ทเล่นกีตาร์ให้พี่วิร้องเพลง ดูเวลา 2 คนนี้อยู่ด้วยกันลำพัง 2 คนแล้วเป็นธรรมชาติมากครับ ผมเกิดคำถามขึ้นในใจเวลาที่เรารักใครชอบใครสักคนมันต้องเป็นแบบไหน สักพักผมเห็นสายตาของไอ้คอร์ทที่มองมา ผมเลยเปลี่ยนใจเดินออกไปลำพังบนชายหาดคนเดียวน่าแปลกใจว่าทำไมทะเลถึงทำให้คนๆ หนึ่งเหงาได้ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่คนบอกกันไว้ว่าทะเลเป็นที่ที่คนหนีรักเดินทางจะมาเพื่อรักษาความเหงา

        คืนนี้ในที่สุดก็หมดลงเสียทีครับ พวกเราออกจากห้องคาราโอเกะมาโดยมีผม พี่วิ ไอ้คอร์ท ไอ้ทรีก็ช่วยกันหามศพเพื่อนๆ

“โย๊ป ให้บอลมันนอนเตียงโย๊ปได้มั้ย” พี่วิถามแบกร่างไอ้บอลมา
“มันเมาหนัก ไอ้ห่าเอ็กซ์ก็ไม่รอเอาน้องมันกลับไปอีก” พี่วิบ่นต่อ

“ได้พี่” ผมตอบ

        ในตอนเช้ามืดที่ไม่รู้เวลา ผมสลึมสลือตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกหนักตัว และผมก็พบคำตอบครับ ไอ้บอลมันพลิกตัวมากึ่งกอดกึ่งทับผม เวรกรรมจริงๆ ดูตัวมันไม่ใหญ่นะแต่หนักเอาเรื่องเหมือนกัน ผมพยายามจะดันมันออกแบบไม่ให้มันตื่นครับ แต่ตัวมันก็หนักเกิน จนผมเหนื่อยใจ ผมหันหน้าไปอีกฝากของเตียงแล้วมองคู่รักทะเลเดือดซึ่งตอนนี้ซึ่งตอนนี้นอนหลับในอ้อมกอดของอีกฝ่ายแบบเดียวกับที่ผมกำลังโดนกอดอยู่ ผู้ชายตัวควายๆ นอนกอดกันมันไม่หนักกันบ้างรึไงวะ นี่คือสิ่งที่ผมคิด ผมพยายามกระเถิบหนีออกมาจนตัวเองอยู่ติดขอบเตียง ในตอนที่ผมกำลังจะเคลิ้มหลับไปอีกรอบผมก็รู้สึกจักกะจี้ที่บริเวณต้นแขน ไอ้บอลครับ มันซุกหน้ามาที่ต้นแขนผมทั้งลมหายใจอุ่นๆ ทั้งไรหนวดทำให้ผมรู้สึกคันยุบยิบ จะกระเถิบหนีอีกครั้งก็ไม่มีที่เหลือแล้วครับ ไอ้บอลยิ่งนอนยิ่งดิ้นมาเบียดคนที่อยู่ข้างๆ ผมไม่รู้จะทำอย่างไรก็ปล่อยเลยตามเลยครับ หลับไปอย่างนั้นแหละ

        ตอนเช้าผมได้ยินเสียงจึงลูกตื่นขึ้นมา เตียงของพี่วิว่างเปล่า 2 คนนั้นคงออกไปเดินเล่นริมทะเลเหมือนเดิม แต่ตัวซีกซ้ายของผมก็ยังมีไอ้บอลนอนก่ายอยู่ ถ้ามีคนเห็นนี่ชีวิตผมคงจบสิ้นครับ นอนกอดกับเกย์ที่เป็นกิ๊กเพื่อน ผมรีบลุกออกจากที่นอนแล้วไปล้างหน้าแปรงฟัน เหมือนเดิม เมื่อผมออกมาหน้าบ้านผมก็เห็นพี่วิกับไอ้คอร์ทเดินกลับมา เดินยิ้มกันมาทั้งคู่เลยครับ

“ไงมึง.....” ไอ้คอร์ททักผมครับ วันนี้มันมาแปลก
“เป็นผู้ชายเต็มตัวแล้วนะมึงวันนี้” มันว่าต่อแต่ผมงงครับ ส่วนพี่วิก็กลั้นหัวเราะ

“อะไรของมึง” ผมถามมัน

“เอ๊า....ไอ้บอลเป็นเมียมึงละนิ นอนกอดมึงซะแน่นเชียว” ไอ้คอร์ทเฉลยทำให้ผมหน้าแดง
“กูถ่ายรูปไว้ด้วยนะ เอาไว้ดูกัน” นั่นไอ้เชี่ยนี่เก็บหลักฐานไว้ด้วย

“บอลน่ารัก นิสัยดีนะ พี่ยืนยัน” พี่วิเล่นด้วยครับ อึ้งแดกเลยผม

“ไอ้สาสสสสส” ผมอุทานซึ่งก็โดนคู่รักนรกแตกนี่หัวเราะกลับมา

         สักพักพวกผมก็รีบปลุกเพื่อนๆ มากินข้าวเช้าแล้วเก็บของครับเพราะต้องเช็คเอ๊าท์ ที่หนักใจก็คือไอ้บอลนี่แหละครับ ไม่ใช่เพราะผมรังเกียจมันที่เป็นเกย์นะ แต่ไอ้คอร์ทกับพี่วิจับตาผมไว้เพื่อเก็บไปล้อ  2 คนนี่ทำให้ผมลังเล จนต้องระวังตัวไปทุกฝีก้าว

“เฮ๊ย...บอล” ผมเรียกมันแต่ไอ้บอลหลับลึกครับ ไม่ยอมตื่น
“บอล....” ผมเพิ่มเสียงดังขึ้น แล้วก้มตัวไปเขย่าแขนมัน ไม่ทันที่มันจะตื่น และไม่ทันที่ผมจะเงยตัวขึ้น พี่วิก็พลักผมจากข้างหลัง กลายเป็นว่าผมล้มลงไปทับไอ้บอลที่นอนหลับอยู่ โดยไอ้คอร์ทก็ไม่พลาดที่จะถ่ายภาพเก็บไว้ ทำงานกันเป็นทีมดีจริงๆ

“เฮ๊ย....” ไม่ใช่ผมที่อุทาน คนเดียวครับ แต่มีไอ้บอลที่ตกใจตื่นอุทานออกมาด้วย มันคงหนักเพราะผมล้มทับ

“5555555” ไอ้ 2 คนนั้นหัวเราะกันเป็นบ้าเป็นหลัง

“โย๊ปพาแฟนมึงไปส่งบ้านมันไป จะได้เก็บของ” ไอ้คอร์ทเล่นต่อเลย ไอ้เชี่ยนี่

“ไอ้เชี่ย...” ผมด่ามัน

“กอดโย๊ปอุ่นป่าวเมื่อคืน” พี่วิหันไปถามไอ้บอล ไอ้บอลที่ตอนนี้ลุกขึ้นนั่งแล้วหน้าแดง หันมามองหน้าผม

“พี่.....” ไอ้บอลโวยใส่พี่วิ แต่พี่วิยิ้มตอบ กวนตีนที่สุด

“อุ่นป่ะ นุ่มป่ะ แข็งป่ะ” พี่วิไม่เลิก

“จำไม่ได้เว้ยยเมา.....กลับแล้วพี่อะไรก็ไม่รู้” ไอ้บอลโวยวายแล้วรีบลุกเดินหนี

“นั่งนิ่งอีก ไม่ไปส่งมันเล่า” ไอ้คอร์ทครับ

“ควxxxx เหอะ” ผมตอบมันไป แต่ผมก็ลุกเดินตามหลังไอ้บอลออกมา

“แฮ๊งเปล่าวะมึง” ผมถามมันตอนกำลังจะเดินออกจากบ้าน

“เออ ไหว” มันตอบสั้นๆ ผมทำตัวไม่ถูกครับ ไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปส่งมัน หรือจะต้องทำอะไร ผมเลยเดินออกมาหน้าบ้านพร้อมกับมัน

“พี่วิเขาแกล้งมึงเล่น...ไม่ต้องเครียด” ไอ้บอลบอก

“เออ” แล้วผมก็นั่งอยู่ที่ชานหน้าบ้านพัก มองไอ้บอลเดินกลับไปที่บ้านพักของมัน

        11.00 พวกผมก็มากองกันอยู่ที่สถานีรถไฟ ซึ่งตอนนี้ดูแน่นเพราะพวกไอ้บอลกับไอ้พี่เอ็กซ์ก็มาด้วย กลับเที่ยวพร้อมกันครับ ระหว่างที่รอพี่วิก็ไปคุยกับพี่พิน แล้วก็ไอ้บอล โดยมีไอ้พี่เอ็กซ์หันมาพูดคุยด้วยเป็นระยะ แต่ไม่กล้าคุยนาน ไอ้คอร์ทก็นั่งรอเฉยๆ ผมเลยไปนั่งกับมัน เบื่อๆ ครับ พยายามจะหาอะไรทำ อย่างแรกคือพยายามแย่งกล้องมาจากมันเพื่อลบภาพผม แต่ไอ้คอร์ทมันเสือกรู้ทัน ผมเลยแห้ว

“ไว้เจอกันนะพิน...เอาเบอร์พินมา” พี่วิพูดเมื่อรถไฟแล่นเข้ามาเทียบชานชาลา
“บอลด้วย....”

“ไม่เอาเบอร์เอ็กซ์เหรอ” พี่พินถาม แต่พี่วิส่ายหน้า

“บายนะ”

“เป็นเด็กดีนะบอล ไอ้เอ็กซ์แกล้งมาบอกพี่...” แล้วพี่วิกับไอ้บอลก็กอดกันแบบไม่อายคนครับ

        แล้วพวกเราก็ขึ้นไปนั่งบนโบกี๊ที่มีที่นั่งว่างให้เรามากพอ แม้ตอนนี้ไอ้ทรีจะหายเคืองไอ้คอร์ทแล้ว แต่คนเรามักจะติดนิสัยความเคยชินครับ เหมือนโต๊ะเรียนเราเคยนั่งตรงไหนเราก็จะนั่งตรงนั้นตลอดไป บนรถไฟก็เหมือนกัน ผมเคยนั่งตรงข้ามคู่รักนรกแตกตอนขามา ขากลับผมก็นั่งตรงข้าม 2 คนนี้เหมือนเดิม แม้จะต้องนั่งมองเขาหวานกันตลอดทาง การเดินทางครั้งนี้กำลังจบลงแล้วครับ แต่ผมก็ได้คำถามใหม่กลับไปคิดในใจ 2 คำถาม คำถามหนึ่งคือเรื่องความรัก และอีกคำถามหนึ่งคือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย 


วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush... ตอนพิเศษ (ปิดเทอม) 16.11.2013
«ตอบ #127 เมื่อ16-11-2013 17:45:45 »

ขอเพิ่มตอนพิเศษนิดหนึ่งนะครับ มันอาจจะดูห่างจากเนื้อเรื่องมากเลย แถมยังแทรกตรงกลางเรื่องอีกต่างหาก แต่ตระนาวศรี (ฉากของตอนนี้) เป็นที่พิเศษครับ และเป็นเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในชีวิตมหาลัย เลยอยากจะแบ่งปันกับเพื่อนๆ คนอ่าน เผื่อได้ยินแล้วอยากจะไปเที่ยวที่นั่นกันบ้าง

ปล. ต้องขอโทษคนอ่านทุกคนนะครับ ช่วงนี้มาอัพช้า แถมภาษาเขียนอาจไม่ละเอียดเท่าที่ควร รู้สึกอับอาย และรู้สึกผิดครับ ช่วงนี้ชีวิตติดม็อบ และติดเรียนมากก 555

ขอบคุณครับ
"วิ"
.................................................................



ตอนพิเศษ (ปิดเทอม)


     กลางเดือนตุลาฯ ที่ฟ้าครึ้มเมฆฝน ผมเดินผ่านโรงเรียนสาธิตเพื่อที่จะไปให้อาหารปลาที่พระราชวังสนามจันทร์ ตลอดเส้นทางที่ผมเดินผ่านมาตลอด 4 ปี เหมือนมีดอกไม้บาน และผมมีความสุขมากที่สุดในชีวิต

“ไงมาถึงนานยัง” คอร์ทที่จอดเวสป้าลงมาถามผม

“เพิ่งถึงไม่นาน...แวะซื้อขนมปังด้วยน่ะ” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม

“ไป...” แล้วเราก็เดินเข้าไปในพระราชวังฯ ตรงไปที่ศาลาใหญ่ริมสระน้ำ ในตอนที่มหาลัยผมปิดเทอม ทำให้คนที่มาเดินเล่ที่พระราชวังฯ ดูบางตามาก ซึ่งนั่นก็ดี คอร์ทเดินข้างๆ ผม ห่างแค่ระยะเอื้อมมือ และผมมีความสุขมาก จนลืมว่าอะไรบางอย่างมันหายไป

   ผมแบ่งขนมปังคนละครึ่งกับคอร์ท แล้วก็ฉีกขนมปังของตัวเองเป็นชิ้นๆ ค่อยๆ โยนลงไปในสระน้ำทีละชิ้น เฝ้ามองฝูงปลาที่ว่ายแข่งกันเข้ามาเพื่อรุมทึ้งขนมปังชิ้นน้อยๆ

“จอดจักรยานไว้ไหนอ่ะวิ” คอร์ทถามผม

“เอาไปจอดไว้หลังภาค....พรุ่งนี้ได้ยกขึ้นรถไปเลย” ผมยิ้มให้กับคนตรงหน้าอีกแล้ว หน้าบึ้งๆ ของผมรู้สึกว่ามันจะฉีกยิ้มจนบ่อยเกินความจำเป็น

“อืม....แล้วเตรียมของเรียบร้อยยัง”

“อืม....ไม่อยากไปเลยอ่ะ” ไม่น่าเชื่อ แต่ผมกำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังอ้อนมันอยู่

“งั้นจะจบมั้ยล่ะ” มันย้อนถาม

“คงไม่ 555” ผมตอบยักไหล่

   
        หลังจากนั้นคอร์ทพาผมซ้อนท้ายไปกินข้าวกันที่องค์พระ ซึ่งก็เหมือนกับทุกครั้งที่ผมต้องแวะกินบัวลอยแต้จิ๋วเป็นของหวาน และเราก็ขับรถตรงกับหอทั้งๆ ที่เวลาเพิ่งพ้นไปไม่นาน แต่คืนนี้คงอีกยาวไกล

        ผมอาบน้ำพร้อมกับคอร์ท ร่างกายเปลือยเปล่าของมันกระตุ้นอารมณ์ปรารถนาของผมได้ตลอดเวลา ผิวสีขาวตัดกับขนสีดำสนิท ผมหันหน้ามองคอร์ทแล้วเอามาลูบไล้บนใบหน้านั้น ผมเคยรักใครเท่านี้มาก่อนมั้ย ผมจำไม่ได้แล้ว

“อยากเหรอ....” คอร์ทไม่พูดปล่าวแต่เอามือมาคว้าหลักฐานที่แข็งตัวอยู่ที่หว่างขาผม

“อื้อ.............” ผมรู้สึกว่าหน้าดำๆ ของตัวเองมันเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ

 “แต่วิ...เป็นเมียนะ” คอร์ทย้ำ

“อืม.....” ผมไม่ได้เป็นฝ่ายทำไอ้คอร์ทมานานมากแล้วครับ แต่ก็นั่นแหละคนเราเป็นได้ทุกอย่างที่คนที่เรารักอยากให้เป็น ถ้ามันไม่อยากเป็นฝ่ายถูกทำ ผมก็ไม่ว่าอะไรที่จะปล่อยให้มันป็นฝ่ายทำ ผมเอาแขน 2 ข้างคล้องคอคอร์ทไว้แล้วจูบที่ริมฝีปากนั้นเนิ่นนาน ริมฝีปากของผม จูบที่เป็นของผม

        บนเตียงนอนผมเลียและกัดทุกตารางนิ้วบนร่างกายของคอร์ท การกัด การกิน การสัมผัสด้วยปากเป็นการแสดงออกทางจิตวิทยาครับ มันเป็นการแสดงความรักเท่าๆ กับที่แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น เรากัดขนมที่เราไม่ต้องการแบ่งในตอนเด็กๆ หรือแม้แต่การเลียไปติมทั้งแท่ง เพราะไม่ต้องการแบ่งเพื่อน ผมแปลกใจที่ตัวเองอยากเป็นเจ้าของมันขนาดนี้ มีความต้องการที่อยากครอบครองมันไว้คนเดียว แต่แล้วคอร์ทก็ออกแรงดึงผมลงมาอยู่ด้านล่าง แล้วทำสิ่งที่มันชอบทำที่สุดคือ ดูดคอผมจนมันเป็นรอย  แต่ผมก็ชอบ ในตอนนี้คอร์ทมันเก่งขึ้นมาก ผมแทบไม่รู้ตัวเลยว่ามันบีบเจลตอนไหนจนกระทั่งมันเอาเจลมาป้ายที่ก้นผม แล้วเริ่มใส่ของมันเข้ามา

“อ่า........คอร์ท” ผมพึงพอใจกับสิ่งที่เข้ามาอยู่ในตัวผมมาก

“................รักคอร์ทนะ” ผมยกตัวขึ้นไปกระซิบข้างหูมัน ซึ่งคงเป็นสัญญาณให้มันเริ่มขยับตัว คืนนั้นผมเสร็จไป 3 ครั้งได้ ส่วนคอร์ทเสร็จกี่ครั้งก็ไม่รู้ แต่ผมหลับอย่างมีความสุขในอ้อมกอดของคอร์ทที่เป็นของผม ไม่ว่าจะเป็นผัวผม หรือ เมียผม

   5.30 ผมตื่นขึ้นมามองหน้าคนที่กำลังกอดผมไว้ แล้วสูดกลิ่นหอมจากไรผมของคอร์ทเข้ามาเต็มปอด ผมไม่อยากลุกจากเตียงไปไหนเลย ผมนอนลืมตาแล้วมองมันอยู่อย่างนั้น

“ตื่นได้แล้ว...ไปอาบน้ำ” คอร์ทบอกแล้วยกมือมาตีแก้มผมเบาๆ ผมอยากประท้วงการกระทำของมันมาก มันไม่น่าคลายอ้อมกอดผมเลย

        ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผมก็สะพายกระเป๋าใบโตแล้วซ้อนท้ายเวสป้าของคอร์ทที่กำลังจะพาผมไปกินโจ๊กเจ้าประจำของเรา และหลังจากนั้นมันก็ขับมาส่งผมที่ศาลคณะ รถบัสคันใหญ่ของมหาลัยจอดรอเราไว้แล้ว ผมมาถึงเป็นคนแรกๆ ของเอกเลย

“กลับไปนอนเหอะ...” ผมหันไปบอกคอร์ทที่นั่งมองผมอยู่บนเวสป้า เอามือลูบแก้มมัน แล้วจูบลงบนหน้าผากมัน

“.......อืม” ผมเฝ้ามองมันหายลับตาไปท่ามกลางแดดอ่อนยามเช้า และกลิ่นดอกไม้ที่อบอวล ผมเดินเอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่รถบัส ทักทายเพื่อนๆ และไม่เกินครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเราก็มากันจนครบแล้วช่วยกันยกรถจักรยานขึ้นไปไว้บนหลังรถบัส แล้วผมก็ออกเดินทาง


         ในหุบเขาในอ้อมกอดของเทือกเขาตระนาวศรี อากาศในฤดูฝนหนาวเย็นมากเหลือเกิน 7 วันแล้วครับที่ผมมาฝังตัวอยู่ในบ้านป่าเด็ง เพื่อทำวิจัยเรื่องการจัดการธุรกิจครอบครัวของเกษตรกรวัวนม และวันนี้ผมตื่นมาตอนเช้าดูวัวนมเป็นสิบๆ ตัว ผลัดกันเดินเข้าคอกรีดนม โฮสต์ของผมและคนงานเสียบเครื่องรีดนมเข้ากับวัวแต่ละตัว ผมเดินออกมาจากบ้านแล้วคว้าจักรยานเพื่อปั่นไปรับเพื่อนผม สายลมเย็น ทิวต้นไม้และภูเขา ผมอยากให้คอร์ทอยู่ที่นี่ด้วย ผมอยากให้คอร์ท และเพื่อนๆ ของผมอยู่ที่นี่กับผมตลอดไป

“I know a place that we've forgotten
A place where we won't get caught in
They won't know who we are

I know a place where we can hide out
And turn our hearts inside out
They won't know who we are
Let me take you there

I know a place we'll be together
And stay this young forever
They won't know who we are…….”


       ผมอารมณ์ดีจนร้องเป็นเพลงระหว่างที่ผมเองกำลังปั่นจักรยานไปรับเพื่อนอีก 2 คนที่บ้านอีกหลัง ซึ่งอยู่ห่างกันไปอีก 2 เนินเขา แนนนี่กับไอ้อินพักอยู่ด้วยกันครับ ผมมาถึงขณะที่ไอ้อินกำลังนุ่งกระโจมอกสีแดงออกมาจากห้องน้ำพอดี

“รอกูแป๊บนะ...แต่งตัวก่อน” ไอ้อินบอก ขณะที่มันกำลังเดินหลบวัวหนุ่มเขายาวที่ถูกล่ามไว้ใกล้ๆ ห้องน้ำ

“วิ....มากินข้าวด้วยกันกับเราสิ” แนนนี่เรียกผมไปกินข้าวครับ

“อืม.....” ผมจอดรถแล้วลงไปกินข้าวกับแนนนี่ ซึ่งไม่นานไอ้อินก็ตามมาสมทบ

     ก่อนออกจากบ้านพวกเราก็เอาเศษอาหารไปเทให้ลูกหมูที่เล้าหลังสวน ผมก้มเก็บเสาวรสป่าที่ตกบนบนพื้นมา 2-3 ลูก แล้วบิออกมากิน ความเปรี้ยวและความหวานของเนื้อเสาวรสทำให้ผมขนลุก มันเป็นธรรมชาติมาก ชีวิตที่นี่เรียบง่ายจริงๆ อากาศเย็น มีภูเขา มีน้ำตก มีหมอก กลิ่นดิน และกลิ่นหญ้าและฟาง กลิ่นสาบวัว ควาย   

“แวะซื้อขนมก่อนน้า....” แนนนี่บอก เมื่อเราปั่นจักรยานพ้นถนนหินแดง มาที่ถนนลาดยาง วันนี้เป็นวันพิเศษครับ เพราะโฮสต์ของไอ้จิตรจะเอารถกระบะ 3 คัน พาพวกเราไปเที่ยวน้ำตกป่าละอู กับหุบเขาผีเสื้อ

     10.00 ผมและเพื่อนอีก 10 กว่าคนก็มาถึงน้ำตกป่าละอู รวมทั้งโฮสต์ของไอ้จิตร และลูกชาย 2 คน ของเขาด้วย พวกเราเดินเข้าไปสักระยะจนถึงบริเวณที่คนน้อย จึงช่วยกันปูเสื่อยกของกินเล่นออกมา แล้วพวกเราหลายคนรวมถึงผมด้วยก็ลงเล่นน้ำตกที่ใสและเย็นมากครับ

เราเล่นน้ำกันมาประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อนๆ หลายคนก็ขึ้นฝั่งเพื่อพักบ้าง แล้วก็ลงมาเล่นสลับกัน

“พี่วิ....มานี่  ผมมีอะไรให้ดู” น้องไทร ลูกชายคนเด็กของโฮสต์ไอ้จิตร เรียนอยู่มัธยมต้น ชวนผมให้เดินขึ้นทางเหนือน้ำ ซึ่งจะพูดว่าเดินไปก็คงไม่ถูกนัก เพราะเราต้องปีนป่าย และกระโดดข้ามโขดหินใหญ่ลูกแล้วลูกเล่าสวนกระแสน้ำเชี่ยวเบื้องล่างไปเรื่อยๆ

        เราเดินมาจนเหมือนจะรู้สึกว่าสุดทาง เพราะเบื้องหน้าคือหน้าผาหินสูงที่ปกคลุมด้วยพุ่มไม้หนามรกครึ้ม ที่งอกเงยปกคลุมไปทั่วหน้าผาที่ชื้นเพราะละอองน้ำตก และตะไคร่เขียว ต่ำลงไปเบื้องล่างเป็นแอ่งน้ำกว้างเกือบ 7 ตารางเมตร มีวัยรุ่นผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมถอดเสื้อผ้าเล่นน้ำอยู่ข้างล่าง

“นี่ไง...ทางนี้” ไทรบอกผมให้เดินเข้าไปหลังพุ่มไม้ที่มันเอามาแหวกแล้วจับไว้ ทันทีที่เดินเข้าไปผมก็รู้ครับว่ามันพาผมมาที่นี่ทำไม cliff driving กระโดดผาน้ำตกซึ่งสูงกว่า 6 เมตร ผมขาสั่นเพราะความสูง และถ้าคิดว่าความสูงเท่านั้นที่ทำให้ผมหวาดเสียวก็ผิดครับ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือใต้หน้าผาหินนี้มีแผ่นหินแบนๆ ยื่นออกมากว่าเมตร ถ้าผมกระโดดพลาดแม้แต่นิดเดียว ผมจะร่วงลงไปกระแทกกับแผ่นหินนั้นตายแทนที่จะตกลงไปในแอ่งน้ำตกที่ใสเย็นนั้น

“กระโดดสิ” ไทรสั่งผม แต่ผมยังไม่หายสั่นครับ

“ไทรกระโดดให้พี่ดูก่อนสิ” สิ้นคำพูดผมไทรก็วิ่งกระโดดร่วงลงไป ร่างของเด็กน้อยที่ตัวยาวเพราะกินนมวัวทุกวันตกลงไปสู่แอ่งน้ำใสเบื้องล่างจนฟองน้ำแตกกระจายเป็นสีขาว ผ่านไปเกือบนาทีไทรก็ลอยขึ้นมาพร้อมโปกมือยิ้มให้ผม แต่ความกลัวผมยังไม่หมดไป อย่างที่บอกครับถ้าผมก้าวเท้าพลาดในจังหวะสุดท้าย ผมจะไม่มีชีวิตกลับไป

“ไงครับ....กระโดดพร้อมกันมั้ยครับ” ชายหนุ่มหน้าตาดีอายุไล่เลี่ยกับผม ทั้งตัวใส่แต่กางเกงในเก่าๆ ย้วยๆ ตัวเดียวซึ่งแทบจะปิดอะไรไม่มิดเมื่อมันเปียกน้ำ เดินเข้ามาหาผมที่หลังพุ่มไม้ ผมอายสายตาเขาจึงเอาแขนขึ้นมากอดอกที่เปลือยเปล่าของตัวเอง

“ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบด้วยความสุภาพ รู้สึกว่าตัวเองเสียงสั่น

“ครั้งแรกเหรอครับ” เขาถามเดินเข้ามาใกล้ ผมจึงพยักหน้าตอบรับ

“ต่อ....” เสียงเพื่อนของชายหนุ่มที่กำลังคุยกับผม ตะโกนขึ้นมาจากเบื้องล่าง ตอนนี้ทั้งไทร และทั้งเพื่อนของเขาต่างก็จ้องมองมาที่เรา  ต่อยื่นมือมาให้ผมพร้อมกับรอยยิ้มเอื้อเฟื้อ ผมยิ้มตอบเขาคลายมือที่กอดอกตัวเอง มองสายตาทุกคู่ที่กำลังจ้องมา ผมไม่ได้จับมือของต่อแต่เหวี่ยงแขนตัวเองแล้วออกวิ่งมาที่ริมหน้าผา ในก้าวสุดท้ายผมออกแรงถีบชะง่อนผาส่งตัวเองให้ลอยสูงขึ้นไปในอากาศ

        ด้วยนิสัยบางอย่างของผม ผมปฏิเสธน้ำใจจากชายแปลกหน้าแล้วกระโดดลงไปจากผาน้ำตกคนเดียว มันสูงมาก มันเร็วมาก มันน่ากลัวมากจนเหมือนเวลาหยุดนิ่ง ผมไม่กล้าลืมตามมองครับว่าผมกระโดดมาพ้นแผ่นหินเบื้องล่างมั้ย

      ในโลกนี้มีคำพูดที่แสนจะดาษดื่นว่าเมื่อเรากำลังจะตาย เวลาจะหยุดเดิน วินาทีจะยาวนานเป็นชั่วโมง อดีตทั้งหลายที่หายสาบสูญไปจะกลายมาเป็นปัจจุบัน น่าตลกเพราะในวินาทีที่หยุดนิ่งนั้นเองความทรงจำ เรื่องราว และคำถามหลายๆ อย่างที่อยู่ในใจผม คำถามบางอย่างที่ผมไม่เคยหาคำตอบให้มันก็พากันปรากฏเด่นชัด มันทั้งเศร้าสร้อยและมีความสุข เหมือนการจากลา

     ผมรักใครที่สุด คำตอบมันเป็นใบหน้าของคอร์ทคนที่ผมจะรักคนเดียว เมื่อเรื่องที่ผมเสียใจที่สุดมาถึงใบหน้าของรูมเมทคนเก่าของผมก็ลอยขึ้นมา ผมเห็นทะเล ภูเขาเขียว ทะเลทรายเมื่อคิดถึงอนาคต ผมเห็นแม่น้ำท่าจีนบ้านเกิดผมเมื่อนึกถึงความตาย แล้วชั่วอึดใจนั้นก็สิ้นสุดลงเมื่อร่างกายผมกระแทกจมลงไปในน้ำที่เย็นเฉียบ ผมไม่กล้าที่จะลืมตาขึ้นมองอะไรทั้งสิ้น และปล่อยให้สัญชาตญาณทำหน้าที่ ผมค่อยๆ หยุดดำดิ่งลงเบื้องล่างแล้วลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ และทันทีที่ผมขึ้นจากน้ำ ผมก็หัวเราะเหมือนคนบ้ากับเรื่องบ้าๆ ที่ผมทำลงไป

     หลังจากที่ผมขึ้นเหนือผิวน้ำไม่นาน ผมก็ได้ยินเสียงต่อที่ตกลงมากระแทกผิวน้ำเหมือนกัน ผมว่ายน้ำไปหาไทรที่โขดหินซึ่งอยู่ห่างจากเพื่อนของต่ออีก 3 คนไปไม่กี่เมตร

“ไม่ชอบให้ใครท้าเหรอครับ...หึหึ” ต่อว่ายน้ำมาทางผมกับไทรแทนที่จะกลับไปหากลุ่มเพื่อนมัน

“ทำนองนั้น” ผมหัวเราะตอบเขาไป

“กระโดดอีกรอบมั้ย....พวกมึงไปกินข้าวรอกูเลยก็ได้นะ” เขาชวนผม แล้วหันหน้าไปบอกเพื่อนตัวเอง

“อืม....ไปไทร” ผมชวนน้องไทรไปกระโดดผาน้ำตกอีกรอบด้วยครับ

“คราวนี้กระโดดพร้อมกัน 3 คนมั้ย” ไอ้คุณต่อหันมาถามผมกับไทร กระโดด 3 คน ยิ่งเสี่ยงกว่า 1 คน เพราะถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งพลาด เราอาจพากันตายทุกคน แต่ผมเห็นไอ้ไทรกับไอ้คุณต่อทำเป็นเรื่องปกติมากครับ คนแถวนี้เขาคงกระโดดกันจนชิน ผมรู้สึกว่าตัวเองมีนิสัยประหลาดครับเพราะแม้เหตุผลของผมบอกว่ามันเป็นเรื่องไม่ควร แต่ผมก็จับมือไทรด้วยมือข้างซ้าย จับมือต่อด้วยมือข้างขวา

“หนึ่งง...สองง....สาม” สิ้นเสียงต่อเราออกวิ่งครับ สนุกดี เวลาที่มีคนร่วงลงผาน้ำตกด้วยกัน เราปล่อยมือหลุดจากกันเมื่อเราต่างตกกระทบผิวน้ำแล้วจมดิ่งลงไป เราว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำแทบจะพร้อมกันในทันที และหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน การเสี่ยงตายโง่ๆ คงทำให้ผู้ชายรู้สึกสนุกมั้งครับ

“ไปกินข้าวกับพวกผมต่อมั้ย” ต่อถามตอนที่เรากำลังปีนโขดหินกลับ

“เรากับน้องต้องกลับแล้วล่ะ” ผมบอกเมื่อเห็นเพื่อนๆ ผมกำลังนั่งเปิบส้มตำ ข้าวเหนียว ไก่ย่างกันอยู่ไกลๆ ต่อทำหน้าเฉยๆ

“พี่วิเป็นเกย์เหรอ” อยู่ๆ ไอ้ไทรก็ถาม

“รู้จักพี่ตั้งนานแล้ว ไทรไม่รู้เหรอ” ผมบอกมัน คนเขารู้ทั้งกันทั่วแล้วครับว่าผมเป็นเกย์ ไอ้ไทรที่สนิทกันมันน่าจะรู้ และผมก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่กล้าจะยอมรับกับทุกคนว่าผมเป็นเกย์

“เท่ห์ว่ะ แม่ง” มันชม

“....5555555” ผมขำครับ ไทรมันคงแปลกใจ เพราะตลอดมามันชอบชวนผมเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ แบบที่ผู้ชายเล่นกัน

“ไว้เจอกันนะ...” ผมบอกลาคนที่เพิ่งได้รู้จักกันแล้วกลับไปหาเพื่อน

“หายไปไหนกับน้องมา 2 คน มึง” ไอ้จิตรถามทันทีที่ผมไปถึง คงคิดว่าผมชวนน้องไปทำอนาจาร

“ไทรชวนไปกระโดดผาน้ำตกน่ะ” ผมบอก

“พ่อก็ว่าแล้วว่าไอ้ไทรมันต้องไป” โฮสต์ของไอ้จิตรเสริม เหมือนรู้คำตอบอยู่แล้ว ผมเลยรอดจากคดีพรากผู้เยาว์ครับ
“คิดไงมึงถึงชวนพี่เขาไป” พ่อน้องไทรถามต่อ

“ก็คงมีพี่วิคนเดียวที่กล้ากระโดด 555” ดูมันตอบ มันคงมองว่าผมเป็นพวกบ้าบิ่นมั้ง และผมก็หัวเราะไปกับมัน เรื่องบ้าๆ แบบนี้


        สถานที่ต่อมาของทริปคือหุบเขาผีเสื้อที่อยู่ไม่ห่างจากน้ำตกป่าละอูครับ หุบเขาผีเสื้อเป็นหุบเขาธรรมดาที่มีธารน้ำไหลผ่าน ซึ่งก็มีต้นน้ำจากเขาตระนาวศรีเช่นเดียวกับน้ำตกป่าละอู เราช่วยกันปูเสื่อแล้วยกอาหารกลางวันออกมา กินกันอย่างอร่อยเพราะเหนื่อยจากการเล่นน้ำที่ผ่านมา กินไปผมก็เล่นปากกรวดกระทบน้ำครับ ให้มันกระเด็นข้ามไปอีกฝั่ง พอกินเสร็จผมก็เดินไปดูผีเสื้อ ที่เรียกว่าหุบเขาผีเสื้ออาจเป็นเพราะว่าผีเสื้อมันไม่ได้เกาะตามต้นไม้ใบหญ้า แต่รวมตัวกันเกาะอยู่บนพื้นดินและโขดหินเป็นฝูงใหญ่ หมื่นตัว แสนตัว ผมก็ไม่ได้นับครับ แค่สนุกกับการเดินไปใกล้แล้วให้ผีเสื้อที่ตกใจกลัวนับร้อยบินหนีผ่านตัวเราไป

        เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว วลีพื้นฐานในภาษาไทยของทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก (the butterfly effect) ไม่ว่าการกระทำจะเล็กน้อยแค่ไหน ผลกระทบของมันก็อาจจะยิ่งใหญ่เกินหยั่งรู้ แม้แต่การกระทำเล็กๆ บางอย่างที่เกิดขึ้นโดยเราไม่ได้ตั้งใจก็อาจจะเปลี่ยนแปลงอนาคตของเราและคนรอบข้างได้ ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ต่อกับหูฟังแล้วโทรออกหาคอร์ท

“งายยย” ผมทักไปก่อนเมื่อคอร์ทรับสาย

“อืม....มีไร”

“คิดถึงน่ะ” ผมบอกแล้วยิ้มไป ยิ้มให้ผีเสื้ออีกสิบๆ ที่บินผ่านหน้า

“บ้า.....” ดูคอร์ทมันว่าผม

“ทำไรอยู่เหรอ”

“ซ้อมลีดอ่ะ”

“อีก 2 วันกลับแล้ว....คิดถึงป่าว” ผมถามแล้วหน้าแดงเอง

“อือ มาถึงแล้วบอกด้วย”

        เราคุยกันไม่นานหรอกครับ ปกติผมเป็นคนคุยโทรศัพท์ไม่เก่งอยู่แล้ว ผมเดินเล่นแหย่ผีเสื้อไปเรื่อยเปื่อย ตอนนี้เพื่อนๆ บางคนก็พากันนอนกลางวันกันแล้ว สิ่งที่ผมทำก็คือเอากล้องถ่ายรูปพวกมันตอนที่หลับแล้วทำท่าน่าเกลียดๆ เอาไว้ เพื่อเก็บไปล้อมันต่อตอนที่เรากลับมหาลัยแล้ว

         เดือนตุลาคมเดือนเดียวเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผมทำอะไรเล็กน้อยๆ เยอะแยะไปหมด ทั้งไปเที่ยว ทั้งทำวิจัย ทำเรื่องไร้สาระที่ไม่เคยทำ และผมไม่เคยคิดด้วยว่า สิ่งที่ผมทำไปอาจจะเปลี่ยนอนาคตของตัวเองอย่างที่ไม่ได้ตั้งใจก็ได้ วันเปิดเทอมใกล้เข้ามาแล้ว ผมรักมหาลัย ผมรักวันเปิดเทอม แม้จะมีเรื่องยุ่งยากมากมายรออยู่ แต่ครั้งนี้เป็นเทอมสุดท้ายของผมแล้วครับ ผมแทบจะรอไม่ไหว ผมสูดอากาศบริสุทธิ์จากเทือกเขาตระนาวศรี เมื่อกลับไปแล้วไม่รู้อีกนานเท่าไร ผมจึงจะได้กลับมา


ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #128 เมื่อ16-11-2013 18:21:16 »

อ่านพาร์ทบน เหมือนโย๊ปก็เริ่มคิดและอาจมีอะไรเปลี่ยนแปลง
ส่วนพาร์ทล่าง วิก็ยังบ้าพลังและมีกิจกรรมให้ทำมากมายเช่นเดิม ส่วนคอร์ทเหมือนจะห้วนไปนะ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #129 เมื่อ16-11-2013 18:35:28 »

คอร์ทเหนื่อย หรือกำลังจะเปลี่ยนไปอะ แล้วโย๊ปจะมีคู่กะเค้ามั้ย  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My Almond Crush....
« ตอบ #129 เมื่อ: 16-11-2013 18:35:28 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Kirimanjaro

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #130 เมื่อ17-11-2013 00:41:00 »

ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก  รอดูต่อไป

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #131 เมื่อ17-11-2013 02:01:15 »

รอติดตาม

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #132 เมื่อ17-11-2013 16:42:06 »

ทำไมวิถึงรักคอร์ทมากจัง ทั้งๆที่ดูแล้วคอร์ทไม่น่ารู้สึกกับวิมากมายนักแถมยังมีแววจะเป็นคนบอกเลิกวิเร็วๆนี้แน่  :katai1:

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #133 เมื่อ18-11-2013 11:51:39 »

 :hao7: :hao7: o13 o13 :pig4:

ออฟไลน์ Also

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #134 เมื่อ19-11-2013 00:38:14 »

ชอบเรื่องนี้มากค่ะ จะรอตอนต่อไปน้า

วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 17 เปิดเทอม เรียนกันหนักๆ รักกันเบาๆ

         ต้นเดือนพฤศจิกายน กับเทอมสุดท้ายในชีวิตมหาลัยของผม ซึ่งก็เน้นเรียนหนักๆ รักเบาๆ เช่นเคยครับ เทอมนี้ผมลงเรียนวิชา ท่องเที่ยวประเทศโลกที่สาม วรรณกรรมเอกเชคสเปรียร์ (2) การแปลภาษาอังกฤษเป็นไทยขั้นสูง การจัดการโครงการเพื่อการพัฒนา วิชาการเขียนภาษาอังกฤษในงานวิชาการ และวิชาวิจัย รวม 6 วิชา 18 หน่วยกิต ทั้งๆ ที่ผมเก็บหน่วยกิตครบไปแล้ว

         เปิดเทอมนี้เป็นการเริ่มต้นใหม่ครับ และผมต้องเริ่มต้นทำในสิ่งที่ถูกต้องเสียที คงต้องเลิกที่จะเดินหนีปัญหาเพราะการเดินหนีมันไม่ใช่นิสัยผม

“ไง...วิ” ผมรับสายน้องท็อบ แทบจะทันทีที่เปิดเทอม มันก็โทรมาหาผมเลยครับ ให้ตาย

“อืม.....ว่าไง” ผมถามมัน

“เย็นนี้มาหาผมที่สนามบาสนะ จะรอ...คิดถึง”

“อืม....” ผมตอบรับทันทีที่ได้ยินเสียงของมัน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
“ให้ไปกี่โมงอ่ะ”

“6 โมง” ต่อจากนั้นเราก็คุยกันเล็กน้อยแล้ววางสายไป

         13.00 ผมนั่งอยู่ในชั้นเรียนกับอาจารย์คนโปรดของผม อาจารย์ทรงศักดิ์ที่ผมทั้งหัวของอาจารย์เป็นสีขาวอมเทา ความสนใจในงานวิชาการ และ life style ของอาจารย์เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตผมเลยทีเดียว ชั้นเรียนวิชากรท่องเที่ยวประเทศโลกที่สามในปีนี้แปลกมากครับ เพราะมันมีนักศึกษาจากภาควิชาอื่นๆ มาลงทะเบียนเรียนด้วยจนล้น แต่ผมก็จองที่นั่ง VIP แถวหน้าสุดได้เสมอ

“วิชานี้....เราต้องจัดทริปด้วยนะครับ....” อาจารย์ทรงศักดิ์พูดหลังจากที่ทำการแนะนำวิชาในคาบแรกเสร็จแล้ว ผมกับเพื่อนๆ ก็เฉยๆ ครับเพราะเด็กภาคสังคมวิทยาเราเดินทางกันเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว

“เราจะไปที่ไหนกันดี....มีใครสนใจจะเสนอมั้ยครับ...” อาจารย์ถามด้วยความสุภาพ
“ลองคิดกันดู แล้วมาบอกผมทีหลังก็ได้ครับ”

         หลังจากที่ผมอิ่มเอมของประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวที่เริ่มต้นขึ้นในประเทศอุตสาหกรรมแถบยุโรป หรืออังกฤษ ที่สมัยก่อนเรียกว่า Grand Tour ซึ่งเป็นผลพวงที่เกิดขึ้นจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม และพัฒนาการของอุตสาหกรรมเวลาว่าง เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ฯลฯ ผมก็ปั่นจักรยานคันใหม่กลับมาที่หอ แล้วอ่าน Macbeth รอเวลาให้ถึง 6 โมง

         มันเป็นภาพที่คุ้นตามากครับ ในเวลา 18.10 ที่ท้องฟ้าเริ่มหมดแสง ผมเดินมาหาท็อบที่เดินตัวเปียกเหงื่อมาหาผมในเสื้อเล่นบาสแขนกุด แค่ตอนนี้ท็อบมีสิวที่หน้าเยอะขึ้น แล้วผิวก็คล้ำแดดขึ้นด้วย

“ตัวสูงขึ้นอีกรึเปล่านี่....” ผมบอก ในขณะที่เงยหน้ามองเมื่อมันเดินเข้ามาใกล้

“จริงอ่ะ” มันยิ้มแล้วทำท่ายกแขนขึ้นไปวัดส่วนสูงตัวเอง

“ไม่จริง 555” ผมแกล้งมันที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนลิงโดนเตะไข่

“ไรวะ....” มันประท้วง แล้วเราก็เดินออกมาจากโรงเรียนสาธิตด้วยกัน ตอนนี้ความรู้สึกที่ผมมีให้ท็อบนั้นดูสับสนปนเปกันไปหมดครับ ทั้งผูกพัน ทั้งชอบ ทั้งคุ้นเคย ทั้งห่างเหิน ทั้งตัดใจ ทั้งรู้สึกผิด แต่ปัญหาทั้งหมดมีต้นเหตุอยู่ที่ผม ดังนั้นคนที่ควรจะยุติมันไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไรก็คือผมเอง

“จะไปไหนกันดี” ผมถามมัน

“หาไรกิน ถนนต้นสนมั้ย” ถ้าไปถนนต้นสนก็หมายความว่าเราต้องเดินผ่านพระราชวัง ที่แห่งความหลังของผมกับมัน

         เราเข้ามาในพระราชวังเมื่อตอนนที่ฟ้ามืดลงแล้ว เดินผ่านพระที่นั่งชาลีมงคลอาสน์ เดินผ่านเทวาลัยพระเคณศ และทิบมันก็ทำในสิ่งที่มันคุ้นเคย มือเรียวที่ผมรักหนักหนานั้นเอื้อมมาที่มือผม ไม่ได้ได้ปฏิเสธที่มันกุมมือผม แต่ผมรู้สึกว่าใจสั่น และมือสั่น ผมไม่กล้าแม้แต่จะรัดนิ้วรอบฝ่ามือของมัน

“เกรงๆ นะ เป็นอะไร” มันถาม มันเองก็คงรู้สึกได้

“............................” ผมมีคำตอบครับ แต่ผมไม่มีความกล้าพอที่จะบอกมันว่าทำไม และท็อบมันก็สุภาพพอที่จะไม่เซ้าซี้เอาคำตอบจากผมให้ได้ เราเดินมาจนถึงม้านั่งที่เราเคยจูบกัน เคยมีอะไรกัน ผมใช้หางตาชำเลืองมองม้านั่งแล้วก็รู้สึกปวดที่หัวใจ

         ไอ้ท็อบมันมีญาณทิพย์หรือเปล่าผมก็ไม่รู้ แต่เหมือนมันจับความรู้สึกของผมได้ มือที่มันใช้จูงผมอยู่ก็ลากผมไปที่ม้านั่งตัวนั้น ผมไม่ได้ว่าอะไรมันหรอกครับ

“ขอโทษนะ....” ผมบอกมันหลังจากที่เรานั่งลงไม่นาน

“........อืม” ผมแปลกใจที่มันตอบกลับมา แต่ผมไม่รู้ว่า “อืม” ของมันหมายถึงอะไร

“ปิดเทอมเป็นไงบ้าง” มันถามผมก่อนที่ผมจะทันได้พูดอะไรออกมา

“ก็มีทั้งเรื่องดี เรื่องที่ไม่ดี...ปนๆ กันไป เดินทางไปโน่นมานี่ นั่งรถกระบะหนีช้างป่า” ผมก็เล่าไปเรื่อย

“555....” ในที่สุด ผมก็เรียกเสียงหัวเราะของมันได้

“เข้าค่ายรด. ล่ะ เป็นไงบ้าง” ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า 1 เดือนที่เราไม่ได้เจอกันนั้นท็อบไปทำอะไรมาบ้าง มันจะสบายดีมัย มันจะคิดถึงผมมากไปรึเปล่า ไม่ใช่ว่าผมจะสำคัญตัวเองแต่ในเวลาที่ผมอยู่ห่างมัน ความคิดถึงที่ผมมีให้มันลดน้อยลงทุกเวลาโดยเฉพาะเมื่อผมมีคอร์ทอยู่ใกล้ๆ และผมคิดว่ามันคงจะยุติธรรมดีถ้าท็อบมันจะคิดถึงผมให้น้อยลง

“เหนื่อยมาก น่าเบื่อ ร้อน แต่บางทีก็สนุก...พอกลับบ้านมาแล้วก็ไข้ขึ้น นอนซมกว่าจะฟื้น โทรไปหาก็โทรไม่ค่อยติด...” มันบอกแบบไม่ใส่ใจ แต่ดวงตามันเหม่อลอยเหมือนพยายามนึกภาพสิ่งที่เกิดขึ้น และประโยคหลังนี้ทำให้ผมรู้สึกสงสารมันจริงๆ มันคู่ควรกับคนที่ดีกว่าผมจริงๆ

“หมู่บ้านที่วิไปอยู่ชายแดนพม่าน่ะ” ผมบอกมันในสิ่งที่ผมเคยบอกไปแล้วก่อนหน้านี้

“อืม.........” ยิ่งผมพูดคุยกับมันมากเท่าไร ผมก็รู้สึกถึงความร้อนชื้นที่เอ่อขึ้นมาในดวงตาของตัวเอง

“ท็อบไปกินข้าวกันเถอะ...” ผมชวนมันเพราะเห็นมันดูล้าแล้ว มันไม่ได้มีคำตอบให้ผมแต่มันหันมามองหน้าผม ใกล้ ใกล้เกินความจำเป็น

      ผมยกมือขึ้นไปแตะแก้มมันที่ตอนนี้มีสิวหัวแดงๆ แห่กันขึ้นมาจากไหนไม่รู้ เมื่อผมลูบนิ้วผ่านแก้มมันมันก็ยิ่งยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมรู้ว่ามันต้องการอะไรเพราะผมก็มีต้องการแบบเดียวกัน แล้วเราก็จูบกันจูบที่ผมลืมไปนาน ท็อบจูบได้เหมือนเด็กมาก เร่าร้อนแต่รีบร้อนเพราะพยายามปกปิดความประหม่าของตัวเองไว้ แล้วจูบของมันก็ยังนุ่มนวลชวนฝันแบบเด็กๆ ตอนนี้เราใกล้กันจนผมได้กลิ่นตัวมันเต็มจมูก ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนเกลียดกลิ่นเหงื่อ แต่กับมันผมคิดว่าเป็นข้อยกเว้น นี่สินะครับโจทย์รัก

หนึ่งคนทิ้งเราให้ตาย อีกคนให้ลมหายใจ.....หนึ่งทางคือรักจริง อีกทางก็รักฝังใจ

และผมโง่ที่ผมเลือกคำตอบเป็นรักฝังใจ

         ในคืนนั้นผมพามันไปกินข้าวจนได้ในที่สุด และส่งมันขึ้นรถสองแถวกลับหอไป ความจริงแล้วท็อบถามผมว่าจะไปค้างกับมันมั้ย แต่ผมปฏิเสธไปแล้วก็แปลกใจว่าทำไมท็อบมันถึงไม่ได้ตื้อแบบเดิม นั่นทำให้ผมรู้สึกผิดเข้าไปอีก แต่ตอนนี้ผมไปห้องของมันไม่ได้อีกแล้วครับ เพราะผมไม่รู้ว่าคอร์ทจะโทรมาตอนไหน แต่ผมรู้อย่างหนึ่งว่าหากเรื่องนี้มันแดงขึ้นมา ผมจะไม่โกหกใคร ทุกคนสมควรได้รับความจริงจากปากผม แม้สุดท้ายแล้วมันจะทำให้ผมไม่เหลือใครก็ตาม


ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #136 เมื่อ21-11-2013 17:53:11 »

รีบเลือกสักทางไม่ดีกว่าหรอ ก่อนจะไม่เหลือใคร วิทำตัวเองนิ จะเจ็บก็ต้องทนให้ได้ในเมื่อเลือกเอง  :ling2:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #137 เมื่อ21-11-2013 20:25:33 »

ตอนนี้ท็อปก็ดูเหมือนไม่ตื๊อไม่อ้อนวิมากเหมือนก่อน
หรือว่าเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านไป อะไร ๆ ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
หรือจะมีแค่วิที่ยังคิดถึงใจใครต่อใครและเจ็บอยู่คนเดียว

ออฟไลน์ t152_rakjai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #138 เมื่อ21-11-2013 21:18:37 »

เราชอบความคิดของวิในหลายเรื่องน่ะ o13 o13

ถึงบางเรื่องเราจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

เราชอบวิมากเลยเป็นตัวละครที่เราไม่สามารถที่จะเดาทางได้มันน่าค้นหาดี :hao3: :hao3: :hao4: :hao4:

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #139 เมื่อ14-12-2013 19:58:58 »

วิดูหนักแน่นมากอ่ะ แต่ก็ตัดใจทิ้งไม่ลงทั้งคู่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My Almond Crush....
« ตอบ #139 เมื่อ: 14-12-2013 19:58:58 »





ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #140 เมื่อ22-12-2013 11:46:00 »

อยากอ่านต่อแล้วน้า

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #141 เมื่อ06-01-2014 23:29:37 »

หายไปเลยอ่า

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #142 เมื่อ04-02-2014 10:21:20 »

ยู้ฮู คนเขียนอยู่ไหนเอ่ย

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #143 เมื่อ04-02-2014 18:05:08 »

มารอนะคะติดใจเรื่องนี้ค่ะ
อ่านแล้วอยากอ่านต่ออีกดังนั้นมาต่อเถอะค่ะ :ling1:

เราอย่กให้วิคู่กับคอท เพราะเป็นอะไรที่เคมีเข้ากันดีสุดแล้วค่ะ
ยิ่งอ่านพาทของโย๊ปก็ยิ่งกรี๊ดคู่นี้  โปรดอย่าใจร้ายให้เลิกกันเลยนะคะ

ส่วนโย๊ปที่มีพาทของตัวเองนี้เพราะเป็นพระเอก
 หรือเป็นแค่ตัวที่บอกเล่าความสัมพันธ์ของคู่นี้ผ่านตัวละครหนึ่งกันแน่
ส่วนตัวอยากให้เป็นแค่ตัวละครหนึ่งที่จะมีคู่ของตัวเองที่ไม่ใช่วิ


รอเสมอนะคะ :)


ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #144 เมื่อ26-02-2014 22:51:12 »

ยังรออยู่นะคะ

วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
ถึงผู้อ่านทุกท่านครับ

ก่อนอื่นกราบเรียนทุกท่านครับ ขอโทษมากที่หายหัวไปนาน เหมือนอยู่ๆก็โดนรถชนตาย ทั้งที่ความจริงตั้งใจจะลงบทที่  18 19 20 ให้ทันกับวันลอยกระทงปีที่แล้ว แต่ช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่ต้องสอบปลายภาคครับต้องอ่านหนังสือจำนวนมาก แถมยังมีรายงานเล่มใหญ่อีกค่อนข้างซับซ้อน  แถมจากนั้นไม่นานก็โดนทาบทามให้ไปสอนเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เป็นการเริ่มงานสอนครั้งแรกครับ ต้องเตรียมตัวสอนแบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์ เด็กนักศึกษาทุกวันนี้ให้บรรยากาศที่แตกต่างกับตอนที่ผมเป็นนักศึกษาป.ตรี มาก (สมัยผมเรียนเรายังไม่มีสมาร์ทโฟนด้วยซ้ำไป 5555) ทั้งๆ ที่เวลาห่างกันแค่ 7-8 ปีเอง ตอนนี้ก็เพิ่งปิดคอร์สไปได้ไม่นาน  แล้วอาจารย์สมัยเรียนป.โท ก็ยังให้ช่วยไปเป็นคนคุมวิทยานิพนธ์ให้รุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย คือทุกเสาร์-อาทิตย์ก็ต้องไปขลุกตัวอยู่ในมหาวิทยาลัยกับรุ่นน้องทั้งวัน   ตอนนี้ตัวผมก็เข้าเทอมใหม่อีกซึ่งเทอมนี้ก็มีงานมหาศาล ทั้งพอเรียนด้านการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ก็เลี่ยงไม่พ้นที่ตัวเองต้องติดตามปรากฏการณ์การเมืองปัจจุบันอย่างเข้มข้น จนตัวเองแทบจะไม่มีเวลาว่าง 5555 ทั้งหลายแหล่ แก้ตัวไปเรื่อย วันนี้ก็ขอเอาบทที่ 18 ของโย๊ป และบทที่ 19 ของวิมาแปะไว้ครับ ก่อนที่จะต้องเข้านอนสักที

คนที่เพิ่งเข้ามาอ่านก็จะได้เปรียบเพราะไม่ไต้องรอ ส่วนคนที่อ่านมาตั้วแต่แรกต้องขอโทษครับเพราะว่าอารมณ์จะขาดตอน แถมพอไม่ได้พิมพ์นานลีลาการใช้ถ้อยคำอาจจะไม่พริ้วไหวเหมือนเดิม เวรกรรม

ปล. ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยตามครับ

"วิ"
...


ตอนที่ 18 เส้นคั่น ระหว่างอดีต และปัจจุบัน

   ผมเดินทางกลับบ้านหลังจากพวกเรามาถึงมหาลัยเมื่อจบทริปชะอำ บ้านผมเป็นอู่รถยนต์ครับ โดยที่พ่อผมเป็นนายช่างและเจ้าของอู่ เท่าที่จำความได้อู่รถเป็นสมบัติที่สืบทอดมาจากต้นตระกูลครับ ซึ่งก็เป็นคนจีนที่อพยพมาอยู่ในประเทศไทย ผมเดินกลับเข้าบ้านที่เป็นทั้งบ้านและอู่รถ ทักทายแม่กับพ่อที่ตัวเล็กกว่าผมมาก แล้วนึกย้อนถึงเรื่องไม่เป็นเรื่อง

“พ่อแม่โย๊ปตัวเล็กจัง โย๊ปทำไมตัวสูง” พี่วิถามลอยๆ ด้วยความสงสัย นั่นสิครับผมก็ไม่รู้คำตอบเหมือนกันว่าทำไม

“โย๊ปมันแย่งกินนมแม่หมด....” ไอ้สัตxx บู้ครับ ไอ้ตัวปากหมา

“ไอ้เหี้xx พอเลยนะเมิง พาลดึงพ่อแม่กูลงต่ำด้วย” ผมด่าเพื่อนก่อนที่ความจัญไรของพวกเราจะดึงบุพการีให้มัวหมองด้วย ส่วนพี่วิไม่ได้สนใจคำตอบแล้วครับ แต่รับโทรศัพท์แล้วออกไปคุยข้างนอก

   แล้วแม่ผมก็ไล่ให้เอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องนอนก่อนจะลงมากินข้าว ที่แม่ พ่อ และน้องสาวผมเหลือไว้ กรรม ผมเดินขึ้นไปบนชั้น 4 ซึ่งเป็นห้องนอนของผม โยนกระเป๋าไว้ที่มุมห้องแบบไม่ค่อยใส่ใจเท่าไร และล้มตัวนอนลงบนเตียง ผมถนใจและในที่สุดก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรไปหาปลา

“ฮัลโหล ว่าไงโย๊ป...” ปลาทักเมื่อเมื่อรับสายผม

“อืม...โย๊ปมาถึงบ้านแล้ว” ผมบอกปลา เรามีแพลนที่จะมีตติ้งเพื่อนร่วมรุ่นกัน

“อ่อ...แล้วทำอะไรอยู่”

   เราคุยโทรศัพท์กันต่อสักประมาณ 1 ชั่วโมงได้ เรื่องทั่วไปแหละครับเมื่อเราไตร่ถามสารทุกข์สุกดิบตามประสาที่คนเป็นแฟนเขาทำกันแล้ว เราก็พูดถึงเรื่องเพื่อน เรื่องการกลับไปโรงเรียนเก่า การนัดเจอกัน แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ครับว่าเรื่องเพื่อนเก่าของเรานี่ ผมกับปลาคิดกันขึ้นมาเองหรือเปล่า เวลาผ่านมากว่าครึ่งปีแล้วครับ ผมติดต่อกับเพื่อนคนอื่นน้อยมาก จนผมไม่รู้ว่าพวกมันจะสนใจ  มีตติ้งรึเปล่า สนใจจัดงานรวมรุ่นกันหรือเปล่า ผมเห็นว่ามีแต่ปลาที่พูดถึงเรื่องนี้ และสักพักผมก็หิวครับเลยลงไปกินข้าวข้างล่างก่อนที่จะกลับขึ้นมานอน


2 วันต่อมาผมก็ได้เจอกับปลา ปลาดูเปลี่ยนไปแต่ไม่มาก ผมเองก็คงเปลี่ยนไปเหมือนกัน วันเวลาในมหาลัยทำให้เราเติบโตขึ้นจริงๆ ครับ

“เป็นไง...” ผมทักแล้วเข้าไปจับแขนปลาในฐานะคนที่เป็นแฟนกัน

“โย๊ปมานานยัง แล้วมีใครมาบ้างแล้ว” ปลาถามผม

“สักพัก....ยังไม่มีใครมาเลย”

“อืม...รอแป๊บเดี๋ยวก็คงตามกันมา”

   ในที่สุดแล้วก็มีเพื่อนที่เบี้ยวนัดเราเกือบครึ่งครับ จากนัดกันไว้เกือบ 20 คน เหลือมาวันนี้แค่ 10 คน แน่นอนที่สุดสถานที่ที่พวกเราเลือกไปก็คือ โรงเรียนครับ โรงเรียนของผมเป็นโรงเรียนคริสต์ ในตัวเมืองของจังหวัด

“คอร์ท ไม่ได้กลับมาด้วยหรอ” เพื่อนผู้หญิงในห้องของผมถามขึ้นมา

“ไม่อ่ะ มันอยู่มหาลัย” ผมตอบเหมือนกับตัวเองไม่ได้สนใจ แต่ผมกำลังนึกภาพมันกับพี่วิที่มหาลัย  ผมเห็นภาพมันเจาะหูทำผมตั้ง ผมคิดว่าจะมีเพื่อนสมัยมัธยมคนไหนจำมันได้บ้างหากไปเจอกันที่อื่น

   วันนี้ทั้งวันเราหมดเวลาไปกับการเยี่ยมอาจารย์เก่า สมัยมัธยมครับทักทายรุ่นน้องที่รู้จักกันบ้าง จะกระทั่งเย็นเราลงเอยกันที่ร้านหมูกระทะแห่งหนึ่งใกล้แม่น้ำบางปะกง  เราเอาดต๊ะสองตัวมาต่อกัน ปิ้งย่าง กินกันไปเรื่อย จนผมเริ่มอิ่ม

“โย๊ปแกกับปลาเป็นไงบ้าง” เพื่อนเราถามคำถามที่ผมคิดว่ามันตอบยากมากสำหรับผม

“ก็ดี.....เหมือนเดิม” ผมตอบสั้นๆ

“อืมม...” ปลาส่งส่งยืนยันเมื่อสายตาของเพื่อนหันไปมอง

“รักกันนานดีเนอะ” ไม่รู้มันจะพูดทำไม ผมเองก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าทำไมผมถึงไม่อยากพูดถึงมัน เราสองคนไม่ได้หวานกันขนาดนั้นครับ

ผมไปส่งปลาที่บ้าน เราล่ำลากันสักพัก แล้วผมก็กลับบ้านครับ ค่ำมากแล้ว และวันนี้ก็ค่อนข้างน่าเบื่อ มันไม่เหมือนเดิมตอนที่ผมอยู่ม.6 ระยะเวลาแค่ปีเดียว ระยะห่างแค่ไม่กี่ร้อยกิโลฯ มันเปลี่ยนคนได้จริงๆ เพราะตอนนี้ผมกำลังเฝ้ารอให้ถึงวันที่มหาลัยของผมจะเปิดเทอม


วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 19 งานลอยกระทงครั้งสุดท้าย

        ที่มหาลัยผมจะจัดการลอยกระทงทุกปี ซึ่งผมคิดว่าที่อื่นก็คงเหมือนกัน ประเพณีลอยกระทงอ้างว่าย้อนไปในประวัติศาสตร์นานถึงสมัยสุโขทัย โดยผู้หญิงคนหนึ่งที่ประดิษฐิ์วัสดุคล้ายพานพุ่ม แล้วลอยออกไปในน้ำ เพื่อเป็นการแสดงความนับถือ และการขอขมาต่อเทพีน้ำ หรือพระแม่คงคา ส่วนตัวผมเองก็ลอยกระทงอยู่เป็นประจำ เป็นกระทงราคาถูกๆ หน้าตาช้ำๆ เป็นกระทงไม่สวยตัวสุดท้ายที่มักจะถูกทิ้งเพราะไม่มีคนซื้อ และผมมักจะแอบไปลอยตอนงานใกล้เลิก เพราะลอยคนเดียวครับ แถมยังขี้เกียจที่จะต้องจะเบียดเสียดกับผู้คนอีกพันกว่าคนที่จะพากันมาลอยกระทงกันในสระแก้วเล็กๆ

         แต่งานลอยกระทงปีนี้ ผมกำลังเดินอยู่คนเดียวท่ามกลางมนุษย์นับพันคน รู้จักบ้าง ไม่รู้จักบ้าง แต่ไม่มีใครที่จะหยุดคุยกัน ผมซื้อน้ำสตอร์เบอรรี่ปั่นแล้ว หามุมยืนหลบคนที่หน้าอาคารอธิการบดี เหตุผลเดียวที่ผม เป็นผู้ที่เดียวดายท่ามกลางฝูงชนอย่างแท้จริง แต่เหตุผลเดียวที่ผมมายืนอยู่ตรงนี้ คือ เด็กผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง คนที่เปลี่ยนแปลงไปมากจากวันแรกที่เราพบกัน คนที่ทำลายกฎทุกอย่างของผมลง และเด็กผู้ชายคนนี้คือเหตุผลที่ผลไม่รู้สึกเดียวดายท่ามกลางฝูงคน

   นิสัยเสียของผมคือการมาก่อนเวลานัด และผมต้องรออีกประมาณ 10 นาที กว่าที่คอร์ทจะมาถึง แต่ผมรอได้เสมอ และบางทีปีนี้อาจจะเป็นปีแรกที่ผมไม่ต้องลอยกระทงตอนงานเลิกคนเดียว และไม่นานโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น ผมกดรับมันด้วยรอยยิ้มทันที

“ถึงงานยังวิ” เสียงที่ผมรักหนักหนา ได้ยินอย่างแผ่วเบาเพราะเสียงมหรสพที่ดังกระหึ่ม

“อยู่ที่หน้าตึกอธิการฯ เพิ่งเลิกเรียนหรอ”

“อืมๆ อีกแป๊บเดียวก็ไปถึง”

“โอเค” ผมรอไม่นาน คนตัวสูงบาง หล่อเหลาคนหนึ่งก็ปรากฏตัวท่ามกลางฝูงคนนับพัน ผมเห็นคอร์ททันที ผมยิ้มแล้วโบกมือ เมื่อคอร์ทเข้ามาใกล้

“กินอะไรรึยัง” คอร์ทถามผม พร้อมกับมองน้ำปั่นที่ผมถืออยู่ในมือ

“ยัง แค่กินน้ำปั่น” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม ต่อหน้าคนๆ นี้ ผมมีรอยยิ้มเสมอ ไม่รู้เขามีเวทมนตร์หรือไง

“หาอะไรกินเล่นกัน มั้ยล่ะ” ผมเสนอ แล้วเราก็เดินลงไปในฝูงคนเพื่อซื้อของกิน ผมคิดว่าถ้าได้ของกินเล่นแล้วผมจะพาคอร์ทไปดูการแสดงประกวดดาวเทียม และยังไม่ทันที่ผมจะคิดถึงเรื่องการลอยกระทงกับคนรักของผมเป็นครั้งแรกในชีวิต คอร์ทก็ชวนผมไปกินข้าวข้างนอกมหาลัย

“วิ ไปกอนข้าวข้างนอกเถอะ ในนี้คนแน่น”

“อืมมม...” ผมเคยปฏิเสธมันได้ที่ไหน

      แล้วเราสองคนก็ฝ่าคลื่นนักศึกษามหาศาลออกไปขึ้นเวสป้าของคอร์ทที่จอดไว้แถวๆ สนามเปตอง เราไมได้ไปไหนไกลหรอกครับ ก็อาร์ตอเวจี ที่ผมเบื่อมันแทบตาย ระหว่างที่เรากินสปาเก็ตตี้ไก่เทอริยากิ ผมก็เขี่ยๆ เส้นด้วยความเลี่ยนของมัน คอร์ทมองมาจนผมนึกถึงเหตุการณ์ที่ร้านผัดไทของเรา นั่นทำให้ผมกินไม่ลงเพราะนึกถึงความน่าอายของตัวเองในอดีตที่ผ่านมา ผ่านไปสักพักคอร์ทก็พูดขึ้นว่า

“.....เอ่อ วิ.......คืนนี้คอร์ทไปร้านเหล้าปั่นกับเพื่อนลีดนะ มันนัดกันกินวันนี้น่ะ”
“แล้วคอร์ทไปส่งที่ห้องก่อน....” คอร์ทพูดต่อก่อนที่ผมจะหาคำพูดอื่นไปตอบมัน

“แล้วจะไปเลยหรอ” ผมถาม

“อืม...กลับดึกนะ รอหน่อยแล้วกัน” ตอนที่เรากำลังกลับออกจากอาร์ตอเวจี

“คืนนี้วิไปนอนหอวิดีกว่า ไม่ได้ไปนอนกับไอ้ทรีนานแล้ว เดี๋ยวมันเอาไปฟ้องที่บ้าน” คอร์ทหันมามองผมอยู่นาน ก่อนที่จะตอบตกลง

“เดียววิเดินกลับหอเอง” คอร์ทที่ทำท่าว่าจะไปส่งผมที่หอ
“ขับรถดีๆ แล้วกัน อย่าเมามาก”

       ผมเดินกลับเข้ามหาลัยในความมืดของทางเดินหน้าโรงเรียนสาธิต แล้วนั่งลงบนม้าหินหน้าสนามบาสโรงเรียนสาธิต ในคืนที่มืดมิดก็ยังอุตส่าห์มีแสงสีเหลืองของเปลวเทียน ทั่วไปหมด ผมนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เพราะตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนดี อาจจะกลับหอไปอ่าน แมคเบธ ต่อให้จบ  มันเป็นเรื่องปกติหรือเปล่าก็ไม่รู้เพราะยิ่งเวลาที่เรารักใครคนหนึ่งมากเท่าไร เราก็จะเริ่มคาดหวังจากเขาคนนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ เรียกร้องเอาอะไรจากเขาคนนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ และบางทีเราก็ต้องผิดหวังอยู่เรื่อยๆ

“พี่วิคะ....” เสียงเด็กผู้หญิงดังขึ้น พร้อมกับเด็กผู้หญิงในชุดลำลองดูน่ารักกลุ่มหนึ่ง เพื่อนของงท็อบแน่เลย ผมเริ่มคุ้นหน้าเด็กคนหนึ่ง แต่น้องเขาชื่ออะไรผมกลับนึกไม่ออก

“....มีนเองค่ะ เพื่อนท็อบ” น้องบอกก่อนที่ผมจะทักทายกลับไปเสียอีก

“อืมม จำได้ ว่าไงล่ะ”

“มาลอยกระทงกับเพื่อนค่ะ พี่นัดกับท็อบไว้เหรอคะ” ในที่สุดน้องมันก็ถามมาจนได้ และคำถามนี้ทำให้ผมปั้นหน้าไม่ถูก

“ไม่รู้สิ ปกติพี่ชอบแอบลอยกระทงคนเดียว” ผมตอบไป

“พี่ตลกจริงนะคะ ลอยกระทงทำไมต้องแอบด้วย”

“พี่กลัวว่า คนข้างๆ เขาจะเดารู้น่ะว่าเรากำลังอธิษฐานขออะไร ฮ่าๆๆ”

“ฮ่าๆ ค่ะ ไปก่อนนะคะ หนูเห็นท็อบกำลังเดินมาแล้วค่ะ” คำพูดสุดท้ายนี้ทำให้ผมอึ้งไปชั่วขณะ ผมอาจต้องรีบหายตัวไป รู้สึกเวียนหัวคลื่นไส้

ผมรีบเปลี่ยนทางเดิน ตัดข้ามโรงอาหารคณะศึกษาฯ กลับหอตัวเองทั้นที ที่หน้าหอของผม ผมเห็นไอ้โย๊ปกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ มันวางลงแล้วเมื่อผมเดินไปถึงตัวมัน

“อ้าว.....พี่” มันรีบทักแล้วยกมือไหว้เมื่อเห็นผม

“ไง” ผมรับไหว้มัน

“ทำไมอยู่คนเดียวล่ะ”

“ไอ้คอร์ทไปไหนล่ะครับ” เราถามคำถามนี้พร้อมๆ กัน จนผมทำตัวไม่ถูก

“คอร์ทมันมีเลี้ยงกับพวกลีดคณะฯ อ่ะ” ผมตอบ

“พวกไอ้เอ็ม ไอ้ทรีก็เพิ่งไปกับเมียมันพี่ คืนนี้คงดีกอ่ะ”

“ไม่แปลก” ผมบอก

“พี่ไปเดินงานลอยกระทงกับผมมั้ย” ผมแปลกใจที่โย๊ปมันชวนผมไปงานลอยกระทง เดิมผมเองก็อยากไปดูงานประกวดดาวเทียมอยู่แล้ว แล้วผมก็คิดได้ว่าปีนี้เป็นงานลอยกระทงปีสุดท้ายในมหาลัยของผม และเป็นปีแรกของมัน

“พี่ทำหน้าเหงาๆ นะ” มันทักตอนที่เราสองคนเดินผ่านหน้าหอไปสู่ฝูงคนที่มางานข้างหน้า

“เหรอ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะกลบเกลื่อนเพราะมันมีหลายความรู้สึกจริงๆ ในใจผมตอนนี้

“ไปดูประกวดดาวเทียมกันนะ” ผมบอกมันตอนที่เราซื้อขนมกับน้ำหวานกันแล้ว

“ครับๆ”

      ทุกปีที่มหาลัยของเราจัดงานลอยกระทงจะต้องมีเวทีประกวดดาวเทียมซึ่งถือเป็นเวทีดูดคนเพราะมันมีแต่เรื่องตลกล้อเลียน แต่ผมว่าบางครั้งมันก็สร้างสรรค์ดีนะ ที่มหาลัยของผมเราเปรียบผู้ชายเป็นพระจันทร์ หรือเดือน เราเปรียบผู้หญิงเป็นดาว ฉะนั้นการประกวดดาวเทียมก็คือ การประกวดกระเทย หรือสาวประเภทสองนั่นเอง เหตุผลที่เวทีนี้เป็นเวทีที่สนุกสนาก็เพราะว่าหลายๆ คณะฯ จะส่งตัวโจ๊กของคณะฯ ของตัวเองเขาไปป่วนงานประกวด ด้วยการคนให้พวกนี้แต่งตัวตลกๆ ตอบคำถามแบบเพี้ยนๆ และโชว์การแสดงที่ดูทุเรศจนออกนอกหน้า

      ปีนี้เวทีดาวเทียมไม่ใหญ่มากครับตั้งอยู่ข้างๆ อาคารโรงละครของ คณะอักษรฯ ที่เราเรียกว่าอาคาร A4 เราไปถึงที่เวทีเมื่องานประกวดเริ่มไปได้สักพักใหญ่แล้ว ธีมของการประกวดดาวเทียมปีนี้คือ การประกวดนางงาม ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงที่สองก็คือการตอบคำถามเฉพาะหน้า ผมก็ฟังผ่านๆ หัวเราะบ้างด้วยความตลก จนกระทั่งถึงคิวตัวป่วนจากคณะมัณฑณศิลป์ ตัวป่วนคนนี้เขาเป็นผู้ชายรูปร่างหน้าตาดีครับ ชุดแต่งกายคือการเปลือยท่อนบนแล้วใส่สร้อยยาว เพ้นท์สีนับไม่ถ้วนบนร่างกายของเขา จนมันดูเหมือนสีของน้ำคำในท่อระบายนะ ไม่เว้นแม้แต่บนใบหน้าของเขา ถึงอย่างนั้นก็ยังปิดความหล่อเหลาของเขาไม่มิดเพราะแม้แต่ผมก็ยังเกิดความต้องการทางเพศเมื่อเห็นใบหน้าและแผ่นอกที่เปลือยเปล่าของเขา  แต่เห็นได้ว่าเขาคงไม่ใช่ตัวตลกที่มีฝีมือนักเพราะ เสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือนั้นค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับผู้ประกวดคนก่อนหน้า แล้วกรรมการก็ล้วงโพยคำถามในกระป๋องออกมา

“เอ่อ...สำหรับคุณแล้ว คุณคิดว่าสีไหนเป็นสีที่สวยที่สุด เพราะอะไรครับ” กรรมการประกาศออกไมค์ หนุ่มเด็ค (ที่มหาลัยผมเราเรียกเด็กคณะมัณฑณศิลป์ว่า เด็กเด็ค มาจากภาษาอังกฤษคำว่า Faculty of Decorative Arts) เดินมาหน้าเวทีแล้วพ้อยท์เท้าเล็กน้อย ก่อนจะดัดเสียงที่ปิดปังความเป็นผู้ชายของตัวเองไม่มิดว่า

“ดิฉันคิดว่า....สีที่สวยงามที่สุดคือสีรุ้งค่ะ” ทุกคนกรี๊ดเพราะสีรุ้ง และสีม่วงคือตัวแทนของสาวประเภทสอง และชายที่รักร่วมเพศ ซึ่งไม่มีอะไรทำให้ผมแปลกใจ แต่ประโยคต่อมาต่างหากที่ทำให้ผมกรี๊ด

“เพราะสีรุ้งเกิดจากการรวมตัวกันของสีทั้ง 7 ค่ะ สีทั้งเจ็ดเมื่อรวมกันคือแสงสว่างคือความเป็นหนึ่งเดียว แต่เมื่อมันผ่านปริซึ่ม หรือผ่านน้ำ สีทั้งเจ็ดก็จะกระจายออกจากกันอีกครั้ง เป็นความหลากหลายของชีวิตและธรรมชาติที่อยู่ร่วมกันอย่างลงตัว” ผมคิดว่าคำตอบที่ผมได้ยินเป็นคำตอบคำถามเฉพาะหน้าที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งที่ผมเคยได้ยินมา ผมแหกปากเชียร์เขาทั้งกระโดดชูมือ จนโย๊ปมันพยายามดันให้ผมเอาดอกไม้ไปให้หนุ่มคนนั้น

ผมจะเอาดอกไม้จากไหนน่ะหรอ ง่ายๆ ครับ ที่มหาลัยเรามีธรรมเนียมอย่างนึ่งคือการแกล้งคนบนเวทีด้วยการยกต้นไม้ทั้งกระถางขึ้นไปให้ผู้ประกวด เพราะมันจะหนักจนเขาถือไม่ไหว แล้วมันก็จะเกะกะเต็มเวทีไปหมดจนเขาแสดงอะไรไม่ได้ แล้วระหว่างที่หน้าม้าของคณะมัณฑณศิลป์กำลังเอากระถางต้นไม้ไปให้เขา ผมเองก็ทนแรงยุจากไอ้โย๊ปไม่ไหว

       แล้วผมก็ทำในสิ่งที่เหลือเชื่อที่สุด ผมวิ่งไปหากระถางต้นไม้ซึ่งเหลือแต่กระถางที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะกระถางเล็กหมดแล้ว ผมอุ้มกระถางต้นไปให้เขาก่อนที่เสียงกรี๊ดจะเริ่มซาลง หนุ่มเด็คคนนั้นก้มตัวลงมารับกระถางต้นไม้จากผมที่ชูมันขึ้นไป  แล้วผมก็แทบจะไม่เชื่อตัวเองเลยว่าในขณะที่เขาก้มตัวลงมาผมจะเขย่งปลายเท้าของตัวเอง แล้วยื่นเอาปลายจมูกของผมไปแตะแก้มที่เลอะไปด้วยสีของเขา ผมแน่ใจว่าไอ้โย๊ปที่อยู่ข้างหลังไป 4-5 เมตร โห่ให้ผมจนสุดเสียงของมัน เช่นเดียวกับอีกหลายคนที่เห็นเหตุการณ์ แต่หนุ่มเด็คก็เฉยๆ เขาคงคิดว่าผมเป็นหน้าม้าที่คณะฯ เขาเตรียมมาเท่านั้น

“โย๊ปกลับหอเหอะ...ไปดูหนังกัน” ผมสะกิดบอกโย๊ปเมื่อผู้ประกวดอีกคนเดินเข้ามาตอบคำถาม เมื่อคนบางคนเริ่มมองมาที่ผม และเมื่อสำนึกความอายของผมเองมันเริ่มกลับมา 

   เราซื้อขนมกับน้ำอัดลมมาเพิ่มเมื่อเรากลับมาที่ห้องผม ไอ้ทรียังไม่กลับมา เราก็เลยนั่งดูหนังสยองเรื่อง House of Wax กันบนที่นอนบนพื้นห้อง House of Wax เป็นหนังที่วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งหลงเข้าไปในหมู่บ้านที่ 2 พี่น้องโรคจิตจับคนเป็นๆ มาทำเป็นหุ่นขี้ผึ้ง แล้วพวกเขาก็ต้องหนีให้รอด ระหว่างที่เรากำลังดูหนัง ไอ้โย๊ปก็ถามผมว่า

“พี่วิ...ผมถามอะไรหน่อยสิ” เสียงมันค่อนข้าง

“อืม....”

“ทำไมพี่ถึงเป็นเกย์” ผมก็งงครับ ไม่รู้ว่ามันต้องการอะไรจากคำถามนี้

“ก็ไม่รู้สิ ผมตอบ ก็มันรู้สึกว่าชอบผู้ชาย”

“พี่เคยชอบผู้หญิงแบบนั้นมั้ย” มันถามผมต่อ

“เคย พี่เคยชอบผู้หญิงก่อนที่จะมาชอบผู้ชาย” ผมได้แต่ตอบมันตามความจริง

“อ้าว.........พี่เล่าให้ผมฟังหน่อยสิ”

“อยากรู้ทำไม” ผมถามมัน โย๊ปมันก็มีท่าทีลังเลที่จะตอบ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเล่าให้มันฟัง

“พี่เริ่มชอบคนอื่นแบบนั้น ตอนที่อยู่ป.1 เพื่อนผู้หญิงที่ย้ายโรงเรียนมาใหม่ ทุกคน ผู้ชายแทบทุกคนชอบเด็กใหม่คนนี้ ผมเขาสวยมากพี่จำได้....จนขึ้นชั้นป.6 พี่เจอเพื่อนผู้ชายคนใหม่ชื่อตองที่ครูประจำชั้นให้มานั่งโต๊ะเดียวกับพี่ พี่รู้สึกเกลียดมัน จำได้ว่ามันทำลิคขวิดเปื้อนพี่ พี่จำไม่ได้แล้วว่าพี่ไปชอบมันตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ชอบมัน จากนั้นมาพี่ก็เคยชอบผู้ชายคนอื่นบ้าง แต่ไม่เคยกลับไปชอบผู้หญิงอีกเลย”

“........................................” แล้วความเงียบก็กลับเข้ามาเหมือนเดิม ผมหันกลับมาสนใจหนังสยองของเราสองคนต่อไป

“แล้วเป็นผู้ชายกับเป็นเกย์มันต่างกันยังไง” น้ำเสียงของมันทำให้ผมรู้สึกว่าคำถามนี้เป็นคำถามสุดท้ายแล้ว ผมเลยต้องสวมบทของเด็กเนริ์ดตอบมันไป

“ในทางสังคมวิทยาแล้วสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ไม่มีเพศหรอกนะ คน สัตว์ ต้นไม้ เรามีแค่ชีวกลไกในการสืบพันธุ์ที่ต่างกัน ถ้าโย๊ปเคยดูสารคดี จะเห็นว่าสัตว์ที่เราเรียกว่าตัวผู้บางครั้งก็ผสมพันธุ์กับตัวผู้ ธรรมชาติไม่มีเพศหรอก เป็นคนเรากำหนดขึ้นมาทั้งนั้น” โย๊ปพยักหน้าตาม

“ผมเคยเห็นมาตัวผู้สองตัวเอากัน” มันพูดแทรกให้ผมฟัง

“อืม.....ผู้ชายกับเกย์แตกต่างกันแค่จินตนาการเท่านั้น เหมือนเส้นตรงที่โย๊ปวาดขึ้นมาเพื่อขีดแบ่งมันออกจากกัน โย๊ปต้องขีดมันซ้ำแล้วซ้ำอีกทุกวันว่าโย๊ปเป็นผู้ชาย หากวันไหนโย๊ปลืมที่จะขีดย้ำมัน หรือเดินก้าวข้ามเส้นนั้นไป โย๊ปก็จะไม่เป็นผู้ชาย เป็นแค่โย๊ป เป็นธรรมชาติจะรักใครชอบใครก็ได้ ไม่มีเพศ” มันพยักหน้าให้ผมรู้ว่ามันเข้าใจ

ผมก็อยากให้มันเข้าใจ อยากให้ผู้ชายทุกคนเข้าใจ ส่วนเรื่องในคืนนี้ผมคิดว่าไอ้โย๊ปมันคงจะอินกับการประกวดดาวเทียมมากเกินไป

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #147 เมื่อ09-03-2014 08:07:54 »

โย๊ปกับวิขยับเข้ามาใกล้กันอีกนิดแล้ว ไม่มีใครที่ไม่เปลี่ยน
ในวันพิเศษที่คู่รักควรจะได้อยู่ด้วยกันกลับไม่เป็นเช่นนั้น หรือว่าคอร์ทก็เปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #148 เมื่อ09-03-2014 14:52:01 »

อืม เราก็ว่าคอร์ทใจร้ายนะ

ออฟไลน์ Angel_K

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 263
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +352/-0
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #149 เมื่อ29-03-2014 23:46:20 »

อ่านไปถึงตอนที่ห้าก็ต้องรีบมาคอมเม้นก่อนเพราะสะดุดกับประโยคนี้

(ที่มหาลัยผมร้านชายน้ำจะใช้โหลกาแฟแทนแก้วน้ำ ราคา 10-20 บาท ถูกมาก)

อ่านตอนแรกก็พอจะเดาได้อยู่ว่าสถานที่เป็นที่ไหน อ่านไปก็คิดถึงช่วงสมัยเรียนไป
ยังไงก็แล้วจะคอยติดตามเรื่องนี้นะคะ เป็นกำลังใจให้
 :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด