My Almond Crush....
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Almond Crush....  (อ่าน 44547 ครั้ง)

วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #30 เมื่อ17-10-2013 22:58:03 »

15 (1) But Only love Can Say

      ทุกครั้งที่มีกิจกรรมของคณะ หรือกิจกรรมของมหาลัยที่เดือนและดาวคณะต้องไปปรากฏตัว ผมจะหลีกเลี่ยงการพบเจอกับไอ้ตูนครับ ปากมักบอกไม่สนแต่จริงๆ แล้วแคร์เรื่องนี้มากครับ เพราะตอนนั้นผมเชื่อโดยสนิทใจว่าไม่มีผู้ชายที่ไหนคบผู้ชายด้วยกันแล้วต้องการจะเปิดเผย เป็นความลับก็ดีครับ นานๆ เจอกันทีก็ดีนะ ดูน่าค้นหา ตื่นเต้นครับ และผมยังคงยึดหลักการเดิมครับไม่มีการโทรคุยกับเซเลป ส่วนเรื่องไอ้ท็อบก็คุยกับมันบ่อยมากขึ้น จนรู้สึกว่านานวันไอ้นี่แม่งน่ากลัว ดูมันเชี่ยวมากครับ มันสารภาพกับผมว่า มันเคยได้เพื่อนกระเทยในโรงเรียน ผมไม่ใช่คนแรกของมัน ครั้งแรกของมันเกิดที่ห้องน้ำโรงเรียน ถึงอย่างไรผมชอบไอ้ท็อบนะ ผมว่ามันเซ็กซี่ขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะเวลามันอยู่ในชุดเล่นบาสแล้วเปียกเหงื่อ แหวะแต่ชอบครับ แล้วผมก็ชอบให้มันจับมือ แต่สิ่งที่ไม่ชอบเลยคือ บางทีมันก็ชอบพูดผัวๆ เมียๆ นั่นโน่นนี่ตอนอยู่ข้างนอก ไม่ค่อยเรียกผมว่าพี่อีก จะเอาอย่างไอ้ตูนอีกคน กังวลแทนมันครับต้องยอมรับมันยังมีอนาคตอีกไกล มันเหลือเวลาที่ต้องเรียนที่นี่อีกหลายปี หากเกิดเป็นเรื่องฉาวชีวิตมันจะลำบาก ผมน่ะชินแล้วกับการก้มหน้าก้มตารีบเดินไม่ต้องมองสายตาจากคนรอบข้าง คอยปิดหูให้ตัวเองไม่ต้องได้ยินผู้คนนินทา แต่ผมไม่ต้องการให้คนที่ผมชอบ คนที่ผมรู้สึกดีด้วย ต้องมาตกอยู่ในชะตากรรมแบบเดียวกับผม

     ตอนนี้ใกล้จะปิดเทอมแรกแล้วครับ เวลาผ่านไปไวมากเหมือนกัน ใจหายครับเพราะมหาลัยเป็นบ้านของผม โดยส่วนตัวผมไม่รู้สึกว่าบ้านที่อยู่กับแม่หรือญาตืคนไหนให้ความรู้สึกว่าเป็นบ้านครับ ที่นี่คือบ้านของผม และผมไม่อยากจากไป ก่อนจะปิดเทอมเด็กเอกสังคมฯ อย่างพวกผมต้องส่งโครงร่างงานวิจัย และสอบป้องกันโครงร่างงานวิจัยให้ได้ผลผ่านครับ เพื่อที่จะได้นำโครงร่างนี้ไปทำต่อจนสมบูรณ์ในเทอมสอง ผมเลยมีเวลาให้สองคนนั้นน้อยลง ไอ้ท็อบนี่ยิ่งร้ายมาก มันมาเฝ้าผมเลยครับ ผมเลยต้องนัดกับเพื่อนทำงานที่ลานหน้าห้องสมุดแทนที่จะนัดทำกันที่คณะ เพราะคนที่มาเห็นผมกับไอ้ท็อบจะได้เป็นคนที่ไม่รู้จักเรา
“กลับห้องไปนอนได้แล้วครับ ซ้อมบาสมาเหนื่อยๆ” ผมปลีกตัวจากกลุ่มเพื่อนมาบอกท็อบให้กลับหอครับ ทุ่มกว่าแล้ว มันยังต้องขึ้นรถสองแถวกลับอีก เป็นห่วงมันมากครับ มันเพิ่งอายุ 17 เอง
“โถ่ เมียผมอ่ะ ผมต้องมารอดิ” มันทำเสียงล้อผมอีก
“อย่าให้พี่หนักใจสิ...พี่ต้องทำงานนะ” ผมบ่น
“ครับๆ” มันบอกประชด
“อย่าน้อยใจน่า...คนดี” ผมหอมแก้มมันครับ มันน่ารักนะเวลางอน มันดึงผมไปจูบเลย เล่นทีเผลออ่ะ
“เฮ้ย คนเห็นนะ” ผมบอกมัน
“ช่างเขาดิ” ไอ้นี่กวนตีนอีก
“กลับไปก่อนนะคนดี”
“ครับๆ” พอตัวปัญหาเดินกลับไปจนลับสายตาแล้วผมก็กลับไปทำงานวิจัยกับเพื่อนๆ ต่อครับ เราวางโครงร่างเรื่องการจัดการธุรกิจครอบครัวของเกษตรกรโคนม เพราะหมู่บ้านภาคสนามที่พวกเราไปศึกษานั้น เป็นหมู่บ้านเกษตรกรโคนมครับ ผมนั่งทำงานกับเพื่อนๆ จนถึงสาม

ทุ่มครึ่งแล้ว ผมเลยเริ่มไล่เพื่อนๆ กลับ เพราะหอหญิงจะปิดก่อนหอชาย 1 ชั่วโมง ตอนพวกเรากำลังเก็บของกันผมก็เหลือบเห็นโปสเตอร์ประกาศที่แปะไว้บนเสา เป็นโปสเตอร์งานประกวดดนตรีคณะเภสัชฯ ผมเห็นปุ๊บก็จิตตกครับนึกถึงคอร์ท ใจเต้นแรงไม่รู้เป็นอะไรอีก เหมือนคนบ้า

     อีกครึ่งชั่วโมงผมก็มาอยู่หน้ามหาลัยแล้วครับ ไปส่งเพื่อนๆ มา ผมเรียกเมล์เครื่อง (ขอใช้ภาษาถิ่น) รู้สึกว่าตัวเองรีบร้อนหนีอะไรมาสักอย่าง เหมือนความมืดไล่ตามมาข้างหลัง
“ไปตลาดสดนครปฐมครับพี่” ผมบอกคนครับ ประมาณ 10 นาที จ่ายตังไป 50 บาท ผมก็มายืนอยู่หน้าหอของท็อบแล้ว รู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องมารบกวนมันรบกวนเวลาส่วนตัวมัน แต่คืนนี้อยากมีคนกอดครับ ตอนนี้เลยสับสนกับตัวเองมาก ผมโทรหาท็อบครับโทรศัพท์ดัง สักพัก แล้วมันก็รับสาย
“คร้าบบบวิ” พอได้ยินเสียงมันเท่านั้นแหละ ผมร้องไห้เลย
“เฮ้ย....วิเป็นไรครับ”มันถาม
“มารับหน่อยนะ อยู่ข้างล่างหอแล้ว” ผมบอกมันครับ
“ไม่เอานะไม่ร้องไห้....” มันบอก มันไม่วางโทรศัพท์เลยครับตั้งแต่ออกจากห้องจนมาเจอผม มันใส่บ็อกเซอร์กับเสื้อบาสลงมา พอเจอมันผมก็กอดมันเลยครับ
"ขอโทษนะที่ไล่ท็อบกลับห้องมา"
“เป็นไรไปครับ” มันกอดผมตอบ
“คิดถึงอ่ะ” ผมบอกมัน หยุดร้องไห้แล้วครับ หายจิตตก แล้วมันก็พาขึ้นห้อง ไม่ทันที่ผมจะได้อาบน้ำ มันก็ผลักผมลงบนเตียง
“ทำไมคืนนี้น่ารักจังครับ” ผมอธิบายไม่ถูกเลยไม่ตอบมันครับ
“.....................................” แต่มันคงไม่ต้องการคำอธิบายแล้วเพราะมันจูบผม เราจูบกันนานมาก เสื้อผ้ามันหลุดไปหมดแล้วครับ ดันอยู่ในชุดที่ถอดง่าย
“ยกแขนครับ” มันสั่ง พอผมทำตามมันก็ดึงเสื้อยืดผมออกทางหัวทันที มันเริ่งจัดการร่างกายผมแล้ว เคลิ้มมากเลย สัมผัสจากมือของมัน และสัมผัสจากลิ้นของมันรู้สึกดีมากจริงๆ สักพักมันจะใช้ปากกับตรงนั้นให้ผมครับ แต่ผมห้ามไว้เพราะผมยังไม่ได้อาบน้ำครับ
“เดี๋ยวเมียทำให้เองครับ” ดูเหมือนมันจะอึ้งนิดๆ แล้วผมก็โม๊คให้มันที่แข็งรอผมอยู่นานแล้วครับ ระหว่างที่มือมันว่างมันก็ถอดกางเกงกับกางเกงในผมออกไป สักพักมันเริ่มส่วยเอวครับ แทบทะลุคอหอยผมจะอ้วกมันเลยหยุดให้
“ผัวทำเลยนะครับ” มันบอกแล้วป้ายเจลที่ก้นผม ยอมมันหมดละครับจะเจ็บก็ช่างมัน คราวนี้เหมือนไม่เจ็บมากครับไม่นานมันก็ใส่เข้ามาจนหมด
“กว่าผมจะเข้าไปขอเบอร์วิ รู้มั้ยผมตามมองวิตั้งสองสัปดาห์” ผัวครับ มาสารภาพเอาอะไรตอนกำลังเอาผมอยู่ละครับ เสียบรรยากาศ
“เจอวันแรกที่โรงอาหารคณะอักษรฯ แล้วก็ไม่เจออีกตั้งหลายวัน ผมแทบไปเฝ้าที่นั่นเลยนะ” ซึ้ง แต่ผมทำได้แค่ครางครับ นาทีนี้ ผมเริ่มชักให้ตัวเองไปด้วยแล้วครับ ร่างกายและจิตใจรู้สึกดีมาก
“อ่ะ....อ่า ท็อบ ผัวครับ” ผมใกล้แล้วครับ ความรู้สึกมันเอ่อล้นมาก
“แตกพร้อมกันครับ” มันกระซิบบอกผม เราทั้งคู่เร่งเครื่องครับ ผมโน้มหัวมันลงมาจูบปาก แล้วก็แตกเลยครับ มันก็แตกในตัวผม เรานอนกอดกันแบบนั้นสักพัก มันก็พาผมไปล้างตัว ผมอาบน้ำตัดใจถอดคอนแท็กเลนซ์ทิ้งเลยครับ เดี๋ยวเจ็บตา ระหว่างที่เราล้างตัวให้กันต่างคนต่างก็แข็งขึ้นมาอีกครับ แต่ผมไม่ยอมทำอะไรกับมันในห้องน้ำ เพราะมันเคยได้กับคนอื่นที่ห้องน้ำโรงเรียน ผมหึงครับ ไม่ชอบถ้ามันคิดถึงคนอื่น ผมพามันออกมาที่ระเบียง เราเปลือยเปล่าทั้งคู่ครับ และคืนนี้เป็นอะไรที่ท็อบต้องจดจำ

     ในคืนที่มืดมิด เมื่อปิดไฟแล้วผมแทบมองอะไรไม่เห็นเลย ในขณะที่แขนเรียวยาวนั้นกอดผมไว้กับอกอุ่นๆ ของคนอีกคน ผมก็นึกถึงชั้นเรียนจิตวิทยาสังคม สมัยปี 3 เทอม 1 สอนโดย อาจารย์เรือนทอง  วันหนึ่งเราเรียนเรื่องอิทธิพลประสาทสัมผัสต่อจิตใจครับ อาจารย์ให้เราครึ่งห้องปิดตาไว้ด้วยผ้า แล้วให้เพื่อนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งพาเดินไปทำนู่นทำนี่รอบๆ คณะ แต่ละคนที่ถูกปิดตากลับมาบรรยายความรู้สึกว่า หวาดกล้ว หวาดระแวง ต่างๆ มากมาย อาจารย์เลยถามว่าถ้าวันหนึ่งพวกเธอมองไม่เห็นขึ้นมาพวกเธอจะเป็นอย่างไร ไม่มีเราคนไหนตอบได้ครับ แล้วอาจารย์ก็บอกว่า ครูก็เคยอยากรู้ ครูเลยเอาผ้าผูกตาแล้วใช้ชีวิตโดยไม่ใช้การมองเห็นเลย 3 เดือน ครูอยู่ได้ ครูยังมีความสุขได้ ตอนนั้นผมไม่ได้ถามหรอกครับว่าอาจารย์จะมีความสุขได้อย่างไร แต่ตอนนี้ผมรับรู้ความสุขนั้นได้ครับ ผมทิ้งคอนแทกเลนส์รู้ว่าแม้มองไม่เห็นแต่ก็ยังมีใครสักคนที่อยู่ข้างๆ ไม่ทิ้งกัน แม้จะมองไม่เห็นแต่มีมือคู่นี้ที่คอยจูงกัน ในโลกของความมืดนี้ยังมีใครสักคนที่กอดเราไว้

ออฟไลน์ hotoil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #31 เมื่อ19-10-2013 09:44:47 »

พี่วิได้รับฉายาอันน่ากลัว?...รึป่าว
พี่วิจะเลือกใครนะ เราว่าตูนหวังฟันแล้วทิ้ง
ส่วนท๊อปรักจริงหวังแต่ง? คอร์ทนายหายไปไหน?
โย๊ปบุคคลนี้ยังเป็นที่น่าสงสัยต่อไป...
รออ่านตอนต่อไปค่ะ ...^ ^
.............................................................
กลับมาเม้นอีกรอบค่ะ ลืมอ่านหน้าสอง แหะๆ= =;;
พี่วิยังรัก หรือ ชอบคอร์ทอยู่ซินะ
แล้วเวลาอยู่กับท๊อปก็รู้สึกดี ถ้าเป็นแบบนี้
หนูขอ 3P หรือ ..P<<(ยังไม่รู้ว่าพี่วิจะชอบอีกไหม) ได้ไหม? ฮ่าๆๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2013 09:54:07 โดย hotoil »

วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #32 เมื่อ19-10-2013 15:14:38 »

15(2) But Only Love Can Say (เรื่องของเวลา และอายุ)

     เช้าวันต่อมาผมตื่นขึ้นเพราะไอ้ท็อบปลุก มันแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยอีกแล้ว ทิ้งให้ผมนอนแก้ผ้าอยู่คนเดียวตลอดเลย
“ใส่เสื้อผ้าไวจังนะครับ” ผมแซว
“เวลาถอดก็ไวครับ” มันเล่นด้วย ฮ่าๆๆ
“วิว่ายน้ำเป็นป่ะ....” ท็อบถามผมหลังที่ผมออกมาจากห้องน้ำครับ
“เป็นดิ มัยอ่ะ”
“เย็นนี้ไปว่ายน้ำเล่นที่สระสาธิตกันป่าว”
“แล้วไม่ซ้อมบาสเหรอ” ผมย้อนถาม
“ผมไม่ได้เป็นนักกีฬาตัวจริง ไม่ได้ซ้อมหนักขนาดนั้นหรอก”
“โอเค....รีบไปเหอะเดี๋ยวท็อบสาย” แล้วมันก็มาส่งผมที่หน้าหอเหมือนเดิมครับ

        วันนี้ตอนเที่ยงผมกินข้าวกับเพื่อนครับที่โรงอาหารคณะ และไม่พ้นที่พวกเธอจะต้องมาวิจารณ์ข่าวสัมพันธ์สวาทของผมให้ฟังอีก
“ได้ข่าวว่าคบเด็กสาธิตนะมึง ระวังตัวเหอะ” ไอ้จิตรแซว แซวแรงตลอด และก็รู้ทุกเรื่องฉาวของผมตลอด
“เออ....กูไม่กลัว กูเป็นอมตะ” ผมไม่ยอมครับ
“นอกจากข้าวผัดกับโอเลี้ยงแล้ว อยากได้อะไรเพิ่มมั้ย” ไอ้บีเพื่อนอีกคนช่วยกันซ้ำเติมผม
“จันทร์ช่วยเราด้วยสิ เราโดนรุม” ผมหันไปหาเพื่อนอีกคนที่คบแฟนอ่อนกว่าครับ
“เสียใจจร๊ะ แฟนฉันมันเลย 20 ละ” ทิ้งเพื่อนตลอด ตอนนี้เพื่อนๆ ชอบหาว่าผมกินเด็กอ่ะครับ แต่ก็จริงของพวกมันนะแต่ละคนนี่อายุน้อยกว่าทั้งนั้นเลย อีกอย่างไม่ชอบคนแก่กว่าด้วย ฮ่าๆๆๆ
        ประเด็นที่เป็นปัญหาเรื่องอายุของเราจริงๆ มันเกิดตอนที่ผมไปเจอท็อบตอน 4 โมงเย็นที่สระน้ำโรงเรียนสาธิตครับ ผมจ่ายเงินค่าสมาชิกประมาณ 50 บาทมั้ง (จำไม่ได้) ได้รับส่วนลดเพราะเป็นนักศึกษามหาลัย เปลี่ยนชุดเป็นกางเกงว่ายน้ำ อายพุงมากครับเพราะเวลากินข้าวเยอะๆ แล้วมันดูบวมออกมานิดหนึ่ง สระว่ายน้ำโรงเรียนสาธิตตอนนี้มีคนประปรายครับ เป็นเด็กผู้ชายกับผู้ผญิงที่ว่ายน้ำอยู่กับครูฝึก ซึ่งก็คือเด็กวิทย์กีฬาฯ ของมหาลัยผม
“ผิววิตอนอยู่กลางแดดแล้วใสมากเลยนะ เหมือนน้ำผึ้งอ่ะ หลังเนียนสุด” ท็อบบอก
“เพิ่งสังเกตเหรอครับว่าหลังเนียนน่ะ” ผมเลยประชดมัน ว่าแล้วผมก็ยืดกล้ามเนื้อ
“ยืดกล้ามเนื้อก่อนว่ายน้ำด้วย....เป็นนักกีฬาป่ะเนี่ย เมียผม” มันแซว
“....หึหึ ให้ทาย” แล้วผมก็กระโดดน้ำ แป๊บเดียวท็อบก็กระโดดตามมาด้วย ว่ายเล่นกันสักพักสันดานผู้ชายก็กำเริบครับ โรคชอบแข่งขัน
“วิ ว่ายน้ำแข่งกันมั้ย ไปกลับ”
“เอาดิ” ผมรับคำท้า ไม่เคยกลัวอ่ะ
“ถ้าผมชนะ วิให้ไร” มันถามอีก
“ให้จนหมดตูดละ จะเอาอะไรอีกละครับ”
“วิต้องบอกคนอื่นว่าเราเป็นแฟนกัน” มันเล่นแรงแล้วครับ ผมเริ่มใจสั่นไม่อยากจะแข่งแล้ว แต่สายไปละครับ แข่งว่ายน้ำไปกลับเรื่องง่ายๆ สำหรับผม แต่วันนี้ผมใส่ท่าฟรีสไตล์เต็มที่เพราะไม่อยากแพ้ แต่แขนขาผมสั้นกว่าท็อบมันครับ ในที่สุดมันก็แตะขอบสระก่อนผมนิดเดียว ผมละอยากจะจมน้ำตายมันตอนนั้นเลย
ผมว่ายน้ำเล่นต่ออีกไม่นานก็ขึ้นจากสระครับ 5 โมงเศษแล้ว เราแต่งตัวกันแล้วก็ออกมานั่งกินขนมพัพแอนด์พายหน้าโรงเรียนสาธิต ผมเลี้ยงแอบเปิ้ลพายมันครับ เพราะผมชอบกิน
“ท็อบ......” เสียงเด็กผู้หญิงดังมา เด็กผู้หญิงกระโปรงสีน้ำเงินกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหามันครับ ผมเลยแกล้งกินไปเฉยๆ ทำท่าไม่รู้จักไอ้ท็อบครับ
“ทำไรแก ไม่ซ้อมบาส” น้องคนหนึ่งถาม
“เพิ่งไปว่ายน้ำเล่นกับแฟนมา” เอาละกู อย่านะไอ้ท็อบ พลีสสส
“จริงอ่ะ ที่บอกว่าเรียนอักษรฯ น่ะเหรอ”
“อืม....”
“พามาโชว์ตัวมั่งสิ อยากรู้จัก” กรรมของกู
“นี่ไง อยากรู้จักอะไรพี่เขาล่ะ” มันบอกน้องผู้หญิงแล้วก็พยักเพยิดหน้ามาทางผม
“อ้าว.....จริงอ่ะ” น้องมันดูอึ้งมากครับ เพื่อนๆ มันด้วย ฉาวแล้วกู ผมคิด
“พี่เป็นแฟนท็อบจริงป่าวคะ” โถ่  น้องจ๋า
“วิอย่าลืมสัญญานะ” ท็อบมันกระซิบให้ผมได้ยิน
“เอ่อ........ครับ............เป็นแค่วันนี้แหละ” ประโยคหลังผมพึมพำ
“ตอนแรกหนูนึกว่าท็อบมันชอบผู้หญิงซะอีก” น้องพูดทำหน้าเสียดาย
“อืมครับ...พี่ก็ไม่นึกว่ามันจะชอบกินถั่วดำ” ผมได้ทีเลยเอามั่งครับ ทุกคนหัวเราะลั่นเลย ไอ้ท็อบหน้า เหวอเลย สมเสือกหาเรื่องเอง
“555.....แล้วพี่เรียนปีอะไร แล้วคะ” น้องถามต่อ
“......ปี 4 ครับ” ผมตอบ
“โห.......หนูคิดว่าปี  1 ปี 2 ซะอีก” สรุปกูแก่
“เราชอบของสูง........อายุน่ะ” ไอ้ท็อบได้ที่ล้อผมกลับ ไอ้สัตxx
“เทอมหน้าพี่ก็เรียนจบแล้วสิคะทีนี้” น้องถามต่อ
“อืม...ใช่”
“ถ้าพี่ไปแล้วคราวนี้ ท็อบมันเหงาตายแน่เลยค่ะ” แม้จะรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา แต่พอได้ยินจากปากคนอื่นแล้วมันใจหายครับ ถึงเราจะเป็นแฟนกัน ถึงจะรักกัน ไม่ช้าไม่เร็วผมต้องเดินจากท็อบมันไปสักวัน ผมเริ่มปวดหัวครับ ผมเป็นอนาคตสำหรับมันจริงหรือเปล่าก็ยังถามตัวเองอยู่
“พวกน้องกำลังจะกลับบ้านเหรอ” ผมเห็นพวกน้องอีกหลายคนยืนรอ จริงๆ ต้องการจะไล่น้องๆ เขาทางอ้อมด้วย
“ค่ะ”
“รีบกลับเถอะ เดี๋ยวมืดนะ”
“ค่ะ....เอ่อ หนูชื่อมีนนะคะ พี่น่ารักมากค่ะ ดูเป็นคนตลกดี ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“พี่ชื่อวินะ” ผมบอก
“อย่ามาแบ๊วใส่แฟนเรานะ” ไอ้ท็อบร้องไล่น้องมีนอีกคน
“ไปท็อบกลับกันเถอะครับ พี่ไปส่งขึ้นรถ” แล้วเราก็จูงมือกันเดินไปที่ถนนสนามจันทร์ ไม่กลัวว่าใครจะมาเห็นเลยครับ
     
        การที่ผมได้คุยกับเพื่อนของท็อบในวันนี้ ทำให้ผมนึกถึงการเรียนวรรณคดีของผมครับ เพราะมันสอนให้ผมรู้ถึงความแตกต่างระหว่างระหว่างความรักที่คนๆ หนึ่งจะมีให้เพื่อนหรือแฟน ที่จริงก็คือมันไม่มีความแตกต่างกันหรอกครับความรักระหว่างเพื่อนกับแฟน มันแตกต่างกันแค่ว่าเมื่อเวลาสิ้นสุดวันมาถึงเพื่อนต้องบอกลาแล้วแยกย้ายกันไป ส่วนแฟนหรือคนรักจะเป็นคนที่อยู่กับเราต่อจนถึงวันใหม่ ดังนั้นแฟนจึงมีความหมายของการอยู่ด้วยกันตลอดเวลา เพื่อคอยดูแลกันในเวลาที่อีกคนอ่อนแอ ไม่สบาย และผมเองที่ปราศจากคุณสมบัติข้อนั้นอย่างสิ้นเชิง ผมจะเป็นแฟนที่ดีให้ท็อบมันได้อย่างไร ผมส่งมันขึ้นรถสองแถวแล้วเดินกลับหอคนเดียวเงียบๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา ท้องฟ้ามืดลงเรื่อยๆ คงจะช่วยไม่ให้ผมต้องอายน้ำตาตัวเอง

วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #33 เมื่อ19-10-2013 15:30:46 »

15(3) But Only Love Can Say (จะลองเริ่มใหม่อีกครั้ง หรือจะเดินหนีไป)  

      อาจารย์ภัครสอนผมและเพื่อนเสมอว่า จงพยามยามรักษาศักดิ์ศรีและค่าของตัวเองเอาไว้ให้ดี อย่าเอามันไปแลกกับสิ่งต่างๆ หรือแลกกับใครโดยไม่คิดให้ดี ไม่อย่างนั้นเราจะเสียใจภายหลัง และจะไม่มีความสุขกับตัวเอง เพราะเราสูญเสียคุณค่าในการมีชีวิตอยู่ไป มันเป็นเรื่องจริงครับ ผมนึกย้อนไปถึงวันที่รูมเมทผมมันลวนลามผม แต่ผมกลับโง่ที่คิดว่ามันมีใจให้ สุดท้ายเมื่อมันจะไปผมถึงกับร้องไห้ กอดขามันให้อยู่ ทิ้งศักดิ์ศรีที่มีไปหมด และผลคือทุกวันนี้ผมสูญเสียศรัทธาที่มีต่อตัวเองไปครับ

     วันนี้ก็เช่นกัน ผมไม่ได้พยายามหลอกตัวเองว่าวันนี้จะไม่มาถึง แต่ผมจินตนาการถึงวันนี้ไว้หลายแบบครับ พูดให้ถูกก็คือ จินตนาการการเผชิญหน้ากับคอร์ทไว้หลายๆ แบบครับ เพราะครั้งที่แล้วเราจบไม่ค่อยสวยเท่าไร คงจะมีผมและพี่ด้ายเท่านั้นที่รู้ว่าคอร์ทมันเกลียดผมเพราะมันเริ่มรู้ความจริงว่าผมแอบรักมัน  และโดยเฉพาะหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดมันผมคงโทษคอร์ทมันไม่ได้หรอกครับถ้ามันจะเกลียดผมมากยิ่งขึ้นไปอีก คำถามก็คือแล้วผมจะต้องไปเจอหน้ามันทำไมอีกในเมื่อมันทำกับผมให้เสียใจถึงขนาดนั้น
“วันนี้เราจะไปดูประกวดดนตรีของคณะเภสัชฯ นะ มีใครจะไปดูเป็นเพื่อนเรารึเปล่า” ผมถามเพื่อนในกลุ่มตอนสายๆ ในขณะที่กำลังทำโครงร่างการวิจัยอยู่ เพราะพวกไอ้ทรีบอยคอทไอ้คอร์ทครับ ผมเลยต้องมาชวนคนอื่นไป
“จะไปดูผู้ชายล่ะสิ” ไอ้บีด่า
“เออ” ผมยอมรับครับ  และผมขอบคุณเพื่อนผมมาก ชีวิตนี้ผมมีเพื่อนที่ดีจริงๆ แนนนี่ครับ เมื่อก่อนเราสองคนไว้ผมทรงเดียวกัน ทรงหยิกเซอร์ครับตามแบบฉบับเด็กมหาลัยผม จนคนเรียกว่าอัสลัน (สิงโตจากเรื่องนาร์เนีย) แนนนี่อาสาจะไปงานประกวดดนตรีของคอร์ทเป็นเพื่อนผม

     ตกเย็นไอ้ทรีแทบจะไม่ยอมให้ผมมาด้วยซ้ำ นี่ผมก็โกหกมันว่ามาทำวิจัยกับเพื่อน อีกอย่างวันนี้ผมไม่มันใจเลยทั้งวัน ตอนกลางวันผมต้องไปเซ็ทผมร้านพี่ภาพ ไม่แบกหนังสือมาเรียนให้ตัวเองดูไม่รุ่มร่าม แล้วเวลาก็มาถึงครับทุ่มครึ่งผมกับแนนนี่สองคนก็เดินกันไปที่ตึกดาวของคณะเภสัชฯ งานประกวดนี้จัดในห้องประชุม ผมรู้สึกว่าหัวใจตัวเองต้นแรงมากครับ เหมือนมันจะกระเด็นออกมาจากปาก และผมก็เริ่มเวียนหัวอยากอ้วกมากครับ แต่ผมก็กลั้นเอาไว้ แกล้งทำสีหน้าเป็นปกติครับ ผมเดินขึ้นไปบนห้องประชุมวันนี้ใส่เสื้อเชริ์ตขาวเหลือบเกล็ดงูตัวเก่ง กับเดฟน้ำเงินเฉดดำ อยากให้ตัวเองดูดีต่อหน้าคอร์ทด้วย แถมแนนนี่ยังมีพร็อบเพิ่มให้ด้วยตั่งหูหินแม่เหล็กทรงกลม เอามาติดหูข้างซ้ายให้ผม เพราะผมไม่ได้เจาะหู เพื่อนบอกว่าดูดีมาก เชื่อเพื่อนครับ ฮ่าๆๆ

   คอร์ทขึ้นมาเล่นเป็นคิวที่แปดครับ ใสชุดนักศึกษาผูกไทสีเขียวเวอริเดียน ดูเหมือนจะมาเรียนมากกว่ามาเล่นกีต้าร์ แต่คงเป็นเพราะมีอาจารย์เป็นกรรมการ ก่อนจะเล่นมันก็สังเกตเห็นผมครับ เพราะเรานั่งใกล้เวที คอร์ทเมื่อเห็นผมก็จ้องผมนานมากครับ จนผมรู้สึกอึดอัด ไม่น่ามาเลย

“อะไร ๆ เดิม ๆ ที่มีอยู่    อะไร ๆ เดิม ๆ ที่คุ้นตา
อะไร ๆ ที่เราเคยเสาะหา    อะไร ๆ ที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนไป
อะไร ๆ เดิม ๆ ที่เคยมี    อะไร ๆ เดิม ๆ ที่เข้าใจ
อะไร ๆ เดิม ๆ จากไปไหน    อะไร ที่ทำให้เราไม่รักกัน

 อย่าบอกฉันว่ามันหายไป   อย่าบอกว่าใจ เปลี่ยนไปไม่รักกัน
ไม่อยากรู้เรื่องเธอและฉันที่เคยมีกัน   วันนั้นแค่ฝันไป......”


มันเล่นค่อนข้างเพี้ยนครับ สงสัยเห็นผมแล้วมือสั่นอยากเอากีตาร์ลุกขึ้นมาฟาดหัว พอมันเล่นเสร็จลงจากเวทีไปก็สามทุ่มเศษๆ แล้วครับ ผมเลยเดินออกไปส่งแนนนี่ แล้วขณะที่ผมกำลังอยู่ที่เซเว่นก็มีเมสเสจเข้ามาว่า อีกสิบนาทีเดินขึ้นมาหาที่ชั้นบน ส่งมาจากคอร์ทครับ ผมถอนใจแล้วเดินกลับเข้าไปที่ตึกดาว

อีกสิบนาทีผมก็เดินขึ้นบันได้จากชั้นห้องประชุมไปอีกชั้น ตอนนี้ค่อนข้างเงียบครับ โดยเฉพาะชั้นบนนี่ คงเพราะงานใกล้จะเลิกแล้ว
“ไง ยังกล้ามาด้วยเหรอ” เสียงนี้แหละครับที่คุ้นเคย แต่มันฟังแล้วชวนให้หงุดหงิดพิกล
“ก็รู้นิสัยพี่ไม่ใช่เหรอ สัญญาแล้วก็ต้องมาสิ.....” ผมไม่เคยผิดคำพูดครับ หันไปมองหน้ามัน มันถอด เนคไทแล้วครับ เอาชายเสื้อออกนอกกางเกงด้วย เปิดกระดมเม็ดบนตามสากลนิยม
“............เปลี่ยนไปนะ” เราสองคนพูดคำนี้แทบจะพร้อมกัน
“หึหึ....ตัดผม ทรงนี้แต่งตัวแบบนี้แล้วดูดีขึ้นเยอะเลยนะ แต่งตัวแบบเดิมมันหากินไม่ได้แล้วรึไง” มันทำเสียงล้อเดินเข้ามาใกล้แล้วครับ
“..............................” ผมอยากอ้วกครับ ใจเต้นแรง มือสั่น โมโหมันด้วย
“วันนี้เล่นกีตาร์เสียงเพี้ยนนิ ตื่นเวทีเหรอ หรือเพราะเห็นหน้าพี่” ผมพยายามพูดอะไรออกมาบ้าง มันดูหงุดหงิดเลยครับ
“.............................................”
“งั้นพี่กลับก่อนละกัน” อาการเวียนหัวแรงขึ้น เมื่อเผชิญหน้ากับคอร์ทนานๆ
“รีบจนไม่มีเวลาให้ผมแล้วเหรอ” มันทำเสียงประชดมาก
“............................................”
รู้ตัวอีกทีผมก็กำลังวิ่งครับ แต่ไม่ได้วิ่งลง ผมวิ่งเข้าห้องน้ำแล้วอ้วกครับ แน่นอนว่าไม่มีอะไรออกมา เพราะตั้งแต่เตรียมตัวจะมาเจอคอร์ทผมประหม่าจนกินอะไรไม่ลงครับ เมื่อออกมามันรออยู่ที่อ่างล้างมือครับ มันพลักผมเข้าห้องน้ำ ปลดกระดุมเสื้อออก ปลดเข็มขัดแล้วดึงกางเกงลงมา ผมมึนมากครับตอนนี้ เหมือนสมองไม่ทำงานเลย
“ทำสิ ที่มาหาผมนี่ก็เพราะยังอยากทำไม่ใช่เหรอ” แล้วผมก็ใช้ปากโม๊คให้มันครับ ผมทำสักพักมันส่ายเอวกระแทกแรงขึ้นจนผมสำลัก ผมพยายามบอกตัวเองในใจเป็นสิบเป็นร้อยครั้งว่า นี่ไม่ใช่เหรอสิ่งที่เราต้องการ...นี่ไม่ใช่เหรอสิ่งที่เราต้องการ...นี่ไม่ใช่เหรอสิ่งที่เราต้องการ แต่บางอย่างทำให้ผมรู้สึกว่ามันเหมือนจะไม่ใช่ครับ เพราะบางอย่างที่สำคัญที่สุดมันขาดหายไป
 “โอ๊ยยยย.....คอร์ทพอเถอะ” ผมสะอื้นครับ เมื่อคายของมันออกมา
“เจ็บเหรอ หึหึ” มันขำ
 “ให้ช่วยป่ะ” มันกระซิบถาม
“....................” แล้วผมก็พยักหน้าครับ มันช่วยผมด้วยการดูดคอผมแรงๆ บีบนมผมแรงๆ ซึ่งไม่ได้เรียกว่าเป็นการช่วยผมตรงไหนเลย ไม่นานมันก็กดหัวผมลงไปที่ส่วนนั้นของมันต่อ ผมคงต้องทำให้มันจนเสร็จมั้งถึงจะออกไปจากตึกนี้ได้ ด้านล่างของมันคอร์ทมีขนตรงนั้นเยอะมาก และที่ผมคิดว่าเซ็กซี่ที่สุดคือขนของมันไร่เรียงกันขึ้นไปจนถึงสะดือ สวยมากครับเหมือนพีระมิดเลย ผมทนให้มันกระแทกปากผมต่อไปแรงมาก จนรู้สึกเจ็บที่ริมฝีปาก
 “อ่า........” คอร์ทครางออกมาครับ แล้วมันก็ปล่อยน้ำเชื้อเข้ามาในปากผมโดยไม่เอาของมันออก ผมไม่มีทางเลือกครับนอกจากจะต้องกลืนมันลงไป พอผมกลืนจนหมดมันก็เอาของมันออกไป แล้วจู่ๆ มันจับผมดึงหน้ามาจูบปากครับ จูบนั้นหวานมากสิ่งที่หายไปชั่ววูบหนึ่งปรากฏอยู่ในจูบนี้ ความอ่อนโยนที่หายไป
“รีบแต่งตัว เดี๋ยวตึกปิด หิวแล้วด้วย”

     บนโต๊ะเหล็กพับสีน้ำเงินที่ตั้งอยู่บนฟุตบาทของร้านผัดไท ผมกับคอร์ทหันหน้าเข้าหากัน จานผัดไทสองจานวางอยู่ตรงกลางระหว่างเราสองคน ผมเกร็งมาก เราต่างก็เกร็งเพราะไม่รู้ว่าจานผัดไทจะพุ่งใส่หน้าของอีกฝ่ายเมื่อไร
“ทีนี้รู้แล้วสินะว่าเกลียดเป็นยังไง” ไอ้คอร์ทพูดออกมาลอยๆ แต่คนที่จะฟังมันก็มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น
“เกลียดพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมพูดแล้วน้ำตาไหลครับ เวียนหัวมาก แล้วโทรศัพท์ผมก็ดังครับ
“จะห้าทุ่มแล้วพี่ ทำอะไรอยู่กลับรึยัง” ไอ้ทรี ซึ่งตอนนี้กลายร่างเป็นพี่ผมโทรมาตาม
“.................อืม” ผมไม่รู้จะตอบอะไรมันครับ
“.......ไปหาไอ้คอร์ทมาใช่มั้ย บอกแล้วไงว่าอย่าไป อยู่ไหนผมไปรับ” มันซักผมเหมือนแอบติดเครื่องบอกพิกัดไว้
“อืมม............ไม่ต้องมาหรอก พี่นอนหอเพื่อนได้” ผมตอบ เห็นไอ้คอร์ทมองนาฬิกาเหมือนกัน
“เฮ้ยพี่ไม่ขำนะ อยู่ไหน” ผมวางสายโทรศัพท์เลยครับ ไอ้ทรีโทรเข้ามาอีกแต่ผมปิดเครื่อง  แล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ
“จะนอนไหนล่ะ” ไอ้คอร์ทถามบ้าง
“หน้าภาค” ผมตอบเริ่มโมโห ไม่ได้คิดจะไปนอนที่ห้องมันอยู่แล้ว สภาพนี้ไปนอนห้องไอ้ท็อบก็ไม่ได้
“ลานพิกุลน่ะนะ”
“อือ.............”  ทำไมจะไม่กล้านอนล่ะครับ ต่อให้ลือกันว่าผีดุแต่ภาคผมเดินเข้าออกจนชินแล้วครับ นอนแม่งมันที่นั่นแหละ เซ็ง
แล้วผมก็เดินไปจ่ายตังแม่ค้าครับ ไม่กินแม่งมันแล้วผัดไท กูบอกเป็นร้อยครั้งว่าร้านนี้แม่งไม่อร่อยก็ยังจะมา แล้วที่สำคัญพามาเพื่ออะไร
“.................................”
“ไปนอนห้องผม” ไอ้คอร์ทบอก มันคงพูดแบบเสียไม่ได้
“ไม่” ผมเดินกลับมหาลัยแล้วครับ แอบไกลอยู่
“อย่าทำเป็นเรื่องมากได้มั้ยวะ” มันขึ้นเสียงครับ แล้วผมก็แพ้มัน ทำไมไม่รู้ ทั้งที่อยากจะปล่อยหมัดขวาตรงเข้าที่ชายโครงมันสักครั้ง  ผมซ้อนท้ายเวสป้ามันไป แบกกีตาร์ไว้ให้มัน หอมันอยู่เลยเต๊นท์เขียวหน้ามหาลัยเข้ามาครับ ผมเคยมาบ่อยเพราะมาช่วยติวรุ่นน้อง

ห้องมันอยู่ชั้น 7 ครับ เราต้องขึ้นลิฟต์กันมา ในห้องมีตู้เย็น ทีวี คอมพ์ ผิดกับหอผมครับไม่อนุญาตให้นักศึกษาใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เพราะค่าไฟฟรี
“ไปอาบน้ำไป” มันไล่
“ไม่....ไม่มีชุดเปลี่ยน” ผมเถียง
“อย่าให้อารมณ์เสีย...ไป” พูดยังกับมันจะทำอะไรผมได้
“ไม่อาบก็นอนพื้น” ผมเลยไปอาบน้ำครับ อาบไปก็ต้องปิดตาไป ไม่ให้น้ำเข้าคอนแท็กเลนส์ ไม่นานไอ้คอร์ทก็เปิดประตูห้องน้ำเข้ามา
“เฮ๊ย....” ผมตกใจครับ ผมโป๊ด้วย มันเลยโยนผ้าขนหนูมาให้ แล้วก็ปิดประตูครับ ผมรีบเช็ดตัวแล้วเดินออกไปมันให้ผมใส่บ็อกเซอร์ของมัน แล้วมันก็ไปอาบน้ำบ้าง

ระหว่างที่มันอาบน้ำ ผมนั่งบนโต๊ะครับไม่อยากสัมผัสเตียงมัน สักพักคอร์ทก็ออกมาใส่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์ ทีกูไม่มีเสื้อให้ใส่ ส่วนเสื้อเชริ์ตผมก็เปื้อนครับเพราะใส่มาทั้งวันแล้ว พอมันออกมาบรรยกาศในห้องก็กระอักกระอ่วนอีก
“ไม่ง่วงเหรอ” มันถามเสียงแข็งๆ
“เฉยๆ จะนอนแล้วเหรอ” ผมเลยถามมันกลับ มันเดินตรงเข้ามาหาผมครับ จะมาต่อยกูเหรอ แล้วมันก็หยุดตรงหน้าผมแล้วเอื้อมไปหยิบแผ่นกระดาษมากมายที่วางเกลื่อนอยู่บนโต๊ะครับ หยิบไปวางบนเตียง
“ถ้ายังไม่ง่วงก็มานี่” แล้วมันก็แกะเอากีตาร์ออกมาจากถุง ผมเห็นแล้วครับว่ากระดาษพวกนั้นเป็นคอร์ดกีตาร์ที่มันแกะเอง
“อ่ะ เพลงนี้นะ ร้องเป็นมั้ย” มันถามยื่นกระดาษมาให้ผมแผ่นหนึ่ง เพลง Only Love ของ Trademark เพลงเก่าแล้วครับ (ลองหาฟังใน youtube แล้วกันครับ) แล้วเราก็เริ่มร้อง

“......2 am and the rain is falling  Here we are at the crossroads once again
You're telling me you're so confused  You can't make up your mind
Is this meant to be  You're asking me…………

But only love can say  Try again or walk away
But I believe for you and me  The sun will shine one day

So I just play my part  Pray you'll have a change of heart
But I can't make you see it through  That's something only love can do

In your arms as the dawn is breaking  Face to face and a thousand miles apart
I've tried my best to make you see  There's hope beyond the pain
If we give enough  If we learn to trust

But only love can say  Try again or walk away
But I believe for you and me  The sun will shine one day

So I just play my part  Pray you'll have a change of heart
But I can't make you see it through  That's something only love can do

I know if I could find the words To touch you deep inside
You'll give my dreams just one more chance To let this be our last goodbye…..”


เนื้อเพลงนี้เล่าถึงคนรักสองคนที่กำลังอยู่บนทางแยกของชีวิตครับ แล้วเขาสองคนต้องตัดสินใจว่าจะเลือกเดินต่อไปทางไหน ทางที่ต่างคนต่างเดิน หรือทางที่คนสองคนจะเดินด้วยกันเหมือนเดิม แม้ว่าสุดท้ายเขาจะอยากหาคำพูดที่กินใจกัน เพื่อขอโอกาสครั้งที่สอง แต่ก็มีเพียงแค่รักที่จะให้คำตอบได้ครับ
มีเพียงแค่รักเท่านั่นจะบอกเราได้ได้  จะเริ่มใหม่หรือเดินจากไป
แต่ฉันเชื่อว่าแสงตะวันจะส่องลงมาอีกครั้ง  ให้เราสองคนเมื่อวันนั้นมาถึง

ร้องเพลงกันได้สักพักผมก็คุ้ยๆ คอร์ดเพลงไปเรื่อยๆ จนสะดุดตาเข้ากับกระดาษแผ่นหนึ่ง มันเขียนคอร์ดเพลง อีกนานไหม แผ่นเดียวกับที่ผมเห็นในวันสุดท้ายที่เรารู้สึกดีๆ ต่อกัน ผมหยิบมันขึ้นมาดูครับ
“คอร์ท...กระดาษแผ่นนี้พี่ขอนะ” ผมบอกมัน ไม่ปล่อยกระดาษจากมือ
“อือ........” คอร์ทตอบเมื่อหันมาดู เหมือนมันไม่ค่อยสนใจกระดาษแผ่นนี้เท่าไร แต่กระดาษแผ่นนั้นผมยังเก็บไว้อยู่กับตัวมาจนทุกวันนี้
“พรุ่งนี้เรียนกี่โมง” ผมถามมันครับ
“9.30”
“งั้นคอร์ทนอนได้แล้วมั้ง นี่ก็ตี 1 แล้ว” ผมบอกมัน
“อืมๆ...” มันเก็บกีตาร์กับกระดาษ
“จะให้พี่นอนไหน”
“นอนกับผมได้มั้ยล่ะ” มันย้อนคำถามของผมในคืนนั้นที่มันไปนอนบนเตียงผม
ผมล้มตัวนอนลงริมเตียงครับแล้วดึงผ้าห่มด้านที่มันแบ่งให้มาปิดหน้าอก คอร์ทเอื้อมมือไปปิดไฟหัวเตียง แล้วล้มตัวนอนผมได้ยินเสียงคอร์ทถอนใจยาว
“........................”
“ผมถามจริงนะ...ทำไมพี่มาชอบผม....ตั้งแต่แรกพี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเรียนคณะเภสัช ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเป็นลีด” มันถามผมในความมืดครับ เสียงมันอ่อนลงแล้ว
“.....หึหึ ไม่รู้สิ แค่รู้ว่าชอบ” มีหลายเหตุผลครับที่จะบอกว่าทำไมผมถึงแอบรักมัน แต่อ้างอิงตามหนังสือ ทิ้วเดยส์ วิท มอรรี่ (Tuesdays with Morrie) ที่อาจารย์ภัครเคยให้ผมอ่าน บอกว่า Love is only rational act….รักเป็นการกระทำเดียวเท่านั้นที่เป็นเหตุเป็นผล หรือรักมันมีเหตุผลในตัวมันเอง
“แล้วคอร์ทล่ะ...เกลียดพี่มั้ย” ผมถาม
“....................................”
“ผมแค่.........โกรธ” มันบอก  เหมือนพยายามจะอธิบายแต่ไม่รู้จะพูดยังไง ผมยิ้มครับ
“....พี่ขอโทษนะ” แล้วผมก็บอกเรื่องราวที่ค้างอยู่ในใจผมตลอดเวลาไป
“ทั้งๆ ที่คอร์ทเป็นคนที่พี่สนใจที่สุดแต่พี่ไม่เคยสงสัยเลย พี่ไม่เคยคิดว่าคอร์ทจะเรียนเภสัชฯ ตอนเจอกันครั้งแรก....พี่ไม่คิดเลยว่าคอร์ทจะไปซ้อมลีด เวลาที่หายไปตอนกลางคืน...พี่ไม่คิดว่าคอร์ทจะเล่นกีตาร์ ทั้งๆ ที่ไปร้องเพลงกับเพื่อนมา....และพี่ไม่เคยถามถึงคอร์ทเลยเวลาที่คอร์ทไม่สบาย”
“..................................”
“ทำไมพี่ไม่เคยกอดผม เราเคยนอนเตียงเดียวกันตั้งหลายครั้ง”
“พี่ไม่อยากทำ พี่กลัวคอร์ทไม่ได้ชอบพี่...” ผมตอบ
“....หึหึ ผมเลยเสร็จไอ้เหี้xxด้อมก่อนเลย” มันประชดชีวิต
“....................................”
“พี่กอดผมได้มั้ย ผมไม่...เหมือนเดิม แล้วรังเกียจผมมั้ย”
“....รังเกียจพี่มั้ยถ้าพี่จะบอกว่า พี่เคยโดนแบบเดียวกับคอร์ททุกอย่าง” แล้วผมก็หันไปกอดมันครับ เกร็งๆ นะครั้งแรกที่ได้กอดมัน คอร์ทตัวร้อนจัง แล้วผมก็ทำสิ่งที่คุ้นเคยคือ เอาจมูกไปหอมที่ไรผมตรงหน้าผากมันครับ มันก็เฉยๆ สงสัยอึ้ง
“นั่นใช่มั้ยที่ทำให้พี่เป็นข่าวลือจนไม่มีใครคบ” มันถาม
“อืม.....” ผมดมกลิ่นจากไรผมมันเพื่อบรรเทาความเครียด

“เฮ้ย พี่มีอารมณ์ป่าวเนี่ย” สงสัยของผมคงไปโดนขามันมั้งครับ ก็กางเกงในไม่มีใส่นิ
“ก็นิดหนึ่ง กอดคนที่ตัวเองชอบไม่ให้มีอารมณ์ได้ไง” ผมตอบ แต่ต่อให้มีมากก็เท่านั้นละครับ ไปทำอะไรคอร์ทมันได้
“มีอารมณ์ก็ไปชักว่าวไป” ไล่กูไปทำเรื่องบัดสีอีกไอ้นี่
“ไม่เอาอาย.....เดี๋ยวก็หลับแล้ว” ผมเขยิบออกห่างจากมันครับ แต่แขนข้างซ้ายยังพาดตัวมันไว้อยู่
“อายทำไม ผมเคยเห็นพี่ชักว่าวด้วย 555” มันบอกล้อผม
“เฮ้ย.....เห็นตอนไหน” ผมสะดุ้งเลย
“วันนั้นผมไปหาพวกไอ้ทรี เลยเปิดประตูเข้าห้องพี่ พี่ไม่ล็อกเองนะ ใส่หูฟัง ดูหนังโป๊ แก้ผ้าชักว่าว” มันบอกรายละเอียดครบเลย
“......ไม่จริง” ขอกลั้นใจตาย แล้วเราก็คุยอะไรกันอีกไม่นานหรอกครับ แล้วก็หลับไป แต่คืนนี้ผมกอดคอร์ทนอนครับ คนที่ผมคิดว่ารักมากที่สุดคนหนึ่ง ผมไม่เว้นที่ว่างเหมือนที่เคยผ่านมาแล้ว

     ชีวิตของคนเป็นชุดของความสัมพันธ์ระหว่างแรงดึงสองด้านครับ เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า tension of opposite ครับ เพราะเราทุกคนถูกดึงอยู่ระหว่างสิ่งที่เราอยากทำ กับ สิ่งที่เราต้องทำ (what we want against what we have to) คำถามก็คือแล้วระหว่างสิ่งที่เราอยากทำกับสิ่งที่เราต้องทำฝ่ายไหนจะชนะ ในหนังสือ ทิ้วเดยส์ วิท มอรี่ บอกไว้ครับว่า Love wins, love always win…..คือความรักอยู่ข้างไหนข้างนั้นก็จะชนะเสมอครับ เพราะรักชนะเสมอ ระหว่างการอยู่ที่นี่กับคอร์ทในตอนนี้ทั้งๆ ที่ผ่านมามันทำให้ผมตกต่ำลงไปแค่ไหน แต่ผมก็ยังมาอยู่ที่นี่กับมันครับ เพราะมันมีความรักของผม และมันชนะเสมอ

วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #34 เมื่อ19-10-2013 15:44:57 »

ในตอนที่ 15(3) อยากลงรูปประกอบเพื่อเพิ่มอรรถรสนะครับ แต่จนปัญญา ลอง attached file แต่ไม่สำเร็จครับ ผู้อ่านท่านใดรู้วิธีกรุณาช่วยสงเคราะห์ด้วยครับ 555

"วิ"

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #35 เมื่อ19-10-2013 17:29:50 »

ลงเยอะมาก อ่านจุใจ แต่ขอเวลาอ่านนิดนึงนะ เอา + ไปก่อนจ้า  :hao7:

ในตอนที่ 15(3) อยากลงรูปประกอบเพื่อเพิ่มอรรถรสนะครับ แต่จนปัญญา ลอง attached file แต่ไม่สำเร็จครับ ผู้อ่านท่านใดรู้วิธีกรุณาช่วยสงเคราะห์ด้วยครับ 555

"วิ"


แนะนำให้ฝากรูป กับเวปฝากรูปแล้วเอาลิงค์มาลงค่ะ

วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #36 เมื่อ20-10-2013 09:39:35 »

ขอบคุณมากครับ คุณ Poes

SanDiego

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #37 เมื่อ20-10-2013 10:14:51 »

มาอ่านต่อ กำลังสนุกเลย

วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #38 เมื่อ20-10-2013 11:27:52 »

15(4) But Only Love Can Say (คนพิเศษ.....)

     ผมกลับขึ้นห้องตอนเช้าหลังจากคอร์ทมันพาผมแวะไปกินโจ๊กแถวทางรถไฟ แล้วพามาส่งที่หน้าหอครับ รู้สึกเจ็บๆ ที่ปาก เหมือนโดนคนต่อยมา ก่อนขึ้นห้องก็แวะไปล้างปากที่ห้องน้ำครับ เจอลิตเติ้ลออกมาเข้าห้องน้ำ
“กรี๊ด.......สาวน้อยของฉัน ไปโดนใครตีปากมาคะ” ลิตเติ้ลถามครับ
“ถามว่าเขาเอาอะไรตีดีว่าจ๊ะที่รัก” ผมตอบเพื่อน
“ไหวป่าวอ่ะ” จริงๆ ก็ผมก็เจ็บนิดหนึ่งนะครับ ตอนกินโจ๊กร้อนๆ นี่แสบแปล๊บๆ เลย สงสัยริมฝีปากผมกระแทกกับฟันเยอะไป มันเลยดูช้ำๆ บวมๆ
“จร้า.....แล้วเจอกันคาบอาจารย์ภัครเย็นนี้นะคะ” ผมบอกลิตเติ้ล เพื่อนจะได้กลับไปแต่งตัว
“Goodค่ะ....ไปกินข้าวก่อนเข้าเรียนกันด้วย” แล้วเธอก็เดินไปห้องครับ ปัญหาจริงๆ ของผมไม่ได้อยู่ที่ลิตเติ้ลหรอกครับ ชีวิตมันน่าเอน็จอนาจกว่าที่คิดเยอะ
“ทรี.....พี่ขอโทษนะ” ผมเดินกลับเข้าห้อง ไอ้ทรีกำลังแต่งตัวอยู่
“อืมๆ.......” เหมือนมันยังโกรธผมครับ
“จะไปเรียนแล้วเหรอ”
“ครับๆ” ทีนี้ละถามคำตอบคำ ไม่ต้องมางอนกูหรอก พี่น้องกันกูรู้อีกไม่นานมึงก็หายงอน ผมเลยเดินผ่านมันที่ยืนอยู่หน้ากระจกมาที่เตียงครับ
“.................................”
“ไปโดนไอ้คอร์ทต่อยมารึไง” มันถามแล้วมองหน้าผม
“ป่าว มันไม่ได้ทำ” ผมรีบตอบ
“แล้วปากไปโดนไรมา”
“....................คอร์ท” โถ ไอ้อ้วนกูไม่บอกมึงหรอกว่ากูโม๊คมันจนปากแตกน่ะ
“ทายาป่าว”
“ไม่อ่ะ.....รอพี่หน่อยได้ป่าว พี่อาบน้ำก่อนได้ลงไปกินข้าวกัน” ผมชวนมันกินข้าวครับ เผื่อมันจะหายโกรธ
“อืม” แล้วผมก็ถอดคอนแท็กเลนส์ ถอดเสื้อกางเกงพันผ้าเช็ดตัว สังเกตว่าไอ้ทรีมันมองผมแปลกๆ ครับ แต่ผมไม่ติดใจอะไรก็เลยเอาตระกร้าสบู่แชมพูออกไปห้องอาบน้ำครับ เปลือยท่อนบนอยู่หน้ากระจกห้องอาบน้ำรวมเพื่อแปลงฟัน ทำให้ผมรู้ว่าไอ้ทรีมันมองผมเพราะอะไร ไอ้คอร์ทมันทิ้งรอยจูบไว้ที่คอผมครับ หลายรอยเลย เมื่อวานผมก็เคลิ้มไม่ได้สังเกต แต่ที่ซวยที่สุดคือไอ้เอ็มมันเดินมาที่อ่างล้างหน้าติดกับผมเพื่อแปรงฟันเหมือนกัน เอ็มมองเงาสะท้อนผมในกระจกตาโตเลยครับ ผมอายมาก เลยหยิบตระกร้าเข้าห้องอาบน้ำ เสร็จแล้วผมก็แต่งตัวครับ พยายามปกปิดรอยช้ำที่เกิดจากการแตกของเส้นเลือดฝอยในชั้นผิวหน้งของลำคอด้วยพลาสเตอร์แปะแผล ส่วนรอยไหนอยู่ลึก ก็ช่างมันครับ

        เช้าวันพุธผมเรียนวิชาความรู้กับอำนาจโดยครั้งนี้อาจารย์เชน พูดถึงเรื่องการช่วงชิงความเป็นเจ้าของความรู้หรือเรียกภาษาอังกฤษว่า hegemony ครับ เช่นความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์สถาปนาตนเองและช่วงชิงความเป็นเจ้าเหนือความรู้ไสยศาสตร์ และความเชื่อเรื่องวิญญาณ ฉะนั้นความรู้ที่สังคมยึดถืออยู่ไม่ใช่เรื่องของความจริงหรือความถูกต้อง แต่เป็นเรื่องของอำนาจ การต่อสู้ช่วงชิง และการปิดทับความเป็นอื่น สามชั่วโมงผ่านไปพวกเราก็นั่งเงียบด้วยความรู้ใหม่ที่เอ่อล้นขึ้นในสมอง
“วิ.....วันนี้กับพรุ่งนี้แกว่างป่าว” เบอรี่ เพื่อนผมจากภาควิชาปรัชญาทักผมตอนกำลังเดินไปโรงอาหาร
“ทำไมอ่ะ...รี่” ผมเรียกชื่อมันด้วยพยางค์หลังครับ
“ภาคฉันกับภาคละครจะจัดกิจกรรมเสวนาประเด็นหนังเรื่องรักแห่งสยามอ่ะ” มันบอก
“แล้วแกก็เรียนวิจารณ์วรรณคดี กับสังคมวิทยาด้วย....มาช่วยฉันหน่อยนะ มาๆ แกฉันเลี้ยงข้าวเลย” แล้วมันก็พาผมไปโรงอาหารคณะ ระหว่างกินข้าวมันก็เล่าคอนเซ็ปของงานคร่าวๆ ครับ ผมเชื่อว่าทุกคนคงรู้จักหนังเรื่องรักแห่งสยาม ที่โด่งดังมากเมื่อ 7- 8 ปีที่แล้ว ผมเคยดูรอบหนึ่งครับ เพื่อนผมคนหนึ่งมันคลั่งมาก โดยตรงกันข้าม ผมเมื่อวิจารณ์ด้วยหลักทางสังคมแล้วคิดว่าหนังห่วยมากครับ
“ตกลงนะแก งั้นพอกินเสร็จแกไปเจอทีมงานกับฉัน” มัดมือชกกูมาเลยไอ้รี่
“อืมๆ”
   ที่ภาคปรัชาญาเปิดห้องประชุมเพื่อให้พวกเราเข้ามาเตรียมกิจกรรมครับ โดยเราวางแผนว่าจะจัดกิจกรรมคู่ขนานคืออภิปรายหนัง และแสดงละครล้อ โดยแน่นอนว่าผมอยู่ฝ่ายอภิปรายครับ
“ลองมองดูนะประเด็นแรกคือหนังเรื่องนี้ใช้ความรักแต่ละประเภทมาสร้างทางเลือกที่จำกัดมากของตัวละคร พระเอกจะเลือกใคร แฟนที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน หรือแม่และครอบครัวที่กำลังแตกสลาย” ผมเริ่มเลยครับระหว่างที่สมาชิกคนอื่นๆ เริ่มทยอยเข้ามา
“สืบเนื่องกันทำให้ตอนสุดท้ายแฟนของพระเอกถูกทิ้ง ปากเขาอาจจะบอกขอบคุณ แต่ผลของสถานการณ์ที่ปรากฏคือมีฝ่ายหนึ่งต้องเสียใจ ไม่มีทั้งครอบครัวเพราะอาม่าที่อยู่ด้วยเสียแล้ว และเสียแฟนด้วย ไม่ได้เป็น win-win situation หรือการสมประโยชน์ทั้งสองฝ่ายแน่นอน” ตอนนี้คนที่ทยอยมาก็เริ่มฟังผมกับเพื่อนมากขึ้น
“สามนะ ทำไมคนแต่งถึงเลือกใช้ศาสนาคริสต์ที่ต่อต้านการรักร่วมเพศในสังคมกรุงเทพที่ค่อนข้างเปิดโอกาสให้คนรักร่วมเพศ ดูจากครอบครัวของพระเอก และเทศกาลในท้องเรื่องทั้งคริสต์มาส และงานฉลองปีใหม่......ให้เสวนากัน ชั่วโมงหนึ่ง ประมาณนี้พอมั้ย”
“ดีเลย แล้วฉันจะพูดด้านปรัชญา ส่วนไอ้โน๊ตเอกละครจะพูดเรื่ององค์ประกอบและการวางโครงเรื่องของหนัง” ไอ้รี่บอก
“แล้วน้องๆ ปีหนึ่งของภาคปรัชาญากับละครจะช่วยแสดงล้อ” ไอ้โสเพื่อนที่ผมเคยสนิทด้วย บอกการจัดงานโดยคร่าวๆ ต่อครับ สักพักพวกเรากก็แบ่งกลุ่มกันตามหน้าที่ครับ แต่พวกผมกับไอ้รี่หมดธุระแล้ว เลยเดินไปมาให้กำลังใจเพื่อนๆ กับน้องๆ แล้วก็มีคนมาจับข้อมือผม ผมเลยหันไปดูครับ
“มาข้างนอกกับผมหน่อย” ไอ้ตูนครับ มันมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ มันจับข้อมือผมแน่นแล้วดึงมาตรงลานจอดรถตรงหลังอาคารภาควิชาปรัญชา
“มาทำงานนี้ด้วยเหรอ” ผมยิ้มถามมัน แต่มันเฉยครับ พอเรามาถึงจุดที่ไม่มีคนผ่านไปมาแล้วมันก็จับที่คอเสื้อผม คว๊าก เสียงมันจะชากพลาสเตอร์แปะแผลบนคอผม ผมรู้ละครับทำไมมันแปลกๆ
“..................................”
เราเงียบกันไปพักหนึ่ง ผมไม่มีอะไรจะพูดกับมันในเรื่องนี้หรอกครับ ผมรู้ว่าผมมันเลวที่นอนกับผู้ชายเป็นว่าเล่นในช่วงเวลาที่ผ่านมา
“ดูสภาพตัวเองมั่งป่ะ เละแค่ไหน แล้วนี่คิดว่าปิดมิดเหรอ ผมดูแป๊บเดียวก็เห็นแล้วว่าเป็นรอยจูบ เหมือนไปเอากับกุ๊ยข้างถนนมา” มันโปกพลาสเตอร์ผ่านหน้าผมครับ แล้วก็โยนลงกับพื้นครับ
“วิมีคนอื่นด้วยใช่มั้ย” ถามเพื่ออะไร หลักฐานมันชัดขนาดนี้
“อืม...ใช่” มันดูอึ้งครับ
“ทำไม....” มันถามคำหาคำตอบที่ผมคิดว่ามันยากมากจริงๆ
“วิ....ไม่รู้” ผมเบือนหน้าหนีมันครับ
“ผมรู้เราไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ผมชอบวินะ ผมคิดว่าวิก็ชอบผม.....ทำไม” มันดูเริ่มโมโหมากขึ้น
“ตูนยิ่งยุ่งกับวิน่ะ มันจะมีแต่ฉุดตูนลงต่ำนะ....” สุดท้ายผมก็บอกสิ่งที่ผมคิดกับมันไป
“ตูนเป็นเดือนนะ ตูนเป็นคนพิเศษ....ต่างจากวิมากเลย” ผมบอก
“วิ....วิคิดว่าวิธรรมดาเหรอ วิเคยรู้ตัวมั้ยเวลาวิพูดมีคนกี่คนที่หยุดฟังแล้วหันมามองวิ” มันตอบด้วยสิ่งที่ทำให้ผมตกใจครับ
“วิบอกว่าวิหน้าตาไม่ดี วิรู้มั้ยมีคนกี่คนที่แอบมองวิ กี่คนที่อิจฉาความสามารถของวิ อีกอย่างเมื่อก่อนตอนเราเจอกันครั้งแรกผมไม่เห็นวิจะใส่ใจเลยว่าใครหน้าตาดีไม่ดี วิด่าผมด้วยซ้ำ สำหรับผมนะวินั่นแหละเป็นคนพิเศษมากๆ”
“ไม่....ไม่ใช่อย่างนั้น” ผมตะกุกตะกัก คำพูดเพราะเริ่มเวียนหัว ตูนเริ่มทำให้ผมเวียนหัว
“ไม่....ไม่ได้พิเศษอย่างนั้น วิไม่ได้หน้าตาดี ไม่ได้มีเสน่ห์เหมือนตูน ตูนไม่ต้องพยายามอะไรก็มีคนรัก คนชื่นชม ตูนเคยรู้มั้ยว่าวิเหนื่อยแค่ไหนตูนบอกว่าวิพิเศษแต่วิไม่ได้พิเศษอะไรแบบนั้นเลย ความพิเศษทุกอย่างของวิที่ตูนว่ามามันเกิดขึ้นเพราะความพยายามทั้งนั้น บางทีวิก็อยากอยู่เฉยๆ แล้วมีคนมาชื่นชมแบบตูนบ้าง บางทีวิก็อยากพิเศษแบบคนทั่วไปบ้าง” ผมเถียงเพราะรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“เวลาอยู่กับผมวิรู้สึกพิเศษบ้างไหม” มันถามดูท่าเหนื่อยๆ
“แต่ตูนแค่ตูนดีกับวิ ตูนชอบวิ แค่นั้นวิก็รู้สึกพิเศษแล้ว” ผมบอกเริ่มมีน้ำตาครับ
“แล้วตูนล่ะ....เวลาอยู่กับวิ วิเคยทำให้ตูนรู้สึกพิเศษมั้ย” ผมถามมันด้วยคำถามเดียวกันครับ รู้คำตอบว่ามันคงไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรมากขึ้นเพราะมันเป็นคนที่พิเศษอยู่แล้ว
“ไม่ได้รู้สึกใช่มั้ยล่ะ” ผมย้ำมันให้รู้ความแตกต่างของเราสองคน
“ใช่ วิทำให้ผมรู้สึกแย่ แย่ที่ตัวเองเคยหลงไหลแต่หน้าตาจอมปลอม แต่ที่ต้องคอยวางตัวเป็นสุภาพบุรุษ เป็นเพลย์บอยไปวันๆ ผมรู้สึกแย่ที่ผมไม่ได้เก่ง ไม่ได้ฉลาดเหมือนวิ ไม่ได้มุ่งมั่นแบบวิ” คำตอบมันทำให้ผมสะอื้นครับ ยอมรับว่าซึ้งใจมันมาก
“วิไม่ได้ทำให้ผมพิเศษ แต่วิให้เป้าหมายชีวิตกับผม วิทำให้ผมอยากเปลี่ยนแปลง ผมอยากจะพิเศษด้วยความสามารถที่ผมมีอยู่ข้างในบ้าง” ผมยิ้มให้กับคำตอบนั้น แล้วผมก็กอดมันครับ เพราะอย่างที่บอกมันไป ตูนทำให้ผมรู้สึกพิเศษมากๆ ครับ ไม่รู้ว่ามันจะรังเกียจผมหรือเปล่าตอนนี้ มันด่าผมว่าไปเอากับกุ๊ยข้างถนนมา แต่ผมต้องเถียงครับเพราะไอ้คอร์ทไม่ใช่กุ๊ยแน่นอน
“ถ้าวิสบายใจแล้ว หรือวิอยากคุยค่อยโทรหาผมแล้วกัน” แล้วเราก็เดินมาที่ภาคปรัชญาครับ ตูนเดินเข้าไปหาเพื่อนมันคงต้องนัดซ้อมละครกัน ส่วนผมเดินเลยไปที่ภาคสังคมวิทยา ของตัวเอง เข้าห้องน้ำอาจารย์แล้วอ้วกเอาความเสียใจที่ผมมีต่อไอ้ตูนออกมา

ออฟไลน์ hotoil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #39 เมื่อ20-10-2013 12:33:20 »

เอ๋ อ่านแล้วงงกับความรู้สึกของวิ...
เราว่าวิจะรู้สึกพิเศษกับคนหลายคนจัง หรือจะเป็นแบบหลายP (ดูเหมือนเราหลายใจ)
วิจะเลือกใครกันนะ ท๊อป คอร์ท ตูน โย๊ป(เกี่ยว?) ฮ่าๆ
ไม่ว่าจะเลือกใครมันจะต้องมีทางออกสักทาง รออ่านต่อไปค่ะ ^ ^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My Almond Crush....
« ตอบ #39 เมื่อ: 20-10-2013 12:33:20 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #40 เมื่อ20-10-2013 12:59:09 »

15(5) But Only Love Can Say (ของกันและกัน)

     ในตอนเย็นผมเรียนวรรณกรรมเอกเชคสเปียร์กับอาจารย์ภัครจนถึงสองทุ่มครึ่ง เมื่อหมดแรงออกมาจากห้องเรียนพร้อมกับลิตเติ้ลเราก็ลงไปกินข้าวที่หน้าคณะพร้อมกันครับ ผมกินซูชิครับเพราะเพิ่งกินข้าวขาหมูเมื่อก่อนเข้าเรียน ระว่างที่ผมกำลังทาวาซาบิลงบนกระดูกไก่ทอดของลิตเติ้ลแล้วโยนให้หมาที่ชอบมาขอของกิน โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น
“เรียนเสร็จรึยัง แล้วอยู่ไหน” ไอ้คอร์ทถาม
“เสร็จแล้ว กินข้าวอยู่กับลิตเติ้ลหน้าคณะ ทำไม” ผมถามกลับ ผมใช้น้ำเสียงเฉยๆ ทั้งที่จริงแล้ว แอบดีใจมากๆ ที่มันโทรมา
“รอตรงนั้นนะ เดี๋ยวผมไปกินด้วย” แล้วมันก็วาง
สักพักคอร์ทมันก็เอาเวสป้ามาจอดหน้าคณะผมแล้วเดินมาที่ร้านขายอาหารที่ผมอยู่ มันเดินไปสั่งผัดไท แล้วเอามากินกับพวกผม
“สวัสดีครับพี่ลิตเติ้ล” มันทักเพื่อนผม
“สวัสดีค่ะ มาได้ยังไงเนี่ย น้องคอร์ทสุดหล่อ” สาธุ อย่านะไอ้คอร์ท นี่หน้าคณะกูเดี๋ยวกูฉาว
“มาหาพี่วิอ่ะครับ จะให้ช่วยทำการบ้าน” มันบอกยิ้มน่ารักให้ลิตเติ้ลเหมือนเดิม
“Goodค่ะ เป็นเด็กขยัน” Noค่ะ ลิตเติ้ล เธออย่าไปตกหลุมพลางมัน แล้วลิตเติ้ลก็หันมามองผม ซึ่งไม่รู้ตอนนั้นผมทำหน้าอย่างไร แล้วหันไปคุยกับคอร์ท
“Are you the one who put hikkies on Vi’s neck ka?” หนูเป็นคนฝากรอบจูบไว้บนคอของวิใช่มั้ยคะ ให้ตายสิลิตเติ้ลก็รู้ ต้องโทษไอ้ตูนที่แกะพลาสเตอร์ผมทิ้ง คอร์ทเองก็หน้าแดงมากครับ
“ดูแลสาวน้อยของพี่ดีๆ นะคะ วิเขาชอบน้องคอร์ทมากนะ” ลิตเติ้ลจ๋า เธอรู้ตั้งแต่เมื่อไรว่าฉันชอบมัน
“จริงอ่ะพี่..ยังไงอ่ะ” ไอ้คอร์ทถาม ทั้งๆ ที่มันน่าจะจบประเด็นได้แล้ว
“ค่ะ...สามปีพี่ไม่เคยเห็นเพื่อนพี่ออกมาอ่านหนังสือนอกห้องเกิน 3 วันเลยค่ะ เธอเป็นนางต้นห้องมาก พอมาอ่านหนังสือกับคอร์ทเธอก็มาร่อนเร่แถวห้องคอมมอนทุกคืนค่ะ” ในที่สุดเพื่อนผมก็ขายผมให้ไอ้คอร์ท ผมอายมากเพราะผมก็เพิ่งรู้พฤติกรรมตัวเองจากปากเพื่อนสนิทเหมือนกัน
“5555 ผมไม่ยักรู้เลย”
“เพื่อนพี่อ่านง่ายยิ่งกว่าหนังสือของเชคสเปียร์อีกค่ะ”
แล้วเราก็กินกันต่อจนเสร็จครับ ผมต้องเดินไปส่งลิตเติ้ลที่หออยู่แล้ว ผมไม่ยอมให้เพื่อนผมเดินกลับหอตอนกลางคืนคนเดียวหรอกครับ
“คอร์ท พี่ต้องไปส่งลิตเติ้ลที่หอนะ” ผมบอกคอร์ทไม่ว่ามันจะมีเรื่องอะไรกับผมมันก็ต้องรอก่อน
“ไปกันเถอะค่ะ เดี๊ยนกลับเองได้ค่ะ I’m a big girl now!” ลิตเติ้ลบอก
“พี่ลิตเติ้ลซ้อนท้ายผมได้มั้ยครับ เดี๋ยวผมไปส่งได้กลับมารับวิ” ไม่เรียกกูพี่อีกคนแล้ว
“อืมให้น้องมันไปส่งเถอะ” ผมบอกเพื่อน
“โอเคค่ะ ผู้ชายหล่อๆ ขับมอเตอร์ไซด์ไปส่งเดี๊ยนที่หอทั้งที”
 “รอนี่แหละ เดี๋ยวมารับ” มันหันมาสั่งผม ทีนี้แหละสั่งเชียว ผมมองเวสป้าของมันหายไปในความมืดของถนนในมหาลัยแล้วก็นั่งรอที่หน้าร้านขายน้ำปั่นครับ ห้านาทีก็แล้ว คอร์ทก็ยังไม่มา ผมเลยหยิบเอา อะ มิดซัมเมอร์ ไนท์ ดรีม ออกมาอ่านต่อฆ่าเวลาครับ สักพักไอ้คอร์ทก็ขับเวสป้ามา
“ช้าจัง ยุงกัด” ผมบ่น
“อืม....” ผมกระโดดขึ้นซ้อนท้ายมันครับ
“เป็นไรป่ะนิ” ผมถามเห็นมันเงียบๆ คอร์ทไม่ตอบอะไรแต่ขับรถไปเงียบๆ จนถึงหอมันครับ

     พอเราเดินเข้าหอไอ้คอร์ทมาแสงไฟที่ทางเดินก็ทำให้ผมเห็นว่าคอร์ทมันปากแตกครับ แต่แผลดูไม่เป็นไรมาก
“ไอ้ทรีทำเหรอ” ผมถามมัน เพราะคำนวณดูแล้วคนที่มีความต้องการจะตะบันปากไอ้คอร์ทมากที่สุดก็คงเป็นไอ้ทรีนั่นแหละ
“.......อืม”
“เจ็บมากมั้ย” ผมถามเมื่อเราเข้ามาในห้องแล้ว
“เฉยๆ พี่ลิตเติ๊ลกับไอ้โย๊ปมากันไว้” มันบอกดูเหมือนไม่ใส่ใจ
“อืม....”
“พี่ไปอาบน้ำเถอะ” มันบอก ผมเลยเดินเข้าไปอาบน้ำ แล้วมันก็เปิดเข้ามาประตูเข้ามาตอนที่ผมกำลังโป๊อยู่ เอาผ้าขนหนูมาให้
“เฮ๊ย.....ทำไมชอบเข้ามาตอนโป๊” ผมว่ามันครับตกใจ
“5555 แอบดูไง” มันขำครับ
“อยากเห็นใกล้ๆ มั้ยล่ะครับ” ผมแซวมัน คอร์ทหน้าแดงเลยครับ
“พี่หื่นว่ะ” เข้ามาแอบดูคนอื่นแล้วเสือกเขินเองไอ้นี่ พอมันทำหน้าเขินแล้วผมก็อดใจไม่ไหวที่ต้องแกล้งมันครับ ผมปิดน้ำและวิ่งเข้าไปหามัน
“เฮ๊ย....พี่” มันอึ้งครับ ผมเลยจับมันไซร้คอเลย
“เฮ๊ย.....ไอ้หื่น” มันด่า
“เอาคืน เมื่อวาน” ผมบอกมัน
“เฮ๊ย....อย่าทำรอยนะ” ผมเลยเลียตั้งแต่กระดูกไหปลาร้ามันไล่ไปจนถึงกระเดือกและปลายคางมันครับ ท้ายที่สุดพอไอ้คอร์ทมันเงียบแล้ว เราก็จูบกันคร้บ ผมรักริมฝีปากของมันมาก ผมแกะกระดุมเสื้อของมันออกแล้วมองไรขนของมันที่ไล่ขึ้นมาถึงสะดือ ผมกัดนมมันเล่น
“อ่า.......” คอร์ทครางออกมาครับ ตอนนี้ตัวมันอ่อนไปทั้งตัวเลยครับ ผมเลยทนไม่ไหวเลยจับหัวมันขึ้นมาแล้วเอาของผมใส่เข้าปากมัน ตอนแรกมันขืนเอาไว้ครับ แต่ผมมองมันด้วยสายตาอ้อนวอนมันเลยอ้าปากให้ของผมเข้าไป แล้วคราวนี้ก็เป็นคราวที่ผมจะเป็นฝ่ายครางบ้าง
“อ้า......คอร์ท” ผมมีความสุขมากครับ รู้สึกถึงความอ่อนนุ่ม และความชื้นแฉะในปากมัน ผมมีความสุขจนขาดสติแล้วครับ ผมจับหัวมันแล้วกระแทกเอวเข้าไป
“อ่า....อ่า” แล้วผมก็ปล่อยน้ำเชื้อเข้าไปในปากมัน ผมเอาออกมาแล้วผมหน้าคนที่ผมรักครับ คอร์ทน้ำตาปริ่มเลยคงเจ็บครับ ผมเลยก้มลงไปเช็ดน้ำตาให้
“พี่ขอโทษนะ....คายออกมา” ผมบอกคอร์ทให้คายน้ำเชื้อผมออกมาแล้วเอามือรองที่ปากมัน ไม่อยากฝืนใจให้มันกลืนเข้าไป
“พี่เอาคืนผมใช่มั้ยครับ” มันถามยิ้มๆ แต่ตายังชื้นๆ
“ขอโทษนะ” ผมละอายตัวเองมากครับ กับสิ่งที่ผมเพิ่งทำกับมันไป เพื่อปลอบใจมันผมเลยใช้ลิ้นเลียมันทั้งตัวเลย ทั้งตัวตามตัวอักษรจริงๆ ผมจูบและเลียฝ่าเท้ามัน ขาที่มีขนหน้าแข้ง ท้องที่มีไรขนไต่ไปจนถึงสะดือ อก แขน มือ แม้แต่จักกะแร้ที่มีสาหร่ายของมัน ผมก็ไม่รังเกียจครับ แล้วผมก็อมส่วนนั้นของมันที่แข็งและเปียกเยิ้มรอผมอยู่แล้ว ผมรักทุกอย่างของมันแหละครับ
“อ่า....พี่.......พี่” มันครางไปด้วย เรียกชื่อผมไปด้วยนั่นทำให้ผมอดใจไม่ไหว มีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้งครับ
“คอร์ท....พี่ขอนะครับ พี่รักคอร์ทมากนะ” ผมบอกแล้วมองหน้ามัน มันเฉยๆ ครับตาแดงๆ ผมค่อยๆ เอามือข้างหนึ่งที่ตอนนี้เปียกอยู่เพราะน้ำเชื้อของผมเองแทงเข้าไปในก้นคอร์ท มันร้อนและบีบรัดนิ้วผมมาก ผมทำจนคิดว่ามันพร้อมแล้วค่อยจับของผมจ่อเข้าไป ภายในตัวคอร์ทร้อนและให้ความรู้สึกดีมากครับ ผมแทบอดใจไม่ได้รับดันเข้าไปจนสุด
“โอ๊ย.....พี่” คอร์ทร้องเสียงดัง แต่แขนสองข้างเกี่ยวหลังผมไว้ครับ
“เจ็บหรือครับ......อืม” ผมแช่ควxxค้างไว้ มันรู้สึกดีมากจริงๆ ครับ
“พี่....วิ.....อ่า....” เสียงคอร์ทหวานมาก ผมเลยเริ่มขยับ มันรู้สึกดีจนผมอยากจะรีบทำให้แตกตอนนั้นเ
“อ่า....” ผมครางด้วยครับ สัมผัสของมือคอร์ทที่จับหลังผม ข่วนหลังผมเวลาที่มันเสียวหรือเจ็บก็ทำให้ผมรู้สึกดีครับ
“คอร์ทชักว่าวไปด้วยสิครับ” ผมบอกแต่มันส่ายหน้า ผมเริ่มกระแทกแรงแล้วเสียวมากรู้สึกดีมาก
“อ๊า.....พี่วิ” เล็บมันแทบจะจิกทะลุเนื้อผมเลย ผมก้มลงกอดมันแน่นและจูบปากมันไว้ในนาทีสุดท้ายก่อนผมจะแตกครับ แล้วจุดนั้นก็มาถึง
“คอร์ท.....อ๊า......” ผมระเบิดน้ำเชื้อครั้งที่สองเข้าไปในตัวมันครับ แล้วแช่ทิ้งไว้อย่างนั้น แรงยึดจากมือของมันบนแผ่นหลังผมเริ่มคลายแล้วครับ เปลี่ยนเป็นการลูบไล้แผ่นหลังผมแทน ผมมีความสุขจังครับ
พอของผมเริ่มอ่อนผมก็ดึงออกมาจากตัวคอร์ท จูบปากคอร์ทอีกครั้ง คอร์ทจูบกลับแรงมากครับแล้วก็ผลักอกผมออก ตอนนี้มันขึ้นมาคร่อมผมแล้วครับ
“ทีนี้ตาผมบ้างละ เป็นของผมนะครับ” มันบอกสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอีกคน แล้วมันก็ก้มลงไปไซร้แล้วดูดคอผมอย่างที่มันทำเมื่อวาน ผมก็ยอมครับ ถึงจะรู้ว่าคอจะเป็นจ้ำเหมือนเดิมอีก แต่ถ้าใครเคยโดนดูดจะรู้ว่ามันไม่เจ็บหรอกครับ มันรู้สึกดีมาก ผมเลยไม่แคร์ที่จะปล่อยให้คอร์ททำต่อไป แล้วมันก็ก้มลงมากัดที่หัวนมผมครับ
“อ่า.....คอร์ท” ผมคราง รู้สึกดี
“พี่เก่งนะ ยังงี้ผมต้องเรียนรู้เร็วแล้วสิ” มันล้อผมครับ
“ปล่อยลูกมาใส่ผมเต็มตัวเลย”
“อ่า....คอร์ท” ตอนนี้ผมเถียงอะไรมันไม่ได้หรอกครับ ได้แต่นอนครางรอความสุขที่มันจะมอบให้ผมกลับคืน แล้วมันก็ทำให้ผมช็อกเมื่อมันเอานิ้วชี้และนิ้วกลางยัดเข้ามาในริมฝีปากผม ผมเข้าใจว่าสิ่งที่มันต้องการก็คือน้ำลายผมเพื่อที่จะใช้เป็นตัวหล่อลื่น รูมเมทผมในคืนที่มันได้ผมมันก็ทำแบบนี้ครับ ผมเหมือนถูกตีหัวด้วยของแข็งเลย
“ทนหน่อยนะครับ ผมคนใจร้อน” ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่มันเอานิ้วเปื้อนน้ำลายมาทาที่ก้นผมแล้วพยายามดันของมันเข้ามา
“อ่า....โอ๊ย” มันดันเข้ามาแรงแบบที่มันบอกจริงๆ ครับ
“คอร์ท...โอ๊ยย” มันช่วยผมด้วยการบีบนมผม และก้มลงมาดูดคอผมเพิ่ม
“อ่า......” ผมรู้สึกแสบเล็กๆ
“ผมเริ่มแล้วนะพี่” แล้วมันก็กระแทกครับ แป๊บเดียวผมก็รู้สึกดี มีอารมณ์ร่วมไปกับมัน ผมเอามือลูบแผ่นหลังมัน แล้วจิกเนื้อมันไว้แบบที่มันเคยทำ นั้นทำมันยิ่งกระแทกแรงขึ้น
“อ๊า.............คอร์ท” ผมกรี๊ดเลยครับ ผมทนต่อไปไม่ไหวเลยต้องยกหัวขึ้นไปกัดบ่ามันไว้
“เอาเลยคอร์ท เย็xx มาเลย พี่ทนไม่ไหวแล้ว” ผมกระซิบข้างหูมัน หลังจากนั้นก็เป็นการใช้พละกำลังของผู้ชายสองคน ที่กระแทกและผลัก ดึงและดัน แล้วมันกระปล่อยน้ำเชื้อเข้ามาในตัวผม ควxx,มันยังไม่ยอมอ่อนลงเลยครับ
“ผมขออีกรอบนะพี่” มันบอกผม เสียงหอบ แล้วมันก็จับผมยืนขึ้นแทงเข้ามาจากข้างหลัง แล้วครั้งที่สองของมันกับครั้งที่สามของผมก็เริ่มต้นขึ้น

       ตีสามบนเตียงของคอร์ท ผมให้น้องมันหนุนแขนผมนอนแทนหมอน จะเมื่อยก็ช่างมันแต่คอร์ทมันเป็นของผมครับ ผมอยากทะนุถนอมดูแลมัน ตาผมจ้องที่บ่าข้างซ้ายของมันที่มีรอยฟันของผมเป็นรูปครึ่งวงกลมสีแดง มืออีกข้างของผมตอนนี้กำลังลูบไรขนบนหัวหน่าวของมันอย่างซุกซน คอร์ทนอนเหมือนเดิมครับ เผยอปากน้อยๆ ดูผ่อนคลายและมีความสุข เหมือนตอนที่เราเพิ่งเริ่มรู้จักกัน แต่ตอนนี้ท่ามกลางความมืดและเสียงหัวใจของเราสองคน ผมเป็นของมันเท่าๆ กับที่มันเป็นของผม และเมื่อความง่วงเริ่มคลืบคลานเข้ามา ผมก็หยุดลูบขนที่หน้าท้องคอร์ท แล้วเปลี่ยนเป็นกอดมันไว้แน่น ผมรักคอร์ทมากครับ

SanDiego

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #41 เมื่อ20-10-2013 13:28:36 »

 พลังหนุ่ม ครั้งเดียวไม่เคยพอ ฮ่าๆๆ :haun4: :haun4:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #42 เมื่อ20-10-2013 15:28:51 »

วิ ดูแล้วเป็นคนน่าสงสารมากเลย  :mew6: รออ่านต่อนะคะ

ออฟไลน์ iiดาวพระสุขლii

  • คิดการใหญ่ ใจต้องเหี้ย(ม),,
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +746/-3
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #43 เมื่อ20-10-2013 15:56:50 »

ไม่ได้อ่านนิยาย วาย มานานมากกกกก

แต่พออ่านเรื่องนี้ต้องเมนท์เลย   เราชอบตัวหนังสือของคุณวิมากเลย
ชอบการบรรยาย เล่าเรื่อง เล่าความรู้สึก  มันทำให้ตัวละครมีมิติ และเข้าถึงอารมณ์ได้ดีเลยค่ะ

สำหรับเราแล้ววิเป็นคนอยากมีความรัก  ไขว่คว้า  แต่ทว่ากลับหวาดระแวง และขาดความเชื่อมั่นในตัวคนอื่น  แบบว่าไม่เชื่อใจ  อยากที่จะเชื่อใจ แต่บางส่วนของความรู้สึกมันขัดแย้งทำให้ทำไม่ได้
คนอย่างวิถ้าเจ็บปวด จะไม่แสดงให้ใครเห็น ทำตัวเฉยชาไม่มีความรู้สึก   ความรักก้อเหมือนกัน ถ้าชอบใครก้อจะไม่แสดงออกมา แต่จะใช้ภาษากาย ในที่นี้คงเป็น sex ในการแสดง ปลอดปล่อยความรัก  เรารู้สึกว่าทุกครั้งที่มีsex ดูวิจะผ่อนคลาย เหมือนได้ระบายอารมณ์ที่มันอัดแน่นของตัวเองออกมา

ตอนนี้เราคิดว่า "วิ" อาจจะมีใครซักคนที่ทำให้วิรู้สึกว่าใช่  และมั่นคง พอที่จะสามารถก้าวต่อไป จนทำให้มองย้อนกลับให้ทุกอย่างมันเป็นอดีตได้


นี่เป็นเพียงความเห็นของเราคนเดียวนะคะ  ถ้าไม่ถูกใจต้องขออภัยด้วยค่ะ อินค่ะ 
มาลงบ่อยๆนะคะ จะติดตามอ่านค่ะ

ส่วนฉากแรงๆ นั้น ด้านมืดของเราชอบค่ะ   อิอิ


วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #44 เมื่อ21-10-2013 18:17:21 »

15(6) But Only Love Can Say (สวนสัตว์แก้วผลึก)


     เช้าวันพฤหัสฯ ผมตื่นขึ้นมาด้วยความสดใส โลกทั้งใบมันดูเป็นสีชมพูจริงๆ เรื่องเดียวที่ยังงงๆ อยู่ก็คือ สรุปแล้วคอร์ทที่นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดผมตอนนี้ เป็นผัวหรือเป็นเมียผมกันแน่ ฮ่าๆๆ ก็อย่างนี้แหละครับ ช่วงแรกๆ มันก็ยังมีอาการสับสนอยู่บ้างเล็กน้อย วันนี้ผมมีเรียนการเมืองภาคประชาสังคมตอนเช้าครับ เริ่มเคืองตามากๆ แล้วด้วยเพราะเมื่อคืนหลับทั้งคอนแทกเลนส์ (อย่าเอาอย่างนะครับ)
“คอร์ท....ลุกได้ยัง มีเรียนป่าว” ผมปลุกคอร์ทขึ้นมา
“อืมมม.....” มันงัวเงียลืมตาขึ้นมามองผม ผมเลยอดใจไม่ได้ต้องก้มลงไปจูบมันสักหน่อย
“อือ........พี่....อย่า....” มันลากเสียงง่วงๆ แต่ผมไม่หยุดครับ เอามือล้วงไปที่ท้องมันแล้วไล่ต่ำลงไป
“เฮ๊ย......ไอ้หื่น” มันโวยวาย
“คนหื่นคือคนที่ไอ้นั่นแข็งต่างหาก” ผมล้อมัน เพราะรู้ว่าตอนเช้าไอ้นั่นของเราก็แข็งเหมือนกันทุกคนแหละครับ
“พี่อ่ะ....หื่น” มันตีอกผมอายๆ แล้วผมก็พามันไปอาบน้ำครับ เรียนเช้าทั้งคู่เดียวจะพากันสายเอา
“คราวหลังเบาๆ พี่หน่อยก็ได้นะ” ผมบอกมันตอนส่งกระจก คอร์ทอาบน้ำอยู่
“คอพี่ไม่มีที่ว่างเหลือแล้ว 55” ผมล้อมัน
“ดี คนได้รู้ว่าเมียผม” มันกล้าเล่นมุกนี้ด้วย
“ใครเมียใครครับ” ผมเลยเล่นกลับ
“คราวหลังอย่าลืมเอาคอนแทกเลนส์ กับแปรงสีฟันมาล่ะ” มันเปลี่ยนเรื่อง
“อือฮึ”

     พอคอร์ทแต่งตัวเสร็จเราขี่เวสป้าออกไปกินโจ๊กแถวๆ รางรถไฟเหมือนเดิมครับ ตอนเช้าที่นครปฐมอากาศดีนะครับ ตลาดก็ครึกครื้น ผมเลยซื้อน้ำเต้าหู้อีกถุงหนึ่งมากินด้วย พร้อมกับที่พยายามจะไม่สนใจสายตาของพ่อค้าแม่ค้าและคนที่เดินผ่านไปมา เพราะหลายคนจ้องมาที่คอของผมครับ แล้วจ้องลึกลงเหมือนอยากจะวิ่งมากระชากเสื้อผมออก เพื่อดูว่ามีรอยอะไรอยู่ข้างในบ้าง
“ยังเจ็บที่โดนไอ้ทรีต่อยอยู่มั้ย” ผมถามคอร์ท
“ไม่อ่ะ โดนนิดเดียว พี่วิไม่ต้องตามไปตีมันล่ะ สงสาร” มันบอก
“พี่อ่ะไอ้โหด ตีน้องเหมือนจะฆ่า” มันว่าผมต่อ
“อ่ะนะ.......”
     ผมกลับมาที่ห้องเจอไอ้ทรีกำลังแต่งตัวอยู่เหมือนเดิมครับ วันนี้มันก็ยังโกรธผมอยู่ มองหน้าผมเหมือนอยากจะต่อยหน้าผมสักที
“พี่ขอโทษนะทรี” ผมบอกน้องเหมือนเดิมครับ
“ดูสภาพตัวเองมั่งเหอะพี่...” มันด่าผมเลยครับ
“ดูคอดิ” มันดึงผมมาหน้ากระจก แล้วชี้ให้ผมดูคอตัวเอง แดงมากจริงๆ ครับ รอยเก่าๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงช้ำๆ
“ไม่เป็นไร...เดี๋ยวพี่เอาพลาสเตอร์แปะ” ผมบอกมันครับ อยากให้มันสบายใจ
“ยิ่งแปะคนยิ่งสงสัย แล้วคิดว่าจะแปะยังไงมิด” มันด่าต่อเลย
“...............................”
“ทรี.....”
“คราวหลังอย่าไปตีไอ้คอร์ทมันอีกนะ....” ผมบอกถึงตอนนี้ก็เหมือนจะร้องไห้
“.....พี่รักมันมาก” ทรีมันหันมาเหมือนจะด่าผมครับ แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วประตูห้องก็เปิดครับ ไอ้โย๊ปมาตามไอ้ทรีไปเรียน โย๊ปมันก็คงเห็นสภาพผมเหมือนกันครับ
“........พี่” มันทักแบบอึ้งมาก ผมเลยพยักหน้าตอบ
“ไปไอ้โย๊ป” ทรีเรียกเพื่อนมันแล้วก็ปิดประตูใส่ผมครับ ผมเลยถอดคอนแทกเลนส์แล้วหยิบตระกร้าอาบน้ำ พยายามหาจังหวะที่ไม่มีคนเพื่อไม่ต้องให้ใครเห็นรอยจูบบนตัวผมครับ แต่ก็พลาด
“....อ้าวพี่ด้าย” พี่ด้ายเดินเข้ามาเตรียมอาบน้ำเหมือนกันครับ มองผมและเขาก็อึ้ง
“วิ” เสียงสูงเชียวพี่ เดี๋ยวคนก็มามุง หรอก
“รอพี่ตรงนี้นะ” แล้วพี่ด้ายก็เดินออกจากห้องน้ำ สักพักหนึ่งก็กลับเข้ามา
“มานี่ มาอาบน้ำพร้อมกัน เดี๋ยวพี่สอนลบรอยให้” นี่สิผู้มีประสบการณ์
ผมเข้ามาอยู่ในห้องอาบน้ำกับพี่ด้ายสองคนครับ พี่เขาก็ตัวขาวๆ สูงๆ ผอมๆ ดูดีแบบเกย์ที่เป็นผู้ใหญ่ พี่เขาวางตระกร้าของเขาลงบนชั้นติดกับของผม ถอดผ้าเช็ดตัวแขวนไว้กับตะขอ พี่เขาใส่กางเกงในสีขาวอยู่ แล้วก็หันมาคุยครับ
“เอ้าถอดผ้าสิ จะอาบน้ำยังไงล่ะ” พี่ด้ายบอก
“พี่....วิไม่มีกางเกงในนะ” ผมท้วง จริงๆ ก็ไม่ได้อายเขาหรอกครับ
“ถอดเถอะพี่ไม่ทำอะไรหรอก” พี่ด้ายหน้าแดง
“วิไม่กลัวพี่ทำหรอก แต่พี่ถอดด้วยดิ ให้วิโป๊คนเดียวได้ไง” สุดท้ายพี่เขาก็ถอดกางเกงใน โป๊เป็นเพื่อนผมครับ เพราะรู้ว่าไม่ได้คิดอะไรกันแบบนั้น ผมรักพี่ด้ายมากนะแบบเดียวกับที่รักลิตเติ้ล ผมเคยกอด เคยหอมแก้มพี่ด้ายด้วย ฮ่าๆ แต่พี่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรครับเขารู้ว่าเราเป็นรับเหมือนกัน แต่สิ่งที่พี่ด้ายไม่รู้คือเมื่อคืนผมทำผิดผีโดยที่เอาไอ้คอร์ทมาทำเมีย
เราเปิดน้ำให้ไหลรดตัวเราไปเรื่อยๆ พี่ด้ายก็หยิบเหรียญบาทมาจากตระกร้าอาบน้ำ จับคอผมให้เงยหน้า แล้วค่อยๆ เอาเหรียญขูดคอผมครับ ผมเข้าใจว่าพี่เขาจะช่วยไล่เลือดที่คลั่งอยู่ในเนื้อเยื่ออ่อนของผมออกไป
“อ้ายย.....” ผมจักกะจี้มาครับ
“พี่ด้ายเบา จักกะจี้” ผมพูดไปหัวเราะไป
“โอ๊ยย...พี่ นี่แนะ”
“กรี๊ดดดด....วิ แกมาดึงจู๋ฉันทำไม” พี่ด้ายกรี๊ดเลย ฮ่าๆ
“ก็บอกให้พี่เบาแล้วพี่ไม่เบานิ”
“เอ้าไอ้นี่ คนอุตส่าห์ช่วย”
“นะนะ......น้องขอโทษ 55” พอเราอาบน้ำเสร็จผมก็ออกมาส่องกระจกที่อ่างล้างหน้าครับ รอยต่างๆ ทั้งสีแดงและสีม่วงตอนนี้กลายเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีส้มเข้ากับสีผิวผมมากครับ แทบจะมองไม่ออกเลย
ผมเลยหอมแก้มพี่ด้ายขอบคุณครับ
“รักพี่ด้ายสุด”
“พอเลยวิฉันเกลียดแกแล้ว แกแกล้งฉัน....เย็นนี้ไปกินข้าวองค์พระเป็นเพื่อนฉันด้วยนะ”

        เนื่องจากปฏิบัติการลบรอยจูบ ผมเลยเข้าชั้นเรียนสายไป 5 นาที ซึ่งอาจารย์คัมภีร์ อาจารย์คนสอนก็ยังไม่มาที่ห้องครับ เพราะอาจารย์ต้องเดินทางมาจากกรุงเทพ เลยมาถึงช้าเป็นประจำ เมื่ออาจารย์มาสอนก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มากหรอกครับ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการวิเคราะห์เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น เพราะช่วงนั้นประเทศเรามีการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ค่อนข้างเข้มข้นโดยเฉพาะ การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ แต่งานมอบมหายที่ทำให้เราประหลาดใจก็คือ วันหยุดเสาร์ อาทิตย์นี้ อาจารย์คัมภีร์สั่งให้เราลงไปสังเกตการชุมชุนในสถานที่จริงครับ และเก็บรายละเอียดต่างๆ มาเขียนเป็นรายงาน เมื่อเลิกเรียนแล้วผมก็นัดกันกับเพื่อนๆ ในเอกสังคมวิทยา ถึงเรื่องการเดินทางไปสะพานมัฆวานฯ เพราะช่วงนั้นกลุ่มคนขับรถแท็กซี่เข้าข้างฝ่ายเสื้อแดงและจะไม่ขับรถมาส่งผู้โดยสารที่สะพานมัฆวานฯ ครับ หลังจากนั้นเราก็เดินลงจากตึก 50 ปี ไปกินข้าวที่โรงอาหารคณะกัน

        ผมรีบกินข้าวแล้วมาซ้อมงานกิจกรรมรักแห่งสยามกับไอ้รี่ที่ภาคปรัชญา พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเรียนแบบนี้ทีไรผมมักจะปฏิเสธคนไม่ได้ครับ ทั้งที่จริงๆ กลัวไปเจอตูนมาก แล้วผมก็เจอมันจริงๆ ครับ นั่งคุยอยู่กับเพื่อนผู้หญิงประมาณ 4-5 คน พอมันมองเห็นผมมันก็เฉยๆ เป็นปกติครับเรื่องแบบนี้เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมซ้อมเก็บรายละเอียดการอภิปรายกับไอ้รี่ ไอ้โน๊ต ประมาณ 10 กว่านาทีก็เสร็จ ร็สึกว่าไอ้ตูนเดินเข้ามาใกล้ ผมเกร็งมาก ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรกับมัน
“เสาร์ อาทิตย์นี้ วิว่างป่าว” มันถามครับ ไอ้ตูนมึงกลัวเพื่อนๆ พี่ๆ มึงจับได้มั่งเถอะว่าเดือนคณะได้เกย์เป็นเมีย
“อือ............ไม่ว่างอ่ะ” ผมบอก ลำบากใจมาก
“วิต้องไปอยู่กับคนๆ นั้นของวิเหรอครับ” อย่ามาเซ้าซี้ได้มั้ย เดียวเพื่อนมึงรู้นะ
“ป่าว...จะไปม็อบพันธมิตร” ผมบอก มันอึ้ง อ้าปากค้างเลยครับ
“เอาจริงดิ”
“อือ......จะล้อเล่นทำไม” แล้วมันก็ขำครับ ไม่รู้มันขำอะไร ผมเริ่มเวียนหัวแล้ว เลยขอตัวเพื่อนๆ ไปเรียนวิชาต่อไป

        เนื้อเรื่องหรือแนวคิดว่าด้วยการละทิ้ง ภาษาอังกฤษเรียกว่า theme of abandonment เป็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นในนิยาย และชีวิตจริงทั่วไปครับ ระหว่างที่อาจารย์พิมพ์กำลังสอนผมและเพื่อนร่วมชั้นด้วยบทละครเรื่อง อะ เดด ออฟ เซลแมน (A Dead of Saleman) ซึ่งเล่าถึงลูกชายสองคนละทิ้งพ่อของตนที่เป็นเซลล์แมน เพื่อมีชีวิตของตัวเอง และทำตามความฝันของตัวเอง ทำให้ผมสะเทือนใจมากครับ เพราะผมละทิ้งครอบครัวตัวเองเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถรับสิ่งที่พวกเขาเรียกผมว่า ตุ๊ด ลักเพศ เสียชาติเกิด ฯลฯ ในท้องเรื่องลูกชายจะต้องมีอายุยืนยาวต่อไป เป็นชีวิตของเขาเอง พ่อที่ไม่สมหวังในการที่จะบังคับลูกให้เป็นอย่างที่ตัวเองต้องการได้จึงฆ่าตัวตายเพื่อเอาเงินประกันเป็นมรดก และของขวัญก้อนสุดท้ายให้ลูก

       4.30 ผมเดินออกจากคณะกลับไปที่หออย่างล่องลอยครับ ผมไม่เหลือครอบครัว ตอนนี้คนที่รักผมมีใครบ้างผมก็ยังไม่รู้ ผมคงต้องแวะไปเช่าหนังมาดูสัก 2-3 เรื่องในคืนนี้และวันพรุ่งนี้เพื่อให้ตัวเองลืมละครน้ำเน่าที่เพิ่งเรียนไปเมื่อไม่นาน แต่โชคร้ายของคนที่คนอื่นเรียกว่า ฉลาด หรือ อัจฉริยะ ครับ ผมไม่มีวันลืม แม้ความทรงจำมันจะทำให้ผมเจ็บปวดแค่ไหน  พอคิดว่าจะเช่าหนังผมก็ต้องเดินผ่านโรงเรียนสาธิต ผมเลยโทรเรียกท็อบออกมา ท็อบขอพักซ้อมเพื่อแอบมาหาผมครับ
“ท็อบซ้อมเสร็จกี่โมงอ่ะ” ผมถาม
“5.30 มั้งครับ” มันบอก
“วิอยากไปเดินสวนสัตว์อ่ะ” ผมชวนมัน
“แหวะ สวนสัตว์นี้ไม่มีอะไรน่าดูเลย” มันบ่นผมเลยต้องใช้สายตาอ้อนวอนครับ
“ครับๆ...เมียผมทั้งคนต้องตามใจกันหน่อย” ผมเลยยิ้มให้มัน
“แล้วเดี๋ยว 5.30 วิมารอนะ”
“ครับๆ” แล้วท็อบก็วิ่งกลับเข้าไปในสนามบาส  พอท็อบพ้นสายตาไปผมก็รู้สึกเหมือนหัวใจมันว่างเปล่าขึ้นมาอีก ผมเลยโทรหาคอร์ทครับ ไม่รู้มันเรียนอยู่หรือเปล่า อายมากที่โทรหามัน
“คอร์ท เรียนอยู่รึเปล่า” ผมถามเมื่อคอร์ทรับโทรศัพท์
“เลิกแล้ว.....พี่อ่ะ”
“กำลังไปเช่าหนัง”
“อ่ะนะ.........พี่วันนี้เพื่อนชวนผมเล่นบอล” คอร์ทบอก
“อืมไปสิ วันนี้พี่ด้ายจะพาพี่ไปกินข้าวที่องค์พระเหมือนกัน” ผมบอกคอร์ทครับ
“ครับๆ”
“อืม งั้นแค่นี้นะ” ผมบอก ไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรคุยกับมันแล้ว
“ครับๆ” แล้วผมก็วางหู

        5.30 ผมมานั่งรอท็อบที่หน้าร้านพัพ แอนด์ พาย โรงเรียนสาธิต มองเด็กนักเรียนผู้ชายหน้าตาดีเดินจูงมือเด็กนักเรียนผู้หญิงหน้าตาดี คู่แล้วคู่เล่า แล้วโทรศัพท์ผมก็ดังครับ พี่ด้ายโทรเข้ามา
“วิ.........พี่ไปสายนิดนะ ประมาณ 7.30 พอดีเด็กจะสอบ เลยขอให้พี่อยู่ติวน่ะ” พี่ด้ายโทรมาขอโทษล่วงหน้า
“ไม่เป็นไรพี่....งั้นวิไปเจอพี่ที่องค์พระเลยนะ พี่ได้ไม่ต้องวนรถหลายรอบ” ผมบอกพี่ด้าย
“อ้าว ไมอ่ะ พี่ไปรับได้” พี่ได้คงเกรงใจ
“วิมีนัดพอดีอ่ะพี่ ไม่เป็นไรหรอก แล้วเจอกัน”
“อ่อๆ” แล้วเราก็วางสาย
   แป๊บเดียวท็อบก็เดินเข้ามาครับ เสื้อซ้อมบาสสีน้ำเงินขาวแขนกุดดูเปียกเหงื่อ ผมเปียกเหมือน ท็อบเพิ่งเอาหัวไปจุ่มน้ำมา พาดผ้าซับเหงื่อไว้รอบคอ แล้วสะพายเป้ไว้ที่บ่าข้างซ้าย ผมจำได้ว่าผมเคยด่าท็อบเรื่องกลิ่นเหงื่ออย่างไร แต่ตอนนี้กลิ่นเหงื่อของท็อบเป็นสิ่งที่คุ้นเคย และทำให้ผมวาบหวามใจ เหมือนกลิ่นจากไรผมของคอร์ทครับ
“เหม่อ...อะไรอยู่ครับ” มันยิ้มแล้วถามผม รอยยิ้มมันน่ารักแบบที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“มองท็อบน่ะ....ท็อบหล่อมากกรู้มั้ย” ผมบอกมันเขินตัวเองเหมือนกันเวลาที่ต้องบอกความคิดตัวเอง
“ในที่สุดวิก็ตกหลุมรักผมใช่มั้ยครับ” มันสรุป ผมได้แต่คิดในใจว่า ผมรู้ตัวว่ารักมันในวันที่สายเกินไป และพบมันในวันที่สายเกินไป
“ไป ไปกัน” แล้วผมก็จับมือเรียว กับแขนยาวๆ ที่มีกล้ามน้อยๆ เดินผ่านเข้าไปในวัง เพื่อเดินเลยไปที่สวนสัตว์สนามจันทร์

        สวนสัตว์สนามจันทร์เป็นสวนสัตว์เล็กๆ ที่สกปรกและไม่ถูกสุขลักษณะ ไม่ว่าจะสำหรับคนหรือสัตว์ ผมไม่เข้าใจทำไมทางราชการไม่ปิดสวนสัตว์นี้ไปเสียที ในสวนสัตว์มีพวกนก ไก่ป่า จระเข้ กวาง สัตว์เล็กๆ และมีดาวเด่นคือ หมีหมา 1 ตัวครับ ผมจูงมือท็อบไปที่หน้ากรงหมีหมา จับขอบราวแล้วมองลงไปที่หมีหมาตัวหนึ่ง ในกรงพื้นปูน แคบๆ ที่มีร่องน้ำกั้นไว้กับกำแพง อุจาระของมันกองเกลื่อนพื้น   
ท็อบมองลงไปเหมือนกันครับ คงอยากรู้ว่าผมจ้องมองอะไร ผมซึ้งใจมากครับ เลยเอนหัวซบอกมันไว้ ขอบคุณสวรรค์ที่มันตัวสูงกว่าผม ผมสูดกลิ่นเหงื่อของท็อบเข้ามาเต็มปอด ไม่สนใจว่าจะมีกลิ่นเต่ามันติดมาด้วยรึเปล่า แล้วโอบรอบเอวของท็อบไว้ ท็อบเองพอรู้สึกถึงสัมผัสผมก็เอาแขนมาโอบแนบตัวผม ผมไม่คิดว่าตอนนี้จะมีอะไรจะมาแยกอ้อมกอดของเราสองคนได้ แล้วน้ำตาผมก็ไหลครับ
“วิ ร้องไห้ทำไมครับ” ท็อบถาม เช็ดน้ำตาให้ผม และจูบผมที่หน้าผม
“วิสงสารหมีน่ะ มันอยู่ตัวเดียวในกรง ไม่มีใครเป็นเพื่อนเลย” น้ำตาผมไหลมากว่าเดิม ท็อบทำหน้าเหมือนเข้าใจแล้วลูบหลังปลอบผม
“....ผมรู้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นวิแล้ว วิเป็นคนอ่อนโยนจริงๆ” แล้วมันก็จูบผมครับ
“เวลาวิร้องไห้ให้ใคร วิน่ารักมากเลยรู้ป่าว”
“อืม........” แล้วมันก็จูบผมต่อ มือของมันอยู่ไม่สุขครับ ลูบไปตั้งแต่แก้มผมจนกระทั้งไปวางไว้ที่ปั้นท้าย ตอนนี้ผมคิดว่าบรรดาเสือ สิง กระทิง แรด นก ไก่ หมี เก้ง กวาง คงจะอยากคำรามใส่ฟีโรโมนที่ผมและท็อบช่วยกันปล่อยออกมา
“เรามีอะไรกันครั้งแรกในสนามจันทร์นี่แหละ ใช่มั้ยวิ” ไอ้ท็อบล้อผม แต่ส่วนนั้นของมันที่แข็งอยู่ข้างล่างไม่ได้ล้อเล่นแน่ครับ ทิ่มผมไม่หยุด
“เฮ๊ยย...บ้า” ผมบอกแล้วทุบอกมัน หนักมือไปหน่อย
“โอ๊ยเบา เดี๋ยวผัวช้ำในตาย” ตอนนี้ 6 โมงกว่าฟ้าเริ่มมืด ผมก็คิดว่าหากผมกับมันยังยืนแลกจูบกันอยู่ตรงนี้ต่อไป น้องหมีคงได้เห็นฉากอัศจรรย์เป็นแน่ครับ
“ไปให้อาหารกวางกันเถอะ” ผมบอก ท็อบจูบผมต่ออีกหลายนาทีก่อนจะจูงมือผมไปซื้อผักบุ้งมาป้อนน้องกวาง

        เพื่อรอพี่ด้ายผมเลยพาท็อบเดินซื้อเสื้อที่ตลาดองค์พระ ผมซื้อเสื้อแขนกุดสีส้มกับสีขาวพิมพ์ลายกราฟฟิตี้ ให้ท็อบสองตัว
“ทำไม แขนกุดทั้งคู่เลยอ่ะ” มันเอาเสื้อออกมาดู แล้วถามผม ผมเลยบอกมันไปว่าผมชอบแขนยาวของมัน กับมือของมันอย่างไร
“โธ่ นึกว่าอยากแอบดูขนจักกะแร้ผม” มันล้อ ผมเลยตีหัวมันให้ครับ
“มือหนักจัง” มันบ่น
“ผมอยากซื้อเสื้อให้วิเหมือนกันนะ แต่ผมชอบวิตอนไม่ใส่เสื้อผ้ามากกว่า” มันยังปากดีเลยได้มือผมตีหัวไปอีกครั้ง ฮ่าๆๆ
   พี่ด้ายมาถึงก่อน 7.30 แล้วจอดรถไว้หน้า ตลาดองค์พระแล้วเดินเข้ามาหาพวกผม เนื่องจากไอ้ท็อบตื้อขออยู่ด้วย ไม่ยอมกลับหอ
“พี่ด้าย....นี่ท็อบ” ผมแนะนำครับ
“ท็อบนี่พี่ด้ายเป็นรุ่นพี่พี่ปี 1”
“สวัสดีครับครูด้าย” ไอ้ท็อบยกมือไหว้พี่ด้าย
“อ้าว...สวัสดีครับน้องท็อบ” ทักกันเสียงหวานเชียวเธอ รู้จักมันมาก่อนรึไง
“น้องท็อบ โตขึ้นมากเลย สูงมาก เล่นบาสโรงเรียนอยู่ใช่มั้ย” สองคนนี้รู้จักกันมาก่อน กูว่าละ โลกกลมเกินเหตุ
“ตอนพี่เป็นครูฝึกสอนที่โรงเรียนสาธิต พี่สอนสังคมน้องท็อบ ตอนนั้นอยู่ม.3 ใช่มั้ย”
“ครับๆ” แล้วเราก็ไปนั่งกินข้าวกัน
“น้องท็อบรู้จักวิได้ไง” คุณด้ายครับ จะถามมันเพื่ออะไร ค่อยไปถามน้องตอนอยู่กันสองคนสิ
“วิ แฟนผมครับ” กูว่าละมันไม่อายหรอก พี่ด้ายตาโตครับ แต่เขาก็คงเดาๆ ออกแต่แรกแล้ว
“อืม.....” ผมพยักหน้าตอบเมื่อพี่ด้ายหันมามองผม
“.....มันซับซ้อนน่ะ” ผมพึมพำ
“พี่นึกว่าน้องท็อบมีแฟนเป็นผู้หญิงซะอีก” พี่ด้ายบอก
“เคยมีอ่ะครับครู” ท็อบมันตอบขำ
“ทำไมมาคบกับวิมันได้ล่ะ” อย่าเข้าประเด็นเลยคุณพี่ พลีสสสส
“วิน่ารักมั้งครับ...ผมชอบตั้งแต่แรกเจอเลย” ถุย ตอบแบบนี้ใครก็ตอบได้ พอเหอะเลิกคุย
“แล้ววิก็ตลกอยู่ด้วยแล้วสบายใจ อ่อนโยนด้วยครับ ขี้แยด้วยผมเลยอยากคอยดูแล” โถ เด็กน้อยใครดูแลใคร แล้วเราก็คุยกันไปเรื่อยๆ จนกินข้าวเสร็จ แถมต่อท้ายด้วยบัวลอยแต้จิ๋วเจ้าประจำอีก
“ท็อบกลับได้แล้วดึกมากแล้ว วิไปส่งขึ้นรถ” ผมบอกมันที่กำลังทำสายตาอ้อนวอนว่าทำไมผมไม่ไปค้างห้องมัน แต่มันคงไม่กล้าพูดครับ พี่ด้ายอยู่ด้วย
“สวัสดีครับครูด้าย”
“ครับ เจอกัน” แล้วท็อบก็ยกมือไว้พี่ด้ายแล้วจูงมือผม
“พี่ด้ายรอวิแป๊บนะ วิไปส่งน้องขึ้นรถก่อน” ผมหันหลังมาบอก
“อืมๆ”
ผมส่งท็อบขึ้นรถสองแถว ก่อนขึ้นมันโน้มตัวลงมาจูบผม ไม่สนสายตาใคร ผมจูบมันตอบแล้วน้ำตาก็ไหล
“รักวินะครับ” “รักนะ” เราพูดคำรักออกมาพร้อมกัน ผมเวียนหัวมาก เมื่อท็อบขึ้นรถไปแล้วผมรู้สึกว่าแรงโน้มถ่วงกลับด้าน หัวผมหนักอึ้งเหมือนจะล้มลง ผมร้องไห้ประคองตัวไปจนถึงรถมอเตอรไซด์ของพี่ด้ายที่จอดไว้ แล้วโบกมือเรียกพี่ด้าย

        วันนี้ผมโกหกท็อบครึ่งหนึ่งครับ จริงๆ แล้วผมสงสารหมีตัวนั้นมาก และหมีตัวนั้นทำให้ผมนึกถึงท็อบในอีกหนึ่งปีข้างหน้า ถูกทิ้งไว้ในกรงที่เรียกว่ารัก โดยไม่มีผม เหี่ยวเฉา เหงา และหมดความหวัง ผมจะขังท็อบไว้ได้อย่างไรล่ะครับ ทบทวนบทเรียนที่ผมเรียนมาวันนี้ แนวคิดเรื่องการละทิ้งคือทางออกครับ จุดจบจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้เราทั้งคู่ แต่ผมจะปล่อยท็อบไปอย่างไร ผมรักมันมากขนาดนี้ ผมจะทำลายความรักของเราได้อย่างไรมันสวยงามมากขนาดนี้ ผมจะทำร้ายท็อบได้อย่างไรมันบริสุทธิ์ขนาดนี้ เหมือนสัตว์ป่าที่ไม่ได้มีพิษภัยกับใครแต่ต้องมาถูกจับใส่กรง ความรักของคนเราเป็นกรงใสๆ เหมือนกระจกครับ มันร้าวได้มันแตกได้ ผมคงต้องทุบมันแล้วปล่อยท็อบออกมาแม้เศษแก้วแตกจะกรีดทำร้ายใจผมเองเพียงใด แล้วผมก็อ้วกเอาความเสียใจทุกอย่างออกมาใต้ต้นไม้ตรงนั้นแหละครับ พี่ด้ายเดินมาใกล้ๆ มาลูบหลัง
“วิ เป็นอะไร” พี่ด้ายถาม
“พี่ด้าย วิเสียใจ วิอยากตาย” ผมบอกพี่ด้าย
“คนที่ทำรอยจูบไม่ใช่ท็อบใช่มั้ย”
“อืม”
“.............................................................”

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #45 เมื่อ22-10-2013 01:51:22 »

  :katai1: วิทั่วถึงมากค่ะ  ชักพูดไม่ออก

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #46 เมื่อ22-10-2013 02:02:59 »

จริงสิ  บางครั้ง  การละทิ้งคือทางออก  แม้มันจะดุใจดำและเลือดเย็นเป็นที่สุด


ปล. เขียนสนุกมาก

แต่จะดีกว่านี้  ถ้า ๑. มีรูปในท้องเรื่องตามแต่ละฉากมาลงประกอบด้วย
                      ๒. เวลาเปลี่ยนคนเล่าเรื่อง  ให้แยกกันด้วยสีตัวอักษรดีไหมคะ  จะได้ไม่งง

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #47 เมื่อ22-10-2013 17:47:46 »

อ่านเรื่องนี้แล้วขนลุก เพราะมันทำให้นึกถึงสมัยช่วงอ่านเรื่องชายรักชายใหม่ๆ และองค์ประกอบหลายอย่างก็ทำให้ดิฉันนึกถึงอดีต ภาษาสวย ตรง และจริงใจ สื่อออกมาอย่างที่รู้สึก กระแทกหัวใจมากๆ ตอนนี้เพิ่งอ่านจบตอน ๑๓ แต่ขอพักสายตาก่อน ไม่ไหว แก่แล้วอ่านมากปวดตา  :hao7:

ขอบคุณมากค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ minibusez

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #48 เมื่อ22-10-2013 18:19:34 »

เราชอบตัวตนของวิในบทแรกๆ
เหมือนจะมีทางออกสำหรับตัวเองในแบบที่เราคาดไม่ถึง
ยังไม่ได้อ่านบทที่ 15 เยยฮะ เม้มก่อนๆ  :กอด1: เป็นกำลังใจให้ครับผม - 3 -

ออฟไลน์ Damon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #49 เมื่อ22-10-2013 19:55:01 »

อ่านเรื่องนี้แล้วเพลินมาก ตามมาจากที่เจ้สองแนะนำไว้ ฮุๆ
เห็นภาพเลยในทุกสถานที่เพราะเป็นสาวนครปฐม! อ๊าก โลเกชั่นในเรื่องนี่มัน... ม.* ใช่ป่ะ สมัยก่อนๆ เขาว่าตัวเหี้ยเยอะมากกก รร. เราก็มีเพ่นพ่านบ้างนะ โดยเฉพาะคลองเจดีย์บูชา ฮ่าๆ บัวลอยแต้จิ๋วก็เคยกินตอนเล็กๆ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามันชื่อนี้

ส่วนเนื้อเรื่อง บ่งบอกถึงความสับสน ไม่ชัดเจน และความแก่ตัวของ ผช. แต่ละคน (หรือเฉพาะวิ) อยากจะพูดให้ดูดีกว่านี้แต่ทำไม่ได้น่ะ มุมมองเราแย่นะ แต่เคารพในการเลือกของวิ ในเรื่อง sex ก็เหมือนแค่สนองความต้องการทั้งสองฝ่าย แต่เราชอบที่วิแคร์ความรู้สึกคนอื่น และร้องไห้เมื่อทำคนอื่นเสียใจ

แอบคิดว่าเรื่อง sex นี่หลายคนจนกลัวจะเป็นเหมือนจุดจบของลำยองจังเลย หวังว่าวิจะเลิกนะ...
รอนะคะ ตอนต่อไป ติดแล้วละ  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My Almond Crush....
« ตอบ #49 เมื่อ: 22-10-2013 19:55:01 »





ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #50 เมื่อ22-10-2013 23:48:43 »

สนุกครับ เพิ่งอ่านไปแค่แรกๆ ก็ชอบเลย ชอบภาษา ชอบการเล่า ชอบการเปรียบเปรย ชอบทุกอย่าง ติดนิดเดียวอ่านยากไปหน่อย แต่เห็นพี่ๆ เค้าแนะนำแล้ว ให้กำลังใจนะครับ ผมไม่ค่อยได้อ่านเรื่องของใครซะด้วย เจอถูกใจยาก แต่เรื่องนี้ได้เลยอะ เดี๋ยวช่วยโปรโมท เอิ๊กๆๆ

ออฟไลน์ บ๊ายบายโพ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #51 เมื่อ23-10-2013 01:38:19 »

งงการกระทำพี่วิอ่ะ เหมือนรู้ว่าไม่ควรทำแต่พอเอาเข้าจริงก็ตามใจตัวเองทุกครั้งเลย เดาไม่ถูกจริงๆว่าสุดท้ายจะลงเอยกับใคร :ling2:
แต่ก็ชอบนะ คือเราอ่านไปเหมือนได้มุมมองมอเมื่อสมัยก่อนด้วย :กอด1: ตอนนี้โรงอาหารศึกษาก็ไม่มีละ5555
แต่ตอนที่พี่วิเล่าเรื่องผีนี่เรื่องจริงป่าวอ่ะ พยายามอ่านข้ามๆเรื่องตำนานผีไปเพราะกลัวมาก5555 แต่เห็นด้วยนะว่าเด็กสาธิตอ่ะน่ารักกรุบกริบ :L2:

วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #52 เมื่อ23-10-2013 09:17:43 »

ถึงผู้อ่านทุกท่านครับ
     ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณมากครับที่ติดตามอ่านเรื่องนี้ เพราะผมคิดว่าการเล่าเรื่องของตัวเองค่อนข้างสับสน (บางครั้ง) และขอบคุณกับการวิพากษ์วิจารณ์ครับ ในฐานะคนเรียนอักษรศาสตร์ การวิพากษ์วิจารณ์งานของผมในฐานะวรรณกรรมเป็นเรื่องที่ดีครับ โดยเฉพาะวิ (ตัวละครที่ผมยกชื่อ (ฉายา) ของผมให้ใช้) ที่มีคนสงสาร และตอนนี้เริ่มมีคนเกลียดแล้ว  ผมเขียนเรื่องนี้โดยระวังตลอดเวลาที่จะไม่ให้มันกลายเป็นเรื่องดราม่า หรือน่าเบื่อ หรือกลายเป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ จนมองไม่เห็นโลกที่ดำรงอยู่รอบตัวละคร นอกจากนี้ผมจะพยายามศึกษาวิธีการลงรูปผ่านลิ้งค์ตามที่คุณ Poes แนะนำ เพราะผมค่อนข้าง low tech มากครับ และผมขอเปลี่ยนสีเนื้อเรื่องตามคนเล่าตามคำแนะนำของคุณ oaw_eang ครับ
ตอนที่วิเล่า     จะใช้ตัวหนังสือ สีม่วง
ตอนที่โย๊ปเล่า จะใช้ตัวหนังสือ สีเลือดนก

ปล. ขอบคุณทุกคำชมที่เป็นกำลังใจนะครับ และแอบดีใจที่มีชาวนครปฐม และรุ่นน้องเข้ามาเม้นท์ ได้บรรยากาศของฉากในท้องเรื่องมากเลยครับ

หวังว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ จะเพิ่มความสะดวก และอรรถรสแก่ผู้อ่านทุกคนครับ
ขอบคุณครับ
"วิ"
..............................................................................


15(7) But Only Love Can Say (เปิดโอกาส...เปิดใจ)
   
       เช้าวันศุกร์ผมตื่นเช้าทั้งๆ ที่คิดว่าอยากจะตื่นสาย รู้สึกดีนิดๆ ที่ได้มานอนบนเตียงของตัวเองบ้าง ฮ่าๆ
“พี่ไปกินข้าวกันป่าว เดียวทรีจะกลับบ้าน” ทรีชวนผมตอนที่มันกลับมาจากห้องอาบน้ำ ผมบอกแล้วแป๊บเดียวมันก็หายโกรธผม
“อืม ไปๆ” ผมตอบแล้วรีบวิ่งไปเข้าห้องอาบน้ำ และไม่นานผม ไอ้ทรี แน่นอนเพื่อนมันอีก 3 คนด้วย ก็มานั่งกินข้าวกันอยู่ที่โรงอาหารคณะศึกษาฯ
“พรุ่งนี้ดูแลตัวเองด้วยล่ะพี่” ไอ้ทรีสั่งเพราะรู้ว่าพรุ่งนี้ผมต้องไปม็อบพันธมิตร
“อืม กูไม่ตายหรอก” ผมว่ามัน
“ครับๆ” สักพักพอกินเสร็จไอ้ทรีก็ปั่นจักรยานไปขึ้นรถกลับบ้านที่หน้ามหาลัยครับ ผมไม่รู้จะทำอะไรเลยกลับขึ้นไปดูหนังที่เช่ามาเมื่อวานบนห้องครับ เรื่อง เดอะ โร๊ค (จระเข้อะไรสักอย่าง จำชื่อภาษาไทยไม่ได้ครับ) โดยมีไอ้โย๊ปมานั่งดูด้วย
“พี่คืนดีกับไอ้คอร์ทแล้วเหรอ” อยู่ๆ มันก็ถามขึ้นมา
“อืม....” ผมไม่รู้จะตอบมันอย่างไร กลัวมันถามต่อ
“ดูพี่รักมันมากเลยนะ” มันถามต่อจริงๆ
“อืม...”  แล้วโทรศัพท์ผมดังขึ้น คอร์ทโทรเข้ามา
“ว่าไง” ผมตอบแล้วก็ยิ้ม
“พี่ทำไรอยู่” มันถาม
“ดูหนังที่ห้อง วันนี้ไม่มีเรียน”
“อ่อๆ เดี๋ยวเที่ยงผมไปหา แล้วค่อยออกไปกินข้าวกัน” มันบอก
“โอเค” แล้วเราก็วางสาย ไอ้โย๊ปมองผมแบบ สงสัยอะไรสักอย่าง
“อะไร” ผมเลยถามมัน
“เปล่าครับ”

     เราดูหนังกันต่อไปจนเกือบเที่ยง แล้วคอร์ทก็มาหาผมที่ห้องครับ แปลกใจเหมือนกัน อยู่ๆ มันก็มาที่ห้องผม แต่ก็ดีใจครับ
“อ้าว...ดูหนังกันเหรอ” คอร์ททักผมกับไอ้โย๊ป
“เออ” ไอ้โย๊ปตอบเพื่อนมัน
“หายไปเลยนะมึงอ่ะ...ถ้าไม่ได้พี่เขามึงคงไม่กลับมาหาเพื่อนใช่มั้ย” มันล้อจนไอ้คอร์ทหน้าแดง แต่ผมไวกว่า ตีหัวมันครับ ยุ่งไม่เข้าเรื่อง
“โอ๊ยย....555”
“พี่อยู่กับไอ้คอร์ท 2 คนแล้วกัน ผมไปอาบน้ำละ” แล้วโย๊ปมันก็เดินออกไป เหลือเราแค่ 2 คนแล้ว ผมมองหน้าคอร์ทที่อยู่ในชุดนักศึกษาและเนคไทสีเขียวเวอริเดียน มันหล่อมากครับ ผมเลยถอดเสื้อยืดตัวเอง เดินเข้าไปหาแล้วซุกหน้าไปที่ซอกคอของมัน แล้วเราก็จูบกันครับ
“พี่.....เสื้อยับ” มันบอกทันทีที่ปากว่างครับ
“จะถอดมั้ยล่ะครับ” ผมล้อมัน แต่เอาจริง
“......อืม” ผมรู้คำตอบอยู่แล้วครับ เพราะส่วนนั้นของมันแข็งดันกับของผมมาสักพักแล้ว ผมช่วยคอร์ทถอดเสื้อผ้าออกจนหมด แล้วใช้ปากให้กับมันครับ เลียมันทั้งตัวเหมือนเดิม คอร์ทน่ารักมาก ผมเลยพลักมันหันหลังเข้ากับโต๊ะทำงานผมแล้ว ก้มลงไปเลียก้นมันแบบเดียวกับที่ท็อบเคยทำให้ผม อยากรู้เหมือนกันว่าเวลาคนเป็นรุกเขาทำแล้วรู้สึกอย่างไร
“อ่า.........พี่ อย่า” คอร์ทครางเลยครับ แต่มันไม่ได้ขัดขืนอะไร ผมเลยทำจนพอใจ แล้วลุกขึ้นยืน ถอดกางเกงตัวเอง กอดมันจากข้างหลัง
“คอร์ท พี่ทำนะครับ” ผมบอกมันที่ตอนนี้หน้าแดงมาก แล้วกำลังพยักหน้าตอบรับคำขอของผม ผมเลยจับส่วนนั้นของผม ใส่เข้าไปในตัวมัน มีความสุขจริงๆ ครับ เวลาที่ส่วนนั้นของผมอยู่ในตัวมัน
“อ่า.......” คอร์ทเริ่มครางดัง ผมเลยจับหน้ามันหันมาจูบปากไว้ เราจูบกันไป พร้อมๆ กับที่ผมกระแทกเอวใส่มันไปด้วยครับ ความสุขตอนนี้ทำให้ผมขาดสติ ผมเอามือปัดหนังสือบนโต๊ะจนหล่นกระจายเต็มพื้นห้อง อุ้มคอร์ทไปไว้บนโต๊ะไม้ ยกขาสองข้างมันพาดป่า แล้วเราก็ทำกันต่อบนโต๊ะไม้ซึ่งส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด สอดรับกับเสียงเนื้อเราสองคนกระแทกกัน คราวนี้คอร์ททนไม่ไหวครับ มันชักว่าวไปด้วย
“อ่า....พี่ อ่า” มันครางชื่อผมพร้อมๆ กับเพิ่มแรงมือที่ยึดแผ่นหลังผมไว้  ผมเลยเร่งแรงกระแทกครับ
“อ๊ากก....” คอร์ทกรี๊ดแล้วระเบิดน้ำเชื้อสีขาวขุ่นเต็มหน้าท้องและอีกผม มันพุ่งไหลออกมาเป็นสาย อุ่นและร้อน ผมเลยเอามือป้ายน้ำเชื้อเหล่านั้นขึ้นมากิน ต้องการทุกอย่างของมัน ผมกระแทกอีกแป๊บเดียวก็แตกใส่ตัวมันไป แต่ไม่ยอมเอาควxx ออกมา
   ฝรั่งมีมีคำพูดไว้ครับว่า เซ็กส์กับหนังสือนั้นเหมือนกัน ตรงที่มันทำให้คนเราหลุดลอยออกจากโลกที่เราอยู่ไปสู่ดินแดนจินตนาการแห่งความหฤหรรษ์ แม้เพียงชั่วขณะ และผมก็รู้สึกล่องลอยจริงๆ  เหมือนอยู่บนปุยเมฆ เหมือนอยู่กลางเกลียวคลื่น เหมือนกลิ้งอยู่บนทุ่งหญ้า แต่ผมอยู่บนตัวคอร์ทครับ
“ผมเสร็จพี่อีกแล้ว” คอร์ทประท้วงแล้วจูบผม ผมจูบตอบไม่ได้ว่าอะไร
“งั้นขอพี่อีกรอบนะครับ เมียพี่” คอร์ทหน้าแดง ไม่เถียงอะไร ผมจัดน้องต่อนานมากครับจนรู้สึกว่าคอร์ทหมดแรง กล้ามเนื้อหูรูดคลายตัวออกมาก ผมเลยช่วยมันด้วยการจับควxxมันชักว่าว มันแตกอีกครั้งบนที่นอนผม แล้วผมก็ตามมันไปสู่ดินแดนจินตนาการ เรากอดกันบนเตียงแคบๆ ขนาด 3 ฟุตของผม เหมือนเดิม มันหันหลังให้ผมโดยที่ผมไม่ยอมถอนออกมา ใส่ไว้อย่างนั้นรอให้มันหลุดเองแล้วเราก็นอนหลับโดยที่เปลือยเปล่าครับ

       ผมหลับได้ไม่นอนคอร์ทก็ปลุกผมขึ้นมาครับ เพราะมันต้องมีเรียนบ่ายต่อ แถมบ่นอีก
“เฮ๊ย....ผมสายแล้วพี่ เข้าเรียนบ่ายครึ่ง ข้าวยังไม่ได้กินเลย” มันดูวุ่นวายมากครับ
“คอร์ทรีบแต่งตัว เดี๋ยวพี่ลงไปซื้อนมกับขนมข้างล่างให้”
“ครับๆ” แล้วผมก็ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ไปซื้อของรองท้องให้คอร์ท ไม่นานคอร์ทก็ลงตามมาที่หน้าหอ
“โห่ พี่อ่ะทำเยอะ เย็นนี้ผมต้องเล่นบอลด้วยนะ” มันบ่นไปกินนมไป
“อืม” ผมบอกมัน
“พี่กลับวันอาทิตย์เย็นใช่มั้ย” มันถามผมเรื่องไปม็อบพันธมิตร
“อืม.....ทำไมเหรอ”
“ป่าวครับ กลับมาแล้วโทรหาผมด้วยแล้วกัน....ผมไปเรียนแล้วนะ”
“โอเค” แล้วคอร์ทก็ขี่เวสป้าไปทางเกาะนกครับ 
ผมเดินกลับขึ้นห้องเพื่อจะจัดของไปหรุ่งนี้ ผมแชร์ค่าโรงแรมกับเพื่อนอีก 4 คนไว้แล้ว พรุ่งนี้เราคงเข้าไปที่ม็อบช่วงบ่าย ส่วนก่อนหน้านั้นเพื่อนๆ ผมอยากไปเที่ยวแพลตตินัมครับ และระหว่างที่ผมกำลังจัดของตูนก็โทรเข้ามา ผมละอยากให้เมื่อชั่วโมงที่ผ่านมาคอร์ทมันเป็นฝ่ายทำผมจังเลยครับ เพราะคอร์ทชอบทิ้งรอยจูบเวลามันทำ มันแอบมีอารมณ์รุนแรง ตัวผมจะได้มีรอยจูบให้ไอ้ตูนรังเกียจเล่น
“อืม...ว่าไง” ผมรับโทรศัพท์ไอ้ตูน
“วิเย็นนี้ผมรับวิไปกรุงเทพนะ” มันมาตรงประเด็นมากครับ
“มารับทำไมเย็นนี้ ไปพรุ่งนี้” ผมท้วงมัน
“อ้าวก็วิจะไปม็อบพันธมิตรฯ พรุ่งนี้นิ มาค้างที่กรุงเทพจะได้ไม่ลำบากเดินทาง” มันบอกเหตุผลไว้แล้ว
“วินัดเพื่อนไว้แล้ว” ผมพยายามปฏิเสธ
“น่าวิ...ผมว่าจะไปม็อบด้วย ถ้าวิไม่ไปพร้อมผม ผมคงเดินตามทาวิทั้งวันแน่” มึงเดินไปเหอะเพื่อนกูชวนไปแพลตตินัมตอนเช้าเว้ย
“....วิ” แล้วผมก็สงสารมันครับ จะปล่อยมันไปเดินคนเดียวในม็อบ ไม่รู้จักใครเลยก็กะไรอยู่ แต่ก็ดีเหมือนกันผมจะได้ปิดบัญชีกับตูนซะเลยตอนที่เรามีเวลาคุยกัน
“อืม....จะมารับกี่โมงอ่ะ” ผมถามมัน
“6.00 นะ ผมขอเคลียร์งานกับเพื่อนก่อน”
“อืม” แล้วผมก็วางสาย พร้อมกับโทรไปบอกเพื่อนว่าขอเดินทางไปเอง แล้วค่อยเจอกันที่หน้าสำนักงานสหประชาชาติ (UN) ตอนบ่าย 2 ครึ่ง

   ผมแต่งตัวด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์เพื่อให้สะดวกกับการเดินทาง แล้วลงมารอไอ้ตูนตอน 5.55 ที่หน้าหอ ดีครับที่ตูนมันค่อนข้างเป็นคนตรงเวลา เมื่อ 6.00 ฟ้าเริ่มมืด รถเก๋งสีขาวก้มาจอดอยู่หน้าผม ด้วยความคุ้นเคย ผมเปิดประตูด้านข้างคนขับแล้วกระโดดเข้าไป
“.......................”
“เหมือนนานเลยนะที่เราไม่ได้นั่งรถด้วยกันสองคนแบบนี้” ตูนพูดขึ้นมาทำลายความเงียบ
“.......อืม” ผมไม่รู้จะตอบมันว่าอย่างไรดี
“หึหึ......ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น” มันบอกผมแล้วเอามือซ้ายเอื้อมมากุมมือผม
“จับพวงมาลัย 2 มือเถอะ ตาก็ดูถนนด้วย” ผมประชดมัน
“5555...วินี่เหมือนเดิมจริงๆ ” เฮ้อ....ตูนมันก็ยังเหมือนเดิมจริงๆ ครับ
“คิดยังไงจะไปม็อบพันธมิตร” ผมถามมันครับ สงสัยในใจว่าที่จริงแล้วมันน่าจะมีจุดหมายอื่น หากคิดเข้าข้างตัวเองอีกนิด จุดหมายอื่นนั้นคงไม่พ้นเรื่องผม
“ผมเก็บวิชาปรัชญาการเมืองนะครับ...เทอมหน้าก็จะลงวิชาสังคมวิทยาแล้ว” หึหึ คิดว่ากูเชื่อเหรอ แต่ผมไม่ได้เถียงมันหรอกครับ แล้วตูนก็เปิดเพลงฟัง

ตูนขับรถมาจนถึงแถวตลิ่งชันแล้วครับ แต่มันกลับจับตรงไปแทนที่จะเลี้ยวขวาเข้าทางสะพานปิ่นเกล้า เพื่อข้ามไปฝั่งมัฆวาน แต่ผมรู้ว่าเราไม่ได้ไปที่ม็อบกันวันนี้เลยไม่ได้เอะใจ
“แล้วจะพักที่ไหนล่ะ” ผมถามมันเมื่อตอนนี้เราข้ามสะพานซังฮี้มาแล้ว
“บ้านผม....อยากให้วิไปเห็นว่าผมอยู่ยังไง” มันตอบแบบนี้ทำผมใจไม่ดี ไม่ชอบยุ่งเรื่องครอบครัวใคร เพราะเรื่องครอบครัวตัวเองก็ยังเอาไม่รอด
อีกประมาณ 1 ชั่วโมงหลังจากผ่ารถติดของกรุงเทพ ตูนเลี้ยวรถเข้าซอยลาดพร้าว 71 เป็นซอยกว้างมากๆ ครับ แล้วก็เลี้ยวเข้าหมู่บ้านจัดสรร บ้านกลางเมืองอะไรสักอย่าง เมื่อผ่านป้อมยามเข้ามา ตูน จอดรถหน้าประตูบ้านแล้วลงไปกดกริ่ง สักแป๊บเดียวก็มีผู้หญิงวัยกลางคืนรีบวิ่งมาเปิดประตูให้ครับ ลักษณะการกระทำที่ตอบรับกับการกดกริ่งของไอ้ตูน บวกกับเสื้อยืดเก่าๆ ที่สวมใส่นั้น ไม่ต้องเป็นนักสังคมวิทยาก็รู้ครับว่าเธอเป็นแม่บ้าน (พยายามจะหลีกเลี่ยงคำว่าคนรับใช้) ท่าทางบ้านไอ้ตูนจะรวยจริง
“น้องตูนทานอะไรรึยังคะ” แม่บ้านทักเมื่อเราลงจากรถ
“ยังครับ เรามีอะไรกินมั่งครับ” ไอ้ตูนถามกลับ
“รอหน่อยได้มั้ยคะเดี๋ยวพี่เข้าครัวไปทำให้”
“ครับๆ” มันตอบเหมือนไม่ใส่ใจอะไร
“นี่เพื่อนผมนะครับ ชื่อวิ ให้นอนกับผม พี่ไม่ต้องจัดห้องใหม่” แล้วมันก็พาผมมาที่ห้องนั่งเล่นบนโซฟาตัวใหญ่ แบบที่มักจะมีในละคร ส่วนพี่แม่บ้านแยกตัวออกไปทำกับข้าวให้เรากิน
“วิ ผมโทรศัพท์คุยกับพ่อก่อนนะ รอเดี๋ยว” แล้วมันก็เดินออกไปคุยโทรศัพท์ที่ห้องอื่น ผมไม่รู้จะทำอะไรก็ได้แต่นั่งรอมันเฉยๆ อีกประมาณ 5 นาทีไอ้ตูนก็เดินกลับเข้ามาหน้าบาน
“วิรู้มัยพอผมบอกพ่อว่าจะไปม็อบพันธมิตรกับเพื่อน พ่อบอกจะโอนเงินมาให้ผมเพิ่มอีกตั้งหมื่นนึงแน่ะ บอกฝากไปบริจาคม็อบ 5 พันด้วย” ให้เอาไปทำอะไรตั้งหมื่นหนึ่งผมคิดในใจ
“แล้วพ่อไปไหนล่ะ” ผมถาม
“พ่อผมเป็นนักบินเอกชนน่ะ ไม่ค่อยได้อยู่ที่บ้านหรอก แม่ผมก็เสียมา 5 ปีแล้ว” มันบอกครบเลย
“อืม...พ่อวิก็ตายมาสิบกว่าปีแล้ว” ผมบอกมัน
“ครับ”
“...............................”
“วิหิวน้ำอ่ะ” ผมเปลี่ยนเรื่อง ตูนเลยพาผมเดินไปที่ครัวครับ แล้วหยิบน้ำออกมากินกัน พี่แม่บ้านกำลังยุ่งอยู่หลายอย่าง ผมเลยอดไม่ได้ที่จะถาม
“พี่ทำอะไรบ้างครับ”
“ไข่เจียวหมูสับ ต้มยำ แล้วก็ผัดผักค่ะ พอทานได้มั้ยคะ”
“ได้ครับ เกรงใจจัง”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ผมเองด้วยนิสัยของคนที่เรียนสังคมวิทยา เลยชวนพี่แม่บ้าน หรือพี่แหววคุยไปเรื่อยเปื่อยครับ พี่เขาเป็นคนสุรินทร์ ตอนแรกเข้ามาทำงานโรงงาน แต่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงสุดท้ายเลยสมัครเป็นแม่บ้าน ทำงานที่บ้านไอ้ตูนก่อนแม่ไอ้ตูนตายแค่ 2 ปี  นอกจากนั้นผมก็ถามเรื่องทัศนคติทั่วไปกับการที่พี่เขามาทำงานในกรุงเทพ คิดถึงบ้านมั้ย กลับบ้านบ่อยหรือเปล่า แล้วผมก็อดไม่ได้ครับที่จะเข้าไปยุ่งกับการทำกับข้าวของพี่แหวว
“ตูนมาทำไข่เจียวกัน” ผมชวนรูปปั้นหินที่นั่งมองผมกับพี่แหววคุยกันนานสองนาน
“เฮ๊ย....วิใส่อะไรลงไปในไข่เจียวมั้งอ่ะ เต็มไปหมดเลย” มันบอกตอนเจียวไข่ครับ
“เอาไว้เซอร์ไพร้ส์ตอนกัดโดนแล้วกัน” ผมบอกมัน ผมรอจนน้ำมันร้อนก็เทไข่ใส่ลงไปครับ พี่แหววก็ไปจัดการเตรียมจานข้าวและน้ำ ผมไม่ได้ทำกับข้าวเองนานมากแล้วครับตั้งแต่ออกจากบ้านมา ไข่เลยดำไปนิดหนึ่ง ฮ่าๆ
“พี่แหววกินข้าวรึยัง” ผมถามตอนพี่แหววขอตัวกลับไปห้อง
“พี่กินตั้งแต่หัวค่ำแล้วค่า...” ตอนนี้แกไม่สนจะซ่อนสำเนียงอีสานแล้วครับ
“พี่ไปนอนก่อนนะคะ เชิญตามสบายค่ะ” แล้วเขาก็ออกไป แล้วผมก็หันหน้ากลับมามองที่ตูนครับ เรานั่งบนโต๊ะกินข้ามฝั่งตรงข้าม และหันหน้าเข้าหากัน
“......................................................”
“อะไร” ผมถามเมื่อมันจ้องผมเคี้ยวนานไป
“เปล่าๆ...” มันรีบตอบ
“วิรู้มั้ยผมรู้จักพี่แหววมาตั้งหลายปี ผมไม่เคยรู้เรื่องที่บ้านพี่แหววเลยจนกระทั่งวันนี้” มันบอก
“อืม....ก็ไม่ถามเขานิ” ผมตอบมันไป
“เปิดโอกาสให้คนอื่นได้เล่าเรื่องตัวเขาออกมา ได้บอกว่าเขาคิดยังไง” ผมสอนทักษะการสัมภาษณ์ให้ไอ้ตูนครับ
“อ่ะนะ.......วิยังไม่เคยเปิดโอกาสให้หัวใจตัวเองได้พิสูจน์เลยว่าดีพอสำหรับทุกคน” มันมามุกนี้ผมก็อึ้งสิครับ เวียนหัว
“ไม่ใช่ว่าไม่มีใครชอบวินะ ผมว่าคนชอบวิอ่ะเยอะมากมาย วิแค่ไม่เคยลองเปิดใจ”
“.............................................” ผมเลยรีบกินต่อจนเสร็จครับ ไอ้ตูนบอกว่าไม่ต้องล้างจาน เดียวพี่แหววทำเอง ผมก็โอเคครับ ปกติก็ไม่ชอบล้างจานไม่ชอบทำงานบ้านอยู่แล้ว (เป็นนิสัยเสียสุดๆ)

        เราเดินขึ้นไปบนชั้นสองเข้าห้องนอนของตูนครับ คล้ายกับห้องที่มันเช่าอยู่นะ เป็นโทนสีขาว มีเฟอร์นิเจอร์แบบเข้าชุด มีทีวี มีเกม แต่ห้องไม่มีห้องน้ำในตัว ต้องออกไปเข้าตรงทางเดิน ผมวางของแล้วนั่งลงที่ปลายเตียง เดินทางเหนื่อยเหมือนกัน
“ไปวิ...อาบน้ำกัน” ตูนชวน ผมอึ้งครับ ไม่ใช่ว่าไม่เคยอาบน้ำพร้อมมัน แต่หลังจากที่มันด่าผมว่าไปเอากับกุ๊ยมา ผมไม่คิดว่ามันจะมีความต้องการอะไรจากร่างกายผมอีก
“ไม่เอา” ผมปฏิเสธ มันเลยกึ่งจูงกึ่งลากผมไปที่ห้องน้ำ แล้วผมก็ต้องยอมตามมันไป ห้องน้ำมันใหญ่โตดีครับ แยกเป็นส่วนๆ ชักโครก ที่ล้างหน้า และอ่างอาบน้ำตอนนี้ตูนกำลังเปิดน้ำแล้วเทโฟมใส่ลงไป แล้วมันก็ถอดเสื้อโชว์ สาหร่าย แหวะ ผมไม่กล้าทอดเสื้อต่อหน้ามันเลยครับ กลัวมันเห็นรอยที่เหลืออยู่ และกลัวมันคิดด้วยว่าผมอยากจะมีอะไรกับมัน ผมคิดว่ามันคงไม่ว่าอะไรหรอกถ้าผมอยากจะมีอะไรกับมัน แต่ตอนนี้มันคงรังเกียจร่างกายผมมากครับ หรือผมอาจจะคิดมากไป
“ถอดเสื้อผ้าลงอ่างได้แล้ว” มันบอกผม ผมเลยรีบถอดรีบลงอ่าง โชคดีจังที่โฟมฟูลอยเป็นฟองเต็มไปหมด มันมองไม่เห็นตัวผมแน่ครับ แล้วมันก็ลงมาด้วยแบบที่ผมคิด เรานั่งหันหน้าเข้าหากัน นั่นหมายความว่า ขาของเราต้องวางได้ที่หว่างขอของอีกคนหนึ่ง ผมต้องตั้งสมาธิมากครับที่จะมองร่างกายของมันแล้วไม่มีอารมณ์ให้มันรู้ตัว
“......................”
“เฮ้อ...............” ตูนถอนหายใจยาว
“วิเกร็งมากนะ” มันบอก
“อืม.....” ผมยอมรับ
“วิคงรักคนนั้นใช่มั้ยครับ”
“อืม.......”
“หึหึ” ไม่รู้หัวเราะทำไม
“ถ้าผมไม่ได้เป็นเดือนคณะ วิคงให้โอกาสผมได้ใช่มั้ย วิคงรักผมได้ใช่มั้ยครับ” มันถามอะไรที่จี้ใจดำ
“อืม.........”
“วิเป็นคนที่บอกผมอย่ายึดติดกับเรื่องหน้าตา ชื่อเสียง แต่วิเองก็ยังไม่ยอมมองข้ามมัน” เข้าเรื่องอีกแล้ว
“ถ้ายังงั้น...ตูนกล้าบอกคนทั้งคณะมั้ยว่าเราเป็นแฟนกัน กล้ามั้ยที่ต้องจูงมือวิไปกินข้าวที่โรงอาหารคณะ” ผมเริ่มบ้างครับ
“วิเป็นคนแสดงออกนะถ้ารักใคร วิไม่แคร์ด้วยว่าโลกจะมองเรายังไง ของๆ วิ คนของวิ....วิก็อยากให้คนอื่นได้รู้” ส่วนหนึ่งของรักคือการครอบครอง หรือการแสดงความเป็นเจ้าของ ตามหลักจิตวิทยาครับ
“................................ผมอาจต้องใช้เวลา” ตูนบอกออกมา ผมไม่ว่าอะไรมันหรอก
“ตูนมีเวลาเท่าที่ตูนต้องการนั่นแหละโอกาสของตูน...แต่ตูนไม่พร้อมหรอก แถมไม่มีความจำเป็นที่         ตูนต้องทำแบบนี้ด้วย ไม่ใช่วิที่ตูนต้องการหรอก เพื่อนๆ ต่างหาก...ปีหน้าวิก็จะหายไปจากชีวิตตูนแล้ว แต่เพื่อนๆ ยังต้องอยู่กับตูนต่อไปอีก อย่าเอานาคตตัวเองมาทิ้ง” ผมเริ่มละครับ
“อะไรที่ทำไปแล้วมันก็คือทำไปแล้ว ย้อนกลับไปเปลี่ยนอดีตไม่ได้หรอกนะ หยุดแค่ตรงนี้เหอะตูน แค่ที่ตูนทำให้มา แค่นี้วิก็รู้สึกดีแล้ว” และสิ่งที่ผมบอกไปคือสิ่งที่ผมต้องการจากมัน เป็นครั้งสุดท้ายครับ ให้เราจบกัน ส่วนตูนเมื่อฟังแล้วก็นิ่งไปไม่พูดอะไร

        ผมดึงสายฝักบัวมาล้างตัวเราสองคนพร้อมๆ กับน้ำสบู่ที่ค่อยๆ ถูกปล่อยให้ไหลออกไปจากอ่าง แล้วผมก็เริ่มร้องไห้
“.....วิรู้ที่ผ่านมา วิทำตัวแย่มาตลอด” ผมบอกมันขณะที่ล้างตัวให้มัน มือสัมผัสหน้าอกที่ผมเคยซุกตัวนอน สัมผัสแขนที่เคยกอดผม
“วิไม่เคยใส่ใจตูน เพราะคิดว่าคนแบบตูนมีคนเป็นร้อยที่คอยใส่ใจ มันกลับกันใช่มั้ยวันนี้ที่ตูนเป็นคนดีแค่ไหน แล้ววิเป็นคนเลวแค่ไหน” และตูนก็อ่อนโยนมากครับที่อุตส่าห์เอามือมาเช็ดน้ำตาแล้วประคองหน้าผมไว้แม้จะไม่มีคำพูดอะไรเลย

     ผมออกจากห้องน้ำตาแดงจากการร้องไห้ หลังจากนั้นก็รีบนอนลงบนเตียงของตูนเพราะผมรู้สึกเวียนหัวมาก มันมานอนข้างๆ ครับ เราอยู่ใต้ผ้าห่มเดียวกันเหมือนเดิม แต่นอนนี้เหมือนมีอะไรสักอย่างมากั้นเราไว้ สักพักตูนก็มากุมมือผมไว้ มือที่อุ่นและแข็งแรง และสักพักตูนก็กอดผมจากด้านหลัง กอดที่ผมคุ้นเคย คนๆ นี้ต้องการโอกาสครับ โอกาสที่จะลืมผม แล้วก้าวต่อไป ผมเชื่อว่าทุกสิ่งรอตูนอยู่แล้วข้างหน้า อนาคต การชื่นชม ชื่อเสียง ความสำเร็จ เหมือนพระจันทร์ที่มีผมเป็นแค่เงาดำจากโลกพาดทับเอาไว้

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #53 เมื่อ23-10-2013 10:37:32 »

เหยดดดดด ดะรามาม่ามากกก เคลียร์ไปแล้วหนึ่ง เหลืออีกสอง แต่ถ้าใช้ตรรกะเดียวกัน วิก็จะคบใครไม่ได้เลยนะเพราะจะจบแล้ว ต้องทิ้งทุกคนไว้กับอนาคตของพวกเขาเองทั้งนั้น แบบนี้คงต้องดูละว่า ใจวิแม่งรักใครที่สุด (แต่เหมือนจะรู้อยู่แล้วเลยแฮะ)

หน่วงๆ แน่นๆ กำลังดี ชอบ!

ปล. แนะนำให้เคาะเว้น enter มากขึ้นจะได้ไม่แน่นไปครับ เช่น enter ทุกย่อหน้า และ enter ทุกสิ้นบทพูด จะได้ไม่งง และอันไหนคนเดียวกันพูด ไม่ต้องแยกบรรทัดครับ อันไหนคนละคนก็แยกซะ เช่น
อ้างถึง
“วิ....ไม่รู้” ผมเบือนหน้าหนีมันครับ

“ผมรู้เราไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ผมชอบวินะ ผมคิดว่าวิก็ชอบผม.....ทำไม” มันดูเริ่มโมโหมากขึ้น

“ตูนยิ่งยุ่งกับวิน่ะ มันจะมีแต่ฉุดตูนลงต่ำนะ....” สุดท้ายผมก็บอกสิ่งที่ผมคิดกับมันไป

“ตูนเป็นเดือนนะ ตูนเป็นคนพิเศษ....ต่างจากวิมากเลย” ผมบอก

“วิ....วิคิดว่าวิธรรมดาเหรอ วิเคยรู้ตัวมั้ยเวลาวิพูดมีคนกี่คนที่หยุดฟังแล้วหันมามองวิ” มันตอบด้วยสิ่งที่ทำให้ผมตกใจครับ “วิบอกว่าวิหน้าตาไม่ดี วิรู้มั้ยมีคนกี่คนที่แอบมองวิ กี่คนที่อิจฉาความสามารถของวิ อีกอย่างเมื่อก่อนตอนเราเจอกันครั้งแรกผมไม่เห็นวิจะใส่ใจเลยว่าใครหน้าตาดีไม่ดี วิด่าผมด้วยซ้ำ สำหรับผมนะวินั่นแหละเป็นคนพิเศษมากๆ”

“ไม่....ไม่ใช่อย่างนั้น” ผมตะกุกตะกัก คำพูดเพราะเริ่มเวียนหัว ตูนเริ่มทำให้ผมเวียนหัว “ไม่....ไม่ได้พิเศษอย่างนั้น วิไม่ได้หน้าตาดี ไม่ได้มีเสน่ห์เหมือนตูน ตูนไม่ต้องพยายามอะไรก็มีคนรัก คนชื่นชม ตูนเคยรู้มั้ยว่าวิเหนื่อยแค่ไหนตูนบอกว่าวิพิเศษแต่วิไม่ได้พิเศษอะไรแบบนั้นเลย ความพิเศษทุกอย่างของวิที่ตูนว่ามามันเกิดขึ้นเพราะความพยายามทั้งนั้น บางทีวิก็อยากอยู่เฉยๆ แล้วมีคนมาชื่นชมแบบตูนบ้าง บางทีวิก็อยากพิเศษแบบคนทั่วไปบ้าง” ผมเถียงเพราะรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

ออฟไลน์ josephine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #54 เมื่อ23-10-2013 11:15:17 »

แนวการเขียนของคนแต่งมีหลากหลายจัง  บรรยายทั่ว ๆ ไป
ก็เหมือนกับวิชาการจ๋า  หนัก ๆ   แต่พอมาถึงบทอัศจรรย์ก็แบบว่า
เหมือนให้อีกคนมาแต่ง  อึ้ง 

เป็นความสัมพันธ์ที่น่าติดตามอ่านจัง   ลุ้น  และเข้าใจ
แต่เรื่องย่อหน้านี่ซิ   อ่านยากเนอะ

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #55 เมื่อ23-10-2013 12:22:17 »

ตามมาจากกระู้แนะนำ
ไม่ผิดหวังจริงๆ
บวกและเป็ดชอบบบบบ
 :mew1:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #56 เมื่อ23-10-2013 12:58:03 »

เรื่องมันยุ่งๆอีรุงตุงนังยังไงไม่รุ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #57 เมื่อ23-10-2013 13:25:52 »

อ่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

เศ้ราอะ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #58 เมื่อ23-10-2013 14:23:49 »

 :hao5:  การบอกเลิกก็เศร้า การถูกบอกเลิกก็เศร้า

สงสารวิ นะตอนนี้ เพราะวิยังต้องบอกอีกหลายคน  :เฮ้อ:

--------------------------------------------------------------
วิธีการลงภาพ รีพลายที่ 5 นะคะ ได้ไม่ได้ยังงัย ถามได้ค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63.0


ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #59 เมื่อ23-10-2013 14:34:40 »

ชื่นชมความคิดของวินะคะในเรื่องเกี่ยวกับตูน เพราะจะอย่างไร ตูนก็ต้องเดินตามเส้นทางอนาคตของเขา คิดว่าเขาคงไม่หยุดอยู่ที่วิเป็นแน่ และวิก็คงไม่ต้องการอย่างนั้น ดีใจที่เห็นวิเริ่มปล่อย

ตอนนี้คำถามที่อยู่ในใจก็คือ (ความจริงก็มีมาตั้งแต่เริ่มแรกอ่านแล้วละค่ะ) ตกลงโย๊ปมีบทบาทอะไรต่อเนื้อเรื่อง จริงๆ แล้วก็แอบเดาไปต่างๆ นานานะคะ แต่ไม่กล้าฟันธงลงไปว่า โย๊ปจะเป็นตัวจริงของวิ อยากให้เนื้อเรื่องบอกเองมากกว่า แต่จะสังเกตว่าหลังๆ มานี้ด้วยปัจจัยหลายประการ โย๊ปเริ่มสนใจในตัววิมากขึ้น แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตามที

เรื่องกำลังสนุกเลยค่ะ  :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด