My Almond Crush....
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Almond Crush....  (อ่าน 44548 ครั้ง)

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #60 เมื่อ23-10-2013 17:36:59 »

เห้ย มีขนไรติดมาด้วยอะ  :laugh: ลองขยายดูนะ ไม่รู้ที่เครื่องสแกนหรือที่กระดาษ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #61 เมื่อ23-10-2013 18:27:04 »

เฮ้ยยย พี่หนึ่งแม่ง 5555555

จริงๆ นี่คิดนะว่า วิ แม่งตอนแรกดู determined มาก เรื่องจะระวังตัวเรื่องผู้ชาย แต่ไปๆ มาๆ แม่งงง แสรสสส ปัญหาเยอะเลย

(อ้าว กูอิน 55555)

วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #62 เมื่อ23-10-2013 20:46:03 »

Oops.....อายจังครับ ขอลบทิ้งไปก่อนแล้วกันนะครับ น่าจะเป็นที่เครื่องแสกนไม่ได้เช็ดครับ 555

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #63 เมื่อ23-10-2013 21:17:05 »

กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  ไหนขนค้า

ออฟไลน์ milky way

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #64 เมื่อ23-10-2013 21:24:17 »

เรื่องน่าสนใจมาก เราชอบการบรรยาย การใช้ภาษา
วิ มีบุคลิกที่ดูมีหลายมิติมาก
ว่าแต่แก้ปัญกาเรื่องตูนไปแล้ว
อย่าบอกน่าว่าท็อปจะเป็นรายต่อไป
น่าสงสาร เด็กน้อยจริงๆ

แอบอยากให้วิสมหวังในชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นคอร์ท
หรือจะเป็นม้ามืด แอบอยากให้เป็นโย๊ป
+1 เป็นกำลังใจให้น่ะ

วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #65 เมื่อ23-10-2013 22:50:21 »

ขออภัยทุกคนในความผิดพลาดของผมด้วยครับ ขนที่ติดอยู่บนสแกนเนอร์นั้นคงจะสยองพอๆ กับเรื่องผีในมหาลัยผมเลยทีเดียว 55555 อย่าเก็บไปฝันร้ายนะครับ

ปล. ด้านล่างของตอนนี้ผมแปะ url จาก youtube ของเพลงประกอบเนื้อเรื่องไว้นะครับ เผื่อยากจะลองฟังกัน แปะแฟลชแล้วขึ้นเป็นช่องว่าง เลยแปะ url ด้วย low tech จริงๆ ครับ 55
"วิ"
................................................................


15( 8 ) But Only Love Can Say (Lonely in the Crowd)


     9.00 ของเช้าวันรุ่งขึ้นอ้อมกอดของตูนกระชับร่างกายผมไว้แน่น ใบหน้าและลมหายใจที่ซอกคอปล่อยกระแสไฟฟ้าไหลไปทั่วร่างกายของผม มือที่ลูบไล้ทำให้ใจผมหวั่นไหว ผมจำเป็นต้องลุกออกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำเพื่อไม่ให้อารมณ์ส่วนนั้นเข้าครอบงำความคิดตัวเอง ขณะที่ส่องกระจกอยู่ในห้องน้ำหัวใจผมกลับรู้สึกว่างเปล่า ผิดกับเวลาที่ผมอยู่ในอ้อมกอดของตูนที่ผมรู้สึกเติมเต็ม คิดถึงแต่ผมกับมัน ทิ้งโลกไว้ข้างหลัง แต่อย่างไรผมคงไม่เดินย้อนกลับไป ผมอาบน้ำ ใส่คอนแท็กเลนส์ แต่งตัวด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ให้ขัดใจไอ้ตูนเล่น แล้วปลุกมันมาอาบน้ำ

เรากินข้าวฝีมือพี่แหววตอนเช้าแล้วเตรียมตัวออกเดินทางไปเที่ยวกรุงเทพฯ ครับ จะไปไหนก็คงแล้วแต่ไอ้ตูนเพราะมันเป็นคนขับรถ แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่ามันยังจะอยากพาผมไปไหนมาไหนอยู่รึเปล่าหลังจากสิ่งที่ผมทำกับมันไว้เมื่อคืน

“ไป วิ” ตูนเรียกผมออกจากบ้าน หลังจากเรากินข้าวเช้าเสร็จสักพัก

“วินัดเพื่อนที่มัฆวานฯ ตอนบ่าย 2 นะ” ผมบอกมัน

“อืม ผมก็ว่าเราน่าจะไปเที่ยวที่อื่นกันก่อน”

“อืมๆ ” แล้วเราก็ขึ้นรถของมันขับออกไป

        ตูนพาผมมาที่เซ็นทรัลเวริ์ดครับ ผมมาที่นี่หลายครั้งเหมือนกันเวลาที่มาซื้อหนังสือในกรุงเทพฯ แต่ผมไม่เคยเดินจนทั่วหรอกครับ รีบมาเพื่อเป็นทางผ่านแล้วก็รีบกลับ แต่วันนี้มันคงพาผมเดินเล่นจนทั่วห้าง ผมขอให้มันพาแวะร้านหนังสือ คิโนะคุนิยะ ผมเลือกหนังสือนานมากกลัวมันบ่นเหมือนกันจนเกือบ 11.30 ผมเลยชวนมันไปหาข้าวกินครับ

“ตูนหิวยัง” ผมถามมัน

“อือ....เฉยๆ อ่ะ วิได้หนังสือแล้วเหรอ” มันถามกลับครับ ตามใจผมดีจริง ป๋าสุดๆ

“อืม.....ไป หาอะไรกินเล่นๆ ก็ได้” แล้วเราก็เดินไปชั้นโรงหนังที่มีฟู๊ดคอร์ทของห้างอยู่  เราแลกบัตรสำหรับซื้อของกินครับ ทั้งที่ตูนมันตั้งใจว่าจะหาแค่ของกินเล่น เราเดินวนกันสัก 2 รอบได้กว่าจะหาที่นั่งได้
“ตูนไปซื้อก่อนเถอะ เดี๋ยววิจองที่ให้” ผมปล่อยให้ตูนเดินไปซื้อของกินก่อน ตาก็มองดูบรรยากาศในฟู๊ดคอร์ท กับโซนช๊อปปิ้งของห้างที่อยู่ติดกันคนเยอะมากครับ เดินไหลเหมือนมดที่ออกมาจากรังเป็นร้อย เดินผ่านกันไปมา
   
        ในทางสังคมวิทยาเรามีแนวคิดเรื่อง ความโดดเดี่ยวในฝูงชน หรือที่เรียกภาษาอังกฤษว่า lonely in the crowd หรือ the lonely crowd ครับ หมายความว่าคนเราในยุคปัจจุบันไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเลยแม้จะมาอยู่รวมกันเป็นพันๆ คนในสถานที่เดียวกัน พวกเขาไม่รู้จักกัน ไม่สนใจกัน ทำให้เรารู้สึกอ้างว้างแม้จะอยู่ท่ามกลางคนนับพัน ผมคงจะเป็นหนึ่งในนั้นครับ แต่ตูนที่กำลังเดินกลับมาที่โต๊ะช่วยให้ผมไม่ต้องเป็นหนึ่งในนั้น และผมก็ไม่ลืมที่จะบอกเรื่องนี้ให้ตูนจำไว้ อีกไม่กี่ปีมันก็คงต้องเรียนเหมือนกัน

“บางเรื่องวิก็ไม่ยอมเปลี่ยนเลยนะ....” มันล้อผมหลังจากผมบังคับให้มันจำคอนเซ็ป โลนลี่ อิน เดอะ คราวด์

“.................................” บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอย่างไร แล้วผมก็รู้สึกว่าตลอดเวลาที่เรากินข้าวมันมองผมแปลกๆ

        12.30 เราออกจากห้างเซ็นทรัลเวริ์ดเพื่อเดินทางไปสะพานมัฆวานฯ วันนี้รถไม่ค่อยติด แต่ตูนมันบอกว่าอาจจะหาที่จอดรถยาก เพราะถนนบางเส้นปิดครับ จนที่สุดแล้วตูนแอบเอารถไปจอดที่อาคารสกอ. เก่า แล้วเราก็เดินต่อกันไปอีกหน่อยจนถึงสะพานมัฆวานฯ หลังเวทีปราศัยของกลุ่มพันธมิตรฯ ลักษณะของการชุมนุมค่อนข้างเหมือนงานวัดเลยครับ มีการจัดของขายทั้งของกินเล่นคลายหิว ส่วนของหนักจะมีเต๊นท์ที่ทำแจกฟรี มีน้ำหวานขาย มีเสื้อผ้า ผ้าโพกหัวสีเหลือง มือตบ ไปจนกระทั่งหนังสือนิยายที่เขียนล้อนักการเมือง 

“แนนนี่ เป็นไง มานานยัง” ผมเดินไปทักเพื่อนผมที่เริ่มทยอยมารอกันที่หน้าอาคารสหประชาชาติครับ โดยมีไอ้ตูนเดินตามมาข้างหลัง ทักทายเพื่อนผมบ้างตามประสา แนนนี่ถึงกับตาโต แต่เมื่อทุกคนมาครบเรากลับตัดสินใจเดินแยกกันครับ เพราะเราเป็นกลุ่ม 20 กว่าคน เพราะบางคนก็พาผู้ติดตามมาด้วยแบบผม ฮ่าๆๆ

“วิมานี่สิ” ตูนมันจูงมือผมไปร้านค้าข้างๆ แล้วซื้อผ้าโพกหัวสีเหลืองมา 2 ผืนครับ ผืนหนึ่งของผม ผืนหนึ่งของมัน มันเอาผ้ามารัดผมให้ผม แบบที่แม่บ้านฝรั่งชอบมัด ผมอายๆ อ่ะครับ
“ผ้าสีเหลือง ผมวิสีน้ำตาลส้ม เหมือนคบไฟเทวีเสรีภาพเลย 555” ตลกละครับ ใครจะเหมือนมันที่ใส่อะไรก็ดูดี ยอมรับครับขนาดเอาผ้าเหลืองโพกหัวไว้

“เดินไปดูที่อื่นเหอะ” ผมบอกมันเพราะสังเกตสายตาป้าเจ้าของร้านที่มองเราแบบว่า คนหนุ่มสมัยนี้ แต่ผมคิดผิดครับ เพราะมันจูงมือผมไปทุกที่ในม็อบพันธมิตรฯ

    เดินไปสักชั่วโมงกว่าๆ สำรวจทัศนภาพโดยรอบและการจัดการม็อบ พร้อมๆ กับบรรยายแนวคิดต่างๆ ให้ไอ้ตูนฟังไปด้วย แม้เหมือนว่ามันจะไม่ได้สนใจที่ผมพูดครับ เราเริ่มร้อนและเหนื่อยครับ ผมเลยชวนตูนไปซื้อน้ำหวาน ของกินเล่น แล้วเราก็ไปนั่งฟังปราศัยที่หน้าเวที ซึ่งตอนนี้มีการปราศัยสั้นๆ สลับกับการแสดงดนตรี และแม้ตอนที่ผมนั่งลง ก็ไม่วายที่ตูนมันจะกุมมือ ผมไว้ ผมอยากจะให้มันหยุดทำแบบนี้ แต่ผมไม่เข้มแข็งพอครับ รู้สึกว่าตัวเองเวียนหัวทุกครั้งที่คิดจะบอกให้มันหยุด เรานั่งฟังกันไปจนฟ้ามืด เพื่อนๆ ผมโทรมาบอกว่าจะกลับโรงแรมกันแล้ว แต่ผมบอกว่าจะอยู่ต่อให้เพื่อนๆ กลับกันไปก่อนได้เลย ตูนขยับเข้ามานั่งใกล้ผมมมากขึ้น โอบหลังผมไว้จนเหมือนเราจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน

“เพลงแนวนี้เพราะดีเหมือนกันนะ ผมไม่เคยฟังเลย” มันหันมาพูดเสียงหวานกับผมท่ามกลางคนเป็นพันที่ห้อมล้อมเราอยู่ในการชุมนุม เพลงชื่อว่า ดอกไผ่บาน ของคาราบาว กับปาน ธนพรครับ

“อืม........” แล้วผมก็เสียน้ำตาให้กับเนื้อเพลงนั้นครับ (ลองหาฟังในยูทูปแล้วกันนะครับ)

“ดอกไผ่บานพยานแห่งรัก บานเพื่อลาจาก เจ้าจงปล่อยวาง
ความเข้มแข็งจะคอยเข้าข้าง ความอ่อนแอจะต้องแพ้พ่าย
ดอกไผ่งามเบิกบานในใจ ยังเฝ้าเก็บไว้เพื่อใครคนนั้น
นานเท่าใดคงไม่สำคัญ จะคอยเติมฝันถึงวันที่ดอกไผ่บาน
…………………………………………..
นานเท่าใดคงไม่สำคัญ จะคอยเติมฝันถึงวันที่ดอกไผ่บาน”


       ตูนเอามือมาเช็ดน้ำตาให้ผมแล้วดึงผมเข้าไปซบมันครับ และผมก็ไม่รู้จะปฏิเสธมันอย่างไร เพราะอีกใจหนึ่งผมก็เรียกร้องใครสักคนในเวลาที่ผมอ่อนแอ แล้วมันก็จูบผม จูบที่นุ่มนวลมากเลยครับ จนผมทำตัวไม่ถูก ผู้ชุมนุมที่อยู่รายล้อมเราก็ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ ท่ามกลางฝูงคนนับพันเราสองคนเหมือนกับเป็น โลนลี่ อิน เดอะ คราวด์ ครับ พวกเขาไม่รู้จักเรา เราไม่รู้จักพวกเขา บางทีผมคิดว่าถ้าเราไม่ได้เรียนคณะเดียวกัน ไม่ได้เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน ไม่มีสายตากับความคาดหวังของคนอื่นมองมาที่เรา  และถ้าผมไม่ได้พบกับคอร์ทก่อน หรืออาจจะรวมท็อบด้วยอีกคน คงอาจมีสักทาง และมีสถานที่สักแห่งที่เราจะรักกันได้เหมือนคนรักทั่วไปจริงๆ

“ตูนอยากได้โอกาสนะครับ” มันบอกผมเสียงหวาน ผมร้องไห้ไม่หยุด ซับน้ำตาไปบนอกมัน

“วิต้องการเวลาน่ะ” ผมบอกมัน

        ไม่นานเราก็กลับมาที่บ้านของตูน โดยที่พี่แหววเตรียมอาหารเย็น (ค่ำ) ไว้ให้เราแล้ว แต่ผมกินอะไรไม่ลงหรอกครับ ผมขออนุญาตตูนไปเข้าห้องน้ำเพื่ออ้วกเอาความอ่อนแอของตัวเองออกมา เราต่างคนต่างอาบน้ำ แล้วมานอนบนเตียงเดียวกัน ผมนอนในอ้อมกอดมันพร้อมกับน้ำตา ผมคิดมากครับว่ามันจะเสียใจเพราะผมบ้างหรือเปล่า ผมไม่เคยเห็นน้ำตาของมันเลยแม้แต่หยดเดียว ผมเห็นแต่รอยยิ้มของมัน ผมปล่อยให้มันจูบปลอบผม ผมจูบตอบมัน ในใจผมนับถอยหลังผมมีเวลาวันพรุ่งนี้เหลืออยู่กับมันแค่วันเดียว แค่วันเดียวเองกับคนที่รักผมมากขนาดนี้ กับคนที่ผมหลบไปหาและคอยเป็นที่พึ่งพิงให้ผมเวลาที่อ่อนแอ


http://www.youtube.com/v/aOXRNEQWxdQ?hl=nl_NL&version=3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-10-2013 23:19:31 โดย Poes »

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #66 เมื่อ23-10-2013 22:55:39 »

ใช่ บางทีเจ็บมากเกินมันก็ด้านชาจนต้องยั้งคิดเสียบ้าง
ชอบวิ แต่ก็แอบสงสารตูน
เอาวะ หาใหม่ดีกว่ามั้ย 555
ล้อเล่น อยู่ที่วิตัดสินใจล่ะ
 :hao5:
ปล่อยเป็ดแทนคำขอบคุณ
กดบวกยังไม่ได้ รอ 24 ชม. แป๊บ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #67 เมื่อ23-10-2013 23:20:56 »

แล้วก็ยังเศร้าต่อเนื่อง  :hao5:

----------------------


แก้วีดีโอ ให้แล้วนะ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #68 เมื่อ23-10-2013 23:38:07 »

คืนนี้แค่คิดอยากหาเรื่องสั้นๆอ่านก่อนนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า เลยเจอนิยายเรื่องนี้ที่อัพแค่สามหน้า กะว่าใช้เวลาไม่นานก็คงจบ
แต่กลายเป็นว่านั่งอ่านไม่ขยับตัวไปไหนเกือบค่อนคืน ทำใจอ่านไม่จบไม่ได้ค่ะ คุณวิเขียนได้น่าติดตามมากๆ o13
ส่วนตัวชอบตอนที่วิเล่าเรื่องมากกว่านะ อ่านแล้วอินกว่าตอนโย๊ปเล่า ก็มันเป็นเรื่องของวินี่เนอะ :katai3:
เคยไปมหาวิทยาลัยของวิอยู่ค่ะ ก็เลยนึกภาพตามได้ แต่ตอนเล่าเรื่องผีกัน นั่งเสียวหลังวาบๆเลยอ่ะ เราก็กลัวเหมือนทรีเลย  :hao5:
ปกติไม่ชอบคนเจ้าชู้นะ แต่เรารู้สึกว่าวิไม่ได้เจ้าชู้หลายใจหรอก แต่เรียกว่าอะไรบรรยายออกมาไม่ถูก รู้สึกเห็นใจว่าวิไม่สามารถวางใจไว้กับใครซักคนได้เลย มีความสุขกับสภาพนี้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ถ้าต้องอาเจียนทุกครั้งเวลารู้สึกรักหรือเศร้า สำหรับเราไม่น่าจะใช่ความสุขนะคะ ก็เดามั่วกันไป :hao6:
คุณวิว่าไม่อยากเขียนให้เป็นนิยายดราม่า แต่เราว่ามันใช่เต็มๆ เรื่องไหนที่ทำเราน้ำตาคลอได้เราว่าดราม่าหมดแหละ
กดบวกแทนคำขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆ (แม้จะเศร้าก็เหอะ :mew6:) รออ่านตอนต่อไปนะคะ :)

ออฟไลน์ Damon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #69 เมื่อ24-10-2013 00:32:26 »

ตาโหลไม่หลับไม่นอน ขอตามเก็บก่อน...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My Almond Crush....
« ตอบ #69 เมื่อ: 24-10-2013 00:32:26 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Tomates

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #70 เมื่อ24-10-2013 02:53:46 »

วิคงต้องการเวลาเพื่อค้นหาคำตอบของตัวเองสินะคับ   :กอด1:

ออฟไลน์ hotoil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #71 เมื่อ24-10-2013 06:55:22 »

วิน่าสงสารอ่ะ บางครั้งทางออกถ้าใจไม่แข็งจริงก็ทำไม่ได้
เนื้อตอนนี้กำลังเข้มข้น ทั้งตูน คอร์ท ท๊อป
แต่วิรักคอร์ทมากเลยเปลี่ยนขั่วสินะ ฮ่าๆ สำหรับคอร์ทเลยเป็นแบบ 2in1 เลย

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #72 เมื่อ24-10-2013 08:06:24 »

 อย่าหักมุมว่าวิป่วยนะ อ้วกบ่อยเหลือเกิน

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #73 เมื่อ24-10-2013 10:27:44 »

อย่าหักมุมว่าวิป่วยนะ อ้วกบ่อยเหลือเกิน

คิดเหมือนกันเลยค่ะ

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #74 เมื่อ24-10-2013 12:56:30 »

แหม่... ติดซะแล้วนะครับเนี่ย!!!!

ออฟไลน์ xeruoh

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #75 เมื่อ24-10-2013 13:37:11 »

เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ มีคนแนะนำมาอีกที
แล้วก็ไม่ผิดหวัง ฮ่าๆ สนุกแบบหน่วงๆ
สงสาร"วิ" นะ บางทีก็เข้าใจ บางทีก็ไม่เข้าใจ"วิ"

แต่อ่านไปแล้วสงสารซะจริง

อาการที่อยากอ้วกเวลาเครียดหรือเจอเหตุการณ์อะไรแบบนั้น
เป็นโรคอะไรรึเปล่าอะ หรือเพราะเครียดเฉยๆ

รอติดตามตอนต่อไป
 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #76 เมื่อ24-10-2013 17:45:02 »


ส่งตูนมาทางนี้คะ

ออฟไลน์ t152_rakjai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #77 เมื่อ24-10-2013 20:30:23 »

ตามทันแล้ว :katai2-1:

วิ เป็นตัวละครที่เราเดาความคิดไม่ออกเลย  ในบ่างเวลาที่เราคิดว่าวิจะต้องทำแบบนี้แน่เลย แต่กลับเป็นอีกแบบทีเราคิดไม่ถึง

เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์มาก :mew3:

รอตอนต่อไปค่ะ :mew1:

วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #78 เมื่อ25-10-2013 12:29:07 »

ผมรู้สึกกดดันมากครับตอนที่คิดว่าจะลงตอนนี้ กลัวมันจะดราม่า (ดราม่าไม่ใช่แนวผมครับ) ใจจริงอยากจะข้ามๆ ตอนนี้ไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่กลัวว่ามันจะทำให้เรื่องราวไม่สมบูรณ์ ในตอนท้ายๆ ของเรื่องมีเพลงเพราะ ความหมายดีของคณะผมอยู่ครับ คิดว่าหลายคนเคยฟัง หลายคนอาจไม่เคยฟัง คิดว่าจะร้องแล้วอัดไฟล์เสียงมาลงให้ แต่กลัวคนอ่านจะตายครับ เพราะเสียงผมเหมือนหมาโดนฟาดมาก

ปล. ขอบคุณทุกคอมเม้นกำลังใจมากนะครับ ขอบคุณจริงจริง ลองอ่านตอนนี้แล้ววิจารณ์กันต่อครับ
สำหรับคุณ Poes ขอบคุณเรื่อง วีดีโอมากครับ ถ้าอย่างไรแนะนำได้ครับคราวหน้าจะได้ไม่เป็นการรบกวน

ขอบคุณมากครับ
"วิ"
........................................................................


15(9) But Only Love Can Say (ความทรงจำ....รักอักษรา)

     วันอาทิตย์ วันสุดท้ายที่ผมจะอยู่กับไอ้ตูนมาถึง ผมตื่นเช้าไปเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมานอนอ่านหนังสือเล่นบนเตียง ปล่อยตูนให้หลับต่อไปเรื่อยๆ จนเกือบ 8.00 ผมชักเริ่มอยู่ไม่สุขเลยมองหน้ามัน ตอนมันหลับหมดสภาพเหมือนกันครับ หน้าแบบว่ามองไม่รู้เลยว่าเป็นเดือนคณะ แต่หน้าแบบนี้แหละผมชอบ ดูเป็นธรรมชาติดี ผมดมกลิ่นจากไรผมมันเหมือนที่ทำกับคอร์ท กลิ่นต่างกันแต่ก็ใช้ได้ ใช้บรรเทาความเครียด แต่มันเมื่อยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ผมเลยเดินลงไปข้างล่างครับ ยังไม่ได้เดินเล่นรอบๆ บ้านมันเลยตั้งแต่ได้มาค้าง แต่สวนที่บ้านมันจัดไว้ห่วยมาก เหมือนคนไม่ใส่ใจปลูกต้นไม้ ยังดีที่ต้นไม้เขียวซึ่งคงเป็นเพราะวี่แหววคอยรดน้ำให้

“น้องวิ....หิวข้าวรึยังคะ” เสียงพี่แหววเรียกเมื่อผมเดินไปทางหลังบ้านที่อยู่ติดกับครัว

“นิดหนึ่งครับ” ผมตอบเพราะเมื่อคืนไม่ได้กินข้าวเย็น ตูนมันเลยพาลไม่กินเป็นเพื่อนผม ป่านนี้ถ้ามันตื่นมันคงหิวไส้ขาด

“น้องวิตื่นเช้าจัง เด็กสมัยนี้ส่วนใหญ่ตื่นสายนะ” พี่แหววถาม

“เพราะผมตื่นเช้าจนชินมั้งครับ”

“น้องตูน ยังไม่ตื่นใช่มั้ยคะ น้องวิจะมาทานข้าวก่อนก็ได้ค่ะ ตอนนี้เพิ่งทำเสร็จ กำลังร้อนๆ” พี่แหววเสนอ

“ครับๆ” แล้วผมก็คิดอะไรสนุกๆ ที่ไม่ควรคิดได้ ในชีวิตนี้ผมไม่เคยป้อนข้าวให้ผู้ชายบนเตียงเลย อย่างมากก็แค่เช็ดตัวให้เวลาไม่สบาย ผมเลยตักข้าวไปเผื่อตูนครับ ยกขึ้นไปกินบนห้องนอนกับมันเลยแล้วกัน

“ตูน....ลุกมากินข้าว” ผมเรียกมัน เอามือตีแก้มเบาๆ สังเกตว่าแก้มมันมีรอยป่องนิดๆ แบบเดียวกับรูปเด็กผู้ชายจ้ำม่ำที่ผมเห็น 2-3 รูปในบ้านมัน แล้วตูนมันก็ตื่นขึ้นมาแบบงงๆ ครับ อ่าๆ คงแปลกใจ

“สายแล้วเหรอ...จะไปแล้วหรอวิ” มันถามก่อนจะลืมตาซะอีก

“ป่าวเช้าอยู่เลย...ลุกมากินข้าว” ผมตักข้าวกับเนื้อให้มัน มันก็งงๆ อีกครับ ผมเลยตักใส่ปากตัวเองซะ
“จะกินมั้ย” ผมย้ำ แล้วตักให้มันใหม่

คราวนนี้มันอ้าปากแล้วงับช้อน มันกึ่งนั่งกึ่งนอน ค่อยๆ เคียวข้าวแล้วกลืน ผมรู้สึกว่าช่วงเวลาที่มันเคี้ยวนั้นนานเหลือเกิน และมันไม่เคยละสายตาจากหน้าผมเลย จนผมเริ่มเวียนหัว

“วิทำแบบนี้กับผมทำไม” เสียงมันสั่นมาก แล้วผมก็เห็นน้ำตามัน วินาทีนั้นผมตกใจมากและคิดว่าตัวเองเพิ่งทำเรื่องที่โง่เง่าที่สุดลงไป ผมแค่อยากจะใช้วันสุดท้ายของเราให้น่าจดจำ แต่นั่นคงไม่ได้หยุดความจริงที่ว่าผมกำลังจะหายไปจากชีวิตมัน รู้สึกตัวอีกทีผมก็วิ่งออกมานอกห้องแล้วครับ ตูนตามมาทันผมที่บันได แล้วกอดผมไว้แน่นจากข้างหลัง

“อย่าเพิ่งทิ้งผมไปได้มั้ย...วิ” มันกอดผม ใบหน้าของมันที่แนบกับลำคอผมทำให้สัมผัสได้ถึงน้ำตา มันคงเสียใจมากเหมือนกัน ผมน่าจะรู้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมหยุดนิ่งอยู่กับที่ในช่วงเวลานั้นปล่อยให้ไอ้       ตูนกอดไว้ คิดไม่ออกว่าควรทำอะไรต่อไป

“............................................”

“อืม.....” ผมตอบ แล้วหันไปเผชิญหน้ากับตูน แล้วมันก็จูบผม ผมจูบตอบ ผมคิดถ้าเราดูหนัง หรือละครมากๆ คงคิดว่าจูบเป็นเรื่องของความสุข ความยินดี หรือการบังคับ (ในละครน้ำเน่า) แต่ผมรู้แล้วเหมือนกันว่าจูบที่มีแต่ความเศร้านั้นเป็นอย่างไร  ผมไม่รู้ต่อไปอีกแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับตูนนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร มันเรียกว่าอะไร เหมือนต้นไม้ที่ไม่โดนแสงอาทิตย์ล่ะมั้ง แต่ก็ยังดันทุรังที่จะโตใบเหลืองซีด กิ่งก้านหงิกงอ กินพลังชีวิตของมันเองไปเรื่อยๆ แล้วสุดท้ายก็ตายในความมืด อาจเป็นเพราะเราสองคนปฏิเสธกันตั้งแต่แรกพบว่า มีบางอย่างที่อาจจะเรียกว่าความรักเกิดขึ้นระหว่างเรา ความรักที่โตขึ้นโดยไม่เคยได้รับการใส่ใจ ตอนนี้มันกำลังจะตายจากไปแล้ว และผมก็ยืนอยู่บนทางแยกที่ไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ

“ผมรักวิ...ผมยังไม่พร้อม................” มันคร่ำครวญต่อ แต่ผมไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้จะต้องปลอบมันอย่างไร

“อืม.....” แล้วความเงียบก็กลับมาครอบงำเราสองคน ทุกครั้งที่ผมเสียใจ ผมจะกลั้นน้ำตา และเมื่อผมเสียใจมากขึ้น ผมกลั้นน้ำตาไม่ไหวผมจะร้องไห้ แต่การที่เราสองคนกำลังกลั้นน้ำตาอยู่ตอนนี้ ในใจผม และอาจจะในใจของตูนด้วยกำลังกรีดร้องอย่างทรมาน เหมือนกับว่าความเงียบนั้นแผดเสียงดังยิ่งกว่า คำพูดของเรา

        ผมจูงมันกลับเข้าไปกินข้าวในห้องนอน บรรยากาศดูเศร้ามาก ผมรู้สึกเวียนหัวตลอดเวลา ผมเลยรีบไล่มันไปอาบน้ำหลังจากที่มันกินข้าวเสร็จ สักพักมันก็กลับมาแต่งตัวในห้อง

“วิจะไปมัฆวานฯ กี่โมง” ตูนถามผม ตอนที่มันกำลังใส่กางเกง

“ไม่ไปอ่ะ....ไม่อยากไป” ผมบอกมันว่าจะไม่ไปม็อบพันธมิตรฯ แล้ว วันนี้ เวลานี้ไม่มีอารมณ์ทำอะไรจริงๆ

“อะไรนะ...” ตูนมันดูตกใจ

“ก็โดดไง เบื่อ วันนี้ไม่มีอารมณ์ นอนอยู่บ้านนี่แหละ เย็นแล้วค่อยกลับมหาลัย” ผมบอก พร้อมๆ กับมองหน้ามัน ทำอย่างกับไม่เคยโดดเรียน

“ไม่น่าเชื่อเลย เด็กเรียนจะ...555” มันล้อ ท่าทางจะไม่รู้จักตัวจริงผม ผมน่ะนักหลับในห้องเลย ฮ่าๆๆ

“อยู่บ้านกันจะทำอะไรดีล่ะครับ” มันถามล้มตัวลงนอนข้างๆ ผม

“......นั่นสิ”  แล้วมันก็พลิกตัวมาคร่อมผมไว้แล้วจูบนุ่มนวลเหมือนเมื่อวาน แต่มือของมันลูบไล้ไปตามเนื้อตัวผม ผมไม่ขัดขืนมันหรอกครับ ถือว่าเป็นของของขวัญส่งท้ายแล้วกัน

“วิ.......” เมื่อมันเรียกชื่อผม

“อืม......”

     เรานอนกันอยู่ในห้องนั้นต่อไปทั้งวันไม่คิดจะทำอะไร คุยกันบ้าง หลับในอ้อมกอดของกันและกันบ้าง ผมเกิดมาเพิ่งเคยทิ้งผู้ชายครั้งนี้เป็นครังแรกครับ ผู้ชายที่ผมไม่เคยคิดว่าเป็นของผมเสียด้วยซ้ำ และผมเองก็มีนิสัยเสียมาตลอดคือการชอบกำหนดทางเดินให้คนอื่น ผมเลือกทางเดินให้มัน ทางเดินที่มันจะไม่มีผม ผมเคยอ่านนิยายกำลังภายในจีนครับ เรื่อง เอี้ยก่วยเจ้าอินทรี ซึ่งเป็นเรื่องที่พระเอกนางเอกมีความรักต้องห้ามระหว่างศิษย์และอาจารย์ ในตอนหนึ่งทั้งคู่บาดเจ็บสาหัสนางเอกถูกธาตุไฟเข้าแทรกขณะเดินลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บจนหมดทางรักษา ส่วนพระเอกที่ถูกพิษแทรกซึมแต่ยังพอมียารักษาอยู่บ้าง ด้วยความที่พระเอกไม่อยากจะมีชีวิตต่อโดยลำพังจึงไม่ยอมกินยารักษา ดังนั้นเพื่อหาทางออกนางเอกจึงโกหกพระเอกด้วยการเขียนข้อความว่าอีก 16 ปีพบกันใหม่แล้วกระโดดหน้าผาตาย หวังว่าเวลา 16 ปีจะทำให้พระเอกหมดรักตนและไม่ฆ่าตัวตายตาม สุดท้ายแล้วเวลา 16 ปีผ่านไป พระเอกกลับมาตามคำสัญญาเมื่อไม่พบนางเอกจึงรู้ว่านางเอกโกหก และกระโดดหน้าผานั้นตายตาม (ลองหาอ่านกันนะครับ ไม่อยากเล่าให้ฟังทั้งหมด) เหมือนกับผมที่พยายามเลือกทางเดินให้คนอื่นโดยที่ผมเองก็ไม่มั่นใจว่าผลสุดท้ายแล้วมันจะดีหรือจะร้ายอย่างไร

        ช่วง 4 โมงเย็นเราก็เก็บของแล้วบอกลาพี่แหววเพื่อเดินทางกลับมหาลัย ในบางส่วนของหัวใจผมก็คิดว่าผมยังไม่อยากกลับไปเลย นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมคิดว่ายังไม่อยากกลับมหาลัย แปลกตัวเองจริงๆ ส่วนตูนก็ขับรถแบบไม่รีบร้อนครับ มีแวะปั๊มเข้าห้องน้ำบ้าง ซื้อกาแฟ กับขนมบ้าง ระหว่างที่เราคุยกันอยู่บนรถในเรื่องต่างๆ ที่เราไม่เคยได้เรียนรู้กัน เช่น เพื่อนมีกี่คน เป็นคนอย่างไรบ้าง เรียนอะไร หรือทำกิจกรรมอะไรบ้าง ผมกลับนึกถึงคำพูดของอาจารย์บุหงาขึ้นมาได้  อาจารย์บุหงาเป็นอาจารย์ภาคการละครครับ อาจารย์ไม่เคยได้สอนผม เราไม่ถูกกันด้วยซ้ำเพราะผมต่อต้านระบบ SOTUS ในขณะที่อาจารย์สนับสนุนระบบ SOTUS แต่คำพูดนี้ของแก ผมคิดว่าให้ข้อคิดดีมากครับ

“คณะอักษรฯ เรา มีสีประจำคณะคือสีฟ้า ดังนั้นเด็กอักษรฯ ทุกคนจึงอยู่บนฟ้า ทุกๆ คนเป็นดาวและเดือน ไม่มีใครเหนือหรือสูงส่งกว่าใครด้วยหน้าตา” ผมคิดว่าบางทีคนที่เข้าใจความหมายของมันมากที่สุดควรจะเป็นผมมากกว่าตูน เพราะผมไม่ควรมองตูนเป็นเดือนคณะ ควรจะมองมันเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ผมอาจจะรักได้

ประมาณ 19.30 เราขับรถกลับมาถึงมหาลัย อาจเพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ผู้คนที่เดินผ่านไปมาจึงดูบางตา แต่ก็ดีครับ

“วิจะให้ผมไปส่งไหนครับ ไปหอมั้ย” ตูนถามเมื่อมันเลี้ยวรถเข้าประตูหน้ามหาลัย

“ไปจอดหน้าศาล (พระภูมิ) คณะเหอะ.....” ผมบอกตูน มันเลยขับตรงมาลานจอดรถที่ศาลคณะซึ่งว่างเปล่า ผิดกับช่วงเวลาราชการที่จะมีรถจอดอยู่เต็มไปหมด
“จะลงมาเดินเล่นกันแป๊บนึงมั้ย” ผมถามตอนที่มันดับเครื่องรถ แล้วผมก็หยิบกระเป๋า ออกมา

“อืม....”

        ผมจูงมือพาตูนเดินผ่านสวนหินเข้ามาที่ลานพิกุลหน้าภาคฯ ผม ลานพิกุลเป็นสถานที่พิเศษสำหรับผมมากๆ ครับ เพราะความรู้และตัวตนทั้งหมดของผมก่อเกิดขึ้นที่นี่ และตูนก็เป็นคนพี่เศษเหมือนกัน ผมจูงมือมันเดินต่อไปที่ลานทรงพล ลานปูนเก่าๆ ที่เด็กผู้ชายอักษรฯ ใช้เป็นที่รับน้อง ผมเสียใจนะครับที่ตอนตูนรับน้องผมไม่ได้มาใส่ใจเลย เพราะผมเอาแต่เก็บตัวเพื่อหลบข่าวฉาวระหว่างผมกับรูมเมท การที่ผมพามันเดินมาที่ลานทรงพลนี้ ผมอยากจะให้เรากลับไปเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันเหมือนเก่าได้

“พาผมมาลานทรงพล จะรับน้องผมเหรอครับ...พี่วิภพ ยบแล้วเลิกเค็ด” แล้วมันก็เล่นจนได้ แถมไปหาชื่อฉายาผมมาได้ด้วย หามาจากไหนเนี่ย

“จะเอามั้ยล่ะครับ น้องตูน หัวคูนเท่าบอลลวย...เป่าให้แล้วพองได้ด้วย” ผมแซวมันกลับด้วยฉายามัน พร้อมกับประโยคสร้อย เพราะตูนมันเป็นคนดังฉายามันเลยเป็นที่รู้จักเยอะครับ

     จริงๆ แล้วที่ผมพามันมาเดินเล่นที่คณะเรา คงเป็นเพราะผมอยากมานั่งเล่นกับมันสองคนที่สะพานข้ามดาวครับ สะพานข้ามบ่อน้ำที่เชื่อมระหว่างภาควิชากับอาคาร 50 ปี และบนสะพานข้ามดาวนี้ในวันที่ผมรับปริญญาจะมีน้องๆ ปีหนึ่งมายืนเรียงแถวด้านซ้ายและขวาเป็นสัญลักษณ์การอำลาพี่บัณฑิตโดยน้องใหม่ ปีหน้าก็จะเป็นเวลาของผมแล้ว เมื่อเรานั่งลงพร้อมๆ กับที่ผมคิดว่าจุดจบของเรากำลังจะมาถึงผมก็นึกทบทวนถึงจุดเริ่มต้นครับ ตั้งแต่ผมเป็นเด็กมัธยมเดินทางมาสอบสัมภาษณ์ เป็นนักศึกษาปีหนึ่งมารับน้อง มาหาเพื่อน เป็นเด็กกิจกรรมการเรียน มาสัมมนา อภิปราย เป็นกลุ่มร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง และเช่นกันผมมาที่นี่และได้เจอกับความรัก ความเสียใจ ซึ่งคงเหลือไว้เพียงความทรงจำ คณะอักษรฯ เรามีเพลงที่ร้องกันเพลงหนึ่ง ที่ผมว่ามันไพเราะมาก และผมยังคงจำท่วงทำนอง และเนื้อร้องของมันได้มาจนทุกวันนี้ เพลงนี้ชื่อว่า ความทรงจำครับ

“แพรดาวพราวใดอันสวยเด่น.....จันทร์เพ็ญพริ้งพรายระย่อแสง
พ่ายรักอักษรามาแสดง....ล้วนรู้แจ้งชัดในดวงใจเรา
โอ้....ลานทรงพลความหลังรั้งดวงจิต.....ช่วงชีวิตผูกพันมั่นแนบเนาว์
ลมจางๆ พัดผ่านสะพานข้ามดาว....ทุกเรื่องราวที่ยังขลังในใจ
ที่สระแก้ว...เธอจะเห็นเส้นขอบฟ้า....ที่แววตาเธอคงเห็นเป็นฉันใช่มั้ย
เชื่อมโยงรักอักษราพาหัวใจ.....โบยบินไปเหนือฟากฟ้า......(ชื่อมหาลัยผม)......
บ้านสีฟ้า หลังคาสีเขียว.....ความกลมเกลียวเป็นหนึ่งทุกยาม
ยิ่งวันผ่าน เธอจะพบสิ่งสวยงาม....ซึ่งนี่คือนิยาม....ของความทรงจำ”

     ผมนั่งจับมือกับตูน พระจันทร์ของผมสักพัก กลางคืนที่มืดมิดตูนมันขาวเหมือนพระจันทร์มากจริงๆ ครับ ผมจูบหน้าผากมัน ลูบใบหน้าของมัน อยากจะมองหน้ามันแบบนี้เป็นครั้งสุดท้าย

“กลับเหอะตูน ไปพักผ่อนซะ ขับรถมาเหนื่อยแล้ว” ผมปล่อยมือแล้วบอกให้มันกลับ

“แล้ววิล่ะ” มันถาม

“เดี๋ยวนัดเพื่อนมารับน่ะ”

“ให้ผมไปส่งหอเถอะมืดแล้ว”

“ไม่เป็นไร....” ผมย้ำมันอีกที ด้วยน้ำเสียงปฏิเสธ

“ผมจะได้เจอวิอีกมั้ย” มันถามผมขณะที่มันลุกขึ้นยืน

“เจอสิงานรักแห่งสยามไง ในคณะก็คงเจอหน้ากันบ้าง” ผมบอกมันแล้วยิ้ม

“อืม......ผมไปก่อนนะ” มันก้มลงจูบปากผมเบาๆ แล้วค่อยๆ เดินลงไปจากสะพานข้ามดาว ผมมองตูนเดินลับไปด้วยดวงตาที่พร่ามัวเพราะน้ำตา ไปเถอะตูนใจของผมส่งเสียงร้อง ไปพร้อมกับความหวังดีทั้งหมดของผม

     ผมเวียนหัวจนเดินตรงๆ ไม่ค่อยได้ครับ ผมประคองร่างกายตัวเองมาที่โคนต้นไม้ตีนสะพานข้ามดาว อ้วกเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่มีผมให้ไอ้ตูนออกมาให้หมด แล้วก็น้ำตาที่ไม่หยุดไหล ผมสัญญาว่าวันนี้ ผมจะร้องไห้ให้ไอ้ตูนเป็นวันสุดท้าย


ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #79 เมื่อ25-10-2013 12:40:34 »

เจ็บ แต่ จบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: My Almond Crush....
« ตอบ #79 เมื่อ: 25-10-2013 12:40:34 »





Kirimanjaro

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #80 เมื่อ25-10-2013 13:59:14 »

wew...

เรื่องนี้อึ้งมากครับ
มันลึก  มันงาม  หน่วง  แล้วก็ซื่อสัตย์
แต่ละบทมีพลังมาก  แทบไม่มีส่วนไหนเกินความจำเป็นเลยครับ

ความรู้สึกที่เกิดกับผม  คือความเศร้า  และความอิจฉานะครับ  คืออิจฉาในชีวิตของวิ
คือรู้สึกว่าชีวิตของวิมีอะไรเยอะจัง  ถึงจะออกตัวว่าเป็นคนเก็บตัว
ผมไม่ค่อยไปไหน  ไม่ค่อยผูกพันกับผู้คนและสถานที่  ยกเว้นสถานที่ในจินตนาการจากวรรณกรรมน่ะครับ
เวลาอ่านเรื่องที่ดึงให้สัมผัสกับความเป็นจริงอย่างเหลือเชื่อแบบนี้  ผมเลยอิจฉาในประสบการณ์เหล่านั้น
และเศร้าเสียใจกับช่วงชีวิตที่ผ่านเลยมา

ตอนนี้ก็ยังปวด ๆ หน่วง ๆ ในท้องอยู่ครับ  เรื่องราวของวินี่มันแทงลึกจริง ๆ  ผมเจอความรู้สึกแบบนี้จากเรื่องเล่าแค่ไม่กี่เรื่อง  หนึ่งในนั้นคือ 100 Years of Solitude ผมยกตัวอย่างแตกต่างไปไหมครับ  แต่ผมรู้สึกว่าฟีลลิ่งที่ผมได้มันคล้าย ๆ กัน

ปล.  ผมคิดว่าที่วิอ้วกบ่อย  เพราะมีปัญหาเรื่องความเครียด  มีช่วงหนึ่งที่วิต้องให้จิตแพทย์ช่วยเหลือด้วยนี่ครับ

สุดท้าย  ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าที่น่าสนใจเรื่องนี้ครับ   :pig4:

ออฟไลน์ sine_saki

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #81 เมื่อ25-10-2013 21:46:05 »

เข้ามาอ่านเรื่องนี้เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องใฟม่ที่เพิ่งเปิเรื่องได้3หน้า...ไม่คิดว่าเนื้อเรื่องจะข้นขนาดนี้ ดูจากชื่อเรื่องในตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องแนวใส ถๆแต่ไฉนฮาร์ดอย่างนี้ ถ้าให้เปรียบนิยายเรื่องนี้เหมือนการฟังเพลง เรารู้สึกว่าตัวเองกำลังฟังเพลงแนวบัลลาร์ดร็อคที่เนื้อหาแน่นกับดนตรีที่หนักหน่วงจนทำให้คนฟังซึ้งไปกับมัน เราชอบแนวคิดวินะ ในบางมุมดูลึกซึ้งดี เรามีรุ่นพี่และเพื่อนที่เรียนปรัชญาเช่นกัน เราว่าบางครั้งพวกเขาก็คิดอะไรที่แตกต่าง แต่มีเสน่ห์อยู่ในที

เรื่องนี้เหมือนนำพาเราให้หวนนึกถึงวัยมหาลัยอีกครั้ง คิดถึงบรรยากาศในตอนนั้น ไม่รู้เราคิดไปเองหรือเปล่า เราว่าวิน่าจะเป็นอาร์ต'38แค่เดานะคะ

ไม่ว่าวิจะเลือกใคร ถ้านั่นเป็นทางที่เลือกแล้วมีความสุขก็ยินดีค่ะ
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ nang_nang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #82 เมื่อ25-10-2013 23:54:44 »

มันหน่วงมากค่ะ เป็นเรื่องที่ลุ่มลึกจริงๆค่ะแต่ละบทมีพลังมาก
ชอบที่แฝงปรัชญาและการตีความหนังสือแล้วนำมาผูกกับเรื่องได้ดีมาก
อธิบายไม่ค่อยถูกอ่ะค่ะ แต่เป็นการดำเนินเรื่องที่มีเสน่ห์มาก ชอบค่ะ
ยังไม่ใกล้จบใช่มั้ยคะ? อยากรู้ว่าน้องโย๊ปมีบทบาทสำคัญอย่างไร
เพราะเป็นตัวดำเนินเรื่องคู่ขนาน น่าจะสำคัญใช่เล่น แต่ผ่านมา 15 ตอน
ยังเดาไม่ออกว่าความสัมพันธ์ของน้องโย๊ปและพี่วิ จะพัฒนาไปมากกว่านี้รึป่่าว
แอบเชียร์โย๊ปนะ :)

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #83 เมื่อ26-10-2013 00:51:26 »

 :hao5: เค้าสงสารตูนอะ ตูนเป็นผู้ชายที่ดีคนนึง เท่าที่สัมผัสได้จากตัวหนังสือที่เล่ามา แต่อย่างที่พี่เบิร์ดบอก
เป็นคนดีแล้วมันไม่มีใคร  :ling1:

คนต่อไปที่วิจะเอ่ยลา น่าจะเป็นท๊อปป่าวนะ เสียดายเด็กออกจะน่าเจี๊ยะขนาดน้านนนน  :katai1:

-----------------------------------------------------------------------------

สำหรับเรื่องการลงวีดีโอ ไว้จะทำภาพวิธีทำให้นะ ขอเวลาเปป  :laugh:

เมล่อนคอซอง

  • บุคคลทั่วไป
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #84 เมื่อ26-10-2013 04:26:43 »

ชอบภาสาเขียนนะคะ แต่น่าจะวรรคหน่อยอะ ขอเก็บไว้ละกันนะ ^ ^

ออฟไลน์ hotoil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #85 เมื่อ26-10-2013 07:38:09 »

ในที่สุดวิก็ทำไปแล้ว...ต่างคนต่างเจ็บ..แต่มันเป็นทางที่ดีที่สุด
ดีกว่าให้ความหวังไปนาน ทั้งที่ไม่ได้รัก(แบบจริงจัง หรือ มีรักให้กันทั้งสองฝ่าย)
ยังคงหน่วงต่อไป เมื่อปัญหายังไม่หมด...

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #86 เมื่อ26-10-2013 10:16:12 »

อ่านตอนนี้แล้วก็นึกถึงเพลงได้หลายๆเพลง ฉากบอกลากันเคยอ่านมาแล้วมากมาย แต่ครั้งนี้เศร้ามากจริงๆ :mew6:
บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก ต้องคอยสะกดจิตตัวเองนะเนี่ยว่าเป็นนิยาย ไม่งั้นเราจะอินมากเลยอ่า :z3:
ถ้ามันอินมากแล้วจะกินไม่ได้ นอนไม่หลับ อย่างกับเป็นเรื่องของตัวเองงั้นแหละ ตลกมาก :katai1:
คนต่อไปคือน้องท็อปแหงเลย เพราะวิเองก็เลือกทางเดินให้น้องเขาแล้วเหมือนกันใช่ไหมนี่
วินี่เหมาะกับคำว่าหน้าตาดีเลือกได้นะคะ (ขำๆไม่อยกาเครียดเลย) :hao7:
รออ่านตอนต่อไปค่ะ อยากให้อัพตอนที่กับวันที่ให้ด้วยอ่ะค่ะ บางทีมีเวลานิดหน่อยเข้าเล้า ก็อยากเข้ามาอ่าน แล้วเราจะเป็นประเภทถ้าเรื่องไหนไม่อัพวันที่ เราจะยังไม่กดเข้ามาอ่านอ่ะค่ะ ไม่อยากพลาดซักตอน :impress2:

ออฟไลน์ บ๊ายบายโพ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #87 เมื่อ26-10-2013 13:12:33 »

ฮือออออ เศร้าได้อีกมั้ย :hao5: :z3: เราว่าตูนก็ดูจริงใจดีนะ โดนซะแล้ว สงสารอ่ะ ตอนนี้แบบหน่วงมากเลย  :mew2: เวลาเราเดินผ่านตรงนั้นเราว่าฉากมันคงลอยมาเลยแหละ :katai1:

วิฬาร์

  • บุคคลทั่วไป
ถึงผู้อ่านทุกคนครับ ขอบคุณที่ได้ติดตามงานเขียนของผมมาครับ แม้ตามความเห็นจำนวนมากที่บอกว่าเรื่อง My Almond Crush นำพามาซึ่งความเศร้าหมองที่หน่วงจิตใจคนอ่าน ผมหวังว่าเรื่องราวในตอนนี้คงจะพาทุกคนออกจากห้วงอารมณ์ที่พะอืดพะอมของตอนที่แล้วมาได้บ้าง

ขอบคุณ คุณ คีรี~มัญจาโร ครับ กลับคอมเม้นท์ สำหรับตัวละคร วิ มันดูแปลกและมีน้ำใจมากครับเมื่อคนอ่านรู้สึกอิจฉา และขอยอมรับครับว่าผมไม่เคยอ่านเรื่องราวของตระกูล  Buendía ในเมือง Macondo ของ 100 Years of Solitude แต่หากมีโอกาสคงได้หามาอ่านครับ

ปล. ผมจะพยายามปรับปรุงเทคนิคการจัดวางให้ดียิ่งขึ้นตามคำแนะนำของเพื่อนๆ นักอ่านครับ บางอย่างอาจติดขัดด้วยความ low tech ของผมเอง

หวังว่าทุกคนคงจะได้รับความบันเทิงครับ
"วิ"
......................................................................



   
15(10) But Only Love Can Say (นักกีฬา...สินค้าชำรุด)

    หลังจากบังคับให้ตัวเองหยุดร้องไห้ได้พักใหญ่ ผมก็เดินฝ่าความมืดไปเข้าห้องน้ำที่อาคาร 36 ปีของคณะเพื่อล้างหน้าล้างปาก แล้วโทรหาคอร์ทครับ คอร์ทบอกผมว่าอีกสักพักมันจะมารับผมไปนอนด้วย และผมไม่รู้ว่าทำไมแทนที่ผมจะบอกกับคอร์ทไปว่าอยากนอนพักที่ห้อง ผมกลับตกลงที่จะออกไปนอนหอมัน ทั้งๆ ที่คืนนี้ผมสมองล้ามาก เรื่องของตูนที่เพิ่งเดินจากผมไปในความมืดฉายภาพซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวผม จนอาการเวียนหัวไม่ยอมหายไป

   เช้าวันจันทร์คอร์ทปลุกผมที่ตอนนี้ร่างกายไม่มีแรงขึ้นมาจากเตียง ส่วนมันแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาเรียบร้อยแล้ว

“พี่ไหวป่าวเนี่ย” คอร์ทถามผม

“มึนๆ อ่ะ พาพี่ไปส่งหอทีสิ”

   

“พี่คืนนี้ผมกลับดึกนะ” คอร์ทบอกผมทำหน้าแดงๆ

“ผมจะไปกินข้าว แล้วดูบอลกับเพื่อนอ่ะ”

“อืมไปสิ” ผมบอกถ้ามันขออย่างไรผมก็ต้องให้ครับ

“พี่กลับมารอผมที่ห้องได้มั้ย” มันผมบอกผม หน้าแดงอีก

“ได้”

“งั้นผมให้กุญแจห้องกับพี่ไว้”

“อืม” แล้วผมก็รับกุญแจมาจากมัน แม้ใจจริงจะไม่อยากรับกุญแจห้องใครไว้สักเท่าไร แต่คอร์ทเป็นข้อยกเว้นสำหรับทุกกรณี

     เมื่อพูดถึงเรื่องกีฬา ผมเป็นคนไม่ชอบกีฬาทุกชนิดครับ และต่อต้านกีฬาต่างๆ เพราะเมื่อว่าด้วยแนวคิดสังคมวิทยา กีฬาเป็นเรื่องของการต่อสู้ ความรุนแรง และเลือกข้าง การแบ่งแยก กีดกัน ไม่ใช่เรื่องของการรู้แพ้รูชนะรู้อภัยตามที่ใครให้คำขวัญไว้ เชื่อสิว่าไม่มีใครอยากแข่งขันโดยที่คิดว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายแพ้  นอกจากนี้สถานที่ที่ต้องเสียไปกับการเล่นกีฬา เช่น สนามกอล์ฟ สนามบอล เป็นการแย่งชิงทรัพยากรที่ดิน ทรัพยากรน้ำจากชุมชนมาครับ และโดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบเอาชนะมากจึงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเข้าสู่พิธีกรรมการแข่งขันที่เรียกว่ากีฬา ซึ่งตอนนี้ผมคิดว่ามันดูขัดแย้งกันมากเลยครับเมื่อคอร์ทเป็นนักบอลคณะ และท็อบเป็นนักบาสโรงเรียน

   ผมนัดกินข้าวกับลิตเติ้ลตอนกลางวันก่อนที่จะเข้าเรียนวิชาทักษะการฟังภาษาอังกฤษช่วงบ่ายโมง และตอนนี้ผมก็ยังมึนๆ อยู่ด้วยฤทธิ์ของยานอนหลับครับที่แอบกินก่อนนอนเมื่อคืน

“How about you and Nong Court ka?” ลิตเติ้ลถามผมว่าระหว่างผมกับน้องคอร์ทเป็นอย่างไรบ้าง ระหว่างที่เรากำลังกินข้าวกันอยู่ที่โรงอาหารคณะ

“So far so good Jra.” ผมตอบไปว่าเท่าทีผ่านมาก็ดีครับ

“Wish you’re happy together ka.” ขอให้เธอสองคนมีความสุขนะจ๊ะ

“Thanks jra my BFF.” ขอบใจจร้าเพื่อนที่ดีที่สุดตลอดการของฉัน

     หลักจากเรียนเสร็จตอนเย็นผมก็เดินเรื่อยเปื่อยมาที่โรงเรียนสาธิตครับ ใจหนึ่งตอนนี้อยากเจอท็อบเหมือนกัน แต่ก็อย่างที่บอกครับผมไม่ใช่คนประเภทไปนั่งเฝ้าแฟนตัวเองอยู่ขอบสนาม เลยแอบโทรหามัน

“วิ....ผมกำลังจะโทรหาวิอยู่เลย นี่วิอยู่ไหนอ่ะ” มันรับโทรศัพท์แล้วพูดออกมาเป็นชุดเลยครับ

“อยู่หน้าพัพ แอนด์ พาย” ไม่รู้ทำไมผมต้องยิ้มเล็กยิ้มน้อยเวลาที่ได้คุยกับมัน

“ผมจะซ้อมบาสแล้ว เลิก 6.00 วิมากินข้าวกับผมนะเย็นนี้”

“อืม.....” ผมเลยเอาของเข้าไปเก็บที่หอ และนอนพักเพื่อรอเวลาครับ โดยที่คิดไปด้วยว่าทำไมผมต้องรอผู้ชายที่ผมรักทั้งสองคนกลับมาจากสนามกีฬา

     6.00 ผมมาเจอกับท็อบที่หน้าโรงเรียนสาธิต แล้วเดินผ่านวังไปกินข้าวแถวถนนต้นสน พยายามหลีกเลี่ยง อารต์ อเวจี ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตอนเรากินข้าวอยู่ด้วยกันสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกับว่าผมอยู่ในภวังค์ แค่จ้องมองเด็กนักเรียนผมสั้นๆ แขนยาวๆ มือเรียวๆ ตรงหน้า คนที่กำลังกินอย่างมีความสุข

“วิ...สัปดาห์นี้ผมจะปิดเทอมแล้วนะ” ท็อบเงยหน้าบอกผมจากจานสเต็ก บนโต๊ะเหล็กพับข้างถนนที่เรานั่งอยู่

“อืม...........”

“วิ....ผมต้องไปฝึก รด. ด้วยนะ” มันบอกเพิ่ม

“อืมมม.....”

“เราจะไม่เจอกันเป็นเดือนเลยนะวิ” ในที่สุดมันก็เข้าเรื่องสักที

“อืม......” หนึ่งเดือนที่ไม่พบเจอ หนึ่งเดือนที่ไม่ได้พูดคุยกัน ก็ดีเหมือนกัน

“จะไม่คิดถึงเหรอ” ท็อบตัดพ้อเมื่อเห็นท่าทีไม่ใส่ใจของผม

“วิก็ต้องออกภาคสนามลงหมู่บ้านเหมือนกัน ชายแดนเลยล่ะ” ทีนี้มันอ้าปากค้างเลยครับ

“เวร” ท็อบเริ่มดูหงุดหงิด เพราะเรื่องเวลา และระยะทางของเรา

“ปีหน้า...วิก็จบแล้วนะ วิอาจจะไม่ได้มามหาลัยอีก แล้วต่อไปเราจะได้เจอหน้ากันอีกมั้ยก็ยังไม่รู้” พูดแล้วผมก็อยากจะร้องไห้เองครับ เพราะรักไอ้ท็อบด้วยส่วนหนึ่ง และผมรักมหาลัยด้วยส่วนหนึ่งแม้ในชีวิตนี้ผมจะเดินทางมากมาย ผมไม่อยากจินตนาการถึงชีวิตนอกมหาลัยเลย

“วิ............” พอสิ้นเสียงของท็อบผมก็รู้สึกว่า เสต็กปลาทอดของผมมันไม่มีรสชาดแล้วครับ

“อย่าไปกังวลถึงวันพรุ่งนี้ ปล่อยให้วันพรุ่งนี้เป็นเรื่องของมันเอง” Therefore do not worry about tomorrow, for tomorrow will worry about itself. Each day has enough trouble of its own. ผมจับมือมันมั่นคงแล้วบอกคำปรัชญาชีวิตที่ทรงพลังที่สุดคำหนึ่งในเรื่องของเวลา จากวัจนะหนึ่งที่ปรากฏในคัมภีร์ไบเบิ้ล (มัธธิว 6:34) ออกไป เพราะอย่างไรมนุษย์เราก็มีเพียงแค่ปัจจุบัน

“.................................................”

“วันเสาร์นี้เราไปเที่ยวกันมั้ย....” ผมชวนมันอยากเปลี่ยนบรรยากาศที่เศร้าหมองในตอนนี้

“อืม....ไปที่ไหนดีล่ะครับ กรุงเทพฯ หรอ” มันถาม

“สวนสัตว์มั้ย สวนสัตว์ดุสิต” ผมเสนอเพราะผมชอบเที่ยวพวกสวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ หอสมุด อะไรทำนองนี้ครับ

“ครับๆ”

“ช่วงนี้ท็อบเป็นไงบ้าง สอบเหนื่อยมั้ย โทษทีนะวิเรียนสายศิลป์มาเลยช่วยอะไรไม่ได้เลย”

“ก็เหนื่อยนิดนึงอ่ะ คะแนนผมก็พอไปได้นะ อาศัยเป็นนักกีฬาโรงเรียนด้วย” มันบอก

“ให้ความสำคัญกับการเรียนให้มากกว่าบาสนะ” ผมสั่งมัน เพราะผมอยู่มหาลัยจึงรู้ว่าหากจะใช้โควต้านักกีฬาเพื่อการศึกษาต่อ ผู้สมัครจะต้องเป็นนักกีฬาทีมชาติเท่านั้น
“รับปากสิ” ผมยังเสียงแข็ง

“ครับๆ แต่ผมไม่เลิกเล่นบาสหรอกนะ” มันบอกยิ้มๆ ผมก็พยักหน้าอนุญาตมัน

“อืม...เด็กดีของพี่ คนดีของพี่” ผมพึมพำแล้วกุมมือท็อบแน่นกว่าเดิม ตอนนี้ผมเริ่มเวียนหัวแล้วครับ ความคิดผมชอบล่วงหน้าไปไกลเสมอ ผมนึกภาพมันเอาไว้แล้ว วันเสาร์ที่จะถึงนี้ คงเป็นวันที่ผมบอกเลิกท็อบ เพื่อคืนหัวใจ และอิสระให้กับมันไป ครั้งนี้ผมมีเวลาเหลือแค่ 4 วัน

“.....และผมก็ไม่เลิกรักวิด้วย ผมเป็นนักกีฬานะ ผมไม่ยอมแพ้หรอก” ท็อบบอกผมที่กำลังเหม่อกับความคิดตัวเอง รอยยิ้มของผู้ชาย รอยยิ้มนักกีฬาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ทำให้ผมหวั่นไหวครับ ผมเลยจูงมือมันไปจ่ายเงิน แล้วเดินไปส่งมันขึ้นรถสองแถวที่องค์พระ

“รักไม่ใช่เกมหรอกนะ.....” ผมบอกมันแล้วส่งขึ้นรถ
“อ่านหนังสือสอบดีๆ นะ คนดี” แล้วเมื่อรถสองแถวคันนั้นแล่นหายลับตาไป ผมก็เรียกเมล์เครื่องเพื่อกลับไปห้องคอร์ท

        บนเตียงนอนในห้องคอร์ท ผมไม่ได้ถ่างตาตื่นเพื่อรอมันแบบนางเอกละครหรอกครับ ผมอ่านหนังสือสักพักแล้วก็นอนหลับ หลังจากนั้นผมก็ฝัน ผมฝันได้ดิบและเถื่อนมากครับ ผมฝันว่ารูมเมทของผมต้องการช่วยแฟนของมันที่กำลังจะตาย โดยที่มันต้องแข่งว่ายน้ำ ปีนเขา และวิ่ง กับผมเพื่อจะแย่งยารักษาไปให้แฟนมันให้ได้ ผมไม่ยอมแพ้ แม้ผมจะไม่ต้องการยานั้น ผมแย่งยานั้นมาได้แต่แทนที่ผมจะให้ยาไปกับรูมเมทเพื่อเอาไปช่วยชีวิตคน ผมกลับโยนยานั้นทิ้งไป ไม่สนใจว่าจะต้องมีคนตายเพราะนิสัยชอบเอาชนะชองผม เมื่อไม่มียาไปรักษาคนรักมันรูมเมทผมโกรธมากและเข้ามาทำร้ายผม เราสู้กันจนถึงตายครับ ผมสะใจกับความรุนแรงที่ผมใช้กับมัน ผมหัวเราะแห้งแล้งในทุกๆ หมัดที่ต่อยออกไป ผมเลียปลายนิ้วผมที่เปื้อนเลือดจากการข่วนตามัน ผมเปิดท้องมันออก ควักหัวใจมันออกมาโยนทิ้ง และผมเอาเลือดมันมาป้ายหน้า ทาตัว แล้วเต้นรำไปรอบๆ ศพของมัน

        ผมหลุดมาจากระบำเลือดในฝันของตัวเอง เพราะเสียงคอร์ทกลับเข้ามาครับ ตีสามกว่าแล้ว มันไม่เปิดไฟแต่เปลี่ยนเสื้อเงียบๆ แล้วเดินเข้ามานอนข้างผมบนเตียง กลิ่นเบียร์ที่ติดตัวมันโชยมาที่จมูกผม ความมืดและกลิ่นเบียร์ปลุกความทรงจำของผมในคืนที่ผมโดนรูมเมทลวนลามครับ ผมรู้สึกหวาดกลัวขณะเดียวกันกับที่รู้สึกถึงความโกรธ และอารมณ์รุนแรงที่วิ่งพล่านอยู่ในร่างกาย คอร์ทโน้มตัวมาเพื่อจูบปากผมกลิ่นลมหายใจที่มีแต่เบียร์ ผมใช้มือผลักอกคอร์ทออกไป มันแรงมากจนคอร์ทหงายท้องลงไปจากเตียง

“เฮ๊ย....โอ๊ย เป็นไรวะ” มันร้องทั้งตกใจทั้งเจ็บ แต่ผมรู้สึกกลัวจนพูดไม่ออก กลัวจนไม่ได้ลุกจากเตียงเพื่อช่วยคนที่ผมรักที่สุด  ไม่นานคอร์ทมันก็กลับขึ้นมาบนเตียงงงๆ ไม่พูดอะไร คืนนั้นเราต่างนอนกันคนละข้างของเตียงครับ

        เช้าวันรุ่งขึ้นคอร์ทแต่งตัวไปเรียน โดยที่มีผมล้างหน้า แปรงฟัน และใส่คอนแทกเลนส์อย่างเงียบๆ เราไม่พูดอะไรกันเลยครับ เนื่องจากเหตุการณ์เมื่อคืน

“เมื่อคืนพี่แม่งเป็นเหี้xx อะไรวะ” คอร์ททำลายความเงียบ เพื่อบอกว่ามันโมโหอยู่ และมันโมโหมาก

“พี่ขอโทษนะครับคอร์ท....พี่ตกใจ พี่กลัว มันมืดนึกว่าเป็นคนอื่น” ผมแก้ตัว และรู้สึกเสียใจ

“แล้วใครมันจะเข้ามาได้วะ” คอร์ทมันยังว่าผมต่อ

“พี่ขอโทษนะคอร์ท พี่มันไม่ดีเอง” ผมพูด รู้สึกว่าตัวเองมีน้ำตา เพราะเหตุการณ์นี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงรอยแผลในใจที่ไม่มีวันหายไปของผม เพราะรูมเมทสารเลวของผมคนเดียวเรื่องมันถึงออกมาเป็นแบบนี้ ผมเสียเพื่อน และผมกลายเป็นสินค้าชำรุด ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวผมจะมีค่าพอให้คอร์ทรักต่อไปได้หรือไม่

“อืม.......” คอร์ทมันพยักหน้าให้อภัย และผมก็รู้ว่าลึกลงไปในจิตใจของคอร์ทมีรอยแผลแบบเดียวกับผมอยู่เช่นกัน ไม่รู้ว่าผมจะไปเหยียบกับนั้นเมื่อไร แล้วคอร์ทจะระเบิดปมนั้นออกมาอย่างไร เพราะเราต่างก็เป็นสินค้าชำรุด

ออฟไลน์ hotoil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: My Almond Crush....
«ตอบ #89 เมื่อ26-10-2013 19:28:29 »

วิสู้ๆ ปัญหากำลังจะผ่านพ้นไป
คอร์ทแปลกๆทำไมต้องโกรธอ่ะ เห็นเป็นเครื่องสำเร็จความใคร่? (คิดไปเอง ฮ่าๆ)
ท็อปเส้นทางความรักยังอีกไกล นายต้องเจอคนดีๆแน่...

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด