บทที่ 5
" กูจะเอาตัวนี้"
" .... "
" ไม่ต้องมาทำหน้ามุ่ย มึงไม่น่ารักหรอก กูอยากได้ตัวนี้ไปจ่ายเงินด้วย"
" .... "
" ไอ้เชรี่ยมึง! หูน่ะมีไหมหา! กูจะเอาตัวนี้! เห็นไหมว่ามติเอกฉันท์ กู รีกาโล ของขวัญ ชอบตัวนี้! พวกกูจะเอาตัวนี้!"
โฮ่งๆๆๆ
เอ๊~ เอ่ เอ๊ะ
ชิ สามเสียง
กูยอมแพ้ก็ได้วะ
แล้วผมก็ต้องหอบหิ้วไซบีเรียนขนขาวทั่วตัวตาสีฟ้ากลับคอนโดแทนที่จะได้คิงชาร์ลตัวที่สองกลับบ้าน ความจริงผมก็ไม่อยากยอมแพ้หรอกนะเพราะผมเป็นคนจ่ายตังค์ แถมไอ้ไซบีเรียนตัวนี้ก็โคตรแพง เห็นว่ามันเป็นพันธ์หายากที่มีสีขาวทั่วตัวทั้งที่สีของมันจริงๆจะเป็นสีดำ คือเม็ดสีมันทำงานผิดปกติเลยทำให้ให้สีดำออกมาเป็นสีขาวมันเลยหายากหน่อย พูดง่ายๆก็คือ มันคล้ายๆหมาเผือกครับ แต่ไม่ใช่พันธุ์เผือกที่แท้จริงเพราะตามันสีฟ้า สรุปคือ มันตัวสีขาวเหมือนผม ไอ้ไพรซ์มันเลยบอกว่า อยากเลี้ยงเอาไว้ให้เป็นลูกของเรา เพราะเรามีลูกที่หน้าตาเหมือนมันตัวหนึ่งแล้ว(คือรีกาโล) ดังนั้นลูกตัวที่สองต้องหน้าตาเหมือนผม
สรุปคือ...
กูหน้าตาเหมือนหมาเลยต้องหาหมามาเพิ่ม หรือว่าหน้าหน้าเหมือนกูมึงเลยอยากเลี้ยงวะ
แล้วกูต้องหน้าตาเหมือนหมากวนประสาทนี่ด้วยเรอะ!
" กูตั้งชื่อแล้ว ชื่อ เพรสเซนต์ ( Present ) ที่แปลว่าของขวัญไง ทีนี้กูกับมึงก็มีของขวัญคนละตัว ดีไหมเพรส"
หงิง~ โฮ่งๆ โฮ่ง!
เออนะ อยู่บ้านกูมาไม่กี่เดือนไอ้ไพรซ์เริ่มพูดภาษารีกาโลได้เหมือนกูแล้วเนี่ย เก่งจริงมึง
ผมมองไอ้ไพรซ์ที่เล่นกับไอ้เพรสระหว่างรอจ่ายเงินกับรับใบรับประกัน อืมมม ความจริงไอ้เพรสมันก็น่ารักดีน่ะนะ ถึงจะไม่เหมือนรีกาโลพีที่ผมอยากได้ แต่ถ้าทั้งสามตัว(?)ชอบก็คงโอเคล่ะนะ
เมื่อเช้าหลังจากที่ผมกินไอ้ไพรซ์เสร็จไปสามรอบตามแผน กว่าจะได้ออกจากคอนโดก็ตอนช่วงบ่ายพอดี โชคดีที่รถไม่ติดผมเลยไม่เสียเวลามาก ฟาร์มนี้เป็นฟาร์มหมาของเพื่อไอ้ไพรซ์ชื่อคุณแก้ว เขามีหลายพันธุ์นะ แต่ปกติจะเป็นหมาพันธุ์เล็กมากกว่า มีเพรสนี่แหละที่หลงมาเพราะเขาเห็นว่ามันหายาก นี่ก็เพิ่งเอาออกมาโชว์หลังจากที่มันปรับสภาพได้ ไอ้ไพรซ์เลยโชคดีไป ที่เจอหมาที่ถูกในพอดี
" พอดีหมาตัวนี้มีคนสั่งไว้น่ะค่ะ แต่เห็นว่าคนที่จะเลี้ยงเขาเป็นภูมิแพ้กับหอบเลยต้องเคนเซิลไปก่อน โชคดีมากเลยนะคะเนี่ย ตัวนี้หายากมากเลย" คุณคนขายบอกครับ
ผมยิ้มรับให้นิดหน่อยในขณะที่ไอ้ไพรซ์เริ่มแยกเขี้ยวขู่ อะไรวะ แม้แต่เพื่อนมึงก็ยังจะกัด? ฉีดยากันหมาบ้าไหมมึง ที่นี่เขามีหมอหมานะ
" ไพรซ์เขาขี้หึงน่ะ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่เรียนแล้ว ยิ่งกับคุณ... เอาเถอะ แล้วไพรซ์คงบอกเอง ยังไงก็ยินดีด้วยนะคะที่ได้คบกัน ไพรซ์เอง..."
" แก้ว!! หยุดพูดกับไอ้เอ๋อเลย! มันจะรู้อะไร ช่างหัวมัน... มานี่ได้แล้ว เดี๋ยวติดเชื้อโง่!"
มันบอกกับคุณแก้วที่หัวเราะขำแล้วตะโกนใส่หน้าผมต่อ
นี่ตกลง...
กูยังไม่หายโง่อีกเหรอวะ?
หรือความจริงแล้วผมไม่ได้โง่แต่ไอ้ไพรซ์มันฉลาด
เฮ้อ ช่างมันเถอะ อยากด่าอะไรก็ด่าไป กูขี้เกียจคิดมาก
แล้วอีกอย่าง...
เพื่อเมีย ยูอาร์ทนได้...
และจะยอมทน (เพราะเลิกไม่ได้) ฮือออ
=====//=====
พอกลับมาถึงคอนโด ผมก็รู้จักกับคำว่าหมาหัวเน่าอย่างแท้จริง
ผมนั่งหัวเด่อยู่ที่โซฟาในขณะที่รีกาโลทั้งสามตัวนั่งเล่นกับเพรส ไอ้ไพรซ์นี่มันก็พยายามดีนะ มันพยายามสอนเพรสทั้งที่มีของขวัญนั่งอยู่บนตัก ตอนนี้ของขวัญนั่งได้แล้วและกำลังจะเริ่มคลาน ผมมองรีกาโลทั้งสามตัวที่นั่งเล่นกัน
อืมมม
ก็น่ารักดีนะ
แถมไอ้ตอนที่รีกาโลเบอร์หนึ่งพยายามสอนไอ้เพรสให้ทำตามน่ะโคตรตลก มันคงคิดว่าเพรสเป็นลูกมันมั้ง มันพยายามสอนให้เพรสคลานหมอบเหมือนมัน เห่าเหมือนมัน แถมกลิ้งไปกลิ้งมาให้เหมือนมันอีก โคตรฮาว่ะ
" ยูอาร์ มึง ดูเพรสดิ ฉลาดเหมือนมึงเลยว่ะ สอนไม่กี่ทีก็จำได้ มึงดูนะ เพรสขอมือ! เพรสหมอบ! เพรสหวัดดี!"
แล้วเพรสมันก็ช่างทำตามได้เนอะ ฉลาดจริง
ว่าแต่... นี่ตกลงกูฉลาดเท่าหมา?
เออ ช่างเถอะ
เพื่อเมีย...
ยูอาร์ทนได้...
ผมนั่งมองทั้งสามตัวเล่นกับหมาหนึ่งตัว(ความจริงคือ สองคน สองตัว) พวกมันเล่นกันแบบไม่มีท่าทีว่าจะแบตหมด ผมที่นั่งว่างอยู่เลยเอาสมุดมาวาดรูปเล่น แนวที่ผมถนัดที่สุดคือแนวเหมือนจริงแบบที่ต้องใช้สีน้ำมันลงในตอนท้าย ผมวาดรูปทั้งสี่ตัวอยู่เงียบๆ ผมชอบวาดรูปเหมือนจริงนะ ยิ่งกับรูปที่มีลักษณะสีหน้าท่าทางมากมายทั้งทีมันมีไม่กี่อิริยาบทผมยิ่งชอบ
ผมสเก็ตรูปไอ้ไพรซ์สลับกับรูปของขวัญไปเรื่อย มีเหมือนกันที่วาดทั้งสี่ตัวพร้อมกัน คือความทรงจำผมเป็นแบบภาพถ่ายน่ะ เห็นแค่แวบเดียวจะจำได้หมด อาจไม่ได้เก็บทุกรายละเอียด แต่สำหรับการร่างภาพ ผมว่าแค่นี้ก็พอแล้ว
" ไอ้ไพรซ์ มึงแก้ผ้าดิ๊ กูจะวาดภาพมึง"
มันหน้าแดงแล้วมันเขวี้ยงขวดนมมา
ตุบ!
ดีนะที่กูหลบทัน ไม่งั้นภาพสเก็ตกูเละแน่
" มึงพูดเชรี่ยอะไร!"
" กูไม่ได้พูดเชรี่ยอะไร กูอยากวาดรูปมึง มึงแบบที่เป็นตัวมึง ถอดเสื้อออก กูจะไปขนผ้าใบลงมา ถ้ากูลงมาแล้วมึงยังไม่ถอด มึงถูกกูจัดหนักแน่" ผมบอกแล้วเดินขึ้นห้อง ไม่สนใจไอ้ไพรซ์ที่โวยวาย
" ไอ้เชรี่ย!!!!"
อืมม คราวนี้ไม่มีคำว่าไอ้โง่สินะ พัฒนาๆ กูไม่ได้โง่แล้ว ดีจัง
" มึงจะอายอะไรวะไอ้ไพรซ์"
" .... "
" กูถอดเป็นเพื่อนมึงก็ได้นะถ้ามึงอาย"
" .... "
" งั้นกู..."
" อย่าถอดนะมึง! กูถอดแล้ว!"
เออ ก็แค่นั้น แล้วมึงจะอายอะไรวะ มันเป็นเรื่องของศิลปะไม่ใช่ภาพโป๊
ผมมองไอ้ไพรซ์ที่ถอดเสื้อไปหน้าแดงไป ตอนนี้อีกสามตัวที่เหลือหลับไปแล้ว เหลือแต่ผมกับไอ้ไพรซ์ที่แหละ
ผมมองไอ้ไพรซ์ที่หน้าแดงเถือกลามไปถึงตัว มึงนี่ขี้อายจริง มันเป็นศิลปะมึงจะอายอะไรวะ
" มึงนั่งที่เก้าอี้สตู กูจะจัดท่าให้ มึงจำไว้ด้วย กูต้องวาดประมาณสองวันก่อนลงสี นั่งลง อ้าขาออก ถ้ามึงอายเอามือมาค้ำเก้าอี้ไว้แบบนี้ เงยหน้าขึ้นอีกหน่อย มองตาตรง ไม่เมื่อยใช่ไหม กูจะเปิดซันลูปแล้วนะ มันไม่ร้อนหรอกแต่จะมีแสงผ่าน เงยหน้าขึ้นอีกหน่อย มองมาที่ผ้าใบ คิดว่ากูเป็นผ้าใบก็ได้ อย่ากัดปาก แบบนั้นแหละดี สวยมาก"
ผมบอกแล้วผมก็เริ่มร่างภาพไอ้ไพรซ์ลงบนพื้นผ้า ตอนนี้มันนั่งหน้าแดงแยกขาออกเอามือค้ำไว้ที่ข้างหน้าเพื่อปกปิดส่วนสำคัญของร่างกาย ผมจ้องหน้าไอ้ไพรซ์ที่มีแสงผ่าน ห้องของผมเป็นห้องที่อยู่ชั้นบนสุด ผมติดกระจกไว้ที่เพดานเพื่อสำหรับการเพิ่มแสงหรือวาดภาพ
ตอนนี้ไอ้ไพรซ์เหมือนเทวดาตัวน้อยที่มีแสงลอดผ่าน เรียกเทวดาคงไม่ถูก มันดูเป็นเหมือนภาพคนที่ดูเหนือจริงมากกว่า ฝุ่นผงที่พุ้งกระจายอยู่ภายใต้แสงทำให้ภาพขอวไอ้ไพรซ์ยิ่งดูมีมิติ ผมมองแสงและเงาก่อนลงมือร่าง มองมุมแต่ละมุมเพื่อหารายละเอียดที่ครบถ้วน มองสีหน้าและท่างเพื่อร่างแบบลงบนพื้นผ้าใบ
" มึงวาดภาพแบบนี้บ่อยเหรอวะ"
" แบบไหน ภาพเปลือยเหรอ ก็วาดบ้างกูชอบวาดภาพคนมันให้ความรู้สึกถึงคำว่าชีวิตดี"
ผมตอบมันแล้วร่างภาพต่อ
ไอ้ไพรซ์เป็นคนที่ดูดี ติดจะน่ารักเกินกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ ผิวขาวตาสวย ถึงจะไม่สวยเท่าไอ้พิทบลูเมื่อวานแต่ก็สวยมาก ดวงตามันที่ฉายออกมาแสดงความคิดของมันออกมาหมดทุกอย่าง ภายใต้ดวงตาที่กึ่งโกรธกึ่งอาย ผมเห็นแต่ภาพสะท้อนเงาของตัวเอง
ผมนั่งวาดรูปมาตลอดสองชั่วโมง ไอ้ไพรซ์เองก็ยังนั่งนิ่ง คงเป็นเพราะท่าที่ไม่เมื่อยเท่าไหร่ มันเลยไม่บ่น
" มึง... มึงอย่าเอาไปโชว์นะ กูอาย" มันบอกแล้วหลบตา อ่าว ไอ่นี่ กูวาดตามึงอยู่ หลบตาทำไมวะ
" กูจะเอาไปโชว์ที่มิวนิค อย่าหลบตา หุบปากไม่ต้องทำปากหวอ แกลทางโน้นส่งเทียบเชิญมา มึงไม่ต้องอายหรอกน่า ที่โน่นเขาดูกันเป็นเรื่องปกติ แล้วกูก็ไม่ขาย กูจะวาดให้มึง"
ผมบอกแล้วสั่งให้มันหน้านิ่งๆ อย่าขยับ เดี๋ยวตาเขไม่รู้นะมึง
" หัว... หัวข้ออะไรวะ"
" Peace ความสงบ มึงเป็นความสงบและสันติภาพของกู กูเลยอยากวาดรูปมึง"
" กูเนี่ยนะความสงบ กูรักสันติตรงไหนวะ?" มันบอกแล้วคำหน้างงๆ
" Peace ของกูไม่ได้หมายถึงแบบนั้น มึงเป็นคนที่ทำให้กูอยากทำลายโลกนี้เพื่อที่จะทำให้มึงอยู่อย่างปลอดภัย มึงเป็นคนที่ทำให้กูอยากรักษาโลกใบนี้ไว้เพื่อที่มึงจะได้อยู่อย่างมีความสุข สันติและสงคราม ของคู่กันที่ไม่อาจแยกได้ เเหมือนโลกที่สามที่แก่งแยก ต่างคนต่างมีเหตุ ทุกคนสามารถสร้างและทำลายเพื่อสิ่งที่ตัวเองรักได้"
ผมบอกแล้ววาดภาพต่อ ไอ้ไพรซ์ยังทำหน้างงอยู่ เหมือนมันจะไม่ค่อยเข้าใจเฮะ ช่างมันเถอะ ตอนนี้กูกำลังติส ปล่อยกูบ่นไปก็พอ
" มึงจะทำลายโลกเหรอวะ แค่กู มึงก็จะทำร้ายทุกคนที่เข้าใกล้กูหรือไง"
" ทุกคนที่ทำร้ายมึงไม่สมควรมีค่าให้อยู่ต่อ ถึงการฆ่ากันจะไม่ใช่ทางแก้ปัญญา แต่สำหรับมึง คนที่มาทำร้ายมึงไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ต่อ กูไม่ได้จะลงมือฆ่า แต่การอยู่อย่างลำบากในสังคนมันไม่ต่างอะไรกับความตาย ค่านิยม ความเชื่อ และวัฒนธรรม สามารถสร้างสังคมให้คนส่วนใหญ่มีความสุขได้ และสร้างความทุกข์ให้อีกคนได้มากพอกัน"
คราวนี้ไอ้ไพรซ์ทำหน้ามึนตึบ ช่างมัน กูเข้าใจของกูคนเดียวก็พอ
ผมนั่งวาดรูปต่อสี่ชั่วโมงไม่พัก ไอ้ไพรซ์มีลุกออกไปบ้างเพราะของขวัญตื่น ผมนั่งเก็บรายละเอียดตอนที่ไอ้ไพรซ์ไม่อยู่ ผมดึงความทรงออกมาแล้ววาดภาพต่อโดยไม่ต้องอาศัยนายแบบ
" นี่กูเหรอวะ" มันพูดเสียงทึ้งๆ
" ใช่ นี่แหละมึง นึกว่าเป็นรีกาโลหรือไง เห็นไหมว่ามันไม่มีหาง"
ป้าบ!
งื้อ ไอ้เมียนิยมความรุนแรง
" ไม่เห็นเหมือนกูเลยวะ มึงมั่วรึเปล่า"
" อ่าว มึงเป็นแบบ ถ้าไม่ใช่มึงแล้วเป็นใครวะ หรือจะให้เป็นของขวัญ แต่หลานกูเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย เอ๊ะ หรือว่าเป็นผู้ชายวะ กูยังไม่เคยดู..."
ป้าบ!
" ไอ้ลามก! กับหลานก็ไม่เว้นนะมึง ลุกมากินข้าวได้แล้ว นั่งนานๆเดี๋ยวก็เป็นง่อยหรอกมึง"
" มึงป้อนนะ"
" เออ!!!"
แค่พูดเบาๆ กูก็ได้ยินแล้ว
กูไม่ได้หูหนวกนะ
ไม่ได้โง่ด้วย
เฮ้อ~ ยูอาร์เซ็ง
" แล้วมึงต้องวาดอีกกี่วันวะถึงจะเสร็จ"
" สิบกว่าวัน... สิบกว่าวันสำหรับการร่างแบบ สิบกว่ามันสำหรับเลือกสีและสร้างภาพ สามเดือนสำหรับลงสีทั้งหมด สองเดือนสำหรับรายละเอียด รวมกันก็เจ็ดแปดเดือนรวมเวลาพัก ผืนผ้านี้จะเป็น masterpiece ของกู หลังจากท่ีกูวาดรูปภาพรูปแรกแล้วชนะ"
" ใช้เวลาขนาดนั้นเลยเหรอวะ แล้วมึงจะวาดภาพนี้ตลอด?"
" เปล่า กูวาดปนกับภาพอื่น แต่หลักๆจะวาดภาพนี้ ช่วงนี้ฝากมึงดูของของขวัญกับรีกาโล แล้วก็เพรสไปก่อนแล้วกัน บางทีกูอาจหมกตัวอยู่ในห้อง ไว้ตอนที่กูจะลงสีกูจะย้ายภาพไปลงสีที่ห้อง ถ้ากูไม่ออกมาซักสามเดือนก็ไม่ต้องตกใจ กูไม่ตายหรอก"
ผมบอกแล้วมองภาพต่อ
รูปนี้ของไอ้ไพรซ์ที่ผมวาด จะต้องเป็นงาน masterpiece อีกชิ้นแน่ เหมือนภาพวาดภาพแรกของผมที่สามารถสร้างชื่อ Primo Premio ให้ดังได้ชั่วข้ามคืน
รูปภาพที่มีไอ้ไพรซ์เป็นแบบให้เหมือนกัน...
เวลาผ่านไปสองเดือน สามเดือน สี่เดือน และเจ็ดเดือน ไอ้ไพรซ์ยังคงทำหน้าที่เพื่อนที่ดี แม่ที่สมบูรณ์แบบ คุณภรรยาที่สมบูรณ์พร้อม
มันอยู่เป็นเพื่อนรีกาโลกับเพรส เป็นแม่ที่เลี้ยงลูกตั้งแต่ยังคลานไม่ได้มาเป็นเด็กตัวเล็กที่เริ่มส่งเสียงและวิ่งเล่นได้ เป็นเมียที่คอยเคาะจานข้าวเรียกสามีกินข้าวเหมือนเรียกหมา ผมกับมันกินและอยู่ด้วยกันตามปกติ ใช้ชีวิตด้วยกันตามปกติ เหมือนคนที่เป็นทั้งแฟนและเพื่อน มันไม่เคยบ่นเวลาที่ผมไม่เคยออกจากห้องเป็นเดือนๆเวลาผมวาดรูป ไม่เคยงี่เง่าใส่ทั้งที่ผมไม่ค่อยมีเวลาให้มัน มีบ้างบางเดือนที่ผมไม่ออกจากห้องเลย มันก็ไม่เคยด่าหรือแอบน้อยใจ และพอผมออกมาทีไรก็จะเห็นห้องที่สะอาดและมีอาหารรอพร้อม
เพรสกับของขวัญก็ตัวโตขึ้นเรื่อยๆ เจ็ดเดือนมาแล้วเพรสตัวใหญ่กว่ารีกาโลท่วมหัว ของขวัญก็ตัวโตอ้วนป้อมแบบเด็กสุขภาพดี ผมเป็นคนพาไอ้ไพรซ์กับของขวัญไปโรงพยาบาลเวลาที่ของขวัญป่วยหรือต้องไปฉีดวัคซีน พาไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆบ้างหรือที่ดาดฟ้าของโรงแรมบ้างเพื่อความผ่อนคลาย
มันไม่เคยเรียกร้องอะไร
เหมือนกับว่า ขอแค่ให้ได้อยู่ด้วยกันก็พอ
ชีวิตเจ็ดเดือนที่ผ่านมาผมรู้สึกเหมือนตัวเองมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ มีลูกที่น่ารัก มีแม่บ้านที่แสนดี มีหมาสองตัวที่หมาตัวโตเป็นลูกน้องหมาตัวเล็ก มีคนรัก มีแฟน มีแม่ของลูก มีเพื่อน ไอ้ไพรซ์เป็นคนเดียวที่สามารถให้ผมมีได้ทุกอย่างในตัวคนๆเดียว
ทุกครั้งที่ผมวาดภาพและลงสีที่บนพื้นผ้าใบ ผมจะลงสีด้วยความรู้สึกแบบนี้ทุกครั้ง
ลงสีด้วยหัวใจทั้งหมดที่อยากปกป้องมัน และสามารถทำลายได้ทุกคนที่จะทำให้มันร้องไห้
ผมมองภาพวาดขนาด เบอร์หกสิบ ตามมาตรฐาน French sizes (130 cm x 89 cm) ด้วยอารมณ์และความรู้สึกทั้งหมด
" My Prize By Primo Premio "
เสร็จสมบูรณ์แล้ว
.
.
.
" เจ้าของภาพเขาได้ดูหรือยัง" อันนี้พี่ต้อมถามครับ ผมเรียกพี่แกให้มารับรูปเพื่อที่จะส่งไปที่มิวนิค
" ยัง ผมจะพามันไปดูที่มิวนิคเอง แล้วจะพามันไปนีซต่อ (เมืองท่องเที่ยวของฝรั่งเศส) "
" แล้วนี่เขารู้รึเปล่าว่าภาพแรกที่มึงวาดจนได้รางวัลเป็นภาพเขา"
" โง่ๆอย่างไอ้ไพรซ์มันจะไปรู้อะไร ทั้งชื่อนามปากกา ทั้งชื่อรูป ผมแสดงออกขนาดนี้ มันยังไม่รู้ตัวเลย"
" ก็มึงชอบไปทำหน้าเอ๋อใส่มัน มันก็หลงกลมึงอ่ะดิ อย่าไปหลอกไอ้ไพรซ์นักเลย สงสารมัน มันก็ชอบมึงมาตลอดห้าปีเหมือนกันน่า"
" สงสารอะไรมัน ผมสิน่าสงสาร ต้องแกล้งโง่ให้มันด่า แถมโดนซ้อมอีก เจ็บจะตาย"
" มึงนี่น้าา ชอบเขามาตั้งนานแต่เสือกทำเป็นซึน นี่ดีนะที่ไอ้ไพรซ์มันรอมึง ไม่งั้นกูจะหัวเราะให้ฟันหัก"
" ไม่มีทาง มันมองผมคนเดียว สายตามันมีแต่เงาของผม มันไม่ทางหนีไปไหนแน่"
" เหรออออ ระวังกูจะไปฟ้องไอ้ไพรซ์ ว่าที่มึงทำเอ๋อน่ะมึง..."
" ถ้าพี่ฟ้องผมจะเปลี่ยนเอเจนซี่"
" โอเคคร้าบ น้องยูอาร์ ไอ้เด็กแสบ อย่าให้กูมีโอกาสนะมึง กูจะฟ้องไอ้ไพรซ์ มีรูปเดียวใช่ไหม จะให้กูจองตั๋วเลยรึเปล่า"
" มีรูปเดียว รูปอื่นผมส่งไปนีซแล้ว จองตั๋วเครื่องบินได้เลย เอา first class นะ จองเพื่อ รีกาโล เพรส กับของขวัญด้วย ไปมิวนิคเสร็จผมจะไปนีซต่อเลย ไอ้ไอเอ็มมันอยู่ที่ฝรั่งเศษแล้ว แม่กับพ่อกำลังจะตามไป วันเกิดแม่พอดี ไอเอ็มมันจะไปเปิดตัวลูกกับเมีย ผมจะเอาไอ้ไพรซ์ไปเปิดตัวเหมือนกัน"
" เหรอออ น่าอิจฉาโว้ยย ทำไมกูไม่มีแบบมึงบ้างวะ รักๆเลิกๆจนผมหงอกแล้วกูยังไม่มีเมียเป็นตัวเป็นตนซักคน อิจฉาว่ะ"
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูทำให้ผมเอาผ้ามาคลุมผลงานก่อนตีหน้ามึนเหมือนเดิมจนพี่ต้อมจิ๊จ๊ะ
" คนของของมาแล้วครับ ให้เข้ามาเลยไหม ไอ้เชรี่ยมึงไปโกนหนวดดิ๊ เดี๋ยวเขาก็นึกว่ามึงเป็นโจรมาขโมยรูปหรอก"
" มึงทำดิ กูขี้เกียจ"
" ขี้เกียจหายใจด้วยไหมมึง ข้าวน่ะจะแดกไหม พี่ต้อมกินข้าวด้วยกันนะ ผมทำเพื่อไว้แล้ว" ทีกับกูพูดเสียงแข็ง ที่กับคนอื่นล่ะพูดเสียงอ่อนเชียว
" พี่..."
" ป้อนกูด้วย กูหิว กูขี้เกียจถือช้อน ส่วนพี่ต้อมแกรีบกลับ เก็บส่วนของพี่ต้อมให้กูแดกพอ ป้อนเค้กกูด้วย กูเหนื่อย"
ผมบอกตัดหน้าพี่ต้อม ก่อนมองไอ้ไพรซ์ที่หน้าแดงไม่เลิก คบกันมาตั้งนาน ยังหน้าแดงได้อีกนะมึง
" ไอ้หน้าด้าน! กูไม่ป้อนมึงโว้ย!"
" ไม่ป้อนกูจูบ แล้วเค้กอ่ะ ป้อนกับปากนะ เอาเค้กส้ม กูอยากกิน"
" ไอ้เชรี่ย!!! "
ปัง!!!
แล้วมันก็ปิดประตูหนีไปครับ
หึหึ เมียใครวะ ขี้อายจริง
" มึงนี่น้าาา ไปแกล้งไอ้ไพรซ์มัน มันจะรู้ไหมวะ ไอ้ท่าทางเอ๋อๆของมึงน่ะ ซาตานในคราบเทพบุตรชัดๆ"
" ต่อให้รู้ตอนนี้ผมก็ไม่ปล่อยมันแล้ว รอมาตั้งห้าปีกว่าจะได้มันมาเป็นเมีย คราวนี้ผมไม่ปล่อยมันไปแน่ๆ"
" เหรออออ แอบชอบเขามาตั้งแต่ปีสาม ยอมเรียนวาดภาพก็เพื่อวาดภาพเขา โรแมนติกเหี้ยๆ แล้วมึงจะรอทำไมวะ คบกันไปแต่แรกก็จบเรื่องไปแล้ว"
คราวนี้ผมไม่ได้ตอบพี่ต้อม ได้แต่ส่งยิ้มแบบกวนส้นไปให้ ก่อนจ้องมองภาพ My Prize ที่กำลังถูกห่อ
เหตุผลที่ผมชอบไอ้ไพรซ์และรอมาห้าปี ผมจะบอกมันตอนที่ไปที่นีซ
ที่ซึ่งผมแขวนภาพของมันไว้ในห้อง
ภาพแรกที่ผมวาดและได้รางวัล
โดยที่มันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นนายแบบ
ภาพ...
" First Prize "
ที่มาของนามปากกา Primo Premio
รางวัลชีวิตที่ผมได้มาไว้ในมือ
รางวัลที่ผมจะไม่ปล่อยไปเป็นครั้งที่สอง
=========================================
ตอนหน้า...
ตอนจบ!เย้ๆๆๆ ในที่สุดก็จะจบซักที เรื่องแรกที่จบเลยนะเนี่ยยย ฮือออ