สวัสดีค่ะ รู้สึกพลอยจะวางทามไลน์ผิดไปนิด... ทางมหาวิทยาลัยของพลอยปีนี้จัดโอเพ่นเฮาส์ก่อนลอยกระทงแถมปีนี่ไม่ได้จัดงานวันลอยกระทงอีก โอ่ววงั้นเรามาฉลองกันในงานวันลอยกระทงของน้องกรกันเถอะค่า (ประเด็นคือมหาลัยของพลอยก่ะไม่ใช่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับน้องกร// อันนี้จริงจัง)
Chapter 21
สวัสดีครับ วันนี้เป็นวันที่มีงานลอยกระทงวันสุดท้ายแล้วหละครับ ไม่ต้องสงสัยนะครับว่าทำไมผมไม่เล่าถึงเรื่องภายในวันที่สอง คือมันเหมือน ๆ กับวันแรกนั่นแหละครับ เพราะว่าผมก็ยังคงหนีเจ้น้ำหวานไปขายไอติมแทนการไปนั่งเป็นหนุ่มน้อยตกน้ำ (แข็ง) และพูดเกี้ยวสาว ๆ เพื่อให้รุ่นพี่และรุ่นเพื่อนมาซื้อไอติมกัน แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาก่อนวันแรกก็คือพี่ศิที่ดูเหมือนว่าจะว่างจัดมาคอยเดินตามรถสามล้อที่ไอฟอง (และไอวิว) ขี่ครับ ไอเดินตามนี่ผมก็ไม่ว่าหรอกครับแต่ว่าไอเสน่ห์ที่แสนล้นเหลือของพี่ศินี่สิทำให้สาว ๆ แทบจะมาเกาะล้อของรถสามล้อเพื่อตามพี่ศิเลยล่ะครับ
ไอจะว่าดีมันก็ดีอยู่หรอกครับเพราะพี่ศิทำให้ไอติมของเราขายดีมากกว่าเมื่อวันแรกมาก ๆ แต่ที่ไม่ดีคือมันทำให้ผมหงุดหงิดครับ เหตุผลที่หงุดหงิดผมตอบเลยว่าไม่รู้แต่มันไม่พอใจที่พี่ศินี่โปรยยิ้มให้ทุก ๆ คนที่มาซื้อครับ ผมนี่แทบอยากจะสั่งให้พี่ศิหุบยิ้มแต่ก็นะมันสิทธิของพี่เขาที่จะยิ้มผมเลยได้แต่นั่งข่มอารมณ์ไม่พอใจของตัวเองต่อไป
เรามาเล่าถึงเรื่องของวันนี้ดีกว่าครับหลังจากงานวันที่สองจบลงเจ้น้ำหวานที่กำลังหงุดหงิดได้ประกาศกร้าวว่าถ้าเกิดวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงานลอยกระทงที่มหาวิทยาลัยจัด ผมไม่ยอมไปนั่งเป็นหนุ่มน้อยตกน้ำ (แข็ง) ล่ะก็ ปีหนึ่งทั้งรุ่นจะโดนทำโทษ
ถึงกระนั้นทุกคนจะว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้นะครับเพราะว่าตอนนี้ผมกำลังหนีหัวซุกหัวซุนแบบไร้คนช่วยครับเพื่อน ๆ ทุกคนนี่ตามล่าผมหยั่งกับว่าผมเป็นนักโทษหนีคดี จะโทรไปหาพี่ศิให้พี่เขาช่วยผมก็ไม่สามารถทำได้ครับด้วยเหตุผลสองสามประการ นั่นคือข้อที่ 1.พี่ศิติดเรียนครับ ข้อที่ 2.ผมเรียกให้พี่ศิมาช่วยให้รอดพ้นจากน้ำมือของเจ้น้ำหวานไม่ได้เพราะวันนี้พี่ศิเขาเข้าเวรครับเวรคราวนี้เป็นเวรรอบเย็นถึงสี่ทุ่ม ซึ่งถ้าพี่ศิจะมาช่วยผมได้ก็คือหลังเลิกเวรซึ่งน่าจะราว ๆ 4 ทุ่มครึ่ง
แต่ตอนนี้มันเพิ่งบ่ายสามโมงเองครับดังนั้นงานนี้ผมต้องช่วยตัวเองไปก่อนครับอย่างน้อยก็หนีประวิงเวลาให้เข้าใกล้ 4 ทุ่มครึ่งให้ได้มากที่สุด เพราะว่ายิ่งใกล้เวลาที่พี่ศิเลิกเวรผมยิ่งมีโอกาสรอดมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ (อย่าบอกให้ผมกลับคอนโดนะครับนั่นเป็นที่แรกที่เพื่อน ๆ ผมไปดักรอผมเลยครับ)
ดังนั้นตรงไหนซ่อนได้ผมซ่อน ตรงไหนหนีได้ผมหนี แต่มันก็มีสิ่งที่ทำให้ผมหลบหนีอย่างยากลำบากเพิ่มมากขึ้นนั่นก็คือพวกเพื่อน ๆ ของผมมันใช้เส้นสายกันแบบโทรตามเพื่อนคณะต่าง ๆ ให้ช่วยกันหาผมครับ (เพราะพวกมันกลัวผมไปหลบที่คณะอื่นแล้วทุกคนจะตามกันไม่เจอ) และถ้าทุกท่านจะบอกให้ผมขับรถหนีออกจากมหาวิทยาลัยไปเลย ผมของบอกเลยว่าผมทำไม่ได้ครับเพราะไอเจมส์ผู้เป็นประธานชั้นปีมันยึดกุญแจรถของผมไว้ตั้งแต่งานวันลอยกระทงวันแรก ครับดังนั้นตอนนี้ผมมีเพียงขาแค่สองข้างที่เอาไว้ใช้หนีเพียงเท่านั้นแหละครับ
หัวใจผมมันเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เพราะตอนนี้ผมหนีเข้ามาในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยครับและไม่รู้ว่าผมจะหลบที่นี่ไปได้อีกนานไหมด้วยสิ (ที่มาหลบที่นี่เพราะว่าที่นี่ใช้เสียงไม่ได้เพื่อน ๆ ที่คอยแยกกันตามหาผมก็ส่งเรียกเรียกเพื่อนไม่ได้ทำให้ผมมีโอกาสรอดมากยิ่งขึ้น) ตอนนี้ผมพยายามเดินเร็วไปทั่วหอสมุดเพื่อหลบสายตาของเพื่อนไปเรื่อย ๆ จุดที่ดีที่สุดในการหลดสายตาคนนั้นครับนั่นก็คือแอบตามชั้นหนังสือครับยิ่งพวกลอคทีสิสของพวกรุ่นพี่นี่เป็นที่ซ่อนชั้นดีเลยครับ (เหตุผลที่ผมต้องเดินไปรอบ ๆ หอสมุดนั่นก็คือผมไม่ต้องการเป็นเป้านิ่งครับ ถ้าเราอยู่เฉย ๆ ก็เหมือนกับว่าเราเป้านิ่ง ดังนั้นเราต้องเคลื่อนที่คอยหลบคอยหลีกสายตาคนตลอดเวลาครับ วิธีนี้อย่างน้อยก็ทำให้ผมหลบเพื่อน ๆ ได้ระยะหนึ่ง ถ้าผมไม่ซวยมากขนาดเดินหนี เดินหลบแล้วไปเจอเพื่อน ๆ ที่มาตามหาผมครับ ถ้าเกิดเจอเหตุการณ์แบบนั้นก็ตัวใครตัวมันครับ ต่อให้หอสมุดมีกฎห้ามทำเสียงดังหรือห้ามวิ่งภายในหอสมุด ผมคงไม่สนใจกฎพวกนั้นแล้วก็รีบโกยแนบออกจากหอสมุดแบบไม่คิดชีวิตครับ)
ตอนนี้ดูเหมือนเพื่อน ๆ ของผมจะตัดใจหาผมในหอสมุดแล้วครับ ผมแอบมองพวกมันจากชั้นบนเพื่อน ๆ ทุกคนเริ่มเดินมารวมกลุ่มและค่อย ๆ ทยอยกันเดินออกไปจากหอสมุด ความจริงแล้วหอสมุดพวกนี้ก็ไม่ได้กว้างมากจนหาลำบากแต่ตัวผมมันดันซ่อนเก่งเท่านั้นแหละครับ
ผมคิดว่าผมอาจจะซ่อนตัวอยู่ในนี้จนกว่ามันจะปิด ซึ่งเวลาปิดของหอสมุดนั่นก็คือเวลาสี่ทุ่มตรง แต่ด้วยมีงานเทศกาลวันลอยกระทงที่ทางมหาวิทยาลัยจัด หอสมุดเลยเลื่อนเวลาปิดเร็วขึ้นถึงสามชั่วโมง เวลาปิดหอสมุดก็เปลี่ยนไปเป็นปิด 1 ทุ่มตรงและผมคงซ่อนในนี้ได้ถึงเวลานั้นแหละครับ
ในที่สุดการหลบหนีภายในห้องสมุดของผมก็จบลงผมก็ได้นั่งพักสักทีหลังจากที่เล่นซ่อนแอบกับเพื่อน ๆ เป็นเวลาเกือบ ๆ สามสิบนาที ผมเดินไปยังชั้นที่เก็บหนังสือด้านวิศวกรรมศาสตร์พร้อมกับไล่หาหนังสือหรือบทความที่น่าสนใจออกมาอ่านเล่นฆ่าเวลา
ผมนั่งอ่านไปพลางมองนาฬิกาไปตอนนี้เป็นเวลาเกือบ ๆ จะหกโมงครึ่งแล้วครับ และมันก็ใกล้เวลาที่จะปิดหอสมุดแห่งนี้แล้ว ผมก็เลยต้องเตรียมตัวออกจากหอสมุดผมเดินเอาหนังสือหลายต่อหลายเล่มที่ผมหยิบเอาเอาไปเก็บเข้าชั้นหนังสือพร้อมกับเดินลงบันไดไปชั้นและและก้าวเท้าออกจากสถานที่นี้
แต่ทันทีที่ผมออกจากหอสมุดความซวยของผมก็เข้ามาเยือนทันทีสหายร่วมรุ่นคณะวิศวะของผมก็ดันบังเอิญเดินเข้ามาถามหาผมที่หอสมุดแห่งนี้นั่นจึงทำให้ต้องใช้สกิลเกียร์หมาวิ่งหนีพวกเพื่อน ๆ แบบไม่คิดชีวิต
“ไอกรหยุดนะเว้ย! นี่มรึงจะทำให้เพื่อนซวยยกชั้นปีเหรอวะ มรึงมานี่เลยเจ้น้ำหวานตามตัวมรึงอยู่” เสียงไอวิวตะโกนเรียกสงสัยว่าหน้าที่ขี่รถสามล้อน่าจะถูกยกให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นแล้วครับ มันถึงมาวิ่งตามหาผมแบบนี้ได้
ซึ่งผมก็ไม่หยุดตามที่มันบอกหรอกครับซ้ำมันยิ่งทำให้ผมอัพสกิลเกียร์หมาของผมให้ไวขึ้นไปอีก “แม่ม ไอวิวเพื่อนกันรับผิดชอบร่วมกันสิวะ จะให้กรูไปเปียกคนเดียวได้ยังไง” คำนี้ทำเอาไอวิวมันลังเลแต่ไอเจมส์มันก็ตบหัวไอวิวเพื่อนเตือนสติแล้วตะโกนใส่ผมว่า
“มรึงไม่ต้องมาชักแม่น้ำทั้งห้าให้พวกกรูปล่อยมรึงไป เพราะมรึงเจือกโดดหน้าที่พวกกรูเลยต้องซวยดังนั้นมรึงต้องชดใช้ด้วยร่างกายไปเป็นหนุ่มน้อยตกน้ำที่ซุ้มคณะซะไอเชี่ยกร” ผมแทบอยากจะกัดลิ้นตายอยู่ตรงนี้ ผมไมได้โดดหน้าที่สักหน่อยงานสองวันผมก็ช่วยแต่ผมไม่ได้ไปทำหน้าที่ที่เจ้น้ำหวานจัดไว้ให้เท่านั้นเอง
“มรึงก็ไปนั่งแทนกรูดิ! กรูยกหน้าที่นั้นให้มรึงไอเจมส์” ผมตะโกนตอบมัน เท้าของผมก็ยังคงวิ่งหนีพวกมันต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าผมไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนถึงได้วิ่งได้นานขนาดนี้ ปกติแต่สิบนาทีก็จอดแล้วครับ นี่ผมพยายามวิ่งเข้าไปในกลุ่มคนมาก ๆ ดังนั้นที่ที่ผมวิ่งไปมันก็คือสถานที่จัดงานวันลอยกระทงนี่หละผมหวังว่าผู้คนที่มากมายมันจะช่วยให้ผมหนีรอดจากเพื่อน ๆ ที่ตอนนี้มันกำลังวิ่งตามผมอยู่ครับ แต่รู้สึกว่าผมนั้นคิดผิด คิดผิดแบบสุด ๆ เพราะผมลืมไปว่าซุ้มคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่รักของผมนั้นอยู่ช่วง ๆ ต้นงานดังนั้นการที่ผมวิ่งเข้าไปในงานเหมือนกับเป็นการบอกให้รุ่นเพื่อนและรุ่นพี่รู้ว่าผมนั้นได้เข้ามาในงานแล้ว
ตอนนี้ผมเปรียบเสมือนหมูในอวยแล้วครับ จะโดนจับตัวไปนั่งบนถังน้ำนรกนั่นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้แถมขาตอนนี้ของผมเริ่มล้าแล้ว แถมเพื่อน ๆ ที่ซุ้มก็เริ่มวิ่งตามหาผมมากขึ้นกว่าเก่าจากกลุ่มเพื่อนของผม 8 คน ตอนนี้เพิ่มอีกยี่สิบสามสิบคน แล้วไอสภาพการณ์แบบนี้มันทำให้ผมรู้ตัวแล้วหละครับว่าผมหนีไม่รอดแน่ ๆ ในตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วครับว่าผมจะหนีรอดต่อไปได้อีกกี่นาที
ผมวิ่งหนีมาหลังซุ้มคณะทันตะครับ เมื่อรอดสายตาของเพื่อน ๆ ผมก็ทรุดตัวนั่งลงไปกับพื้นพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เลยครับ ‘ผมไม่อยากจะบอกว่าตอนนี้ผมเหนื่อยแบบสรัดผักเลยทีเดียว วิ่งหนีไม่ไปอีกต่อไปแล้วครับถ้าเพื่อนมันมานี่ผมยอมนอนให้มันจับผมไปนั่งบนถังน้ำนรกเลยครับ’ ผมยกนาฬิกาขึ้นมาดูตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 2 ทุ่มแล้วครับตอนนี้ผมวิ่งหนีมาเป็นเวลาเกือบ ๆ ชั่วโมงครึ่งแล้วหรือเนี่ย มิน่าผมถึงเหนื่อยบัดซบขนาดนี้
ผมนั่งหลบอยู่หลังซุ้มคณะเภสัชไปอีกสักพักในที่สุดเพื่อน ๆ ของผมก็หาผมเจอครับ ร่างของผมนี่ถูกหิ้วปีกออกจากหลังซุ้มคณะเภสัชและตรงไปยังซุ้มคณะวิศวะที่รักของพวกเรา สายตาของคนในงานนี่จ้องผมแบบถ้าร่างของผมนี่ทะลุได้คงทะลุไปแล้ว
หลังจากการเดินทางจากซุ้มคณะเภสัชมาถึงคณะวิศวะผมก็ถูกเพื่อน ๆ ชั้นปีที่ 1 โยนไปหน้าเจ้น้ำหวานขาผมทรุดลงกับพื้นแทบจะทันทีโดยเบื้องหน้าของผมมีเจ้น้ำหวานที่ยืนกอดโปรยยิ้มชั่วร้ายใส่ผมอยู่
“สวัสดีจะน้องกรสุดที่รักของเจ้โดดงานไปสองวัน งานนี้ต้องทำงานชดใช้เจ้หน่อยซะแล้วหละ” สิ้นเสียงเจ้น้ำหวานก็ยกมือขึ้นมาดีดนิ้วเสียงดังพร้อม ๆ กับร่างของผมที่ถูกรุ่นพี่ลากเข้าไปในซุ้มคณะ
จะทำอะไรผมก็ทำเลยครับเชิญ! เพราะแม้แรงที่จะดิ้นหนีผมนี่ไม่มีแล้วครับเหนื่อยสายตัวแทบขาด ผมไม่เคยวิ่งเป็นระยะเวลานาน ๆ นี้มานานมากแล้วครับ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกเลยก็ได้นะครับที่ผมวิ่งมาราธอนขนาดนี้
ตอนนี้ผมโดนเฮียก๊อตผู้เป็นเบ้กิตติมศักดิ์ของเจ้น้ำหวานโยนเสื้อสีขาวที่สกรีนคำว่าน้องกรมาให้ผมใส่ครับ ผมก็ถอดเสื้อนิสิตที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อให้เฮียก๊อต พร้อมกับสวมเสื้อสีขาวที่มีชื่อสุดสยิวของผมสกรีนอยู่ ต่อมาเฮียบุญเกิดซึ่งเขาก็เป็นเบ้กิตติมศักดิ์ของเจ้น้ำหวานก็โยนกางเกงขาสั้นมาให้ผมผมมองกางเกงตัวนั้นก่อนจะหามุมมืดเพื่อไปเปลี่ยนกางเกงแสลคเป็นกางเกงที่พวกรุ่นพี่เตรียมไว้ให้
ผมเดินตัวปลิวไปที่ฉากหลังที่รุ่นพี่กั้นไว้ให้เปลี่ยนเสื้อผ้าผมถอดกางเกงสแลคออกพร้อมกับสวมกางเกงเจ้ากรรมที่เฮียบุญเกิดแกส่งมาหลังจากที่ผมสวมมันผมกรีดร้องออกมาเสียงดังจนรุ่นพี่หลาย ๆ คนกรูกันเข้ามาดูผมว่าผมนั้นเป็นอะไรไปหรือเปล่า ผมหันไปมองพวกรุ่นพี่ทั้งน้ำตาพร้อมกับชี้กางเกงที่สั้นจนปิดต้นขาของผมไม่มิดทั้งน้ำตา
‘กางเกงเชี่ยอะไรครับ สั้นชิบเป๋งเลย ความยาวของมันนี่ปิดขาอ่อนของผมไม่มิดเลยครับ ความยาวของมันนี่ผมขอเปรียบเทียบกับกางเกงของนักกรีฑานะครับที่มันสั้นสุด ๆ นะ ไอกางเกงตัวนี้มันยาวกว่ากางเกงนั่นนิดหน่อยแต่มันก็ยังถือว่าสั้นอยู่ดีครับและที่แตกต่างอีกอย่างก็คือกางเกงนั่นจะเป็นกางเกงทรงปล่อยแล้วใช้ผ้ามัน ๆ ในการตัดเย็บแต่กางเกงตัวนี้ออกจะเข้ารูปสักนิดแล้วปลายกางเกงเป็นแบบพับขึ้นติดกระดุม ทรงมันก็น่ารักดีหรอกครับแต่มันโคตรไม่เหมาะกับผู้ชายแมน ๆ อย่างผมเลย แต่ที่หนักหนากว่าไอความสั้นนั่นมันก็คือตัวกางเกงเป็นสีขาวครับ ดีนะที่วันนี้ผมเลือกใส่กางเกงในสีขาวมาไม่งั้นเปียกน้ำไปนี่ กางเกงในผมต้องส่องแสงทะลุเนื้อผ้ามาปรากฏให้คนอื่น ๆ ได้เห็นเป็นแน่’
หลังจากที่ผมโวยวายใส่รุ่นพี่และประกาศกร้าวว่าไม่ยอมออกไปนั่งที่ถังน้ำนรกในสภาพนี้แน่ ๆ ในที่สุดรุ่นพี่ที่คุมงานอยู่ด้านหลังก็ทนไม่ไหวและเดินออกไปวิ่งตามให้เจ้น้ำหวานเข้ามาเคลียร์กับผม
ชายหนุ่มในมาดหญิงสาวค่อย ๆ ย่างก้าวเข้ามารอยยิ้มหวานที่ใช้เรียกแขกตอนนี้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มชั่วร้ายครับเธอเดินเข้ามาใกล้ ๆ ผมพร้อมกับใช้แรงของผู้ชาย (ที่เจ้แกปกปิดเอาไว้) หิ้วคอผมและถีบให้ผมออกไปยืนหน้าฉากครับ คราวนี้แหละเสียงกรี๊ดของสาว ๆ ที่ยืนอยู่หน้าซุ้มนี่ดังสนั่นเลยครับ ไอผมแทบอยากจะกัดลิ้นตายมันตรงนั้นแต่เจ้น้ำหวานไม่ยอมให้ผมตายครับหลังจากที่เจ้แกถีบให้ผมออกไปหน้าฉากแล้วคราวนี้เจ้แกก็ลากคอผมให้ไปนั่งที่ถังน้ำอันกลางสุดเลยครับ เอาเป็นว่าตอนนี้สภาพผมเด่นแบบสุด ๆ ไฟแต่ละดวงนี่ต่างหันกันมาจ่อที่ผมเลยครับ
และหลังจากที่ผมปีนขึ้นไปนั่งบนถังน้ำแล้วเจ้น้ำหวานก็กรีดกรายถือไมค์โครโฟนพร้อมกับพูดกรอกเสียงลงไปพร้อมกับมอบโปรโมชั่นอันแสนพิเศษให้กับลูกค้าครับ
“สวัสดีค่า เจอกันอีกรอบแล้วนะคะ หลังจากที่เราให้หนุ่มน้อยของเราแต่ละคนไปพักผ่อนคลายความหนาวกัน คราวนี้รอบใหม่เราขอส่งหนุ่มน้อยที่ทุก ๆ คนรู้จักกันดีนะคะ เขาคนนั้นก็คือ ‘น้องกร’ ค่า!! และในรอบสุดท้ายเรามีโปรโมชั่นสุดแสนพิเศษมามอบให้ทุก ๆ คนนะคะ” เจ้น้ำหวานถือไมค์โครโฟนพร้อมกับเดินไปทั่วบริเวณหน้าซุ้มร้อยยิ้มชั่วร้านที่แกยิ้มให้ผมตอนนี้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ใช้สำหรับต้อนรับแขกแล้วครับ
“โปรโมชั่นของรอบนี้นั่นก็คือ ใครปาให้หนุ่มน้อยของเราตกน้ำรวดเดียวห้าครั้งด้วยลูกบอล 5 ลูก จะได้รับการหอมแก้มจากหนุ่มน้อยตกน้ำของเราแต่โปรโมชั่นนี้มาแรงกว่า! เด็ดกว่า! และยั่วยวนใจมากกว่ารอบที่แล้วค่ะ! เพราะคราวนี้ถ้าใครปาลูกบอลให้หนุ่มน้อยตกน้ำของเราตกน้ำ 5 ครั้งจาก 5 ลูก รับไปเลยค่ะหนุ่มน้อยตกน้ำของเรา! คุณสามารถพาหนุ่มน้อยตกน้ำของเราไปที่ไหนก็ได้ในงานลอยกระทงเป็นเวลา 30 นาที จะพาไปเดินเทียวให้อาหารปลาหรือจะพาหนุ่มน้อยของเราไปลอยกระทงเป็นคู่รักก็ได้นะคะ ใครดีใครได้ ห้าลูกแค่สามสิบบาทเท่านั้นเองค่ะ!” สิ้นเสียงของเจ้น้ำหวานคราวนี้ไม่ใช่ผมแค่คนเดียวที่อยากจะร้องกรี๊ด เพราะว่าเหล่าหนุ่มน้อยตกน้ำที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมก็หวีดร้องกันเสียงหลงแถมบางคนแทบจะกระโดดลงจากถังน้ำไปเขย่าคอเจ้น้ำหวานผู้มีอำนาจใหญ่สุดในซุ้มตอนนี้ แต่ทุกคนก็ไม่สามารถทำได้ครับเพราะว่าตอนนี้รอบ ๆ ตัวเจ้น้ำหวานนี่มีบอดี้การ์ดยืนล้อมเลยครับ (สงสัยเจ้น้ำหวานคงเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะเล่นมุกนี้ เจ้แกเลยเตรียมการแบบไม่บอกใคร ถ้าจะบอกก็บอกแค่คนสนิทเท่านั้นแหละครับ)
แต่พวกเราทุกคนที่นั่งอยู่บนถังน้ำก็ได้แต่ปิดปากเงียบสนิท (เพราะสายตามหาโหดของเจ้น้ำหวานที่รักของพวกเรา) และยอมให้เจ้น้ำหวานพูดโปรโมชั่นที่โคตรจะเปลืองตัวพวกผมออกไป งั้นผมขอสรุปนะครับว่าโปรโมชั่นของเจ้น้ำหวานน่ะมีอะไรบ้าง ปาตก 1 ลูก ได้ไอติมปั่น 2 แท่งครับ (ไอติมปั่นมันก็ไอที่ผมไปแว้นซ์สามล้อขายกันนั่นแหละครับ ไอติมปั่นนั่นเลย) ถ้าปาตก 2 ลูกได้นมหนึ่งกล่องครับ ปาตก 3 ลูกได้นมสองกล่องครับ ไอโปรโมทชั่นสามโปรโมชั่นแรกนี่พวกผมกำไรกันแหลกลาน เงินเข้าคณะอย่างพรึบ แต่ไอโปรโมชั่นทั้งแต่ลูกที่ 4 เป็นต้นไปนี่แหละครับ มันเริ่มทำให้พวกผม ขอย้ำว่า ‘พวกผม’ นั้นขาดทุน เพราะถ้าเกิดมีใครปาผมพวกตกน้ำได้ 4 ลูก พวกเขาจะได้รับการหอมแก้มจากผมคนละทีครับ และถ้าเกิดมีใครโชคดีและเฮงสุด ๆ คือการปาให้พวกผมตกน้ำได้ 5 ครั้งติด พวกคุณจะได้พวกผมไปควงในงานลอยกระทงเป็นเวลา 30 นาทีและไอสามสิบนาทีนี้พวกผมไม่สามารถปฏิเสธ สิ่งที่อีกฝ่ายขอได้เลย
เรียกได้ว่ามันเป็นอะไรที่นรกแตกมากเลยครับ เจ้น้ำหวานแกไม่คิดถึงหัวอกลูกผู้ชายอย่างพวกผมเลย ถ้าสาว ๆ ปาตกผมไม่ว่า แต่ถ้าเป็นผู้ชายปาพวกผมตกหละก็งานนี้มีฟ้าผ่าไปกันข้างหนึ่งครับ
“หลังจากให้ทุกคนรอคอยมานานนะคะ เอาล่ะค่ะ ตอนนี้ซุ้มของคณะวิศวะของเราได้เปิดขึ้นอีกครั้งแล้วค่า” เจ้น้ำหวานพูดพร้อมกับเดินหลบฉากไปและเหล่าผู้คนก็เทกันเข้ามาต่อคิวเพื่อปาบอลครับ บางคนมาปาด้วยความสะใจ บางคนนี่ปามาหวังให้พวกผมไปหอมแก้ม หวังให้พวกผมไปเล่นเล่นด้วยเป็นเวลาสามสิบนาที
v
v
v
v
v
v
v
v