N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)  (อ่าน 43210 ครั้ง)

ออฟไลน์ seira

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
«ตอบ #150 เมื่อ26-11-2017 13:40:28 »

C h a p t e r  47
คนเกลียดกัน มักจะอยากได้ยินคำตอบที่ชัดเจน


   ไอ้ดำกลับมาตอนเช้าพร้อม ๆ กับบอกว่าวันนี้วันเกิดพี่สาวของมันและให้ผมเตรียมตัว มันจัดทุกอย่างไว้หมดแล้ว
   ความรู้สึกไม่สบายอกสบายใจของผมยังอยู่ครับ.. ผมรู้ดิ รู้ตัวว่ามันงี่เง่า วันเกิดพี่สาวมัน แต่ผมอยากอยู่กับไอ้ดำนี่หว่า.. ไม่ได้เจอกันตั้งหลายอาทิตย์เลยนะ
   “งานวันเกิดเริ่มตอนทุ่มนึง” เสียงทุ้มต่ำของไอ้ดำดังขึ้นมาระหว่างมันกำลังเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร จานแพนเค้กถูกวางไว้ตรงหน้าของผมพร้อมกับตัวมันที่นั่งฝั่งตรงข้าม “เมื่อคืนโทษทีที่ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนมึง”
   ผมสั่นหัว ใช้ส้อมตัดแพนเค้กในจาน
   “เออ.. กูเข้าใจ”
..
ผมงี่เง่ามากเลย
   ผมรู้ตัวครับ โคตรจะรู้ตัวเลย เป็นแฟนก็ไม่ใช่ ไอ้เหี้ยน้ำกรด มึงต้องการอะไรวะเนี่ย โอ๊ย กูแบบ.. กูควรทำไงดี โว๊ะ !! แม่ง แฟนก็ไม่ใช่แต่ยังจะมานั่งงี่เง่าอีก ไอ้ดำมันก็.. ก็เออ โอ๊ยสัส มึงใจดีกับกูเกินไปแล้ว แล้วทำไมผมต้องงี่เง่าด้วยวะ
อดน้อยใจไม่ได้อ่ะ
   “มึงนั่งคิดเหี้ยไรอยู่ ?” สะดุ้งเฮือกทันทีแล้วหันขวับมองหน้ามันที่ขมวดคิ้วใส่ “ไอ้หมา ?”
   “กูเปล่า” ผมสั่นหัว “เออ แล้ววันนี้กูก็แค่นอนเล่นอยู่บ้านเฉย ๆ น่ะเหรอ ?”
   เสี้ยววินาทีที่สบสายตากัน ไอ้ดำเป็นฝ่ายก้มมองแพนเค้กในจานแทน
   “ไปอาบน้ำแล้วมากับกู เดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอกกัน”
หะ.. ?
   ผู้พักอาศัยแบบงง ๆ อย่างผมทำไรได้ครับนอกจากออกมาข้างนอกกับมัน.. ไอ้ดำเองก็ไม่อะไร มันอาบน้ำเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ระหว่างผมที่ต้องเดินคอตกไปอาบน้ำจัดการตัวเองให้เรียบร้อย
บางทีผมอาจจะหวังอะไรอยู่..
   หวัง ? หวังอะไร.. ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวผมต้องการหรือหวังอะไรกันแน่ บางทีอาจจะหวังให้มันไม่มีความลับกับผมหรือบอกเรื่องระหว่างตัวมันและ ‘พี่มด’ ที่ว่านั่นก็ได้ และอันที่จริงผมเองก็รู้สึกว่ามันไม่มีความจำเป็นที่ไอ้ดำต้องบอกเรื่องครอบครัวกับผม
แล้วกูเป็นเหี้ยอะไรวะ..
   ใคร ๆ ก็อาจจะเคยเป็น .. ความรู้สึกที่ว่า ‘อะไรสักอย่าง’ แต่ก็ ‘ไม่รู้’ ว่ามันคืออะไร จุกอยู่ในอก บางทีอาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘หึง’ .. แต่ผมไม่ได้โง่ ที่จะไม่รู้ ไม่สิ จริง ๆ แล้วผมคงโง่อ่ะแหละ แต่ไม่ได้โง่ขนาดนั้น..
   ผมคิดว่าตัวเองแค่อยากเป็นที่หนึ่งของมัน
สนใจกูเป็นที่หนึ่ง แค่นั้นอ่ะแหละ.. ผมรู้ว่าผมงี่เง่า แต่.. แต่โว้ย !! แม่ง หงุดหงิด !!
   ผมคว้าผ้าเช็ดตัวมาซับน้ำที่ติดตามไรผมให้เรียบร้อยแล้วแต่งตัวตามปกติ ภาพที่สะท้อนอยู่ระหว่างส่องกระจกคือภาพตัวผมเองครับ.. เป็นตัวผมเอง
แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกว่า มันคือตัวผม
   ผมไม่ใช่แบบนี้.. ผมไม่ใช่คนที่คิดอะไรเยอะขนาดนี้ ไม่ใช่เลย ไม่ใช่คนที่ต้องกังวลห่าเหวอะไรมากมายด้วย แต่มันทำให้ผมนึกนู่น คิดนั่น สารพัดจนหัวจะระเบิด
เพราะมึงเลยไอ้ดำ..
เพราะมึงคนเดียวทำให้กูเป็นอะไรที่กูไม่เคยเป็น


   “ตกลง.. มาทำไมวะ ?”
งงสิครับ.. งงเหี้ย
   ไอ้ดำบอกว่ามีของต้องซื้อที่ห้างฯ เลยออกจากบ้านมากับผมแค่สองคน ได้แต่งงงวยสุด ๆ ส้นตีนอ่ะ เพราะแทนที่มันจะเดินไปซื้อของ ไม่ครับ มันเหมือนพามาเดินเล่นมากว่า เดินไปเรื่อย ๆ ตามทางห้างฯ แถมห้างฯ แถวบ้านมันผมไม่รู้จักทิศทางอีก จะเดินทางอื่นก็กลัวหลง
   “จะซื้อของไม่ใช่เหรอวะ !” ผมประท้วงคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ อีก “มึงก็รีบ ๆ ซื้อ รีบ ๆ กลับสิ กูอยากตากแอร์ที่บ้าน”
   “ห้างฯ ก็มีแอร์ไม่ใช่เรอะ ?” อึก.. เงิบเลยกู เออจริงของไอ้ดำ มันตอกกลับแบบนี้แล้วผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
เอาตรง ๆ อึดอัด..
อึดอัดเพราะความรู้สึกตัวเองนี่แหละ สัตว์ !
   ไอ้ดำแม่งไม่ได้ผิดครับ ผมนี่แหละ โฮฮฮฮ ผมเป็นอะไรวะ อยากจะทึ้งหัวตัวเอง เอาหัวฟาดขอบโต๊ะสักป้าบ ผมงี่เง่าจริง ๆ  งี่เง่าไปเองคนเดียวอ่ะ !
   “แล้วมึงจะลากกูมาทำไมวะเนี่ย ! ห่า !”
   “ก็มึงไม่อยากอยู่บ้านกูไม่ใช่เหรอ ?”
..
สตั๊นต์หนัก..
   ผมเหวอแดกอ่ะ .. เดี๋ยวนะ นี่ผมแสดงออกทางสีหน้าเหรอครับ หรือว่ายังไง ทำไมไอ้ดำจู่ ๆ มาพูดแบบนี้
   “มึงไม่อยากเห็นกูอยู่ใกล้พี่มดไม่ใช่เรอะ ?”
เหี้ย.. มันรู้
   “...กะ กู กูขอโทษ.. กูเปล่ารู้สึกแบบนั้นนะเว้ย..” มันเสียมารยาทไป ผมพอรู้จักมารยาท ไปอยู่บ้านคนอื่นฟรี ๆ ได้อาหารฟรี ยังเสือกทำหน้าแบบนั้นอีก แย่ครับ.. ผมนี่แหละแย่ ! “เฮ้ย.. ไอ้ดำ กู.. กูทำหน้าตาไม่อยากอยู่เหรอวะ..”
   “เปล่า มึงทำหน้าตาอุบาทว์แบบเดิม ๆ” นัยน์ตาคมของอีกฝ่ายตวัดมามองหน้าผม เป็นอีกครั้งล่ะมั้งที่ผมเห็นแววตาความเอ็นดูที่มันมอบให้ .. “แต่กูรู้เอง”
..ผมไม่ได้ขนลุกคราวนี้
..ตรง ๆ ผมเขินมากกว่า
   ..ไอ้เหี้ย.. รู้เอง มึง.. มึงนี่มัน.. อะไรวะ ทำไม สัตว์ กูทำอะไรพลาดไปรึเปล่า.. ผมว่าผมไม่ได้พูดอะไรเลยนะ ผมแค่บ่นอ่ะ บ่นในใจ โวยวายในใจลั่นๆ ออกมาเฉ๊ยเฉย !
มันรู้อ่ะ.. มันรู้ตลอดว่าอะไรทำให้ผมรู้สึกดี
โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
   “เพ้อเจ้ออะไรในใจอีกล่ะมึง” ได้ยินเสียงไอ้ดำแล้วอยากจะมุดพื้นห้างฯ ลงกลับพัทยาเลยครับ ฮื่อ.. “กูรู้ว่ามึงอยากรู้ทุกอย่าง”
   “...”
   “มึงอยากรู้ใช่ไหมล่ะ ว่ากูกับพี่มดไปทำอะไรกันเมื่อคืน” โห พูดซะ
   “ทำม..” กำลังจะอ้าปากถามว่าทำไมถึงรู้แต่กลับโดนขัดก่อน
   “เพราะมึงขี้เสือก” ..โอ้โห พูดแบบนี้เอาส้นตีนมาอัดหน้ากูดีกว่า “โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับกู”
   “...”
   “และถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกู มึงจะอยากรู้เป็นคนแรกด้วย”
   “มั่นใจเกินไปไหมไอ้เหี้ย”
   “เกินล้าน”
..เกลียดมัน !!
   เกลียดมันที่อ่านผมออกน่ะสิครับ ! อ่านออกอะไรนักหนาวะ ไอ้ดำแม่งก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก้าวฉับ ๆ ไปดูหมวดรองเท้ากีฬาพร้อม ๆ กับพูดต่อไปด้วยเหมือนไขปริศนาในใจผมเองเลย
   “เมื่อคืนแฟนเก่าพี่มดเขาโทรมา เรื่องงานวันเกิด พี่เขาเลยเฟล ๆ เพราะเพิ่งเลิกกันไปไม่กี่อาทิตย์น่ะ ท่าทางแฟนเก่าจะมาง้อ” มันกล่าวระหว่างที่ก้มลงหยิบรองเท้าวิ่งสีดำกว่าผิวมันขึ้นมาพลิก ๆ ดู “กูเลยต้องอยู่ปลอบแต่ไม่มีเหี้ยไรแบบที่มึงคิดหรอก”
..
เดี๋ยวๆ !
   “กูคิดอะไร..” พูดดักครับ เดี๋ยวนะ ไอ้ดำ.. มึงอะไร ..
   มันเหลือบมามองแวบหนึ่ง แล้ววางรองเท้าคู่เดิมลง ยกฝ่ามือฟาดบนกบาลผมดับป้าบ
   “ฟังกู” มันพูดแล้วยักไหล่ “ทุกอย่างที่อยู่ในหัวมึงน่ะ มึงต้องการอะไร มึงก็ควรพูดออกมา เพราะกูไม่ได้อ่านใจมึงได้แบบนี้ทุกครั้งไอ้หมา”
   “แต่มึงก็ทำได้ตลอด” เถียงดิ มันทำได้จริง ๆ ตอนนี้ความโล่งใจของผมก็โผล่ขึ้นมาหน่อย เห็นไหม ไอ้ดำอ่านใจผมได้ “กูไม่จำเป็นต้องพูด มึงก็เก็ท”
   มันไม่ได้โต้ตอบ แต่หันมาสบตาผมตรง ๆ เสียอย่างงั้นและประโยคถัดไปกลับทำให้ลมหายใจของผมสะดุดแทน..
   “กูแค่อยากให้มึงพูดความรู้สึกของมึงออกมา” ไอ้ดำเอ่ย ยักไหล่ช้า ๆ แทน “กูขี้เกียจเดาแล้ว”
เหมือนมันกำลังจะบอกอะไรสักอย่างกับผม
แล้วมันอะไรกันะ ?


      ไอ้ดำพาผมมานั่งร้านขนมเล็ก ๆ ที่ตกแต่งสไตล์สีโทนน้ำตาลดำขาว ไม่ได้หรูหราอะไรมากมายนัก มันแค่บอกว่าอยากกินขนมแล้วก็พามาที่ร้านนี้ สายตาของผู้คนรอบด้านต่อให้เขาคิดว่าผมเป็นเกย์ ผมก็เริ่มไม่สนใจแล้วถ้าหากอยู่กับไอ้ดำ
   ไอ้ดำคราวนี้มันสั่งโกโก้ปั่นมาง่าย ๆ ตอนแรกผมกะจะไม่สั่งอะไร แต่มันก็ดันบังคับซะงั้น แต่แน่นอน ถ้ามันเลือกกินพวกของดำ ๆ ผมก็จะเลือกกินของขาว ๆ.. อย่างเช่นนมชมพูปั่น
..มันขาวตรงไหนน่ะเหรอ ?
สว่างกว่าโกโก้ไอ้ดำอ่ะ !
   “แค่มึงอยากกินเลยมานั่งเนี่ยนะ ?” ผมเถียง เห็นมันหยิบเมนูมาเปิด ๆ ดูแบบไม่ใส่ใจอีก เอ้าไอ้เหี้ย ตกลงพามาทำซากอะไรวะ “ไอ้ดำ ตอบกูดิ”
   “กูดูขนมก่อน” มันกล่าวครับ เล่นเอาคิ้วผมขมวดติดกันเป็นรอบที่ร้อยแล้วมั้ง
   “ปกติมึงไม่ชอบกินของหวาน”
   “งั้นมึงเลือก”
   ว่าแล้วก็โยนเมนูมาให้ผม..
   อะไรของมันวะ นี่ผมงงจริง ๆ นะ คือ.. จู่ ๆ ก็ให้ทำงี้ แต่ยังไงก็ตาม ของกินฟรีครับ โอเคมาก ผมจึงรับเมนูมาจากไอ้ดำแล้วหันไปสั่งพี่พนักงานทันที
   “ไอ้นี่เลย เค้กสตรอว์เบอร์รี่แล้วก็ช็อคโกแลตลาวาของไอ้ตัวดำ ๆ นี่ครับ” แน่ะ ผมก็แค่สั่งเผื่อมันด้วยเท่านั้นแหละ อันที่จริงใจลึก ๆ อยากกินช็อคโกแลตลาวาเหมือนกันครับ เดี๋ยวค่อยจิ๊กมันสักคำสองคำ
   ที่น่าแปลกคือไอ้ดำ วันนี้มันมาแปลก ๆ อีกแล้ว.. หรือพักหลัง ๆ มันแปลกทุกวันวะ คือมันไม่พูดอะไรขัดผมเลยสักนิด ไม่เลย มัวแต่ก้มกด ๆ จิ้ม ๆ โทรศัพท์อยู่ได้ไอ้เหี้ย กูสั่งช็อคโกแลตลาวาราคาเท่าไหร่มันยังไม่สนเลย ทำไมวะ
   “มึงทำเหี้ยไรอยู่” ไม่ไหวแล้ว ผมไม่ได้เป็นพวกเล่นโทรศัพท์ติดแชทตลอดครับ ไอ้ดำผงะจริง ๆ มันเงยหน้ามอง วางมือถือไว้ข้างตัว “คุยแชทเหรอวะ ?”
   “เออ” มันตอบแค่นี้ “มึงสั่งเสร็จแล้วเหรอวะ”
   “กูสั่งเสร็จเป็นชาติแล้วไอ้เหี้ย !”
   “มีอะไรที่อยากได้ไหม”
..
ไรวะ
   “มึงเป็นห่าไรมึง วันนี้ทำตัวแปลก ๆ” ผมขอถามหน่อย คราวนี้พูดตรง ๆ ตามสิ่งที่ตัวเองคิดแล้วด้วย ไอ้ดำมันดูแปลกมากจริง ๆ ครับ ปกติมึงต้องแบบ.. แบบ ไม่ใช่แบบนี้ ! เออกูก็พูดอะไรของกูเนี่ย
   มันเงียบลง ไม่พูดอะไรแม้ว่าผมจะถามก็ตาม ไอ้เหี้ยนี่ถามแล้วเสียท่าเลย
สัตว์..จนกระทั่งมีคนยกเอาของกินมาเสิร์ฟครับ โกโก้ปั่น นมชมพูปั่น เค้กสตรอว์เบอร์รี่ แล้วก็ช็อคโกแลตลาวาอีกหนึ่ง
   “มึงสั่งช็อกโกแลตลาวาให้กู ?”
   แน่ะ เสียงดูไม่อยากเชื่ออีก
   “เออสิ ถ้าไม่ใช่มึงแล้วจะเป็นใครวะ มึงดูชอบแดกช็อคโกแลต” ผมพูด คว้าส้อมเล็ก ๆ จิ้มลงส่วนสตรอว์เบอร์รี่เป็นส่วนแรก “ทำไม ? กูทำไรผิด”
   “สั่งอะไรไม่ถามกูสักคำ”
   “มึงคุยโทรศัพท์อยู่นี่หว่า”
   เถียงได้เถียงไปเลยครับ ไอ้ดำแม่งก็เงียบตามด้วยเสียงหัวเราะหึหึตามสไตล์มัน แปลกที่วันนี้ผมไม่รู้สึกรำคาญแล้ว กลับอยากหาอะไรคุยกับมันมากกว่า
อาจจะเป็นเพราะไม่ได้เจอกันนานก็ได้..
   “ตกลงมึงพากูมาที่นี่ ทำตัวแปลก ๆ ฉิบหายเพื่ออะไรวะ” ความสงสัยยังไม่หยุดแค่นี้ ถ้ามันไม่ชวนผมคุย ผมก็จะพูดเองครับ ไอ้ดำเลิกคิ้ว เหลือบตาขึ้นมามองแค่แวบเดียวแล้วก้มลงจิ้มเนื้อเค้กทีไส้ช็อคโกแลตลาวาทะลักแน่ะ โอ้โห โหดฉิบหายอ่ะ อารมณ์เหมือนเจอไข่ต้มแล้วโดนเจาะไข่แดงแตก
เดี๋ยว ผมกลับเรื่องก่อน
   “ตอบกูดิวะ”
   “มึงจำได้ไหมว่ากูเคยเอาบัตรประจำตัวประชาชนมึงมาดู”
สตั๊นต์เลย
เค้นสมองหนักมากครับ
   ..ตอนไหน ..ตอนไหนวะ แต่เหมือนจะมีเหตุการณ์นั้นราง ๆ ครับ ผมว่ามันมีนะ น่าจะก่อนปิดเทอมรึเปล่า ? 
   ได้ยินเสียงถอนหายใจหน่าย ๆ ของชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามประหนึ่งว่าปลงที่ผมจำไม่ได้
   “ก่อนปิดเทอม ?”
   “เออนั่นแหละ”
   “แล้ว.. แล้วทำไมวะ..”
ยังงงอยู่ งงมากด้วย เอาไปดูทำไม..
   แต่พอเงยหน้าขึ้นถาม เนื้อเค้กสีกึ่ง ๆ น้ำตาล.. ไม่สิ เนื้อเค้กจุ่มช็อคโกแลตลาวาในจานไอ้ดำก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าผม แถมยังจ่อปากผมเสียด้วย พอจะอ้าปากถามว่ามีอะไรนักหนา มันก็จัดการยัดเข้าปากผมทันที ตามด้วยประโยคถัดไป
   “อาทิตย์ก่อนหน้านี้วันเกิดมึงไม่ใช่เหรอวะ” ผมอึ้ง ได้แต่เคี้ยว ๆ ช็อคโกแลตลาวาปาก รสชาติหวานอมขมที่ผสมกันได้อย่างลงตัวในปากไม่ได้ซึมซับเข้าไปเต็ม ๆ เลยเมื่อได้ยินประโยคชวนใจเต้นพวกนั้น “..สุขสันต์วันเกิดย้อนหลัง”
..
ทำรสชาติช็อคโกแลตลาวากูเสียหมดไอ้เหี้ย !
   อยากจะตะโกนแหกปากบอกมันไปอย่างนี้ ผมไม่ไหวแล้ว ไอ้.. ไอ้เหี้ยเอ๊ย มึง.. ทำไมวะเนี่ย ไอ้ดำก็จริง ๆ เลย เวลามันพูดอะไรแต่ละอย่างแม่งก็จ้องตรงมาที่ผมไม่ไหวไปไหน แล้วคิดว่าผมจะทำไงได้ล่ะครับนอกซะจากก้มหน้าตักเค้กสตรอว์เบอร์รี่เข้าปากรัว ๆ แต่รสชาติกลับไม่ได้เข้ามาสู่ประสาทปลายลิ้นของผมแม้แต่น้อย
   “มึง.. อะไร อะไรวะ..” พูดไม่ออกสิครับ ชีวิต.. ผมจะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อมันจริงจังขนาดนี้ “กู.. กูไปต่อไม่ถูก”
   ไม่กล้าแม้กระทั่งเงยหน้าเพื่อมองว่าอีกฝ่ายเผยสีหน้าเช่นไร ผมไม่อยากเห็น ผมเดาออก ไม่รู้ทำไมแต่ผมว่าผมเดาออกว่ามันทำหน้าอย่างไรอยู่.. ต่อให้เสียงที่ตอบกลับมาจะแข็งเท่าไหน แต่ผมรู้
ว่ามันยิ้มอยู่
เป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนแบบหายากของมัน
   และทันใดนั้น ประโยคเมื่อตอนอยู่ในร้านรองเท้าก็ย้อนกลับมา
   ผมรู้ว่าผมแย่ที่ไม่ยอมตอบรับมันตอบ ทั้ง ๆ ที่ทุกอย่างในตัวผมชัดเจนว่ามีความรู้สึกยังไงกับมัน แต่ไอ้ดำก็คือไอ้ดำ มันรอให้ผมพูดอยู่
..มันรอผมได้
   เมื่อคิดดังนั้น ความโล่งใจอย่างน่าประหลาดก็พลันปรากฏขึ้น แต่กลับได้เพียงแค่แวบเดียว ทุกสิ่งก็กลับกลายเป็นเช่นเดิม สิ่งที่อัดแน่นอยู่กลายเป็นความหวาดกลัว
แล้วถ้าวันนึงมันรอผมไม่ได้ล่ะ
ผมที่เอาแต่ไม่ยอมพูดออกมาสักทีแบบนี้
   “มึง..” ผมต้องพูด น้ำกรด มึงต้องพูด เสียงของผมเหือดแห้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่การพูดคือเรื่องถนัด แต่มันกลับยากในตอนนี้ “ทำไมถึงทำขนาดนี้วะ”
   มันหุบยิ้มเหมือนกับกำลังคิด
   สีหน้าของผมตอนนี้มันเป็นยังไงก็ไม่รู้ แต่ไอ้ดำกลับสามารถตักช็อคโกแลตลาวาเข้าปากตัวเอง พูดต่อเสียงนิ่ง
   “กูแค่รอ” มันพูด “รอ”
ย้ำอีก ไอ้สัตว์..
   ได้แต่ด่ามันในใจเท่านั้นแหละ เท่านั้นเลย ผมเม้มปากแน่น ก้มหน้าไม่ยอมสบตาสักที ขณะที่ไอ้ดำก็ตักขนมเรื่อย ๆ เป็นคำต่อไป
   “แต่กูมองปฏิกิริยามึงออก” เสียงทุ้มพูดต่อ กล่าวเนิบ ๆ เหมือนตัวของมัน เหมือนว่าตอนนี้พวกเรากำลังคุยเรื่องสัพเพเหระ หรือบางทีผมอาจจะเครียดไปคนเดียวก็ได้ “แค่อยากฟังมึงพูดออกมาด้วยตัวเอง”
   “...”
ตอบไม่ได้..
ตอบไม่ได้จริงๆ มันติดอยู่ตรงลำคอผม.. ผมรู้ว่าผมควรพูดสักที
   ไอ้ดำ.. ไม่ มึง มึงคิดถูก ปฏิกิริยากูมึงมองออก มึงมองออกมาตลอดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันเว้ย.. เหี้ย..
   “ขอแค่สักครั้งเดียวก็ยังดีที่มึงพูดออกมาตรง ๆ”
   อยากจะบอก บอกออกไปแต่ทำไมทิฐิของผมมันหนักขนาดนี้วะ หรือเพราะความถือตัวของผมที่ยกเอาไว้สูงเกินกว่าจะดันออก
   และประโยคถัดไปของไอ้ดำ ปล่อยให้ความเงียบครอบงำระหว่างพวกเราสองคน มันเป็นประโยคที่ผมรู้ว่าทุกอย่างขึ้นกับการตัดสินใจของผม แค่อ้าปากพูด ทำไมมันยากขนาดนี้กัน
..

   “กูแค่ไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองคิดไปเอง”




ออฟไลน์ seira

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
«ตอบ #151 เมื่อ26-11-2017 13:41:10 »

C h a p t e r  48
คนเกลียดกัน มักจะได้กัน
   

   ผมไม่ใช่คนที่จะรับความกดดันเช่นนี้ได้บ่อยนัก
   เมื่อผมไม่พูด ผมจะไม่พูด แต่เมื่อไหร่ที่ผมคิดจะพูด ผมจะพูดไม่หยุด ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องความคิด เรื่องความรักทั้งหมดทั้งมวล โดยเฉพาะข้อสุดท้าย เป็นสิ่งที่ผมไม่อยากจะถูกกดดันมากที่สุด
   หลังจากประโยคนั้นของมัน ใจผมเหมือนถูกผลักตกเหวอีกครั้ง แค่คำพูดของผม ทิฐิของผม มันดูหนักอึ้ง ผมอาจจะงี่เง่า หรือบางทีผมอาจจะกลัวอะไรบางอย่างอยู่ในใจ กลัวอดีตทั้งหมดแม้ว่ามันจะรู้หมดแล้ว กลัวความรู้สึกของตัวเอง อาจจะกลัวความผิดหวังหลังจากความรักที่เกิดหรือกลัวทุกอย่าง
ไอ้ดำแค่อยากได้การยืนยัน ซึ่งมันไม่ยาก
แค่ประโยคเดียว..
   “กลับมาแล้วเหรอหนุ่ม ๆ เป็นไงบ้างจ๊ะ ?” เสียงทักทายของพี่มดเรียกสติผมให้กลับมาครับ “นัยกับกรดไปเที่ยวกันสนุกไหม ?”
   “อ.. เอ่อ”
   “พี่มด” เสียงของไอ้นัยดังขึ้นก่อน มันเงียบครู่หนึ่งแล้วยิ้มให้พี่เขา “ปกติดีพี่ มีงานอะไรให้นัยช่วยไหม”
คราวนี้เป็นเสียงของไอ้ดำที่พูดขัดขึ้น
   ผมไม่รู้ว่ามันพูดขัดไม่ให้ผมกับพี่มดคุยกันเพื่ออะไร แต่อาจจะมีสาเหตุบางอย่าง.. หรือไม่ก็ มันช่วยผมไม่ให้ต้องคุยในตอนที่ผมรู้สึกไม่โอเค
และมันก็ทำแบบนั้นบ่อยแล้วเหมือนกัน
   พี่มดเลิกคิ้วเหมือนสงสัย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อนอกเสียจากยิ้มให้กับน้องชายของตัวเอง พร้อมทั้งหันกลับไปบอกงานที่มีและไอ้ดำเองก็เดินไปทำงานนั้นพร้อม ๆ กับลากพี่มดออกไปด้วยโดยไม่ทันจะได้คุยอะไรกับผมเลยแม้แต่ประโยคเดียว
ไอ้กรด.. ไอ้กรด มึงควรทำยังไงดีวะ
มึงต้องทำอะไร.. และมึงควรจะทำอะไร ให้มันดี ให้มันถูก
   ผมเม้มปากตัวเองแน่น ได้ยินเสียงพี่มดบอกให้ช่วยจัดเตรียมแก้วกระดาษที่วางอยู่ใกล้ ๆ ผมจึงได้แต่พยักหน้าลง ทำตามสิ่งที่ตัวเองควรทำอยู่ในตอนนี้
   “โทษทีนะน้องกรด เมื่อกี้พานัยไปช่วยฝั่งโน้นแล้วน่ะ” เธอกลับมาพร้อมกับเสียงเป็นกันเอง ท่าทางสดใสจนผมต้องพยายามส่งรอยยิ้ม แต่ใช่.. มันได้แค่รอยยิ้มเจื่อน เท่านั้น ผมไม่สามารถยิ้มออกมาเต็มใบหน้าได้แบบปกติ
   “อา.. ขอบคุณครับ” 
   “เราดูไม่โอเคนะ ? เป็นอะไรรึเปล่า ?” เจ้าของร่างระหงยังคงเอ่ยถาม ทำให้ผมรู้สึกมีก้อนบางอย่างจุกที่ลำคอ ใช่ ผมไม่โอเค และไม่โอเคมาก ..แต่ใครจะไปพูดล่ะ
   “เดี๋ยวผมยกแก้วไปไว้ด้านนอกให้นะ ข้าง ๆ ริมสระใช่ไหมครับ ?”
   “ใช่..” ผมยิ้ม คว้าแก้วกระดาษที่ถูกต่อเรียงเป็นชั้นสูง ๆ วางไว้ด้านนอก พี่มดก้าวตามผมมา สายตาของเธอเป็นสายตาที่อ่านยากไม่ต่างจากไอ้ดำเสียเท่าไหร่ เมื่อผมวางมันไว้บนโต๊ะ เธอกลับหยิบแก้วที่อยู่ชั้นสูงสุดมาแล้วส่งให้ผม
   “ครับ ?”
   “ถือนี่ไว้นะ น้องกรด” ร่างของผมนิ่งไป แต่ก็ทำตามที่อีกฝ่ายบอก เธอไม่ว่าเปล่า รอยยิ้มอ่อนโยนประทับที่ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางแต่กลับไม่ได้ดูแย่เลยแม้แต่น้อย ริมฝีปากอมชมพูของพี่มดดูจิ้มลิ้มเหมือนเด็ก ทว่าคงเสน่ห์ความเป็นตัวของตัวเองได้
และถ้อยคำถัดไปของเธอ ทำให้ผมเงียบไป
   “เกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นระหว่างน้องกรดกับนัยเหรอ ?”
..กร๊อบ
   เสียงแก้วกระดาษในมือของผมที่ถูกขย้ำยู่ยี่อย่างไม่ทันตั้งตัวปลุกให้ความงุนงงแตกกระเจิงและสติที่เผลอหลุดไปครู่หนึ่งกับประโยคนั้น ผมอ้ำอึ้งพูดไม่ออก
   “เอ่อ.. คือ..”
   “ไม่ต้องตอบแล้วล่ะ” พี่มดตัด ไม่ยอมให้ผมพูดแล้วแย่งแก้วนั่นไปเฉยๆ “เดี๋ยวพี่จะมาคุยกับน้องกรดนะ แต่ตอนนี้พี่ขอเตรียมงานก่อน”
   “พะ พี่มด.. คือผมไม่..”
   เธอหัวเราะ แกว่งแก้วที่ยู่ยี่ในมือไปมา พูดสิ่งที่ทำให้ผมได้แต่กดศีรษะลงมองพื้น
   “ชู่ว์.. ไม่เอาสิ พี่ว่า.. สภาพแก้วนี่เป็นคำตอบให้พี่แล้วล่ะ น้องกรด” หญิงสาวตรงหน้าผมยิ้มอ่อนโยน “เดี๋ยวพี่จะมาคุยกับเรานะ”
..   


   ตอนนี้เป็นเวลาช่วงเย็น พวกเรากลับมาอีกครั้งคือช่วงที่งานปาร์ตี้เริ่มต้นพอดี ไอ้ดำออกไปช่วยจัดงานอย่างปกติ เป็นปาร์ตี้ริมสระน้ำสำหรับวันเกิดง่าย ๆ มีคนเข้ามาคึกคักพอสมควรและแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งอยู่ทั่วงาน ผมคือคนหนึ่งที่ไม่ได้รู้สึกอินครับ หลายอย่างมันทำให้ความรู้สึกไปด้วยกันไม่ได้ จึงทำแค่นั่งจุ่มเท้าอยู่ข้าง ๆ สระน้ำในมุมที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปมาเท่านั้น
   สายตาของผมเหม่อลอยมองตามผู้คน แอบรู้สึกเหงานิดหน่อยเหมือนกัน.. ผมไม่รู้จักใครที่นี่นอกจากไอ้ดำและพี่มด แต่พวกเขาทั้งสองรู้จักเกือบหมดจึงมีหน้าที่ทักทายแขกที่มางาน ในทีแรกผมหวังว่าจินกับนิวจะมา มันก็แค่หวัง เพราะทั้งสองคนไม่ได้ติดต่อมาเลยด้วยซ้ำ
   “น้องกรด” ระหว่างที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ และจมกับห้วงอารมณ์ของตัวเอง เสียงเรียกปลุกจากภวังค์ของพี่มดทำให้ผมสะดุ้งตัวเบา ๆ
   “พี่มด.. ผมตกใจหมดเลย” พึมพำเสียงเบาพร้อมด้วยรอยยิ้มเจื่อนลง “พี่ไม่ไปรับแขกเหรอครับ ?”
   หญิงสาวที่นั่งลงข้าง ๆ ผมทำตาโตใส่ แล้วสั่นศีรษะช้า ๆ แทน
   “น้องกรดก็แขกของพี่เหมือนกันนะ จริงสิ พี่เอาน้ำมาให้” ว่าจบเธอจึงส่งน้ำให้ ผมมองมัน น้ำเปล่านี่เอง คนละอย่างกับแก้วที่พี่มดถือ เพราะพี่เขาถือไวน์อยู่มั้ง
   “ข.. ขอบคุณครับ”
   “เอ๊ะ หรือน้องกรดอยากดื่มไวน์ ?” เธอกล่าวต่อ ระบายรอยยิ้มที่เหมือนว่าโลกนี้มันอบอุ่นเหลือเกิน.. ผมพอรู้แล้วว่าทำไมไอ้ดำถึงเคยชอบผู้หญิงคนนี้ พี่เขาเป็นพี่ที่.. ให้ความรู้สึกอบอุ่น อ่อนโยนในแบบของผู้หญิงที่ทำให้รู้สึกน่าทะนุถนอมและปกป้องไว้
   ผมไม่ได้กล่าวอะไรตอบโต้ แค่รับแก้วมากอบกุมเอาไว้บนหน้าตัก สายตาจ้องมองของเหลวภายในที่สะท้อนใบหน้าของตัวเองเป็นเงาเลือนลาง
อา.. นี่หน้าผมเหรอ ?
ดูอุบาทว์สุด ๆ ไปเลยล่ะ
   “น้องกรดกับน้องนัยเป็นแฟนกันเหรอ ?” คำถามนั้นทำให้สติผมกลับมาอีกครั้ง นิ่งงันไปเสียนาน แฟน ? ไม่.. ไม่ใช่หรอก ไม่น่าใช่จริง ๆ แต่ผมไม่ได้ตอบโต้อีกฝ่าย เลือกที่จะเงียบและจมกับภาพของตัวเองบนผิวน้ำมากกว่า
   พี่มดเหมือนอ่านใจผมได้ ความอ่อนโยนถ่ายทอดออกมาจากฝ่ามือนุ่มที่วางบนไหล่ผมอย่างดิบดี
   “ไม่ต้องห่วงหรอกนะ.. น้องนัยน่ะ เป็นคนที่รักเดียวใจเดียว รักนานด้วย แล้วก็.. อ่อนโยน” ผมรู้.. ผมรู้ดิ ก็เขาเคยชอบพี่มดมาก่อนนี่นา “พี่ไม่รู้หรอกว่าน้องนัยทำตัวยังไงที่โรงเรียน หรือแย่แค่ไหน แต่เรื่องความรัก ถ้าเขารักใครสักคน.. เขาจริงใจเสมอนะน้องกรด”
..ทำตัวที่โรงเรียนงั้นเหรอ..
   มาถึงเหตุการณ์นี้ทำให้ผมนึกย้อนสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ตั้งแต่วันแรกที่เราได้เจอกัน การตะโกนด่าข้ามชั้นอันเป็นประวัติศาสตร์ทำให้อาจารย์ไม้เกรี้ยวกราดอย่างรุนแรง จนมาถึงวันที่ผมกับมันถูกผ้าผูกมือติดกัน ลากยาวจนถึงวันที่พวกเราวิ่งหนีไอ้พวกเด็กนักเลงต่อ วันที่นมชมพูทาบลงแก้มผม การกระทำนิ่งเฉยแต่กลับคงความอ่อนโยนไว้ในตัว..
..ผมรู้ตั้งแต่แรก
เป็นผมเองที่เผลอใจให้มันอย่างไม่รู้ตัว
   เหมือนกับว่าพวกเราค่อย ๆ เข้าในโลกของอีกฝ่าย อาจไม่ใช่ทันทีทันใด แค่ทีละหนึ่งมิลฯ เขยิบเข้าด้วยกัน กาลเวลาถักทอให้ทุกอย่างมันแน่นหนาและมากขึ้น ความทรงจำทุกอย่างหลาย ๆ อย่างปะปนกันในหัวเต็มไปหมด พอนึกมาถึงช่วงเวลาที่ได้วิ่งหนีผีหมาด้วยกันมันทำให้ผมหัวเราะ
เวรเอ๊ย.. จะเศร้าก็เศร้าไม่ถูกเลยกู
   “พี่มด ครั้งหนึ่งผมกับ.. มันเคยถูกทำโทษด้วยกันด้วย” ผมเริ่มเผลอปริปากเล่า รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนดวงหน้าตัวเองอย่างไม่ได้รู้ตัวเลย ฝ่ามือถูกับขอบแก้วพลาสติกราวกับประหม่า “โดนผูกผ้าจับติดกันด้วยพี่ ที่โรงเรียน.. ลำบากมากเลย”
   เธอไม่ตอบอะไร แค่ส่งเสียงครางในลำคอเหมือนว่ากำลังฟังอยู่
   “น้องพี่อย่างเหี้ยอ่ะ.. มันมีคู่อริเยอะแยะที่โรงเรียนเลยนะ พาผมเดือดร้อนไปด้วยเลย เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งเจอผีด้วย ผีหมาอ่ะพี่ ที่โรงเรียนกรดมีผีหมาอยู่” และไม่รู้ว่าตัวเองเปลี่ยนคำแทนไปเมื่อไหร่
   “ผีหมาเหรอ ?”
   “ใช่พี่ มันรู้ว่าเป็นผี แต่กรดนึกว่าลูกหมา จับอุ้มจับกอดซะ ที่ไหนได้ พอรู้เป็นผีปุ๊บนะ วิ่งแทบตาย กรดอุ้มผีหมากับมือเลยนะพี่ !” ผมหลุดหัวเราะร่วนแต่ไม่รู้ทำไมเสียงตัวเองกลับเบาหวิวเหมือนจะล่องลอยไปในอากาศ “แล้วก็มีงานแสดงละครโรงเรียน โคตรแย่อ่ะพี่ กรดกับมันได้รับบทเด่นเพราะเป็นกะเทย.. ตั้งแต่เทอมแรกแล้ว บอกเลยว่าตอนแรกมันไม่ยอมด้วย ไปด่าเพื่อนที่เขียนบทจนน้ำตาแตกเลย”
   พี่มดเลิกคิ้ว ไม่กล่าวขัด และยอมให้ผมพูดต่อ
   ผมหัวเราะก่อนที่เสียงของผมเริ่มหยุดลง ไหววูบไปตามอากาศ ทุกอย่างในอกเริ่มพรั่งพรูออกมา ความทรงจำของผมเหมือนปะทุออก ผมเป็นคนอ่อนแอ แต่ผมแค่ปิดทุกอย่างไว้.. เพียงมีใครสักคน แตะต้องมันในยามที่อ่อนแอ
มันก็ทำให้ผมหลุดออกมาอย่างง่ายดาย
   “มันทำกรดเดือดร้อนมากพี่ มากสุด ๆ เกิดมายังไม่เคยเดือดร้อนเพราะใครขนาดนี้เลย..”
   ใช่ ไอ้ดำทำผมมาเยอะ ทั้งเรื่องทะเลาะ โดนต่อย วิ่งหนีผีหมา งานแสดงที่แสนจะงี่เง่าของมัน
   มาถึงจุดนี้.. เหมือนความทรงจำอีกอย่างประดังเข้ามาหา
   ภาพของตัวผมที่ทะเลาะกับนิว และมันยื่นมือเข้ามาช่วย ภาพผมที่หันหลังในวันไปกินหมูกระทะกันกับเพื่อนนิว และยืนร้องไห้ในวันนั้น ไออุ่นจากอ้อมแขนมันที่ทำให้รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ การคอยจับมืออยู่เคียงข้างมาตลอด
เรียกได้ว่า.. พวกเราไม่เคยห่างกันเลยด้วยซ้ำตั้งแต่วันที่เป็นวันเริ่มต้น
   ทั้งตอนที่มันสอนหนังสือ เดินไปด้วยกัน คอยอยู่กับผม เรื่องราวในเต๊นท์ตอนค่ายกระชับมิตร.. จนไปถึงวันที่ฝนตก
   มันทำให้น้ำตาเม็ดโต ๆ ของผมไหลพรั่งพรูออกมา
..กูแค่ไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองคิดไปเอง..
   เสียงมันดังก้องในหัวผม
   ผมพึมพำกับพี่มด ไม่รู้ตัวว่าเผลอเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองตอนไหน
   “นัยทำให้กรดเดือดร้อนฉิบหาย..” ผมพึมพำ เดือดร้อนมากที่ต้องมาคิดเรื่องมันเนี่ย “แล้วกรด.. แล้วกรด.. “ บ่าของตัวเองเริ่มสั่นไหว ร่างถูกหญิงข้างกายรวบเข้าไปกอด กดศีรษะให้ซุกบนหัวไหล่เล็ก ผมสะอื้น กล่าวต่อเสียงสั่นคลอน “..กรดก็ทำให้นัยเดือดร้อนเหมือนกัน..”
   ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ผมร้องไห้ออกมาอีกแล้ว
ร้องแบบงี่เง่าโคตร ๆ ร้องแบบไม่รู้ว่าร้องเพราะอะไร
   “กรดชอบนัย.. พี่มด.. กรดรู้ว่ากรดชอบนัยแล้วนัยก็ชอบกรด” เสียงของตัวเองสั่นคลอน แก้วน้ำถูกวางทิ้งไว้อยู่ข้างกายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พี่มดปลอบผม ฝ่ามือบางลูบตามศีรษะอย่างอ่อนโยน “กรดชอบนัย.. แต่กรด.. กรดไม่กล้าพูด กรดไม่รู้ ทำไม แต่กรดไม่กล้า.. ฮึก..”
   “น้องกรด.. ชู่ว์.. คนเก่ง ฮึบนะคะ.. ฮึบ”
   มันเป็นแบบนี้อยู่พักใหญ่ พี่มดเป็นคนดีมาก ถงมากที่สุด ผมถูกพี่เขากอดเอาไว้ สะอื้นตัวแรง ๆ ในอ้อมแขนบอบบางกว่าผม.. โห น่าอายมากอ่ะ ถูกผู้หญิงกอดเหรอวะไอ้น้ำกรดเอ๊ย
   “กรดกลัว.. กรดเคยมีแฟนผู้ชายตอนม.ต้น แล้วทุกอย่างมันแย่ไปหมดเลยพี่มด มันแย่มาก กรดโดนคนรุมด่าว่าเป็นเกย์ ทั้งสายตาที่มองกรดแต่ละคนเหมือนไม่ใช่คนอ่ะพี่ กรดแค่ชอบเขาที่เป็นผู้ชายเท่านั้นเอง ทำไมวะ..”
   “..”
   “ไหนจะโดนคนอยากลองกับพวกเกย์อีกพี่ กรดเคยถูกเกือบ.. เกือบโดนข่มขืน แล้วกรดก็หนีมาได้.. ตอนนั้นกรดก็เลยบอกกับตัวเองว่าจะไม่เป็นเกย์อีกแล้ว จะเกลียดเกย์.. ไม่ กรดไม่ได้เกลียดเกย์ กรดแค่เกลียด ‘การเป็นเกย์’ .. เพราะมันทำให้ชีวิตกรดไม่ใช่แบบที่กรดต้องการ” ผมสั่นหัวรัว พึมพำพูดเสียงเบา ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะมองยังไงอีก “แต่สุดท้าย.. กรดก็กลับมาเหมือนเดิม.. กรดก็ชอบผู้ชายอีก..กรดก็ชอบนัย แล้วกรดก็ ..กลายเป็นเกย์”
   สุดท้ายพี่มดยอมผละออก เธอเอามือปาดใต้ดวงตาผมที่มีน้ำคลอเบ้าอยู่ รอยยิ้มคล้ายคลึงกับไอ้ดำทำให้ผมรู้วางใจอีกฝ่ายอย่างน่าประหลาด
   “ฟังพี่มดนะ น้องกรด” ผมกระพริบตา พยายามไล่หยาดน้ำที่ฉ่ำขนตาตัวเองออกแต่กลับไม่หมดเสียที “อดีตอาจจะเจ็บปวด แต่ปัจจุบันมันเปลี่ยนไปได้”
   “..”
   “น้องกรดไม่จำเป็นต้องถือว่าตัวเองเป็นเกย์ก็ได้..” อีกฝ่ายลูบเรือนผมของผมอย่างอ่อนโยน “น้องกรดก็แค่ชอบคน ๆ หนึ่ง ความรักมันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลหรอก น้องกรดแค่รู้สึกดี รักความผูกพันที่มีด้วยกัน และไม่อยากให้อีกฝ่ายหายไปไหน..”
   “กรดไม่อยากให้นัยหายไปไหน.. แต่ก็ไม่กล้าพูดว่าชอบมันสักที..”
   “..เด็กปากแข็ง” พี่มดพูด ใช้นิ้วชี้ตีลงปากผมที่ยังสั่น ๆ เปล่งเสียงสะอึกสะอื้นอยู่ “พี่เชื่อว่านัยรู้นะ ..ว่าน้องกรดชอบนัยเหมือนกันน่ะ”
   “ครับ..” รู้ดิวะ รู้ดิพี่ แต่มันรอผมพูดอ่ะ
   “แต่ถ้าเราไม่พูดออกมา อีกฝ่ายจะแน่ใจได้ยังไงกันคะ” เธอเกลี่ยทรงผมหน้าม้าของผมช้า ๆ ฝ่ามืออีกข้างแตะบนอกซ้ายของผมต่อ “พูดให้ออกมาจากใจของน้องกรดเองไง”
   ผมเงียบ.. แค่หลบตามองพื้น
   “ลองหลับตาลง.. แล้วซ้อมก่อนดูไหม ซ้อมหน้ากระจก” เสียงนุ่มละมุนยังคงดังต่อเนื่องในหัวผม “ซ้อม.. บอกชอบนัย ให้ได้เหมือนที่เมื่อกี้น้องกรดบอกกับพี่ว่าชอบนัยไง”
..

   ใช่ ตามที่ได้กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น
มันควรจะเป็นผมมาซ้อมหน้ากระจก พอไอ้ดำมาปุ๊บ ผมก็สารภาพอย่างมาดแมนแฮนด์ซัมอย่างที่ไม่มีใครเทียบติด (?) !! 
แต่..
แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นยังไงล่ะครับ !!
   “ตกลง เมื่อกี้มึงว่าไง ?”
   ..งงกันไหม เออ งง งงงั้นผมจะเกริ่นคร่าว ๆ ..
   ตอนนี้ผมกำลังนั่งคุกเข่ามือวางไว้บนหน้าขาก้มหน้าหงุด ๆ พร้อมเหงื่อผุดทั่วหน้าทั้ง ๆ ที่แอร์เย็นฉ่ำ แต่มันก็ฉ่ำแค่ภายนอก ภายในผมร้อนจะเป็นไฟอยู่แล้ว !!
   หลังจากผมกับพี่มดแยกกัน ผมจึงตัดสินใจมาซ้อมหน้ากระจก แล้วแหกปากกับตัวเอง ใช่ ไม่มีอะไรต้องกลัว ตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน เกย์.. เออ เกย์ !    เกย์แล้วไง ผมไม่ใช่เกย์ก็ได้ ผมแค่รักคน ๆ หนึ่งเท่านั้นเอง ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเกย์สักหน่อย
   แล้วผมก็แหกปากด้วยคำว่า ‘กูชอบมึงไอ้ดำ กูชอบมึงไอ้ดำ กูชอบมึงไอ้ดำ’  หน้ากระจก ตามคำสอนพี่มดทุกอย่าง
   จากนั้น ระหว่างที่ผมกำลังตะโกนหน้ากระจกคำสุดท้ายว่า ‘กูชอบมึงไอ้ดำ !!’ ประตูห้องน้ำที่อยู่ด้านหลังก็เปิดออก พร้อมกับวัตถุสีดำทะมึนในชุดอยู่โผล่ออกมา
แล้วก็.. โป๊ะเช๊ะ..
   ไอ้ดำได้ยินชัดเจน พอผมจะหนี มันก็ล็อคประตู ล็อคคอผมมาพูดคุยกันด้วยท่าคุกเข่าที่ผมเป็นคนคุกเองครับ..
   “....”
   “....”
   ต่างคนต่างเงียบใส่กัน ไม่หรอก มันไม่ได้เงียบ ผมนี่แหละเงียบ ! ไอ้เหี้ยเอ๊ย ! มึงจะให้กูทำไงวะสัตว์ อยู่ ๆ ก็มาจับตัวผมนั่งแบบนี้ จะให้เงยหน้าแล้วบอก ‘ฮัลโหล เบเบ้ กูชอบมึงนะไอ้ดำ มาเป็นแฟนกู มามะ’ แบบนี้อ่ะเหรอ ?
บ้า !
ผมไม่เอา !!
   “ตกลงมึงจะไม่พูดอะไร ?” มันถามเสียงสูง เล่นเอาน้ำกรดสะดุ้งโหยง ไหล่สั่นพั่บ ๆ เลยครับ เออใช่ ตกลงผมจะไม่พูดอะไรเหรอ ไม่พูดได้มะ ..
   “มึงได้ยินแล้ว”
   “ในห้องน้ำกูได้ยินไม่ชัด อยากฟังอีก”
   “หาไทม์แมชชีนไปมึง หมดโควตาแล้วเหี้ย”
   “..”
   “..”
   “เออ งั้นกูไม่ฟัง” ผมผงะ มองมันที่หยัดตัวขึ้นแล้วคว้าแขนผมทันที เฮ้ย เฮ้ยๆ ! เดี๋ยวนะโว้ย ! คว้าแขนผมทำไม มึง อย่าเพิ่ง อย่า !!
   “ไรมึงวะไอ้ดำ !! ไม่ฟังก็ปล่อยกูดิ !!” แหกปากสิครับ ขอเล่นตัวไว้ก่อนเหอะมึงเอ๊ย
   แต่ไอ้ดำไม่สนใจผม มันลากผมให้ยืนขึ้นแล้วผลักลงเตียงพอดี
หะ.. ลงเตียง ?
   

ออฟไลน์ seira

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
«ตอบ #152 เมื่อ26-11-2017 13:41:46 »

“กูไม่ฟังแล้ว ขอเอามึงเลยแล้วกัน”
   “...” น้ำกรด วิจารนิโยช ขอใช้สิทธิ์สตั๊นต์ก่อน 3 วิฯ …
..
และ..
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!
   กูกรี๊ดเลยมึง กรี๊ดในใจ ! ไอ้เหี้ยยยยย สัตว์ !! ไม่เอาโว้ย ไม่เอา
   “มึงหยุดเลย ไอ้เหี้ย ! ห่า ! วันนี้วันเกิดพี่มึงนะโว้ย ! แล้วจะมา.. หยุด หยุดมึง อย่าเพิ่งคร่อมกู อย่าเพิ่ง !!” หน้าเหวอแดกเลยกู โอ้โห หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ไอ้ดำ กูไม่ไหว กูไม่พร้อม ไม่สิ ถึงกูพร้อม กูว่ามันดูง่ายไป !!
   “มึงจะรอเหี้ยไรอีก กูอดทนไม่ไหวแล้ว รอมานานสัตว์แล้ว” ทนห่าทนเหวอะไร ! วันนี้มึงได้เยอะเกินไปแล้ว ไหนจะแอบฟังกูฝึกบอกชอบมึง แล้วมึงคิดจะเอาประตูหลังกูไปอีกเหร๊อ ! กูขอเตรียมใจ เตรียมใจอะสัตว์เตรียมใจ !
   “แล้วถ้าพี่มึงได้ยิน หรือใครได้ยินขึ้นมาเอาไงวะ ! พ่อแม่มึงอ่ะ !”
   “ไม่มีใครได้ยินหรอกไอ้หมา ลองเงียบแล้วฟังสิ”
ผมนิ่ง..
แล้วเงียบฟังจริง ๆ ตามที่มันบอก
   วันนี้คืองานปาร์ตี้วันเกิดครับ และแน่นอนว่าพอยิ่งดึกจะยิ่งมีเสียงเพลงที่สนั่นอยู่ด้านนอกประหนึ่งผับนอกสถานที่ คิ้วของผมขมวดเข้าหากันเมื่อได้ฟังเนื้อหาของเพลงดี ๆ แล้ว นี่มัน..
..ฉันก็แค่กลัวว่าจะมองไม่ชัด ที่จะพูดอาจจะดูไม่ดีนัก..
..ได้โปรดขยับขาเธอเป็นรูปตัว M อ้าออกช้า ๆ ให้เป็นรูปตัว M..
   ผมหน้าซีด หันมองไอ้ดำที่อยู่ด้านบนของตัวเอง มันเงียบตาม ไม่แสดงสีหน้าอะไรเลยด้วยซ้ำ นอกซะจากเลื่อนมือไปจับข้อเท้าผมทั้งสองข้างแทน..
..เริ่มจากข้างขวาและขยับข้างซ้าย นั่งตรงนั้นเธอไม่ต้องไปไหน..
..ได้โปรดขยับขาเธอเป็นรูปตัว M อ้าออกช้า ๆ ให้เป็นรูปตัว M..
   ...และมัน ก็พึมพำ
   “อ้าออกช้า ๆ .. ให้เป็นรูปตัว M”
   “...”
   “...”
   “ไอ้เหี้ยด๊ามมมมมมมมมมม ! มึงจะร้องหาพระแสงของ้าวอะไรสัตว์ !!  หยุด โอ้โหยยย ! มึงหยุดดด !!”
   ผมดิ้นสิครับ ดิ้นพล่าน ดิ้นแพร่ด ดิ้นเป็นปลาดุกถูกจับจะโดนทุบหัว จะยกขาถีบมันออกก็โดนจับเอาไว้ จะทำอะไรมันก็ดันขวางไปหมด ฮื่อ นี่น้ำกรดถูกอำนาจมืดดูดพลังไปเหรอวะ ผมหน้าเหวอ เหงื่อหลายเม็ดผุดขึ้นบนใบหน้าตัวเองขณะที่จ้องไอ้ดำกำลังอยู่ด้านบน มันทำหน้าจริงจังขึ้นกว่าเก่า พยายามเอามือปลดกางเกงผมออกด้วย โว้ย ! มือมึงอ่ะ มือมึงงง !
   “มึงหยุดดิ้นสักทีได้ไหมวะ” เอ้า ยังจะพูด
   “ก็มึงจะปล้ำกูอ่ะ !” มันไม่เหมือนโดนขืนใจแบบครั้งที่เคยโดนครับ ผมไม่ได้รังเกียจมันนะ แต่แค่แบบอาย อายโว้ย ! “ฮื่ออ”
   “งั้นมึงก็หยุดดิ้นก่อน ไอ้หมา.. ไอ้..” ผมไม่ฟัง ยิ่งจับแน่น ก็ยิ่งดิ้น จนเหมือนมันสติแตก คว้าไหล่ผมแล้วกระแทกติดกับเตียง
   “ไอ้สัตว์ ! กูจะไม่เสียครั้งแรกของกูแบบนี้!”
   “ไอ้หมา.. หยุดดิ้น..”
   “ไม่ ไม่.. กูม..”
   “กรด!!”
..
ได้ผล..
   ผมนิ่งค้าง กะพริบตาปริบ ๆ รัว ๆ เมื่อได้เห็นสีหน้าอีกฝ่ายชัด ๆ มันไม่ได้ทำหน้านิ่ง ๆ เหมือนอย่างเคย สิ่งเดียวที่มันเหมือนเดิมน่าจะเป็นสีผิวครับ.. ดำ ๆ แทน ๆ .. คล้ำแดดเหมือนเดิม
   แต่ตอนนี้ สายตามันมากกว่าที่ทำให้ผมต้องนิ่งงัน..
   มันมองผม สายตาดูจริงจังผสมกับความตื่นเต้นโดยไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องอะไร ถ้าสังเกตอีกนิดจะเห็นได้ว่าแก้มมันน่าจะดู.. แดงขึ้น ? ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ ได้แค่มองด้วยสายตาตัวเอง ไอ้ดำทำหน้าบึ้ง โน้มตัวลงเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเก่า
   “น้ำกรด..” เสียงทุ้มต่ำกระซิบแผ่วเบา รอบ ๆ ตัวผมตอนนี้ทั้งที่ควรจะมีเสียงเพลงอยู่ แต่ผมกลับไม่ได้ยินมันซะอย่างนั้น เหมือนสติทุกอย่างของตัวเองจดจ่ออยู่กับใบหน้าหล่อเหลาของชายที่คร่อมตนเองอยู่ “กรด..”
ตึกตัก..
   หัวใจของผมกำลังเต้นแรงไม่เป็นจังหวะแบบที่ควรเป็น ยิ่งริมฝีปากของมันแนบบนหน้าผากตนเอง ยิ่งทำให้ก้อนเนื้อในอกแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว
ปากของมันร้อน.. ชื้นหน่อย ๆ ด้วย
   มันเริ่มกดจูบแผ่วเบา เชื่องช้า ไม่รีบร้อน ขณะที่ผมได้แต่นอนนิ่งเป็นหมาโดนจับใส่ตะกร้อครอบปาก นัยน์ตาของตัวเองปรือลงอย่างโอนอ่อน ยิ่งพบว่าริมฝีปากกดจูบลงทั่วอย่างไม่มีเบื่อ เหมือนว่ามันรอคอยเวลาแบบนี้มานานแล้วอย่างนั้นแหละ
   เวลานี้ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีแค่เสียงผมที่หายใจบ้าง กลั้นหายใจบ้างตอนมันเข้ามาใกล้ แล้วหลับตาปี๋ตอนริมฝีปากแนบบนแก้มต่อ จากนั้นก็ปรือตาขึ้นมอง เมื่อมันผละออกไปอยู่แบบนั้นซ้ำ ๆ หลายรอบ
   มันยังไม่ได้จูบริมฝีปากของผมในทันที เหมือนมันสำรวจ แค่พรมจูบทั่วใบหน้าอันดับแรก ฝ่ามือที่กดบนไหล่ได้คลายออกไปแล้ว มีเพียงเสียงกระดุมเสื้อของตนเองถูกปลดออกตามและเป็นริมฝีปากร้อน ๆ ที่แนบลงอีกคราหนึ่ง
แต่คราวนี้ ผมไม่เงียบเหมือนเดิม
   “อ.. มึง จักจี้..” จักจี้จริง ๆ ครับ มันไม่เหมือนเมื่อกี้ ผมเม้มปาก รับรู้ได้ว่าไอ้ดำเองก็เริ่มมีหนวดแล้วเหมือนกันนะ เพราะตอนมันเริ่มไซ้คอเล่นซะขยับตัวยุกยิกหนีแทบไม่ทัน “เฮ้ย เดี๋ยวมึง..เฮ้ย !” แหกปากแทบทันทีตอนรู้ว่าโดน.. โดนดูดคอ !
   ผมตัวแข็งทื่อ เกร็งไปหมด มันครั้งแรกของผมนี่นะ ไอ้ดำเองก็ไม่สงสารเลย มันเริ่มจูบหน้าอีกครั้งหลายรอบแล้วเปลี่ยนเป็นทั่วลำคอ อาจจะเรียกได้ว่าไม่มีที่ว่างเหลือให้ผิวขาว ๆ ของผมอวดเลยก็ได้
..หรือบางที มันอาจจะไม่ให้อวดผิวขาวกับใครวะ
   “มึง.. ทำไรอยู่.. วะ” เค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบากครับ โอเค ท่าทางงานนี้ผมจะไม่มีทางรอดจากเงื้อมมือมันได้อย่างแน่นอน เพราะปากมันทำหน้าที่จูบทั่วลงมาถึงแผ่นอกแล้ว ส่วนมือมันอ่ะเหรอ.. ปลดกางเกงออกเรียบร้อย
   “ทำรอย”
โอ้โห คิดว่ากูซื่อจนไม่รู้เหรอว่ามึงทำรอยกูอยู่เนี่ย
   “ละ แล้ว แล้วถอดกางเกงกูทำเพื่อ..”
   “ทำรอยทุกที่ให้ครบ”
คิดว่าโดนขนาดนี้จะทำอะไรได้ไหมล่ะครับคุณ !
   มันเชี่ยวชาญมาก เชี่ยวชาญสุดๆ จนผมไม่รู้จะหาคำไหนมาเปรียบเทียบ พอกะพริบตารอบแรก กระดุมโดนปลดหมด กะพริบตารอบที่สองกลายเป็นกระดุมกางเกงโดนปลด กะพริบตารอบที่สาม ผมก็พบว่ากางเกงแม่งร่นไปอยู่ที่ข้อเท้าเรียบร้อย
มึงไวมาก
   ผมชะงัก เมื่อเห็นมันเอาแต่จ้องแทน
   “จ้องเหี้ยไร..”
   “งงว่ามึงนอนนิ่ง ๆ ทำเหี้ยไร” พูดพร้อมขมวดคิ้วอีก เอ้า กูเริ่มงงล่ะ มึงอยากให้กูขัดขืนดิ้นดุ๊กดิ๊ก ๆ ไหมล่ะ “นอนกระพริบตาให้กูถอดเฉยเลย”
   “มึงอยากให้กูขัดขืนเหรอไอ้ดำ กูรู้ว่ากูคงไม่รอดแน่นอน” ผมพูดหน้าตาย โรแมนติกอะไรไม่มีเล๊ย “ผิวขาว ๆ กูเป็นรอยเพราะมึงอ่ะ”
   ไอ้ดำกระตุกยิ้ม ปกติผมมองว่าชั่วร้ายนะ แต่คราวนี้ดูหื่นกามมากกว่า
   ยิ่งฝ่ามือทั้งใหญ่ทั้งร้อนของมันแนบบนแก้มผม ไล้ลงตามลำคอยิ่งทำให้ขนลุกวาบ เสียวที่ท้องน้อยชอบกล
   “แล้วมึงชอบไหม ?”
..ถามกูงี้เลยเหรอ..
   ผมเม้มปากตัวเองเข้าหากัน มองคนที่รอคอยคำตอบอยู่ด้านบน เหมือนมึงจะหน้าด้านมากนะไอ้ดำที่ถามกูตรง ๆ แบบนี้ แถมมึงนี่เก่งจริง ๆ อยู่ในท่าคร่อมกูนานซะจนสงสารเข่ากับศอกว่าจะเสื่อมก่อนวัยอันควร หรือบางทีแม่งอาจจะเมื่อยแต่ยังพยายาม
ดังนั้น เห็นแก่ความพยายามของมัน
   สายตาของผมเลื่อนสบตาด้วยกัน ประโยคหนึ่งหลุดออกมาจากเรียวปากของตัวเอง
   “ชอบว่ะ.. ชอบมาก”
   แต่ไม่เห็นมีใครบอกผมเลยว่า ประโยคนี้จะเป็นประโยคสุดท้ายที่ได้พูดแบบมีสติครบถ้วนในคืนนี้
..

   หลังจากนั้นเหมือนไอ้ดำจะยิ่งได้ใจ ริมฝีปากร้อนเริ่มจู่โจมอีกครั้งหนึ่ง ความชื้นฉ่ำไล่ไปทั่วร่างของผม และเมื่อคอยปรือตามองว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างกลับยิ่งพบว่าจุดที่เปียกแฉะบนตัวผมกลายเป็นรอยแดงไปเสียแล้ว จะเรียกได้ว่าทุกที่เลยก็ว่าได้ ทุกตารางนิ้วบนแผ่นอก มันไม่ยอมให้เหลือรอดเลยแม้แต่นิดเดียว
เก็บกดอะไรมันวะ..
   ไอ้ดำไม่ยอมพูดอะไรต่อ ผมเองก็ไม่ค่อยอยากจะพูดอะไร ผมสะดุ้งนิดหน่อยตอนลิ้นมันแลบเลียเหมือนลองชิมบนยอดอก ไม่สิ ไม่ใช่สะดุ้ง..
เสียงผมงึมงำออกมาด้วย
   “อ.. อึก.. เดี๋ยวมึง..”  มันไม่หยุด เหมือนว่ายิ่งได้ใจซะอย่างนั้น ฟันคมขบกัดบนส่วนปลายนุ่มนิ่มที่เริ่มแข็งทื่อเป็นไต มันให้ความรู้สึกแปลก ๆ ยิ่งเวลาฟันมันลองครูดลงยอดอกยิ่งทำให้ขนอ่อนลุกชันทั่วร่าง..
ผมเรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่า.. รู้สึกดีชะมัด..
   “กูรู้ว่ามึงชอบ” ไหล่ของตัวเองสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงแทรกขึ้น “มึงชอบให้กูจูบตรงนี้ไหม ?” ไม่ทันได้ตอบอะไร มันก็เอาอีกแล้ว กดจูบบนยอดอกผมครบสองข้าง “แล้วตรงนี้ด้วย” ผมอ้าปากค้าง จะโต้ตอบแต่เสียงกลับถูกดูดกลืนเป็นครางแผ่วเบา เพราะลิ้นร้อน ๆ นั่นลากลงมาตามจุดกึ่งกลาง แล้วมันก็แนบจูบอีกครั้งที่เหนือสะดือ
   “มึงแม่ง..” แล้วพูดไม่ทันจบ.. แม่งไม่ทันจบ ทั้งเนื้อทั้งตัวผมก็ต้องสะดุ้งโหยงสุดตัวเพราะฝ่ามือที่จำได้ว่าทั้งร้อนและใหญ่ ล้วงเข้ามาในชั้นในแล้วตะครุบจับส่วนนั้นของตัวเองอย่างจัง “แม่งเหี้ย !”
   ปฏิกิริยาตอบสนองโดยส่วนตัวครับ..
   “มึงด่ากูคำนี้มาเกินยี่สิบครั้งแล้วนะรู้ไหม ?” มันแกล้งพูด ใช้เสียงอ่อนโยนแบบที่ไม่ควรใช้เวลานี้ยิ่งขับให้ใบหน้าผมแดงจังกว่าเก่า นิ้วยาวรั้งชั้นในตัวจิ๋วของผมลง และดึงออกไปกองที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ “ตรงนี้ของมึงเริ่มแข็ง”
   “อะ.. ไอ้ควาย” ผมด่าทีนึง จะอยู่กระบวนท่าไหน ได้โอกาสเถียงแล้วขอเถียงก่อน “แข็งนานแล้วเหอะ”
   มันขำครับ เออ ขำเข้าไป ทำไม !
   “มึงทำร้ายบรรยากาศโรแมนติกของกูมากเลย” ไอ้ดำ มึงจะพูดเยอะแค่เวลาแบบนี้ใช่ไหม แต่โอเค ผมไม่มีอากาสได้ตอบมันซ้ำสอง เพราะปลายนิ้วที่ไม่อยู่สุขเริ่มทำให้ทั้งร่างกระตุก “แต่ไม่เป็นไร ปากหมาเป็นมึงตัวจริง”
   “พูดมากเชียวนะ.. อึก..” หลุบตามองฝ่ามือใหญ่ที่แกล้งขยับเนิบช้าอยู่ บ้าชะมัด.. ยิ่งรู้ว่าเป็นมือมัน ตรงนั้นของผมก็ยิ่งแข็งกว่าเก่า แล้วไอ้ดำก็เหมือนสนุกกว่าเดิมอีก “มึง.. ไอ้ห่าเอ๊ย”
   “กูให้มึงพูดตอนนี้ก่อนแล้วกัน” มันคว้าเจลหล่อลื่นที่อยู่หัวเตียง.. เดี๋ยว แม่ง เดี๋ยวเฮ้ย เอามาจากไหนวะ ! คว้ามาแล้วชโลมลงมือเลยนั่น “ก่อนที่มึงจะไม่มีโอกาส”
   “มึงมีเจลตอนไหนวะ ! เฮ้ยไอ้ดำ !”
   “วางนานแล้วไม่เห็นเอง”
โอ๊ย ไอ้เหี้ย !!
   หมดคำจะด่าแล้วเนี่ยสัตว์ ร่างของผมกระตุกวูบอยู่หลายต่อหลายครั้งตอนความเย็นจากเจลมันชโลมอยู่ด้านหลัง แต่น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกกลัวหรืออะไรแล้ว ผมแค่รู้สึก..
ตื่นเต้น
เออ.. ตื่นเต้นมากกว่า
   แล้วก็ตื่นเต้นแค่ตอนนั้นแหละครับ จนกระทั่ง.. นิ้วแม่งอ่ะ !
   “ไอ้เหี้ย !!” ด่าอีกสักทีแล้วสะดุ้งสุดตัว ไอ้นิว ไอ้จิน ไอ้หน้าไหนที่แม่งเป็นฝ่ายรับทั้งหลาย มึงไม่เห็นเคยบอกกูเลยว่าแค่นิ้วเดียวมันจะเจ็บ แล้วไอ้ดำเหมือนจะไม่ฟัง พรวดทีเดียวสองนิ้วอีก “มึง ! กูเจ็บ.. เจ็บโว้ย !!”
   “อยากให้กูหยุด ?”
เอ้าไอ้ห่า นิ้วทะลวงตูดกูแล้วยังจะถามให้หยุด
   “กูหมายถึงให้ช้า ๆ ! เนิบ ๆ นาบ ๆ อ่ะสัตว์ มึงทำเป็นไหม ! ไม่ให้หยุด !”
   แล้วผมก็หน้าซีดเผือดเมื่อพบว่าตัวเองหลุดปากอะไรออกไป อือหือ ไอ้กรด กรรมมึงแท้ ๆ เลยที่ปากไวกว่าความคิด ไอ้ดำแม่งขยับเปลี่ยนท่า โน้มตัวลงจูบบนขมับผมเบา ๆ ซะอย่างนั้น
   “ได้สิ.. ช้า ๆ” มันพูด ปากแนบจูบแผ่วเบาบนขมับขอผมที่มีเหงื่อผุดขึ้นมาเหมือนจะปลอบประโลม พอผมไม่พูดอะไรแล้ว ทั้งห้องกลับมีแค่เสียงแอร์ และเสียงจากการขยับร่างกายบนเตียงเท่านั้น คราวนี้มันไม่ได้พูดเหมือนเดิม ยกฝ่ามือข้างที่ว่างลูบแก้มผมช้า ๆ
   ร่างกายของผมสั่นริกเมื่อรับรู้ได้ว่ามันเริ่มขยับปลายนิ้วยาวที่อยู่ด้านใน มันรู้สึกอึดอัด คับ เหมือนโดนอะไรสักอย่างสอดเข้ามา แล้วก็ใช่ มันสอดเข้ามาอยู่น่ะแหละ สายตาผมมองคนด้านบน เชื่อไอ้ดำเองตรงนั้นก็คงตื่นแล้ว แต่ดูเหมือนมันจะอยากให้ผมพยายามปรับตัวชินได้ก่อนด้วย
   คราวนี้เป็นนิ้วที่สามที่สอดเข้ามา ยิ่งเพิ่มความอึดอัดให้ผมอย่างน่าประหลาดเลยล่ะ เรียกได้ว่าโคตรจะเจ็บ เจ็บกลบความเสียวไปหมดล่ะเนี่ย
   “กูไม่พูดหรอกนะ ว่ามึงจะเจ็บหน่อย” นัยน์ตาของผมพร่ามัวอย่างไร้สาเหตุปรือขึ้นมองอีกฝ่าย เพิ่งทราบได้ว่ามีน้ำตาคลอ ๆ บนเบ้าตาตัวเอง เพราะแบบนี้สินะมันเลยพูดแทรกขึ้น “มึงจะเจ็บมาก”
โอ้โห ปลอบกูทีเหอะ
   “ไม่หลอกกูหน่อยเรอะ” มันไม่ตอบ แต่หมุนนิ้วที่อยู่ในกายผมเชื่องช้า สร้างความบิดเกร็งให้ร่างกายไปทั่ว  ผมครางเสียงต่ำ ฝ่ามือจิกกำผ้าปูที่นอนไว้แน่น “อะ ..แม่ง..”
   มันเจ็บ เจ็บมาก หัวใจผมแทบปลิวว่อนตอนอีกฝ่ายกระชากปลายนิ้วออก แล้วเปลี่ยนเป็นสอดใส่ส่วนที่ทั้งแข็งและใหญ่ยาวกว่านิ้วมันมากเชื่องช้า ทั้งร่างผมเหมือนจะฉีกขาดออกจากกันให้ได้เลยด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายเป็นตัวของมันต่างหากที่เข้ามาโผกอดผมคล้ายปลอบประโลมไม่ให้บุบสลาย
บ้าโว้ย.. มึงจะถนอมกูขนาดนั้นเพื่อไรวะ
   “กรด.. กอดกูไว้” น้ำเสียงอ่อนโยนอีกแล้ว ให้ตายเหอะ สัตว์ มึงเลือกใช้น้ำเสียงได้ถูกเวลาที่สุดในโลกเลยไอ้เหี้ยเอ๊ย
   รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ริมฝีปากร้อน ๆ อุ่น ๆ แนบจูบบนเปลือกตาฉ่ำน้ำใส ๆ อยู่ มันปลอบผม ฝ่ามือของมันทำหน้าที่ได้อย่างดิบดี บีบนวดสะโพกช้า ๆ ให้ผ่อนคลายแทน
   “ฮ.. ฮะ.. มึง..” เกลียดเสียงตัวเองตอนนี้ที่เปล่งออกมาไม่เป็นภาษาที่สุดเลย ผมว่าสติผมเหมือนล่องลอยแปลก ๆ มันดูไม่ปกติ สองแขนที่สั่นเทาของตัวเองค่อย ๆ ยกขึ้นโอบกอดรอบลำคอมันตามคำพูดนั้น ยิ่งร่างกายของผมและมันแนบชิดกันเท่าไหร่ ความร้อนจากอุณหภูมิอีกฝ่ายยิ่งช่วยเยียวยาผม แต่ก็ได้แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ มันเจ็บจนผมพูดไม่ออก ไม่มีแรงจะตอบโต้อะไรทั้งสิ้น
   ทัศนวิสัยของผมเริ่มพร่ามัว เดาได้จากน้ำตาที่คลออยู่บดบังจนหมด สัมผัสอะไรไม่ค่อยได้นอกซะจากความเจ็บปวดผสมโรมกับความเสียวซ่าน แต่ผมพนันได้เลยว่าเจ็บมากกว่า
   “ก.. เกลียดมึง” สุดท้ายก็งึมงำคำนี้ออกมา แต่ไอ้ดำดูชะงักไปนิดหน่อย มันจ้องหน้าผม และผมเองก็จ้องหน้ามันด้วย และไม่นานพวกเราทั้งสองคนกลับยิ้มออกมา ผมเจ็บด้านหลังแต่มันดันยิ้ม และผมก็ยิ้มด้วย โคตรแปลกใจตัวเองชะมัด
   มันโถมร่างลงเข้ากอด ขยับกายส่วนล่างเข้าจนสุดเล่นทำให้ผมร้องเสียงหลงไม่เป็นภาษา ริมฝีปากของมันคลอเคลียบนใบหูของผม กระซิบเสียงแผ่วเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน และแน่ล่ะ ก็มีแค่สองคนที่อยู่ในห้องนี้นี่หว่า
   “เกลียดมึงเหมือนกัน”
   ชั่ววินาทีที่เราสองคนได้กอดกันและอยู่ใกล้ชิดกันมากที่สุดกว่าครั้งไหน
ผมเองก็ได้ยินเสียงหัวใจของมันเต้นแรงไม่แพ้กันเลย

ออฟไลน์ seira

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
«ตอบ #153 เมื่อ26-11-2017 13:42:15 »

C h a p t e r  49
คนเกลียดกัน มักจะเป็นอะไรกัน


   “สรุปมึงกับมันได้กันแล้ว ?”
   เวลาไล่มาถึงตอนเปิดเทอมครับ ตอนนี้ผมกับนิวกำลังนั่งทำฉากการแสดงอยู่ โอเค ทุกคนพอจำการแสดงได้ใช่ไหม ? นั่นแหละ การแสดงที่ผมได้รับบทเป็น.. ตุ๊ด และนิวเป็นนางเอก นักแสดงก็ต้องมานั่งทำฉากด้วยเหมือนกัน โถ สงสารตัวเอง
   ผมใช้โอกาสที่เย็น ๆ และคนเริ่มซาลง เล่าเรื่องช่วงปิดเทอมของมันทั้งหมดให้ฟัง แน่นอนว่าเรื่องที่ไอ้จินจุ๊บ ๆ บนแก้มตัวเองด้วย นิวก็ทำสีหน้าตื่น ๆ นิดหน่อย แต่ก็กลับมาเป็นปกติ มันเลิกคิ้วข้างหนึ่ง เท้าคางมองผมด้วยสายตากลม ๆ โต ๆ อีก แต่ถ้าสังเกตให้ดีหน่อยจะเห็นขอบตาคล้ำช้ำของมันอยู่
   ไหน ๆ นิวก็ถามผมแบบนี้ ก็ได้ ตอบตรง ๆ ไปสิวะ
   “ครั้งแรก ครั้งเดียว” ผมยืนกราน คว้าแปรงมาทาสีพื้นหลังของไม้ต่อ “มึงไม่เห็นบอกกูเลยว่ามันเจ็บตูด”
   “มึงเคยถามกูเหรอ อีกอย่าง กูไม่ได้รับ” เออว่ะ จริงด้วย ผมต้องไปถามไอ้จินต่างหาก โว๊ะ ! “แล้วเป็นไงล่ะมึง ? สนุกไหม”
   “เจ็บตูดน่ะสิถามได้ !” โพล่งขึ้นทันทีเลยครับ คิดแล้วสยอง จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมยังกลัว ๆ หวั่น ๆ ยังไงก็ไม่รู้อยู่เลย นึกถึงตอนตื่นขึ้นมาเมื่อยตัวนอนตายซากอยู่ในห้องส่วนไอ้ดำก็ดีเหลือเกิน ช่วยเปลี่ยนเสื้อให้ผม สีหน้ามันเหมือนคนอิ่มเอมบุญกุศลใด ๆ ทั้งปวงด้วย โอ๊ยยยยย ไอ้เหี้ยย กูเกลียดมึงจริง ๆ
   “เอ๊อะ”
   “แถมมึง ห่าเอ๊ย แม่ง กูโคตรของโคตรเจ็บตูด ไหนว่ามันจะเสียวสนุก สนุกเหี้ยไร โว้ยยยย” โวยวายดิ เป็นน้ำกรด ขอโวยวายก่อน
แต่คนที่นั่งฟังอยู่เลิกคิ้วมองผม ท่าทางนิ่ง ๆ ซะอย่างนั้น แต่ประโยคถัดไปของมัน..
   “แล้วมีความสุขรึเปล่าล่ะ ?” ดู.. ดูมันถาม ถามมาได้ ผมหายใจฟึดฟัด มึงคิดว่าเจ็บขนาดนี้จะรู้สึกไงล่ะวะ ! ดังนั้น ผมจะตอบไปตามที่ตัวเองคิด ตอบไปเลย มีความสุขไหมน่ะเหรอ... !
   “มาก”
   “ดูก็รู้แล้ว หน้าแดงล่ะมึง”
..
เกลียดจริง ๆ เวลาปาก สมอง ร่างกาย ไม่ตรงตามที่ต้องการ
   “แล้วตอนนี้พวกมึงเป็นอะไรกันวะ ? คนรัก ? แฟน ?” ยิ่งนิวถาม ยิ่งทำให้ผมรู้สึกอายครับ อ๊าก ! จากน้ำกรดคนจัญไรกลายเป็นน้ำกรดผู้เขินอายไปแล้วมึงงง ! ผมจะทำไงได้ล่ะ นอกซะจากอ้ำอึ้งกับมัน
กู
เขิน !
   แต่จะปิดนิวก็ปิดไม่เป็น พอเปิดเทอมวันแรก เห็นหน้ามันแล้วก็พูดอะไรไม่ถูก ได้แต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ บอกว่า ไอ้ดำ ๆ กู ๆ เอา ๆ มันก็ร้องอ๋อ แล้วบอกรอเลิกเรียนช่วงทำฉากหลังการแสดงค่อยคุยกันซะงั้น ก่อนจะไล่ผมไปเรียนเช่นเดิม ฮื่อ ๆ
   ใครจะไปคิดวะ จากคนที่กัดกันในวันนั้น เกลียดแทบตายในวันโน้น จะกลายมาเป็นคนได้กันบนเตียงในปัจจุบัน !
ฮื่อออออ น้ำกรดพูดไม่ออก บอกไม่ถูก !
   “ไม่รู้ว่ะ..” ผมพูดไปตามจริง ใช่ ยังไม่ได้ตกลงว่าเป็นอะไร แต่ผมเสียตัวไปแล้วครับ อือหือ นึกถึงอนาคตถ้ามันไม่รับผิดชอบขึ้นมาผมควรจะทำยังไงดี แต่คิดอีกสักพักก็พบว่าตัวเองไม่มีอะไรเสียหาย นอกจากไปตรวจเลือดเพราะวันนั้นไม่ได้ใช้ถุงยาง
ดูซิ ดูสิ ! น้ำกรด ทำไมมึงไม่บอกให้มันใช้ถุงยางวะ !
   “กูจะไปตรวจเลือด”
   “...” นิวมองหน้าผม แล้วขำลั่นอีก เอ้า ขำกูทำไม กูจริงจังนะนิว ! “เออ แล้วแต่มึง แต่กูอยากให้พวกมึงสองคนมีสถานะมากกว่าว่าเป็นอะไร ให้มันชัดเจนดิวะ แค่นี้ยังไม่พอหรอก”
   ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก
   “งานแสดงศุกร์นี้เป็นไง ?” ยิ่งมันถามก็ทำให้ผมได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ ต่อ ใช่ โรงเรียนผมมีการแสดงละครอาทิตย์หน้าแล้วหลังจากปิดเทอม จริง ๆ ก่อนเปิดเทอมประมาณ 2 อาทิตย์ ผมย้ายกลับมาอยู่หอเพราะต้องเตรียมตัวและพวกเด็กม.6ที่เหลืออยู่ก็ฝึกการแสดงตลอด
บทกะเทยที่.. โคตรเหี้ย
   “เออ อาทิตย์หน้า.. มีงานโรงเรียนนี่หว่า” ผมพึมพำ จำได้ครับว่ามันมีงานโรงเรียนพอดี “ให้เลือกช่วงงานโรงเรียนจะดีเหรอวะมึง”
   “ยังไงมึงก็แต่งหญิงวันนั้น น่าจะดี”
   “แต่งหญิง..” มึงบอกว่าเป็นตุ๊ดดีกว่าเหอะ.. มึง.. คิดแล้วก็หงอยแดกอย่างเดียวเลยครับ.. “เออ แค่แสดง”
   “ใช่ การแสดง กูก็แต่งหญิง” นิวมันยักไหล่ เออว่ะ มันนางเอกเลยนี่หว่า “แล้วจะมีช่วงว่าง ๆ อยู่ช่วงนึง มึงหาโอกาสไปคุยกับไอ้นัยตอนนั้นก็ดี”
   “แล้ว.. แล้วก็ควรทำไง” ผมงึมงำอีก “เป็นเรื่องที่รู้กันแค่สองคนไม่ได้เหรอวะ..”
   “ถ้ารู้สองคนมึงจะบอกกูเพื่อ..”
   “สามก็ได้”
   “สี่แล้วเหอะ กูว่าไอ้จินก็รู้”
..
เออว่ะ ใช่ ไอ้ดำน่าจะบอกจิน
   โอ๊ยยยยยยยย แม่งโว้ย ! ผมเอามือถู ๆ หน้าตัวเองหลายรอบ ไม่ไหว อยากจะร้องไห้ ชีวิตผม ทำไม.. ทำไม.. โว้ย !
   “แล้ว แล้วมึงกับไอ้จินเป็นไงบ้าง..” เสียงถึงกับขาดเลยครับ “พวกมึงเป็นแฟนกันนี่หว่า เออ.. มึงเป็นไงกันบ้าง แนะนำกูหน่อย กูทำม...”
คราวนี้จากเสียงขาดผมกลายเป็นเงียบกริบ
เพราะประโยคต่อไปของนิว
   “เปล่า” นิวมันมองผมด้วยหางตา มือคว้าขวดน้ำขึ้นมาเปิดดื่มแล้วต่อประโยคด้วยเสียงเนิบนาบที่ทำให้ผมแทบจะหายจากอาการเขินของตัวเอง “กูเลิกกับไอ้จินแล้วตอนมันมาบ้านกู น่าจะช่วงวันเกิดพี่สาวนัยพอดี”
   “หา ?”
ถึงกับอึ้ง อะไรวะ เดี๋ยว เดี๋ยวดิมึง เฮ้ยกูงง !
   นัยน์ตาของตัวเองเบิกกว้างเป็นไข่ห่าน ยิ่งเห็นสีหน้าเรียบนิ่งของมันยิ่งอึ้ง จะถามว่าอะไรต่อ แต่เหมือนสัญชาตญาณของตัวเองรั้งไว้ไม่ให้ลองเอ่ยถามต่อเสียอย่างนั้น นิวเงยหน้ามองผม ระบายรอยยิ้มเจื่อน ๆ ให้แทน
   “กูขี้หึงไปหน่อยน่ะ อีกอย่าง..” มันเว้นจังหวะ เอ่ยต่อเสียงเบาเหมือนกระซิบไปกับสายลม “มันน่าจะอยากได้อิสระมากกว่านี้”
   “ไอ้นิว..”
   “ก็แค่เลิกตามปกติ เหมือนคู่รักทั่ว ๆ ไปที่เลิกกัน”
   “มึง..”
   “ความรักที่แย่งคนอื่นมามันไม่ยั่งยืนหรอกมึง จริง ๆ กูไม่ได้บอกมึงสินะว่ากูทำเรื่องขอย้ายห้องตั้งแต่ช่วงปิดเทอมแล้ว” ยิ่งนิวพูด ยิ่งทำให้พบเอ่ยอะไรต่อไม่ถูก จะว่ายังไงดี เหมือนอึ้ง ทึ่ง ตกใจน่ะครับ ประมาณนั้นเลย
   “แต่มึง นิว.. ทำไม..”
   “กรด” เสียงหวานที่เริ่มแตกทำให้มันดูแปร่ง ๆ ไปดังขึ้น “กูขอ อย่าเพิ่งพูดอะไร ถามอะไรตอนนี้.. รอจนกว่ากูจะเล่าเองเถอะ”
   มันจ้องตาผมที่ได้แต่นั่งนิ่ง
   “ถือว่ากูขอ..”
..
ในเมื่อมันขอ มีหรือผมจะไม่ให้
   “เออ.. กูจะรอวันนั้นแล้วกัน..”


   ผมมองแผ่นหลังนิวที่เดินออกห่างไปช่วยงานทางอื่น ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเย็นชาขึ้นกว่าตอนเทอมก่อนมาก ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความรักจะทำให้คนเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ นิวมันแค่ยิ้ม ๆ แล้วบอกผมว่าจะไปช่วยอีกทางนะ ก่อนจะเดินจากไปเลยครับ
แต่แล้วพอนิวไป.. ก็มีคนมาแทน
   “อันนั้นต้องสีเขียว..”
เสียงคุ้นเหลือเกิ๊น !
   ผมสะดุ้ง หันขวับไปมอง ไอ้ห่าหนิ ไอ้ดำ !
   “เออ..” ใช่.. ผมทาแผ่นไม้สีเหลืองซะอย่างงั้น โอ๊ยย ไอ้เหี้ยกรด มึงคิดไรอยู่วะเนี่ย “กูแค่เหม่อนิดหน่อย”
มันเลิกคิ้ว หยิบถังสีเขียวมาวางไว้ข้าง ๆ ผม
   “เออรู้” ผมเบะปากใส่มันไปซะที แล้วเริ่มเปลี่ยนเป็นทาสีเขียวตามที่มันว่า เอาตรงๆ ตั้งแต่ได้กันวันนั้น ก็ยังไม่มีรอบสองเลยครับ แต่ผมแค่รู้สึกเหมือน .. จะว่าไงดี
มันอ่อนโยนกับผมเยอะขึ้น
แต่ยังเป็นตัวมันอยู่นั่นแหละ
   มันดูเป็นฝ่ายเดินมาหาผมบ้าง ชวนผมคุยด้วย มากกว่าจะกวนตีนผม จริง ๆ ก็ค่อนข้างไม่ชินแหละ แต่จะรู้สึกดีไหม มันก็ใช่..
พวกเราใจตรงกัน
   “คิดอะไรอยู่.. หูแดงแล้ว”
..อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก !!
   ผมสะดุ้งตัวโหยงทันทีแล้วรีบออกห่าง ไอ้ห่า ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ ไอ้.. ไอ้ !! คนที่พูดไม่ใช่ไอ้ดำอีก แต่เป็น... ไอ้ห่าไลออน !!!
   “มึงมาอะไรเนี่ย !!”
   “กูแค่แวะมาดูว่าทำไมพวกมึงสองคนนั่งด้วยกัน แล้วก็มาเจอภาพ.. อ่ะจ๊ะบ๊ะ !”
อ่ะจ๊ะบ๊ะพ่องอ่ะจ๊ะบ๊ะแม่งมึง !! 
   ผมอ้าปากพะงาบ ๆ เห็นไอ้ดำทำหน้านิ่ง ก้มไปทาสีแกรก ๆ ต่อซะอย่างนั้น มึงช่วยมีปฏิกิริยาตอบสนองกับกูบ้างมะ หา ! เอากูเป็นเมียแล้วยังจะนิ่งใส่กูเหรอ เดี๋ยวเหอะ !!
ผมยอมรับเรื่องเมียแล้วนะครับ
แต่ยอมรับแค่ในใจเท่านั้นแหละ !
   “แค่หูแดงเพราะอากาศมันร้อน !!” เถียงก่อน เถียงก่อนหมดโอกาส
   “พัดลมจ่อหัวมึงอยู่” แต่เถียงแบบไร้สมองแบบผมเหมือนขุดหลุมฝังตัวเองครับ..
   “อะไรแน่ะ แน่ะ ปิดเทอมไปแป๊บเดียว พัฒนาอะไรเหรอวะมึง” ไลอ์ ไอ้เหี้ยไลอ์ เอาอีกละ คราวนี้ผมแอบสังเกตได้ว่าคู่หูไทเกอร์ของมันไม่ได้อยู่ด้วยเหมือนสมัยก่อน แอบสงสัยนิดหน่อย แต่เอาเหอะ แม่งเล่นมุกเองตบมุกเองก็ได้ด้วย เหงามากเหรอวะสลัดผัก !!
   “หุบปากไปเลยโว้ย ! กูเปล่า !!” แหกปากหน่อยเหอะแม่งเอ๊ย “พัฒนาห่าเหวอะไรวะ !”
โอ้โห อาการปากแข็งผมกลับมาแล้ว
   ไอ้ไลออนแม่งยักคิ้ว หลิ่วตา ทำหน้าชั่วอีก แล้วเขยิบ ๆ ไปออเซาะไอ้ดำ
   “ไงล่ะมึง ไม่พูดไรหน่อยเหรอ” เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย ! อย่านะเว้ย ! “แน่ะ ช่วงนี้มึงดูอารมณ์ดีกว่าเมื่อก่อน อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ”
   “...” ไอ้ดำเงียบ เงียบอีก
   “ไอ้เหี้ยไลอ์ ! เป็นสิงโตก็เงียบดิ !”
   “อ้าว ไม่ใช่เสือแล้วเหรอ”
โว้ย !!  ยังจะมาย้อนอดีตความอ่อนอังกฤษผมอีก !
   ผมกัดฟันกรอด ๆ มึงนะมึง จะเอาคำไหนมาด่าดี ผมเริ่มคิดคำด่ามันไม่ออกแล้ว ฮื่อออออ แม่งด่าเยอะจนจะหมดคำบนโลกแล้วเนี่ย ! โอ๊ย ทำไมชีวิตน้องกรดต้องเจออะไรแบบนี้กัน
   “เปล่า” ไอ้ดำมันพูดขึ้นมา เรียกสติของผมให้กลับมาทันที “กูกับมันไม่ได้เป็นอะไรกัน”
..
เงียบ
เงียบสิครับคุณผู้ชม..
   “แต่กูอยากเป็นอะไรกับมันนะ”
   “...”
   ไอ้ไลออนชะงัก เพราะประโยคหลังไอ้เชี่ยดำมันหันมาหาผม มองหน้าผมอีกหาก ก่อนที่เจ้าสิงโตนั่นจะเขยิบ ๆ ออกแล้วหัวเราะ
   “เคลียร์กันเองนะจ๊ะ ไทก์จ๋าา ไลอ์ไปช่วยงานไทก์ด้วย !”
   แล้วมันก็วิ่งหนีไปครับ ปล่อยให้ผมกับไอ้ดำเหลืออยู่สองคน ..
กูไปต่อไม่ถูกเลยไอ้เหี้ย
   ฮื่อ มึงช่วยเป็นคนแบบ ไม่พูดอะไรแต่ก็รู้กันสองคนแบบนี้ไม่ได้เหรอวะไอ้ดำ โฮ่ย อ่อนล้าเกินจะเดินต่อเหลือเกินน้ำกรด น้ำกรดควรทำไงดีวะ มันไม่ได้พูดครั้งแรก พูดมาหลายรอบล่ะ ไม่คิดเหรอว่ากูตามไม่ทันอ่ะ
   “มึง.. คือกูรู้” ผมงึมงำ เอาแปรงป้ายทาแกรก ๆ บนแผ่นป้ายต่อ “กูรู้ว่ามึงชอบกูมาก” ดูจากการกระทำมันตอนอยู่ที่บ้านดิ ทำอย่างกับถ้าแตะผมมาก ๆ ผมจะแตก แล้วก็หายไปงั้นแหละ
   “เออ” แต่เอาตรงๆ ผมก็มีเรื่องสงสัยเยอะนะแต่ก็ได้แต่เม้มปากแน่น แล้วทาป้ายบนพื้นให้เสร็จ เอื้อมมือไปจุ่มสีเป็นครั้งสุดท้าย
   “กูก็รู้ว่ากูชอบมึงมาก แล้วมึงก็ชอบกูมากด้วย”
พรืด !!
โอ้โห ! ไอ้ดำ ! พูดอะไรออกมา ผมจุ่มสีพลาดเลย !!
   ได้แต่หันไปทำตาขวาง ๆ กับมันครับ ดูมันดิ พูดอะไรไม่อายฟ้าอายดิน คิดว่ากูเขินไหม เออ บอกเลยว่าเขิน แต่แม่งเอ๊ย
   “เออ ๆ ..” ผมหลุบตาลง แล้วจุ่มสีอีกครั้งหนึ่ง นิ่งไปซะนาน แล้วหันกลับไปหาชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ตนเอง “มึง ไอ้ดำ..”
   มันหันกลับมามองตอบ เลิกคิ้ว
   “มึงก็รู้ ว่าอะไรที่ไม่มีสถานะ มันพูดยาก..” ผมสูดลมหายใจเข้าลึก “เรามีสถานะเป็นทั้งเพื่อน ทั้งอะไรก็ไม่รู้ควบคู่กันมาตลอด พอมันจะเปลี่ยนสถานะ บางทีกูก็แอบรู้สึกตงิด กลัว แต่กูก็ไม่อยากให้มึงหายไปเหมือนกัน”
   “กลัว ?” โหย ไอ้ดำ กูพูดมาตั้งยาว มึงช่วยโฟกัสจุดอื่นด้วยได้ไหมวะ แต่เอาเหอะ
   ผมเม้มปาก แล้วยอมพูดต่อ
   “ใช่ กลัว” ว่าจบจึงวางแปรงทาสีลง “ไม่ใช่กลัวสายตาคนภายนอก กูลอยจากจุดนั้นมานานแล้ว กูกลัวการเลิกรามากกว่า”
   มันพยักหน้ารับฟังคำพูดผมเงียบ ๆ สมกับเป็นผู้ฟังที่ดีจริง ๆ
   “มึงเคยได้ยินไหม คนคุยกันมาร่วมปี แต่พอกลายเป็นคนรักดันคบกันไม่ถึงเดือน กูกลัวจุดนั้น กูกลัวพอคบกับมึงไปจะเกิดอะไรขึ้น กูกลัวที่จะไม่สามารถกลับมาเจอมึงได้อีก กลัว กลัวหลาย ๆ อย่าง” ผมก้มหน้าลงมองแผ่นป้ายแทน “กูไม่อยากให้มึงหายไปจากชีวิต”
   มันหันมามองผมแล้วพยักหน้า
   “กูก็เหมือนกัน”
ต่างคนต่างมองกันสักพัก ก่อนที่ผมจะยิ้มบาง
   “แล้วเราควรทำยังไงกันต่อ” มันเป็นคำถามของผม ส่วนมันก็ได้แต่นิ่งเสียนาน
คิดว่ามันคงเพิ่งรู้สึกเหมือนกัน กับคำว่าสถานะที่กำลังจะเปลี่ยนไป
   “มึงอยากให้เป็นยังไง”
   “กูบอกไปแล้ว” ไอ้ดำพูดเสียงเรียบ “กูอยากเป็นอะไรกับมึง แต่ถ้ามึงไม่โอเค กูก็ไม่บังคับ”
   “ไม่ มึง ไม่ เอ่อ กูแค่กลัว” มันขมวดคิ้ว หันมามองผมที่รีบแก้เป็นพัลวัน “เอ่อ คือ..”
   “ตกลงมึงจะยังไงวะ” นั่นไง มันเริ่มงงแล้ว เอ้อ เออ ผมก็งงกับตัวเองครับ ได้แต่นิ่ง อึ้งไปนาน ก่อนจะสะบัดหัวแรง ๆ โอ๊ย กูมึนกับตัวเองแล้ว !
   “กูบอกว่า กูแค่กลัว” ใช่ ๆ ผมบอกแค่นี้ บอกมันว่าผมแค่กลัว !
   “แล้วไงต่อ ?” เอ้า ยังจะถาม ย้ำอีกทีก็ได้
   “ก็บอกว่าแค่กลัว”
   “ก็ถามว่าแล้วไงต่อ มีอีกประโยคที่อยากพูดต่อให้จบไม่ใช่เรอะ” เดี๋ยว มันเป็นใคร มึงชื่อน้ำกรดเหรอ มาอ่านใจผมแล้วบอกว่าผมมีประโยคที่อยากให้จบเนี่ย “พูดออกมาให้ครบ”
   ผมนิ่งดิ พูด.. พูดไรวะ
   “มึงอยากให้เป็นยังไง” เหมือนเครื่องกำลังรีสตาร์ทกับตัวเองครับ ใช่ ผมบอกมัน ว่าผมแค่กลัว “พูดให้จบแบบที่กูพูดสิ”
   “กูแค่กลัว” ได้แต่พึมพำกับตัวเองเสียงเบา “แต่ไม่ได้หมายความว่ากูไม่อยากเป็นอะไรกับมึง..”
..
และ..
ติ๊ง... คอมพิวเตอร์แบรนด์น้ำกรดได้ทำงานแล้ว..
   เมื่อจบประโยคของผม.. แค่จบประโยค เหมือนสติตัวเองกลับมาอีก
เฮ้ย !
เดี๋ยว !
เมื่อกี้ผมพูดว่าอะไรนะ !!
   และเมื่อหันขวับไปหาไอ้ดำ มันดันเผยรอยยิ้มแบบที่นานนักจะเห็น ฝ่ามือหยาบเข้ามาจับปลายนิ้วผม สอดปลายนิ้วเข้าประสานมือกัน
   “นั่นแหละ คำตอบที่กูอยากรู้” มัน บีบมือแน่นขึ้น “มาเป็น ‘อะไร’ กันนะ ?”
นี่แหละ.. สถานะที่ว่า
ไม่ต้องรอแบบที่ไอ้นิวพูดเลย
   หน้าผมร้อนจนจะระเบิดแล้ว แต่ก็ยังตอบรับมันไป
   “เออ.. มาเป็น ‘อะไร’ กันเถอะ”



แล้วทายซิ.. ว่าพวกเราเป็น ‘อะไร’ กัน ?

ออฟไลน์ seira

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
«ตอบ #154 เมื่อ26-11-2017 13:46:21 »

Last Chapter


   เสียงโหวกเหวกโวยวายของวันเริ่มการแสดงดังกันอย่างครึกครื้น พวกผมเด็กนักเรียนม.6กำลังเตรียมตัวของการแสดงในช่วงเช้าวันนี้ที่หลังหอประชุม มันเป็นจุดสำหรับแต่งตัวแต่งหน้า ผมไม่แน่ใจนักว่าไอ้พวกหัวการแสดงไปสรรหาคนมาจากไหนเยอะแยะ แต่ดูก็รู้ว่ามันคือสิ่งที่พวกนั้นพยายาม
ม.6 คือ ปีสุดท้ายที่จะได้อยู่ร่วมกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน
   บางครั้งพวกเพื่อนอื่น ๆ อาจหายหน้าหายตาไปไม่มีสิทธิ์เจออีกเป็นรอบที่สอง.. ดังนั้นห้องของผมจึงทุ่มเทกับงานนี้เป็นพิเศษ
   แต่ในบางครั้ง ความสัมพันธ์กลับถูกตัดออกก่อนที่จะแยกจากกันตามหลักเรียนจบของม.6 อย่างเช่น เพื่อนของผม นิวและจิน มันไม่คุยกัน ไม่พูด ไม่อะไร แค่มองหน้าเหมือนว่าจะไม่อยากมองเท่าไหร่ พอผมตัดสินใจถามนิวว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มันกลับสั่นหัว ยิ้มเจื่อน แล้วบอกว่าอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันเลย
   ผมไม่อยากจะสอบสวนอะไรของมันอีก แค่สีหน้าเพื่อนที่ดูปวดร้าวก็พอเป็นคำตอบแล้วว่ามันทำใจไม่ได้
   “นี่กูแต่งเก่งกว่าที่คิดนะโว้ย !” เสียงของไทเกอร์ดังขึ้นเรียกสติผมให้กลับมาครับ เอ่อ ใช่ ตอนนี้ผมกำลังนั่งขัดสมาธิบนพื้น คิดนู่นนี่อะไรเพลินๆ ระหว่างที่ไทเกอร์ช่วย ‘แต่งหน้าเป็นผู้หญิง’ ให้ผม...
เออ ใช่ เป็นผู้หญิง !!
   ไลออนเดินมาแทรก ทำตาโตใส่ “เฮ้ยๆ สู้กับสาวใหญ่ของเราอีกคนได้เลยว่ะ”
   “เอ้าไอ้กรด.. มึง- พรืด !” อันนี้เสียงนิว มึงแต่งสาวเรียบร้อยแล้วสวยเช้งเด๊ะมาก แต่มามองหน้าผมปุ๊บ แม่งขำจนน้ำลายแทบกระเด็น
   “...กูอยากได้กระจก” ยืนยันความคิดตัวเองครับ ช่างแต่งหน้าไทเกอร์ยืดอกภูมิใจ ยื่นกระจกมาให้ผม..
คุณคิดว่าจะเจออะไรล่ะ.. นอกจากกะเทยควายตัวบักเอ๊บอยู่ในนั้น
   “ตัวเหี้ยอะไรวะเนี่ย !!” ผมแหกปากสิครับคุณ แหกปาก ! แหกปากลั่นเลย ไอ้ไทเกอร์กับไอ้นิวถึงกับขำก๊าก ส่วนไลออนดันลากใครสักคนหนึ่งมาให้ผมซะงั้น
   “มึงมีเพื่อนนะเว้ยไอ้กรด” เสียงจินดังแว่วๆ มาพร้อมกับร่างคนตัวสูงพอๆ กับมันที่มีผิวเข้มเป็นเอกลักษณ์ ..ใช่ ไอ้ดำ ไอ้ดำในสภาพแต่งหน้าตาแล้วเรียบร้อย !
   ตัดคำว่าสาวคมกับไอ้ดำไปได้เลย และตัดคำว่าสาวสวยกับผมไปอีกรอบ ผมถูกไอ้ไทเกอร์กับไลออนจับมายืนคู่กับไอ้ดำที่เหมือนสติล่องลองไปแล้ว มันนิ่ง หน้านิ่งมากเหมือนคนทำใจมานานแล้วว่าจะโดนอะไรแบบนี้
   “....” คิดสภาพดู ชายผิวคล้ำ ๆ คนหนึ่งตัวสูงกว่า180 เซนฯ ถูกปัดมาสคาร่าหนาขนตายาวเฟื้อย พร้อมอายไลเนอร์หนายิ่งกว่ารองเท้าส้นตึก คิ้วถูกทาให้ดำขึ้นทั้งที่มันก็ดำอยู่แล้วประหนึ่งหยิบสาหร่ายหลายชั้นมาแปะไว้ ปัดแก้มออกแดงแจ๋เหมือนอีกาคาบพริก แต่ที่เด็ดที่สุดคือ ลิปสติกสีแดงจัดชนิดที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน !
   “....” ไอ้ดำเองก็ยืนนิ่งมองกระจกที่ไลออนกับไทเกอร์ถือเอาไว้เหมือนผม แน่นอน มันน่าจะมองสภาพตัวเองเสร็จก็มองผมแหละ สภาพไม่ต่างจากมันสักเท่าไหร่แค่ขนตาผมเหมือนประกายเพชรฟรุ้งฟริ้งอีก ตามด้วยปัดแก้มสีม่วง ๆ พร้อมลิปสติกสีเหมือนท้องฟ้ามีดาวระยิบระยับตอนกลางคืนที่ดูเท่าไหร่ก็หาความงามไม่ได้ อือหือ มองหน้าแล้วนึกว่าตัวเองตายเพราะไซยาไนด์ ปากม่วงเลยกู
   “ไอ้เหี้ยเอ๊ย !! พวกมึงแม่งยอดเลย !” เป็นเสียงนิวขำก๊ากแบบไม่คิดชีวิตครับ เออ ยอดตรงไหน มึงสวยแบ๊วน่ารักนี่ มันหัวเราะลั่น เกือบจะทำให้ผมเบ้ปากใส่ได้แล้ว แต่สิ่งที่ต้องตะลึงคือ แขนเล็ก ๆ ของมันยกขึ้นกอดคอไอ้จินซะอย่างนั้น “เพื่อนมึงอ่ะจิน”
   ผมเห็นจินผงะ ร่องรอยความเศร้าที่เคลือบแคลงอยู่วูบหนึ่ง ก่อนจะหายไปเป็นรอยยิ้มขบขันแทน
   “เออ มึงก็สุดยอดไอ้กรด ไอ้นัย แสดงเต็มที่ เดี๋ยวกูจะช่วยคุมฉากให้”
   ผมเงียบ นิ่งไป ไม่ต่างจากไอ้ดำที่ดูตกใจอยู่  มันอาจจะไม่ได้คืนดีกันหรอก แต่บางทีเห็นว่าวันนี้คือหนึ่งในความทรงจำที่หาได้ยากในโรงเรียน เลยพยายามทำตัวเป็นปกติแบบนี้
   ไอ้ไทเกอร์กับไอ้ไลออนหัวเราะ วางกระจกแล้วหมุนตัวไปจัดการทางอื่น ส่วนนิวก็ขอตัวซ้อมบทอีกรอบ และจินก็เช็กฉาก ทวนเวลาฉากแต่ละคน ปล่อยให้ผมกับไอ้ดำในสภาพแต่งสาวยืนด้วยกันสองคน
พวกเราหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย
   และสิ่งที่แปลกไปคือ เราสองคนยิ้ม พร้อมพูดประโยคเดียวกันออกมา
   “หน้ามึงแม่งโคตรเหี้ย”
   และหัวเราะพร้อมกันทั้งคู่อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน


   การแสดงไม่ได้ราบรื่นอย่างที่พวกเราคิดเอาไว้ ไอ้ดำพูดตะกุกตะกักบ้าง นิวเผลอสะดุดรองเท้าส้นสูงของตัวเองตอนแสดง ผมลืมบทพูดแล้วยืนถือไมค์เอ๋ออยู่กลางเวทีจนไอ้ดำช่วยแก้สถานการณ์หรือพวกไลออนรีบเข้ามาแก้ให้บ้าง แต่มันกลับเรียกเสียงหัวเราะของผู้ชมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเวลาเขาหันมามองหน้าผมกับหน้าไอ้ดำ ยิ่งขำเข้าไปใหญ่
   “ขอบคุณที่รับชมคร้าบ !” ไอ้ไทเกอร์คว้าไมค์มาพูดพวกเราเรียงหน้ากระดานแล้วแสดงจบ เสียงหวีดร้องกรี๊ดกร๊าดดังไม่มีท่าทีจะหยุด มันทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ กว่านักแสดงอย่างผมกับไอ้ดำจะยอมรับบทนี้มันเกือบจะต่อยกัน มีดราม่าในห้องเรียนอีกต่างหาก แต่ในที่สุดทุกอย่างกลับทำให้คนดูยิ้มได้
เมื่อผมเหลือบมองหน้าสาวใหญ่ข้าง ๆ ตัวเอง.. มันก็กำลังยิ้มเหมือนผม
   ไม่ได้ยิ้มเยอะ แต่สายตาของมันเปี่ยมไปด้วยความสนุก และไม่ใช่แค่ผม.. ทุกคนที่แสดงต่างหากล่ะ

   พวกเราไม่ได้รอฟังผลที่ได้รับ เพราะคิด ๆ ดู ผมว่ามันคงไม่ได้แน่เพราะพลาดเยอะขนาดนี้ แต่สิ่งที่ตอบแทนก็ดูคุ้มค่า ทุกคนมีเสียงหัวเราะ พร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มกันทั้งหมด
   หลากหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ของผม ไม่คิดเลยว่าจะมาถึงจุดนี้ได้..
   ผมที่เคยปิดรับและไม่ฟัง ตัดสินคนจากการมองผ่าน ๆ ไม่ยอมเรียนรู้ เพียงแค่ได้รับรู้ถึงตัวตนจริง ๆ ของเขา อย่างเช่น ไอ้ดำ มันทำให้ผมรู้สึกขึ้นมาจริง ๆ ว่าคนเราไม่สามารถมองจากภายนอกได้เลย ผมที่เคยคิดว่าเพื่อนกันควรบอกกันทุกเรื่อง แต่เมื่อรู้ว่านิวเองก็มีความลับ ผมเรียนรู้คำว่า ‘ให้พื้นที่ส่วนตัว’ กับคนที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนสนิท
   ผมที่เคยไม่สนใจอะไรเกี่ยวกับกิจกรรมห้องหรือการช่วยเหลือเท่าไหร่ ในตอนของไอ้ไลออนยังได้เรียนรู้ที่จะพูดจา โน้มน้าว ให้เพื่อนตัวเองเย็นลงและเข้าใจได้
   ผม.. ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากที่นี่ในปีเดียว เพราะว่าตัวผมยอมตัดสินใจเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ เข้ามา แม้ว่าจะไม่เต็มใจในตอนแรก แต่สุดท้ายมันก็จบลง แม้ว่าจะไม่สวยที่สุด แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยได้รับมาก่อนที่เรียกว่าประสบการณ์
   และผมไม่ได้เรียนรู้แค่คนเดียว
   สายตาของตัวเองกวาดมองคนที่ยืนอยู่ด้านล่างเวที เลื่อนมองคนข้าง ๆ .. ชายผิวสีเข้มคล้ำ ที่ผมเรียกมันว่า ‘ไอ้ดำ’ ตลอดปี
ไม่รู้มันระลึกชาติเหมือนผมหรือเปล่า แต่มันเองก็ค่อย ๆ หันกลับมามองด้วยเช่นกัน
   แล้วพวกเราก็ยิ้มออกมา
   คนเริ่มทยอยลงจากเวทีด้วยเสียงปรบมือกระหึ่ม ผมมองแผ่นหลังของไอ้ดำที่อยู่ด้านหน้าตัวเอง
ทุกอย่างได้รับการเรียนรู้
เปลี่ยนแปลง..
รวมถึงความสัมพันธ์ของผมและมันด้วย
   ผมไม่รู้ว่าเรื่องราวอนาคตต่อจากนี้จะเป็นยังไงต่อ พวกเราอาจจะรักกันเหมือนเดิม กลายเป็นเพื่อนรักกัน หรือเลิกรา เข้าหน้ากันไม่ติดก็ได้ และนั่นคือสิ่งที่ผมกังวลอยู่
แต่ว่านะ
   สุดความคิดของตัวเอง ระหว่างที่ไอ้ดำเดินไปถึงบันได ผมวิ่งกระโดดลงจากเวทีอย่างรวดเร็ว เสียงเพื่อนคนอื่น ๆ มีท่าทางตกใจ ตะโกนโหวกเหวกว่าไอ้น้ำกรดทำเหี้ยอะไร
   ผมไม่สน
   ผมวิ่งตรงไปทางไอ้ดำ กระโดดเอาท่อนแขนโอบกอดรอบลำคอของมัน พร้อมกับขาที่กอดหมับเข้าบนสะโพก มันดูตกใจ เซจนเกือบล้มแต่ก็มีจินประคองไว้ได้ทางด้านซ้าย ส่วนนิวทางด้านขวา ไอ้ดำไม่ปฏิเสธอะไร สองแขนนั่นช้อนเข้าใต้ขาผมกันไว้ไม่ให้ตกไปก่อน
   “ทำเหี้ยไรมึงเนี่ย” มันพูด แต่ผมหัวเราะ
   “ไอ้กรด มึงปัญญาอ่อนไปแล้วเรอะ” อันนี้จิน
   “กรดปัญญาอ่อนนานแล้ว” นี่ก็นิว
   “เฮ้ย ๆๆ ! พวกมึง ! จะได้รางวัลหรือไม่ได้ก็ช่างแม่งเหอะน่า !” ผมแหกปาก ระหว่างที่กำลังเดินไปหลังเวที “ซาน ! ไข่ต้มยังเหลือเปล่าวะ ! มาฉลองๆๆๆ”
   “หา ?” ซานที่ยืนเรียงไข่ต้มบนโต๊ะชะงักกึก
   “ฉลองโว้ยยย ! ฉลองด้วยไข่ต้มนี่แหละ !”
   “มา ๆๆ กูเอาด้วย !” ไทเกอร์แทบไถลมาเลยครับกับไข่ต้ม
   “เฮ้ย ๆ เดี๋ยวกูเอาไปฝาก‘จารย์ไม้ด้วย” ผมพูด หัวเราะลั่นเพราะไลออนแม่งหยิบไข่ต้มที่ยังไม่ได้ปอกเปลือกมาโยนเล่น
   “ฉลอง ๆ กินไข่ต้มเหอะมึง เอ้า ฮิ้วว !”
   แล้วทุกคนที่ร่วมแสดงด้วยก็หัวเราะ แน่นอนว่าคนผ่านมาก็ด้วย ดูตลกกับความบ้า ๆ บอ ๆ ของพวกผม
   ตอนนี้ผมอมยิ้ม
   “ยังไม่ลงเหรอวะ ?” ไอ้ดำหันมาถาม หน้ามันดูงง ๆ ยิ่งทำให้สองแขนกระชับกอดลำคอมันเอาไว้แทน “เอ้า พิการ ?”
   สิ้นเสียงที่มันพูด ผมเอียงหน้าหา พึมพำข้างหูเสียงเบา ท่ามกลามคนโหวกเหวกโวยวายเรื่องไข่ต้ม “กูมีความสุขฉิบหายเลยที่ได้อยู่กับมึง”
   ไอ้ดำนิ่ง มันเงียบ ไม่ตอบ แต่ถ้ามองไม่ผิด หูมันเปลี่ยนจากดำเป็นแดงแล้ว
   ผมหัวเราะในลำคอ
   ใช่ ผมไม่รู้ว่าเรื่องราวอนาคตต่อจากนี้จะเป็นยังไงต่อ พวกเราอาจจะรักกันเหมือนเดิม กลายเป็นเพื่อนรักกัน หรือเลิกรา เข้าหน้ากันไม่ติดอย่างที่ผมกังวลก็ได้
แต่ว่านะ
ตอนนี้ ผมโคตรรักปัจจุบันที่ได้อยู่กับมันเลย


Fin

ออฟไลน์ seira

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
[End] N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!!
«ตอบ #155 เมื่อ26-11-2017 13:47:29 »


                เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งช่วง 6 กุมภาพันธ์ ประมาณปี 2557 ค่ะ

                ไม่อยากเชื่อเลยค่ะ ว่าสามารถแต่งจนมาถึงตอนนี้ได้ ตื่นเต้นมากเลยที่ได้แต่งตอนจบที่ต้องการของเรื่อง Non Romance แล้วสักที ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ ขอโทษที่ไม่ได้มาต่อนะคะ ไม่อยากพูดแก้ตัวนอกจากยอมรับผิดค่ะ

                ทั้งนักอ่านเก่า

                นักอ่านใหม่

                คนที่กดผ่านเข้ามา

                หรือไม่ว่าใครก็ตาม..

                ขอบคุณมากค่ะ ที่รอกัน เริ่มอ่าน หรือเข้ามาเยี่ยมชม

                สำหรับอิมอิน คงไม่มีอะไรน่ายินดีไปกว่าการมีคนเข้ามาอ่านนิยายของเรา และรู้สึกรักนิยายเราเหมือนที่เรารักนิยายเรื่องนี้ และไม่มีอะไรวิเศษไปกว่าได้มีคนเข้ามาอ่านนิยายตัวเอง ตั้งแต่ต้นจนจบแล้วค่ะ

 

ขอบคุณมากนะคะ

StraWBerry_ImIn

 

 

 

 


ออฟไลน์ pitiatah_hp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
«ตอบ #156 เมื่อ27-11-2017 06:56:38 »

ขอบคุณนะคะ คุณนักเขียน สำหรับผลงานดี ๆ  :impress2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
«ตอบ #157 เมื่อ28-11-2017 23:38:52 »

สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
อ่านแล้ว ติดหนึบเลย ชอบบบบบบบบ  :mew1: :mew1: :mew1:

จาก เกลียด - ชิบ - หาย เป็น ชอบ - รัก - โคตรๆ
น้ำกรด ที่ปากจัดด่าดนัย ซะทุกประโยค เหมือนชื่อเลย
นัย ที่กวนประสาททำเสียงดังทั้งคืน เพราะมีเซ็กส์ จนกรดนอนไม่ได้
กลับกลายมาเป็นคู่รักตัวติดกันกับนัย
นัย กรด   :กอด1: :กอด1: :กอด1:

นิว จิน ที่ตามไม่ทันว่าไปแอบชอบกดกันตอนไหน
หลงคิดว่าต้องซวยเพราะกรดด่านัย
แต่ผิดคาด ที่คิดว่ารุก กลายเป็นรับ ที่คิดว่ารับ กลายเป็นรุก  o22 o22 o22

ไทก์ ไลก์ แรกๆก็ป่วนกรดซะ จนกรดอยากซัด เป็นสีสัน ทำกิจกรรมได้เก่งซะอีก
ไลก์ ยังได้คิด ว่ากรดสอนแนะตัวเอง แบบที่กรดคิดไม่ออกแน่ๆ

ไรท์ยอดมาก สนุกจริงๆ
ขอบคุณไรท์มาก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: xNon Romanx เกลียด ฉิบ หาย!! 1 (05/02/2014)
«ตอบ #158 เมื่อ15-02-2018 14:38:10 »

 :laugh: :laugh: ตลก 5555555 ตะโกนกันไป ตะโกนกันมา

อยากรู้จัง จะสปาร์คกันได้ไงน้า เกลียดขี้หน้ากันขนาดนี้

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ในตอนนี้ เราเห็นอะไรแปลกๆล่ะ รังสีสีม่วงๆ :m26:


วินกับท๊อปอ่ะ ทำไมต้องกดหน้าซุกไหล่อ่ะ เราคิดนะ :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
«ตอบ #160 เมื่อ15-02-2018 23:34:29 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: [End] N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!!
«ตอบ #161 เมื่อ16-02-2018 09:26:56 »

จบแล้ววว ขอบคุณมากๆค่ะ

แต่เราสงสารวิน  :hao5:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
«ตอบ #162 เมื่อ21-02-2018 10:04:05 »

 :pig4:

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
«ตอบ #163 เมื่อ21-03-2018 19:56:19 »

 :pig4:  o13

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
«ตอบ #164 เมื่อ22-03-2018 20:49:50 »

ขอบคุณมาก มันมีแง่คิดให้เราคิดตามจริงๆ

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
Re: N o n Romance เกลียด ฉิบ หาย!! Ch.22 UP (6/10)
«ตอบ #165 เมื่อ26-03-2018 08:11:04 »

มาอ่านอีกรอบแล้ววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด