- Love Surgery รักกวน ๆ ฉบับป่วน(ว่าที่)คุณหมอ - [แจ้งข่าว] [03/06]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ถ้าเกิดนิยายเรื่องนี้จะรวมเล่ม ??

อยากให้รวม
79 (90.8%)
ไม่ต้องรวม
8 (9.2%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 82

ผู้เขียน หัวข้อ: - Love Surgery รักกวน ๆ ฉบับป่วน(ว่าที่)คุณหมอ - [แจ้งข่าว] [03/06]  (อ่าน 257881 ครั้ง)

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
ทำไมน้องกรให้อภัยง่ายจังหว่า ทำไมคนอ่านอย่างเรายังรู้สึกมันไม่ค่อยพีคสะใจเท่าไหร่ก็ม่รู้555 แต่ดีกันก็ดีแล้ว^^

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
พี่ศิต้องชนะเท่านั้น กรถึงจะยอมรับรัก
เหนื่อยแน่พี่ศิ

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
ประกาศตัวซะขนาดนั้นแต่ยังไม่ยอมรับรักเนี่ยนะ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ทำตัวยิ่งกว่าแฟนไปแล้ว กรยังไม่ยอมรับอีกแถมยังจะดึงเวลาอีก
ศิเขายอมกรมากเลยนะ ให้ทำลายโทรศัพท์ด้วย
ทำไมไม่เจอหน้าแล้วตอกกลับให้หน้าหงายเลยหมั่นไส้จริงยัยน้ำเน่าเนี่ย

ออฟไลน์ S_oKiss

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0


ก่อนอื่น แจ้งว่า *พรุ่งนี้...เจอกันตอนจบค่ะ* (ตอน 35 คือบทส่งท้าย)


พลอยมาแจ้งรายละเอียดค่ะ แต่รายละเอียดโดยรวมอยู่ในลิ้งค์ด้นล่างนะคะ โค้ง//


รายละเอียดคร่าว ๆ ตามได้ในลิ้งค์นะคะ


http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40768.msg2599402#msg2599402




 





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-01-2014 23:05:47 โดย S_oKiss »

ออฟไลน์ S_oKiss

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0


สวัสดีค่ะ ไหน ๆ ก้ไหน ๆ เราก็เปิดจองเซทลีมีเต็จของนิยายเรื่องนี้กันไปแล้วเราก็ขอเอาตอนจบหละมั้ง ของนิยายเรื่อง Love Surgery มาลงสักที ขอให้ทุก ๆ ท่านมีความสุจกับตอนจบ หละมั้งนะคะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายของพลอยจนถึงตอนนี้ (ซึ่ง พลอยยังคงจะมาอัพนิยาต่อเรื่อย ๆ เพราะน้องจากตอนจบหละมั้งแล้วเรายังมี จบจริง ๆ หละมั้ง อยู่ ห่ะ// อะไรมันจะวกวนได้ขนาดนี้



แต่หากท่านไดยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการสั่งจอง ติดตามได้ที่ลิ้งค์นี้นะคะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40768.msg2599402#msg2599402






Chapter 34




บางครั้งการวางเดิมพันอะไรมันก็เป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูงเอาเรื่อง โดยเฉพาะการเดิมพันเรื่องความรักแล้วมันยิ่งเสี่ยงหนักเลยล่ะครับ และที่ผมพูดถึงเรื่องการเดินพันนี้ขึ้นมา นั่นก็เป็นเพราะผมกำลังวางเดิมพันกับคนๆหนึ่งอยู่และสิ่งที่เดิมพันนั้นมันเป็นความรู้สึกของผม หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือมันเป็นการวางเดิมพันของความรักนั่นล่ะครับ ซึ่งในตอนนี้ผู้ที่วางเดิมพันกับผมกำลังพยายามทำข้อตกลงนั้นของเราสองคนให้เป็นจริงอยู่ครับ



ถ้าจะให้บอกเป็นภาษาง่ายๆนะครับนั่นก็คือพี่ศิกำลังเล่นบาสอยู่ในสนามบาสครับ  ซึ่งคณะแพทย์กำลังแข่งอยู่กับถาปัตครับ ซึ่งไอสกง สกอร์ผมไม่รู้หรอกครับว่ามันนับยังไง (เพราะผมเป็นบุคคลที่ไม่ชอบกีฬาเอาซะเลย) แต่เท่าที่ดูแผ่นป้ายที่เขียนคะแนนของทั้งสองฝ่าย คณะแพทย์…กำลังตามอยู่ราว ๆ 2 แต้มครับ (ท่าทางข้อตกลงของผมกับพี่ศิจะไม่สำเร็จแล้วล่ะครับ เพราะตอนนี้เวลาของการแข่งมันใกล้จะหมดแล้ว และที่ผมรู้ว่าเวลาจะหมดเพราะผมหันไปถามเฮียก๊อตที่มานั่งดูการแข่งบาสด้วยกันครับ ถ้าให้พูดกันตรง ๆ นะครับ ผมดูไม่รู้เรื่องเลยล่ะครับเลยได้แต่ดูสกอร์คะแนนที่เขียนอยู่บนบอร์ดเท่านั้น)



เมื่อผมเห็นแต้มที่เพิ่มขึ้นของคณะถาปัตนี่ทำเอาผมนั่งกอดเข่าหงอยเลยล่ะครับ เพราะในหัวของผมนี่คิดไว้แต่ว่าคณะแพทย์ต้องแพ้แน่ๆ และไอสภาพหมาหงอยของผมตอนนี้ทำเอาเฮียก๊อตที่นั่งอยู่ข้างๆของผมเป็นกังวล จนต้องละความสนใจจากเกมมาปลอบเลยล่ะครับ แต่ในขณะที่เฮียแกกำลังพูดปลอบผมว่า เดี๋ยวคณะแพทย์ก็ทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาได้ อย่าห่วงเลย พลันเสียงรอบ ๆ ตัวของผมก็เฮดังขึ้นพร้อม ๆ กับสกอร์คะแนนถูกเปลี่ยนเป็น 67 ต่อ 67 เท่ากัน เมื่อเห็นแต้มเป็นแบบนั้นผมแทบจะคว้าคอของเฮียก็อตมากอดแล้วเขย่า ๆ เลยล่ะครับ แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้ (แล้วทำไมผมถึงมาที่สนามบาสกับเฮียก๊อตนั่นเหรอครับ…เฮียก๊อตแกเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องเกี่ยวกับข้อตกลงของผมกับพี่ศิครับ เพราะผมขอตามเฮียแกไปที่สนามบาสตอนแข่งกีฬาระหว่างคณะทำให้เฮียแกสงสัยจนผมต้องอธิบายไปครับ)



เมื่อการแข่งกลับมาเสมอเวลาที่จวนเจียนจะหมดของเกมก็ต้องถูกเพิ่มเวลาขึ้นครับ และช่วงเวลานั้นทำให้ผมได้ลุ้นว่าคณะแพทย์จะชนะหรือเปล่า (การเล่นบาส ถ้าเกิดว่าคะแนนเป็นแต้มเสมอ เค้าจะมีการเพิ่มเวลาขึ้นอีกครับแล้วก็เวลานั้นจะตายตัวเพื่อให้แข่งทำแต้มไปอีก ผมรู้แค่นี้ล่ะครับเกี่ยวกับการเล่นบาส)



และการแข่งนี้ทำให้ผมลุ้นจนตัวโก่งเลยล่ะครับว่าคณะแพทย์ชนะไหม แต่พี่ศิแกก็ทำตามข้อตกลงที่ผมให้ไว้ได้ครับเพราะตอนนี้เวลาการแข่งหมดลงแล้ว และที่สำคัญคณะแพทย์มีคะแนนนำคณะถาปัตอยู่สองแต้มนั่นก็หมายความว่าคณะแพทย์ชนะไงครับ ผมที่ยังคงนั่นอึ้งอยู่โดนเฮียก๊อตเขย่าตัวเบาๆ ก่อนจะบอกให้ผมวิ่งลงจากสแตนไปแสดงความยินดีกับพี่ศิครับ ซึ่งผมก็พยักหน้าตกลงพร้อมกับลากเฮียก๊อตให้ไปเป็นเพื่อน (ที่ผมลากเฮียแกไป นั่นก็เป็นเพราะพี่แกน่าจะรู้จักคนเล่นบาสต่างคณะครับ ผมไม่อยากไปยืนหัวโด่แบบไม่รู้จักใครในวงล้อมนักบาสของคณะแพทย์ครับ)



เมื่อผมเดินลงไปที่ด้านล่างของแสตน ผมก็ต้องเบียดเสียดกับนิสิตต่างคณะที่เข้าไปแสดงความยินดีและปลอบใจผู้ชนะและผู้แพ้ครับ และทันทีที่ผมแทรกตัวเข้าไปในวงล้อมของคณะแพทย์ได้ผมก็เจอหญิงสาวที่มีนามว่าน้ำฟ้ากำลังยื่นขวดน้ำเย็นให้พี่ศิอยู่ อารมณ์ที่สงบนิ่ง (ปนดีใจ) ของผมนี่ถึงกับพุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันทีเลยครับ เมื่อเห็นภาพ ๆ นั้นผมก็จัดการสาวเท้าตัวเองไปพร้อมกับส่งยิ้มให้กับนักบาสจำเป็นผู้มีนามว่าศิรวิทย์ทันที



“พี่ศิ...กรมาแล้ว โทษทีที่มาช้านะครับ แข่งชนะแล้วดีใจด้วยนะ” ผมกล่าวเสียงใสพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูในถุงที่เตรียมมายื่นให้พี่ศิไป ซึ่งพี่ศิเขาก็รับของที่ผมส่งไปด้วยรอยยิ้มครับ ซ้ำยังยักมือขึ้นมาขยี้ผมของผมเสียอีก



เสียงทุ้มเอ่ยขอบคุณผมแผ่วเบา แต่พี่เขาจะน่ารักกว่านี้ ถ้าเขาไม่โน้มตัวมากระซิบขอบคุณที่ข้างใบหูของผมแบบนี้ “ขอบคุณครับ น้องกร” ผมนี่ขนลุกเลยล่ะครับเมื่อพี่ศิแกเอ่ยจบ ไอขนลุกไม่ใช่เพราะที่พี่ศิกระซิบครับ แต่ที่ผมขนลุกนั่นก็เป็นเพราะสายตาผู้หญิงที่ยืนอยู่รอบๆ พี่ศิที่ส่งมาให้กับผม และที่น่ากลัวไปกว่านั้นนั่นก็คือใบหน้าสวยหวานของน้ำฟ้าที่จ้องมองมาที่ผมด้วยแววตาไม่เป็นมิตร แต่ก็นะ ถึงจะขนลุก แต่ผมก็รู้สึกสะใจแบบแปลกๆครับเพราะว่าสิ่งที่พี่ศิแกทำ มันเหมือนเป็นการประกาศกลาย ๆ ว่า… ‘พี่ศิเค้าเลือกผมครับ’ (ถึงผมจะยังไม่ได้ตอบตกลงพี่ศิเขาก็เถอะนะ)



ไอตัวผมก็ได้แต่ยิ้มอย่างสะใจพร้อมกับแกะขวดน้ำเปล่าเย็นแล้วยื่นไปให้พี่ศิ “นี่พี่ศิทำข้อตกลงเสร็จไปอีกขั้นแล้วนะครับ แบบนี้กรเอาใจช่วยให้พี่ศิชนะเลิศแล้วกัน…แต่ก็อย่าลืมว่ายังไม่จบ คณะวิศวะเป็นคู่แข่งอยู่” เมื่อผมส่งน้ำไปให้พี่เขา ผมก็เอ่ยถึงทีมบาสของคณะผมเพื่อเป็นการข่มขวัญพี่ศิ แต่ดูเหมือนว่าพี่แกจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยล่ะครับ ซ้ำยังส่งรอยยิ้มกลับคืนมาให้แก่ผมพร้อมกับเอ่ยถ้อยคำที่แสนมั่นใจออกมาว่าทางฝ่ายเขาต้องเป็นฝ่ายชนะเลิศแน่นอน



“มาข่มขวัญพี่แบบนี้ไม่ดีนะครับ กร…พี่ไม่มีทางแพ้หรอก แม้ในทีมของกรจะมีนักบาสของมหาลัยแบบก๊อตก็เถอะ” ร่างสูงกระตุกยิ้มพร้อมกับกอดอกมองมาที่ผมแต่ประโยคที่พี่ศิพูดออกมานั้นมันไม่ได้จบเพียงแค่นั้น ร่างสูงนั้นโน้มตัวมากระซิบเบาที่ข้างหูผมอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยประโยคที่ทำให้ผมอยากเอาขวดน้ำที่อยู่ในมือพี่ศิราดหัวของเขาให้รู้แล้วรู้รอด “ถ้าเกิดพี่แพ้…คงไม่ใช่พี่คนเดียวที่เสียใจ เพราะพี่ก็คิดว่ากรคงจะต้องเสียใจเป็นเพื่อนพี่แน่ๆ”



พี่ศินี่นะ…รู้ทันไปเสียทุกเรื่องจริง ๆ …



เมื่อพี่ศิพูดจบ ผมก็สะบัดหน้าหันหนีพร้อมกับมือทั้งสองข้างที่ไขว้กอดกันไว้ การแสดงท่าทางไม่พอใจเหมือนกับเด็กๆ ของผมทำให้พี่ศิหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับเอ่ยพูดขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องห้องน้ำ ผมพยักหน้าตอบเขา ก่อนจะค่อยๆสาวเท้าเดินตามไป



…ผมรู้นะครับว่าทุกๆคนสงสัยว่าผมสร้างข้อตกลงอะไรกับพี่ศิ ข้อตกลงที่ผมสร้างขึ้นเกี่ยวกับกำไลที่พี่ศิให้ผมมาเมื่อสองสามวันก่อนครับ การที่พี่ศิขอผมให้ผมสวมกำไลคู่กับพี่เขานั่นก็หมายความว่าพี่ศิต้องการขอคบกับผมอย่างเปิดเผยครับ…ซึ่งในตอนนั้นหัวสมองของผมนี่เบลอไปหมดทุกอย่างเป็นสีขาวโพลน และในสมองผมก็เกิดปิ้งอะไรขึ้นมาได้ครับนั่นก็คือข้อตกลงของผมกับพี่ศินั่นเอง จะเรียกว่าการพนันของผมกับพี่ศิก็ได้นะครับ เพราะว่าถ้าพี่ศิชนะผมจะยอมสวมกำไลคู่กับพี่ศิเขาหรือจะให้พูดง่าย ๆ ก็คือผมยอมที่จะคบกับพี่ศิเขาครับ แต่ถ้าพี่แกแพ้…เรื่องนี้เอาไว้ค่อยคิดครับ แต่ผมไม่คิดนะครับว่าพี่ศิแกจะแพ้เพราะว่าผมเชื่อในฝีมือชู้ตสามแต้มของพี่ศิเขาครับ



ผมยืนกอดอกพิงกำแพงรอพี่ศิอยู่หน้าห้องน้ำ ซึ่งพี่ศิแกต้องใช้เวลาแต่งตัวและอาบน้ำพอสำควรเลยล่ะครับ ดังนั้นมันก็มีสิ่งหนึ่งที่ผมคาดเดาเอาไว้ในใจว่าระหว่างที่ผมยืนรอพี่ศินั้นต้องมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาคุยกับผม และมันเป็นไปตามการคาดเดาครับ หญิงสาวคนหนึ่งเดินสาวเท้าเข้ามาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ หากแต่แววตาของเธอนั้นจ้องมองผมราวกับว่าเธอจะกินเลือดกินเนื้อของผมเลยล่ะครับ



“สวัสดีครับ น้ำฟ้า” ผมเอ่ยทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม (แม้ว่าภายในใจของผมจะไม่ยิ้มให้กับเธอเลยก็เถอะนะ) พร้อมกับพลิกกายหันไปหาเธอตามมารยาทของการสนทนา เวลาคุยกับเราต้องมองหน้าของคู่สนทนาใช่ไหมล่ะครับ ผมก็เลยหันไปหาเธอตามมารยาทจริงๆ ไม่ได้มีความหมายอื่นแอบแฝงเลยสักนิดครับ



“สวัสดีค่ะ พี่กร” น้ำฟ้าเอ่ยตอบกลับผมด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น ซึ่งผมก็เข้าใจนะครับว่าทำไมเธอถึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจถึงขนาดนั้น ก็ผมเล่นไปสวีทหวานแหววกับพี่ศิ จนพี่ศิเมินสนิทใส่เธอแล้วหันมาสนใจผมแทนเธอ ทั้งๆที่เธอเป็นถึงดาวคณะนิเทศ เรื่องนี้นี่ทำให้เธอเสียหน้าเอาเรื่องเลยล่ะครับ แต่ช่วยไม่ได้นี่ครับการที่พี่ศิเมินเธอ มันไม่ใช่ความผิดของผมสักหน่อยนี่นะ



“มีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ น้ำฟ้า” ผมเอ่ยถามเธอด้วยรอยยิ้มและที่สำคัญรอยยิ้มของผมนี่เต็มไปด้วยความสะใจครับ (ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะแกล้งสุภาพสตรีเลยนะครับ แต่สำหรับน้ำฟ้าเธอคงไม่ใช่หญิงสาวปกติแล้วล่ะครับ เพราะมารยาของเธอนี่ล้ำเกินความเป็นกุลสตรีครับ)



“พี่กร…ทำน้ำฟ้าเสียหน้านะคะ ไปทำอย่างงั้นกับพี่ศิของน้ำฟ้าได้ยังไงกันล่ะคะ ไม่รู้หรือไงว่าพี่เขารังเกียจพี่กรขนาดไหน” ไอประโยคนี้ของน้ำฟ้าทำผมปรี๊ดขึ้นอีกครั้งเลยครับ ผมไม่ใช่พวกที่จะทำอะไรผู้หญิงก่อนนะ แต่เจอผู้หญิงปากแบบนี้มันน่าสั่งสอนไปสักทีสองที


“ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ ผมแค่ยืนอยู่เฉยๆและพี่ศิก็เดินมาหาผมเอง ไม่เหมือนกับใครบางคนที่ต้องเดินไปหาเขาถึงที่ แต่พอถึงที่ คนๆนั้นเขาก็ไม่แล” ผมยังคงเอ่ยตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม แต่ถ้อยคำที่ผมเอ่ยไปนี่โคตรเสียดสีน้ำฟ้าเลยล่ะครับ เข้าใจนะว่าเธออยากควงพี่ศิ แต่การกระทำของเธอนั้นหนักหนา ขนาดเสแสร้งส่งข้อความมาทำให้ผมผิดใจกับพี่ศินี่มันเกินไปนะครับ ถ้าเกิดอยากควงพี่ศิมากขนาดนั้น โปรดใช้ฝีมือของตัวเองแย่งไปเถอะครับ



แต่ถ้าแย่งได้นี่ ผมยกให้เลยครับ แถมผมให้เงินเพิ่มด้วยเอา…



“นี่พี่กรหาว่าน้ำฟ้าเข้าหาพี่ศิเหรอคะ พี่ศิต่างหากที่เข้าหาน้ำฟ้าแล้วชวนน้ำฟ้าไปทานข้าวด้วยบ่อยๆ” น้ำฟ้าพยายามสรรหาคำโกหกมาใช้ครับ เพราะเธอรู้ว่าการเรียนแพทย์มันหนักมาก และผมกับพี่ศิไม่ค่อยจะมีเวลาเจอกันเท่าไหร่ เธอเลยใช้ช่วงเวลานั้นโกหกว่าเธอไปทานข้าวกับพี่ศิทุกวัน...แต่ไอคำโกหกพวกนั้นมันใช้กับผมไม่ได้หรอกครับ เพราะผมรู้ตารางเรียนพี่ศิแกดี และที่สำคัญ…ตอนเย็นพี่ศิแกไปนั่งอ่านหนังสือรอผม (ไม่ก็ผมไปนั่งรอพี่ศิสลับกันครับ) ที่คณะแทบทุกวันด้วยซ้ำ แล้วพี่ศิแกจะไปกินข้าวกับเธอทุกเย็นได้ยังไงกันเล่า คำโกหกบ้า ๆ ของเธอนี่ปั่นหัวผมไม่ได้อีกแล้ว



“น้ำฟ้า ผมว่าน้ำฟ้าเลิกโกหกเถอะนะครับ ไม้นี้มันใช้กับผมไม่ได้แล้วล่ะ จริงๆมันใช้กับผมไม่ได้นานมากๆแล้วด้วย” ผมพูดพร้อมกับทอดถอนลมหายใจออกมา ทว่าผมพูดไปแบบนั้นน้ำฟ้ายังคงไม่ยอมหยุดครับ นี่ผมชักจะเบื่อเธอแล้วนะครับ ผู้หญิงคนอื่นๆที่ผมรู้จักนี่ไม่มีใครนิสัยแบบนี้เลยสักคน แต่ดีแล้วล่ะครับที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ผมรู้จักไม่ได้นิสัยแบบนี้ เพราะว่าถ้าผู้หญิงนิสัยแบบนี้มีเยอะ ผมคงคิดว่าโลกนี้คงจะแย่แน่ ๆ



“นี่พี่กรหาว่าน้ำฟ้าโกหกเหรอคะ เรื่องจริงนะคะน้ำฟ้าไลน์คุยกับพี่ศิเรียบร้อยแล้ว พอน้ำฟ้าออกจากโรงยิมไป พี่ศิจะขับรถมารับน้ำฟ้าทันที” ตอนนี้ผมชักเบื่อคำโกหกของเธอแล้วล่ะครับ ซึ่งผมก็มั่นใจว่าพวกรุ่นพี่ที่เปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จแล้วในห้องน้ำก็คงเบื่อคำโกหกของน้ำฟ้าแล้วเหมือนกัน ผมก็เลยตัดสินใจตะโกนเรียกให้นักบาสของทั้งสองคณะออกมาจากห้องน้ำครับ “นี่…พี่ๆครับออกมาจากห้องน้ำได้แล้วล่ะ ผมเคลียร์กับผู้หญิงคนนี้เสร็จแล้วล่ะครับ ไม่สิ เรียกว่าผมรำคาญมากกว่าครับขอความกรุณาด้วยนะครับ”



เมื่อผมพูดจบ ผมก็เอาเลิกเอาไหล่พิงกำแพงพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่เมมโมรี่คำพูดของน้ำฟ้าทั้งหมดขึ้นมาพร้อมกับกดให้มันเล่นเพื่อให้หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของนั้นฟัง



มันเก็บได้ทุกคำพูดเลยล่ะครับว่าเธอได้ร่ายคำโกหกอะไรออกมามั่ง นออกจากนั้นนักบาสที่เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้ออยู่ในห้องน้ำก็ค่อยๆทยอยเดินออกมา และที่สำคัญไปว่านั้นสีหน้าของผู้ที่ได้ยินทุกคนแสดงให้เห็นถึงความผิดหวังในตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงที่เป็นดาวคณะนิเทศ และมีโอกาสที่จะได้เป็นถึงดาวมหาลัยอย่างน้ำฟ้า



และเมื่อนักบาสของทั้งสองคณะแต่ละคนเดินออกมาเรียงกันแล้ว น้ำฟ้าถึงกับหน้าซีดแถมเธอพยายามพูดแก้ตัวว่าผมเป็นคนหลอกล่อให้เธอพูดออกมา น้ำฟ้าเอ๊ย..เค้ารู้ธาตุแท้ของเธอกันหมดแล้ว อย่าแก้ตัวให้เสียเวลาเลย แต่คำพูดของน้ำฟ้าก็มีคนที่ลังเลจะเชื่อนะครับ เพราะสายตาบางคู่ของนักบาสคณะสถาปัตเริ่มเบนมามองที่ผม ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องเงียบสงัดลง เมื่อพี่ศิสาวเท้าออกมาจากห้องน้ำเป็นคนสุดท้าย



ไอผมนี่ยิ้มออกมากว้างด้วยความสะใจเลยล่ะครับ น้ำฟ้าไม่รู้สินะว่าพี่ศิอยู่ในห้องน้ำนี้ด้วย ร่างสูงเดินออกมาด้วยใบหน้าที่แสนเรียบนิ่ง หากแต่ดวงตาคมที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างสวยงามบนใบหน้านั่นกลับแฝงไปด้วยความโกรธเคือง ใช่แล้วครับพี่ศิแกได้ยินที่น้ำฟ้าแกพูดหมดทุกอย่าง แถมได้ยินเรื่องที่เธอใส่ร้ายตัวเขาอีกด้วย



คราวนี้น้ำฟ้าเธอดิ้นไม่หลุดแน่ๆครับว่าเธอนั้นเป็นฝ่ายโกหก และที่สำคัญมันก็ทำให้พี่ศิแกหลุดออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัยในการโกหกใส่ผมครับ



น้ำฟ้าเธอยังไม่รู้สินะว่า…มือถือของพี่ศิน่ะมันพังไปแล้วด้วยฝีมือของผม และตอนนี้พี่ศิก็ไม่มีมือถือใช้เพราะยังไม่ได้ไปซื้อเครื่องใหม่เลย



ผมที่ยืนอยู่ข้างประตูส่งโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้พี่ศิพร้อมกับกดเพลย์อีกครั้ง เพื่อให้มันเล่นซ้ำคำพูดที่ออกมาจากโทรศัพท์ของผมเป็นสิ่งยืนยันอย่างดีเลยล่ะครับว่าความใสซื่อของน้ำฟ้ามันเป็นเรื่องหลอกลวง ความน่ารักและความสวยของเธอ เบื้องหลังมันฉาบไปด้วยการหลอกลวงทั้งนั้น



และการที่เธอเปิดเผยตัวจริงของเธอออกมานี่ไม่ใช่ความผิดของผมนะครับ ผมแค่มายืนรอพี่ศิหน้าห้องน้ำเองและไม่ได้ไปยั่วยุให้น้ำฟ้าแกมาพูดเสียดสี โกหกใส่ผมเลยนะครับ อันนี้ผมพูดจริง ๆ นะ (ถึงตอนที่ผมให้น้ำกับผ้าขนหนูแก่พี่ศิ ผมจะส่งสายตาเยาะเย้ยเธอไปเล็กน้อยก็เถอะ)



“น้ำฟ้าครับ พี่เคยบอกกรนะว่าน้ำฟ้านิสัยเปลี่ยนไปแล้ว นิสัยของน้องไม่เหมือนกับตอนที่กรรู้จักสมัยมัธยม แต่พี่ไม่คิดเลยว่าความใสซื่อของน้ำฟ้าจะเป็นเรื่องโกหกแบบนี้ พี่ไม่รู้นะครับว่าน้ำฟ้าต้องการอะไร แต่พี่ขอร้องเถอะครับ เลิกโกหกว่าไปไหนมาไหนกับพี่สักที และที่สำคัญช่วยเลิกใส่ร้ายพี่สักที พี่ไม่เคยว่ากรแบบนั้น ไม่เคยพูดแบบนั้นสักครั้ง” พี่ศิเอ่ยออกมาราวกับเขาไม่ได้หยุดหายใจและเมื่อพี่ศิเอ่ยพูดจนจบ พี่ศิก็เดินลากผมออกไปจากที่แห่งนั้นทันที


v
v
v
v
v
v
v

ออฟไลน์ S_oKiss

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0

และเมื่อผมโดนพี่ศิลากออกมาจากโรงยิม และเดินไปถึงรถยนต์ที่พี่ศิแกได้จอดไว้ พี่ศิก็รีบเปิดประตูรถให้ขึ้นรถไปและเขาก็รีบเดินวนขึ้นรถตามผมทันที ร่างสูงนั้นสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ มือกร้านข้างหนึ่งของเขาถูกยกขึ้นไปทุบที่ประตูรถของตนอย่างแรง



“บ้าเอ้ย” พี่ศิสบถออกมาเสียงดังจนทำเอาผมตกใจ รู้สึกว่าพี่ศิแกเจ็บใจที่ตัวเองโดนหลอกด้วยความใสซื่อของน้ำฟ้าล่ะมั้งครับ และการหลอกลวงนั่นทำให้ผมกับเขาทะเลาะกัน และที่ร้ายแรงไปกว่านั้นความใสซื่อของน้ำฟ้าที่พี่ศิเขาเชื่อมันทำให้ผมร้องไห้ครับ



ผมได้แต่มองพี่ศิที่พยายามจะระบายอารมณ์โกรธตัวเองกับสิ่งรอบตัวจนมือทั้งสองข้างของพี่ศิมีรอยแดงจากการกระแทกและทุบไปกับของแข็ง ทันใดนั้นมือของผมก็ไวกว่าความคิดเพราะก่อนที่พี่ศิจะใช้มือทั้งสองข้างของเขานั้นทุบไปลงบนพวงมาลัยรถยนต์ ผมกลับเอื้อมมือไปรั้งมือทั้งสองข้างของเขามาวางไว้ที่หน้าตัก (ความจริงก็เสียวๆอยู่เหมือนกันครับว่ามือผมจะโดนแรงเหวี่ยงพวกนั้นหรือเปล่า แต่ไม่โดนครับ) แล้วลูบมือทั้งสองข้างนั้นอย่างเบามือ



“ถ้าพี่ศิโวยวายจนมือทั้งสองข้างนี่เจ็บไป...แล้วพี่จะใช้อะไรทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้ได้สำเร็จล่ะครับ” ผมกุมมือทั้งสองข้างของพี่ศิแน่นพร้อมกับเงยหน้าไปส่งยิ้มจางๆให้กับพี่เขา ทว่าร่างสูงนั้นกลับเม้มปากแน่นและค่อยๆยกมืออีกข้างของตนขึ้นมากอบกุมมือของผมกลับ



พี่ศิอารมณ์เย็นลงแล้วล่ะครับ แต่กว่าจะเย็นลงจริงๆก็ปาไปหลายนาทีและที่สำคัญหลังจากพี่ที่ศิเขาอารมณ์เย็นลงร่างของผมก็ถูกพี่ศิกระชากเข้าไปในวงแขนแกร่งนั่น ริมฝีปากหนานั้นก็เอ่ยพร่ำถ้อยคำขอโทษผมซ้ำไปซ้ำมา



“พี่ขอโทษนะครับกร พี่ทำให้กรร้องไห้หลายรอบแล้ว…หลายต่อหลายรอบ พี่มันแย่ชะมัด” เมื่อผมได้ยินถ้อยคำพวกนั้น ผมก็ยกมือทั้งสองข้างโอบกอดพี่เขากลับพร้อมกับใช้ฝ่ามือของตนลูบแผ่นหลังกว้างของร่างสูงตรงหน้าอย่างเบามือ



“พี่ศิไม่ได้แย่หรอก...พี่ศิแค่เชื่อคนง่าย” คิดเหรอครับว่าผมจะปลอบพี่ศิ...เดาพลาดไปแล้วล่ะครับ เพราะผมเลือกที่จะทับถมพี่ศิต่างหาก ผมถือคติคนล้มอย่าข้ามจริง แต่คนสนิทผิดพลาดต้องกระทืบซ้ำครับ “แค่เชื่อคนง่ายไม่พอ โดนหลอกง่ายด้วย แถมไม่ระวังตัวเลยสักนิด คนที่พยายามเข้าใกล้พี่ศิน่ะหวังผลทั้งนั้นแหละ กรเลยต้องคอยเตือน คอยระวัง ห่างหูห่างตาไม่ได้เลย ถ้าพี่ศิยังเป็นแบบนี้อยู่จะให้กรไม่ห่วงได้ยังไงกัน” ผมบ่นใส่พี่ศิเสียยาวเหยียดและการบ่นของผมนั้นทำให้พี่ศิแกหัวเราะออกมาเสียยกใหญ่



ท่าทางคำพูดของผมทำให้พี่ศิแกหายเครียดแล้วล่ะครับ นั่นก็เป็นเพราะพี่แกเล่นโดนผมด่าไปหลายตลบ ถ้าไม่หายเครียดก็บ้าแล้ว ร่างสูงนั้นคลายอ้อมกอดจากตัวผมพร้อมกับใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งบีบจมูกของผมเบาๆ ท่าทางว่าที่นายแพทย์ศิรวิทย์จะคืนชีพแล้วล่ะครับแบบนี้



“หายเครียดยังพี่” ผมพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเช่นเดียวกันกับพี่ศิที่เผลอหลุดหัวเราะออกมาเช่นกัน ผมคิดว่าปัญหาที่ทำให้เราผิดใจกันคงหายไปแล้วล่ะครับ ในเมื่อบุคคลที่ทำให้ผมกับพี่ศิผิดใจกัน เขาแพ้ภัยตัวเองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นตอนนี้ก็เหลือแค่รอลุ้นให้พี่ศิแกทำตามข้อตกลงของผมได้หรือเปล่าเท่านั้นล่ะครับ ถ้าพี่ศิเขาทำไม่ได้เท่ากับเกมของพี่ศิโอเวอร์ แต่ถ้าพี่ศิเขาทำได้สำเร็จ แบบนี้เกมนี้ก็ก็ตกเป็นของพี่ศิครับและบทสรุปของเกมก็คงเป็นแฮปปี้เอ็นดิ้งล่ะมั้งครับ



“ถ้าหายแล้วก็กลับคอนโดเถอะ กรหิวข้าวแล้ว” ผมพูดใส่พี่ศิพร้อมกับทิ้งตัวลงไปพิงกับเบาะของรถยนต์อย่างสบายอารมณ์



เมื่อมารชีวิตของผมไม่มี ผมก็ได้ใช้ชีวิตปกติโดยที่ไม่ต้องระแวงพี่ศิแกตลอดสักที ใบหน้าของผมระบายไปด้วยรอยยิ้มสายตาพลางมองไปทางด้านนอกรถอย่างมีความสุข




 

บางครั้งวันแห่งการรอคอยก็มาไวเสมอนะครับ เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ที่แสนจะพิเศษ และมันพิเศษยังไงน่ะเหรอครับถ้าทุกๆท่านติดตามเรื่องราวของผมกับพี่ศิมาอย่างยาวนานจนถึงตอนนี้ ทุกๆท่านก็น่าจะรู้ดีนะครับว่าวันศุกร์เป็นวันที่ตัดสินชี้ชะตาชีวิตของพี่ศิเขาครับ…หรือจะให้ผมอธิบายง่าย ๆ ก็คือวันที่พี่ศิแกจะสละโสดหรือไม่นั่นเอง ผมขอเล่าเท้าความไปเมื่อวานนะครับ เพราะการแข่งบาสรองรองชนะเลิศมันเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ซึ่งการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศคณะแพทย์ศาสตร์แข่งกับคณะวิทยาศาตร์ครับ ซึ่งแต้มในการแข่งนี่สูสีครับ ผลัดกันรุกผลัดกันรับไปมาจนเกมต้องต่อเวลาไปหลายรอบเลยล่ะครับ แต่ในที่สุดชัยชนะก็ตกเป็นของคณะแพทย์ศาสตร์ครับด้วยสกอร์ 73 - 70 (ก็เล่นผลัดกันชู้ตสามแต้มกับสองแต้มกันจนกรรมการนี่เปลี่ยนสกอร์บนบอร์ดไม่ทันเลยล่ะครับ ซึ่งคะแนนที่แสดงออกมานั้นก็เป็นที่น่าพอใจนะครับ ความจริงห่างกันแค่นี้มันก็ฉิวเฉียดน่าหวาดเสียวอยู่ แต่มันเป็นที่น่าพอใจก็เพราะไอสามคะแนนปิดเทอมนั้นเป็นลูกชู้ตสามแต้มของพี่ศินั่นเอง ผมนี่ดีใจตัวกระโดดตัวลอยเลยล่ะครับ



และเมื่อจบเกม ผมก็ทำหน้าที่เดิมคือการส่งน้ำส่งผ้าขนหนูให้นักกีฬาครับ แต่คราวนี้พ่อนักกีฬาตัวดีของผมขอใช้ออฟชั่นเสริมพิเศษคืออ้อนให้ผมเช็ดหน้าให้…ซึ่งผมก็บ่นใส่พี่แกไปนะครับว่า ‘เป็นง่อยเหรอพี่’ แต่กระนั้นผมก็ยังคงยอมใช้ผ้าขนหนูในมือซับเหงื่อให้พี่ศิครับ (สภาพของผมในตอนนี้ราวกับว่าผมเป็นผู้จัดการชมรมบาสที่แอบชอบนักกีฬาและแสดงออกโดยการเอาผ้าขนหนูกับน้ำไปให้คนๆนั้น แต่ว่านี่ไม่ใช่ในนิยายหรือการ์ตูนครับ โลกแห่งความเป็นจริงมันโหดร้ายยิ่งกว่านั้นเพราะการที่ผมต้องส่งน้ำส่งผ้าขนหนูให้พี่ศิ มันเป็นเพราะผมโดนพี่ศิบังคับครับ พี่แกบังคับให้ผมไปนั่งตรงบริเวณที่นั่งของนักกีฬา ทั้งๆที่ผมไม่ใช่นักกีฬาของคณะแพทย์สักหน่อย แต่ทำไงได้ล่ะครับ คุณชายศิรวิทย์เขาสั่ง ผู้น้อยอย่างนายรณกรก็ต้องทำตาม) จริงๆมันก็ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาจบเกมหรอกครับ ช่วงเวลาเปลี่ยนตัว ขอเวลานอกหรือจะเป็นตอนไหนที่พี่ศิแกเหงื่อออกผมก็ต้องซับเหงื่อให้พี่ศิเขาตลอดครับ เพราะถ้าไม่ยอมซับให้พี่แกก็จะยื่นหน้ามาใกล้ๆเพื่อแหย่ผมครับ ดังนั้นผมก็เลยซับเหงื่อให้พี่แกเพื่อให้จบๆไป  จะได้ไม่ต้องโดนแกล้งให้เขินหน้าแดงอะไรอีก



และอย่างที่บอกครับ การแข่งในรอบรองชนะเลิศคณะแพทย์ศาสตร์นั้นสามารถชนะคณะวิทยาศาสตร์ไปได้  ดังนั้นคณะแพทย์ศาสตร์จึงได้เข้ารอบไปชิงชนะเลิศกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ครองแชมป์มาหลายปี (ก็คิดดูสิครับ คณะที่ผู้ชายเยอะที่สุด…ไม่ว่าแข่งอะไรที่ใช้กำลัง คณะวิศวะก็โกยที่ 1 หมดนั่นล่ะครับ)



ซึ่งตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาใกล้จะเริ่มการแข่งขันแล้วล่ะครับ และผมกำลังยืนอยู่หน้าแสตนเชียร์ของสองคณะนี้ เนื่องจากข้างหนึ่งเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งมันเป็นคณะที่ผมเรียน แต่อีกคณะหนึ่งเป็นคณะแพทย์ศาสตร์ ซึ่งของคนสำคัญของผมเรียน  ผมจึงลังเลครับว่าผมสมควรจะไปนั่งเชียร์ฝ่ายไหน ทว่าเลือดสีเลือดหมูของผมมันร้อนแรงกว่าครับ ผมจึงเดินขึ้นแสตนของคณะวิศวกรรมศาสตร์ไป และปล่อยให้ที่นั่งพิเศษที่รุ่นพี่คณะแพทย์เตรียมไว้ให้ผมมันว่างเปล่าไป ตอนแรกผมก็ไม่คิดอะไรหรอกครับ แต่ทันทีที่ผมใช้สายตาของผมเพ่งมองไปยังใบหน้าของพี่ศิ ใบหน้าคมนั้นแสดงความกังวลออกมาเล็กน้อยครับ…ท่าทางเขาคงคิดว่าผมคงไม่มาเชียร์เขากระมัง แต่พี่ศิครับ กรขอโทษเลือดสีเลือดหมูของกรมันร่ำร้องให้เชียร์คณะตัวเองครับ ดังนั้นที่นั่งตรงนั้น…จงเป็นหมันไปนะครับ



และเมื่อผมนั่งบนแสตนเชียร์ไปได้สักพักหนึ่ง การแข่งขันบาสเก็ตบอลระหว่างคณะรอบชิงชนะเลิศก็เริ่มต้นขึ้นครับ กรรมการเริ่มเป่านกหวีดและโยนลูกบาสขึ้นไปเหนือหัวผู้เล่นทั้งสิบคน และหลังจากนี้ล่ะครับคือสงครามแย่งลูกบาสกันแล้วล่ะ



ผมมองความรวดเร็วของนักกีฬาแต่ละคน ทางฝั่งคณะของผมนี่ไม่ต้องบอกเลยล่ะครับว่าแต่ละคนเก่งขนาดไหน สามในห้ามีดีกรีเป็นถึงนักบาสของมหาวิทยาลัย อีกสองนี่แม้ไม่ใช่นักบาสของมหาวิทยาลัยแต่ก็เก่งกาจไม่แพ้กันเลยครับ (ซึ่งหนึ่งในสามที่เป็นนักบาสของมหาวิทยาลัยมีเฮียก๊อต ผู้เป็นพี่รหัสของผมอยู่ด้วย)



จากนั้นผมก็หันไปมองอีกฝั่งบ้าง ซึ่งเป็นฝั่งของคณะแพทย์ครับ ผมถึงกับเครียดแทนพี่ศิเลยล่ะครับ จะชนะไหมเนี่ยที่ผมกังวลแบบนั้น เพราะผ่านไปห้านาทีแรก ทางคณะของผมก็นำไปแล้วเก้าแต้มครับ สภาพการณ์ไม่ค่อยจะดีแล้วล่ะครับ ผมนี่เอามือจิกกางเกงสแลคของตัวเองแน่น  ในใจก็พยายามที่จะอดกลั้นไม่พูดไม่เชียร์อะไรทางฝั่งคณะแพทย์ (ถ้าขืนลุกขึ้นไปเชียร์นี่…โดนสายตาที่นั่งอยู่รอบๆเขม่นเอาแน่ๆเลยครับ ต่อให้ผมบอกว่านิสัยของพวกรุ่นพี่ของผมมันแปลกประหลาดขนาดไหน แต่พวกพี่ๆในคณะผมนี่ก็ฮอตกันเกือบจะทุกคนนะครับ ทางฝั่งคณะผมจึงมีสาวๆ คณะอื่นๆ นั่งอยู่เยอะมาก แต่อีกฝั่งคนก็นั่งเยอะไม่แพ้กันครับ เดี๋ยวนี้สาว ๆ เค้าชอบหนุ่มหล่อใสสไตล์เกาหลีกันเยอะ)



ผมอดกลั้นเชียร์ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดช่วงแรกเวลาก็หมดลง โดยสกอร์ที่ปรากฏบนกระดานมันเป็นไปตามคาดครับ นั่นก็คือทางฝั่งคณะวิศวะทำคะแนนนำตอนนี้สกอร์คะแนนก็คือ 24-10 ครับ คณะแพทย์โดนนำไปถึง 14 แต้มทำเอาผมหน้าเสีย ริมฝีปากนี่แห้งผากไปหมดเลยครับ



ใจของผมก็อยากจะลุกไปเชียร์พี่ศินะครับ แต่สภาพโดยรอบของผมตอนนี้ ถ้าผมลุกนี่…กว่าจะไปถึงฝั่งคณะแพทย์เกมที่สองก็คงไปแล้วล่ะครับ ผมนั่งเคาะนิ้วเม้มปากเพื่ออดกลั้นไม่ให้ตัวเองตะโกนออกไป จนในที่สุดเกมรอบที่สองก็เริ่มขึ้นครับ ผมนั่งเท้าคางมองไปเรื่อย ท่าทางของพี่ศินี่ทำไมมันดูไม่ค่อยจะมีแรงแบบนั้น ผมนี่กัดฟันอยู่ พยายามที่จะไม่ตะโกนออกไปนะครับ แต่ก็ยังดีที่ข้างๆผมมีเพื่อนให้นั่งบ่นใส่ครับ (คราวนี้ผมมานั่งดูการแข่งบาสรอบชิงพร้อมก๊วนเพื่อน ๆ ทั้งหมดครับ)



“เชี่ยเปอร์ ทำไมเฮียๆแกเล่นหนักหน่วงแบบนั้นวะ ไม่ห่วงอีกฝ่ายเลยหรือไงวะนั่น จริงจังกันเกินไปหรือเปล่า” ผมพูดบ่นพร้อมกับเขย่าแขนเพื่อนเปอร์ครับ ที่ผมพูดออกไปแบบนั้นก็เป็นเพราะทางฝั่งคณะของผมเล่นกันรุนแรงมากครับ อย่างเช่น การกระโดดแย่งกันรับบอลพวกเฮียๆที่พวกผมรู้จักนี่กระแทกกันสุดแรงเลยครับ จนบางทีการกระแทกนั่นก็ทำให้ผู้เล่นอีกฝั่งนั้นล้มลงไปกองกับที่พื้นเลยล่ะครับ ซึ่งคนที่ล้มบ่อยที่สุดก็คือพี่ศิครับ เพราะว่าพี่ศิพยายามแย่งลูกบาสไปเพื่อชู้ตสามแต้มครับ แต่ดูเหมือนการแย่งแต่ละครั้งจะไม่เป็นผลเท่าไหร่ เพราะเฮียๆของผมแต่ล่ะคนนี่…ดูถึกกว่าพี่ศิมาก



ผมมองดูภาพ ๆ นั้นต่อไป จนในที่สุดผมก็ทนไม่ไหวครับ ผมยันกายลุกขึ้นพร้อมกับตะโกนออกไปสุดเสียงเลยจนคนทั้งแสตนวิศวะและแสตนแพทย์หันมามองผมเป็นตาเดียว “พี่ศิ!!! จะจูบพื้นอีกกี่ครั้งห่ะ!!! เลิกสำออยแล้วลุกขึ้นไปแย่งบอลได้แล้วโว้ยครับ ถ้าขืนยังจูบพื้นอยู่แบบนี้ ข้อตกลงของพี่ศิกลายเป็นสายลมแน่”



และเมื่อผมตะโกนออกไปจนจบ ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าผมทำอะไรลงไปผมนี่ทรุดตัวนั่งแทบจะไปทันพร้อมกับก้มหน้าซบลงไปที่บ่าของไอเปอร์ครับ เพื่อนๆทั้งแถบนี่มองผมด้วยแววตาและสีหน้าตกตะลึง และหลังจากที่ทุกคนตั้งสติได้พวกเขาก็หัวเราะผมออกมาเสียยกใหญ่



ผมพยายามก้มหน้าก้มตาหลบสายตาของทุกคน แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นอย่างที่ผมหวังครับ เพราะมันผ่านไปได้ราวๆ 5 นาที ก๊วนของพี่วิกับพี่เตอร์ก็เดินมาหาผมยันแสตนคณะวิศวะ และหลังจากนั้นพี่วิกับพี่เตอร์ก็ชี้นิ้วสั่งรุ่นน้องของตัวเอง (แต่เป็นรุ่นพี่ของผม) ให้แบกผมขึ้นบ่าพร้อมกับหามไปยังแสตนทางฝั่งคณะแพทย์ทันที



ไอผมนี่ดิ้นขลุกขลักไปมาบนบ่ารุ่นพี่ทั้งสองคนครับ แต่ที่น่าอายกว่าโดนแบกนั่นก็คือสายตาของคนที่ควรจะจับจ้องไปที่สนามกลับเปลี่ยนเป็นหันมามองผมกับก๊วนของพี่วิครับ พวกพี่ๆใช้เวลาแบกผมไปยังฝั่งแสตนคณะแพทย์สักห้านาที ในที่สุดตอนนี้ผมก็นั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงที่นั่งพิเศษที่พี่ ๆ เขาเตรียมไว้ให้ครับ



ผมเม้มปากแน่นและก้มหน้าลงไปมองที่ขาตัวเองด้วยความเขินอาย ‘บ้าไปแล้วนายรณกร…กล้าตะโกนออกไปแบบนั้นนี่มันบ้าไปแล้ว’ เมื่อผมมานั่งที่นั่งพิเศษไปอีกสักห้านาทีเกมที่สองก็จบลงครับ โดยสกอร์ทางคณะแพทย์ยังคงตามอยู่ครับแต่คะแนนไม่ห่างกันมากเท่าไหร่แล้วล่ะครับ สกอร์ก็คือ 59-55 ทางคณะวิศวะนำอยู่ 4 แต้มครับ (ถ้าผมจำไม่ผิด บาสนี่จะเล่นกันสามเกมมั้งครับ แต่ถ้าเกิดคะแนนเท่ากันจะเพิ่มเกมไปเรื่อยๆครับ) ท่าทางการตะโกนของผมจะช่วยให้พี่ศิมีไฟเล่นมากขึ้นครับ เพราะช่วงหลังๆของเกมนี้ พี่ศิแกชู้ตสามแต้มไปได้หลายลูกเลยล่ะครับ ฟอร์มการเล่นดีขึ้นเยอะเลย



เมื่อกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลาเกมที่สองร่างสูงของพี่ศิก็เดินกลับมายังที่นั่งพักนักกีฬาร่าง แต่พี่ศิแกไม่ได้ไปนั่งที่โต๊ะอะไรหรอกครับ เพราะพี่ศิแกเดินมาหาผมพร้อมกับทรุดตัวนั่งยองๆตรงหน้าผมครับ



“พี่นึกว่าวันนี้กรจะไม่มาเชียร์พี่ซะแล้วสิ” พี่ศิใช้น้ำเสียงที่แสดงอาการน้อยใจออกมา แต่แหม…พี่ศิครับ ต่อให้พี่แข่งก็เถอะ แต่คู่แข่งของพี่มันเป็นคณะของผมนะครับ ถ้าผมมานั่งที่นั่งของฝั่งคู่แข่งของผม ผมก็โดนหาว่าเป็นกบฏสิครับ แม้เพื่อน ๆ ผมจะรู้แล้วว่าผมอยากเชียร์พี่ศิมากกว่าคณะตัวเอง



“…ก็มาเชียร์แล้วนี่ไง พี่อย่ามาทำงอนหน่อยเลย” ผมพูดพร้อมกับใช้นิ้วดีดหน้าผากพี่ศิไปหนึ่งที ตอนนี้กรรมการเริ่มเดินกลับมาแล้วล่ะครับ ซึ่งพี่ศิก็ต้องลงไปแข่งในสนามอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้มันกลับมีอะไรพิเศษนิดหน่อย ซึ่งเหมือนกับเป็นการเติมพลังให้กับพี่ศิแกครับ และดูเหมือนว่าพี่ศิแกจะเตี้ยมกับพี่วิและพี่เตอร์เป็นอย่างดีแล้วล่ะครับ



พี่วิค่อย ๆ สาวเท้าเดินมาใกล้ ๆ พร้อมกับเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่กางบนศีรษะของผม และเมื่อผ้าขนหนูผืนนั้นร่วงจนปิดใบหน้าของผมกับพี่ศิริมฝีปากหนาที่ผมคุ้นเคยก็พุ่งเข้ามาขโมยจูบจากริมฝีปากของผมไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าสัมผัสนั้นเป็นสัมผัสของสายลมที่พัดปากริมฝีปากของผมไป เมื่อพี่ศิแกชิงจูบของผมไปได้แล้ว ร่างสูงนั้นก็หยิบผ้าขนหนูผืนนั้นออกจากหัวพร้อมกับนำมันมาเช็ดเหงื่อของตนเบาๆ และลุกขึ้นไปเพื่อเตรียมร่างกายในการแข่งเกมถัดไป



ซึ่งหลังจากที่ผมโดนพี่ศิชิงริมฝีปากทีเผลอไปนั้น ผมนี่นั่งช็อคไปนานเลยครับ กว่าสติจะคืนมาสู่ร่างมันก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับเสียงนกหวีดเริ่มเกมสุดท้ายดังขึ้น คราวนี้เกมยิ่งสนุกมากขึ้นกว่าสองเกมก่อนหน้าครับ เพราะพี่ศิตอนนี้ที่สูบพลังกายของผมไปเริ่มแย่งบอลและชู้ตลูกสามแต้มไปหลายลูกเลยครับ แม้มันจะลงบ้างไม่ลงบ้างก็เถอะ แต่ตอนนี้สติของผมมันไม่ได้อยู่กับเกมแล้วครับ เพราะตอนนี้สติของผมมันไปอยู่ที่เหตุการณ์เมื่อสักครู่ครับ



‘พี่ศิบ้า พี่ศิชอบฉวยโอกาส พี่ศินิสัยไม่ดี พี่ศิบ้าๆๆๆ’ ผมได้แต่กร่นด่าประโยคพวกนี้ในใจ จนไม่ได้สนใจกับการแข่งเลยสักนิด จวบจนเวลาของเกมสุดท้ายกำลังจะหมดลง ผมถึงได้เงยหน้าไปดูสกอร์ครับ ซึ่งในตอนนี้คณะผมนำอยู่ 2 แต้มครับสกอร์เป็น 65-63 ครับ ซึ่งถ้าพี่ศิชู้ตลูกสามแต้มลงจะกลายเป็นทางฝั่งคณะแพทย์นำครับ ผมนั่งลุ้นจนตัวโก่งเลยครับ เมื่อพี่ศิแกตั้งท่าจะชู้ตลูกสามแต้ม



ทว่าในขณะที่ผมลุ้นนั้นอุบัติเหตุก็เกินขึ้นครับ เมื่อพี่ศิแกกระโดดแย่งลูกบาสกับเฮียก๊อต ผู้ซึ่งเป็นพี่รหัสของผม  ท่อนแขนของเฮียก๊อตก็ไปกระแทกที่แก้มของพี่ศิแกเขาและแว่นตาที่พี่ศิเขาสวมอยู่ตลอดเวลาก็ร่วงลงจากตา และนั่นก็ทำให้แว่นตาของพี่ศิแกไปสู่สุขคติครับ เพราะทันทีที่เท้าของพี่ศิและเฮียก๊อตแตะลงไปที่พื้นเสียงพลาสติกหักพร้อมกับเสียงเลนส์แตกก็ดังขึ้นครับ ใช่แล้วครับ ทุกๆคนเดาไม่ผิดหรอกครับ…แว่นตาพี่ศิตอนนี้มันเจ๊งไปแล้วครับ แล้วบุคคลที่ต้องการแว่นยิ่งกว่าข้าวสามมื้ออย่างพี่ศิจะเล่นบาสต่อไปได้ยังไง ตอนได้ยินเสียงแตกของแว่นนี่ทั้งพี่ศิและเฮียก็อตชะงักค้างไปเลยล่ะครับ แต่ชั่วแวบเดียวนะครับ พี่ศิแกก็พยายามที่จะเล่นต่อโดยการใช้มือปัดลูกบาส แต่คนสายตาไม่ดีมากถึงมากที่สุดอย่างพี่ศิพอไม่มีแว่นก็เหมือนคนตาบอดครับ เฮียก๊อตแกเลี้ยงลูกผ่านพี่ศิไปได้อย่างสบายมากครับ สีหน้าของพี่ศิแสดงออกมาให้เห็นว่าเขานั้นเจ็บใจมาก แต่พี่ศิก็ทนเล่นต่อนะครับ เล่นต่อด้วยการไม่มีแว่นนี่แหละ ถึงแม้พี่ศิจะเล่นบาสเก่งและจับจังหวะของผู้เล่นอีกฝ่ายได้ แต่เมื่อขาดแว่นไป พี่ศิก็เหมือนทหารที่ขาดอาวุธครับ ในที่สุดนกหวีดปิดเกมก็ดังขึ้นพร้อม ๆ กับการพ่ายแพ้ของคณะแพทย์ศาสตร์ครับ



เมื่อผลออกมาเป็นแบบนั้น พี่ศินี่กระทืบเท้าลงไปบนสนามเต็มแรง ส่วนผมนี่นั่งก้มหน้าอยู่บนเก้าอี้พิเศษที่รุ่นพี่ทางคณะแพทย์จัดเตรียมไว้ให้ริมฝีปากของผมเม้มแน่นจนเกือบจะเป็นเส้นตรง ในเกมสุดท้ายแม้ต่างฝ่ายจะทำแต้มเพิ่มกันไม่ได้เลยสักคะแนน แต่คะแนนที่มีอยู่ทางคณะวิศวะนำอยู่  ดังนั้นชัยชนะก็ตกเป็นของคณะวิศวะอีกปีครับ การแข่งขันครั้งนี้สูสีมาก มากถึงมากที่สุด ถ้าไม่พลาดเรื่องแว่นตาของพี่ศิทางคณะแพทย์อาจจะชนะไปแล้วก็ได้ ผมซึ่งคิดแบบนั้นก็ได้แต่ทอดถอนลมหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง ทว่าคนที่ผิดหวังมากกว่าผมก็คงจะเป็นพี่ศิครับ ร่างสูงยังไม่ยอมเดินออกมาจากสนามเลยครับ จนผมอดทนไม่ไหวและสาวเท้าเดินเข้าไปหาพี่ศิแทน



“พี่ศิ...” ผมเอ่ยเรียกพี่เขาเสียงแผ่ว ซึ่งร่างสูงนั่นก็ค่อยๆ หันมามองผมช้าๆ ใบหน้าคมที่หันมานั้นดูสิ้นหวังมากเลยล่ะครับ



“พี่ทำตามข้อตกลงของกรไม่ได้แฮะ แย่จังเลย” พี่ศิพยายามพูดกลั้วหัวเราะ แต่ความรู้สึกที่ผมสัมผัสได้ออกมาจากริมฝีปากหนา นั่นคือน้ำเสียงของคนที่ผิดหวัง ผมยืนมองพี่ศิที่ก้มหน้าก้มตาอยู่นั่นไปสักพัก มือข้างหนึ่งของผมก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและหยิบกล่องกำมะหยี่ที่พี่ศิแกเคยให้ผมไว้เมื่อก่อนหน้านี้ออกมา



“นี่คือของรางวัลผู้แพ้” เมื่อผมพูดจบผมก็ยื่นกล่องๆนั้นไปให้พี่ศิ และเมื่อพี่ศิเห็นการกระทำแบบนั้นของผม ใบหน้าของพี่แกก็แสดงถึงอาการตกใจเป็นอย่างมาก ผมคิดว่าพี่ศิแกน่าจะคิดว่าผมจะคืนทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งความสัมพันธ์ทั้งหมดของผมกับเขาไปล่ะมั้งครับ ทว่าตัวของผมไม่ได้คิดแบบนั้นครับ



ผมเขย่ามือเป็นการเร่งให้พี่ศิรับของที่อยู่ในมือของผมไป ซึ่งมือกร้านนั้นก็ยกขึ้นมารับด้วยความสั่นเทา  ใบหน้าคมที่แสดงออกมานั้นทำให้ผมรู้ว่าพี่ศิแกรู้สึกเสียใจและผิดหวังมาก



“ปฏิเสธสินะครับกร” พี่ศิแกเอ่ยออกมาเสียงแผ่วริมฝีปากหนานั้นสั่นน้อยๆ “พี่เพิ่งเคยโดนคนปฏิเสธก็ครั้งนี้ล่ะ กรครับในเมื่อเราทั้งสองไม่ได้คบกัน แต่พี่ยังเป็นคนสำคัญของกรอยู่ไหม” เสียงทุ้มนั้นเอ่ยสั่นเครือ ส่วนผมนี่กลั้นหัวเราะจนไม่รู้จะกลั้นยังไงแล้วครับ



เอาเป็นว่าตอนนี้ผมสงสารพี่ศิเขาแล้วล่ะครับ  ไหนๆก็ไหนๆผมก็สู้บอกความจริงพี่ศิเขาไปเลยดีกว่า “นี่พี่ศิของรางวัลของผู้แพ้ พี่ศิยังไม่ได้เลยนะ รีบเอากำไลที่จะให้กรออกมาสิ” ผมเอ่ยเร่งพี่ศิ ซึ่งร่างสูงนั่นแสดงสีหน้าและแววตาที่งุนงง แต่เขาก็ยอมหยิบกำไลวงนั้นออกมา



“กรจะให้พี่ทำอะไรเหรอครับ” พี่ศิแกเอ่ยถามออกมา ผมก็ได้แต่ส่งยิ้มกว้างไปในพร้อมกับยื่นข้อมือซ้ายของตัวเองไปด้านหน้า การกระทำของผมนั้นสร้างความสงสัยให้กับพี่ศิเป็นอย่างมาก ผมยื่นมือแบบนั้นอยู่นาน จนในที่สุดผมก็ต้องเอ่ยพูดให้พี่ศิแกคลายความสงสัยทันที



“กรยื่นมือจนเมื่อยแล้วนะ...รีบๆเอามาสวมให้กรสักทีสิกำไลวงนั้นน่ะ” และเมื่อผมเอ่ยถ้อยคำพวกนี้จบ ร่างสูงของพี่ศิก็ถลาเข้ามากอดผมทันที เสียงทุ้มนั้นเอ่ยถามผมซ้ำ ซึ่งคำถามนั้นก็คงไม่ต้องคิดกันเยอะมากนะครับว่ามันเป็นคำถามอะไร…เพราะมันเป็นอะไรไปไม่ได้เลย นอกจากคำถามคำถามนี้



“กรครับ...จะคบกับพี่ไหมครับ” ซึ่งคำตอบก็ต้องเซย์เยสอยู่แล้วครับ



ผมพยักหน้าตอบตกลงพี่เขาไป และทันทีพี่ผมตอบตกลงร่างสูงนั้นก็อุ้มผมลอยขึ้นไปในอากาศเลยล่ะครับ ส่วนผมนี่ได้แต่ทุบบ่าของพี่ศิไปเบาๆ เพื่อเป็นการบอกให้พี่เขาปล่อยผมลงไปยืนที่พื้น แต่ดูเหมือนว่าที่นายแพทย์ศิรวิทย์จะไม่ยอมปล่อยผมลงครับ ร่างสูงนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นพร้อมๆ กับยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากดศีรษะผมลงไป



หน้าของเราทั้งสองคนแตะกัน สายตาของเราทั้งสองจ้องมองกัน จากนั้นเสียงกรีดร้องและเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีก็ดังขึ้น ซึ่งต้นเสียงนั้นก็มาจากก๊วนเพื่อนของผมกับพี่ศิครับ



ทุกๆคนโห่ร้องแสดงความยินดีให้กับผมและพี่ศิที่เพิ่งตกลงคบกันครับ…



มันน่าอายนะครับที่ทุกคนในคณะ (และต่างคณะ) รู้สึกการคบกันของผมกับพี่ศิ แต่แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะครับ…เพราะทุกคนจะได้รู้ว่าพี่ศิคนนี้มีเจ้าของหัวใจแล้ว…



แต่วันแรกของการคบกันของผมกับพี่ศิ นั่นก็คือผมต้องพาพี่ศิไปตัดแว่นและซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ครับ ไอโทรศัพท์เครื่องใหม่นั่นไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องแว่นตานี่ต้องตัดให้ได้ครับ ส่วนเหตุผลไม่มีอะไรมากครับ เพราะผมแค่หวงใบหน้ายามไร้กรอบแว่นบดบังก็เท่านั้นเองครับ (ที่ผมหวงทุก ๆ ท่านก็น่าจะรู้ดีนะครับว่าใบหน้าของพี่ศิยามไร้แว่นมันดูดีมากขนาดไหน!)





จบ//// ละมั้ง//


เจอกัลตอนหน้า ชื่อตอนคือ จบจริง ๆ หละมั้ง// (กวนนะนังพลอย)

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1511
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
กรื้ดด ดีใจกับพี่ศิกับกรด้วยนะ รักกันนานๆนะคะ >< ฮิ้วววว
สมน้ำหน้าชะนีน้ำฟ้า อิอิ

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 :katai2-1: :katai2-1: เขิลลลลลลลลลลลล ดีดดิ้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ atitayalnw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ใจหายหมด โถตัวเธอตกใจหมดเลย 5555
ตอนนี้อ่านแล้วโล่งอก สมน้ำหน้าน้ำฟ้าหล่อนทำตัวเองทั้งนั้นน่ะย่ะ
เล่นมั่วไม่เลือกขนาดนี้ ก็ขอให้ไม่เป็นเอดส์ตายแล้วกัน รอดปลอดภัยน่ะเธอ ไปสู่สุขคติไป๊!!!!
ตอนนี้อ่านแล้วชุ่มชื่นหัวใจ กร๊ากกกก พี่ศิน้องกร น่าร๊ากกกกกกอ๊าาาาา

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
ฮิ้วววววว
ขอให้รักกันนานๆนะ
ศิกับกร จุ๊บบบบบ

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
กรี๊ดดดดดดดดดด เค้าคบกันแล้ว หลังจากรอคอยมานาน  :m3:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
พี่ศิน้องกรเป็นแฟนกันแล้ว ลุ้นสุดๆ

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ลุ้นสุดๆไปเลยตอนแข่งบาสอะ ลุ้นตามกร 555

ออฟไลน์ LonelyBoiZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
เพิ่งตามอ่านทัน
สนุกๆมากเลยครับ
เป็นกำลังใจให้นักเขียนต่อไปครับบ

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
กรี๊ดดดดดด

ดีใจด้วยน่ะค่าพี่ศิ เป็นแฟนกับน้องกรแล้ว

ออฟไลน์ Elizabeth_TonnY

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :z3: :hao7: :hao5: :katai2-1: :katai1: :serius2: :pighaun:
ว้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย รอมานาน

mirumo

  • บุคคลทั่วไป
 :z1: แอร๊ยยยคบกันแล้วอะ ดีใจตามอ่านมาตั้งนาน

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
กว่าจะตกลงเป็นแฟนกัน พี่ศิเหนื่อยแย่เลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
อ๊ายยยยยยยยยยย ฟิน อยากอ่านอีกกกกกกก ขอตอนพิเศษเถอะนะ ^^

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
ฟินนนนนนนนน
มีอีกไหมคะ???
มีต่ออีกไหม??

ออฟไลน์ KMprince

  • kyumin QingYu
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 281
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนแรกก็ว้าว พี่หมอค่ะ
เอาน้องกรไปเลยค่ะ

ชอบเรื่องที่เกี่ยวกับคุณหมอค่ะ

เห็นว่ากำลังจะเปิดจองหนังสือด้วย
อุดหนุนเลย อ่านตอนแรกก็โอ้ ต้องสนับสนุนหนังสือแน่นอน

ออฟไลน์ jaaesmile

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :o8: มาต่อตอนต่อไปเร็วๆนะค่ะ นิยายเรื่องนี้สนุกสุดๆเลย ชอบทั้งน้องกรและพี่ศิ
ทำให้นึกอิจฉา อยากมีแบบพี่ศิสักคน (อ๊างงงง) ไม่อยากให้จบเลย ถึงแม้จะจบ(ละมั๊ง) แต่ก้ออยากอ่านตอนพิเศษละนะ  :m17:
แต่เดี๋ยวก่อน ตั้งแต่อ่านมาแต่ต้นจนจบเนี่ย คำผิดเยอะมากเลย แถมเหมือนจะเขียนสลับคำด้วย อ่านแล้วงงๆอ่ะ  o6 
บางประโยคมันเหมือนคำจะหายให้คนอ่านเติมคำในช่องว่างเอง(ซะงั้น)  :try2:
ก่อนรวมเล่มรบกวนเช็คสิ่งเหล่านี้ด้วยนะค่ะ เพื่ออรรถรสในการอ่าน (อย่าโกรธคำวิจารณ์นะค่ะ ติเพื่อก่อเน้อ) :mew2:
ยังไงก้อเป็นกำลังใจให้ผู้แต่งนะจ๊ะ แล้วจะคอยติดตามทั้งนิยายเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆต่อไป รักนะจุ๊บจุ๊บ  :mew1:

ออฟไลน์ abcee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
กว่าจะเป็นแฟนกันได้ ลุ้นกันแทบแย่ มารอนะครับ

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3998
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
อ่านจนจบ น่ารักมากเลย อ่านแล้วเขิน ดีใจด้วยที่ได้เป็นแฟนกันนะ

ออฟไลน์ RenaBee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ฮริ้วววววววววววววววววววววววว
ไม่ได้เข้าเล้ามานาน มานั่งไล่อ่านพร้อมแซวน้องกรและพี่ศิฮ่าๆๆๆ คบกันแล้วๆๆๆดีใจด้วยนะคะพี่ศิ  :-[

ออฟไลน์ MoMoRin

  • I am Fujoshi! (・∀≦)ゞ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
แฮปปี้เอนดิ้ง สุดท้ายน้องกรก็ต้องยอมพี่ศิอยู่ดี  :mew1:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด