ตอนที่ 3 น้ำฟ้าหลังจากน้ำฟ้าลืมตาดูโลก เวลาผ่านไปจนเข้าอายุ 10 ปี ทุกอย่างในชีวิตของน้ำฟ้ามีแต่ความสุข แต่แล้วก็ต้องสูญสิ้นทั้งสองอันเป็นที่รักยิ่งไปตลอดกาลจากอุบัติเหตุอย่างไม่คาดฝัน จากนั้นเป็นต้นมาคุณกิตติจึงเป็นผู้เลี้ยงดูน้ำฟ้าด้วยความรักแทนลูกชายและลูกสะใภ้เรื่อยมา น้ำฟ้าเข้าใจดีว่าคุณปู่ท่านรักและหวงมากแค่ไหน แต่ก็อยากจะเป็นเหมือนเด็ก ๆ ทั่วไป ที่ ขี่จักรยานไปเล่นกับเพื่อน ๆ แถวบ้าน ปีนต้นไม้ หรือเรียนพิเศษกับพี่บุญตาอย่างพี่ใบข้าวบ้าง ไม่ใช่ให้เขามาเรียนศาสตราจารย์ที่อังกฤษแบบนี้ เฮ้อ เขาอยากกลับบ้านไปเล่นกับพี่ใบข้าว(ถึงพี่เขาจะไม่ค่อยอยากเล่นด้วยก็ตามที) ได้แต่ คิด คิด หาหนทางก็ปิ้งไอเดียขึ้นมา จึงหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาคุณกิตติ
“ว่าไงเจ้าตัวยุ่ง โทรหาปู่แบบนี้คิดถึงใช่ไหม”
//ปู่รู้ได้ไงว่าฟ้าคิดถึง ฮึก ฮึก ฟ้าอยากกลับบ้าน//
“ทนอีกนิดนะลูก อีกอาทิตย์เดียวก็มาเจอปู่แล้ว”
//ไม่เอา น้ำฟ้าอยากกลับบ้าน อยากนวดขาให้ปู่ อยากไปเที่ยวกับปู่ที่ทะเล นะ นะ นะครับ// คุณกิตติได้ยินก็แทบจะอยากจะให้กลับซะตอนนี้เลย หึ หึ เข้าใจหาข้ออ้างมาเอาใจปู่จริง ๆ
“ถ้าจัดมาชุดใหญ่แบบนี้ คงต้องตอบคำเดียวว่าตกลงใช่ไหม หึ เจ้าตัวยุ่ง”
//ถูกต้องครับ ^^//
“ครับ ครับ งั้นเดียวปู่ให้บุญตาจองตั๋วเครื่องบินให้ละกัน แล้วอยากจะกลับวันไหน”
//พรุ่งนี้เลยครับ ปู่//
“แหม่ แหม่ ใจร้อนนะเรา ดูซิว่ากลับมาจะนวดขาให้ปู่หรือเปล่า”
//นวดซิครับ อะ ปู่ครับอาจารย์มาแล้ว ฟ้ารีบไปเรียนก่อนนะครับ//
“เออ เออ งั้นเจอกันครับเจ้าตัวยุ่ง”
หลังจากวางสายน้ำฟ้ากระโดดโลดเต้นไปมาอย่างดีใจ เขานี่มันอัจฉริยะจริง ๆ จึงรีบเก็บข้าวของใช้ส่วนตัวแพ็คลงกระเป๋าอย่างเร็วไว จากนั้นออกไปซื้อของฝากให้กับทุกคนถือ แล้วถือโอกาสไปลาคุณป้าโสภาและคุณลุงดนัยเพื่อนของคุณพ่อฉาย บ้านที่อยู่ติดกันพอยืนอยู่หน้าประตูก็เห็นตะวันเพื่อนซี้ที่ค่อยปกป้องเขาจากเด็กเกเรในช่วงที่เขาอยู่ที่นี่
“อ้าว ไหนบอกว่าจะมาตอนเย็น ๆ ไง” ตะวันมองหน้าน้ำฟ้าอย่างสงสัย แต่เดินไปเปิดประตูให้เข้ามาข้างใน แล้วยกชาร้อน ๆ มาให้น้ำฟ้าที่รับมาดื่มด้วยความอร่อย เขาชอบชาสูตรของคุณป้าจริง ๆ
“ฟ้าจะกลับบ้านพรุ่งนี้เลยมาลาทุกคน”
“อืม พ่อกับแม่อยู่หลังบ้านกำลังเก็บสตอเบอร์รี่ในเรือนเพาะปลูกอยู่นะ” บอกเชิงเดินนำหน้าไปยังเรือนเพราะปลูกที่เป็นเรือนกระจก ภายในนั้นมาพืชหลากหลายชนิดที่น้ำฟ้าคิดว่าถ้าพี่ใบข้าวได้มาเห็นที่นี่คงชอบอย่างแน่นอน แต่คิดแล้วก็ปวดใจที่พี่เขาไม่ยอมสนิทด้วยซะที ชอบเว้นระยะห่างอยู่เรื่อย โดยเฉพาะของใช้หรือของเล่นต้องห้ามสุดหวงของพี่ใบข้าว จะเขียนชื่อไว้ทุกชิ้น ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าจะหวงของอะไรขนาดนั้น
ยิ่งคราวที่แล้วดันรีบร้อนไปหน่อยเลยเผลอขี่จักรยานผิดคัน กลับไปบ้านปุบก็เจอพี่แกกอดอกหน้างอรอเขาอยู่แล้ว จึงทำได้แต่เพียงยิ้ม ๆ ไปให้ พอลงจากรถได้ พี่ใบข้าวก็รีบเดินมาหาแล้วพูดช้า ๆ ว่า “อย่าทำแบบนี้อีกเจ้าซีซาร์มีเจ้าของคนเดียวคือฉัน เข้าใจไหม” พร้อมส่งสายตาดุดันจ้องมองน้ำฟ้าที่ตัวสั่นกลัวว่าจะถูกต่อยจึงเอามือกั้นไว้ แต่ก็ต้องแปลกใจที่ใบข้าวเดินเข้าบ้านไปแล้ว เฮ้อ รอดไป อย่างน้อยเหตุการณ์นั้นก็ทำให้น้ำฟ้า ไม่ค่อยกล้ายุ่งของของใบข้าวอีก
“อ้าว หนูน้ำฟ้ามาทานสตอเบอร์รี่ซิจ๊ะสดจากต้นเลย” คุณโสภากวักมือเรียกน้ำฟ้าที่ยิ้มแล้วเดินไปหาทั้งสอง
“ขอบคุณครับคุณป้า”
“แม่ไอ้ฟ้ามันจะกลับบ้านมันนะ” ตะวันบอกผู้เป็นแม่พลางหยิบสตอเบอร์รี่มานั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนคุณดนัยได้ยินจึงเดินมานั่งข้าง ๆ ตะวัน
“แล้วฟ้ากลับวันไหนละเดียวพวกลุงไปส่ง”
“พรุ่งนี้ครับ”
“เฮ้อ พวกเราคงเหงาแย่เลย ใช่ไหมคุณ”คุณโสภาทำหน้าเศร้า หันไปหาคุณดนัยที่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย พอมองไปหาลูกชายตัวดีดูแล้วไม่มีทีท่าว่าจะเหงาที่น้ำฟ้ากลับบ้าน เหมือนคราวที่แล้วงอแงอยากจะตามน้ำฟ้าไปบ้านด้วย จึงส่งมือหนัก ๆ ลงบนหัวลูกชายไปหนึ่งที “โอ๊ย พ่อผมเจ็บนะ”
“ก็เออไง แกไม่เหงาหรือไงที่ฟ้าเพื่อนซี้ของแกจะกลับแล้ว”
“จะเหงาทำไม เพราะผมจะไปกับมันด้วย ใช่ไหมไอ้ฟ้า” หยักคิ้วให้เพื่อนรักที่ตอนนี้ยิ้มอย่างงง ๆ แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกันแฮะ “คุณป้ากับคุณลุงอนุญาตให้ตะวันไปเที่ยวบ้านฟ้าได้ไหมครับ” ส่งสายตาวิ้ง ๆ ไปให้ทั้งสองที่มองหน้ากัน แล้วหันไปหารือได้สักครู่ จึงพยักหน้าอนุญาตให้ไป ทั้งน้ำฟ้าและตะวัน ต่างกระโดดกอดคอไปมาอย่างดีใจ แล้ววิ่งไปช่วยกันเก็บข้าวของตะวันเพื่อไปบ้านบดินศราลักษณ์
วันรุ่งขึ้น
ทั้งสองกลับมายังประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ อาจจะยังเบลอนิดหน่อยในเรื่องของเวลาที่แตกต่างกัน แต่ก็ไม่เป็นอุปสักสักเท่าไร พอถึงบ้านบดินศราลักษณ์ได้ ตะวันบอกน้ำฟ้าว่าอยากเห็นต้นมะม่วงที่เขาใฝ่ฝันอยากเห็นมันซักครั้ง ยิ่งเห็นว่าต้นมะม่วงมีลูกเต็มต้นก็อยากจะกินมันเป็นที่สุดเลย จึงเป่ายิงฉุบเกียงกันปีนต้นมะม่วงแต่ด้วยความที่ตาไวเห็นลูกมะม่วงอยู่บนโต๊ะหินอ่อนชี้ไปให้น้ำฟ้าที่ส่ายหน้าเชิงบอกว่าไม่ได้ เพราะรู้ว่าตรงนั้นเป็นพื้นที่ที่พี่ใบข้าวอยู่เป็นนั่งประจำ อาจจะเป็นไปได้ว่ามะม่วง 3 ลูกนั้นเป็นของพี่ใบข้าว
เลยบอกกับตะวันว่าไปหาไม้มาสอยดีกว่าปีนขึ้น ระหว่างนั้นคุณกิตติเดินมาตามทั้งสองพอดี จึงบอกให้หยิบมะม่วงตรงโต๊ะหินอ่อนนั้นแล้วกลับบ้านใหญ่ด้วยกัน ไม่นานป้ากลิ่นก็ยกน้ำพริกปลาหวานและมะม่วงที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำมาวางไว้บนโต๊ะ ตะวันที่ออกมาจากห้องน้ำได้ก็วิ่งมาดูแล้วหยิบมากินอย่างเอร็ดอร่อยแถมไม่แบ่งให้น้ำฟ้าที่หัวเราะกับท่าทางของตะวัน ส่วนคุณกิตติมีแขกมาหาจึงไม่ได้มานั่งคุยกับทั้งสองด้วย น้ำฟ้าจึงพาตะวันขึ้นไปอาบน้ำและพักผ่อน
พอตกเย็นลงมากินข้าว ตะวันยิ่งทำตาโตกับอาหารไทยที่ดูน่ากว่าหนังสืออาหารที่เขาเคยดู ถึงจะเป็นคนไทยแต่ก็เกิดและโตที่อังกฤษ สิ่งที่เห็นจึงเป็นของแปลกใหม่สำหรับตะวันเป็นอย่างมาก “คุณปู่ครับ อาหารอร่อยมากเลยขอบคุณมากเลยนะครับ” ตะวันยกมือไหว้ อย่างที่คุณโสภาบอกว่าถ้าขอบคุณผู้ใหญ่ต้องยกมือไหว้เพื่อแสดงถึงความมีสัมมาคารวะ และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน** คุณกิตติยิ้มแล้วตักปลาทอดน้ำปลาให้ตะวันยิ้มรับแล้วตักกินทำหน้า ประมาณว่าอร่อยสุด ๆ จนทั้งสองหัวเราะออกมา หลังจากกินข้าวก็คุยถึงสารทุกข์สุกดิบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำฟ้าตอนอยู่ที่อังกฤษหรือวีระกรรมจอมซ่าของตะวัน โดยไม่ได้สังเกตุว่ามีใบข้าวยืนมองด้วยสายตาเศร้าสร้อย แต่ก็ไม่ลืมสิ่งที่เตรียมไว้ (หึ หึ ไอ้หัวขโมย)
เวลา 20.00 น.
พอเล่นเกมส์เสร็จ น้ำฟ้าและ ตะวัน ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วนั่งบนเตียงเดียวที่ถูกจัดเตรียมไว้ ระหว่างที่คุยแผนการเที่ยวในวันพรุ่งนี้ อยู่ ๆ น้ำฟ้าก็รู้สึกคันตามตัวจึงรีบลุกขึ้นเดินไปเปิดไฟ ก็พบว่ามันคันไม่หยุดแถมรอยเกาก็เริ่มเป็นผื่นขึ้นแดงไปหมดทั้งตัว จึงรีบออกมาจากห้องวิ่งตามหาป้ากลิ่นไปทั่ว เพราะกลัวว่าจะเป็นงูสลัวเหมือนคราวก่อน ถ้าผื่นขึ้นชนกันรอบเอวมีหวังแย่แน่ ป้ากลิ่นเคยบอก ระหว่างนั้นคุณกิตติลงมาข้างล่างพอดี ก็ตกใจที่เห็นน้ำฟ้าตัวแดงไปหมด จึงรีบเรียกหมอประจำตระกูลมาดูอาการของน้ำฟ้าที่บ้าน ไม่นานคุณหมอตรวจและสั่งยาไว้ให้ แล้วเดินไปรายงานผลการตรวจให้คุณกิตติทราบ “สาเหตุของอาการคัน เพราะ ตามเสื้อผ้าของคุณน้ำฟ้ามีหมามุ้ยเกาะเต็มไปหมด ดีที่ป้ากลิ่นเอาข้าวเหนียวมาคลึงบริเวณที่สัมผัสขน ทำให้อาการของคุณน้ำฟ้าดีขึ้น*** แต่ผมให้ยาทาและยาแก้แพ้ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”
“อืม ขอบใจคุณ คุณคมสันมาก” หลังจากไปส่งคุณหมอ คุณกิตติสั่งให้บุญตาพาตัวใบข้าวและแม่บ้านทำความสะอาดกับแม่บ้านดูแลเสื้อผ้าของวันนี้มาที่ห้องหนังสือ ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความหวาดกลัวกับสีหน้าของคุณกิตติ
“ฉันอยากรู้ว่าไอ้ขนหมามุ้ยมันมาอยู่ตามเสื้อของน้ำฟ้าได้อย่างไง" ทุกสะดุ้งกับสายตาของคุณกิตติที่ค่อย ๆ มองไปยังสุดา ตามมาด้วยป้ากลิ่นและใบข้าว “ป้ากลิ่น”
“ป้าไม่รู้จริง ๆค่ะ ตอนที่ซักรีดเอามาแขวนไว้ก็ไม่มีขนหมามุ้ยนะคะ”
“แต่ป้าเป็นคนจับชุดนั้นเป็นคนสุดท้ายนะ แล้วมันจะมาได้อย่างไงไม่ใช่ป้า ผมคงต้องให้ป้ากลับบ้านเกิดแล้วละ” บอกคนตรงหน้าที่ตัวสั่น ส่ายหน้าไปมากับน้ำตาที่ไหลริน”ฮะ ฮือ ป้าไม่ได้ทำ ได้โปรดอย่าให้ป้าไปเลยนะคะ คุณกิต ป้าขอร้อง”
“ถ้าป้าไม่ได้ทำแล้วใครทำละ แต่ไม่มีผมก็คงต้องให้ป้าอยู่ที่นี่ไม่ได้” พูดแต่สายตาไปทางใบข้าวที่กำมือแน่น “ข้าวทำเอง” คุณกิตติเลิกคิ้วทำเป็นไม่สนใจหันไปพูดกับป้ากลิ่นต่อ
“หึ หึ งั้นป้าก็มีแนวร่วมคนดูต้นทางให้ด้วยซินะ บุญตาไปเก็บข้าวของป้ากลิ่น”
“ป้ากลิ่นไม่ได้ทำ ข้าวเป็นคนทำเอง” ใบข้าวยืนขึ้นมองคุณกิตติที่ยิ้มเยาะกับแผนที่เขาเพิ่งคิดได้เมื่อครู่นี้ “บุญตายังไม่ไปอีก”
“คุณตาข้าวขอร้องละ ป้ากลิ่นไม่เกี่ยว ฮือ ฮือ ฮึก ให้ขะข้าวทำอะไรก็ย่อมแต่อย่าไล่ป้ากลิ่นไป ” ใบข้าวกอดป้ากลิ่นอย่างสั่นเทา เขาไม่อยากให้คนสำคัญต้องไปไหน เขาไม่อยากเลย “ฮือ ฮือ คุณตา ฮึก ข้าวขอร้อง ”
“ได้ แต่แกต้องเชื่อฟังฉันทุกอย่าง แค่นี้ทำได้ไหม”
“ฮือ ฮือ ดะได้ ข้าวจะทำตามที่คุณตาบอกทุกอย่าง แต่อย่าไล่ป้ากลิ่นไปไหนให้อยู่กับข้าวที่นี่” ใบข้าวพยักหน้าอย่างเร็ว โดยไม่รู้เลยว่าการรับปากในคราวนี้จะทำให้เขาเหมือนคนตายทั้งเป็น
To Be Continued
อ้างอิง
การไหว้
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B9%89หมามุ้ย
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A2ขอบคุณทุกท่านคอมเม้นต์เลยจ้า คนเขียนมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย ^^ ตอนหน้าตะวัน คนเขียนไปละ
