หัวใจซ่อนรัก
ตอนที่ ๓ เส้นแบ่งหัวใจ
หลังเหตุการณ์วันดูตัวของอัลเบิร์ต วิคเตอร์เรียกลูกชายมาพบ ชายชราตำหนิเรื่องที่ผู้เป็นลูกไปขัดขวางการดูตัว อเล็กซานเดอร์เงียบฟังแม้ภายในใจจะต่อต้าน บิดาของเขาเรียกมาตำหนิในเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้เองน่ะหรือ เรื่องที่บิดายกมากล่าวอ้างว่าด้วยฐานะทางสังคมของฝ่ายคู่ดูตัวของอัลเบิร์ตนั้นเขาหาได้ใส่ใจ ยังมีใครที่ไหนยิ่งใหญ่กว่าวิคเตอร์ เฟอร์ริงตันอีกอย่างนั้นหรือ
“ดูแกจะไม่ยี่หระกับคำพูดของพ่อเลยนะอเล็กซ์”
ตาสีน้ำทะเลมองสบกับบิดานิ่ง ไร้ซึ่งคำพูดโต้ตอบใด วิคเตอร์ถอนใจแรง อเล็กซานเดอร์มีท่าทีเช่นนี้กับเขามาแต่ไหนแต่ไร
“เรื่องหนูเกวน เอาใจใส่เขาบ้างนะอเล็กซ์ อย่าให้พ่อต้องพูดซ้ำซาก”
“ไม่เบื่อบ้างหรือวิคเตอร์ ผมฟังทุกวันยังเบื่อเลย” ผู้เป็นลูกประชดกลับ วิคเตอร์กระตุกยิ้ม มองสีหน้าเฉยชาของลูกชายแล้วทำเสียงหึในลำคอ
“พ่อจะให้อัลเบิร์ตไปคุ้มกันหนูเกวน”
อเล็กซานเดอร์ชะงัก มองบิดาราวเห็นตัวประหลาด ก่อนที่หัวคิ้วเข้มจะขมวดปม มายุ่งกับคนของเขาอีกแล้ว “ล้อเล่นใช่ไหม?”
“คิดว่ายังไงล่ะ?” วิคเตอร์ยอกย้อน อเล็กซานเดอร์คิ้วกระตุก
“ดูเหมือนพักนี้พอล เวสส์จะเข้าหาหนูเกวนมากขึ้น พ่อเกรงว่าหนูเกวนจะตกเป็นเป้าได้ง่ายๆ เพราะเจ้าหนุ่มนั่นมันไม่เลือกวิธีการที่จะทำลายเราอยู่แล้ว”
วิคเตอร์ขยายความ ตลอดมาการโจมตีพวกเขาของพอลไม่มีผลกระทบใดที่ทำให้เฟอร์ริงตันสั่นคลอน แต่หากพอลเข้าทางเกวนที่เป็นบุตรสาวตระกูลผู้ดีเก่า หญิงสาวที่เขาหมายมั่นปั้นมือจะให้แต่งงานกับลูกชาย และเธอเองก็ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรกับการแข่งขันทางธุรกิจระหว่างเฟอร์ริงตันกับเวสส์เสียด้วย หากถูกฝ่ายนั้นนำมาใช้เป็นเครื่องมือ สิ่งที่วาดหวังคงพังครืน
“ให้คนอื่นไป”
คำปฏิเสธเรียบๆจากลูกชายทำให้วิคเตอร์มองหน้า มุมปากตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ยกยิ้มแสยะ “พ่อไว้ใจอัลเบิร์ต”
“แต่อัลเป็นของผม” อเล็กซานเดอร์สวน
“หึ” วิคเตอร์หัวเราะลงคอกับท่าทีไม่ยินยอมของลูกชาย “สำคัญมากขนาดนั้นเลย?”
มันเป็นคำถามที่ไร้คำตอบ เมื่ออเล็กซานเดอร์ไม่คิดที่จะตอบมัน
“ถ้าไม่สำคัญอะไรก็ตกลงตามนี้แล้วกัน”
วิคเตอร์รวบรัดสรุปความเมื่อคนเป็นลูกไม่ปริปากยอมรับหรือปฏิเสธ จะให้คนอย่างอเล็กซานเดอร์ยอมรับในสิ่งที่จะทำให้ตนเองตกเป็นรองง่ายๆ นั่นคงไม่ใช่อเล็กซานเดอร์ วิคเตอร์รู้ข้อนี้ดีถึงได้นำมันมาใช้ และมันก็ได้ผลทุกครั้งเสียด้วย
“ถ้าตกลงตามนี้ก็เรียกอัลเบิร์ตมาพบพ่อด้วย”
อเล็กซานเดอร์ขบกรามแน่น อยากตอบโต้เหลือเกินแต่ทำไม่ได้ ร่างสูงใหญ่ผุดลุกแล้วออกจากห้องไปทำตามคำสั่งของบิดา อัลเบิร์ตเข้ามาพบวิคเตอร์ในเวลาต่อมาเพื่อรับคำสั่งให้ไปทำหน้าที่คุ้มกันเกวน เจฟเฟอร์สัน ว่าที่คู่หมั้นของอเล็กซานเดอร์ ซึ่งบอดีการ์ดหนุ่มก็รับคำสั่งแล้วปฏิบัติตามในทันทีเช่นกัน
--------------------
อัลเบิร์ตมาที่คฤหาสน์เจฟเฟอร์สันตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เกวนมองบอดีการ์ดหนุ่มตรงหน้าเธอนิ่ง เธอไม่ได้อยากมีบอดีการ์ดคุ้มกันอะไรทั้งนั้น ครอบครัวของเธอไม่มีบอดีการ์ดมานานแล้ว อยู่อย่างสงบมาตลอด แล้วคราวนี้มันอะไร เหตุใดเฟอร์ริงตันจึงส่งคนมาคุ้มกันเธอ
“ผมเพียงทำตามหน้าที่ครับ” อัลเบิร์ตตอบเธอเพียงสั้นๆไม่ได้ขยายความต่อ เขาไม่มีหน้าที่มานั่งอธิบายในเรื่องที่ไม่ได้รับมอบหมาย เกวนมองเขาหน่ายๆ หญิงสาวรูปร่างสูงปราดเปรียว ท่าทีมาดมั่นดูเฉลียวฉลาด ช่างเหมาะสมกับอเล็กซานเดอร์
“เอาเถอะ ไหนๆคุณก็มาแล้วฉันคงไล่คุณกลับไปไม่ได้ เพราะคุณทำตามหน้าที่นี่นะ” หญิงสาวกล่าวแกมประชด
“ฉันจะออกไปข้างนอกพอดี ...” เธอเกริ่นนำมาเช่นนั้นแล้วยิ้มเก๋ “บอดีการ์ดขับรถได้หรือเปล่า?”
อัลเบิร์ตลอบยิ้มในใจกับท่าทีของหญิงสาว นึกว่าเธอจะเป็นคนหยิ่งยโสเหมือนคุณหนูบ้านรวยโดยทั่วไปเสียอีก บอดีการ์ดหนุ่มตอบรับในสิ่งที่เธอต้องการ ก่อนจะพาเธอไปข้างนอกตามประสงค์
ทางด้านพอล เวสส์ที่รู้ว่าเฟอร์ริงตันให้บอดีการ์ดมาคอยคุ้มกันเกวนก็ออกจะเจ็บใจที่ถูกดักทาง แต่คนอย่างเขาไม่มีทางยอมล้มเลิกง่ายๆเพียงเท่านี้ เมื่อฝ่ายนั้นเล่นไม้นี้กับเขา พอล เวสส์ก็ยิ่งอยากท้าทาย ชายหนุ่มคิดจะเข้าหาเกวนทั้งที่มีอัลเบิร์ตคอยคุ้มกัน
“คาร์ลคะ วันนี้พาไปที่เดิมหน่อยนะ ฉันอยากคุยกับเจ้าของที่ให้เรียบร้อย”
เกวนในชุดพร้อมออกนอกบ้านก้าวลงบันไดมา อัลเบิร์ตที่นั่งรออยู่ลุกขึ้นรับหน้า ตอนนี้เขากับหญิงสาวดูจะเข้ากันได้ดีขึ้น เกวนไม่ชอบคนจุกจิก ไม่ชอบให้ใครออกคำสั่ง ซึ่งนั่นมีครบในตัวอัลเบิร์ต ไม่ช่างพูดและเป็นที่ปรึกษาได้พอสมควร ทำให้หญิงสาววางใจที่จะให้อัลเบิร์ตทำหน้าที่คุ้มกันเธอต่อไป
“จะทำงานนี้จริงหรือครับ?”
อัลเบิร์ตเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะเกวนให้เขาพาไปดูตึกแห่งหนึ่งเพื่อทำสัญญาเช่าซื้อเปิดร้านผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไม้สอยและของทำมือ ซึ่งเธอศึกษาเรื่องพวกนี้มาพอสมควร แต่บอดีการ์ดหนุ่มยังไม่กล้าถามถึงเหตุผลที่เธออยากทำเพราะไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก
เกวนหันมายิ้มให้ก่อนว่า “ไม่คิดว่าคุณหนูบ้านรวยจะอยากทำงานล่ะสิ?”
สิ่งที่เธอพูดไม่ได้ต่างจากที่อัลเบิร์ตคิดเท่าไรนัก เธออยู่สุขสบายแล้วไยต้องมาทำงานให้เหนื่อยหนัก
“สิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นอย่างที่คิด... เคยได้ยินไหมคะ?” หญิงสาวยิ้มเศร้าแล้วเดินนำไปที่รถ อัลเบิร์ตจำต้องตัดความสงสัยเรื่องดังกล่าวทิ้งไปเมื่อเธอไม่อยากเอ่ยถึง และมันไม่ได้มีผลกับงานของเขา ก่อนที่บอดีการ์ดหนุ่มจะเดินตามไปเป็นสารถีให้เธอเหมือนเคย
เมื่อมาถึงสถานที่ที่หญิงสาวบอกอัลเบิร์ตก็เข้าไปกับเธอด้วย จนกระทั่งคุยงานตกลงกันเสร็จสรรพถึงได้ออกมา เธอขอไปร้านหนังสืออัลเบิร์ตจึงต้องตามไปคุ้มกัน และที่นั่นทั้งคู่ได้พบกับพอล เวสส์
อัลเบิร์ตก้าวไปด้านหน้าเกวน เบี่ยงกายขวางพอลที่ก้าวเข้ามาหาหญิงสาวเอาไว้ นัยน์ตาสีควันบุหรี่ของชายหนุ่มจากตระกูลเวสส์มองอัลเบิร์ตอย่างไม่พอใจ แต่อัลเบิร์ตก็ยังคงปักหลักไม่ขยับไปไหน พอลทำเสียงหยันในลำคอก่อนเอ่ยถ้อยคำถากถาง
“คนของเฟอร์ริงตันคงไม่รู้จักคำว่ามารยาทสินะ”
ถึงจะถูกว่ากระทบเช่นนั้นแต่อัลเบิร์ตก็ยังคงนิ่ง เกวนมองบอดีการ์ดหนุ่มแล้วหันมามองพอล ริมฝีปากสวยบิดเบ้เล็กน้อยแสดงอาการไม่อยากเสวนากับชายหนุ่มนัยน์ตาควันบุหรี่ผู้นี้
“เจ้านายเขาจะคุยกันไม่รู้หรือ แบบนี้เขาเรียกสะเออะรู้ไหม?” น้ำเสียงดูถูกยังส่งมาให้บอดีการ์ดจากเฟอร์ริงตัน
“ก่อนจะว่าคนอื่นหัดดูตัวเองก่อนถอะค่ะมิสเตอร์เวสส์” เกวนที่เงียบฟังชักจะทนไม่ไหว ขาเรียวก้าวมายืนข้างอัลเบิร์ตพร้อมตอกหน้าพอลเวสส์กลับ
“กลับกันเถอะค่ะ คาร์ล”
หญิงสาวทิ้งสายตาไม่พอใจให้แล้วก้าวออกไปพร้อมอัลเบิร์ต บอดีการ์ดหนุ่มเหลียวกลับมามองพอล เวสส์ที่ยืนกำหมัดแน่นแล้วหันกลับช้าๆ ท่าทีเช่นนั้นกระตุ้นต่อมโมโหของพอล เวสส์มากยิ่งขึ้นไปอีก ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บใจและเสียหน้าที่โดนเกวนตอกกลับเช่นนั้น ในใจหมายมาดว่าสักวันเขาจะต้องเอาคืนให้จงได้!
------------------
ทางด้านอเล็กซานเดอร์ ตั้งแต่วันที่มีเหตุหมางใจกับอัลเบิร์ตพวกเขาก็ยังไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย เหมือนความรู้สึกในใจมันตกตะกอนเรื่อยๆจนหนักอึ้ง การเริ่มต้นพูดกันจึงยากยิ่ง แถมอัลเบิร์ตยังไปประจำอยู่ที่คฤหาสน์เจฟเฟอร์สัน ยิ่งยากที่จะคุยเข้าไปใหญ่ นอกเสียจากอเล็กซานเดอร์จะไปหาเกวนที่นั่น พอคิดได้แบบนั้นแล้วอเล็กซานเดอร์ก็ชักเอะใจขึ้นมา เหตุที่วิคเตอร์เจาะจงให้เป็นอัลเบิร์ตเพราะอย่างนี้หรือเปล่า วิคเตอร์ ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ นี่คือวิธีให้เขาไปหาเกวนสินะ
คฤหาสน์เจฟเฟอร์สันสุดท้ายแล้วอเล็กซานเดอร์ก็จำต้องเดินตามเกมของบิดา เมื่อวันหนึ่งชายหนุ่มได้มาหาเกวนที่คฤหาสน์ บิดามารดาของหญิงสาวต้อนรับขับสู้เขาเป็นอย่างดี เกวนให้คนนำของว่างยามบ่ายไปให้เธอที่สวนสวย เธอจะได้พูดคุยกับว่าที่คู่หมั้นเป็นส่วนตัวสักหน่อย อัลเบิร์ตที่เดินผ่านมาก็เลี่ยงออกไปอย่างรู้หน้าที่ หางตาผู้เป็นนายปรายตาม ก่อนจะหันเหความสนใจมาที่เกวน
“ไม่คิดว่าคุณจะมาหา” หญิงสาวเปรยขึ้นมา รินน้ำชากลิ่นหอมละมุนใส่ในถ้วยให้อเล็กซานเดอร์
“ไม่ดีหรือ?” ชายหนุ่มรับถ้วยชาที่หญิงสาวเลื่อนมาให้พร้อมเอ่ยถามกลับ
“ไม่ใช่ไม่ดีหรอกค่ะ แค่แปลกใจ นานๆคุณจะมาที” เกวนตอบแล้วหัวเราะเบาๆ
อเล็กซานเดอร์ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไป เฉยกน้ำชาขึ้นจิบเล็กน้อยพอเป็นพิธี เกวนไม่ใช่คนอ่อนหวานจนอ่อนแอ เธอมีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่หลงใหลคลั่งไคล้ไปตามกระแส จะรักชอบใครก็ไม่แสดงออกจนอีกฝ่ายอยากก้าวหนี หากไม่นับรวมปัญหาด้านการเงินของครอบครัวเธอที่ถูกปกปิดเอาไว้ อเล็กซานเดอร์เองก็คิดว่าเธอเหมาะที่จะเป็นนายหญิงของเฟอร์ริงตันเช่นเดียวกับบิดา แต่บิดาของเขากลับมองลึกไปกว่านั้น เรื่องทรัพย์สินไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะสิ่งที่วิคเตอร์ เฟอร์ริงตันต้องการคือชื่อเสียงของตระกูลเธอที่จะมาเกื้อหนุนให้เฟอร์ริงตันยิ่งใหญ่มากขึ้นไปอีกต่างหาก
“บางทีผมคงใส่ใจคุณน้อยไป” อเล็กซานเดอร์เปรยขึ้นมาเมื่อคิดอะไรสะระตะจนมันมาลงเอยที่สิ่งนี้
“คำพูดไม่สมกับเป็นคุณเลย” หญิงสาวยิ้มล้อ
“แบบไหนที่จะสมเป็นผมกัน?”
“แบบที่ไม่ใช่แบบนี้น่ะ” เธอยอกย้อนยียวนแล้วยกยิ้มมุมปาก
“หึ”
การดื่มน้ำชายามบ่ายพร้อมชมบรรยากาศรอบกายของทั้งคู่ดำเนินไปช้าๆ มารดาของเกวนมองภาพนั้นอย่างปลื้มใจ นางวาดหวังกับว่าที่เขยคนนี้เอาไว้มากทีเดียว หากได้ดองกับเฟอร์ริงตันใครบ้างจะไม่ชอบ บ่อเงินบ่อทองทั้งนั้น ใครก็อยากกระโจนเข้าใส่จนตัวสั่น แต่ความโชคดีนั้นมันมาตกที่ตระกูลของสามีนาง ไม่ว่าฝ่ายนั้นจะหวังอะไรจากเจฟเฟอร์สัน แต่สิ่งที่เจฟเฟอร์สันจะได้มามันคุ้มค่ามากกว่าเสีย ขอให้ลูกสาวของนางอย่าทำให้ความหวังของนางต้องล่มก็แล้วกัน
ก่อนกลับอัลเบิร์ตก็ออกมาส่งผู้เป็นนายที่รถ ขณะที่เจฟฟรี่บอดีการ์ดข้างกายของอเล็กซานเดอร์ยืนรออยู่อีกฝั่งของรถ อัลเบิร์ตนิ่ง อเล็กซานเดอร์เองก็ยังเงียบ ไม่มีใครเริ่มต้นพูดอะไรกับใครก่อน บรรยากาศหนักหน่วงลอยวนอยู่เป็นนาน จนแล้วจนรอดอเล็กซานเดอร์ก็ไม่พูดอะไร ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปนั่งในรถ เจฟฟรี่ที่มองสถานการณ์กลอกตามองสูงก่อนถอนใจแล้วตามเข้าไปนั่งคู่คนขับ
อัลเบิร์ตยังคงยืนอยู่ที่เดิม อเล็กซานเดอร์ที่นั่งอยู่ในรถก็ไม่ได้หันกลับมามองอีก แต่รู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ไปไหน รถเคลื่อนตัวออกไปช้าๆพร้อมกับโอกาสคืนดีได้หมดลง
เมื่อกลับมาถึงเฟอร์ริงตัน อเล็กซานเดอร์ก็มาหาบิดาที่ห้องทำงานส่วนตัว ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอให้อัลเบิร์ตได้กลับมาประจำที่นี่แล้วส่งคนอื่นไปทำหน้าที่แทน วิคเตอร์ที่ถือไพ่เหนือกว่าไม่มีทีท่าว่าจะให้กลับ
“เพราะอะไร?” ที่สุดแล้วอเล็กซานเดอร์ก็อดไม่ได้ที่จะถาม อยากรู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงนัก
“คำถามนี้มีคำตอบ และคำตอบนั้นมันก็อยู่ที่แกเอง อเล็กซ์” ตาเฒ่าทิ้งปริศนาให้ได้ขบ
“ถ้าพ่อยังเล่นลิ้นไม่เลิก ผมจะไปลากคอหมอนั่นกลับมาเอง” อเล็กซานเดอร์ทิ้งไพ่ ผู้เป็นบิดากลับหัวเราะราวเป็นเรื่องขบขันหนักหนา
“แกไม่ทำอย่างนั้นหรอกอเล็กซ์ พ่อรู้” ท่าทีเหนือกว่าของวิคเตอร์ที่ทำราวกับรู้อะไรอยู่ตลอดเวลานั้นพาลทำให้อเล็กซานเดอร์ไม่ชอบใจ
“เดี๋ยวก็รู้”
ทิ้งท้ายเท่านั้นแล้วอเล็กซานเดอร์ก็จากไป วิคเตอร์มองตามหลังลูกชายแล้วเหยียดยิ้มแสยะ
“ดิ้นไปเถอะอเล็กซ์ หึ”
อเล็กซานเดอร์กลับมาที่ห้องด้วยความหงุดหงิด รู้สึกเหมือนตนเองสูญเสียการควบคุม แสดงอารมณ์ด้านลบออกมามากเกินไปเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อย ชายหนุ่มได้แต่บอกย้ำกับตนเองซ้ำๆให้ควบคุมมันให้ได้ ควบคุมตัวเองให้ได้มากกว่านี้สิอเล็กซานเดอร์
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มาโทรหาอัลเบิร์ต ตอนนี้เขาอยากมีคนคอยตามใจไม่ขัดเขามากไปกว่านี้ พออีกฝ่ายกดรับอเล็กซานเดอร์ก็ออกคำสั่ง
“กลับมาเดี๋ยวนี้”
ทางนั้นเงียบ อารมณ์ที่คล้ายจะสงบลงกลับหงุดหงิดขึ้นมาอีก อ้าปากเตรียมจะต่อว่าอีกฝ่ายแล้ว หากแต่เสียงอัลเบิร์ตกลับแทรกมา
“ไม่ครับ”
อเล็กซานเดอร์คำรามในคอกับคำปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยที่อีกฝ่ายใช้กับเขา อยากลากตัวกลับมาเสียเดี๋ยวนี้แต่กลับทำไม่ได้ เพราะสถานที่ที่อัลเบิร์ตอยู่คือเจฟเฟอร์สัน บ้านของเกวนว่าที่คู่หมั้นของเขา ชายหนุ่มปิดโทรศัพท์แล้วขว้างไปที่เตียง นั่งลงบนเตียงด้วยความโมโห ชักจะเอาใหญ่แล้ว!
อัลเบิร์ตมองมือถือที่อีกฝ่ายวางสายไปแล้วด้วยความเหนื่อยใจ นอกจากคำสั่งแล้วอเล็กซานเดอร์คงใช้คำอื่นไม่เป็น...
-------------------
คฤหาสน์เจฟเฟอร์สันได้ต้อนรับว่าที่เขยบ่อยๆในพักหลังมานี้ จากที่เคยมานับครั้งได้ คราวนี้อเล็กซานเดอร์กลับมาหาเกวนเสียบ่อย พาไปออกงานร่วมกันบ้างตามโอกาส โดยมีอัลเบิร์ตและเจฟฟรี่ตามรักษาความปลอดภัย เจฟฟรี่ที่รู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างมาแต่ต้นก็ได้แต่สงสารเพื่อน เรื่องช่วยเหลือเขาคงทำอะไรไม่ได้มากกว่าที่เป็นอยู่
“เจฟฟ์” อัลเบิร์ตเอ่ยเรียกเพื่อนบอดีการ์ดที่อยู่ไม่ห่างกันนัก ตอนนี้พวกเขากำลังทำหน้าที่ตามอารักขาผู้เป็นนายกับว่าที่คู่หมั้นในขณะมาเดินเที่ยวในห้างสรรพสินค้าชั้นนำแห่งหนึ่ง และทั้งคู่ก็หยุดอยู่ที่ร้านอัญมณีตามประสาคนมีเงิน
“ว่า?” เจฟฟรี่เลิกคิ้วข้างหนึ่งเชิงถาม
“ถ้าฉันจะเลิกเป็นบอดีการ์ดแล้วไปใช้ชีวิตอยู่ในชนบทเงียบๆนายว่ามันจะดีไหม?”
ราวขอความเห็น แต่ที่จริงมันคือการถามย้ำกับตนเองเสียมากกว่า เมื่อสายตาเขามันมองคู่ชายหญิงตรงหน้านิ่ง เจฟฟรี่ถอนใจเบาแล้วยิ้มบางอย่างเข้าใจ
“เรื่องนี้ถามฉันไม่ได้หรอก เพราะคำตอบมันอยู่ที่ใจของนายต่างหากว่าอยากทำมันไหม”
“นั่นสิ บางทีฉันอาจต้องหาคำตอบให้ได้เร็วๆก่อนที่...”
“ที่?”
อัลเบิร์ตไม่ตอบอะไรไปมากกว่านั้น บอดีการ์ดหนุ่มออกเดินเมื่อผู้เป็นนายกับว่าที่คู่หมั้นกำลังจะออกจากร้านอัญมณี เจฟฟรี่ย่นหัวคิ้วที่อีกฝ่ายทิ้งปริศนาไว้แล้วก็ไม่ตอบ หนุ่มตัวโตส่ายหน้าแล้วก้าวตามให้ทันกัน
อเล็กซานเดอร์เหลือบมองบอดีการ์ดหนุ่มของตนเองที่ก้าวล้ำหน้าไปทำหน้าที่คุ้มกัน ขณะที่เจฟฟรี่เดินเยื้องอยู่ด้านหลัง วันนี้เขามาทำอะไรที่นี่ไม่รู้ ทั้งที่มีงานกองพะเนินแต่กลับพาว่าที่คู่หมั้นมาเดินเที่ยว หรือที่จริงแล้วจุดประสงค์ของเขาจะอยู่ที่บอดีการ์ดด้านหน้านั่นกันแน่ บ่อยครั้งที่ปฏิกิริยาเฉยเมยของอัลเบิร์ตทำให้เขาเกือบๆจะตบะแตกเสียหลายหน อีกฝ่ายยังคงนิ่งเฉยไม่เปลี่ยน ในตอนนี้เขามั่นใจมากว่าอัลเบิร์ตนิ่งกว่าเดิมที่เคยเป็นเสียอีก อาจเพราะยังโกรธเขาอยู่กระมังถึงได้เป็นแบบนี้ แม้จะคิดไปสะระตะแต่ทิฐิที่มันค้ำคอก็ทำให้อเล็กซานเดอร์ไม่สามารถก้าวข้ามไปหาอีกฝ่ายได้ อเล็กซ์ หนอ อเล็กซ์ ไม่ได้รู้เลยว่าการชะล่าใจของเขากำลังนำความวุ่นวายเข้ามาโดยไม่รู้ตัว...
-----------------
ซองเอกสารถูกวางลงตรงหน้าในวันหนึ่ง อเล็กซานเดอร์เลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อปรายมองมัน วิคเตอร์เพียงมองลูกชายนิ่งไม่ได้พูดอะไรจากนั้น ผู้เป็นลูกจึงหยิบมาเปิดดูข้างใน หัวคิ้วเข้มขมวดเมื่อเห็นว่ากระดาษแต่ละแผ่นในนั้นมันบรรจุประวัติและข้อมูลของเด็กหนุ่มชาวไทยคนหนึ่ง อเล็กซานเดอร์เงยหน้าขึ้นมามองผู้เป็นบิดาอย่างมีคำถาม
“เด็กของแอล”
คำตอบเพียงสั้นๆจากบิดากลับทำให้หัวคิ้วชายหนุ่มขมวดปมยิ่งกว่าเก่า แอล คนที่บิดาเอ่ยถึงคือน้องชายต่างมารดาของเขา อเล็กซานเดอร์ แอล เฟอร์ริงตัน
“สืบประวัติเขาขนาดนี้ คิดจะทำอะไร?”
“อยากคุยด้วยนิดหน่อย”
“คุย?”
“ใช่ คุย” ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ยกยิ้มแสยะ “แกจัดการให้พ่อหน่อยได้ไหมล่ะอเล็กซ์?”
อเล็กซานเดอร์ถอนใจหนักๆ เหตุใดยังไปยุ่งวุ่นวายกับน้องชายเขาอีก บิดาของเขาไม่เคยเข็ดเลยจริงๆ อยากให้แอลมาถอนหงอกเอาหรืออย่างไร
“หมดธุระแล้วใช่ไหมครับ?” ชายหนุ่มจะขยับลุก
“ยัง” ผู้เป็นบิดารีบหยุดเอาไว้ อเล็กซานเดอร์จึงได้นั่งลงที่เดิมด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อเมื่อบิดาเริ่มจาระไนถึงเรื่องเดิมๆ
“อย่าทำเป็นนิ่งเฉยนะอเล็กซ์ แกก็รู้ว่าพ่ออยากให้แกเป็นผู้นำพาเฟอร์ริงตันให้ยิ่งใหญ่”
“ด้วยการเกาะชายกระโปรงผู้หญิง”
“อเล็กซ์!!”
วิคเตอร์เอ่ยชื่อลูกชายเสียงดังเป็นการปรามในสิ่งที่พูด อเล็กซานเดอร์คว้าซองเอกสารบนโต๊ะและขยับลุกอีกครั้ง
“ผมทราบครับว่าต้องทำอะไร” ชายหนุ่มว่าเสียงเอื่อย
“ก็ดี อย่าได้หลงลืมตัวไป อย่าเป็นเหมือนน้องชายของแก”
อเล็กซานเดอร์ออกจากห้องทำงานของบิดามาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เอาเอกสารที่ถือติดมือมายัดใส่มือเจฟฟรี่
“ให้ลูกน้องนายจัดการให้ด้วย”
ชายหนุ่มพยายามระงับอารมณ์ จะมีวันไหนที่เขาจะไม่หงุดหงิดกับสิ่งรอบกายและมีความสุขอย่างแท้จริงบ้าง ไม่สิ อย่างเขาเคยรู้จักคำว่าความสุขด้วยหรือ เขากับวิคเตอร์ไม่ต่างกัน ทำอะไรตามแต่ใจ หากคิดว่าใช่มันคือถูก ไม่คิดจะสนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น แต่ ณ เวลานี้ผู้เป็นบิดาเข้ามาวุ่นวายมากเกินไปจนเขาอยากล้มกระดานบิดาให้คว่ำ!
----------------------
ในเวลาต่อมา ห้องนอนภายในคฤหาสน์กว้าง เด็กหนุ่มจากเมืองไทยสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนเตียง อเล็กซานเดอร์ยืนกอดอกมองนิ่ง เขากลับจากที่ทำงานเพราะได้รับรายงานจากลูกน้องว่าจับตัว ‘เด็ก’ ของน้องชายต่างมารดามาแล้ว แต่ดูท่าการปฏิบัติงานครั้งนี้จะเกิดการผิดฝาผิดตัว เมื่อคนที่ได้ตัวมานั้นคือคนน้อง ไม่ใช่คนพี่ที่บิดาของเขาต้องการตัว
เด็กหนุ่มบนเตียงช่างแตกต่างจากเขานัก ตัวเพรียวบาง ผิวขาวละเอียด นี่ไม่ใช่เวลามาพินิจพิเคราะห์ แต่ดูเหมือนเขาจะว่างจัดที่ยังคงมองสำรวจตรวจตราไม่เลิก ใบหน้ายามหลับยังดูรั้น อยากจะรู้เสียจริงว่าหากตื่นขึ้นมาแล้วจะเป็นแบบไหน น้องชายของคนที่ยอมทอดกายขัดดอกกับอลัน อาจจะไม่ต่างกันเลยก็เป็นได้ หากเขาเสนอค่าตอบแทนให้เพียงเศษเบี้ยคงรีบตะครุบแทบไม่ทันกระมัง ความคิดด้านลบของอเล็กซานเดอร์ยังคงเส้นคงวา เขาถูกเสี้ยมสอนมาแบบนั้น การมองโลกในแง่ดีไม่ทำให้สามารถยืนอยู่บนโลกธุรกิจได้
คนบนเตียงเริ่มขยับตัว อเล็กซานเดอร์ยังคงปักหลักไม่ไปไหน เมื่อเด็กหนุ่มฟื้นคืนสติขึ้นมาเห็นเขา สายตาหวาดหวั่นก็ปรากฏให้เห็น ริมฝีปากหนายิ้มเหยียดเมื่อเอ่ยคำ
“ยินดีต้อนรับ พิชญ พฤทธาการ”
หลังจากวันที่ได้ทำความรู้จักกันพิชญก็แผลงฤทธิ์จนน่าปวดหัว แต่อเล็กซานเดอร์กลับไม่ได้รำคาญใจที่ได้ต่อล้อต่อเถียง เวลาเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นกลัวแต่ทำปากกล้ามันน่าแกล้ง น่าขย้ำให้จมเขี้ยว มีพิชญอยู่ด้วยก็ไม่เลวนัก ชายหนุ่มไม่ได้ไปหาเกวนเท่าก่อนหน้าที่เทียวไปเทียวมาบ่อยๆ แต่ยังคงความสำคัญเอาไว้ในฐานะว่าที่คู่หมั้นตามสมควร
อเล็กซานเดอร์ออกจากห้องที่ให้พิชญอยู่ในกลางดึกคืนหนึ่ง เจฟฟรี่ยังคงทำหน้าที่ของตนเองอยู่ ร่างสูงใหญ่หยุดลงเมื่อสายตาเหลือบเห็นบอดีการ์ดคนสนิทของตนถอนใจ
“อะไร?” เสียงห้วนห้าวเอ่ยถามไม่พอใจนักกับท่าทีของบอดีการ์ดตน
เจฟฟรี่ยักไหล่เล็กน้อย ไม่ตอบคำถามนั้น ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลฉายแววขุ่น ก่อนร่างสูงใหญ่จะก้าวยาวๆเพื่อกลับห้องของตนเองต่อไป เจฟฟรี่ก้าวตามไปส่งเพื่อทำหน้าที่ของตนในวันนี้ให้เสร็จสิ้นลง
--------------------
ความห่างเหินระหว่างอเล็กซานเดอร์และอัลเบิร์ตมีมากขึ้นเมื่อต่างคนต่างปิดกั้น ยิ่งอเล็กซานเดอร์เจอสิ่งถูกใจใหม่ ยิ่งทำให้พวกเขาห่างไกลกันออกไปอีก เมื่อเจออัลเบิร์ตครั้งที่มาเจฟเฟอร์สัน ท่าทีเฉยชาที่เห็นจนชินตายังทำให้เจ้านายหนุ่มขุ่นใจได้ทุกครั้ง
เมื่ออเล็กซานเดอร์จะกลับ ทุกครั้งอัลเบิร์ตจะต้องออกมาส่ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน อเล็กซานเดอร์ไม่ได้ขึ้นรถไปเฉยๆอย่างเคย ร่างสูงใหญ่ยังคงยืนเผชิญหน้ากับบอดีการ์ดของตน เพราะเขามีเรื่องอยากบอก
“นายไม่อยู่ก็ดีเหมือนกัน” เป็นการเกริ่นนำที่เรียกความสนใจได้ดี เมื่ออัลเบิร์ตเหลือบสายตาขึ้นมามองเขานิ่ง
“จะได้ไม่มีสายตาแบบนี้ของนายคอยมองเวลาที่ฉันอยู่กับ...คนอื่น...”
อัลเบิร์ตนิ่งงันกับสิ่งที่อีกคนพูดมา คนอื่นที่ว่าหมายถึงใครกัน เขาไม่รู้จุดประสงค์ของอเล็กซานเดอร์คืออะไร แต่หากต้องการให้เขาเจ็บกับคำพูดนั้น ตอนนี้มันสำเร็จแล้ว การที่อเล็กซานเดอร์มีเกวนเป็นคู่หมาย เขาเข้าใจและยอมรับมัน แต่ครั้งนี้อเล็กซานเดอร์กลับตอกย้ำเขาถึงความด้อยค่า ความเจ็บแปลบในใจที่เกิดขึ้นนี้อัลเบิร์ตพยายามอย่างยิ่งที่จะกดมันลงไป
“เขาต่างจากนายมากรู้ไหม?”
“.........” อัลเบิร์ตยังคงเงียบ ทั้งที่ใจมันเจ็บร้าวไปหมด
“ดูแลว่าที่คู่หมั้นฉันให้ดีล่ะ”
ทิ้งท้ายเพียงเท่านั้นแล้วร่างสูงใหญ่ก็ขึ้นรถไป คงไม่ทันได้เห็น และไม่มีวันได้เห็น น้ำตาที่มันไม่เคยไหลตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตอนนี้มันกำลังไหลเพราะคำพูดไม่กี่คำจากคนร้ายกาจที่ชื่ออเล็กซานเดอร์
“ไม่อยากจะยุ่งหรอกนะอเล็กซ์” เจฟฟรี่เอ่ยขึ้นมาเมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์เจฟเฟอร์สัน ทิ้งเพื่อนบอดีการ์ดเขาไว้เพียงเบื้องหลัง
“งั้นก็หุบปากไป” อเล็กซานเดอร์ว่า
เจฟฟรี่ถอนใจเฮือกกับการกวนของอีกฝ่ายที่เพียงแค่เขาเอ่ยปากก็สวนกลับมาในทันใด บอดีการ์ดหนุ่มเหลือบมองเจ้านายผ่านกระจกมองหลังแล้วกวนกลับ
“พอดีว่าเกิดอยากยุ่งขึ้นมากะทันหัน”
ตาสีฟ้าปรายมองคนพูด แต่เจฟฟรี่มีหรือจะกลัว เพราะเขามันก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว มั่นใจว่ารู้จักอเล็กซานเดอร์ดีพอสมควร รู้ว่าแค่ไหนถึงจะเกินเลยขอบเขตที่ไม่ควรล้อเล่น
“ไม่รู้คุณจะทำร้ายใจอัลเบิร์ตไปทำไม แต่ผมอยากบอกอะไรไว้อย่าง...”
บอดีการ์ดหนุ่มแกล้งเว้นจังหวะ พอเห็นสายตาขวางขุ่นของผู้เป็นนายที่มองจ้องผ่านกระจกมาเจฟฟรี่จึงได้พูดต่อ
“ถ้าคุณยังทำตัวแบบนี้ อัลไปจากคุณแน่”
“ใครสนกัน?” อเล็กซานเดอร์ไม่ยี่หระ
“คุณไง” เจฟฟรี่ตอกกลับ
“เหอะ!”
มุมปากบอดีการ์ดหนุ่มยกยิ้มเมื่อผู้เป็นนายจบการต่อคำกับตนเพียงเท่านั้นแล้วหันออกไปมองนอกรถ พวกปากไม่ตรงกับใจ ปากอย่างใจอย่าง เมื่อเสียไปแล้วจะรู้สึก
โปรดติดตามตอนต่อไป
มาก่อนเวลาหนึ่งวัน เย้เย~
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์เช่นเคยค่ะ บวกและบวกให้ทุกท่าน
วันใหม่ค่ะอัลยังเจ็บได้อีกกกกกนี่มันยังน้อยไปปปปปปป ฮืออออออ คุณวันใหม่ใจร้าย
แงงงงงงง เค้าเปล่านะ จะมีสิ่งใดที่จะมาฉุดรั้งความเกลียดที่ชั้นมีต่ออเล็กซ์ได้บ้างนะ
ย๊ากก ว๊ากกก โว๊ยยยย
ส่งฮอลล์คูลไป!