[Pontz x Joe]Forgotten Love รักที่ถูกลืม II:ฝากนิยายเรื่องใหม่หน่อยค่า:15/05/20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

เรื่องต่อไป>>>>

ไปป์ พลัสเตอร์
12 (19.7%)
ลิ้ม ท็อปเทล
4 (6.6%)
พีเจ ดล
12 (19.7%)
เมฆ แน็ต
25 (41%)
ฮอร์น
5 (8.2%)
ฮาว (น้องฮอร์น)
3 (4.9%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 52

ผู้เขียน หัวข้อ: [Pontz x Joe]Forgotten Love รักที่ถูกลืม II:ฝากนิยายเรื่องใหม่หน่อยค่า:15/05/20  (อ่าน 158397 ครั้ง)

ออฟไลน์ loveaaa_somsak

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-3
รออ่านอยู่เสมอ และจะตามไปอ่านเรื่องใหม่ครับ

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ปีใหม่นี้...


ขอให้คนอ่านทุกคน สุขท่วมท้น ~

คิดอะไรก็ขอให้ได้แบบนั้น
  :katai5:


รักคนอ่านนะจ๊ะ  :mew1:


*Special พรุ่งนี้เน้อออออ  :katai2-1:*







KATIEZZ

ออฟไลน์ Khan_htt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตามอ่นตั้งแต่ภาคแรกแล้วชอบโจมากๆ o18

spiz_zews

  • บุคคลทั่วไป
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: คนเเต่งหายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :o12: :o12:
เค้ารออ่านอยู่น้าาาาาา :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ หมูน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ปีใหม่ผ่านแล้ว
 .......คนเขียนคะ ถ้าว่างแล้วมาต่อด้วยน้าาาา

สุขสันต์ปีใหม่คะ  (แรมต่ำ ช้าไปนิด 555)

poiy00123

  • บุคคลทั่วไป
รีบมาต่อนะครับ  :z3: :m15: :hao5:

ออฟไลน์ nokhook

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ Nunutrsl28

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :m1: รอติดตามอยู่นะคร่าาาา

ออฟไลน์ Ali$a฿eth

  • [จิ้น]ตนการ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
ว๊ายยย มาติดตามใหม่คะ  สนุกๆ

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ ที่หายไปร่วมเดือนขนาดนี้  :hao5:

แบบว่า รอบนี้ คอมอาการหนักมาก เลยตัดสินใจว่า ซ่อมให้มันดีเริ่ดไปเลย ซ่อมทุกอย่างที่ซ่อมได้  :katai4:

มันก็เลยกินเวลามากกกกกกก (จนเริ่มสงสัยว่ายังมีซากอยู่มั้ยย??)

แต่สัญญาว่าถ้าได้คอมคืน จะรีบอัพทันทีนะคะ  :katai5:










KATIEZZ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Khan_htt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จะรออ่าน้าาาาาาา  :call: :call:

ออฟไลน์ happy-jigsaw

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
เข้ามาแปะป้าบ อันที่จริงตอนไม่มียูสก็อ่านภาค 1 ไปเรียบร้อย เดี๋ยวเขากลับไปอ่านใหม่ก่อน เอาตอนที่หวานกันหนักๆ

ภาคนี้จะได้เกลียดพระเอกแบบหนักๆ โฮ่ๆๆ

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
The End






[Pontz x Joe]






[Joe]







"โจ ถึงแล้ว" ป๊อนซ์สะกิดไหล่ผมเบาๆก่อนที่รถจะจอดนิ่งสนิทที่หน้าประตูกลางของบ้าน

“อ๋ออ อือๆ" ผมพยักหน้ารับก่อนจะเอากระเป๋าตังค์กับไอโฟนมาถือไว้แล้วเอื้อมมือไปเปิดประตู แต่กลับโดนอีกมือหนึ่งรั้งเอาไว้พร้อมกับกระชากเข้าไปจนใกล้

“เดินไหวมั้ยครับ? ให้ป๊อนซ์อุ้มมั้ย?” ป๊อนซ์กระซิบถามเบาๆพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก

“พ่อมึง!” ผมตอบกลับสั้นๆก่อนจะสะบัดแขนออกแล้วเดินลงจากรถอย่างรวดเร็ว

“เชี่ยป๊อนซ์ แม่งง" ผมเดินจับแก้มพร้อมกับพึมพำออกมาเบาๆอย่างอารมณ์เสีย

“อ้าว หนูโจ" แม่ไอ้ป๊อนซ์ที่เดินออกมาจากห้องครัว วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะข้างๆบันไดก่อนจะทักขึ้น

“....” ผมนิ่งก่อนจะหันกลับไปมองหน้าแม่ไอ้ป๊อนซ์แล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“ทำไมเพิ่งกลับมาล่ะ?” แม่ป๊อนซ์ชะงักไปกับท่าทีของผมนิดนึงก่อนจะปรับอารมณ์ให้เหมือนเดิมแล้วถามต่อทันที

“เพิ่งเสร็จ"ผมตอบกลับไปสั้นๆ ให้สื่อความหมายกำกวมเล็กๆก่อนจะหันกลับและเดินไปยังห้องโดยไม่สนใจแม่ไอ้ป๊อนซ์ที่เดินหน้าเหวออยู่ด้านหลัง



“ไปพูดอะไรกับแม่กูมาอีกล่ะครับ ไอ้ดื้ออ" ป๊อนซ์เดินเข้ามาก่อนจะนั่งลงบนเตียงช้าๆ

“แม่มึงบอกอะไรมาอีกล่ะ?” ผมเอาหน้าซุกหมอนหนีก่อนจะตอบกลับไปเบาๆ

“เปล่าซะหน่อย" ป๊อนซ์ตอบกลับด้วยเสียงกลั้วหัวเราะนิดๆก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ

“ป๊อนซ์มึงโกรธกูมั้ย?” ผมพลิกตัวกลับมาหาป๊อนซ์ก่อนจะยันตัวขึ้นไปนอนหนุนตักมัน

“เรื่อง?” ป๊อนซ์ชะงักมือก่อนจะถามขึ้น

“ก็กูกับแม่มึงไง" ผมตอบกลับไปเบาๆก่อนจะหันหน้าเข้าซุกกับท้องของป๊อนซ์

“หึๆ จะโกรธทำไม อย่าคิดมาก" ป๊อนซ์หัวเราะนิดๆกับคำถามของผมก่อนจะตอบกลับมาพร้อมกับจูบบนหัวผมเบาๆ

“ป๊อนซ์รักกูมั้ย?” ผมพลิกตัวกลับมาจ้องตาไอ้ป๊อนซ์ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ไม่" รอยยิ้มบนหน้าป๊อนซ์ค่อยๆหายไปก่อนจะเปลี่ยนเป็นความเย็นชามาแทนที่ สีหน้าที่ผมได้รับมาตลอดหลังจากที่ป๊อนซ์ความ
จำเสื่อม แถมยังมีคำตอบที่เป็นคำพูดสั้นๆที่สามารถทำให้น้ำตาผมไหลออกมาได้อย่างง่ายดาย

ผั่วะ!

ผมเอื้อมมือไปต่อยหน้าป๊อนซ์อย่างแรงก่อนจะลุกขึ้นทันที

“เฮ้ยย ดื้อ จะไปไหน?” ป๊อนซ์ที่เหมือนจะเพิ่งได้สติรีบคว้าข้อมือผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะเดินไปถึงประตู

“ปล่อย!” ผมตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับพยายามะบัดมือออก แต่ก็กลับสู้แรงของอีกฝ่ายไม่ไหว

“โจ คือ กู.....”

“กู บอก ให้ ปล่อยย ! ฮึกก ปล่อยดิวะ ปล่อยยยยย!” ผมตะโกนออกมาเสียงดัง พร้อมกับดิ้นหนีสัมผัสของป๊อนซ์อย่างบ้าคลั่ง

“โจ โจ ตั้งสติหน่อย ดื้ออออ" ป๊อนซ์ดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่นจนผมไม่สามารถจะขยับตัวได้ ก่อนจะพูดคำปลอบใจผมเบาๆ

“ฮือออ ไม่ ฮึกก อย่า อย่าไม่รักกู ฮืออออ" ผมซุกหน้าลงกับไหล่ป๊อนซ์อย่างหมดแรง

“กูแค่ล้อเล่นเองโจ" ป๊อนซ์ดึงตัวผมออกก่อนจะพูดกลับมาเสียงงงๆ

ผั่วะ!

“มันใช่เรื่องเล่นมั้ย?” ผมต่อยมันไปจนหน้าหันก่อนจะตะคอกด่าไปอีกหนึ่งที แม่งเชี่ยป๊อนซ์!

“โอ๊ยยย ต่อยกูสองครั้งแล้วนะดื้อ" ป๊อนซ์เอามือจับแก้มข้างที่เพิ่งจะโดนต่อยไปก่อนจะช้อนตาขึ้นมองผมอย่างงอนๆ

“กูกำลังจะต่อยเป็นครั้งที่สาม ถ้ามึงยังทำหน้าแบบนั้นอยู่" ผมพูดขู่ก่อนจะกระแทกตัวลงนั่งบนเตียงแรงๆแสดงให้เห็นว่าอารมณ์
โกรธยังไม่หายไป

“โอ๋ๆๆๆ ไม่งอนๆ นี่ก็จะเช้าแล้วนะดื้อ ไปอาบน้ำแล้วมานอนดีกว่าเนอะ" ป๊อนซ์เช็ดน้ำตาที่แก้มของผมออกอย่างนุ่มนวล เปลี่ยนเรื่องนี่เก่งนักนะมึง

“อืมๆ แต่กูขอร้องอย่าล้อเล่นแบบนี้อีก กูไม่ชอบ" ผมพูดเสียงนิ่งๆก่อนจะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป





“วันนี้ไปเที่ยวไหนกันดี?” ป๊อนซ์ยื่นหน้าข้ามชามข้าวต้มมาถามผมจนเกือบจะติดกับจมูกผมอยู่ละ

“ใกล้ไป" ผมพูดเสียงนิ่งๆก่อนจะเอามือดันหัวมันออก

“อื้ออ ตกลงไปไหนดี??” ป๊อนซ์ทำสีหน้าขัดใจออกมานิดๆก่อนจะถามคำถามเดิมซ้ำอีกรอบ

“ทะเล" ผมตอบกลับไปสั้นๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเพื่อรอคำตอบ

“ได้ๆ อยากไปอยู่เหมือนกัน งั้นเดี๋ยวกินข้าวกันเสร็จก็ไปกันเลย" ป๊อนซ์ตอบกลับด้วยความกระตือรือร้น เรียกรอยยิ้มจากผมได้ไม่
น้อย

“แล้วไม่ต้องจัดของจัดอะไรเลยเหรอ?”

“ไม่ต้อง เพราะกูจัดไว้ตั้งแต่เมื่อวานละ" ป๊อนซ์ตอบพร้อมกับฉีกยิ้มจนกว้างก่อนจะชี้ไปด้านหลังของผม

ผมหันตามนิ้วของป๊อนซ์ไปก็เจอกับกระเป๋าเดินทางสองใบกับกระเป๋าผ้าเล็กๆอีกสองสามใบตั้งอยู่ข้างๆกัน

“เฮ้ยย ตอนไหน?” ผมแสดงสีหน้าแปลกใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“จะรู้ไปทำไม กินข้าวไปๆ" ป๊อนซ์ยิ้มกลับมาแทนคำตอบ

มึงนี่ก็มีมุมน่ารักๆกับคนอื่นเค้าเหมือนกันนี่





“ป๊อนซ์มีน้ำยัง?” ผมถามขึ้นหลังจากนั่งรถออกมาจากบ้านได้พักใหญ่ๆ

“เออว่ะ ลืม" ป๊อนซ์ตอบกลับมางงๆ

“งั้นเดี๋ยว แวะเซเว่นที่ปั๊มด้านหน้าตรงนั้นละกัน" ผมพูดเสนอความเห็นเพราะถ้าจำไม่ผิด เลยจากปั๊มนี้ไป ก็จะไม่มีปั๊มละ

“อ่าๆ ครับผมมม"




“โจมึงไปซื้อน้ำนะ เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อน" ป๊อนซ์สะกิดบอกผมก่อนจะยืนบิดไปบิดมา

“ก็ไปดิ มายืนบิดแบบนี้น่าเกลียด" ผมรีบออกปากไล่มันไปทันทีที่เห็นท่าทางอุจาดๆของมัน

“ฮ่าๆๆ" ป๊อนซ์หัวเราะออกมาเสียงดังกับท่าทางของผมก่อนจะรีบวิ่งไปทางห้องน้ำทันที

ผมส่ายหัวกับท่าทางเด็กๆของมันก่อนจะเดินเข้าเซเว่นเพื่อไปซื้อของที่จำเป็นต้องใช้

“อันนี้ใช้ อันนี้ไม่ต้องก็ได้ อืมมม เอาอันนี้ด้วยดีกว่า...” ผมพึมพำกับตัวเองระหว่างที่กำลังเลือกของอย่างมีความสุข ก่อนจะเดินแบกตะกร้าที่หนักราวกับใส่หินไว้ไปตั้งบนเคาท์เตอร์เพื่อคิดเงิน

“ทั้งหมด หนึ่งพันสามร้อยยี่สิบเจ็ดบาทค่่ะ"

“อ่ะ นี่ครับ" ผมยื่นแบงค์พันไปให้สองใบก่อนจะหยิบของมาถือเอาไว้

“รับมาสองพันบาทนะคะ นี่ค่ะเงินทอน"

“ขอบคุณครับ" ผมรับตังค์ทอนมาใส่กระเป๋าก่อนจะเดินหิ้วของพะรุงพะรังออกมานั่งรอไอ้ป๊อนซ์ที่ม้าหินอ่อนหน้าเซเว่น

“ไอ้หนุ่ม" เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ผมต้องหันกลับไปมองด้วยความสงสัย

“ครับ?” เมื่อหันกลับไป ผมก็พบกับคุณลุงอายุประมาณ  70 ปีคนนึงกำลังยืนมองผมอยู่

“ลุงดูดวงให้เอามั้ย?” ลุงแกพูดพร้อมกับส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้ผม

“ไม่เป็นไรครับ" ผมตอบกลับไปแบบเกรงใจนิดๆ เพราะว่าผมเป็นคนที่ไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องโชคเรื่องดวงสักเท่าไหร่

“อ๋อ งั้นก็ไม่เป็นไร โชคดีนะไอ้หนุ่ม" ลุงแกยกมือขึ้นเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไป

ตุบ!!

“เฮ้ยย ลุง" จู่ๆลุงแกก็ล้มลงนอนบนพื้นข้างๆโต๊ะม้าหินอ่อนที่ผมนั่งอยู่

ผมรีบลุกขึ้นไปพยุงแกให้ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้แล้วเอาหนังสือที่จะซื้อไปอ่านเล่นมาพัดให้ลุงแกก่อน

“เป็นอะไรรึเปล่าลุง?” ผมถามเมื่อเห็นว่าลุงดูอาการดีขึ้น

“ลุงหน้ามืดนิดหน่อย พอดีว่าลุงไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวานแล้ว" ทันทีที่สิ้นคำพูดของคุณลุงคนนั้นผมก็รู้สึกเหมือนขอบตาร้อนๆ
ขึ้นมาทันที

“เอ่อ งั้นเดี๋ยวลุงรอผมแป๊ปนึงนะ" ผมบอกลุงก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินไปซื้อข้าวที่อยู่ใกล้ๆใส่กล่องมาหนึ่งกล่อง



“อ่ะนี่ครับลุง" ผมยื่นกล่องข้าวพร้อมกับน้ำอีกหนึ่งขวดไปให้

“ขอบใจมากนะพ่อหนุ่ม" ลุงยกมือขึ้นไหว้ผมท่วมหัวจนผมต้องรีบบอกให้แกเลิกทำเพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรเลย

“ไม่เป็นไรครับลุง" ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มบางๆไปให้

“โจ นั่นใครอ่ะ?” ป๊อนซ์เดินเข้ามาโอบไหล่ผมเอาไว้พร้อมกับจ้องไปที่ลุงคนนั้นอย่างเอาเรื่อง

“เชี่ยป๊อนซ์ ลุงแกไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อวานแล้ว กูเลยไปซื้อข้าวมาให้" ผมฟาดไหล่มันเบาๆก่อนจะหันไปกระซิบบอกมัน

“อ๋อ แล้วไงเสร็จยัง? ไปได้แล้ววว" ป๊อนซ์ทำท่าอ้อนจนผมรู้สึกอายลุง แต่พอหันไปก็พบว่าลุงแกก็กำลังยิ้มกับท่าทางของไอ้
ป๊อนซ์อยู่เหมือนกัน

“ลุงครับ ผมต้องไปแล้ว งั้นเดี๋ยวผมให้ตังค์ลุงไว้ด้วยแล้วกันนะ อ่ะนี่ครับ" ผมพูดพร้อมกับยื่นตังค์ไปให้ลุงแกพันนึง

“โอ๊ยย ลุงรับไว้ไม่ได้หรอกพ่อหนุ่ม แต่ถ้าจะแลกกับการที่ลุงดูดวงให้ลุงก็โอเคนะ" ลุงแกยกมือขึ้นปฏิเสธ ผมจึงหันไปหาป๊อนซ์
เพื่อขอคำปรึกษา

“ก็ให้ลุงแกดูไปเหอะ ดูเลยลุง ให้แม่นนะ" ป๊อนซ์จับมือผมยื่นไปให้ลุงคนนั้นก่อนจะกอดอกแล้วนั่งมองการดูดวงของลุงเงียบๆ

“อืมม ช่วงนี้ไม่ควรไปยุ่งในที่ที่เกี่ยวกับน้ำ มันจะเป็นอันตราย อาจถึงชีวิต" ผมหันไปมองป๊อนซ์ทันทีที่สิ้นคำพูดของคุณลุงคนนั้น

“ป๊อนซ์..” ผมเรียกชื่อมันเบาๆแต่มันก็บีบไหล่ผมกลับเพื่อเป็นการให้กำลังใจ

ถึงผมจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้ แต่พอลุงแกมาทักเอาวันที่ผมกำลังจะไปทะเลแบบนี้ผมก็เอดกลัวไม่ได้เหมือนกัน

“แล้วไงต่อลุง?” ป๊อนซ์ถามต่อเสียงนิ่ง

“อืมมม เรื่องอื่นก็ดีหมดเลยนะ" ลุงพูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม

“งั้นขอบคุณมากนะลุง ไปละ" ป๊อนซ์หยิบของทั้งหมดไปถือไว้เองก่อนจะดึงมือผมให้เดินตามไปที่รถ

“ป๊อนซ์" ผมเรียกชื่อมันเบาๆ

“หมอดู คู่กับหมอเดาโจ ทำใจให้สบาย แล้วก็คิดว่ามันไม่จริง" ป๊อนซ์หยุดเดินก่อนจะหันกลับมาพูดกับผมแล้วก้มลงหอมแก้มให้
กำลังใจผมเบาๆ

“อืม" กูพยายามจะคิดว่ามันไม่จริงแล้วกันนะป๊อนซ์





“โหววว ทะเลสวยว่ะ" ผมลดกระจกลงก่อนจะยื่นหน้าออกไปรับลม

“ทำท่าแบบนั้น แม่งเหมือนหมาเลยโจ" ป๊อนซ์พูดพร้อมกับลดความเร็วของรถให้ช้าลงเพื่อจะได้ไม่เป็นอันตรายกับผม

“ปากนะมึง" ผมหันไปดึงหูมันหนึ่งทีก่อนจะหันกลับมาดื่มด่ำกับธรรมชาติต่อ

“ชอบอ่ะดิ"

“อืมมม ชอบมากกกกกก" ผมพูดร้อมกับยื่นแขนออกไปรับลมด้านนอก

“กูก็ชอบนะ"

“อืมมม" ผมครางรับในลำคอก่อนจะหลับตาลงช้าๆ

“กูชอบมึง" ผมลืมตาโพลงก่อนจะหันกลับไปหาป๊อนซ์ทันที

“อะไรของมึงเนี่ย?”

“ก็แค่อยากบอก เห็นบรรยากาศแม่งได้"

“เหอะ" ผมย่นจมูกใส่มันไปก่อนจะเอาหน้าออกไปรับลมต่อ

“โจอย่ายื่นหน้าออกไปมากนักนะ ดูรถด้วย" ป๊อนซ์พูดเตือนเมื่อเห็นว่าผมออกไปจากรถครึ่งตัวแล้ว

“คร้าบบบบบบบ" ฮ้าาา มีความสุขจัง

ความสุขแบบนี้จะอยู่กับเราไปได้นานแค่ไหนนะ??





“ป๊อนซ์จะไปไหน?” ผมตะโกนถามเมื่อเห็นว่ามันรีบโยนของลงกับพื้นก่อนจะวิ่งออกไปหน้าบ้าน
บ้านที่เรามาพักนี้เป็นบ้านพักตากอากาศของบ้านไอ้ป๊อนซ์ เป็นบ้านหลังเล็กๆ มีสองชั้น เป็นกระจกเกือบทั้งหลัง ดูทันสมัยและเรียบง่ายไปในหลังเดียวกัน

“เล่นน้ำกัน" ป๊อนซ์หันกลับมาฉีกยิ้มกว้างให้ผม

“ชุดนั้นอ่ะนะ?” ผมถามพร้อมกับชี้ไปที่มัน ซึ่งตอนนี้อยู่ในชุดที่ไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำเลย เสื้อไหมพรมถักสีขาวบางๆกับกางเกง
ยีนส์เดฟขาดๆสีดำ

“เออลืม งั้นเปลี่ยนชุดก่อนละกัน มึงก็ด้วย" ป๊อนซ์พูดก่อนจะหันมาสั่งผม

“อืมๆ" ผมพยักหน้ารับก่อนจะเปิดกระเป๋าเพื่อหาชุดที่เหมาะจะใส่เล่นน้ำ

เสื้อกล้าม กางเกงบอลนี่แหละ




“ไปกันเหอะ" ผมวิ่งถือห่วงยางลงมาจากชั้นบนอย่างร่าเริง

“นานซะ" ป๊อนซ์เงยหน้าขึ้นจากไอโฟนก่อนจะบ่นเสียงดัง

“ก็กูหาห่วงยางอยู่ แล้วนั่นคุยกับสาวที่ไหนอ่ะ?” ผมพูดพร้อมกับหรี่ตามองป๊อนซ์อย่างจับผิด

“คุยกะไอ้ไปป์" ป๊อนซ์ตอบพร้อมกับย่ืนไอโฟนมาตรงหน้าผม

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ไปกันเหอะ" ผมกวาดตามองหน้าจอไอโฟนอย่างละเอียดก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

“อืมมม" ป๊อนซ์เอาไอโฟนตั้งไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับผม

“วันนี้แต่งตัวหล่อเว้ยยย" ผมหันไปแซวป๊อนซ์ที่วันนี้ ใส่เสื้อกล้ามสีดำไว้ด้านในและทับด้วยเชิ้ตขาวบางๆพับแขนครึ่งศอกด้าน
นอก กับกางเกงสีครีมสั้นประมาณเข่า รวมๆแล้ว แม่งคุณชายมากอ่ะ

“ของมันแน่ แต่กูว่ากูไม่ใส่อะไรเลย โอเคสุด หรือมึงจะเถียง?”

“ไอ้หื่นนนนน ป๊อนซ์" ผมวิ่งไล่ไอ้ปากเสียที่แม่งพูดอะไรไม่เคยจะสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆตามแนวยาวของหาด

“แน่จริงก็ตามมาให้ทันดิ" ป๊อนซ์หันกลับมาตะโกนท้าผมก่อนจะวิ่งลงน้ำไป

“ฮ่าๆๆๆ ได้คิดว่าแค่นี้จะหนีพ้นเหรอ?” ผมเอาห่วงยางใส่ไว้ที่เอวก่อนจะจับไว้แน่นแล้ววิ่งพุ่งลงทะเลตามไอ้ป๊อนซ์ไปทันที

“อืมม ช่วงนี้ไม่ควรไปยุ่งในที่ที่เกี่ยวกับน้ำ มันจะเป็นอันตราย อาจถึงชีวิต"

คำพูดของลุงดังลอยเข้ามาในโสตประสาทของผมทำให้ผมชะงักเท้าที่กำลังจะแตะน้ำเอาไว้ก่อนจะถอยกลับช้าๆ

“ตามมาดิ! ตามมาดะ.. โจ" ป๊อนซ์หันกลับมาเรียกผมเสียงดัง ก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นท่าทางของผม

“ป๊อนซ์ กู...” ผมมองป๊อนซ์พร้อมกับส่ายหน้าไปมาเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าผมจะไม่ลงไปในน้ำเด็ดขาด

“โจ...” ป๊อนซ์วิ่งกลับมาหาผมอย่างรวดเร็วก่อนจะดึงผมที่ยืนตัวเกร็งเข้าไปกอดจนแน่น

“ป๊อนซ์ กูจะตายเหมือนที่ลุงแกบอกมั้ย?” ผมถามพร้อมกับมองทอดไปยังทะเลด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ไม่เด็ดขาด! ไม่มีวัน!”  ป๊อนซ์กอดผมแน่นขึ้นกว่าเดิมก่อนจะดันตัวผมออกแล้วจ้องเข้ามาในตาของผม

“....” ผมจ้องไม่กลับด้วยสายตาสั่นๆ

“กูรักมึง และนั่นคือเหตุผลที่กูจะปกป้องมึงด้วยชีวิต" ป๊อนซ์พูดก่อนจะก้มลงมาประทับริมฝีปากลงบนปากของผมด้วยความแผ่ว
เบา ก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นรุนแรงและแนบแน่นขึ้นเหมือนจะเป็นการย้ำคำพูดของป๊อนซ์เอง

“อื้ออออ" ผมบีบไหล่ป๊อนซ์เพราะถ้านานกว่านี้ไปอีกนาทีผมคงได้ตายเพราะจูบแทนตายเพราะน้ำแน่ๆ ><”

“อ่าาา หวานจริงๆ แฟนใครก็ไม่รู้" ป๊อนซ์ผละออกก่อนจะพูดล้อเลียนพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาเขี่ยเล่นที่แก้มของผม

“บ้า...เฮ้ยย!!!” ผมตีแขนมันเบาๆก่อน จะแหกปากออกมาเสียงดังเพราะตอนนี้ผมลงมายืนในทะเลที่น้ำประมาณเอวของผม กูลง
มาได้ไงว่ะ??

“ก็กูบอกแล้ว ตราบใดที่กูยังอยู่ กูก็จะปกป้องมึงเอง" ป๊อนซ์พูดเสียงหวานจนหน้าของผมร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

“น้ำเย็นจัง" ผมเปลี่ยนเรื่องก่อนจะวักน้ำขึ้นมาสาดใส่ป๊อนซ์

“โอ๊ยย ดื้อ เปียกกก" ป๊อนซ์พูดก่อนจะเอามือขึ้นปาดน้ำบนหน้าออก

“โหวว กางเกงมึงเปียกหมดแล้วเหอะ" ผมบอกพร้อมกับบุ้ยปากไปที่กางเกงของมัน

“เออว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ" ป๊อนซ์ก้มลงมองกางเกงก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

ผมมองรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของป๊อนซ์แล้วอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ มันเป็นรอยยิ้มที่สดใสเหมือนดอกไม้ที่ได้รับแสงอาทิตย์และ
ได้เบ่งบานอย่างเต็มที่

“ยิ้มไรอ่ะ มองเค้าแล้วยิ้มแบบนั้น เค้าคิดนะเว้ยยย" ป๊อนซ์ทำท่าดัดจริตเต็มกำลังก่อนจะผลักผมนิดๆ

“คิดไร คิดไปเองอ่ะดิ" ผมตอกกลับก่อนจะผลักไอ้ป๊อนซ์เต็มแรง

ตู้ม!!!!

เสียงป๊อนซ์กระแทกน้ำดังสนั่น พร้อมกับละอองน้ำที่กระเซ็นออกมาจนผมต้องหันหน้าหลบ

“.....” นิ่ง เงียบ ทุกสิ่งทุกอย่างดูเงียบสงบเกินไป

“ป๊อนซ์...” ผมเรียกป๊อนซ์อย่างเลื่อนลอย

“.....” แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังเงียบเหมือนเดิม ไม่มีเสียงตอบจากป๊อนซ์เลยแม้แต่น้อย

“ป๊อนซ์!!” ผมตะโกนเรียกป๊อนซ์สุดเสียงจนได้เสียงสะท้อนก้องดังไปทั่วทั้งบริเวณ

“......” มีเพียงเสียงคลื่นเป็นคำตอบให้กับผม

“ฮึกก ป๊อนซ์ ไอ้ป๊อนซ์ ฮือออออ" ผมเริ่มเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวาย ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวอย่างเสียสติ

บุ๋งๆๆๆ

เสียงฟองอากาศผุดขึ้นข้างๆตัวผม ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาก่อนจะหันไปมองนิ่งๆ

“อ้าาาา จะเอ๋!! โอ๊ยยย เกือบหายใจไม่ออก" ป๊อนซ์ผุดขึ้นมาจากตรงนั้นก่อนจะหอบหายใจเข้าอย่างแรง ก่อนจะเอามือค้ำไหล่ผม

เอาไว้

เพี๊ยะ!

ผมปัดมือของป๊อนซ์ออกก่อนจะเดินหนีขึ้นฝั่งไป

“เฮ้ยย ดื้ออออ" ป๊อนซ์เรียกผมเสียงดังพร้อมกับวิ่งตามมาคว้ามือผมเอาไว้

“...” ผมเม้มปากเพื่อกลั้นน้ำตาเอาไว้ก่อนจะหันไปมองหน้ามันนิ่งๆ

“เป็นอะไรไปดื้ออ ร้องไห้ทำไม?” ป๊อนซ์ถามผมด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ

“กูบอกแล้วใช่มั้ย?” ผมถามออกไป พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่นแต่มันก็ยากเหลือเกิน

“คือ...”

“ว่าอย่าเล่นแบบนี้อีก..”

“โจ...” ป๊อนซ์จะดึงผมเข้าไปกอดแต่ผมขืนตัวเอาไว้ก่อนจะผลักจนมันเสียหลักลงไปนั่งกับพื้น

“กูบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าเล่นกับความรู้สึกกูอีก กูบอกมึงแล้วใช่มั้ยย กูบอกมึงแล้วใช่มั้ย !!!!” ผมแผดเสียงออกมาจนดังลั่นไปทั่วบริเวณก่อนจะวิ่งหนีไปตามแนวหาด

“โจ กูขอโทษ" ป๊อนซ์วิ่งตามมาพร้อมกับตะโกนแข่งกับเสียงคลื่นที่กำลังสาดเข้าหาฝั่งอย่างบ้าคลั่ง

“อย่ามาขอโทษ ถ้ามึงยังไม่สำนึก!” ผมตะโกนกลับไป ก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

“โจ กู.. โอ๊ย!” เสียงร้องของป๊อนซ์ทำให้เท้าของผมหยุดก้าวโดยอัตโนมัติ

“ป๊อนซ์...” ผมเรียกมันเสียงแผ่วพร้อมกับหันหลังกลับไปดู

ภาพที่ผมเห็นคือป๊อนซ์ล้มลงนั่งอยู่กับพื้น ที่เท้ามีเลือดอาบอยู่จนชุ่ม

“ป๊อนซ์!” ผมรีบวิ่งกลับไปหาป๊อนซ์ก่อนจะทรุดลงนั่งกับพื้นทันที

“โจ กูไม่เป็นไร" ป๊อนซ์บอกพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม

“ไม่เป็นไรแล้วทำไมเลือดไหลเยอะแบบนี้" ผมถอดเสื้อเชิ้ตของป๊อนซ์ออกก่อนจะเอามาเช็ดเลือดออกอย่างเบามือ

“นิดหน่อยนาา อย่าเถียงกูดิ กูเป็นหมอนะ" ป๊อนซ์จับมือผมเอาไว้ก่อนจะยิ้มบางๆมาให้ผม

“มึงยังไม่จบเลย มึงยังไม่ใช่หมอ มึงยังเป็นนักศึกษาแพทย์อยู่เลย" ผมพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอาบแก้ม

“ฮ่าๆๆๆ กลับห้องกันก่อนดีกว่ามั้ย ที่บ้านมีกล่องปฐมพยาบาล" ป๊อนซ์พูดเตือนสติผมพร้อมกับบีบที่ไหล่เบาๆ

“เออๆๆ กลับบ้านกลับบ้าน" ผมพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะช่วยพยุงให้ป๊อนซ์ลุกขึ้นยืน แล้วเอาแขนมันมากอดไว้ที่คอ ช่วยพยุ่งให้มัน
เดินต่อ

“ฮ่าๆๆ เหตุการณ์มันคุ้นๆนะ ว่ามั้ย?” ป๊อนซ์หัวเราะเบาๆก่อนจะก้มลงมาถามผม

“หืมม??” ผมหยุดเดินก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองมันแบบงงๆ

“ก็ตอน ม.4 ไง ที่กูพามึงมากินอาหารทะเลแล้วมึงโดนแก้วบาดไง" ป๊อนซ์พูดพร้อมกับยิ้มออกมาบางๆ

“อ๋ออ มึงยังจำได้อีกเหรอ?” ผมหันไปถามมันด้วยสีหน้างงๆ

“จำได้ดิ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับมึงกูก็ได้หมดแหละ" ป๊อนซ์พูดเสียงเบา ก่อนจะก้มลงมาจุ๊บบนหน้าผากของผมเบาๆ

“เอ่ออ .. อะไรของมึงเนี่ย เดี๋ยวเลือดก็หมดตัวหรอก รีบๆเดินได้แล้ว" ผมแกล้งโวยวายออกมาเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินของตัว
เอง เก่งจังนะ เรื่องทำให้คนอื่นเขินเนี่ย!




“แสบมั้ย?” ผมเช็ดแอลกอฮอล์รอบๆปากแผลอย่างเบามือ ก่อนจะเงยขึ้นมองหน้าป๊อนซ์แบบกลัวๆ

“ไม่ มือเบาจัง" ป๊อนซ์ส่ายหน้านิดๆพร้อมกับยิ้มให้กำลังใจผม

“แน่นะ แล้วทำไงต่ออ่ะ?” ผมทิ้งสำลีก้อนนั้นลงในถุงก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเพื่อถามป๊อนซ์

“ก็เอาเบตาดีนเช็ดแผลก็โอเคแล้วล่ะ เพราะแผลก็ไม่ได้ลึกอะไรมากมาย"

“อ๋อ อันนี้ใช่มั้ย?” ผมยกขวดยาขึ้นถาม

“ใช่ๆ"

“อืมๆ" ผมพยักหน้าก่อนจะเอาสำลีอันใหม่มาจุ่มลงในขวดยานั้น แล้วเช็ดแผลให้ป๊อนซ์อย่างเบามืออีกครั้ง

“พอแล้วล่ะ" ป๊อนซ์จับมือผมไว้ก่อนจะพยักหน้าให้เป็นเชิงว่าพอแล้ว

“อ๋อ อืมๆ" ผมพยักหน้ารับอีกครั้งก่อนจะทิ้งสำลีนั้นลงในถุง แล้วเอาอุปกรณ์เก็บไว้ที่เดิมจนเรียบร้อย

“โจ หิวน้ำอ่ะ" ป๊อนซ์ตะโกนเข้ามาในห้องขณะที่ผมเอากล่องปฐมพยาบาลเข้ามาเก็บ

“อ่าๆ ได้ เดี๋ยวเอาให้ รอแป๊ปนึงนะ" ผมตะโกนกลับออกไปก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อเปิดตู้เย็นเอาน้ำให้ป๊อนซ์ แต่...

กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินที่เปิดอยู่ ดึงดูดสายตาได้เป็นอย่างดี เนื่องจากตรงกลางมี สร้อยเส้นสีเงินสองเส้น คล้องกันอยู่ เส้นแรกมีจี้
เป็นตัวอักษรตัว P และแน่นอน อีกเส้นนึงมีจี้เป็นตัวอักษรตัว J

“ป๊อนซ์..” ผมตะโกนเรียกชื่อป๊อนซ์

“หืมม ว่าไง?” ความอบอุ่นแผ่ซ่านมาจากอ้อมกอดด้านหลัง ก่อนจะกระซิบตอบกลับที่ข้างหูของผมเบาๆ

“ของมึงเหรอ?” ผมถามพร้อมกับชี้ไปที่กล่องกำมะหยี่นั้น

“อืมม ของคนข้างบ้านมั้ง"

“กวนตีน" ผมตอบกลับอย่างเหวี่ยงๆ

“มา เดี๋ยวใส่ให้" ป๊อนซ์ปล่อยผมออกจากอ้อมกอดก่อนจะเดินมาหยิบกล่องนั้นออกไปตั้งบนโต๊ะ

“ไปซื้อมาตอนไหน?” ผมถามกลับไป แต่สายตาไม่ได้ละจากสร้อยเส้นนั้นเลย

“สั่งทำมาพักใหญ่ๆละ เพิ่งได้" ป๊อนซ์หยิบสร้อยที่มีจี้เป็นตัว J ขึ้นมา

“ช่วงนี้มีเรื่องเซอร์ไพรส์บ่อยนะ" ผมยิ้มที่มุมปากก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองมัน

“ก็ต้องมีกันบ้าง ความรักของเราจะได้มีสีสัน อ่ะ หันหลังเดี๋ยวใส่ให้" ป๊อนซ์พูดก่อนจะทำปากจู๋เป็นเชิงให้ผมหันหลัง

“ไม่ ไม่ใส่เส้นนี้" ผมพูดพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกและส่ายหน้าไปมา

“อ้าวว ทำไมอ่ะ??” ป๊อนซ์ลดมือที่ถือสร้อยลง ก่อนจะถามผมกลับด้วยสีหน้างงๆ

“เราต่างรู้อยู่แล้วว่าเราเป็นใคร ถูกมั้ย?”

“อืม" ป๊อนซ์พยักหน้าตามผมแบบงงๆ

“และเราจะไม่ลืมกันแน่นอนว่าเราเป็นใคร ถูกมั้ย?” ผมถามไปอีกครั้ง

“อ่า อืมๆ" ป๊อนซ์คิดตามก่อนจะพยักหน้าอีกครั้ง

“แต่เราอาจจะลืมกันได้ว่า 'เราเป็นของใคร' เพราะฉะนั้นสลับกันใส่ดีกว่า จะได้เอาไว้เตือนใจว่าเรามีเจ้าของแล้ว เข้าใจที่กูพูดมั้ย?”

“อื้มมมมม ลึกซึ้ง อันที่จริง มึงบอกว่าอยากใส่ ตัวย่อชื่อกูก็บอกมาดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องอ้างเหตุผลเลย" ป๊อนซ์พูดพร้อมกับหยิก
ไหล่ผมแกล้งเบาๆ

“เดี๋ยวต่อยคว่ำเลย" ผมพูดพร้อมกับกำหมัดขึ้นขู่

“ฮ่าๆๆ ล้อเล่นเองที่รัก มาเค้าใส่ให้" ป๊อนซ์ยกมือขึ้นโบกไปมาก่อนจะหยิบสร้อยอีกเส้นขึ้นมาใส่ให้แทน

“โอ๊ยยย!” ทันทีที่ป๊อนซ์ใส่สร้อยให้เสร็จ ผมก็ร้องออกมาทันที

“เป็นอะไร?”

“สัด สร้อยแม่งเย็นชิบหาย" ผมรีบยกสร้อยออกไม่ให้มันสัมผัสคอทันที

“ฮ่าๆๆ ก็กูใส่ตู้เย็นไว้ตั้งแต่ตอนที่มาถึงแล้ว"

“จะซึ้งดีมั้ยเนี่ยยยย?” ผมส่ายหน้ากับการกระทำของป๊อนซ์นิดๆ เฮ้อออออ อยู่กับมึงนี่ปวดหัวที่สุดเลย

แต่ถ้าไม่มีมึง....กูก็คงปวดใจเจียนตายเลยล่ะ


มีต่อด้านล่างจ้าาา >>>



ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
“ป๊อนซ์ เย็นนี้กินไรกันดีอ่ะ?” ผมถามก่อนจะยกนมขึ้นดื่ม

“นี่กี่โมงแล้วอ่ะ?” ไม่ตอบคำถามก็เหรอ ทำหูทวนลมเหรอออออ

“ทุ่มนึง มึงยังไม่ตอบคำถามกูเลยนะ!” ผมกระแทกแก้วนมลงบนโต๊ะอย่างแรงก่อนจะเดินพุ่งไปหามันทันที

“อ่าา ถึงเวลาพอดี" มันทำสีหน้าแปลกใจก่อนจะเก็บไอโฟนใส่กระเป๋า แล้วลุกขึ้นไปเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงขาสั้น
ถึงเข่าสีน้ำตาล โดยที่ทำเหมือนผมไม่มีตัวตน ไม่ยอมมม

“ป๊อนซ์!” ผมตวาดเรียกมันเสียงดัง

“ครับ เมียยย"

“มึงยังไม่ตอบคำถามกูเลย" ผมยกมือขึ้นกอดอกก่อนจะทำแก้มป่องอย่างขัดใจ

“โอ๋ๆๆๆ ก็กำลังจะพาไปอยู่นี่ไง ทำไมงอนบ่อยจัง วันนั้นของเดือนเหรอ?”

“พ่องงงงง!” ผมตวาดใส่มันไปอีกครั้ง ก่อนจะยกมือขึ้นเตรียมฟาดใส่หลังมัน

“อย่าทำร้ายร่างกายเรานะ" แต่มันกลับจับมือผมเอาไว้อย่างรู้ทันก่อนจะก้มลงมาขโมยหอมแก้มผมแล้วเดินผิวปากอารมณ์ดีออก
ไป

“ไอ้หมาป๊อนซ์!!!!!!!!!”





“แดกไรอีกดี?” ป๊อนซ์หันมาถามผมที่เพิ่งจะฟาดส้มตำปูม้าหมดไปเพียงไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้

“อยากกิน กุ้งเผา ปลาเผา หมึกย่าง ปูเผา" ผมดึงทิชชู่มาเช็ดปากก่อนจะสั่งออกมายาวเป็นหางว่าว

“ได้ครับที่รัก" มันรับคำ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างออกมาจนผมอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มมันอย่างหมั่นเขี้ยว

“น้องๆ ทางนี้" มันโบกมือเรียกพนักงานที่กำลังจดออร์เดอร์ของอีกโต๊ะนึงอยู่

“ป๊อนซ์ทำไมต้องมากินบนเรือวะ?” ผมถามเนื่องจากตอนนี้ผมกำลังนั่งแทะเศษปูม้าอยู่บนเรือที่แม่งโคตรจะโคลงเคลงเลย

“ได้บรรยากาศดีออก นี่กูต้องโทรจองเลยนะเว้ย"

“เออ วางแผนดีตลอดดดดด"

“แน่นอน" มันยกมือขึ้นมาเสยผมเท่ห์ก่อนจะทำท่ายิงมาทางผมจบท้ายด้วยการส่งจูบพร้อมกับขยิบตามาให้

“โหยยย เสี่ยวสัด!” ผมยกมือขึ้นปิดตา รับไม่ได้กับท่าทางของมัน

“อะไรนะ เสียวสัด"

“เสี่ยวเหอะ โอ๊ยยย คุยกับมึงละปวดหัว กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ" ผมพูดก่อนจะลุกขึ้นเดินไปทางห้องน้ำ

“เดินระวังๆนะ" ป๊อนซ์ตะโกนไล่หลัง

“เออ รู้แล้ว" ผมหันกลับไปบอก แต่โดนตอบกลับด้วยคำที่อยากจะยกตีนขึ้นนาบหน้ามันมาก

“ไม่ใช่ กูไม่ได้บอกให้มึงระวังตัวเอง แต่กูจะบอกว่าระวังเหยียบหัวใจก็นะ กูทำหล่นไว้เมื่อกี๊" ป๊อนซ์พูดก่อนจะกัดปากแล้วทำมือ
เป็นรูปหัวใจมาให้ผม

“ถุย! ไปตายซะไอ้ควายยยย" ผมตะโกนกลับไป โดยไม่นึกเกรงใจใครทั้งนั้น ก่อนจะรีบเดินหนีออกมาทันที

จะบ้าตายวันละหลายครั้งงงงง ใครก็ได้ฆ่ากูที.....

“อ๊ะ ขอโทษครับ" ผมก้มหัวพร้อมกับพูดพร่ำขอโทษเมื่อเดินไปชนคนหนึ่งเข้า

“อ่าๆ ไม่เป็นไรครับ อะไรนะเมฆ มันบอกว่าจะมาหากูเหรอ? บอกมันไปเลยว่าไปตายซะ!” ผู้ชายคนนั้นหันมารับคำผม ก่อนจะกลับ
ไปคุยโทรศัพท์ต่อ

ผมพยายามนึกว่าเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหน แต่ก็นึกไม่ออกสักที เลยยอมแพ้ เดินไปเข้าห้องน้ำแทน

“อ่าาา สดชื่นจัง" ผมวักน้ำขึ้นล้างหน้าที่ตอนนี้เหนียวเหนอะหนะเพราะลมทะเลก่อนจะเช็ดด้วยแขนเสื้อจนแห้งแล้วจึงเดินออกมา
จากห้องน้ำ

“เออ ไม่ต้องมาคุยกันแล้ว เลิกกันไปเลย!” เอาอีกแล้ววว กูเจออะไรอีกล่ะเนี่ย

“มึงมีคนอื่นใช่มั้ย?? ถึงพูดกับกูแบบนี้ ตอบกูมาดิ ตอบกูมาดิ !” เออ ขอโทษครับพี่ ให้ผมเดินหน่อยได้มั้ยครับ

ผมพยายามเดินเลียบไปกับราวจับของเรือเพราะว่าไม่อยากจะขัดจังหวะคนกำลังทะเลาะกัน

“เออ กูมีคนอื่น พอใจมึงแล้วใช่มั้ย?!” ให้กูเดินไปก่อนได้มั้ย

“ไอ้เหี้ย แม่งงงง" แล้วผู้ชายคนนั้นก็ผลักผู้ชายอีกคนจนสุดแรง

พลั่ก!!!!

ผมที่กำลังยืนอยู่ในตำแหน่งหลังผู้ชายคนที่ถูกผลักพอดีจึงโดนลูกหลงเต็มๆอย่างไม่ต้องสงสัย

“เฮ้ยยยยย!!!!!” ผมตะโกนออกมาจนสุดเสียงเมื่อรู้สึกถึงความโล่งและว่างเปล่า ขณะที่กำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศ

ตู้มมม!!!

เสียงน้ำดังสนั่นทันทีที่แผ่นหลังของผมกระแทกกับผืนน้ำ

“อุ่กก" ผมจุกจนรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะแยกออกเป็นส่วนๆ

ความมืดค่อยๆคืบคลานและดึงผมให้ดำดิ่งลงสู่ความหนาวเย็นด้านล่าง แสงจากเรือค่อยๆห่างออกไปจนกลายเป็นจุดเล็กๆ

“อืมม ช่วงนี้ไม่ควรไปยุ่งในที่ที่เกี่ยวกับน้ำ มันจะเป็นอันตราย อาจถึงชีวิต"

คำพูดของลุงคนนั้นดังก้องขึ้นอีกครั้งในหัวของผม

บางทีบางเรื่องถึงเราจะไม่เชื่อก็ใช่ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นจริงๆว่ามั้ย??

ผมหลับตาเพื่อรอรับโชคชะตาที่ได้โดนกำหนดไว้แล้ว

ลาก่อนพ่อแม่

ลาก่อนเพื่อนๆ

ลาก่อนคนที่ผมรัก


รอยยิ้มที่มุมปากปรากฏขึ้นช้าๆพร้อมกับสติที่เหลือน้อยลงเต็มที




ลาก่อนป๊อนซ์ที่รักของผม




...........................................................................TheEnd............................................................................

และแล้วก็จบเนอะ 2 ปี

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ

น้ำตาจะไหล เช็ดน้ำตาแป๊ป  :hao5:






รักคนอ่านนะจ๊ะ  :mew1:







KATIEZZ

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
บทส่งท้าย






[Pontz]







รือลำใหญ่จอดนิ่งกลางทะเลที่คลื่นลมสงบจนอดที่จะรู้สึกวังเวงไม่ได้

“ป๊อนซ์ เอารูปโจมา เดี๋ยวกูถือให้" ไปป์พูดก่อนจะรับกรอบรูปสีทองที่มีโจยิ้มอยู่ในนั้นไปถือเอาไว้

“ขอบใจพวกมึงมากนะ ที่มากับกูวันนี้" ผมยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะหันมองทุกคนที่ยืนอยู่บนเรือ

“อืมม ไม่เป็นไรหรอกมึง ไอ้โจก็เพื่อนพวกเราเหมือนกัน" ไอ้ลิ้มพูดพร้อมกับบีบไหล่ผมเบาๆ

“อืมมม" ผมพยักหน้ารับก่อนจะก้มหน้าลงมองท้องทะเลที่สงบราวกับกำลังร่วมไว้อาลัยให้กับการจากไปของโจ

“มึงเอาเถ้าออกมาลอยอังคารได้แล้ว เดี๋ยวจะเสียฤกษ์" ไอ้ภูมิพูดเตือนสติผม ก่อนจะหันไปสะกิดให้ไอ้นายส่งห่อผ้าดิบสีขาวที่ใส่
เถ้าอยู่ในนั้น

“อืม" ผมพยักหน้ารับก่อนจะรับห่อผ้านั้นมา

“มากูช่วยถือให้" พีเจเดินมารับห่อผ้านั้นไปถือไว้ก่อนจะแกะห่อออกแล้วยื่นมาให้ผม

“ขอบใจนะ" ผมพูดขอบคุณนิ่งๆ ก่อนจะกำเถ้านั้นไว้ในมือแล้วค่อยๆปล่อยลงในน้ำอย่างช้าๆ

เถ้าสีขาวที่บางส่วนละลายไปกับน้ำ และบางส่วนก็ลอยขึ้นในอากาศ กลายเป็นควันสีขาวจางๆ แล้วจึงค่อยๆหายไป แต่อยากจะให้
โจรู้เอาไว้ว่า โจจะไม่มีวันหายไปจากใจของผมแน่นอน




หลังจากลอยอังคารเสร็จ ทุกคนก็ปล่อยให้ผมนั่งอยู่คนเดียวโดยไม่มีใครรบกวน เพราะทุกคนก็คงจะรู้ว่าผมต้องการเวลาอยู่กับตัวเองเพื่อทบทวนสิ่งต่างๆอย่างช้าๆ

“ป๊อนซ์ใกล้มืดแล้ว กลับเข้าฝั่งกันดีกว่า" ไอ้ไปป์เดินมาแตะที่ไหล่ผมเบาๆ

“อืมๆ" ผมพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นตามมันเดินไปนั่งสมทบกับคนอื่นๆ

“เอาน่ามึง กลับเข้าฝั่งแล้วค่อยเริ่มใหม่ เชื่อกู ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง" ไอ้ลิ้มพูดขึ้นทันทีที่เห็นสีหน้าของผม

“กูก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน" ผมพูดก่อนจะหยิบสร้อยที่มีจี้เป็นรูปตัว J ขึ้นมามองก่อนจะกดจูบลงไปเบาๆ

กูรักมึง โจ กูรักมึงมาก และไม่มีวันที่จะหมดรักด้วย...





“เฮ้อออ หิวๆๆๆ" ไอ้นายบ่นโวยวาย ก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้านพักตากอากาศของผม

“เหี้ยคิดแต่เรื่องแดกเหอะมึงอ่ะ" ไอ้ภูมิเดินไปตบหัวไอ้นายหนึ่งทีก่อนที่พวกมันจะวิ่งไล่เตะกันจนรอบบ้าน

“มีอะไรกินบ้างป่ะป๊อนซ์?” พีเจถามพร้อมกับยกมือขึ้นลูบท้องแสดงความหิว

“น่าจะมีมั้ง โจ ไอ้โจ!!!” ผมตะโกนเรียกชื่อโจจนดังก้องไปทั้งบ้าน

“เฮ้ยป๊อนซ์" ไอ้ไปป์เดินมาจับไหล่ผมก่อนจะบีบเบาๆ

“.....” เงียบ ไร้การตอบกลับใดๆทั้งสิ้น ก็แน่ล่ะสิ

“ไอ้โจ ไอ้ดื้ออออออ พวกกูหิวข้าว!!!” ผมยังคงตะโกนต่อไปโดยไม่ได้สนใจไอ้ลิ้มกับไอ้ไปป์ที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ป๊อนซ์ ใจเย็นดิวะ ตั้งสติหน่อย" ไอ้ลิ้มพูดพร้อมกับจับแขนผมเอาไว้

“ไอ้โจ!!!!!” ผมเรียกชื่อโจอีกครั้ง

“เรียกทำห่าไรนักหนา หิวก็หาแดกเองดิ ทำใส่ตู้กับข้าวไว้แล้ว!!!” โจตะโกนกลับมาพร้อมกับเดินออกมายกมือขึ้นเท้าสะเอวเอาไว้ อย่างอารมณ์เสีย

“ก็กูเรียกทำไมไม่ตอบอ่ะ" ผมตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว

“กูขี้อยู่จบมั้ย??” โจตอบเสียงกวน ก่อนจะเดินกระแทกไหล่ผมไปนั่งบนโซฟา แล้วยกขาขึ้นตั้งบนโต๊ะ

“กวนตีน" ผมตะคอกออกมาเสียงดังพร้อมกับจ้องไปที่โจ

“โอ๊ยยยย เลิกทะเลาะกันซะที กูปวดหัว" ไอ้นายเดินมายืนตรงกลางก่อนจะยกมือขึ้นห้ามทั้งสองฝ่าย

“มึงไม่เกี่ยว/มึงไม่เกี่ยว!!” สองเสียงดังประสานกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“เออ ใช่สิ กูมันคนนอก ไปหาไรแดกกันเหอะภูมิเพื่อนกู" ไอ้นายทำหน้างอนก่อนจะเดินไปกอดไหล่ไอ้ภูมิแล้วลากเข้าห้องครัวไป

“เออ พวกกูก็ไปตั้งโต๊ะก่อนนะ ทะเลาะกันเสร็จแล้วก็ตามเข้าไปกินละกิน" ไอ้ไปป์ก็เดินมาผ่ากลางระหว่างผมกับโจก่อนจะเดิน
เข้าครัวไปโดยที่มีพลัสเตอร์ เดินตามไปติดๆ ก่อนจะตามด้วยไอ้ลิ้มกับท็อปเทลที่ดูเหมือนจะกำลังมีปัญหาอยู่เหมือนกัน และปิด
ท้ายด้วยพีเจดับดลที่งุ้งงิ้งกันเข้าไปในครัว

“โจ คุยกันดีๆดิ" ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆโจ

“ก็มึงขึ้นเสียงใส่กูก่อนอ่ะ" โจยกมือขึ้นกอดอกก่อนจะหันหนีไปอีกทาง

“ก็กูกลัวว่ามึงจะหายไปไหนอีก" ผมพูดเสียงแผ่วก่อนจะซบหน้าลงบนหลังของโจอย่างเหนื่อยล้า

“กูจะไปไหนได้" โจพูดเสียงแผ่วก่อนจะเงียบไป

“ครั้งที่แล้วบนเรือมึงยังเกือบจะทิ้งกูไปเลย" พูดจบผมก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาช้าๆ โดยไม่มีเสียงสะอื้นหลุดออกจากปากเลย
แม้แต่น้อย

“ป๊อนซ์มึงร้องไห้เหรอ??” โจพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจก่อนจะพยายามหันหลังกลับมาหาผม

“ขอกูกอดมึงหน่อย อยู่นิ่งๆให้กูกอดหน่อยได้มั้ย ให้กูมั่นใจว่ามึงยังอยู่กับกูจริงๆ"ผมพูดออกมายาวเหยียดก่อนจะฝังหน้าลงกับ
หลังของโจนิ่งๆ

...

ตู้มมมม!!!!

เสียงน้ำแตกกระจายดังสนั่นจนทำให้คนทั้งเรือตกใจกันไปหมด

“มีคนตกน้ำ ช่วยด้วยครับ มีคนตกน้ำ" หัวใจของผมตกวูบลงทันทีที่ได้ยิน

ไม่ใช่ ขอให้มันไม่ใช่ หวังว่าจะไม่ใช่ ภาวนา สวดอ้อนวอนให้มันไม่ใช่

ผมค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินกะเผลกๆไปดูที่เกิดเหตุอย่างช้าๆ ราวกับต้องการยืดระยะเวลาที่จะรู้ความจริงเอาไว้

“ใครตกลงไปเหรอค่ะ??” ลูกค้ารายหนึ่งที่เดินมาถึงก่อนเอ่ยถามเจ้าหน้าที่

“อ๋อ เป็นผู้ชายสูงประมาณ 170 กว่าๆ ตัวเล็กๆ ขาวๆ อ่ะครับ ตกลงไปตรงน้ี" ลักษณะคล้ายมาก คล้ายแฟนของผมมากจนน่า
ใจหาย

ผมยกไอโฟนขึ้นมาเพื่อโทรเข้าหาโจ แต่...

Rrrr

เสียงสั่นนั่นกลับดังอยู่ที่เท้าของผม ตรงบริเวณที่เกิดเหตุ

ผมนิ่งราวกับมีใครกดหยุดเวลาเอาไว้...

“โจ!!!!!!!!” ผมตะโกนออกมาอย่างเสียสติ พร้อมกับพยายามที่จะปีนรั้วเหล็กนั้นเพื่อกระโดดลงไป

“อย่าครับคุณ ใจเย็นๆครับ" เจ้าหน้าที่ของเรือสองคนรีบพุ่งเข้ามาจับตัวผมเอาไว้แน่น

“แต่นั่นแฟนผม แฟนผมตกลงไปในนั้น!!!!” ผมยังคงตะโกนออกมาเสียงดัง พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้าจนภาพทุกอย่างมันพร่า
เลือกไปหมด

“ไม่ต้องห่วงครับ เราส่งเจ้าหน้าที่ลงไปแล้ว แฟนคุณต้องไม่เป็นอะไร" เจ้าหน้าที่พยายามพูดปลอบผม แต่กลับไม่ได้ช่วยให้ผม
สบายใจขึ้นได้เลย โจจะเป็นอย่างไรบ้าง??? ผมได้แต่ถามคำถามนี้ซ้ำไปซ้ำมาในใจ

“อ่า ว่าไง จริงเหรอ โอเคๆ" เจ้าหน้าที่คนนึงรับโทรศัพท์ก่อนจะยิ้มออกมา

“คุณครับ แฟนคุณปลอดภัยแล้วครับ" น้ำตาลูกผู้ชายของผมไหลออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่กลั้นไว้ไม่อยู่

“ขอบคุณครับ ขอบคุณพวกพี่มากจริงๆ" ผมยกมือขึ้นไหว้พี่เจ้าหน้าที่จนแทบจะกลายเป็นการกราบก่อนจะรีบเดินลงไปด้านล่าง
ของเรือเพื่อไปหาคนที่ผมรักสุดหัวใจ ที่เขายังไม่ได้ไปจากผม


ผมนั่งลงข้างร่างที่เปียกโชกของโจช้าๆ

“โจ..” ผมเรียกชื่อคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวที่เขาจะตื่น

“อือออ ป๊อนซ์ ป๊อนซ์...” โจส่ายหน้าไปมาอย่างทุรนทุรายก่อนจะเรียกชื่อผม

“กูอยู่นี่โจ กูอยู่ตรงนี้" ผมพูดก่อนจะก้มลงกอดร่างของโจเอาไว้แน่น

“ทางเราได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้จนเขาสำลักน้ำออกและได้สติแล้ว แต่เมื่อกี๊คงจะเพลียเลยเผลอหลับไปอีกรอบน่ะครับ" ผม
หันไปพยักหน้ารับคำบอกของเจ้าหน้าที่ก่อนจะหันกลับมาสนใจคนตรงหน้าต่อ

“ป๊อนซ์..” โจลืมตาขึ้นก่อนจะเรียกชื่อผมเบาๆ

“ว่าไง?” ผมถามกลับพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ

“ฮึกก กูนึกว่ากูจะตายไปแล้ว ฮืออออ กูกลัวว เมื่อกี๊ มันหนาวแล้วก็มืดมากด้วย ฮือออ" โจโผเข้ากอดผมเต็มแรงจนผมเซไปด้าน
หลังพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

“ไม่ต้องกลัวนะ ก็กูบอกมึงแล้วไง ว่ากูไม่มีวันปล่อยให้มึงตายหรอก กูจะปกป้องมึงด้วยชีวิต" ผมพูดก่อนจะกดจูบลงบนหัวของโจ
เบาๆ

“ฮืออออ" โจยังคงร้องไห้ไม่หยุดกับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น

“กูอยู่ตรงนี้ กูคอยปกป้องมึงอยู่ตรงนี้ กูส่งความรักให้มึงจากตรงนี้เสมอ" ผมพูดปลอบพร้อมกับลูบหัวโจอย่างเบามือ



หลังจากเหตุการณ์นั้น ผมก็ไปขอคำปรึกษากับพระอาจารย์ที่รู้จัก ท่านก็บอกว่าให้แก้เคล็ดด้วยการทำบุญและจัดพิธีศพให้กับโจเหมือนโจได้ตายไปแล้ว

นี่ขนาดเป็นแค่พิธีปลอมๆผมยังรู้สึกขนาดนี้ ถ้าเรื่องมันเกิดขึ้นจริงผมคงจะอยู่ต่อไปอีกไม่ได้แน่ๆ


...

“ป๊อนซ์..” โจเรียกผมเบาๆ

“หืม??”

“คือ..กูหิว"

“หึๆ อืม งั้นไปกินของในครัวกัน" ผมหัวเราะนิดๆกับความน่ารักของโจก่อนจะลุกขึ้นยืนและจูงมือโจให้เดินไปในครัว

“เดี๋ยว" โจดึงมือผมเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆเช็ดน้ำตาออกจากแก้มให้ผมอย่างเบามือ

“....” ผมยิ้มบางๆกับการกระทำดังกล่าว

“อย่าขี้แยดิ ร้องไห้แล้วไม่หล่อเลยนะรู้มั้ย?”

“จริงดิ?” ผมแกล้งถามกลับพร้อมกับทำสีหน้าตกใจ

“แต่ถึงไม่หล่อก็รักอยู่ดีอ่ะ ใครจะไม่รักแฟนตัวเองล่ะ เนอะ" โจพูดอีกครั้งพร้อมกับฉีกย้ิมกว้างจนตาหยี

“หึๆ น่ารักเกินไปแล้วนะ" ผมพูดพร้อมกับขยี้หัวโจเบาๆ

“น่ารักก็รักมากๆละกัน ไม่งั้นโจทิ้งไปหาคนอื่นแน่" โจพูดพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าผมเป็นการขู่

“เรียกชื่อตัวเองก็น่ารักดีนี่ น่าฟังกว่ากูมึงตั้งเยอะ"

“น่ารักก็รักมากๆนะ"

“อืมมม อยู่แล้ว"

“อย่าลืมนะ พูดแล้วน่ะ"

“ใครจะไปกล้าลืม" ผมพูดพร้อมกับรั้งเอวโจเข้ามาหาตัว

“แต่ป๊อนซ์เคยลืมไปแล้วครั้งนึงนะ"

“มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว" ผมพูดก่อนจะก้มลงจุ๊บแก้มโจเบาๆ

“รักที่ถูกลืมของโจ" โจพูดก่อนจะก้มหน้าลงมองพื้น

“ไม่มี ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีรักที่ถูกลืมอีกแล้ว ต่อไปนี้ จะมีแต่รักที่มั่นคง รักที่ยาวนาน และรักที่เป็นของโจเท่านั้น" พูดจบผมก็ก้มลง
จุ๊บที่ปากของโจเบาๆก่อนจะผละออกมาจ้องหน้าแดงจัดนั้นใกล้ๆ

“โจรักป๊อนซ์นะ"

“ป๊อนซ์ก็รักโจเหมือนกันครับ"



รักของเราจะเป็นแบบนี้ตลอดไป


รักของเราจะกลายเป็นตำนานที่ไม่มีวันลืม



รักของเราจะอยู่ในความทรงจำของกันและกันตลอดไป...





The End

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
จบแบบเศร้าสินะ   :sad11:

เด็กด๋อยส์

  • บุคคลทั่วไป
หลอกให้ตกใจ รีเฟรชหน้าจอใหม่อีกที เฮ้ยยยยยยยย
พิธีสะเดาะเคราะห์ บ้าจริงงงง
 :a5: :a5: :a5:

ตามอ่านมานานแล้วค่ะ เพิ่งสมัครได้
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ชอบมากๆ ชอบตั้งแต่ภาคก่อน
ป๊อนซ์โจบันไซ !!
 :katai2-1:

ออฟไลน์ Fellina

  • mgKapleGD
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Happy ending ดีใจด้วยนัาาาโจ ป็อนซ์^^

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :m31: :m31: ก๊าซซซซซซซซ์

อ่านแรกน่ารักดี อยู่ดราม่าซะงั้น สุดท้ายโดนคนเขียนหลอก

ตอนจบได้อยู่ด้วยกัน จน happy ending เราก็มีความสุขอ่ะ
อยากได้ตอนพิเศษษษษษษษษษษษษ

คนเขียน อยากได้พาร์ทป๊อนช่วงที่ป๊อนมันจำโจได้อ่ะ
เรายังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมป๊อนจำโจได้แล้วถึงไม่รีบไปบอกโจ แล้วป๊อนจำเรื่องได้ยังไง

เรื่องยังมีปมอยู่บ้างนะ แม่โจจะยอมรับได้เหรอ คือมันยัง happy ending ไม่สุดอ่ะในความคิดเรานะ

มีอีกอย่าง เราอ่านพาร์ทโจแล้วรู้สึกว่าบรรยายดีนะ แต่พอเป็นป๊อนเหมือนความรู้สึกที่สื่อออกมามันดรอปลงไปเยอะอ่ะ
พอจะเข้าใจว่าป๊อนมันแมนกว่าโจ แต่ในเรื่อง เมฆ แน็ต มันแลดูสื่อฟีลลิ่งของตัวละครสองตัวได้ดีเทียบเคียงเลยทีเดียว

ขอบคุณคนเขียนมากนะที่ แต่งเรื่องสนุกๆยังงี้มาให้อ่าน

ว่าแต่ไม่มีเหตุการณ์จริงมาให้จิ้นแล้วเหรอ อยากได้อ่ะ

ออฟไลน์ หมูน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
 :hao5:  ดีจังที่เป็นแค่พิธีสะเดาะเคราะห์ (ที่เหมือนจริงมาก)

จบแล้วอุปสรรคทั้งหลาย  ขอให้มีความสุขนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 :a5: :a5: เกือบจะร้องแล้วนะนั่น

ออฟไลน์ loveaaa_somsak

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-3
เย้จบแบบสุขสันต์ หลังจากดราม่า และหน่วง เป็นช่วงๆ มาตลอดทั้งเรื่องๆ

เก่งมากครับคนแต่ง นับถือๆ

รอติดตามผลงานเรื่องต่อไปครับ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
 :m15:




 :o12:

เป็นไปได้ๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ IöLIKE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-6

ออฟไลน์ benzdekba

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 503
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ฝากเรื่องใหม่ด้วยเด้อออออ  เรื่องนี้ไม่ใช่ตัวละครใน Friend นะ

ตัวละครอื่นนนน




The Best Memory




 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41457.0






ฝากด้วยน้าาาาาาา







KATIEZZ

ออฟไลน์ SawachiYuki

  • แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +261/-38
    • Fanpage
คุณนักเขียนที่รักค่ะ คืออิฉันอยากจะบอกว่า....


ติดตามมาตั้งแต่ภาคแรก บอกเลยว่าได้รสชาติมากเลยเรื่องนี้

ทั้งสนุก ตลก เศร้า เฮฮา หลากหลายอารมณ์ แต่ที่อยากจะบอกสุดๆ ว่ามันไม่แฟร์กับโจเลยนะคะ

ทำไมถึงต้องเป็นโจคนเดียวที่เจ็บเจียนตาย ฮือๆ

ถ้าเป็นไปไปได้ ก็อยากจะให้ไอ้ป๊อนซ์เจ็บให้หนักและนานกว่านี้

แล้วก็อยากจะให้โจเคลียร์กับแม่ของป๊อนซ์ด้วย

ตอนแรก คิดว่าแจงที่โดนโจทำแบบนั้นจะหันมาชอบโจแทน อะไรประมาณนี้ แล้วก็ให้ป๊อนซ์ต่อสู้กับแจงกันเอง

ที่ไหนได้ว่าคิดผิด... มันไม่ใช่แบบน้านนนนน

แบบว่านิยายเรื่องนี้ทำเอาป่วงจิตมากเลยคะนักเขียนที่รัก

อ่านไปด็ด่าป๊อนซ์ไป ถ้ามีลูกชายจะไม่ตั้งว่าชื่อนี้เด็ดขาด ฮ่าๆ

สนุกมากๆ ค่ะ

จะติดตามตลอดไปนะคะ :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
Special สงกรานต์










[Pontz x Joe]







[Joe]









“ป๊อนซ์ สงกรานต์ไปไหนดี?” ผมตะโกนถามไอ้ป๊อนซ์ที่นั่งกดรีโมททีวีเล่นอยู่ในห้องรับแขก

“อยู่ห้อง”

“อะไรนะ?!”  ผมตวาดเสียงลั่นก่อนจะรีบเดินออกมาพิงกรอบประตูแล้วจ้องมันอย่างเอาเรื่อง

“จะเสียงดังทำไมดื้อ  ก็กูบอกว่าจะอยู่ห้อง” ไอ้ป๊อนซ์ละสายตาจากทีวีมามองผมแว๊บนึงก่อนจะหันไปจ้องทีวีต่อ

“ข้าวสาร”  ผมเริ่มเสนอทางเลือกให้มัน

“ไม่เอาคนเยอะ”

“สยาม”

“ไม่เอาอ่ะ  วัยรุ่นเยอะ”

“นี่ขอโทษนะ  มึงพูดอย่างกะมึงสัก 60 แล้วนะเชี่ยป๊อนซ์”

“.....”  ส่งสายตาพิฆาตมามองอีกเช่นเคย

“หน้าเซนเวิลด์”

“อื้ออ ไม่เอาอ่ะ เด็กเยอะ”

“สีลม”

“ไม่เอาอ่ะ เกย์เยอะ”  สต๊อป!!  เดี๋ยวนะ..

“แล้วมึงไม่ใช่?” ผมเดินไปนั่งลงบนโซฟาข้างๆมันก่อนจะถามขึ้น

“กูไม่ใช่เกย์”  ป๊อนซ์โยนรีโมทลงบนโต๊ะก่อนจะหันมาพูดใส่หน้าผมช้าๆชัดๆ

“อ้าวว  แต่กูไม่ใช่ผู้หญิงนะ”

“แล้วไง?” มันถามกลับ  พร้อมกับยกมือขึ้นกอดอก

“ก็มึงเป็นแฟนกูอ่ะ  แล้วกูก็เป็นผู้ชาย  มึงเป็นแฟนกะผู้ชาย  มึงไม่ใช่เกย์เหรอ?”  ผมพูดเรียบเรียงอย่างช้าๆก่อนจะถามมันกลับ
ไป

“โจ  กูไม่ได้ไปเอาผู้ชายได้ทุกคน  โอเคป่ะ?  กูเอาแต่มึง  เพราะงั้นกูไม่ใช่เกย์  กูก็เป็นแค่ผู้ชายคนนึงที่รักมึง”  ไอ้ป๊อนซ์พูด
อธิบายยาวเหยียดก่อนจะเอามือมาเชยคางผมเมื่อพูดจบ

“บ้า  มึงก็.. พูดอะไร มะ..”

“มีกระโถนมั้ยนาย  กูแม่งรู้สึกคลื่นไส้ว่ะเพื่อน”  เสียงนรกๆของไอ้ภูมิดังขึ้นทำลายบรรยากาศชมพูอมม่วงในห้องให้มลายหายไป
ทันที

“ถุงก่อนนะเพื่อน  กระโถนคงไม่ทัน”  ไอ้นายก็รับมุขได้ทันที  แหมเข้าคู่กันดีเหลือเกินนะ

“ใครจุดธูปเรียกพวกมึงมา?”  ผมหันหลังกลับไปถามมันแบบกวนๆ

“อ๋ออ  พอดีไอ้ป๊อนซ์เพื่อนกูแม่งไลน์ตามมาว่ะ  จุดธูปมันเก่าไปแล้วเพื่อน”  ไอ้ภูมิตอบก่อนจะเดินมานั่งอีกด้านนึงของโซฟาแล้ว
เอาเท้าขึ้นตั้งบนโต๊ะราวกับนี่เป็นบ้านของมันเอง

“ป๊อนซ์  มึงไลน์ตามพวกเหี้ยนี่มาทำไส้แมวอะไรวะ?”  ผมหันไปเขย่าแขนถามไอ้ป๊อนซ์อย่างเคืองๆ

“ก็จะไลน์มาชวนไปเล่นน้ำไง  สงกรานต์ทั้งที”

“อ้าวว  ก็ไหนมึงบอกว่าจะอยู่ห้องไง”

“กูล้อมึงเล่นน่ะ  ฮ่าๆๆๆๆๆ” ไอ้ป๊อนซ์ตอบหน้าตายก่อนจะหัวเราะจนตีนชี้ฟ้า  นี่มึงตลกมากใช่มะไอ้สันเขื่อน??

“ไอ้เหี้ยยยย!!!!!!”  ผมตะโกนออกมาจนลั่นก่อนจะกระโดดขึ้นไปนั่งทับบนคอมันแล้วทึ้งหัวมันอย่างแรง 

“โอ๊ยยยย  ดื้อลงจากคอกูเดี๋ยวนี้เลย  เจ็บ  ไอ้สัดลง!!!!”  ไอ้ป๊อนซ์ส่ายหัวไปมาก่อนจะสะบัดผมลงบนโซฟา  แล้วขึ้นมาคร่อม
ขังผมเอาไว้

“ไอ้นาย  ไอ้ภูมิ  กูขอเวลาสามนาที”  ไอ้ป๊อนซ์หันไปบอกไอ้นายกับไอ้ภูมิก่อนจะหันมาจ้องผมเขม็ง

“ไปไอ้นาย  ผัวเมียเค้าจะ สะหยึมกรึ๋ม กัน”  ไอ้ภูมิเอาเท้าลงจากโต๊ะ  ก่อนจะดึงคอไอ้นายให้เดินไปในห้องครัวด้วยกัน

“ลงไปเลย  เชี่ยป๊อนซ์!!”  ผมตะคอกใส่หน้ามันพร้อมกับเอามือดันมันให้ออกไปจากตัวผม   แต่แม่งก็หนักเหลือเกิน

“ไม่ !!!”

“แล้วจะอยู่แบบนี้ทำไม  กูอึดอัด”  ผมพูดพร้อมกับบิดตัวไปมาอย่างขัดใจ

“ก็มึงพูดไม่รู้เรื่อง”  ป๊อนซ์พูดเสียงนิ่ง  พร้อมกับก้มลงมาใกล้ผมช้าๆ  จนจมูกเราเริ่มจะชนกัน

“ป๊อนซ์  ออกไปหน่อย  กูหายใจไม่ออก”  ผมหันหน้าหนีอย่างสุดความสามารถแต่ก็นะ   จะหันได้สักแค่ไหนเชียว

“ดื้อแบบนี้   ต้องโดนซะบ้าง”  มันพูดพร้อมกับยิ้มกรุ่มกริ่มเบาๆ  แล้วค่อยก้มลงมาอีกอย่างช้าๆ

“เก๊งงง!!!  หมดเวลาครับเพื่อน  แยกๆๆๆๆๆ”  ในขณะที่ปากกำลังจะชนกันอยู่แล้ว  ไอ้ภูมิก็เดินออกมาจากห้องครัวก่อนจะใช้ให้
ไอ้นายมาดึงคอไอ้ป๊อนซ์ออกไป

“อะไรวะเนี่ย!!  มึงออกมาช้ากว่านี่สักสิบวิ  ก็คงไม่ตายมั้งสัด!!”  ไอ้ป๊อนซ์ลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปด่าไอ้สองหมานั่นอย่างอารมณ์
เสีย

“แหม  ป๊อนซ์  ไว้เอากันกลางคืนก็ได้มั้ง  ตอนนี้  ไหนๆก็เรียกกูมาแล้วก็ช่วยคุยกะกูหน่อยเหอะ”  ไอ้นายพูดลอยๆก่อนจะเดินมา
นั่งลงข้างๆหัวของผม

“โจ  หยุดทำหน้าอยากได้แล้ว” ไอ้ภูมิพูดก่อนจะใช้เท้าสะกิดผมให้ลุกขึ้นนั่ง

“หา??  อะไรนะ”  ผมพูดงงๆก่อนจะลุกขึ้นมานั่งแบบผมเผ้ากระเซิงเสื้อยับ  อย่างกับถูกข่มขืนเสร็จใหม่ๆ

“โอ๊ยยย  เมียมึงแม่งมึนแล้วสัด”  ไอ้ภูมิผลักหัวผมเบาๆหนึ่งทีก่อนที่ป๊อนซ์จะนั่งแทรกลงมาตรงกลางระหว่างผมกับไอ้ภูมิ

“โอเคมั้ยดื้อ?”

“สะ...สบายมาก”  ผมยกนิ้วขึ้นทำเป็นสัญลักษณ์โอเคแบบงงๆ

“ปล่อยไปเหอะ  แล้วตกลงว่าไง  ไปเล่นไหน?”  ไอ้นายมองหน้าผมแบบปลงๆก่อนจะคุยเข้าเรื่องทันที

“ไอ้ไปป์เพิ่งไลน์มาบอกว่า  เทลกะลิ้มจะไปเล่นที่ชายหาดแถวระยองอ่ะ”  ไอ้ภูมิมองไอโฟนในมือก่อนจะเงยขึ้นมาบอก

“อืมม  น่าสนว่ะ  พวกมึงว่าไง?”  ไอ้นายพูดขึ้นก่อนจะหันมาถามความเห็นคนอื่นๆในวง

“ก็โอนะมึง  เล่นสงกรานต์เสร็จจะได้เล่นน้ำทะเลต่อ”  ไอ้ภูมิก็เห็นด้วยกับทะเลระยองที่ไอ้ลิ้มเสนอ

“เอออ กูก็ว่าโอว่ะ  มึงว่าไงดื้อ?”  ไอ้ป๊อนซ์ลงความเห็นก่อนจะหันมาถามผมเป็นคนสุดท้าย

“เอาดิ  กูอยากเที่ยวทะเล”  ผมพยักหน้ารัวๆ

ทะเล  ทะเล๊  ทะเล..................




“โอ้ทะเลแสนงาม..”  ผมยื่นหัวออกไปนอกรถก่อนจะตะโกนร้องเพลงออกมาลั่นเมื่อรถเริ่มแล่นเข้าเขตถนนเลียบชายหาด

“ทะเลแสนง๊าม  ทะเลแสนงาม”  และก็มีลูกคู่อย่างพลัสเตอร์กะท็อปเทลร้องรับอย่างพร้อมเพรียง

วันนี้เราเดินทางกันด้วยรถตู้เพราะว่าคงจะสนุกกว่าเอารถมาคนละคัน  แต่มันก็มีข้อเสียอย่างนึงคือในรถจะวุ่นวายมากกก

“ฟ้าสีครามสดใส....”

“สดส๊ายยย  สดสายยยย”

“เงียบทีเหอะ  กูง่วง” ไอ้ป๊อนซ์เป็นคนแรกที่ออกปากบ่นออกมา

“เออ กูก็ทนมานานละ” ไอ้ลิ้มยกหนังสือที่ปิดหน้าออกก่อนจะบ่นออกมางึมงำ

“เงียบเลย  พี่ลิ้มนอนต่อไปเหอะ!” ท็อปเทลที่นั่งอยู่ติดกันแหวใส่ก่อนจะเอาหนังสือวางลงไปบนหน้ามันตามเดิม

“เอ่อ  พี่ไปป์  จะนอนมั้ย?”  พลัสเตอร์หันไปถามไอ้ไปป์ที่นั่งเล่นไอโฟนอยู่เงียบๆไม่โวยวายเหมือนคนอื่นๆ

“ไม่อ่ะ  มึงร้องไปเหอะ”  ไอ้ไปป์ที่วันนี้ดูอารมณ์ดีผิดปกติก็ลูบหัวพลัสเตอร์เบาๆก่อนจะหันไปเล่นไอโฟนต่อ

“โอ๊ยยยย  นาย  กูรู้สึกเหมือนแม่งเป็นส่วนเกินว่ะ”  ไอ้ภูมิที่รับหน้าที่ขับรถก็บ่นขึ้นเสียงดังอย่างแซวๆ

“แหมใช่ว่าจะมีแค่มึงคนเดียว  กูก็ด้วย”  ไอ้นายก็ทำเสียงหงอยๆพร้อมกับหันมาเหล่มองพวกผมที่เบาะหลัง

“ก็พวกมึงไม่พาเมียกันมาเอง!”  ผมตะโกนด่าพร้อมกับปากล่องทิชชู่ไปด้วย

“อีป้ากูแม่ง  นอนอืดอยู่บ้านบอกขี้เกียจเดินทาง”  ไอ้นายก้มเก็บกล่องทิชชู่ก่อนจะดึงทิชชู่ออกมาทำท่าเหมือนเช็ดน้ำตา

“กูไม่มีเมีย”  ไอ้ภูมิพูดพร้อมกับสบตากับพวกผมทางกระจกมองหลัง

“เหรอ??!!”  คนทั้งรถตอบกลับพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

“แม่งรุมจังงงงงง”




“กูกะป๊อนซ์นอนห้องแรก  ลิ้มกับเทลนอนห้องถัดไป  ไอ้ไปป์กะพลัสเตอร์นอนห้องสุดท้าย  ส่วนมึงสองคนก็โซฟาตรงนี้เลย”  ผมยืน

ชี้แจงเรื่องที่นอนหลังจากที่คนกระเป๋าลงมาจากรถทั้งหมดแล้ว

“อะไรวะ?”

“เออนั่นดิ”

ไอ้นายกะไอ้ภูมิยืนบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะวางกระเป๋าลงกับพื้นอย่างหมดแรง

ตึ่ง  ตึ๊งงง

ผมล้วงกระเป๋าหยิบไอโฟนออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงไลน์เข้า

PJ:ถึงยัง??

ผมยิ้มกับคำถามของมันเบาๆก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

Joe:ถึงแล้วววว มึงกะดลอ่ะถึงไหนแล้ว??

“ทำไรอ่ะ??”  ไอ้ป๊อนซ์ถามเสียงแข็งก่อนจะเดินเข้ามาชะโงกดูหน้าจอไอโฟนของผม

“อ่ะ  ไม่ให้ดู  ไปจัดของเลยมึง”  ผมรีบคว่ำหน้าจอลงก่อนจะเดินหนีไปนั่งบนโซฟา

ตึ่ง  ตึ๊งงง

ผมยิ้มก่อนจะหงายหน้าจอขึ้นมาอ่าน

PJ:ถึงไหนอะไรวะ  ??  ทะลึ่งป่าวมึง 555+

“ฮ่าๆๆๆๆ  เชี่ยไรของมึงเนี่ยยย”  ผมหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป

Joe:เหี้ยละมึงงง  ตอบมาดีๆดิ

PJ: 555+  กูถึงสมุยแล้วตอนนี้  ห้องแม่งอย่างสวยอ่ะ

Joe:  เชี่ยยยย  แอบพาน้องกูหนีไปซะไกลเลยนะมึง

“โจ  หิว!”  ไอ้ป๊อนซ์เดินมากระแทกตัวนั่งลงบนที่ว่างบนโซฟาข้างๆผม

“ตู้เย็นมี” ผมตอบกลับมันไปโดยที่ไม่ได้หันไปมองหน้ามันเลยแม้แต่น้อย

ตึ่ง  ตึ๊งง

PJ:  มีบ้างดิวะ  เออ เดี๋ยวกูออกไปหาไรกินกันก่อน  เย็นๆเดี๋ยวค่อยไลน์ไปหานะ

Joe: อืมๆ

“โจ มึงคุยกะใครอ่ะ?”  ไอ้นายเดินมาถามผมด้วยสีหน้างงๆ

“มึงจะถามทำไมวะ??”  ผมก็ถามมันกลับแบบงงๆ

“ไอ้ป๊อนซ์ให้กูถาม”  ไอ้นายพูดพร้อมกับชี้ไปที่ไอ้ป๊อนซ์ที่นั่งหน้างออยู่ข้างๆผม

“กูคุยกะพีเจ”  ผมถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะตอบมันไป

“ไม่จริงอ่ะ”  ไอ้ป๊อนซ์ตอบกลับทันทีพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกอย่างเอาใจ

“จริง!”  ผมหันหน้าไปนั่งจ้องมันที่ทำเป็นเขี่ยเล็บเล่นไม่สนใจอยู่ข้างๆ  บทจะงี่เง่าก็แม่งอยากจะถีบให้ปากจูบพื้น

“ไม่เชื่อ!”  มันหันมาตะคอกใส่หน้าผมก่อนจะหันกลับไปนั่งเหมือนเดิม

“โอ๊ยยยยยย กูปวดหัว  เชี่ยภูมิเพื่อนมึงทะเลาะกันอีกแล้ว”  ไอ้นายขยี้หัวอย่างแรงก่อนจะเดินกระทืบเท้าเข้าห้องครัวไปอย่างเห
วี่ยงๆ

“เพื่อนมึงแหละ  ด๊อนท์  ดิสเทิบ  กูขี้อยู่!!”  ไอ้ภูมิตะโกนตอบกลับมาจากในห้องน้ำเสียงดังลั่น

“อ่ะ ดู” ผมยื่นไอโฟนของผมไปให้มันดู

“...”  มันเงียบ  ก่อนจะหยิบไอโฟนของผมไปเปิดดู

“แล้วไปดิ”  มันยื่นไอโฟนคืนผมก่อนจะเดินผิวปากอารมณ์ดีไปหน้บ้าน

“ส้นตีน!!!”  ผมตะโกนตามหลังมันออกไปก่อนจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อในห้องเพื่อที่จะเตรียมตัวเล่นน้ำ

วู้ววววว   สงกรานต์!!!!!!!!





“ซองกันน้ำพร้อม?”  ผมชูซองกันน้ำขึ้นมาก่อนจะตะโกนถาม

“พร้อมมม!!!” พลัสเตอร์กับท็อปเทลทำตามผมพร้อมกับตะโกนตอบ

“ปืนพร้อม?” ผมถามขึ้นอีกครั้ง  แต่ครั้งนี้ชูปืนฉีดน้ำขึ้นแทน

“พร้อมมมม!!”

“งั้นลุย!!!!!!”  ผมวิ่งนำท็อปเทลกะพลัสเตอร์ออกไปบนถนนที่คนมากมายกำลังสาดน้ำกันอย่างสนุกสนาน

“โจ อย่าวิ่ง  เดี๋ยวลื่น!!”  ไอ้ป๊อนซ์ตะโกนตามหลังมาเสียงดัง

“ไม่หรอก  เฮ้ยยย!!!!”  ผมหันไปตอบกลับแต่จังหวะนั้นเองที่ผมสะดุดกับขาของใครก็ไม่รู้เข้า

“โจ!!!” ไอ้ป๊อนซ์รีบวิ่งเข้ามาหา  แต่ผมดูจากระยะทางแล้วก็คงจะไม่ทัน เลยหลับตารอความเจ็บอย่างปลงๆ

“เอ่ออ  โทษครับน้อง  เป็นอะไรรึเปล่า??”

“หือออ??”  ผมลืมตาขึ้นช้าๆก็ต้องผมว่ามีผู้ชายคนนึงรับผมเอาไว้ได้ทัน

“พี่ถามว่าน้องเป็นอะไรรึเปล่า??”  เค้าถามผมซ้ำด้วยคำถามเดิม

“อ๋อออ  ไม่เป็นไรครับ  ขอบคุณมากครับ”  ผมรีบพยุงตัวขึ้นมาทรงตัวยืนก่อนจะก้มหัวขอบคุณพี่เค้าเป็นการใหญ่

“โจ  โอเคมั้ย?”  ป๊อนซ์ดึงผมเข้าไปใกล้ก่อนจะจับผมหมุนไปหมุนมาจนเวียนหัว

“จะไม่โอเคกะมึงเนี่ยแหละ”  ผมตีแขนมันเบาๆมันจึงยอมปล่อยผมให้ยืนตามปกติ

“ไม่เป็นไรก็ดีละ  ขอบคุณมากนะครับ”  ไอ้ป๊อนซ์หันไปขอบคุณพี่คนนั้นอีกครั้งกอ่นจะพาผมออกมาจากบริเวณนั้น

“มานี่เลยดื้อ  ทำไมซุ่มซ่ามแบบนี้ ก็บอกอยู่ว่าให้ระวัง”  ทันทีที่ออกมาในที่ที่คนไม่แน่นมากมันก็เริ่มเทศน์ผมทันที

“ก็มันเป็นอุบัติเหตุ”  ผมก้มหน้ารับผิดก่อนจะตอบกลับไปเสียงอ่อน

“ก็เข้าใจ  แต่อย่าให้มีอีกนะ”

“ครับบบบ”  ผมเงยหน้าขึ้นยิ้มก่อนจะเดินกลับเข้าไปในฝูงชนอีกครั้ง




“พี่ครับบบบ”  เสียงเรียกพร้อมกับแรงสะกิดจากด้านหลังทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง

“หืมม??”

“ขอปะแป้งหน่อยนะคร้าบบบบบ”  มึงดูเมามากอ่ะบอกตามตรง

“อ่ะๆๆ ได้ๆๆๆ”  ผมตอบตกลงก่อนจะเอียงแก้มไปให้มันปะแป้ง

“ขอบคุณคร้าบบบ  นี่ๆๆๆๆ  แก้มนุ่มจังเลยครับพี่”  มันปะแป้งเบาๆก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนเกือบจะแนบกันอยู่แล้ว

“เหรอออ  ส้นตีนกูนุ่มกว่าแก้มอีกนะ  ลองมั้ย??”

“ไม่ล่ะคร้าบบบบบบ   แม่งน่ารักแต่ดุชิบหาย”  พวกมันบ่นงึมงำกัน  ก่อนจะเดินจากไป

“เก็บเขี้ยว   เก็บเล็บบ้างก็ดีนะดื้อ”  ไอ้ป๊อนซ์เดินเข้ามายืนข้างๆผม




.........................................................TBC................................................................

อาจจะมาช้าไปมากนะคะ  555555

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao3: งานเข้าอ่ะป่าว

ออฟไลน์ katiezz

  • เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
Special สงกรานต์








[Pontz x Joe]








[Joe]










“ก็มึงดู  พวกแม่งโคตรกวนตีนเลย  กูไม่เอาส้นตีนนาบหน้ามันไปก็บุญแล้วสัด!”  ผมยังคงบ่นออกมาต่ออย่างอารมณ์เสีย

“ฮ่าๆๆๆๆ  เอาน่า  ไปๆ เดี๋ยวกูเดินไปข้างมึงด้วยเลย”  ไอ้ป๊อนซ์โยกหัวผมไปมาก่อนจะดึงแขนผมให้เดินไปข้างๆกัน

“หล่อจังเลย  ขอปะแป้งหน่อยนะคะ!!”  ผู้หญิงกลุ่มใหญ่วิ่งพุ่งเข้าใส่ไอ้ป๊อนซ์และเบียดผมออกจากมันทันที

“ครับๆๆ   ขอบคุณครับๆๆ  ฮ่าๆๆๆ  ครับๆๆๆ”  สุขเหลือเกิน  สุขมากมั้ยสัด!!!

ผมเดินไปตรงข้างทางที่เข้าตั้งขายน้ำแบบเติมกันเป็นถังใหญ่ๆ

“ป้าครับ  น้ำถังนี้ทั้งถังเท่าไหร่ครับ?”  ผมชี้ไปที่ถังที่ใหญ่ที่สุดที่ตั้งอยู่บริเวณนั้น

“สามร้อยจ้า”

“ขอคนแบกด้วยได้มั้ยครับ?”

“ได้เลยจ้า  เด็กๆในร้านออกมาตรงนี้สักสามสี่คนดิ  มาช่วยน้องเค้าแบกถังน้ำนี่ไปหน่อย” ป้าคนขายตะโกนเรียกลูกจ้างในร้านให้
ช่วยกันแบกถังน้ำนั้นออกมาจากหน้าร้าน

“พี่เห็นกลุ่มคนตรงนั้นป่ะครับ?” ผมถามพร้อมกับชี้ไปทางที่ผู้หญิงกำลังยืนล้อมไอ้ป๊อนซ์อยู่เป็นสิบคน

“อ๋อครับๆ”

“สาดเลยครับพี่” ผมบอกพร้อมกับแสยะยิ้มออกมาเบาๆ

“เฮ้ยจะดีเหรอน้อง??”

“เอาเลย  ตรงกลางนั่นเพื่อนผม”

“อ๋ออ งั้นก็ได้”  แล้วพี่เค้าก็เดินแบกถังน้ำดุ่มๆตรงไปหาไอ้ป๊อนซ์

ห้า..

“ฮ่าๆๆๆ  อย่าปะแป้งบนเสื้อซิครับ”

สี่...

“ขอน้ำหน่อยครับ แป้งเข้าตา”

สาม...

“ฮ่าๆๆๆๆๆ”

สอง....

“โอ๊ยยย  จั๊กกะจี้อ่ะ  ฮ่าๆๆๆ”

หนึ่ง...

ตู้ม!!!!!!

“อร๊ายยยยย!!”  เสียงกรี๊ดดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณจน

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”  ผมยืนหัวเราะตัวงอดูเหตุการณ์อยู่ไกลๆ

“อะไรครับเนี่ย?!”  ไอ้ป๊อนซ์ดูเหมือนจะยั๊วะนิดๆ  เลยหันไปถามพี่ที่เอาน้ำไปสาดแบบเหวี่ยงๆ

“ก็น้องคนนั้นบอกว่าให้พี่เอามาสาดอ่ะครับ” โอ๊ยยย พี่จะชี้มาที่ผมทำไมเนี่ยยย

“โจ!!!”  ไอ้ป๊อนซ์ตะโกนเรียกชื่อผมเสียงดัง

“เชี่ยละ!”  ผมอุทานออกมาเบาๆก่อนจะเริ่มออกตัววิ่งทันที

“หยุดเลยไอ้โจ!”

“หยุดทำเตี่ยไรล่ะ!!” 

คือตอนนี้ผมก็วิ่งหนีมันสุดชีวิต  มันก็วิ่งตามผมสุดชีวิตเหมือนกัน   จะโกรธอะไรนักหนาวะ

“เออ  งั้นแม่งก็วิ่งไปเลยกูไม่ตามแล้ว!!”  มันตวาดลั่นก่อนจะหันหลังเดินไปอีกทาง

“เออ  ไปเลยสัด  แกล้งนิดแกล้งหน่อยทำเป็นโกรธ  แม่งง  ไปเลยย!!!”  ผมหยุดเดินก่อนจะหันกลับมาตะโกนไล่หลังมันไปสุด
เสียง

โด่วว  โกรธก็โกรธดิ  กูไม่ง้อ.....






“พวกมึงงงงงงงงงงงงง   ช่วยกูง้อไอ้ป๊อนซ์หน่อยดิ”  ผมแหกปากโวยวายพร้อมกับสะบัดตัวไปมาอย่างเอาใจ

“ทีตอนกลางวันล่ะทำเก่ง”  ไอ้ไปป์พูดออกมาลอยๆก่อนจะยกเบียร์ขึ้นจิบแบบชิลๆ

“ก็กูไม่คิดว่ามันจะโกรธจริงจังขนาดนี้นี่”

“เป็นกู กูก็โกรธ” ไอ้ลิ้มเห็นผมกำลังเฟลก็รีบซ้ำเติมเข้ามาอีก  ได้โอกาสทีล่ะเอาใหญ่เลยนะมึง

“พี่ลิ้ม  ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าป่ะ?”

“รักท็อปเทลลลล”  ผมพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบหัวท็อปเทลเบาๆ

“คือกูว่า  มึงลองไปคุยกะมันอีกทีป่ะ” ไอ้นายทำหน้าใช้ความคิดแป๊ปนึง ก่อนจะพูดออกมา

“อืออ ลองดูก่อน  ถ้าไม่ได้ยังไง  ค่อยมาคิดอีกที”  ไอ้ภูมิเดินมานั่งบนพนักพิงโซฟาก่อนจะตบไหล่ให้กำลังใจผมเบาๆ




10  นาที    ผ่านไป.......

“พวกมึงงงงงงงงงงง”  ผมวิ่งถลาออกมาจากห้องนอนก่อนจะทรุดตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง

“ไม่ได้ผล?”  ไอ้ภูมิเป็นคนเดียวที่ละสายตาจากทีวีมาหาผม

“อืออออออ”  ผมตอบเสียงแผ่วพร้อมกับพยักหน้าช้าๆอย่างเศร้าๆ

“มันว่าไงบ้างอ่ะ?”  ไอ้ไปป์หันมาถามผมอีกคน  ขอบคุณที่ยังเห็นกูน่าสนใจกว่ารายการ dance your fat off



...

ก๊อก ๆ ๆ

ผมเคาะประตูเบาๆก่อนจะเอาหูแนบเพื่อรอฟังการตอบกลับ

“.....”   เงียบจนได้ยินเสียงปลวกกินประตู

“เอ่อออ  ป๊อนซ์  กูเข้าไปได้มั้ย??”  ผมถามไปก่อนจะเอาหูแนบประตูอีกครั้ง

“......”  คิดว่ามันจะตอบรึ  เงียบอีกตามเคยแหละ

“งั้นกูเข้าไปนะ”  ผมพูดแสดงอาการอารมณ์ดีเต็มที่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปช้าๆ

แอ๊ดดดดดดดด

ไม้ไม่ค่อยดีเลยนะ  ส่งเสียงซะกูเสียวสันหลังเลย

“ปะ...”  ผมปิดประตูลงก่อนจะหันกลับมาเพื่อนเรียกป๊อนซ์  แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมองไปที่เตียงก็เห็นมันนั่งจ้องอยู่แล้ว

“เข้ามาทำไม?”

“คือ...”  ปากจะมาหนักอะไรตอนนี้เล่า  พูดซิโจ  พูดดดดดด

“ว่าไง?!”  อย่าเสียงดัง  กูเป็นคนขี้กลัว

“ก็....”  ตะคริวกินริมฝีปากกูแล้วครัช   จะเกร็งทำไมเนี่ยยย

“ออกไป!”

“ห๊ะ??!”  อะไรนะ   มันพูดว่าอะไรนะเมื่อกี๊

“กูบอกว่า   ออก   ไป !!”  มันพูดย้ำเสียงดัง  ก่อนจะก้มหน้าลงไปเล่นไอโฟนในมือต่อ

“ป๊อนซ์  กู...”

“กูจะไม่พูดซ้ำอีก”

“...........”   ผมยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกเพราะมันไม่ได้เป็นแบบนี้บ่อยๆ  เลยไม่รู้จะรับมือมันด้วยวิธีไหนดี

“............”  ทั้งห้องเงียบลงทันที  มันก็เงียบ  ผมก็เงียบ   ผมเลยตัดสินใจเดินออกมาจากความอึดอัดนั่นเสียดีกว่าที่จะยืนทนอยู่
โดยไม่มีอะไรดีขึ้น


...


“ฮืออออ  เอาไงดีมึงงง???”  ผมโอดครวญพร้อมกับยกหมอนขึ้นมาตีหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง

“อืมมม  ก็ง้อแบบที่มึงถนัดดิ”  ไอ้ภูมิดีดนิ้วเปาะก่อนจะพูดออกมาอย่างตื่นเต้น

“ยังไงวะ?”  ผมถนัดทำอะไรเนี่ยยย

“ก็....”

“พวกมึง  กูหิวข้าวว่ะ  ไปหาไรกินกันเหอะ”  ไม่ทันที่ไอ้ภูมิจะได้พูดอะไรออกมา  ไอ้ตัวปัญหาก็เดินออกมาก่อนจะพูดขึ้นเสียง
นิ่งๆ

ก๊า  ก๊า  ก๊า ๆ ๆ ๆ

บรรยากาศทั้งห้องเงียบ  เหมือนมีกาดำบินผ่าน

“เอออ  กูก็หิว  ท้องร้องเจี๊ยก  เอ๊ยย  จ๊อกก เลย” ไอ้ลิ้มที่ดึงสติกลับมาได้เร็วที่สุดพูดขึ้นทำลายความเงียบก่อนจะกระโดดข้าม
โซฟาไปกอดคอไอ้ป๊อนซ์และเดินพากันออกไปด้านนอก

ก่อนที่คนอื่นๆจะทยอยลุกขึ้น  และเดินตามไปอย่างงงๆ

“เอานา  มันรักมึงจะตาย  งอนแค่เนี้ย  ง้อสบายย”  ไอ้นายเป็นคนสุดท้ายที่ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินมากอดคอพาผมที่สติหลุดไหล
ไปไกลแสนไกล  ออกไปสมทบกับคนอื่นๆ





“อ้าว  ไอ้ป๊อนซ์  ทำไมมานั่งนี่วะ?”  ไอ้นายถามขึ้นเมื่อเปิดประตูรถแล้วไอ้ป๊อนซ์ไปนั่งคู่กับคนขับที่ต้องเป็นที่มัน

“อยาก” ป๊อนซ์เงยหน้าขึ้นตอบสั้นๆก่อนจะก้มหน้าลงเล่นไอโฟนต่อ

ไอ้นายส่ายหัวเบาๆ เดินขึ้นมานั่งข้างผมแบบงงๆ

“อะไรของแม่งวะ?”  มันบ่นอุบอิบก่อนจะหยิบไอโฟนขึ้นมาเล่นแก้เซ็ง

ผมรู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

“อย่าร้อง  เดี๋ยวมันก็หายโกรธ” ไอ้ไปป์กระซิบผมจากเบาะหลังที่มันนั่งก่อนจะพิงตัวลงไปนอนตามเดิม

ผมกัดริมฝีปากจนเริ่มจะชา  แต่จะปล่อยก็ไม่ได้กลัวว่าน้ำตาจะร่วงเอา

“ฮัลโหล  ครับ  อ๋อ  จำได้ครับ  ว่าไงจะไปกินข้าวเหมือนกันเหรอ  ที่ร้านQ ใช่ป่ะครับๆเดี๋ยวเจอกัน”  ไอ้ป๊อนซ์รับสายใครบางคน
พร้อมกับพูดจาเสียงหวานจนผมอดสงสัยไม่ได้

“ใครวะ?”  ไอ้ภูมิเป็นคนถามขึ้นแทนผมที่อยากรู้แต่ก็ไม่กล้าถาม

“คนที่เจอตอนเล่นน้ำวันนี้อ่ะ”

“เฮ้ยย  แล้วได้เบอร์มาได้ไง?”  ไอ้ลิ้มที่นั่งเบาะหลังสุดเด้งตัวขึ้นก่อนจะตะโกนถามมาด้านหน้า

“ก็เค้าให้  กูก็ไม่ปฏิเสธ”  ไอ้ป๊อนซ์พูดติดขำ  แต่ทำไมผมถึงไม่ได้รู้สึกขำไปกับมันด้วยเลยสักนิด

“ป๊อนซ์”  ไอ้ไปป์เรียกไอ้ป๊อนซ์เสียงนิ่ง  ไอ้ป๊อนซ์ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรแค่หันกลับมามองไอ้ไปป์นิดหน่อยก่อนจะหันกลับไปตาม
เดิม

ผมหยิบไอโฟนออกมาจากกระเป๋าก่อนจะไลน์ไปหาพีเจทันที


Joe:พีเจ  กูไม่ชอบแบบนี้เลย

หลังจากพิมพ์ส่งไปเสร็จผมก็กำไอโฟนเอาไว้ก่อนจะพิงหัวกับเบาะแล้วหลับตาลงเบาๆ

ตึ๊งง

ผมยกไอโฟนขึ้นมาก่อนจะสไลด์ปลดล็อคอย่างเลื่อนลอย


PJ:ไอ้นายบอกกูแล้ว

ผมหันไปมองไอ้นายที่นั่งเล่นไลน์อยู่เหมือนกัน  เร็วจริงนะมึง


Joe: กูไม่เข้าใจว่ามันโกรธอะไรกูนักหนา

PJ:มันอาจจะโกรธที่มึงทำมันเสียหน้าต่อหน้าคนเยอะๆรึเปล่า?

Joe:แต่มันต้องทำขนาดนี้เลยเหรอวะ?

PJ:ใจเย็นๆโจ

Joe:มันทำเหมือนกูไม่มีตัวตน   มันทำเหมือนกูกับมันไม่ได้เป็นอะไรกัน..

PJ: หยุดคิดเลย  เดี๋ยวกูโทรหา

ผมวางไอโฟนในมือลงบนตักอย่างหมดแรง   สาเหตุมันแค่เรื่องเล็กน้อย  แต่ทำไมป๊อนซ์ต้องทำให้มันแย่ขนาดนี้ด้วย

Rrrr

ผมกดรับโดยไม่ได้มองเบอร์เลยด้วยซ้ำ เพราะก็มีอยู่คนเดียวแหละที่จะโทรมาหาตอนนี้

(มึงโอเคมั้ย?)  น้ำเสียงเป็นห่วงของพีเจทำให้ผมรู้สึกเศร้าเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า 

ในขณะที่คนอื่นๆรอบตัวผม เพื่อนๆผมกำลังช่วยกันพยายามทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น  แล้วป๊อนซ์ล่ะ??  มันทำอะไรอยู่??

“ไม่”  ผมตอบเสียงเบาเพราะต้องพยายามคุมเสียงไม่ให้สั่นเกินไปและก็ไม่อยากให้ไอ้ป๊อนซ์ได้ยินด้วย

(ไหนให้กูคุยกะไอ้ป๊อนซ์หน่อยดิ)

“มึงก็โทรหามันเองดิ” ผมเผลอพูดเสียงดังจนทุกคนในรถหันมามอง

“พีเจ?” ไอ้นายถามผมเบาๆ

“อือ”  ผมพยักหน้าตอบช้าๆ

(แล้วมึงจะทำไงต่อ ?)

“ถ้ามันเป็นแบบนี้กูก็คงไม่ง้อว่ะ”  ผมพูดออกมาอย่างเลื่อนลอย ก่อนจะบังเอิญสบตากับไอ้ป๊อนซ์ผ่านทางกระจก

(โจ  มึงเย็นหน่อยดิวะ) ในขณะที่พีเจพูดเพื่อพยายามที่จะปลอบผม  แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนกับว่ามันกำลังเข้าข้างไอ้ป๊อนซ์มัน
กำลังบอกให้ผมทน

“ทำไมมึงต้องให้กูเป็นฝ่ายทนตลอดวะ??!!!”  ผมรู้สึกเหมือนความอดทนที่มีอยู่หมดลง  ก่อนจะตวาดออกมาจนลั่นรถ

“โจ” ไอ้ไปป์เอื้อมมือมาบีบไหล่ผมเบาๆ

(....) พีเจเงียบไปเหมือนจะไม่อยากขัดผมในตอนนี้

“คือทุกครั้ง  ตลอดมาตั้งแต่เมื่อก่อน  กู..ต้องเป็นฝ่ายทน   กู...ต้องเป็นฝ่ายตามง้อ  และกู..อีกนั่นแหละที่ต้องเป็นคนเศร้าอยู่ฝ่าย
เดียวตลอด!”

“โจ มึง...” ไอ้นายเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีแล้วมันก็เป็นคนที่ใกล้ตัวผมที่สุดในตอนนี้ มันเลยเป็นคนที่หันมาปลอบผม

(อยากพูดอะไร  พูดออกมาเลยโจ) สิ้นเสียงของพีเจ น้ำตาที่ผมพยายามกลั้นเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“ฮึกกก ทำไมต้องเป็นกูตลอด  มึงคิดว่ามึงไม่ผิดเลยรึไง!!!”

“แล้วกูผิดอะไรล่ะ ??!!”  ไอ้ป๊อนซ์ที่นั่งเงียบมานานก็หันมาตอบกลับอย่างฉุนเฉียวจนผมตกใจ

“เชี่ยป๊อนซ์เงียบก่อน” ไอ้ภูมิที่ขับรถอยู่ต้องใช้มือที่ไม่ได้บังคับพวงมาลัยดึงไอ้ป๊อนซ์ให้หันหน้ากลับไปตามเดิม

“ฮึ้ยย!!”  ไอ้ป๊อนซ์สะบัดมือไอ้ภูมิออกอย่างฉุนเฉียวก่อนจะหันกลับไปนั่งหันหน้าทางเดิม

(......)  พีเจยังคงเงียบเพื่อฟังในสิ่งที่ผมจะพูด

“ป๊อนซ์กูสงสัยว่ามึงโกรธอะไรกูนักหนา  ฮึกกก  มึงบอกกูได้มั้ย?”  ผมถามมันเสียงอ่อน

“มึงทำกูขายหน้าต่อหน้าคนทั้งถนน  หลายคนหันมาหัวเราะกู!!”

“เหตุผลของมึงมีแค่นั้น??” ผมถามกลับไปทันทีที่มันพูดจบ

“มึงมาเป็นกูมั้ยล่ะ??!!”

“กูสิต้องถามประโยคนั้น!!  กูถามมึงหน่อยว่าถ้าวันนี้  กูเป็นคนที่ไปยืนอยู่กลางวงล้อมแบบนั้นมึงจะทำไง???!!  มึงอาจจะทำ
มากกว่าที่กูทำก็ได้  และที่กูทำกูไม่ได้มีเจตนาจะให้มึงขายหน้าหรืออะไรเลย  แต่กูแค่อยากจะเตือนให้มึงรู้ว่ากูยังมีตัวตน  กูยัง
ยืนหายใจอยู่ตรงนั้น!!!!!!!!!!!!!”  ผมระบายออกมายาวเหยียด  ก่อนจะก้มหน้าลงร้องไห้กับฝ่ามืออย่างบ้าคลั่ง

“........”รถทั้งคันตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง  ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย

(มึงพูดหมดรึยัง?)  พีเจถามขึ้นหลังจากที่เงียบมาพักใหญ่

“อืออ”  ผมตอบกลับไปเบาๆ

(งั้นก็โอเค  เชื่อกู  เดี๋ยวทุกอย่างจะดีเอง)

“ขอบใจมึงมากนะ  ที่คอยให้กำลังใจกู”

(หึ  กูก็แค่ทำในสิ่งที่อยากทำ)

“อืมม งั้น...”

(เดี๋ยวๆๆ ดลจะคุยด้วย)  พีเจพูดดักขึ้นก่อนที่ผมจะกดตัดสาย

“อืมม”

(พี่โจ)  เสียงดลดูเป็นกังวลจนผมสัมผัสได้

“กูโอเคแล้ว”  ผมพูดพร้อมกับยิ้มออกมาเบาๆหลังจากที่ระบายทุกอย่างในใจออกไปจนหมด

(อือออ  มีอะไรก็โทรหรือไลน์มาอีกนะ)

“อือออ  ไปนอนได้แล้ว  เสียงมึงดูง่วงมากอ่ะ”

(ครับบๆ)   ดลรับคำก่อนจะวางสายไป

“เอ่ออ  กูว่าตอนนี้เราลงไปกินข้าวกันก่อน  แล้วเดี๋ยวยังไงค่อยไปเคลียร์กันต่อที่ห้อง” ไอ้ไปป์ที่ดูจะคุมสถานการณ์ได้ดีสุดพูดขึ้น

“เออๆๆ  กูหิวมากตอนนี้  ไปเทล”  ไอ้ลิ้มก็ตะโกนตอบมาจากด้านหลังก่อนจะรีบแทรกตัวกระโดดลงจากรถเป็นคนแรก  โดยที่ไม่ลืมเรียกท็อปเทลที่ดูยังอึ้งๆกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่หาย

“กูขอโทษ”  เสียงเบาๆของไอ้ป๊อนซ์แว่วมาจากด้านหน้า

“......”  ผมเลือกที่จะเงียบก่อนจะเดินลงจากรถต่อจากไอ้นาย

บางทีการที่เราเลือกที่จะเงียบก็เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีได้เหมือนกัน





“ให้กูตักก่อนได้มั้ยนาย??!”

“แต่ก็คิดจะตักก่อนมึง!”

“มึงรู้ได้ไงสัด  มึงเข้ามาส่องความคิดกูดูเหรอ?”

“เอออ  กูแม่งนาย จู๋สัมผัส!”

“เชี่ยกูชอบมุกมึง  ฮ่าๆๆๆๆ”  อ้าววเมื่อกี๊มึงยังทะเลาะกับมันอยู่เลยไม่ใช่เหรอภูมิ

“จริงดิ  กูคิดนานเลย  คุ้มๆๆๆ”

“งั้นกูให้เกียรติมึงตักก่อนเลย”  ไอ้ภูมิพูดพร้อมกับปล่อยมืออกจากช้อนที่เพิ่งจะแย่งกันอยู่เมื่อกี๊

“เฮ้ยยย  ได้ไง  มึงอุตส่าห์ชอบมุกกู  มึงก่อนเลย”

“เฮ้ยย  ไรวะนาย  นี่มึงกวนตีนกูป่ะ?!”

“อ้าวเฮ้ยย ไอ้ภูมิ  นี่มึงชวนทะเลาะนี่หว่า”

“มึงแหละ!”

“มึงเลย!”

แล้วมันก็ยังไม่ได้กินต้มยำนั่นสักที  ปล่อยพวกมันไปสักพักคงจะดีขึ้น

“อ่ะ”  ไอ้ป๊อนซ์วางเนื้อปูที่แกะเปลือกออกจนหมดลงในจานของผม

“....”  ผมนิ่งก่อนจะหยิบปูอันใหม่มาแกะเอง

ไม่ใช่จะเล่นตัวหรืออะไรหรอกนะ  แต่ผมก็มีจิตใจนะ  จะมาดีบ้างร้ายบ้าง  ผมก็ไม่ไหวเหมือนกัน

เมื่อกี๊มันก็นั่งพร่ำขอโทษผมมาพักใหญ่ๆแล้ว  แต่ผมก็มีเพียงความเงียบที่เป็นคำตอบให้กับมัน

“เทล นั่นแก้วพี่!” ไอ้ลิ้มดึงแก้วกลับจากมือท็อปเทลก่อนจะยกขึ้นกระดกจนหมดแล้วจึงวางแก้วลงตามเดิม

“ได้กินแต่โค้ก” ท็อปเทลบ่นอุบอิบก่อนจะเอาแก้วของตัวเองมาหมุนเล่นไปมา

“งั้นเอานี่เลย est เอาไปผสมกับโค้กในแก้ว”

“พี่ลิ้ม!!!”  เออ  ดีเนอะ นี่ก็ทะเลาะกันอีกแล้ว  ช่วยนั่งกินกันนิ่งๆเงียบๆเหมือนไอ้ไปป์กะพลัสเตอร์ได้มั้ยเนี่ย

ผมดึงทิชชู่มาเช็ดมือก่อนจะลุกขึ้นเดินออกมาจากโต๊ะ  ก่อนจะเดินตรงไปยังระเบียงของร้านที่ทอดลงไปยังชายหาด และมีการจัด
สวนตกแต่งไว้นิดหน่อยพอให้มานั่งผ่อนคลายได้

ผมเดินไปนั่งบนชิงช้าก่อนจะแกว่งมันเบาๆ

“ทะเลตอนกลางคืนน่ากลัวว่ามั้ย?” ป๊อนซ์เดินออกมาจากร้านก่อนจะมานั่งลงบนราวระเบียงแล้วเห่อมองไปที่ทะเล

“.........”  ผมมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ

“มันดูมืดมน  ดูน่ากลัว”

“.........”

“แต่เดี๋ยวตอนพรุ่งนี้เช้ามันก็กลับมาสดใสเหมือนเดิม”

“.............”  ผมยังคงไม่เข้าใจในสิง่ที่มันต้องการจะสื่อ

“กูหวังว่ามึงจะเป็นเหมือนทะเลนะ  ผ่านช่วงเวลาที่มืดมนแล้วกับมาสดใสร่าเริงเหมือนเดิม”

“.........” 

“และถ้ากูเป็นสาเหตุที่ทำให้มึงเป็นทะเลที่มืดมิด กูก็ยินดีที่จะทำทุกอย่างให้มึงกลับมาสดใสกลับมาเป็นทะเลกลางวันของกู
เหมือนเดิม”  มันยิ้มบางๆก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้าน  ทิ้งให้ผมนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยคนเดียว





“ไปไหนมาวะ?”  ไอ้นายถามเมื่อเห็นผมเดินมานั่งตามเดิม

“ดูทะเลมา”ผมตอบสั้นๆก่อนจะลงมือกินบรรดาสัตว์ทะเลที่นอนตายอยู่ในจาน

“กลางคืนเนี่ยนะ??”

“อืมม  ทะเลกลางคืนก็ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ” ผมตอบออกมาลอยๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพื่อมองไอ้ป๊อนซ์  แต่...

มันหาย!

“เอ่ออ...” จะถามใคร  และถามยังไงดี???

“ไอ้ป๊อนซ์ไปห้องน้ำ” ไอ้ไปป์เห็นท่าทางของผมเลยตอบในสิ่งที่ผมอยากรู้โดยที่ผมไม่ต้องปริปากถาม

“อืม”  ผมพยักหน้ารับนิดๆ  ก่อนจะลงมือกินต่อ



พรึ่บบ!!


จู่ๆไฟทั้งร้านก็ดับลง

 “กูกลัวอ่ะภูมิ”

“ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่ามึงแล้วนาย-_-“

ก่อนที่สปอร์ตไลท์จะส่องลงมาข้างๆที่นั่งของผมพร้อมกับไอ้ป๊อนซ์ที่ยืนถือกีต้าร์อยู่




‘บอกตรงๆว่าฉันก็เสียใจ
ที่ทำให้เราต้องทะเลาะกัน
ไม่ว่าด้วยเหตุผลนั้นคืออะไร’



เสียงกีต้าร์เบาๆคลอไปกับเสียงร้องของป๊อนซ์ทำให้ผมรู้สึกเขินขึ้นมากะทันหัน

คืออันที่จริงผมหายโกรธมันตั้งแต่ที่มันไปพูดเรื่องทะเลกับผมที่ระเบียงแล้วแหละ



‘คนผิดคือฉัน  .....  ไม่ใช่เธอ’


อันที่จริงผมก็มีส่วนผิดที่ให้คนไปสาดน้ำใส่มัน   -_-


‘อย่าร้อง..... อย่าร้องไห้เลยเธอ
หันหน้ามาคุยกันก่อนดีไหม?’



มันเดินเข้ามาใกล้ผมยิ่งกว่าเดิมก่อนจะหยุดยืนอยู่อย่างนั้น


‘ต้องทำยังไงเธอจึงจะยอมหายโกรธ
ต้องทำยังไงเธอจึงจะยกโทษให้ฉัน...
อย่าทรมานโดยการไม่มองหน้ากัน....นึกว่าสงสาร   คนรักกัน.....’



มันเงียบไปก่อนจะหันไปฝากกีต้าร์ไว้กับพนักงานของร้าน แล้วหันกลับมานั่งคุกเข่าลงตรงหน้าผม


‘ฉันขอโทษ’


ทันทีที่มันร้องจบ  ไฟทั้งร้านก็กลับมาสว่างตามเดิม พนักงานก็เดินเอากีต้าร์ไปเก็บบนที่ของมันบนเวที

ผมยิ้มออกมาช้าๆ  ก่อนจะโน้มตัวลงไปกอดมันจนแน่น

“กูหายโกรธมึงตั้งแต่ที่ระเบียงแล้วเชี่ย!!”

“อ้าวว  เหรอ??!” มันผละออกก่อนจะบีบจมูกผมเบาๆ

“เออดิ  ตรรกะมึงเรื่องทะเลอะไรนั่นทำกูงงๆ  แล้วรู้ตัวอีกทีก็หายโกรธมึงไปแล้ว” ผมยกมือขึ้นกอดอกก่อนจะขำออกมานิดๆ

“หึๆ ไหงจากตอนแรกมึงง้อกู  สุดท้ายกลายเป็นกูต้องง้อมึงวะ??” ป๊อนซ์ลุกขึ้นยืนก่อนจะขยี้หัวผมเล่นเบาๆ

“กูไม่ได้บังคับมึงนี่”

“ไม่ต้องบังคับหรอก  กูรู้ตัวเองดี”

“เยี่ยมมม!”

ไอ้ป๊อนซ์ยิ้มก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเองและลงมือกินต่อ

“เดี๋ยว!!”ผมดึงจานข้าวของมันมาก่อนที่มันจะได้ตักอะไรกิน

“อะไร??”  ไอ้ป๊อนซ์ที่จับได้แค่ช้อนกับส้อมไปก็นั่งเอ๋อ  ทำหน้างงแตกไปตามระเบียบ

“แล้วไอ้ที่มึงรับสายในรถอ่ะ!”

“อ๋อออ  กูทำไปงั้นแหละ ไม่มีเบอร์ ฮ่าๆๆๆ”  ไอ้ป๊อนซ์หัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะดึงจานตัวเองกลับ

“เชี่ยป๊อนซ์!!!”

“รักมึงหรอกถึงทำอ่ะ  ไม่รักไม่งอนหรอกนะจะบอกให้” ไอ้ป๊อนซ์พูดพร้อมกับทำมือเป็นรูปปืนแล้วยิงมาทางผม

“ไม่รักไม่ต้องมาแคร์ไม่ต้องมาดีกับฉัน....”  ไอ้ภูมิกับไอ้นายประสานเสียงกันร้องออกมาพร้อมกับลุกขึ้นยืนทำท่าด้วย

“แดกไป!” ผมหันไปตะคอกใส่มัน

“เมียโหดอ่ะ” ไอ้ภูมิทำท่าดัดจริตก่อนจะหันไปสะกิดบอกไอ้ป๊อนซ์ที่นั่งแดกอยู่ข้างๆ

ไอ้ป๊อนซ์วางช้อนในมือก่อนจะลุกขึ้นยืนและตะโกนออกมาจนลั่นร้าน

“ก็บอกว่าเมียไม่มี๊!!!”

“สาวกก้านคอคลับเหรอมึง   เดี๋ยวกูช่วยสงเคราะห์ก้านคอพับเอามั้ย??!!”



ความรักไม่ได้มีเพียงด้านที่สว่างสดใสเพียงด้านเดียว
มันย่อมต้องมีด้านมืดเป็นของที่คู่กันมาด้วย 
มันก็อยู่ที่คุณว่าคุณจะใช้ช่วงเวลาที่มีกับด้านใดมากกว่าเท่านั้นเอง




ต่อ  Bonus  ด้านล่าง>>>>


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด