ตอนที่ 11
Boo Psat
โอ๊ยยยยยย พูดเลยนะพวกมันสองคนคิดอะไรอยู่เนี้ยทำไมถึงยอมมากับพวกพี่เปอร์พี่แม็ค...ขนาดผมไม่ใช้พวกมันสองคนยังเสียวสันหลังแทนเลย ถ้าเป็นผมละก็จะไม่เสี่ยงหนีพี่เพชรหรือเวสเตอร์มาดูหนังกับพวกพี่เปอร์พี่แม็คเด็ดขาดเชื่อผมสิ
“น้องเป็นไรป่าวอะ”
“ห๊ะ!!” ผมมองผู้ชายตรงหน้างงๆ...พี่เค้าเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับพวกพี่เปอร์พี่แม็ค...เออว่าแต่พี่เค้าชื่อไรนะ
“พี่ถามว่าเป็นอะไรรึป่าว เดี๋ยวๆก็ขมวดคิ้ว เดี๋ยวๆก็เหมือนมองหาอะไร” มาจับพิรุจอะไรได้ตอนนี้เล๊า!! ไอ้เพื่อนบ้านสองคนนั้นก็เดินเป็นคู่ๆนำผมลิ่วไปแล้ว
“เอ่อ...ป่าวคับผมแค่...” แค่อะไรดีว่ะเรา T^T
“แค่...” คิดสิคิด...คิดๆๆๆ
“โอเคๆๆ...ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า ปล่อยพวกนั้นเค้าไปกันเป็นคู่เถอะ” พี่แกพูดแล้วทำหน้าเหมือนขำผมพร้อมกับลากผมไปไหนสักที่
“ห๊ะ...คู่..” หมายถึงผมคู่พี่ด้วยอะหรอ
“กินอะไรกันดีอะ” พี่แกหันมาถามผมยิ้มๆ...ผมก็ได้แต่อึกอักไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี คือผมไม่ได้มีเงินกินอาหารแพงๆได้บ่อยขนาดนั้นหรอกนะ ผมต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองจะให้เอาที่ไหนมากินบ่อยๆ และนี้มันก็ช่วงกลางเดือนขืนผมใช้เงินโดยไม่คิดล่ะก็ผมตายแน่
“คือผมแบบ...” จะบอกว่าไงดีอะ
“เป็นอะไรรึป่าว”
“พี่คับคือแบบผมว่า...เราไม่ต้องกินอาหารแพงๆได้ไหม คือผมต้องแบบ...เอ่อ ประหยัดนะ คือผมทำงานหาเงินเรียนเองแล้วทีนี้ผมว่าผมควรต้อง....” ผมพยายามอธิบายให้พี่แกเข้าแกแต่เชื่อไหมทั้งที่ผมเป็นคนพูด ผมยังไม่เข้าใจตัวเองเลย
“งั้นกินร้านนี้ละกันนะ” แต่เหมือนแกไม่ฟังที่ผมพูดสักเท่าไรพี่แกพูดจบก็เล่นลากผมเข้าซิสเลอร์ทันที แหงะ...เงินผม... T^T
“เอาอะไรดีละเรา” พี่แกหันมาถามผมเมื่อสั่งอาหารและเครื่องดื่มของตัวเองเสร็จ ผมไม่รู้จะทำไงดีอะดูราคาอาหารแล้วช็อคอะ
“ผมว่าผมไม่...”
“งั้นเอาเสต็กเนื้อนิวยอร์คมัชรูมอีกที่ละกันคับเครื่องเคียงก็มันบดส่วนเครื่องดื่มเป็นชามะนาว...แค่นี้คับ”พี่เค้าหันไปสั่งอีกที
“กินเนื้อได้ใช่ไหม” พี่เค้าถามขึ้นเมื่อผมพนักงานเดินไป ผมนี้อยู่ในช่วงมึนขั้นสุดยอด ราคาอาหารที่พี่แกสั่งไปให้ผมเมื่อกี้ผมกินข้าวได้สามวันเลยนะ T^T
“พี่คับผมว่าผมบอกพี่ไปแล้วนะว่าผม...”
“เดี๋ยวพี่จ่ายเอง พี่ต้องดูแลคู่เดทของตัวเองดิ” ห๊ะ!! ผมงงหนักกว่าเดิมอีก...ใครเดทกับใครว่ะ
“ใครเดทอะ” ผมถามออกไปงงๆ
“ก็พวกมันพาน้องช้อนชากับน้องสายฝุ่นมาเดทซึ่งพวกเราก็มาด้วย แล้วเราก็อยู่กับพี่งั้นแสดงว่าเรากำลังเดทกับพี่ไง” พี่แกพูดหน้าทพเล้น
“พี่อย่างมั่วอะ...ผมไม่ได้เดทกับพี่”
“ช่างเหอะ...นายคิดไงก็เรื่องของนายพี่จะคิดแบบนี้...อีกอย่างเป็นคู่เดทที่ดีให้หน่อยนะ ตอบแทนเรื่องค่าอาหารวันนี้”
“พี่กำลังทำให้ผมรู้สึกแย่” ผมพูดเคืองๆ ผมรู้สึกตัวเองเหมือนคนขายตัวแลกค่าข้าวยังไงยังงั้น
“เฮ้ย!! คิดมากน้าพี่แค่หมายถึงว่า อย่าไปคิดมากเรื่องค่าอาหาร...เอาเป็นว่าพี่เลี้ยงเราในฐานะรุ่นน้องก็แล้วกัน...ไว้มีโอกาสเราค่อยเลี้ยงพี่คืน” พี่แกพยายามอธิบายให้ผมเข้าใจ
“ผมคงไม่มีปัญญาเลี้ยงอาหารแพงๆพี่หรอก” ผมตอบแล้วมองไปนอกกระจก
“ข้าวแกงข้างทางก็ได้ขอแค่นั่งกินกับนาย” ผมหันกลับไปหน้าพี่แกงงๆพี่แกเห็นผมมองก็ยิ้มหล่อกลับมาให้
“พี่ผมถามไรหน่อยสิ”
“เอาดิถามเลย” พี่แกทำหน้าดีใจซะเหลือเกินที่ผมมีคำถามจะถามแก
“พี่ชื่ออะไรอะ” พี่แกขมวดคิ้วทันทีที่ผมถามเสร็จแกกรอกตาไปมาเหมือนเซ็งกับคำถามของผม
“คุยมาตั้งนานนี้ไม่รู้จักชื่อพี่หรอ...พี่ชื่อรัน”
“ออ..ผมชื่อบู่นะ” ผมแนะนำตัวเองกลับ
“คิดว่าพี่ไม่รู้ชื่อนายรึไง” พี่แกถามผม
“ไม่รู้สิ...ผมยังไม่เห็นรู้ชื่อพี่เลย” ผมบอกออกไปตามความจริง
“พอเถอะคับบู่พี่ฟังแล้วรู้สึกแย่ที่คู่เดทไม่รู้แม้กระทั่งชื่อพี่”
“แต่ผม.....” ไม่ใช่คู่เดทของพี่นะ...ผมได้แต่เถียงต่อในใจ เพราะกำลังจะอ้าปากเถียงพนักงานก็เอาอาหารมาเสริฟซะก่อน
“เอาหล่ะกินสิ” พี่รันพูดแล้วยิ้ให้ผมอีกครั้ง ผมได้แต่ถอนหายใจอย่างเบื่อๆก่อนจะก้มลงกินสเต็กตรงหน้า
“นี้พี่พูดจริงนะ” ผมเงยหน้าขึ้นมามองหน้าพี่รัน
“ที่บอกว่าขอเดทนะ” ผมรีบก้มหน้ามองจานสเต็กทันทีอย่างไม่รู้จะทำไง
“แล้วก็....จะจีบเราด้วย” ผมเงยหน้าขึ้นมามองพี่แกอีกครั้งแบบอึ้งๆ...ให้ตายสิ ชีวิตผมทำไมผู้มีแต่ผู้ชายเข้ามาจีบนะ...หรือคนพวกนี้ดูไม่ออกว่าผมเป็นผู้ชาย
“ผมเป็นผู้ชายนะ”
“พี่ไม่ได้ตาบอด” พี่แกมองผมแล้วตอบ
“ผมไม่ได้เป็นเกย์”
“พี่เหมือนคนเป็นเกย์หรอ” พี่แกถามย้อนผม
“พี่ไม่ใช่เกย์แล้วจะมาจีบผมทำไม” ผมยังถามอีก
“ก็ชอบไงเลยจีบ” พี่แกยิ้มให้ผม...คือ โลกร้อนเกินไปรึไง ประสาทกลับรึป่าว
“เลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีน้ามันตลก...กินได้แล้ว เดี๋ยวได้เวลาหนังจะฉายแล้ว” ผมนั่งก้มหน้ากินไปแบบเงียบๆแล้วไม่เงยหน้าจากจานตัวเองเลย ไม่รู้จะทำหน้ายังไงตอนมองพี่แก
“มาช้านะมึงไอ้รัน” พี่เปอร์ว่าเมื่อผมกับพี่รันเดินมาถึงโรงหนัง จากนั้นเราก็เดินเข้าไปในโรงหนังและพบว่าพวกพี่สามคนนั้นซื้อที่นั่งสวีตไว้และแน่นอนว่าพวกพี่เค้าจับพวกผมสามแยกออกจากกันแล้ววางคู่ให้อย่างเสร็จสรรพ...แล้วหนังที่ดูนะเรื่องอะไรเรื่องอาร๊ายยยยย หนังผี!!! ไม่น๊า T____T
ผมสติจะแตกอยู่แล้วนี้แค่เริ่มเรื่องนะ...ผมนั่งหลับตาปี๋ปิดหูแน่นตั้งแต่เพลงสรรเสริญจบอะ...ใครก็ได้ช่วยผมที ผมกลัวผี...ผมเกลียดหนังผี
“บู่ กลัวหรอ” ผมลืมตามองคนที่สะกิดผม...ผมรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้น้ำตาผมจะไหลแล้ว
“ออกไปไหม” พี่แกถามผมแล้วเช็ดน้ำตาให้ ผมได้แต่ส่ายหัวดิกๆ...ไม่อยากดูน่ะแต่ค่าตั๋วมันแพงอะถึงผมจะไม่ได้จ่ายก็เหอะเสียดายเงินอยู่ดี
“งั้นเขยิบมานี้” พี่รันพูดแล้วถึงผมไปโอบผมพยายามขืนตัวไว้และดิ้นให้พี่เค้าปล่อย
“ไม่ทำอะไรหรอก อยู่นิ่งๆเหอะน้าถ้านายยังดิ้นมากๆคนอื่นมองแน่”
“ปล่อยนะทำไรเนี้ย” ผมจ้องหน้าเค้าแบบเอาเรื่อง พี่รันไม่ตอบแต่กลับโอบเอวผมแน่นขึ้นแล้วหันไปดูหนังต่อผมจึงดิ้นอีกครั้ง
“ดิ้นอีกพี่จูบ” ผมสตั้นทันทีที่ได้ยินก่อนจะค่อยๆหันไปทางจอหนัง
ตึ๊ง!!!! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
เฮือกกก
ผมยกมือขึ้นมาปิดตาแล้วหันไปซบที่ไหล่พี่รันไว้ ผมรู้สึกลมหายใจตัวเองสะดุดทันทีที่ผีโพล่ออกมา ให้ตายสิ...กลัวอะ อยากร้องละเนี๊ยยยย T^T
“พี่รัน...ผมกลัวอะ อยากร้องไห้ละเนี้ย” ดูหนังต่อไปสักครึ่งเรื่องผมก็สะกิดเรียกพี่รันแล้วสาระภาพออกมาทันที
“ออกไปไหม” พี่เค้าถามผมอีกครั้งแต่ผมก็ยังส่ายหัวเป็นคำตอบ
“ผมเสียดายค่าตั๋วอะ” ผมบอกพี่แกไปก่อนจะยกมือพี่แกที่เปลี่ยนมาอยู่ที่ไหล่ผมเมื่อไรไม่รู้ขึ้นมาบังทัศนียภาพไว้ก่อนที่ผมจะใช้มือปิดหูตัวเองอีกที ไม่ไหวจะเคลียชีวิต...ตลอดระยะเวลาเกือบสองชั่วโมงที่ผ่านมาผมรู้สึกสยองเหมือนโลกจะแตกพอหนังจบเท่านั้นแหละผมก็รีบลุกแล้วเดินออกจากโรงหนังแบบไม่รอใครทั้งนั้นอะ ผมยืนสะบัดหัวไปมาอยู่หน้าโรงหนังเหมือนคนบ้า
“นี้...วิ่งออกมาไม่รอเลยนะ” พี่รันที่ตามผมมาพูดพร้อมกับจับมือผม ผมพยายามจะดึงออกแต่พี่แกก็จับมือผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“พี่บู่” ผมหันหาเลิ่กลั่กเพื่อมองหาคนที่เรียกผมพอหันไปด้านหลังผมก็พบกับยี เด็กที่ผมสอนพิเศษให้
“อ้าวยี...มาทำไรที่นี้”
“นี้โรงหนังนะพี่บู่ยีก็ต้องมาดูหนังสิ” เออทำไมถึงถามคำถามแบบนั้นออกไปได้นะผม
“อ๊อ...”
“พี่บู่ วันนี้พี่บู่ไปสอนยีที่คอนโดพี่ชายนะ วันนี้ยีนอนคอนโดพี่ชายไม่มีใครอยู่บ้าน” ยีบอกผม
“ได้สิ...คอนโดพี่ชายของยีอยู่ที่ไหนหล่ะ”
“อยู่แถวๆ XXX...พี่บู่ไปพร้อมยีเลยก็ได้นะเดี๋ยวพี่ชายยีกำลังจะมารับ” แต่ผมจอดรถทิ้งไว้ที่มหาลัยนะสิ...ผมยกมือขึ้นมองนาฬิกาสี่โมงเย็นพอดี กลับไปเอารถก่อนเสียเวลาแน่เลย...สอนเสร็จค่อยไปเอาดีไหมอะ
“ไอ้บู่ วิ่งป่าราบออกจากโรงหนังเลยนะมึง” ไอ้ฝุ่นที่เดินมาพร้อมไอ้ช้อนพูดแซวผมขำๆ
“สรุปไงอะพี่บู่...วันนี้ว่างสอนยีป่าว” น้องถามผมขึ้นอีก
“ว่างคับๆ...เดี๋ยวพี่ไปพร้อมยีเลยก็ได้จะได้ไม่เสียเวลาสอยเราด้วย” ผมหันไปตอบน้องยี
“นี้ใครว่ะไอ้บู่” ช้อนชาถามผมแล้วพยักเพยินหน้าไปทางน้องยี
“น้องที่กูสอนพิเศษให้ไงจำได้ไหมที่เคยเล่าให้ฟังอะ” พวกมันสองตัวพยักหน้ารับหงึกหงัก
“ยี...นี้ไอ้ช้อนไอ้ฝุ่นเพื่อนพี่ และนี้ก็พี่รันรุ่นพี่ของพี่” น้องยีหันไปยิ้มน่ารักให้ไอ้เพื่อนผมสองคนก่อนจะมองมาที่มือของผมที่ถูกพี่รันจับไว้อยู่ผมเลยรีบสะบัดให้หลุดแต่อยู่ๆน้องยีก็ขมวดคิ้วมุ่นทำหน้าแหยะๆแล้วมองผ่านผมไปข้างหลัง ผมเลยมองตามสายตาน้องไปอย่างงงๆก็พบกันพี่เปอร์และพี่แม็คที่กำลังเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังไอ้ช้อนและไอ้ฝุ่น
“พี่บู่รู้จักคนพวกนี้ด้วยหรอ” น้องยีถามผมแล้วทำสายตาแหยงๆใส่สองคนนั้น
“น้องยี” พี่เปอร์ทักยีขึ้น...นี้สรุปรู้จักกันหรอ ผมมองหน้าน้องยีที่เบะปากใส่พี่เปอร์อย่างไม่สบอารมณ์พร้อมกับกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่ายแสดงให้เห็นถึงความรังเกียจที่มีต่อสองคนนั้นอย่างชัดเจน...พวกเค้าคงไม่ถูกกันสินะ
“งั้นเราไปกันเหอะพี่บู่ พี่ชายยีมาถึงแล้ว” น้องยีก้มลงไปกดโทรศัพท์ยิกๆแล้วเงยหน้าขึ้นมาคุยกับผม
“อา...พวกมึง กูต้องไปแล้วนะมีสอนพิเศษน้องเค้าอะ” ผมหันไปบอกเพื่อนผมทั้งสองคน
“พวกพี่คับผมไปละนะ” ผมถอยหลังมาแล้วยกมือไหว้พี่ทั้งสามคน...น้องยีเดินนำผมมาจนถึงลานจอดรถแล้วพาผมเดินไปใกล้ๆรถคันนึงที่เหมือนผมจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่พอผมเปิดประตูแล้วแทรกตัวเข้าไปนั่งเท่านั้นแหละผมนี้ตัวลีบเหลือสองเซ็นเท่านั้น
“พี่ซี...นี่พี่บู่ พี่ที่สอนพิเศษให้ยี” ใช่คับพี่ชายที่น้องยีว่าก็คือพี่ซีเพื่อนของพี่เพชรไง
“สวัสดีคับพี่ซี” พี่ซีมองผมผ่านกระจกหลังแวบนึงก่อนจะสนใจคับรถต่อ
“เออ...ยีลืม พี่บู่เป็นรุ่นน้องที่คณะพี่ซีหนิ” ยีพูดแล้วกดโทรศัพท์ในมือเล่นไปเรื่อยๆ
“พี่บู่ ผู้ชายคนเมื่อกี๊แฟนพี่อ๋อ”
“ห๊ะ...อะไร ใครแฟน” ผมเงยหน้าขึ้นมามองยีอย่างงงๆ
“ก็คนที่ยืนจับมือกับพี่ไง”ยีเอี้ยวตัวหันกลับมามองผม ผมมองพี่ซีแวบนึงก่อนจะส่ายหัวตอบยีไป
“รุ่นไง...พี่บอกว่างั้นไม่ใช่หรอ” แล้วน้องยียักไหล่ใส่ผม
“แล้วเพื่อนพี่ที่ชื่อช้อนกับฝุ่นอะเป็นแฟนไอ้พี่เปอร์กับไอ้พี่แม็คหรอ เห็นเดิมตามกันต้อยๆไม่ห่าง...พี่ไปรู้จักพวกนั้นได้ไงเนี้ย...พี่ซีพี่รู้ไหมว่าพี่บู่รู้จักกับไอ้บ้าพวกนั้นด้วย” ยีถามก่อนจะหันไปบ่นกับพี่ตัวเองหน้าเซ็งๆ ผมหันไปมองหน้าพี่ซีทันทีแล้วผมก็พบว่าพี่ซีมองผมผ่านจกจกอยู่ พี่แกยกโทรศัพท์ออกมากดโทรหาใครสักคน
“ไอ้เพชรกูเคยเตือนแล้วนะว่าให้เฝ้าชิ้นเนื้อมึงดีๆ” ชื่อที่พี่ซีพูดขึ้นทำให้ผมอยากจะปาดเหงื่อทันที...สักพักพี่แกก็ส่งโทรศัพท์มาให้ผม ผมเองก็รับมางงๆ
“คุยสิ” ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูตามที่พี่ซีบอก
“ฮัล...”
“มึงเป็นใคร!!....แล้วไอ้ซีพูดแบบนั้นหมายความว่าไอ้ช้อนไปทำอะไร” เสียงที่ตะคอกทำให้ผมตกใจจนแทนจะปล่อยมือถือทิ้งไปผมทำหน้าเลิ่กลั่กแล้วหันไปมองพี่ซี พี่ซียิ้มมุมปากกลับมาเท่านั้น
“คะ...คือ”
“ตอบ!!! ไม่งั้นมึงเจ็บ” โฮววววววววววววววววว ขู่ผมทำม๊ายยยยย!!!! แล้วจะทำไงได้ละผมทีนี้นอกจากเล่าความจริงให้พี่เพชรฟัง...ไอ้ช้อนชากูขอโทษษษษ....อยากบอกว่ามึงซวยแล้วกูพูดเลย T^T
หลังจากสอนิเศษยีเสร็จผมก็ออกจากคอนโดพี่ซีแล้วกลับไปเอารถที่มหาลัยก่อนจะไปเข้างาน...ผมทำงานเป็นเด็กเสริฟที่ร้านเหล่าแห่งหนึ่งคับ มันทำรายได้ให้ผมค้อนข้างโอเคนะ ส่วนมากผมมักได้ทริปมือบ่อยนั้นมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีเสียอยู่อย่างคนที่ให้ทริปผมมันเป็นผู้ชายเสมอนี้แหละ
“รับอะไรดีคับ” ผมเดินไปรับออเดอร์ที่โต๊ะลูกค้าแล้วสายตาผมก็เหลือบไปเห็นว่าพี่ซีกับพี่บีฟนั่งอยู่ในโต๊ะด้วยผมรีบก้มหน้าหนีสายตาน่ากลัวๆของพี่ซีทันที...วันนี้ดวงกุดทั้งวันเลยผม
“อ่าว...น้องบู่หนิ” แล้วพี่บีฟก็ทักผมในที่สุด
“สวัสดีคับพี่บีฟ สวัสดีคับพี่ซี” ผมยกมือไหว้พี่แกทั้งสองคน
“ใครว่ะไอ้บีฟ เด็กมึงหรอน่าล่อใช้ได้” ผมหน้าเหวอทันทีที่ได้ยิน...เด็กเดิกเหี้ยไรแล้วใครหน้าล่อ!!!
“เด็กบ้านมึงดิไอ้เหี้ยซันนี้รุ่นน้องก็เหอะ” พี่บีฟหันไปว่าเพื่อน
“บู่ทำงานที่นี้หรอ” พี่บีฟถามอีกผมก็พยักหน้ารับ ผมรับออเดอร์โต๊ะพี่แกเสร็จก็ไปทำงานต่ออย่างไม่สนใจอะไรพวกพี่แกอีกเลย
---------------------------70%-----------------