KICK 15 l ขอสารภาพ ไถ่บาปให้คลายพะวง ฉันวางใจลง ที่ตรงแทบเท้าเนื้อทอง เมฆที่มัวหม่น ไม่นานฝนโปรย ลบรอยหมองใจ... แม่งจะเยอะไปล่ะ
(น้ำตาท่วมจอแน่ เอ๊ะ หรือน้ำลาย

)
“ไอ้บลู มึงไปทำแผลก่อนเหอะ”เหมือนไอ้เอมจะพูดประโยคนี้กับผมเป็นรอบที่ร้อยได้แล้วมั้ง
อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณสามารถรับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังมีความรัก หลายคนบอกว่าคือการที่เราเจอใครบางคนที่ทำให้ใจเต้นแรง บางคนก็ว่าคือคนที่เราอยากให้เขามีความสุข แต่ผมคิดว่า...มันคือการที่เราไม่สามารถละสายตาไปจากใครบางคนได้เลย
“ไม่อ่ะ... เดี๋ยวมันตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอกู”ผมพูดทั้งที่สายตายังคงไม่ละไปจากคนตรงหน้าที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง
“เหี้ยบลู...”ไอ้เอมพูดเสียงอ่อน
วันนี้ผมรู้แล้วล่ะ ว่าทำไมไอ้ปินมันถึงเกลียดการรอคอย... ก็เพราะมันทรมานไงครับ
“ไปทำแผลไอ้สัตว์ คิดว่าพี่ปั้นฟื้นมาเจอสภาพมึงแบบนี้ เขาจะดีใจหรอวะ!!”ไอ้เฟาตะคอก แต่ผมไม่สะทกสะท้าน เอื้อมมือไปจับมือเรียวสวยที่แน่นิ่งของเฮียปั้น “ไอ้เหี้ย!!!”มันด่าผมแล้วก็วิ่งออกไป
“มึงทำเมียกูร้องไห้... เดี๋ยวกูมาคิดบัญชีกับมึงทีหลังแน่ไอ้บลู”ไอ้เอมคลาดโทษ แล้วมันก็วิ่งตามไอ้เฟาออกไป
ไอ้ปินมันเล่าว่า เฮียปั้นจะออกไปตามผมทันทีที่แข่งเสร็จ แต่ตอนแข่ง มันโดนฝ่ายตรงข้ามถีบไหล่ จนข้อต่อหัวไหล่มันเคลื่อน พี่โค้ชเลยไม่ยอม จะให้ไปโรงบาลก่อนให้ได้ แต่ก็นั่นแหละ ไอ้เฮียมันเคยฟังใครที่ไหน มันคว้ากุญแจรถได้มันก็หนีออกมาเลย แต่โชคร้าย ไปยังไม่พ้นหน้าม. มันก็เสยเสาไฟไปแดกเสียก่อน... ไม่รู้ว่ากูจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
แม่หยง(แม่ไอ้เฮีย)มาแล้ว แล้วตอนนี้ก็นอนอยู่ห้องข้างๆ เนื่องด้วยอาการไมเกรนกำเริบหลังจากเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนอนนิ่งไม่ไหวจิงอยู่บนเตียง ผมลูบหลังมือคนตรงหน้าเบาๆ ได้แต่ภาวนาในใจให้มันรีบฟื้นขึ้นมา รีบลืมตาขึ้นมามองผม แล้วหยุดช่วงเวลาเลวร้ายแห่งการรอคอยนี่ที
ตอนผมมาหมอบอกว่าบาดแผลภายนอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แล้วหมอก็เงียบไป ผมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะอะไรที่ไม่ดีผมก็ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากได้ยิน ... ตอนนี้ผมจึงรับรู้แค่ว่า เฮียปั้นไม่เป็นอะไรมาก แค่นอนหลับไป อาจจะดูเหมือนหลอกตัวเอง แต่มันก็ทำให้ผมมีกำลังใจ และเชื่อว่าอีกไม่นาน เฮียปั้นจะตื่นขึ้นมายิ้มให้ผม กอดผมไว้ แล้วบอกว่ารักผม แบบที่มันเคยทำ
“ใช่ไหมครับเฮีย”ผมพูดเสียงแผ่ว แล้วประครองมือคนตรงหน้าขึ้นมาแนบแก้ม “ขอโทษ....”ปกติผมไม่ใช่คนขี้แย(ถึงกูจะบีบน้ำตาเก่งก็เหอะ) แต่ตอนนี้น้ำตามันก็พาลไหลออกมอย่างควบคุมไม่ได้ “อย่าลงโทษบลูแบบนี้เลย”ผมซบหน้าลงกับฝ่ามือคนตรงหน้า แล้วก็ปล่อยโฮออกมา
สี่โมงเย็น ผมยังไม่ยอมห่างเฮียไปไหน จนไอ้ปินทนสภาพผมไม่ไหว เลยขอให้หมอมาทำแผลให้ผมในห้องไอ้เฮียนี่แหละ น่าแปลกนะครับ ทั้งที่บาดแผลรอยช้ำมีเต็มตัว... มันกลับไม่เจ็บเท่าในใจที่มันไม่ได้มีบาดแผลสักนิดเดียว
ตอนเย็นโก๊โฟมกับโก๊คิงคองมาเยี่ยม แล้วก็เอาเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวมาให้ผมด้วย สองทุ่มกว่าๆทุกคนก็กลับกันไปหมดแล้ว ทั้งห้องตอนนี้จึงเหลือแค่ผมกับเฮียปั้นเท่านั้น ใจหนึ่งก็อยากไปนอนเฝ้าห้องแม่หยงนะครับ แต่อีกใจ ผมก็ไม่อยากจากคนตรงหน้าไปไหนอีกแล้ว แม้จะแค่เสี้ยววินาทีก็ตาม... แม้แต่เยี่ยวกูยังรีบเลย
ผมทิ้งตัวลงบนโซฟา ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่ม แล้วตะแคงมองคนที่ยังคงนอนหายใจสม่ำเสมอ ผมนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมหลับไปตอนไหน
“บลู...”เสียงเรียกแผ่วเบาดังข้างหู ผมปรืตาขึ้นแล้วหันไปมองต้นเสียง
“หือออ”ผมครางงัวเงีย “อื้อ...”ริมฝีปากผมถูกบดคลึงจากริมฝีปากคนตรงหน้า ลิ้นเปียกชื้นสอดเข้ามาในโพรงปาก ก่อนจะกวาดไปตามไรฟัน คนตรงหน้าถอนปากออกไปเมื่อเห็นผมเริ่มหายใจไม่ออก ฟันที่เรียงสวยขบริมฝีปากล่างเบาๆ
“กูรักมึงนะ”ผมฟังเสียงคุ้นเคยที่กระซิบข้างหูแล้วก็เผลอหลับไป
ตื่นเช้ามาผมก็ลงไปหาอะไรกิน แล้วก็กะซื้อมาเผื่อเฮียด้วย เผื่อมันตื่นขึ้นมาแล้วหิวน่ะครับ อาหารโรงบาลไม่อร่อยเลย มันไม่ชอบแน่ ผมเดินออกมาโบกพี่วิน หมายมั่นตั้งตาไปตลาดเช้า ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงบาล(แต่กูก็ขี้เกียจเดินอยู่ดี) ผมเสือกซื้อของที่ตลาด พยายามหาของกินที่ไอ้เฮียชอบ แต่น่าแปลก... อยู่ด้วยกันตั้งนาน ผมไม่รู้เลยว่ามันชอบกินอะไร
Rrrrr
อาการสั่นสะเทือนเลือนลั่นจนไข่ผมเริ่มสั่นของบีบีในกระเป๋ากางเกง ทำให้ผมต้องรีบล้วงมันออกมาแล้ว กดรับสายทันทีเมื่อเห็นว่าใครโทรมา
“ว่าไงไอ้ปิน... มึงกับแม่หยงอยากกินอะไรไหม กูอยู่ตลาด”ผมกรอกเสียงไปเรียบๆ
/”เออ กูขอปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ ส่วนแม่กู...เฮ้ย ไม่ใช่ มึงแม่งพากูนอกเรื่อง พี่กูฟื้นแล้ว ไอ้ปั้นหื้นแล้วมึง”/พอไอ้ปินพูดจบผมขาสั่นมือสั่นเลยครับ น้ำตาจะร่วง ดีใจชิบหาย
“เดี๋ยวกูรีบกลับไป”
/”เผื่อใจไว้หน่อยนะมึง”/ไอ้ปินพูดแปลกๆ แล้วก็วางสายไปเลย
ผมหิ้วถุงโจ๊ก วิ่งฝ่าฝูงชนตรงกลับโรงบาลอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ผมหอบแฮ่กแทบหมดแรงยืนเมื่อถึงหน้าห้อง(ทำไมกูไม่นั่งพี่วินมาวะ) ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอด ผลักประตูเข้าไป ทุกคนในห้อง อันประกอบด้วย ไอ้ปิน ไอ้เอม ไอ้เฟา แม่หยง หมอ พยาบาล หันมามองผมก่อนที่ค่อยๆพากันทยอยออกไป...กูล่ะงง
ผมเดินตรงเข้าไปหาคนที่นอนพิงหัวเตียง คนตรงหน้าหันมามองผมด้วยสายตาเรียบเฉยไร้แววใดๆ ผมกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ผมวางถุงโจ๊กลงบนโต๊ะที่วางของเยี่ยมเอาไว้จนเกือบเต็ม ตาขวาแม่งกระตุก...ใจไม่ดีเลยสิกู
“เฮียปั้น หิวไหม”ผมหันไปถามด้วยรอยยิ้ม แต่มันกลับมองผมนิ่งแล้วส่ายหัว “แล้วเจ็บตรงไหนไหม”ผมถามแล้วเดินไปยืนข้างเตียง
“ก็มึนนิดหน่อย”มันตอบทั้งที่ยังมองหน้าผมนิ่ง
“เฮียหายไวๆนะ”ผมเอื้อมจับมือมัน แต่มันก็แทบสะบัดออกทันที
“โทษที”มันบอก แต่ใจผมนี่ปวดไปหมดแล้วครับ น้ำตาจะไหล อย่าให้เป็นแบบที่กูคิดเลย กูไม่ใช่นางเอกซีรีย์เกาหลี มึงอย่ามาทำแบบนี้กับกูนะไอ้เฮียยยยย”ว่าแต่คุณรู้จักผมหรอครับ”มันพูดจบ ผมก็น้ำตาปริ่มเลยครับ
“ไอ้ปิน!!!”ผมตะโกนเรียก แล้วไอ้ปินมันก็ทะเล่อทะล่าหน้าตาตื่นเข้ามา
“ห๊า เหี้ยไร”มันถาม
“กูขอยาดม ยาลม ยาอม ยาหม่อง ยาเหี้ยอะไรก็ได้เอามาให้หมดกูไม่ไหวแล้ว”ผมว่าแล้วโซเซไปทิ้งตัวลงบนโซฟา...ไอ้เฮีย ไอ้เหี้ย
นี่มันไม่ใช่หนังเกาหลีนะเว่ยยยย
ที่มึงจะได้มีสิทธิ์ความจำเสื่อมได้น่ะ
หลังจากผมได้รับรู้เรื่องราวว่าไอ้เฮีย ไอ้เวร ไอ้จังไร ไอ้คนระยำหมาตรงหน้าผม มันเสือกลืมผมแค่คนเดียว ผมก็เดินคอตกออกจากห้อง อยากไปที่ไหนสักที่ อารมณ์แบบอยากเปิดเพลงความคิดของพี่แตมป์แล้วเดินเอื่อยๆหน้าเศร้าๆเคล้าความหล่อ ไปตามทางที่เคยมาด้วยกันบ่อยๆ แต่เสียดาย ผมจำไม่ได้ว่าไปที่ไหนบ่อยๆกับไอ้เฮีย... ม.ดีมะ ไปแม่งเกือบทุกวัน
ผมเดินออกมาเรื่อยๆ จนเมื่อยขาก็แวะเข้าร้านกาแฟเล็กๆที่ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลอบอุ่น ผมสั่งชาเขียวสมูทตี้กับชีสเค้กบลูเบอร์รี่อีกชิ้น จ่ายเงินเสร็จ ผมก็มานั่งรอที่โต๊ะ ไม่นานไอ้ที่ผมสั่งไปก็มาเสิร์ฟ ผมกินไปก็ซึมไป แต่สงสัยเจ้าของร้านจะเห็นผมที่เป็นลูกค้าเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ดูเศร้ามั้งครับ เลยเปิดเพลงให้กำลังใจสักหน่อย
เผื่อบางที เธอลืมว่าใคร อาจจะลืมไปว่าคนไหน ที่เขารักและห่วงใยเธอมากมาย สุดท้ายเธอลืมเขาไป...ขอบคุณมากครับ น้ำตากูปริ่มเลยแม่ง!!!
ผมปาดน้ำตาเบาๆ เขี่ยชีสเค้กในจานกระเบื้องไปมา จนตอนนี้มันเละจนไม่เหลือเคล้าความน่ากินในตอนแรกแล้ว ผมจะทำยังไงต่อไปดี ในเมื่อตอนนี้ไอ้เฮียมันไม่รักผมแล้ว อย่าว่าแต่รักเลย แค่ชื่อกับหน้า ผมว่ามันก็คงจำไม่ได้หรอก...ไปตายซะไอ้จัญไร ลืมกูได้ลงคอ
“อกหักหรอคะ”ผมเงยหน้ามองต้นเสียง
ผู้หญิงท้องแก่อายุอานามน่าจะยังไม่ถึงสามสิบเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ผมพยักหน้าเบาๆ เธอนั่งลงฝั่งตรงข้ามผม แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ทำไมหรอคะ บอกได้ไหม”เธอถามผมด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย จนผมอดที่จะเล่าไม่ได้
“คือ เขาความจำเสื่อมน่ะครับ”ผมคลี่ยิ้มฝืนๆ...น้ำตามันพาลจะไหล ไอ้เฮีย ไอ้เวร ไอ้สัตว์เอ๊ย...มึงคิดว่ามึงเป็นพระเอกซีรีย์เกาหลีรึไง
“ถึงเขาจะจำเรื่องราวของเมื่อวานไม่ได้ แต่เขาก็ยังสามารถจำเรื่องราวของวันนี้และพรุ่งนี้ได้อยู่นี่คะ... อย่าท้อนะคะน้อง”เธอเอื้อมมือตบบ่าผมเบาๆ “นี่กัดปากจนเลือดซึมเลยหรอคะ บวมเชียว”เธอว่า ผมก็เลิกคิ้วด้วยความงง... ผมไม่ชอบกัดปากนะ
“หรอครับ”ผมหยิบหยิบบีบีออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเปิดกล้องแล้วถ่ายปากตัวเอง มองรอยกัดดีๆแล้วมันโค้งออกนี่หว่า แสดงว่าไม่ใช่ฟันผม...ฮึ่ม!! เริ่มมีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วสิครับ “ผมขอตัวก่อนนะครับ”ผมยันตัวลุกขึ้น
“คนรักกันเขาไม่ใช้สมองจำกันหรอกนะคะ... เขาใช้ใจ”ฟังแล้วเสี่ยวจนขนลุก แต่ชอบว่ะ โดน!! “สู้ๆนะคะ”
“น้องเขาโชคดีจังเลยนะครับ ที่มีพี่เป็นคุณแม่”ผมส่งยิ้มให้ ก่อนจะรีบวิ่งออกจากร้าน
ผมวิ่งฝ่าฝูงคนกลับไปโรงบาลอีกครั้ง เหนื่อยแสนเหนื่อย แต่ผมไม่สนครับ ยังคงวิ่งต่อไป ขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้น6 ผมรีบผลักประตูเข้าไปในห้องทันที ไอ้เฮียกับไอ้ปินหันมามอง ผมตรงเข้าไปประชิดเตียง มองมันสองคนสลับไปสลับมาหวังจับพิรุษ
“ใครตอแหล เจอกูแน่”ผมขู่ลอยๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา “มีคนกัดปากกู ยอมรับมาซะดีๆ”ผมถามเสียงเรียบ ก่อนจะจ้องไปที่ไอ้เฮีย แต่หน้ามันยังนิ่งครับ ต่างจากเหี้ยปินที่ลุกลี้ลุกลนผิดปกติ... เฮ้ย!! อย่าบอกนะว่า
“กูเองอ่ะ... กูแม่งละเมอนึกว่ามึงเป็นคนคนนั้น พอได้สติเห็นว่าเป็นมึงนะ แทบอ้วก เอาเป็นว่ากูขอโทษละกัน”มันพูดเนิบๆ ถึงจะยังจับพิรุษใครไม่ได้ แต่เซ้นของผมมันบอกว่าตอนนี้มีใครบางคนกำลังโกหกอยู่
ก็คิดดูสิครับ เมื่อวานนี้ หลังจากที่ส่งผมที่โรงบาล ไอ้เหี้ยปินมันก็รีบแรดออกไปผ่าฟันทันที เนื่องจากมันเองก็คันเหงือกไม่ไหว ทรมานมาหลายวันแล้ว และประเด็นที่ผมต้องการจะสื่อก็คือ หลังจากฝ่าฟันคุดมาใหม่ๆ คุณมีปัญญาไปกัดปากใครหรอครับ แค่น้ำยังกลืนไม่ค่อยจะลง... อันนี้ใครเคยผ่าฟันจะรู้ดี
“ไม่เป็นไร”ผมยักไหล่สบายๆ
ตอนนี้ผมยังคงอยูในช่วงสงสัยอยู่ แต่จะให้ไปปักใจเชื่อว่ามันกำลังหลอกผม100%เลยก็คงไม่ได้ รอผมหาหลักฐานที่มัดตัวมันได้เมื่อไหร่ก่อนเถอะครับ... พ่อจะเล่นให้หนักเลย
ใครตอแหล... งานนี้มีเจ็บครับ
“เออ ไอ้บลู กูจะไปส่งคุณแม่แล้ว ฝากพี่กูด้วยนะวันนี้”ผมพยักหน้ารับ... ก็ดี ผมจะได้จับพิรุษคน
ผมนอนดูทอมแอนด์เจอร์รี่ไปได้สามตอน พยาบาลก็เอาอาหารคนป่วยหน้าตาจืดๆมาส่ง ผมเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียง มองหน้าคนป่วย คนป่วยก็มองหน้าผม มองไปมองมาผมก็กลับมานอนที่โซฟาต่อ...แล้วกูจะเดินไปทำไม
“เฮ้!!!”ผมชะโงกหน้าไปดู
ปึก!!!
วัตถุบางอย่างลอยกระทบกบาลผมเข้าอย่างจัง
“เจ็บนะเว้ย!!”ผมลุกขึ้นนั่งด้วยความโมโห
“จะกินข้าว”มันยังคงตีหน้านิ่งลอยหน้าลอยตาแบบไม่ได้สำนึกผิด... เดี๋ยวพ่อปั๊ด กระทืบแม่ง
“เออ ก็กินไปดิ”ผมก้มเก็บ อะไรวะเนี่ย รองเท้าผ้า นี่มึงเอารองเท้าปาหัวกูเรอะ!!!
“แขนเจ็บ”มันชี้ไปที่แขนขวาที่ใส่เฝือกอ่อน... คือจะให้กูป้อน
ผมเลื่อนถาดอาหารมาตรงหน้าไอ้เฮีย นั่งลงบนเก้าอี้ มองดูกับข้าวตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจตักแกงจืดเต้าหู้ยัดใส่ปากไอ้คนป่วยที่ไม่ค่อยเจียมสังขารสักเท่าไหร่... แดกข้าวน่ะ ไม่ต้องเอามือมาลูบเอวกูก็ได้ สลัด!!
“อิ่มแล้วก็นอนไป”ผมบอกหลังจากป้อนข้าวป้อนน้ำไอ้เฮียจนสำเร็จลุล่วง
“จะไปไหน”ไม่พูดเปล่า ไอ้ผู้ป่วยความจำเสื่อมที่ผมเริ่มไม่แน่ใจว่ามันเป็นจริงหรือเปล่าก็คว้าเข้าที่ข้อมือผม
“ไปดูการ์ตูน”ไอ้เฮียมองผมนิ่ง “มีอะไร”ผมถามเมื่อเห็นมันไม่ยอมปล่อยเสียที
“ลูบหลังให้หน่อยดิ นอนไม่หลับ”ไอ้นี่!!! ป่วยแล้วยังไม่วายขู่เข็ญกู
“หันไปทางนู้น”ผมบอกเพื่อให้มันตะแคงไปอีกทาง แต่เหมือนกับมันจะฟังงั้นแหละ เสือกหันหน้ามาทางผมซะงั้น “กูเดินไปเองก็ได้ แม่ง!!”ผมบ่นอุบอิบ กำลังจะเดินไปอีกฝั่ง แต่แขนผมก็โดนรั้งไว้อีกแล้ว
“นั่ง แล้วก็อยู่ฝั่งนี้”ผมทำตามคำสั่งมันแต่โดยดี “ลูบหลังดิ นั่งบื้อหาพ่อ”ผมเอื้อมมือลูบหลังมันอย่างทุลักทุเล... ทำแบบนี้ แม่งเหมือนกับกูกอดมึงเลยดิไอ้เฮีย
ผมลูบไปสักพัก มันก็บอกให้พอ มันง่วงแล้ว ผมก็ตั้งท่าจะกลับที่โซฟาแล้วนอนดูการ์ตูนต่อ แต่ไอ้เฮียมือตุ๊กแกมันก็ไม่ยอมปล่อยผมไปแต่โดยดี มันยังคงรั้งผมไว้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ของวัน... ให้กูได้มีชีวิตส่วนตัวบ้างเหอะครับ
“ขึ้นมานอนกับกู”นั่นๆ เริ่มขึ้นมึงขึ้นกู
“ไม่เอา เดี๋ยวหมอแม่งได้ด่าดิ”
“ขึ้นมาดีๆ อย่าให้ต้องโมโห”มันกระชาก
“ปล่อยผม อย่าให้ต้องมีน้ำโห”ผมย้อน แล้วกระชากกลับ แต่ไอ้เฮียเสือกปล่อยมือ “เฮ้ย!!”มันคว้าแขนผมแล้วกระชากผมขึ้นมาบนเตียงได้สำเร็จ
“ลุกไปจากตัวกูสักที ง่วง จะนอน”มันบอกหน้านิ่ง ผมก็พลิกตัวมานอนตะแคงแบบแอบๆแถวๆขอบเตียง...ห้องซุปเปอร์ เดอลุกซ์นี่ดีจริงๆ ขนาดขอบเตียงยังสบาย
“เฮ้ย!!”ผมสะดุ้ง เมื่อไอ้คนป่วยที่มันน่าจะหลับไปแล้ว เสือกสอดมือเข้ามากอดเอวผมไว้แน่น “ความจำเสื่อมไม่ใช่หรอวะ”
“กูไปบอกมึงตอนไหนว่ากูความจำเสื่อม”มันบอก ผมช็อค “นี่เพิ่งหกโมง กว่าหมอจะเข้ามาก็สองทุ่มแน่ะ เวลาที่เหลืออยู่จะทำไรดีน๊า”ไม่ต้องมาพูดให้เป็นปริศนา ถ้ามึงจะโถมตัวเข้าหากูขนาดนี้... อาการเจ็บป่วยตามสังขารร่าง ไม่ได้บั่นทอนความหื่นจากจิตใต้สำนึกมันเลยสินะ!!!
“แต่มึงถามว่ารู้จักมึงหรอ อะไรวะ ไอ้บ้า โอ้ยย”ผมคลุ้มคลั่งดิ้นไปดิ้นมาด้วยความเครียดและงง
“ถ้ามึงบอกว่ารู้จัก ก็จบล่ะ เสือกวิ่งหนีไปทำเหี้ยอะไร “มันพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะงับที่หูผมไปเบาๆ1ที “ขอนะ”ผมพลิกตัวหันมาจ้องหน้าคนป่วยที่กวนส้นตีนผมดีจัง
“ไม่!!”แล้วผมก็พยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนของมัน
“โอ้ยยยย”ไอ้เฮียร้องแล้วกุมแขนข้างที่ใส่เฝือกอ่อน
“เฮียเจ็บหรอ บลูขอโทษ”ผมยันตัวขึ้น
“ฮึๆๆ”มันหัวเราะในลำคอก่อนจะเกี่ยวตัวผมให้ล้มลงบนเตียง แล้วขึ้นคร่อม... อ๊ากกก เจ้าเล่ห์นักนะมึง “นะๆๆๆ นะครับ ไม่ได้ทำมาตั้งนาน”ตั้งนานของมึงนี่แค่สามวันเองเถอะสัตว์
ใจมึงนี่ กะจะเอากูทุกวันเลยรีไง
“ก็ได้”มันยิ้มเมื่อผมพูดจบ “แต่เล่าเรื่องมาให้หมด ใครมันเป็นคนต้นคิดให้แกล้งความจำเสื่อม”กว่าจะเล่าจบหมอก็มาพอดีล่ะครับ
“เอาก่อน เล่าทีหลังได้ไหมล่ะ”มันยังคงอ้อนอยู่...อ้อนตีนนะครับ
“ไม่ได้ เล่าก่อนเอาทีหลัง”ยางอายผมเริ่มจะไม่เหลือแล้ว
“งั้นคนละครึ่งทาง เล่าไปเอาไป”กูคงจะฟังรู้เรื่องดกเลยนะ
“เออ”ก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเล่ายังไง
คนตรงหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะทาบทับริมฝีปากสีโอรสลงแผ่วเบา ลิ้นเปียกชื้น ค่อยๆสอดเข้ามาในโพรงปาก ก่อนจะกวาดต้อนลิ้นผม ฟันเรียงสวยขบลงบนริมฝีปากล่างของผมเบาๆ
คือผมก็เป็นคนรู้จักกาลเทศะนะครับ แล้วก็เกรงใจสถานที่ด้วย คิดดูดิ ถ้าพยาบาลหรือใครเปิดเข้ามา ผมจะเอาหน้าไปซุกไว้หลืบไหนวะ แต่ก็นั่นแหละ คุณเคยเห็นผมปฏิเสธมันได้หรอ แล้วยิ่งมองลึกเข้าไปนัยน์ตาหวานพราวระยับอีกนะครับ ไม่ต้องหวังจะปฎิเสธเลย เพราะแค่จ้องผมก็แทบละลายแล้ว
“เฮีย...”ผมเรียกเสียงพร่า “วันอื่นเถอะนะ เดี๋ยวใครมาเห็น อายเขา”ผมพยายามอ้อนให้มันเปลี่ยนใจ แต่เหมือนจะไม่เป็นผล เมื่อคนตรงหน้าประกบจูบลงมาอีกครั้ง“อื๊อออ” ผมครางในลำคอ ทุบอกเฮียปั้นเบาๆ เป็นเชิงว่า... กูจะตายห่าแล้ว “อย่านานนะ”ผมบอก เหงื่อเริ่มตก “เบาๆด้วย”ผมสั่งอีก
“มีเมียทั้งที เอานานก็ไม่ได้ เอาแรงก็ไม่ได้...มึงแม่งเอาแต่ใจฉิบหาย”มันบ่น
“ไม่ต้องมาบ่น ทีเฮียเอาอย่างเดียว บลูเคยบ่นไหม”ผมถามเสียงสูง
“ประจำ”ผมพลักอกมันออก... ผมแค่หาทางหนี ไม่ได้โกรธอะไรมันหรอกครับ ไอ้เรื่องแค่นี้ไม่ได้สะกิดยางอายบนหนังหน้าผมเลย สิบอกให้ “อย่ามากวนตีน”มือข้างซ้ายที่ยังปกติดี ถอดเสื้อยืดของผมออกอย่างง่ายดาย
“อย่าลืมเล่า”
“ก็ตั้งใจฟังแล้วกัน”มันแสยะยิ้ม
ลิ้นเปียกชื้นแตะลงที่ยอดอก ก่อนที่ริมฝีปากสวยจะดูดเม้มจนผมต้องจิกมือกับเตียงแน่นด้วยความเสียว “โอ๊ยย”ผมร้องเมื่อฟันคมกัดเต็มแรง
ริมฝีปากบางสวยคลี่ยิ้มออกอย่างโรคจิต ก่อนจูบไล่จากเนิ่นอกขึ้นมาจนซอกคอ มือข้างขวาที่พันเฝือกอ่อนนั้นไม่ใช่อุปสรรค์ใดๆสำหรับคนตรงหน้าผม กางเกงยีนส์ตัวโปรดถูกปลดออกไปอย่างง่ายดาย จนตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวผมก็เหลือแค่บ็อกเซอร์บางๆไว้ปกปิดน้องชาย
“อื๊อออ”ผมครางรับเมื่อมือของคนตรงหน้าล้วงเข้าไปใต้ล้มผ้า “อย่าโหมโรงนาน จะทำอะไรก็ทำ เดี๋ยวไม่ทัน”ผมเตือนเสียงกระเส่า
“ใจร้อนจริงเมียกู”ผมจิกหัวมันไปที ด้วยข้อหาพูดมาก
“อ๊ะ”ผมร้อง เมื่อนิ้วของคนตรงหน้าสอดเข้าไปช่องทางด้านหลัง “อ๊ะ เจ็บ เบาๆ อื๊อ”ผมร้องบอกอีกครั้ง เมื่อนิ้วถูกเพิ่มเป็นสองนิ้ว
“เรื่องมันก็เริ่มจากไอ้ปิน มันบอกว่ามึงสันดานไม่ดี”มันเล่าแล้วก็ยิ้มกว้าง...ไอ้เลว มึงแกล้งกู
“อ๊า อ๊ะ เจ็บ บลูเจ็บ”คิดดูสิครับ อะไรล่อลื่นก็ไม่มี...แสบชิบหายเลยตอนนี้
“แล้วทีนี้ มันก็เลยอยากให้กูดัดสันดานมึงบ้าง”เฮียปั้นถอนนิ้วออก ก่อนจะมากอบกำที่น้องชายผมที่ลุกขึ้นยืนนานแล้ว
“อื้ออออ”ผมครางในลำคอ เมื่อมือเรียวเริ่มรูดขึ้นลงเป็นจังหวะ
“ตอนแรกกูก็ไม่ค่อยอยากทำ”มันเริ่มเร่งจังหวะเร็วขึ้น จนตอนนี้ผมนั้นเริ่มรู้สึกเหมือนจะบิน จนต้องกอดคอมันไว้แน่น
“อ๊าาา”ผมปล่อยสารคัดหลั่งสีขุ่นออกเปรอะเปื้อนมือไอ้เฮียเต็มไปหมด “อึก อื้อออ”นิ้วเรียวป้ายของเหลวสีขาวที่ผมเพิ่งปลดปล่อยไปที่ช่องทางด้านหลัง ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปอีกครั้ง
“แต่มึงมันเจ้าชู้ เอาไม่เลือก”นิ้วถูกเพิ่มเป็นสามนิ้ว ความเจ็บแปล๊บแล่นพล่านจนผมถึงกับพูดไม่ออก “น่าตบให้หัวหลุด”นิ้วถูกถอนออกไปอีกครั้ง ผมหอบหายใจรัว
เฮียปั้นถอดกางเกงโรงบาลออก เผยให้เห็นน้องชายมันที่ผงาดขึ้นมองโลก ไอ้เฮียยิ้มเจ้าเล่ห์ มันสีน้องมันกับก้นผมไปมา แต่ก็ไม่ยอมใส่เข้ามาสักที... มึงจะเอายังไงกับกูห๊ะ
“หน้าหงิกเลยมึง กูไม่แกล้งแล้ว”มันจูบผมแผ่วเบา พร้อมกับสอดแก่นกายเข้ามาในตัวผม “อื้อออออออ”ผมร้อง น้ำตาปริ่ม มันตึงไปหมดคับ เจ็บเจียนตายทั้งที่เพิ่งสอดเข้าไปได้แค่ส่วนหัวเท่านั้น
ริมฝีปากบางบดเบียดจนผมนั้นชาไปหมด ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดนำ ผมค่อยๆเคลื่อนลิ้นตามไป ช่วงล่างนั้นถูกสอดเข้ามาในตัวผมจนสุดความยาว ปากสวยระออก ก่อนจะพรมจูบไปทั่วใบหน้าและลำคอ
“มึง แม่งเอากี่ทีก็ยังฟิต”ไม่ต้องบอกก็ได้ กูไม่ได้อยากรู้
“อ๊าาาาา อย่า... อื๊ออออ”ผมร้องห้าม เมื่อคนด้านบนเริ่มขยับ “อย่าขยับ”ผมเกาะแขนเฮียปั้นไว้แน่น
“แล้ว... ไอ้ปิน มันก็ให้ กู แกล้ง... จำ มึง ไม่ อ๊าาา ได้”เฮียปั้นเริ่มขยับตัวเนิบนาบ ก่อนจะเล่าไปครางไปจนผมแทบจับใจความไม่ค่อยได้... มึงยังจะเล่า
“แล้ว อ๊ะ อึก ไง ต่อ อ๊ะ”กูก็ยังจะฟัง
“มันบอก ...ให้แกล้ง...เสียวว่ะสัตว์...แกล้ง สัก เดือน แต่ กูทำ ไม่ ได้”มันผ่อนลมหายใจแล้วเริ่มเร่งจังหวะ มือเรียวจับเข้าที่แก่นกายที่เริ่มตื่นตัวของผม
“ทำไม อ๊ะ อ๊าาาาา ”ผมบิดเร้าใต้ตัวคนตรงหน้า เมื่อมันกระแทกแรงและลึกขึ้น จนไปโดนจุด บางอย่าง ที่ผมเองก้อธิบายไม่ถูก
ความเสียววาบแล่นลิ้วไปตัวร่าง ผมจิกปลายเท่ากับเตียงแน่น กรีดร้องสุดเสียง เมื่อความปวดหนึบที่แก่นกายมันเริ่มมากขึ้น
“อื้มมมมม”แขนข้างที่พันเฝือกอ่อนกระชับสะโพกผมแน่น ก่อนจะเร่งซอยกระชั้นถี่จนผมถึงกับต้องหวีดร้อง เผลอจิกมือลงกับบ่ากว้างที่มีเนื้อผ้าบางขวางกั้น “เพราะ แค่ อ๊า วันเดียว ที่กูต้อง อืมมม เมินมึง มันก็ทำให้ กู อื้อออออ แทบ ทน อ๊ะ ไม่ได้”ถึงจะฟังลำบาก แต่ผมก็เข้าใจทุกคำพูดนั้นดี
ผมคว้าคนตรงหน้าให้โน้มลงมา ก่อนจะประกบปากแน่น ผมเริ่มจูบก่อน คนตรงหน้าก็จูบตอบ ผมสอดลิ้นเข้าในโพรงปากคนตรงหน้า เฮียปั้นจูบตอบจนตอนนี้เสียงอะไรต่อมิอะไรมันดูจะแข่งกันไปหมด เสียงเนื้อกายที่กระทบกัน และ เสียงเตียงที่ดังตามแรงกระทำของคนด้านบน ทำให้ผมถึงกับหน้าร้อนวาบด้วยความอาย
“อ๊า เร็วอีกเฮีย อ๊ะ อ๊ะ “ผมบอกเมื่ออารมณ์มันใกล้ถึงขีดสุดแล้ว "ลึกๆ อ๊าาาาา"
“อื้ออออ”สะโพกแกร่งเร่งทั้งความเร็วและความแรง จนผมครางแทบไม่เป็นภาษา
“อ๊าาาาาา”ผมปล่อยออกมาจนเปรอะไปบนเสื้อโรงบาลที่เฮียปั้นสวมอยู่
“ไปก่อน ตลอด”มันบ่นตามประสาคนแก่ ก่อนจะกระแทกเน้นมาอีก5-6ที “อ๊าาาาาา”ความอุ่นวาบฉาบช่องท้อง เมื่อคนตรงหน้าปล่อยเข้ามาในตัวผม
เฮียปั้นทิ้งตัวลงซบอกผม โดยที่ปล่อยให้ร่างกายเรายังคงประสานกัน เสียงหายใจหอบถี่ของอีกคนเริ่มดังเป็นปกติ ก่อนจะพลิกตัวลงนอนข้างๆ ริมฝีปากสวยจูบที่ขมับผมเบาๆ ผมก็ประทับจูบลงที่ไหล่แกร่งของของคนตรงหน้า
“กี่โมงแล้ว”ผมถาม
แกร๊ก!!!
แล้วคำตอบก็มาแบบไม่ต้องให้เสียเวลารอ
“เป็นยังไงบ้างครับ ว้ายยยยย”แล้วหมอก็รีบปิดประตูไปทันที... เจอสภาพพวกกู ถึงกับหลุดสาวเลยนะหมอ
“เฮียแม่ง!!!”ผมยันตัวลุกขึ้นด้วยความอาย ก่อนจะกอบเสื้อผ้ามาไว้ในอ้อมแขน
“ความผิดกูปะ นี่ยังไม่สองทุ่มเลย”มันพูดด้วยสีหน้าเบิกบานใจพร้อมกับสวมกางเกงไปด้วย... ไม่สะทกสะท้านเลยนะมึง “ผิดที่หมอนู้น มาเร็ว”
“ไม่น่าเลยกู”ไม่น่าเลยไอ้บลู มึงไม่น่าหลวมตัวเลย อ๊ากกกกก ...อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้รูไหน
--------
เอาดราม่ามาหลอก

ไม่มีราย คืออินี่ว่าง อยากให้เรื่องมีม่าบ้างไรบ้าง

ตอนหน้ากลับมาพร้อมความเกรียนเต็มรูปแบบค่ะ อะครุ

ขอบคุณทุกความเห็น ทุกกำลังใจเลยน๊า

ดัน ดะ ดิ ดั๊น ดั้น ดัน

ปล. วันนี้โดนเรียกออกไปพรีเซ้นในวินาทีที่กำลังลุกไปฉี่(แบบเขื่อนกั้นน้ำจะแตกล่ะ)
น้ำตาจะไหล อาจารย์ก็ถามจัง ไม่สังเกตเลยว่าอินี่ก็บิดจนตัวจะเป็นเกลียวล่ะ ฮืออออ

ช้ำใจ