ตอนนี้ทำไมอ่านแล้วงงนิดๆ อารมณ์เรื่องมันกระโดดไปมา
อิบลูเอ๊ยยยย ซวยเพราะหน้าตาจริงๆ
คุณเขียดเขียนเองยังงงๆเลยค่ะ เพราะจริงมันมี17หน้าแบ่งเป็นสองตอน
แต่คุณเขียดตัดเหลือ9หน้า ด้วยอารมณ์ส่วนตัว ไงพรุ่งนี้จะรีตอนนี้ แล้วลงตอนต่อให้พร้อมกันเลยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
19 ฉันยังซึ้งถึงวันที่เธอกับฉันพร่ำรัก ลำพังเพียงเราสอง
Rrrrr
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบข้อความใดๆ บีบีลูกรักผมก็เปร่งแสงอีกรอบ... ไม่โชว์เบอร์หรอวะ
“ฮัลโหลครับ”ผมกรอกเสียงลงไปแบบกึ่งทางการ
/“พี่บลู นี่มิกะนะ”/ฟังชื่อนี้แล้วกูจี๊ดขึ้นสมอง...เพราะมึงเลย เพราะมึง กูถึงโดนไปสามรอบ!!!
“อ่าครับ”
/”เมื่อคืนไงคะ”ไม่ต้องเน้น กูรู้แล้วครับ
“ครับ มีอะไรครับ”ผมถามเสียงเรียบ
/”พี่คะ มิกะอายุ16นะคะ”/กำลังขู่กูใช่ไหม?
ผมมองไอ้เฮียอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆเดินตัวลีบๆออกมาจากครัว
“แล้วไง ผมว่าเรื่องมันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปเหอะ น้องเอาเวลาไปเรียนหนังสือหนังหาเถอะไป พี่สงสารพ่อแม่น้องที่วันๆลูกสาวเอาเวลามาทำอะไร... ไร้สาระ”ผมกำลังจะกดตัดสายล่ะ แต่ก็ต้องชะงัก
/”มิกะจะบอกพ่อ ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”/น้องครับอย่าให้พี่กราบตีนเลย... พี่ขอโทษ อย่าฟ้องพ่อเลยนะTT^TT /”พี่บลูออกมาทานข้าวกับมิกะได้ไหมคะ”/วินาทีนี้ ไม่ได้ก็ต้องได้แล้วล่ะกู
“อืม”ที่พูดน้อยนี่ไม่ใช่อ่ะไร...ช็อค “แต่เป็นพรุ่งนี้นะ วันนี้พี่ไม่ว่าง”
“อยู่กับคนที่ชื่อปั้นหรอคะ”ผมเงียบ...รู้แล้วจะถามกูอีกทำไม “เอาเป็นว่ามิกะจะยอมให้ล่ำลากันเป็นคืนสุดท้ายละกันนะคะ จุ๊บ”จุ๊บพ่อจุ๊บแม่มึงสิ
ในขณะนี้ผมยังคงกำโทรศัพท์แน่นทั้งที่ปลายสายวางไปแล้วพร้อมกับเสียงหัวเราะหลอนประสาท...ปวดหัวว่ะ
ฟอด
ผมสะดุ้งหลุดจากภวังค์ทันที เมื่อรับรู้สัมผัสที่กดลงบนแก้มผม
“เป็นไร ทำหน้าเครียด”ไอ้เฮียยิ้มให้ผม ก่อนจะรวบตัวผมไปกอดจากด้านหลัง
“เครียดเรื่องงานนิดหน่อย”ถ้าปฏิเสธไปเดี๋ยวมันจะจับได้ครับ
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอก”ไอ้เฮียค่อยๆวางคางไว้บนไหล่ผม
แต่...
ปัญหานี้ผมเป็นคนก่อ
ผมอยากจัดการด้วยตนเอง
“ไม่เป็นไรผมชอบช่วยตัวเอง”ผมบอกก่อนจะส่งมือไปขยี้ผมนิ่มของคนเอาคางเกยไหล่ผมอยู่
“ถ้าจะช่วยตัวเองให้เมื่อยมือ...มึงจะมีผัวไว้ทำไม”ผมหันควับทันที...กูกำลังเครียดนะโว้ยยย
มึงจะดึงไปเรื่องใต้สะดือเพื่อบั่นทอนความดราม่าหาพระแสงด้ามยาวอะไร!!
“สัปดลไปแล้วเฮีย”ผมว่าพร้อมจิกหัวมัน “โอ้ย”ผมร้องทันทีเมื่อไอ้คนที่โดนผมจิกหัวงับเข้าที่คอผม...มึงเป็นหมารึไง ขยันกัดกูจัง
“มึงสิคิดสัปดล...ที่กูพูดความหมายมันตรงตัว มีเรื่องอะไรให้ช่วยก็บอก”มันหอมแก้มผมอีกที “มึงไม่ได้ตัวคนเดียวนะบลู...มึงมีกู”ผมกระชับแขนเฮียปั้นที่กอดเอวผมแน่น
ผมมีความสุขนะที่อย่างน้อยๆตอนนี้ผมก็ยังมีเฮียปั้นอยู่ข้างๆยามที่ผมมีปัญหา
แต่พรุ่งนี้นี่สิ
กูจะทำยังไงดีวะไอ่สาดดด
“ผมรักเฮียนะ”ไม่รู้อะไรดลใจให้พูด...แต่ผมอยากพูด “เฮียอาจเบื่อ แต่ผมอยากพูด”ตอนที่มีโอกาสได้พูด...เผื่อพรุ่งนี้ผมแม่งพลาดติดคุก จะได้ไม่มีอะไรค้างคาใจ
“ใครว่าเบื่อ”เฮียปั้นคลายอ้อมกอดออก ก่อนจะหมุนตัวให้ไปเผชิญหน้า
ริมฝีปากบางสีโอรสประทับลงบางเบา ผมค่อยๆแย้มกลีบปากออก ยินยอมให้คนเบื้องหน้ารุกรานเข้ามา แขนของเฮียปั้นยังคงประครองตัวผมไว้ ในขณะที่แขนผมก็โอบรอบคอมันไว้เหมือนกัน จูบกันได้ไม่นาน ไอ้เฮียก็ผละออก ก่อนจะจูงมือผมเข้าไปในครัว
ทันทีที่เข้าไปในครัว ไอ้เฮียก็อุ้มผมไปนั่งบนเคาน์เตอร์ครัวอย่าสบายๆราวกับผมนั้นตัวเบาอย่างกับเด็กเล็กๆ เห็นแห้งๆแบบนี้ กูก็หนักตั้ง57นะเว้ย
ริมฝีปากบางสวยของคนตรงหน้าประกบกับปากผมอีกครั้ง ผมกอดเฮียปั้นไว้แน่น ในขณะที่มือสวยของอีกคนก็สอดเข้าใต้เสื้อเชิ้ตสีดำของผม นิ้วเรียวที่ค่อยๆไล้ไปตามแกนกระดูกสันหลังเล่นเอาซะผมขนลุกไปทั้งตัว
ทุกอย่างแม่งเหมือนจะดำเนินไปไม่ทันใจผมเท่าที่ควร ผมผละริมฝีปากออก ก่อนที่จะรีบปลดกระดุมเสื้อของคนตรงหน้า เผยในเห็นกล้ามเนื้อแข็งแกร่งที่ผ่านการออกกำลังกายมาอย่างดี ผมขบเม้มไปตามแผงอกที่ห่อหุ้มด้วยผิวขาวละเอียดดุจพรีเซ็นเตอร์นีเวียร์เซรั่ม...เป็นรอยซะบ้างนะมึง จะได้รับรู้ถึงความรู้สึกคนที่ต้องตัวลายพ้อยยังกับตุ๊กแกแบบกูบ้าง
“ซี๊ดด”ไอ้เฮียครางเมื่อเจอผมกัดคอล้างแค้นไปแผลหนึ่ง
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ล้างแค้นไอ้เฮียไปมากกว่านี้ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นทำลายบรรยากาศซะก่อน
“ขึ้นไปทำบนห้องไป เดี๋ยวพ่อหรืออาตามาเห็น จะหัวใจวายเอา”ผมสะดุ้งพรวดพลักไอ้เฮียออกทันที...ไอ้ปิน!! กูจะเอาหน้าไปไว้หม่องใด๋!!
“เออ”ผมบอกทั้งที่หน้าร้อนผ่าว...กูก็อายเป็นนะเว่ย “เฮ้ย หน้ามึงไปโดนอะไรมา”ผมถามไอ้ปินที่ตอนนี้เบ้าตาม่วงช้ำ แถมยังมีรอยแดงที่แก้ม และรอยเลือดซึมที่มุมปากอีก
“โดนส้นตีนมาเมื่อคืน”เป็นไอ้เฮียที่เสนอหน้าตอบแทน
“ใครทำ”ผมถามไอ้เฮีย ในขณะที่ไอ้ปินทำเป็นไม่สนใจพวกผมสองคน
“เมียมันไง เสือกจะบุกไปปล้ำเขา เจอแค่นี้กูว่ายังน้อยไป”มึงยังมีหน้าไปว่ามันอีกนะ
ลืมไปแล้วรึไง!! ว่ามึงก็เคยปล้ำกู!!!
“เงียบไปเลยเฮีย”ผมลงมาจากเคาน์เตอร์ เดินเข้าไปหาไอ้ปินที่ตอนนี้ยังคงสาละวนกับการค้นตู้เย็น “ไหวไหมมึง”ผมวางมือบนไหล่ไอ้ปิน
“มันจบแล้วมึง”มันผมแล้วก็นิ่งไปสักพัก ก่อนจะหันมามองผมทั้งน้ำตา “ฮือๆๆ เขา ฮึก บอกว่า ฮึก เกลียด กู”
“เฮ้ย!! เฮียเอาทิชชู่มาดิ มึงใจเย็นๆก่อนไอ้ปิน ผู้ชายตัวถึกเป็นควายหน้าละม้ายคล้ายโจรแบบมึงมายืนแหกปากร้องไห้น้ำตานองแบบนี้มันเป็นภาพที่ทำร้ายเรติน่าตากูมากนะเว่ย”ผมจับมือมันที่สั่นเทาไว้ทั้งสองข้าง ในขณะที่ไอ้เฮียก็เช็ดน้ำตาให้น้องมัน
ซึ่งการเช็ดให้นั้นอาจจะดูทารุณกรรมไปบ้าง แต่ผมก็เห็นความอ่อนโยนในแววตามัน...แม้จะนิดเดียวก็เหอะ
“พาไอ้ปินไปนั่งรอที่โต๊ะก่อน”ผมหันไปพูดกับเฮียปั้น “เดี๋ยวผมยกสปาเก็ตตี้ออกไป”ผมบอก ไอ้เฮียก็จุ๊บปากผมเร็วๆทีหนึ่ง
“ฮือ จะหวาน ฮึก กันทำเหี้ย ฮึก อะไร คนยิ่งช้ำๆอยู่”ไอ้ปินว่าพร้อมน้ำตา
ป้าบ!!
ไอ้เฮียตบแสกเข้ากลางกบาลไอ้เด็กขี้แยไปที
“แง๊!!!!”ชิบหายไหมล่ะ ร้องดังกว่าเดิมอีก
***
กว่าไอ้ปินจะสงบสติอารมณ์ได้ ไวท์ซอสในจานผมก็แห้งกรังกันไปเป็นที่เรียบร้อย หลังจากฟังเรื่องราวจากปากไอ้ปิน ผมก็ได้แต่นั่งกุมขมับด้วยความปวดหัวเมื่อไอ้คนที่นั่งข้างๆผมเสือกเอาแต่ยุให้น้องมันฉุดอย่างเดียว...คำแนะนำมึงจะโฉดไปแล้วเฮีย
หลังจากที่ส่งไอ้ปินเข้านอนตอนสามทุ่มตรง ผมกับเฮียปั้นก็รีบตรงเข้าไปในรังรักของเราทันที(ห้องไอ้เฮีย) แต่อย่าหวังว่าผมกับมันจะได้สวีทกันต่อ เพราะพรุ่งนี้ไอ้เฮียมีแข่งรอบชิง ซึ่งผมไปได้รู้เลยว่ามันแอบไปแข่งรอบแรกมาตอนได้
ตอนแรกก็แอบงอนที่มันไม่บอกอะไรผมเลย แต่มองในอีกมุมหนึ่ง ก็ดีแล้วที่ไอ้เฮียไม่งอนที่ผมไม่รู้เรื่องอะไรมันเลย ผมกับไอ้เฮียนอนกอดกันบนเตียงนุ่มท่ามกลางความสุขที่ก่อตัวขึ้นห้อมล้อมเราสองคนเอาไว้...ผมชอบแบบนี้จัง
“พรุ่งนี้ไปเชียร์กูด้วยนะบ่ายสาม”พูดจบก็จรดริมฝีปากบนหน้าผากผม...โอเค ผมจะต้องจบคดีพรากผู้เยาว์ให้ทันบ่ายสามโมง
***
“ถึงแล้ว”ผมกรอกเสียงไปในโทรศัพท์เมื่อผมมาถึงร้านที่นัดแล้ว
/”ค่ะ เดี๋ยวมิกะให้คนออกไปรับพี่นะคะ”/ผมไม่ทันตอบอะไร มันก็วางสายไป
ผมยืนรอเพียงไม่นานก็มีชายชุดดำสองคนเดินเข้ามาหาผม ก่อนที่จะฉุดกระชากลากถูผมเข้าไปในร้านโดนไม่พูดไม่จาหรือไม่ฟังอะไรเลยสักคำ...พวกมึงจะพากูไปฆ่าใช่ม๊ายยย!!!
“พี่บลู”สาวน้อยวัยแรกแย้มในชุดนักเรียนม.ปลายลุกขึ้นอย่างดีใจ
แหม...ใส่ชุดมาโคตรตรอกย้ำคดีกูเลย
“หวัดดีครับ”ผมกล่าวขึ้น เมื่อไอ้สองคนที่ลากผมมาได้ปล่อยผมให้เป็นอิสระแล้ว
“พี่บลูนั่งเลยค่ะ ทานอะไรดีคะ ร้านนี้อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ”เธอพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“พี่คงอยู่ทานด้วยไม่ได้ เพราะพี่มีธุระตอนบ่ายสาม”ผมพูดจบคนต้องหน้าก็ตีหน้านิ่งขึ้นมาทันที “พี่ขอคุยเรื่องเราเลยล่ะ น้องยังเด็กนะครับ ยังมีโอกาสได้เจอคนที่ดีกว่าพี่อีกมากมายในอนาคต อย่าจมปรักกับคนเลวๆอย่างพี่เลย...สวัสดีครับ”พูดจบผมก็รีบลุกเดินออกไปจากร้านทันที
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เรียกแท็กซี่แล้วหนีไปจากตรงนั้น เบนส์สีดำสนิทมาก็จอดเทียบฟุตบาทตรงหน้าผม ชายสี่คนในชุดสูทสีดำ เข้ามาล็อคผมไว้ แล้วชกมาที่ท้องผมซะจุก ก่อนจะเอาถุงผ้าสีดำมาครอบหัวผมไว้...มึงไปเอามาจากไหนเนี่ย เหม็นอับชิบหาย
ผมรู้สึกว่ารถกำลังจอด แล้วสักพักผมก็โดนหิ้วปีกเดินมาที่ไหนสักที่ แต่คลาดว่าจะเป็นในบ้านแหละ เพราะพวกมันสั่งให้ผมถอดรองเท้า สักพักผมก็โดนผลักลงไปบนพื้น ก่อนที่ไอ้ผ้านรกที่มีกลิ่นเหม็นอับจะโดนดึงออกไปจากหัวผม
ชายวัยกลางคนในชุดยูกาตะสีน้ำเงินที่นั่งอยู่บนโซฟาหนังปรายตามองผมก่อนยกแก้วชาขึ้นจิบ ผมพยายามยันตัวให้ลุกขึ้นยืน แต่พอยืนได้ก็โดนไอ้พวกที่ลากผมมา เตะตัดจนผมทรุดลงไปคลุกเข่ากับพื้นอีก
“เรื่องมิกะ จะไม่รับผิดชอบใช่ไหม”เขาถามเสียงเรียบ
“ก็ผมไม่ได้ทำอะไร จะไปรับผิดชอบได้ไง”ผมบอกแล้วก็ลุกขึ้นยืน
แต่ประสบการณ์มันสอนผมมาแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้ทันทีที่ลุกได้ ผมรีบหันไปกระโดดถีบไอ้คนที่ใกล้ที่สุดก่อนเลย แต่ถ้าแม่งจะมีเป็นฝูงขนาดนี้ ...ต่อให้กูเก่งเหมือนบูทลีกูก็ตาย
หลังจากพยายามต่อสู้ขัดขืนอย่างสุดกำลัง ตอนนี้ผมก็ได้แต่นอนหายใจรวยระรินอยู่บนพื้น ร่างกายที่บอบช้ำจากการโดนยำตีนทำเอาผมแทบขยับไปไหนไม่ได้ ชายที่นั่งดูเหตุการณ์ทั้งหมด ลุกขึ้นเดินมาหาผมอย่างสงบ ก่อนจะใช้เท้าเปล่าเหยียบหน้าอกข้างซ้ายผมไว้ ผมสบตาเขา ผมเห็นความเจ็บปวดอยู่ในนั้น
อั่ก!!
ผมปวดร้าวไปถึงขั้วหัวใจ
“ไม่ใช่แค่ใจเธอที่เจ็บ...ใจฉันก็เจ็บ”เขาพูดเสียงเรียบ “เอาไปขัง”แล้วตัวประกอบก็โผล่มาจากเงามืด ก่อนจะช่วยกันหิ้วปีกผมไป... อ๊ากกก ไม่ป๊ายยยยย
****
ผมนอนมองกำแพงห้องอย่างเหนื่อยอ่อน ผมอยากจะหนีออกไปแต่ก็รู้ดีว่าผมไม่มีทางหนีไปได้ เพราะนอกจากร่างกายจะโดนกระทืบซะจนช้ำ ที่ข้อเท้าขวาผมก็ยังมีโซ่ล่ามหมาล่ามเอาไว้อีกเส้น
“กักขังหน่วงเหนี่ยวมันผิดกฎหมายนะ”ผมตะโกนออกกไป
“พรากผู้เยาว์ก็ผิดกฎหมาย”เงียบเลยกู
แสงแดดยามเช้าส่งลอดบานหน้าต่างเข้ามา ผมปรือตาขึ้นช้าๆ ผ่านไปแล้วหนึ่งคืน ข้าวปลายังไม่ได้แดก ปวดช้ำไปหมดทั้งร่างกาย โดนยำตีนซะอ่วมเลยสิกู ผมที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นห้องพยายามพลิกตัวหนีแสง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะหามุมหลบดีๆได้ แสงที่แยงตาผมก็ถูกบังด้วยผ้าม่าน
เมื่อคืนผมฝันถึงไอ้เฮียด้วย สถานการณ์ส่วนใหญ่ในฝันนั้นผมจำไม่ได้ ไอ้ที่จะจำได้ก็คำบางคำที่ฟังแล้วหนาวจับขั้วหัวใจทุลุตับไตไส้พุงไปจุกอยู่ที่ก้านสมองส่วนท้าย... กลับมาเมื่อไหร่กูจะกระทืบมึงให้จมตีนเลย
อาการแสบๆเย็นๆที่ข้อเท้าทำให้ผมลืมตาอีกครั้ง ภาพเด็กผู้หญิงที่ผมค่อนข้างคุ้นเคยมากในช่วงนี้ กำลังทำแผลที่ข้อเท้าให้ผม เห็นแล้วเซ็ง ผมกระชากเท้ากลับ แต่ก็ต้องถึงกับร้องออกมา เมื่อโซ่ที่ข้อเท้ามันปาดเข้าไปในแผลอีก
ผมนอนมองเพดานไม้ระแนงสีเข้ม ป่านฉะนี้ไอ้เฮียมันจะเป็นยังไงบ้างนะครับ เมื่อวานมันแข่งไปแล้ว จะเป็นไงบ้างนะ แต่อย่างมันผมคงไม่ต้องห่วงอะไรหรอกมั้ง ตีนหนักซะขนาดนั้น(การันตีโดยกูเอง) ผมหายมาแบบนี้ มันจะคิดถึงผมบ้างไหมนะ แล้วถ้ามันคิดถึง มันจะตามหาผมไหมนะ แล้วถ้ามันตามหาจนรู้ว่าผมอยู่ที่นี่ มันจะยอมเสี่ยงตายมาช่วยผมไหม แล้วถ้า... มันรู้ว่าผมโคตรคิดถึงมัน
มันจะดีใจไหมวะ...
ผมค่อยปรือตาลง ก่อนจะจมสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
***
“ไอ้เอม มึงว่าเหี้ยบลูมันหลับหรือตายวะ”ปินมองพี่สะใภ้ตัวเองที่สภาพเยี่ยงศพ ก่อนจะหันไปสบตากับเพื่อนข้างตัวที่มีสีหน้าครุ่นคิดในคำถาม
“อืม... กูว่ามันยังไม่ตายหรอก เหี้ยบลูมันมีอิทธิฤทธิ์ นอนชาร์ทพลังแปปเดียวเดี๋ยวมันก็กลับมาเป็นปกติ”คนถูกถามตอบด้วยแววตามุ่งมั่น
“พ่องมึงเหอะไอ้เอม... ไอ้บลูมันไม่ได้เป็นญาติกับอุลตร้าแมนนะสัตว์ที่จะมาช๊งมาชาร์ทพลังได้น่ะ... เฮ้ย!! ใครอยู่ข้างนอกเอากล่องปฐมพยาบาลมาหน่อยดิวะ!!”เฟาด่าคนข้างตัว ก่อนจะเดินไปตะโกนใส่ประตู
“เมียมึงขี้โวยวายแท้วะ”ปินบ่นเบาๆ
“แบบนี้แหละ ปากดีไม่รู้จักกาลเทศะ... เวลาถูกกูเอาไม่เห็นแหกปากเข้าไปล่ะ เงียบกริบ เม้มปากจนปากแตก ต้องเหนื่อยกูมานั่งทายาให้แม่งทุกที”
โครม!!!!
ปลาหมอตายเพราะปากฉันใด ไอ้เอมก็ตายเพราะตีน(เมีย)ฉันนั้น
ผมลืมตาขึ้นเพราะเสียงจอกแจกจอแจที่เร้าระบบประสาทเหลือเกิน เสียงปึงปังเริ่มชัดขึ้นในความรู้สึก เหง้าหน้าโง่ๆของไอ้เฟาเข้ามาแทนที่เพดานไม้ระแนง ผมกระพริบตาปริบๆ
“ไอ้บลูฟื้นแล้ว มันฟื้นแล้ว”ไอ้เฟามันร้องขึ้นด้วยสีหน้าดีใจเป็นล้นพ้น
“เห็นมะ กูบอกแล้วว่าเหี้ยนี่มีอิทธิฤทธิ์”ไอ้เอมไม่พูดเปล่า มันยังช่วยประครองให้ผมลุกขึ้นนั่ง “ตอนม.6นะ มันโดนสิบล้อเหยียบ ยังไม่ต้องนอนโรงบาลเลย”เว่อล่ะไอ้สัตว์ กูคน ไม่ใช่ยอดมนุษย์... แล้วกูน่ะไปโดนสิบล้อเหยียบมาตอนไหนห๊ะ
“นอนโลงแทนสิสัตว์... คนบ้าอะไรจะถึกขนาดนั้น”ไอ้เฟาบ่นเบาๆ “แล้วมึงโอปะวะ”โออะไร โอเสี่ยว ซังโจเสี่ยว สิวิไล วิโอ คร่อม... เจอมุขนี้เข้าไปฮากริบเลยดิ ไม่ฮาหรอ ฮาสักนิดเถอะ กูฮาเองก็ได้...ฮ่าๆๆๆ
“อืม”ผมพยักหน้าเบาๆ ก็อยากกวนตีนหรอกนะครับ แต่เจ็บปาก กว่าจะร้องจบเลือดคงได้กลบไปอีกหลายยก
“แล้วจะหนีกันยังไง”ไอ้ปินเริ่มเปิดประเด็น
“นั่นล่ะปัญหา... กูบอกให้แอบปีนเข้ามาแม่งก็ไม่เชื่อ...เสือกไปยืนตะโกนให้เขารู้ นี่ชีวิตจริงนะไอ้ห่า ไม่ใช่ละครที่บอกให้มันส่งเพื่อนมึงออกมาแล้วมันจะส่งมาให้น่ะ”ไอ้เอมเข้าโหมดกระแหนะกระแหน
“ถ้าปีนเข้ามา เขานึกว่าขโมยไม่โดนยิงตายห่าหรอไอ้ห่าเอม...แล้ววิธีนี้ก็เจอไอ้บลูมันเร็วด้วย”ไอ้เฟาที่ไม่ยอมรับความจริง ยังคงแถไปเรื่อยๆ
“พวกมึง...”ผมพยายามเรียกร้องความสนใจ
“มึงเงียบไปก่อน”ไอ้เอมยกมือห้ามผม ก่อนจะหันไปเถียงกับไอ้เฟาต่อ
“แต่...”ตกลงมึงมาเพื่อเถียงกันหรือว่าจะมาช่วยกูกันแน่วะ
“เดี๋ยวดิวะ”ไอ้เอมพูดเหวี่ยงๆ
“เฮ้ย!!! พวกมึงฟังไอ้บลูมันดิวะ!!”ไอ้ปินตะคอก ผม ไอ้เฟาและไอ้เอมกระพริบตาปริบๆราวกับถูกสตั้น “นิ่ง นิ่ง เดี๋ยวพ่อปั๊ดถีบหงาย จะพูดอะไรมึงก็พูดดิสัตว์”ภาพพี่มึงซ้อนทับขึ้นมาเลยเหี้ยปิน
“คือ กูจะบอกว่าขอบใจ ที่พวกมึงมาช่วยกู”พูดเองแล้วก็เขินอ่ะ... กูซึ้งนะเว้ย
“เออ ขอบใจทำไม เพื่อนกัน”เป็นไอ้เอมที่พูดครับ
“ก็มึงเป็นพี่สะใภ้กูนิ”เป็นไอ้เหี้ยปินครับ
“มึงน่ารัก”แล้วไอ้เฟาก็พุ่งเข้ามากอดผมแน่น... เบาๆ ซี่โครงกูจะแตกละสัตว์
ไอ้เฟากอดผมกลมก่อนจะตามมาด้วยไอ้เอม(ที่เนียนมากอดเมียมัน)และไอ้ปินที่กอดผมไปแล้วน้ำตาปริ่ม... ร้องหาพ่อง
หยุดเหตุการณ์ชวนคลื่นไส้เอาไว้เท่านั้นก่อน พวกผมนั่งคิดหาทางออกกัน108จนมาสรุปกันที่ว่า...พึ่งพ่อไอ้ปิน
หรือที่ไอ้เอมเรียกว่า แผนพึ่งพ่อผัวไอ้เหี้ยบลู
...ผงผัวอะไร...
...บ้าจริง!ฉันอายนะ...
ตอนนี้ไอ้ปินลอบไปโทรศัพท์หาพ่อมันแล้ว ส่วนพวกผมสามคนก็ได้สบโอกาสจับเจ่าคุย
“แล้วเฮียปั้นไปไหนวะ”ผมพูดออกไป
“แหม แรดจริงเพื่อนกู ถามหาผัวกลางวันแสกๆ”เหี้ยเอมพูดจีบปากจีบคอ
“ตอบมาเร็วๆก่อนที่กูจะเอาตีนนี่แหละแสกหน้ามึง”โหดได้ไม่เจียมสังขารเลยกู
“เมื่อวานนี้ผัวมึงแข่งที่ม.XXXแล้วเสร็จแล้ว กลับไปเดี๋ยวก็ได้เจอ”ผมก็ไม่ได้หวังไว้หรอกนะครับว่าเฮียจะต้องมาตามหาผม และถึงเฮียปั้นมันจะทำแบบนั้นจริงๆ ผมก็คงห้ามอยู่ดี... ทั้งที่ผมเองก็ไม่ได้หวังอะไร แต่ทำไมใจมันปวดแบบนี้วะ
“มึงอย่านิ่งดิ”ไอ้เฟาเข้ามาซบผม... เพื่อนมึงจะตายห่าอยู่แล้วยังจะซบ
“มึงอย่าพึ่งสนิมสร้อยแดก คือว่าผัวมึงเขาก็ตามหามึงนั่นแหละ ตอนที่มึงหายไปเขาก็โทรมาถามกูว่ามึงอยู่ด้วยรึเปล่า กูก็บอกเปล่า แล้วกูก็ให้เบอร์บ้านมึงไป แล้วเหมือนเหี้ยบลิสส์น้องมึงมันจะรับสาย มันบอกว่ามึงนอนอยู่ ไม่ค่อยสบาย”ไอ้น้องเหี้ย( อุ๊ย ไม่ได้ มันน้องผมนี่ว่า) ... กูไปนอนไม่สบายอยู่บ้านตอนไหนห๊ะ “ยังไม่จบ แล้วเมื่อเช้ากูก็เลยโทรไปที่บ้านมึงอีกทีเพื่อถามอาการตามที่เพื่อนที่ดีแบบกูพึงกระทำ ไอ้บลิสส์มันก็บอกว่ามึงตายห่าไปแล้วไม่กลับบ้านมาเป็นชาติ กูก็ถามมัน ไหนเมื่อคืนมึงบอกว่าไอ้บลูมันนอนไม่สบาย แล้วมันก็ตอบว่า นึกว่าถามถึงเจ้บลูม เพราะเห็นเพื่อนเฮียบลูมีแต่จัญไรๆพูดจาหยาบคาย คนเมื่อคืนโทรมาสุภาพๆใครจะไปนึกว่ารู้จักกับเฮียบลูล่ะ”ไอ้เฟาขำ แต่ผมกุมขมับ
“ตกลงมันจะด่ากูว่าไม่น่ามีคนดีๆมาคบหา หรือจะด่ามึงว่าจัญไรวะ”ผมถามไอ้เอม
“นั่นล่ะ กูก็สงสัยอยู่”ไอ้เอมครุ่นคิด “ช่างแม่ง เอาไว้เจอหน้าน้องมึงเมื่อไหร่ กูขออนุญาตตบกบาลมันสักทีเหอะ”ให้2ทีเลย...เผื่อกูด้วย
“เป็นไงบ้างมึง”ไอ้เฟาถามเมื่อไอ้ปินเดินกลับมาจากมุมมืด
“พ่อกูบอกว่า ให้เขากระทืบสักทีก็ดีเหมือนกัน เลี้ยงเปลืองเพ็ดดีกรี ไปบุกบ้านเขาก็สมควรแล้ว...สรุป ไม่ช่วย”ฟังแล้วก็ง่อยจะแดก แล้วพวกผมจะทำยังไงต่อไปดีล่ะครับ
“ลองวิธีกูบ้าง”ไอ้เฟาลุกขึ้น โดยที่ไอ้เอมก็แทบลุกตามทันที “ถ้ากูขอให้มึงเชื่อใจกู... ได้ไหมวะ”ไอ้เอมฟังแล้วก็นั่งลงอย่างสงบๆ
“กูเป็นห่วงมึง”แล้วพวกมันสองตัวก็สบตากันนิ่ง... เห็นรังสีสีชมพูแล้วกูหมันไส้
“เฮ้ยๆ กูริษยา”ไอ้ปินพูดขัด ไอ้เฟาละสายตาออกไปก่อน ส่วนไอ้เอมก็ได้แต่เกาหัวแกรกๆด้วยความกาก
“ผมขอคุยกับคุณมิกะได้ไหมครับ”ไอ้เฟาพูด สักพักประตูก็เปิดออก แล้วไอ้เฟาก็เดินออกไป ทิ้งผม(ที่อาการล่อแล่) ไอ้ปิน(ที่สนุกสนาน) และไอ้เอม(ที่เหมือนจะขาดใจตาย)เอาไว้...เว่อจริงไอ้นี่ เมียมึงไม่ได้ถูกส่งลงปัตตานีนะเว้ย
พวกผมนั่งรอก็แล้ว นอนรอก็แล้ว กลิ้งรอก็แล้ว แต่ไอ้เฟาก็ยังไม่กลับมา จนเมื่อพวกผมเริ่มเล่นตำใบยอมะละกอแตกเผละ(คลาดว่าหลายคนไม่รู้จัก) ประตูก็ถูกเปิดออก
“รีบๆเลยค่ะ เดี๋ยวโอโต้ซังก็จะกลับมาแล้ว”มิกะพูดพร้อมไขแม่กุญแจที่ล็อกโซ่ที่ล่ามผมไว้ออก
“เห็นความเทพในตัวกูยัง”ไอ้เฟาพูดกับไอ้เอมที่ตอนนี้ยืนเหยียดยิ้มอยู่ไม่ไกล
ไอ้ปินกับไอ้เฟาช่วยกันประครองผมลุกขึ้น แล้วรีบพาออกไปจากห้อง แต่เหมือนจะไม่ทันใจไอ้ปินมั้งครับ มันเลยอุ้มผม แต่อุ้มไปสามก้าวได้มั้ง มันก็ปล่อยผมลง พร้อมตะโกนใส่ผมว่า แดกควายไปรึไง...สัตว์ แล้วใครใช่ให้มึงอุ้มกูล่ะ
“เร็วเลยค่ะ เดี๋ยวไม่ทัน”มิกะที่อยู่ด้านหน้าบอกพวกผม... ถ้ากูเหาะได้กูก็คงเหาะไปแล้วครับ ลุ้นจนเยี่ยวเหนียวล่ะเนี่ย
ไอ้ปินรีบพาผมลงบันไดตามมิกะไป แต่ไอ้ปินก็ต้องหัวเสีย เมื่อคนที่เอาแต่เร่งคนอื่นกลับหยุดนิ่งขวางทาง
“เฮ้ย หยุดไม”ไอ้ปินถามเสียงห้วน
“โอโต้ซัง”มิกะพูดเสียงแผ่ว
“จะไปไหนกัน”เสียงทุ้มแต่แฝงด้วยอำนาจดังมาจากชั้นล่าง
“โอโต้ซัง ปล่อยพี่บลูไปเถอะ”เธอพยายามขอร้อง... กูล่ะซึ้ง
“ไม่ได้ เป็นผู้ชายก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง”อยากตะโกนออกไปว่า กูเป็นตุ๊ด แต่ไม่ได้ครับ เดี๋ยวเรื่องจะไปกันใหญ่
“โอโต้ซังคะ มิกะไม่ได้มีอะไรกับพี่บลูหรอกค่ะ คนเมาขนาดนั้น จะมีปัญญาทำอะไรมิกะได้ มิกะแต่งเรื่องเองค่ะ เพราะมิกะชอบพี่เขา”แล้วเธอสารภาพออกมา “พี่เฟาเป็นพยานได้ค่ะ”อ้าวอิเตี้ยก็เสือกไม่รีบบอก เอาซะกูหายใจไม่ทั่วท้องอยู่นานเลยไอ้สัตว์
เพี๊ยะ!!
ใบหน้าสวยสะบัดไปตามแรงมือของคนที่เธอเรียกว่าโอโต้ซัง
“ศักดิ์ศรีน่ะ ลูกเอาไปทิ้งไว้ที่ไหน”เสียงทุ้มตะโกนใส่เด็กสาวที่ตอนนี้ได้แต่ยืนร้องไห้ “พวกเธอไปเถอะ ฉันขอโทษสำหรับเรื่องทุกอย่างนะ”เขาพูดด้วยแววตาที่สำนึกผิดจริงๆ
“พวกมึงไปเหอะ”ผมบอกเพื่อนๆทั้งสามของผม... “กูจะอยู่เป็นเพื่อนมิกะก่อน”พระเอกจริงกู
“อย่ามาเป็นคนดีตอนนี้ พี่กูนอนโคม่ารอมึงอยู่ที่โรงบาล!!”ทันทีที่ไอ้ปินพูด(ตะคอกมากกว่า)จบ น้ำตาที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันมาจากแห่งหนใดก็ไหลพร่าออกมาอย่างไร้สาเหตุ
-----
ดราม่าแม่ะ
ปล. คิดว่าคุณเขียดจะเขียนให้เฮียปั้นสุดที่รักต้องเจ็บไข้ได้ป่วยอ่อ?
ปล.2 แอบกระซิบ//ตอนหน้ามีnc
ขอบคุณที่ติดตามและช่วยดัน+เป็นกำลังใจ.เสมอมานะจ๊ะ
ด้วยรัก...
คุณหญิงเขียดศรี
แจ้ง ตอนนี้คุณเขียดไปย้ายสำมะโนครัว wife phobia มา ณ.เล้าเป็ดแล้วนะคะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39091.0ฝากด้วยนะ จุบุ