ตอนที่ 3ธันว์“เก็บงานตรงนี้ด้วยครับ มันยังไม่เรียบร้อย ส่วนโถงใหญ่ในตึก งานมันไม่ตรงตามแบบ ให้ปรับแก้ด้วยนะครับ ส่วนตรงนี้...”
“เอ่อ คุณธันว์ครับ ได้เวลาเลิกงานแล้ว ผมว่าคุณธันว์กลับเถอะครับ ส่วนนายไปได้แล้วและรีบแก้ไขงานตามที่คุณธันว์สั่งไว้ด้วยรู้มั้ย”
หลังจากได้ยินประโยคดังกล่าว ผมลอบถอนใจเบาๆกับแผ่นหลังของผู้ที่มีฐานะเป็นพี่เลี้ยง ก่อนจะลงมือพับแบบอาคารที่ผมได้รับมอบหมายให้คุมในระหว่างฝึกงานครั้งนี้ เมื่อรู้แก่ใจดีว่าหมดเวลาทำงานของวันนี้แล้ว ทั้งๆที่ผมยังมีงานที่ต้องเคลียร์กับหัวหน้าคนงานอีกเยอะ แต่ในเมื่อพี่เลี้ยงออกหน้าขอร้องให้ผมกลับ ผมก็คงได้แต่ยอมทำตามเท่านั้น ผมว่ามิสเตอร์เฉินคงโดนคำสั่งจากเบื้องบนมาให้ควบคุมพฤติกรรมการทำงานของผมอย่างแน่นอน และไม่ต้องเดาว่าคนผู้นั้นน่ะคือใคร ก็คงมีอยู่คนเดียวนั่นแหละครับ ไม่รู้เฮียหลี่ผิงจะเป็นห่วงผมทำไมหนักหนา ทั้งๆที่ผมก็เป็นผู้ชายไม่ได้แลดูบอบบางน่าทะนุถนอมอะไรมากมายนัก
“คุณธันว์ครับ นายน้อยรอคุณธันว์อยู่ด้านนอกแล้วครับ เอ่อ...อีกอย่างครับ ตั้งแต่พรุ่งนี้คุณธันว์เข้างานสักเก้าโมงก็ได้นะครับ เพราะงานที่นี่ก็เหลือไม่มากแล้ว” รอยยิ้มเกรงใจและถ้อยคำอะลุ่มอล่วยของมิสเตอร์เฉินที่มีต่อเด็กฝึกงานอย่างผม บวกเข้ากับที่ผมรู้แก่ใจว่าตัวต้นเหตุอาการของพี่เลี้ยงรอผมอยู่ด้านนอกแล้วนั้น ทำให้ผมกรุ่นในอกนึกอยากตวาดระบายความหงุดหงิดใจออกไปนักเชียว แต่ผมก็เลือกที่จะข่มใจและพูดเพื่อทำความเข้าใจกับพี่เลี้ยง
“มิสเตอร์เฉินครับ ผมขอพูดอะไรตรงๆหน่อยนะครับ...ผมรู้ครับ ว่าที่คุณมีท่าทางและปฏิบัติตัวต่อผมต่างจากเด็กฝึกงานคนอื่นๆ เป็นเพราะอะไรหรือเพราะใคร ผมก็พอเข้าใจและเห็นใจคุณเหมือนกัน เพราะรู้ว่าคุณคงอึดอัดใจไม่น้อยที่รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงของผม แต่ผมไม่อยากให้คุณต้องคอยระวังตัวแทนผมขนาดนี้ เพราะผมดูแลตัวเองได้และมั่นใจว่าผมเข้มแข็งพอกับงานที่ได้รับมอบหมายมา การที่ผมเรียนมาตั้งสี่ปีก็อยากเอาความรู้ที่มีมาใช้งานจริง เพื่อหาประสบการณ์ในการทำงาน และไม่อยากดูเหลาะแหละในสายตาเพื่อนๆและผู้ร่วมงานคนอื่นๆ ผมขอเถอะครับ ช่วยอย่าปฏิบัติตัวกับผมเหมือนเป็นเจ้านายเลย ขอผมเป็นรุ่นน้องคุณเฉินก็ยังดี และผมจะไม่บอกเรื่องนี้กับเฮียหลี่ผิงแน่นอน”
“เฮ้อออ คุณธันว์พูดซะขนาดนี้ ผมคงต้องทำตามล่ะครับ ไม่ใช่เพราะทำตามคำสั่งของว่าที่เจ้านาย แต่ผมทำเพราะเห็นว่าคุณเป็นรุ่นน้องต่างหาก” รอยยิ้มบางเบาพร้อมแววตาชื่นชมเปิดเผยของมิสเตอร์เฉินทำเอาผมทำหน้าไม่ถูก ด้วยไม่ทันตั้งตัวเพราะไม่คิดว่ามิสเตอร์เฉินจะพูดง่ายขนาดนี้
“คุณธันว์อย่ามัวแต่ยืนอยู่ตรงนี้เลยครับ เดี๋ยวเจ้านายตัวจริงของผมจะอารมณ์เสียซะก่อน” ผมหัวเราะเบาๆให้กับคำพูดล้อเลียน ก่อนเอ่ยขอบคุณพร้อมขอตัวพี่เลี้ยงจากมาอย่างอารมณ์ดี ที่อย่างน้อยต่อจากนี้ผมก็คงได้ทำงานตามที่เรียนมาอย่างเต็มความสามารถ คงไม่โดนห้ามนู่นห้ามนี่จนไม่เป็นอันทำอะไรเหมือนที่ผ่านมา
“ธันว์เดินมานั่นแล้วค่ะ...มาได้สักทีนะ มัวแต่ทำไรอยู่วะชักช้า ปล่อยให้เฮียหลี่ผิงรอนานนะมึง” ฟังไอ้นลินมันพูดกับเพื่อนเลิฟอย่างผมสิครับ ผมมาช้าแค่เนี้ยต่อว่าถลึงตาเข้าใส่ ดุกว่าหม่าม้าผมซะอีกแน่ะ แต่คนที่น่าหมั่นไส้มากกว่าคือเฮียหลี่ผิงที่ยืนพิงรถอมยิ้มมองหน้าผมนี่ต่างหาก ชิชะ! ถือว่ามีพวกรึไงกัน
“กูเคลียร์งานอยู่ ไม่ได้มัวมาฉอเลาะออเซาะแฟนเพื่อนเหมือนใครบ้างคนนี่” ไอ้นลินตาโตอึ้งค้างทันทีที่โดนผมตอกกลับ เพราะนานๆทีผมจะต่อปากกับเพื่อนคนนี้ สุดทนล่ะครับที่มันเลือกเข้าข้างคนอื่นมากกว่าเพื่อนตัวเอง คุณโปรดอย่าเข้าใจผิดว่าผมอยากแสดงความเป็นเจ้าของใครบางคนแถวนี้
“อุ๊บ! ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้าแม่บัวงามซะจริง ฮึๆ โดน ‘น้องธันว์’ ของเฮียหลี่ผิงจัดให้ซะหนึ่งดอก หงายเงิบพูดไม่ออกเลยล่ะซี่ ฮ่าๆ” ไอ้นนก็พูดเกินไปครับผมไม่ได้ตั้งใจทำเพื่อนเลิฟแบบนลินอึ้งค้างขนาดนี้สักหน่อย จึงรีบส่งยิ้มให้เพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดทันที แต่นลินทำเพียงค้อนใส่ก่อนสะบัดหน้าหนีอย่างงอนๆ และหันไปทุบไหล่ไอ้นนเป็นการระบาย
“สู่รู้! ไปเลยมึง จะรีบไปรับสุดเลิฟของมึงก็รีบไป ขืนช้าระวังเถอะสาวหมวยได้คาบพี่เบสของมึงไปแดกหรอก”
“ไม่มีทาง คนนั้นเค้าหลงกูจนไม่มีตามองใครแล้วเว้ย เออ แต่กูรีบไปดีกว่า ผิดเวลาเดี๋ยวงอนกูอีก ง้อยากชิบ เฮียผมลาล่ะครับ เจอกันพรุ่งนี้นะธันว์ ลาล่ะแม่บัวตูม ฮ่าๆๆ” ไอ้นนวิ่งฉิวหนีตีนไอ้นลินที่ตั้งท่าง้างขาตามตูดมันทันทีที่พูดจบ เหลือเพียงเสียงหัวเราะสะใจให้นลินได้เข่นเขี้ยว แต่กลับทำให้ผมและคนข้างตัวฉีกยิ้มเต็มหน้า
ส่วนเรื่อง ‘สุดเลิฟ’ ของไอ้นนนั้นผมจะยังไม่เฉลยว่าเค้าคือใคร เพราะเดี๋ยวไอ้นนคนขี้เห่อแฟนรูปหล่อจะพามาให้ได้รู้จักเองครับ แต่ตอนนี้ผมคงต้องรีบตามแฟนสุดเลิฟของผมขึ้นรถก่อนล่ะ
ผมเพิ่งรู้ว่าการที่เฮียหลี่ผิงเปลี่ยนแผนมารับผมเองนั้น เพราะอาธัชโทรมาตามว่าอากงไป๋หลงอยากเจอผม จึงนัดผมและเฮียหลี่ผิงให้ไปทานข้าวเย็นด้วย และขืนทำตัวเชื่องช้าขัดใจเจ้าพ่อใหญ่เข้า ความซวยจะตกอยู่ที่น้องธันว์คนรูปหล่อ(มาก)อย่างผมซะก่อน ส่วนไอ้นลินนั้นเฮียหลี่ผิงให้พี่อู๋ขับรถพาไปส่งถึงคอนโดที่พักทั้งๆที่หน้าบูดงอนผมเต็มขั้น แต่ผมคงต้องปล่อยมันไปก่อน เดี๋ยวค่อยง้อเพื่อนด้วยมื้อกลางวันสุดหรูสักมื้อ มันก็คงหายงอนผมเองแหละ
...............................................
ณ คฤหาสน์ตระกูลหยาง บ้านที่เต็มไปด้วยความรักและเสียงหัวเราะ และไม่ว่าผมจะมาเยือนครั้งใดกลับก่อเกิดความสุขใจได้ทุกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ก็ไม่เว้นจนผมไม่อาจเก็บงำความสุขไว้กับตัว แต่แสดงออกมาด้วยรอยยิ้มและปล่อยเสียงหัวเราะในบางช่วง ให้กับเรื่องเล่าของสองแฝดผู้สืบทอดแห่งหยางหลงเหยียน!
“ปะป๋าคิดดูสิคะ ใครจะกล้าเถียงเฮียเทียนหลง เสียงงี้ดังลั่น เพื่อนๆในห้องน่ะเงียบกริบเลย เพื่อนที่ผิดใจกันถึงขั้นชกต่อย ยังยอมจับมือคืนดีกันเลยค่ะ คิกๆ ตอนนั้นอาเฮียของเหม่ยเทียนน่ะเท่ที่สุด” สาวน้อยผิวขาวจัดผู้มีเรือนผมเงางามยาวจรดกลางหลัง และวงหน้าที่ประกอบด้วยดวงตากลมโตกลับยิบหยี ยามเจ้าของกำลังถูกใจกับเรื่องเล่า พร้อมปากแดงรูปกระจับที่ฉีกยิ้มกว้างได้อย่างน่าดู
เด็กผู้หญิงน่ารักคนนี้คือน้องสาวของผมเองครับ ชื่อ ‘หยางเหม่ยเทียน’ น้องเป็นลูกสาวของอาตี้หลงและอาธัชที่เกิดจากการอุ้มบุญ ซึ่งเป็นฝาแฝดของน้องชายอีกคนของผม ผู้ที่กำลังนั่งเก๊กอมยิ้มภูมิใจกับคำพูดชื่นชมของน้องสาว ซึ่งน้องฝาแฝดของผมนั้น เกิดจากการใช้สเปิร์มของอาตี้หลงกับไข่ของอานัช ก่อนเราจะนำน้องๆไปฟูมฝักให้โตในท้องของคุณแม่บ้านตระกูลหยาง และทั้งคู่ก็สามารถลืมตาดูโลก ด้วยฝีมือของอานัชที่มีศักดิ์เป็นอาและแม่แท้ๆของเด็กๆ
“หึ! ไม่รู้จะหาเรื่องทะเลาะกันทำไม ถึงขั้นต้องเอามิตรภาพของการเป็นเพื่อนมาทิ้งกับแค่ผู้หญิงคนเดียว!” ผมล่ะอดขำไม่ได้กับท่าทางของเด็กชายสิบสองขวบอย่าง ‘หยางเทียนหลง’ มังกรฟ้าผู้หยิ่งผยองท่าทางเกินเด็กคนนี้
แถมแววตามั่นใจและท่วงท่าที่ผมได้เห็นจากเทียนหลงนั้น ผมก็เดาได้ทันทีว่าในอนาคตน้องชายของผมคนนี้ คงดูองอาจไม่ต่างจากอาตี้หลงผู้เป็นปาปาอย่างแน่นอน และดูท่าอาตี้หลงคงภูมิใจในตัวลูกชายไม่น้อยล่ะครับ เพราะจากเสียงหัวเราะที่คลอเบาๆหลังจบประโยคของเทียนหลงนั้น บ่งบอกได้เป็นอย่างดีเชียวล่ะ
“เทียนหลง ลูกก็ต้องระวังเรื่องการใช้คำพูดและท่าทางที่แสดงออกกับเพื่อนด้วย เพราะเพื่อนไม่ใช่ลูกน้องในบ้านเรานะครับ ถึงเค้าจะแสดงออกว่าเกรงใจและยกย่องเรา แต่ในใจเค้าเราไม่รู้ว่าคิดอย่างที่แสดงออกรึเปล่า อาจจะกำลังต่อว่าและสาปแช่งอยู่ก็ได้...เทียนหลง มิตรภาพระหว่างเพื่อนไม่ได้แลกมาด้วยอำนาจนะครับ แต่ลูกต้องแลกมันมาด้วยความจริงใจ” ผมอมยิ้มให้กับคำสั่งสอนยาวๆของอาธัชที่มีให้แก่ลูกชายคนโตอย่างเทียนหลง ที่พอน้องได้ฟังก็ถอดท่าทางหยิ่งผยองลง เหลือเพียงใบหน้าเซียวๆและรอยยิ้มแหยๆมองปะป๋าตัวเองด้วยแววตาอ้อนๆ
ไม่ต่างจากคนเป็นปาปาอย่างอาตี้หลงที่หุบยิ้มแทบไม่ทัน เมื่ออาธัชหันไปถลึงตาใส่เพื่อปรามไม่ให้อาตี้หลงให้ท้ายลูกชาย ส่วนผมต้องรีบส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้น้องชายที่เหลือบตามามองกันเหมือนกำลังหาตัวช่วย แต่ผมก็ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่านั้น เพราะขนาดพญามังกรดินซึ่งเป็นนายใหญ่แห่งหยางหลงเหยียนยังไม่กล้า แล้วนายธันว์แห่งธนอรรถย์ลิงตัวน้อยๆอย่างผมรึจะกล้า ที่จะเสี่ยงกับพยัคฆาผู้กุมอำนาจแห่งหยางหลงเหยียนอย่างแท้จริง จึงทำได้เพียงหันไปหาตัวช่วยให้น้องจากคนข้างตัว ด้วยการสะกิดท่อนแขนของเฮียหลี่ผิง เพื่อให้เสี่ยงตายช่วยน้องน้อยของเรา ซึ่งเฮียหลี่ผิงเองก็ขมวดคิ้วนิดๆมีแววตาฉายชัดถึงความกังวล แต่เมื่อเจอผมถลึงตาเข้าใส่เพื่อเร่งปฏิกิริยาก็ถึงกับถอนใจเบาๆ และเตรียมเอ่ยปากช่วยน้องชายท่ามกลางสายตาเอาใจช่วยของทุกคนรอบตัว
“เอ่อ อาธัช ผมว่า...” ยังไม่ทันที่เฮียหลี่ผิงจะว่าอะไรต่อ อาธัชดันขัดขึ้นด้วยเสียงนิ่งๆซะก่อน จนผมยังได้ยินคนกล้าเสี่ยงตายเพื่อน้องนั้น กลืนน้ำลายดังเอื๊อกเลยทีเดียว
“หลี่ผิงไม่ให้ท้ายน้องนะครับ เทียนหลงมานี่ เหม่ยเทียนด้วย....ไม่ใช่ป๋าอยากจะดุให้ลูกต้องเสียใจ แต่ต้องการสอนให้เข้าใจ ไม่อยากให้คนอื่นมองลูกป๋าไม่ดี ลูกเข้าใจที่ป๋าพยายามบอกแล้วใช่มั้ย....ฮึๆ ดีมาก โดยเฉพาะเทียนหลง ลูกรู้อยู่แล้วว่าต่อไปลูกต้องขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่ปาปายืนอยู่ตอนนี้ ดังนั้นต้องเรียนรู้ให้มาก โดยเฉพาะด้านการใช้ชีวิตเพื่อครองใจบริวาร เพื่อครองตำแหน่งหัวหน้าแก๊งได้อย่างเต็มภาคภูมิ เข้าใจมั้ยครับ”
“ครับปะป๋า ผมเชื่อปะป๋าและจะปรับตัวตามอย่างที่ปะป๋าสอน”
“เหม่ยเทียนเห็นด้วยกับปะป๋าที่สุด อื้อ ตัวปะป๋าอุ่นจัง กอดเหม่ยเทียนหน่อยสิคะ” คำพูดและท่าทางออดอ้อนของเหม่ยเทียน ทำให้บรรยากาศที่ดูอึมครึมนั้นสว่างสดใสขึ้นมาทันตา
อาธัชที่โดนลูกสาวคนสวยอ้อนใส่นั้น ถึงกลับคลี่ยิ้มพร้อมส่ายหัวเบาๆ แต่แววตายามมองน้องน้อยของผม กลับฉายชัดถึงความเอ็นดูและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ก่อนปะป๋าของเด็กๆจะรวบกอดฝาแฝดทั้งคู่เข้าสู่อ้อมอก ไม่ใช่เพียงแค่กอดสาวน้อยที่เอ่ยปากขอเท่านั้น
“สามพ่อลูกนี่ยังไงกัน กอดกันแน่นจนลืมปาปาคนนี้ไปแล้วมั้ง งั้นมาให้ปาปากอดซะดีๆ” หลังคำพูดของอาตี้หลงจบลง คุณอามาเฟียของผมก็รวบกอดครอบครัวตัวเองจนเต็มอ้อมแขนอย่างปากว่าทันที จนเด็กๆในอ้อมกอดหัวเราะคิกคักถูกใจ แม้แต่มาเฟียตัวน้อยอย่างเทียนหลงยังทิ้งมาดคุณชายน้อย และกลายเป็นเพียงเด็กผู้ชายธรรมดาที่กำลังหัวเราะปากกว้างมีแววตาสดใส
ส่วนอาธัชเองก็มีบ่นอาตี้หลงว่าเล่นเป็นเด็กๆ แต่กลับระบายยิ้มได้เต็มวงหน้า ซึ่งผมเองก็แอบเห็นคุณอาทั้งสองส่งสายตาสื่อความนัยหวานซึ้งให้กันด้วย เล่นเอาตัวเองแก้มร้อนไม่กล้ามองคุณอาตรงๆเลยเชียวล่ะ และผมเองก็ต้องกลับมาให้ความสนใจกับคนข้างตัวที่ถูกผมลืมไปชั่วขณะ เพราะภาพครอบครัวอบอุ่นตรงหน้าเป็นเหตุ เมื่อวงแขนอบอุ่นนั้นรวบตัวผมเข้าไปกอดเลียนแบบครอบครัวตระกูลหยาง
“เราก็กอดกันมั่งเนอะ ไม่ใช่อะไร เฮียกลัวน้องธันว์อิจฉาฝาแฝด ฮึๆ” ผมถองศอกเบาๆไปที่กล้ามท้องแน่นๆของเจ้าของประโยคดังกล่าวเป็นการสั่งสอน ให้สมกับข้ออ้างที่ไม่ได้เรื่องของมาเฟียจอมฉวยโอกาส ก่อนจะยอมให้ตัวเองตกอยู่ในอ้อมกอดของเฮียหลี่ผิงต่อไป เพราะไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ผมก็ขัดเจ้าพ่อคนนี้ไม่ได้อยู่ดี
หลังจากนั้นไม่นานผมกับเฮียหลี่ผิงก็ต้องออกไปรับอากงไป๋หลงที่หน้าคฤหาสน์ เมื่ออากงเพิ่งกลับมาจากสมาคมแข่งม้า พร้อมประคองท่านเข้าบ้าน การที่เราต้องประคองไม่ใช่ว่าท่านจะดูอ่อนแรงแต่อย่างไร แม้พญามังกรขาวแห่งหยางหลงเหยียนจะเกือบแปดสิบแล้ว แต่ท่านยังคงแข็งแรงเหมือนคนอายุหกสิบด้วยซ้ำ ผมก็แค่อยากเอาใจและแสดงถึงความรักที่มีต่ออากงให้ท่านได้รับรู้บ้าง และให้สมกับความเอ็นดูที่ท่านมีให้หลานนอกไส้อย่างผมด้วย
เมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าบนโต๊ะอาหาร เวลาของครอบครัวอย่างแท้จริงก็เริ่มขึ้น และบ้านที่มีเด็กนั้นช่างทำให้บรรยากาศรอบตัวสดใส ด้วยเสียงพูดคุยที่เรียกรอยยิ้มของผู้ใหญ่รอบตัว ผมจึงอดที่จะนึกถึงครอบครัวตัวเองที่เมืองไทยไม่ได้ เพราะตอนนี้ธนอรรถย์เองก็กลายเป็นครอบครัวใหญ่ และมีเด็กๆสร้างสีสันแห่งเสียงหัวเราะและรอยยิ้มได้ไม่ต่างจากหยางหลงเหยียนเลย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงเวลาที่ผมและเฮียหลี่ผิงต้องกลับ แต่ก่อนกลับอากงไป๋หลงก็ฝากความคิดถึงไปให้ครอบครัวหวาง โดยเฉพาะมามาเฟิงหวงผู้เป็นลูกชายและเจ๊เหมยอิงผู้เป็นหลานสาวคนโปรด ซึ่งท่านมีแอบบ่นน้อยใจทั้งคู่ไม่ได้ ตามประสาผู้สูงอายุที่ต้องการให้ลูกหลานมาห้อมล้อมรอบตัว แต่อากงไม่ได้พูดออกมาตรงๆหรอกครับ เพราะท่านเป็นถึงอดีตมาเฟียใหญ่ก็ต้องมีมาดกันบ้าง แต่ผมและเฮียหลี่ผิงหรือแม้แต่คุณอาทั้งคู่ก็รับรู้ได้ ซึ่งพวกเราทำเพียงส่งสายตาสื่อถึงกันเท่านั้น ขืนพูดออกไปตรงๆพวกเราคงโดนอากงไป๋หลงโกรธอย่างแน่นอน
“ฝากบอกมามาของเราด้วยนะ ว่าโรงแรมใหม่ที่กำลังสร้างในเขตกงอินน่ะให้ดูลู่ทางให้ดี เพราะที่แถวนั้นเคยเป็นของพวกแก๊งจ้าวมาก่อน มีปัญหาอะไรเกินกำลังก็ให้มาบอก...อาหลี่ผิง ปาปาเราน่ะชักจะยังไง ใช้งานน้องสาวเราหนักไปรึเปล่าหึ วันก่อนอาเหมยอิงมาหาอากง แขนขานี่ลีบเหมือนคนไม่มีแรง ดูๆน้องเราบ้างหน่า”
เฮียหลี่ผิงผู้ที่โดนฝากฝังก็ได้แต่รับคำอากงไป๋หลงอย่างแข็งขัน ว่าจะนำความไปบอกมามาเฟิงหวงและดูแลเจ๊เหมยอิงให้เป็นอย่างดีด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า พร้อมกระชับฝ่ามือผมแน่นเพื่อให้สัญญาณเอ่ยลาครอบครัวหยาง ด้วยการสวมกอดอากงใจดีและน้องฝาแฝดที่ยืนยิ้มแป้นเคียงข้างปาปากับปะป๋าของตัวเอง แต่ก่อนที่ผมจะหมุนตัวขึ้นรถ อากงผู้เป็นประมุขใหญ่ของบ้านก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางรอยยิ้มของทุกคนรอบตัว แต่กลับทำให้ผมได้หน้าร้อนฉ่าทำตัวไม่ถูกอยู่คนเดียว
“หลี่ผิงดูแลอาธันว์ให้ดี ทำให้สมกับที่ผู้ใหญ่ทุกคนไว้ใจหลาน แต่อากงเชื่อว่าหลานอากงรักใครเข้าแล้วจะรักจริง และคงยึดมั่นในรักไม่เปลี่ยนแปลง อาธันว์เองถ้ามีเรื่องไม่พอใจหลานอากงคนนี้ก็ขอให้มาบอก อย่าคิดหุนหันด่วนสรุป เดี๋ยวอากงให้อาธัชจัดการให้เอง เข้าใจมั้ย” ผมทำเพียงเหลือบตามองอากงไป๋หลงก่อนรับคำเสียงเบา ด้วยอายจนไม่กล้าสบตาใครแล้ว แต่คงถูกใจเฮียหลี่ผิงมากเชียวล่ะครับ เพราะเฮียหลี่ผิงถึงขั้นหัวเราะออกมาเบาๆจนดังเข้าหูผม ก่อนผมจะได้ยินเสียงตอบรับเต็มเสียงของหลานชายคนโปรดของอากง จนอดมองหน้าคนพูดไม่ได้ แต่ผมก็ต้องรีบหลบตาแวววาว แต่แฝงไว้ซึ่งแววตาแห่งความจริงใจแทบไม่ทัน
หลังจากนั้นผมก็หูอื้อตาลายสมองเบลอๆด้วยอายจัด จนไม่รู้ว่าตัวเองขึ้นมานั่งบนรถตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มารู้สึกตัวก็ต่อเมื่อฝ่ามืออุ่นๆที่ลูบเบาๆไปทั่วหัวไหล่ พร้อมลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดหัวนี่แหละ ยามผมเงยหน้าจากแผ่นอกกว้างก็พบเข้ากับสายตาอบอุ่นที่จ้องผมอยู่ก่อนแล้ว บวกเข้ากับรอยยิ้มอ่อนโยนเข้าอีก ทำเอาวัฏจักรเดิมหมุนวนซ้ำอีกครั้ง แต่ระหว่างที่สมองเบลอตาพร่า ผมกลับสัมผัสได้ถึงรอยอุ่นที่เกิดขึ้นยังริมฝีปาก สัมผัสนี้บางเบาไม่ลึกซึ้งแต่กลับส่งกระแสแห่งความอ่อนโยนไม่ทั่วร่าง จนผมสั่นเคลิ้มหลงใหลในความอบอุ่นนี้ และเผลอปล่อยเวลาให้ทอดผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว จนกระทั่งเสียงนุ่มๆที่กระซิบชิดริมหูดังขึ้น ส่งผลให้มุมปากยกยิ้มไม่คลายไปตลอดทาง
“เฮียหลี่ผิงรักน้องธันว์ ช่วยอยู่ข้างๆกันแบบนี้ตลอดไปนะครับ”
..................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
อ๊ายยย...ไม่มีคำพูด เขินแทนลิงน้อย ฮี่ๆ
เราพาธัชชี่กับตี้หลงมาตามสัญญาแล้วนะคะ แถมพ่วงสองแฝด
มาให้รู้จักด้วยค่ะ ครอบครัวหยางดูอบอุ่นไม่แพ้ครอบครัวไหนๆเลยเนอะ
และได้รู้กันไปว่าใครคือผู้คุมอำนาจที่แท้จริงแห่งหยางหลงเหยียน ฮุๆ
ส่วนตอนหน้า...เห่อๆ ใครที่รอฉากสวีทที่เร่าร้อนอย่าพลาดค่ะ
รีบมาจับจองตู้เสื้อผ้าและพื้นที่หน้าเตียงได้เลย
ธันว์ : ถ้าจะประกาศซะขนาดนี้ขายตั๋วเลยดีมั้ย ชิ!
หลี่ผิง : อะไรครับน้องธันว์ ใครแกล้ง บอกเฮียสิครับคนเก่ง
MiSS-U : เอ่อ คือ เราแยกย้ายกันดีกว่านะคะ...[กระซิบ : แต่อย่าลืมนัดของเราน้า อิๆ]
+1และเป็ดแทนคำขอบคุณจากใจค่ะ
เจอกันวันสีฟ้า ~ ~
