ตอนที่ ๒๓ เจ็บเป็นของฉันฝันเป็นของเธอ
‘ฉันรักนายนะ นายเสือ’
ประโยคสุดท้ายที่ได้ยินจากปากคนที่เขามีใจปฏิพัทธ์ก่อนที่สองขาจะพาหัวใจที่ยังไม่หายเจ็บปวดดีออกมาจากห้องพักฟื้นของพศิน แม้จะเหนื่อยล้าจากการเดินทางไปกลับระหว่างโคราชกับนครศรีธรรมราชแค่ไหนเขาก็ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ ไม่ใช่ความห่วงใยที่มีให้กับคนเจ็บและคนไม่เจ็บ แต่เพราะหัวใจของเขามันยังไม่สงบดี ถึงจะบอกกับตัวเองไปเป็นร้อยรอบว่าวรทย์เป็นของคนอื่นไปแล้ว ทว่าเสี้ยวหนึ่งในความรู้สึกมันยังอดปวดแปลบไม่ได้อยู่ดี
มือขาวงับบานประตูปิดอย่างเงียบเชียบ เขาพรูลมหายใจออกมาเหยียดยาวราวกับจะให้มันช่วยปลดปล่อยความเจ็บปวดที่ยังหลงเหลืออยู่ให้หลุดออกมาบ้าง แต่นอกจากออกซิเจนที่ถูกดึงเข้าไปใหม่หัวใจของเขาก็ยังปวดตุบๆ ตามจังหวะการหายใจเหมือนเดิม
ร่างสูงของคุณหมอหนุ่มเดินทอดน่องผ่านหน้าห้องพักผู้ป่วยไปเงียบๆ หวังจะได้อากาศที่ปลอดโปร่งช่วยปลดปล่อยความรู้สึกบ้าๆ นี่ แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวโทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่น คิมหันต์ถอนหายใจแรงๆ นึกหงุดหงิดไม่ได้ อยากจะมีช่วงเวลาที่อยู่คนเดียวก็ทำไม่ได้ คิ้วหน้าขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นชื่อของปลายสายโชว์หรา
“ว่าไง”
“ออยอยู่แถวนั้นไหม”
“ไม่อยู่ ทำไม มีธุระอะไร” เขาตอบพลางกวาดตามองหาเผื่อว่าจะเจอร่างเล็กของคนที่ถูกถามถึง
“ทำไมจู่ๆ ถึงจะไม่ส่งไอ้พวกบ้านี่เข้าคุกไปล่ะ”
“เขาบอกหมออย่างนั้นหรือ”
“ปืนเพิ่งโทรมาบอกว่าไม่ต้องส่งไอ้พวกนี้ไปให้ตำรวจแล้ว รวมถึงไอ้โยธินกับแพรวด้วย”
ภาคภูมิหัวเสียอย่างเห็นได้ชัด เขาเองก็แปลกใจกับการตัดสินใจของอาณกรเช่นกันทั้งที่ก่อนหน้านี้ตกลงกันแล้วว่าจะส่งพวกมันให้ตำรวจดำเนินคดีหรือไม่ก็จะรอจนกว่าพศินจะฟื้นขึ้นมาตัดสินโทษของพวกมัน ทว่าอาณกรกลับทำในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง
“ถ้าไม่ส่งตำรวจแล้วจะทำยังไงล่ะ” เขาถามกลับไป ขณะที่สอดส่องสายตาไปตามทางเดิน เพราะคิดว่าอาณกรน่าจะยังอยู่แถวนี้
“ผมจะไปรู้หรือ ปืนก็ไม่บอกอะไรแค่ให้ผมคอยดูไว้จนกว่าจะกลับไปถึง” ภาคภูมิถอนหายใจอย่างหงุดหงิด แล้วกำชับให้เขาตามหาอาณกรให้เจอเพราะต้องการรู้เหตุผลรวมถึงวิธีการจัดการกับโยธินที่ชัดเจนกว่านี้
คุณหมอหนุ่มสอดโทรศัพท์เก็บลงที่เดิม สองขายังไม่หยุดเดินกระทั่งหลุดจากตึกผู้พักฟื้นร่างสูงหยุดที่หน้าระเบียง ทอดสายตาลงเบื้องล่างอย่างเคยชิน เขาได้เห็นร่างของคนที่ตามหาอยู่หลายนาทีที่ใต้ต้นหูกวางนั่นเอง ร่างเล็กนั่งหันหลังให้กับตัวอาคาร แต่ถึงจะเห็นแค่แผ่นหลังกระนั้นเขาก็เห็นความหม่นหมองกระจายอยู่รอบๆ คิมหันต์ทอดถอนลมหายใจอีกครั้งก่อนจะสาวเท้าลงไปเยือนชายผู้เดียวดาย
“ทำไมมานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ล่ะ ไม่รู้หรือไงว่ากลางคืนต้นไม้จะคายก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามันจะทำให้คุณหายใจไม่สะดวก”
คำทักทายเหยียดยาวส่งผลให้คนที่ลืมใส่ใจตัวเองต้องเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาคู่หวานอมเศร้าไม่อาจซ่อนความรู้สึกเอาไว้ได้ มันสะท้อนทั้งความทุกข์ โศก และอ้างว้างไปพร้อมกัน
“ไม่รู้ซิผมไม่เรียนแพทย์”
คิมหันต์อมยิ้มกับคำตอบยียวนนั่น ร่างสูงทอดกายลงนั่งเคียงข้างคนไม่ได้เรียนแพทย์ท่อนขายาววางเหยียดผ่อนคลายความตึงแน่นของกล้ามเนื้อ เขาปล่อยอารมณ์ให้ลอยอยู่กับความเย็นของก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์สักพักถึงได้เอ่ยถามถึงสิ่งที่ภาคภูมิฝากฝังไว้
“ทำไมถึงไม่ส่งพวกนั้นให้ตำรวจล่ะ คุณมีแผนอะไร”
คิ้วเรียงตัวสวยยกสูง “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมมีแผน”
“เพราะคุณมีเหตุผลเสมอ”
“ไม่หรอก คราวนี้ผมไม่มีเหตุผล ทำตามอารมณ์ล้วนๆ” อาณกรบอกเรียบๆ ดวงหน้าหวานจริงจังมากกว่าทุกครั้ง
“อารมณ์ คุณคิดจะใช้ศาลเตี้ยตัดสินพวกนั้นใช่ไหม มันผิดกฎหมายนะคุณ ตำรวจจับได้นายเสือก็จะเดือดร้อนอีก”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่เสือ ผมเป็นคนตัดสินใจเอง”
“หมายความว่ายังไง” อารณกรเพิ่มความสงสัยให้ทวีสูงกว่าเดิม ยิ่งคุยเขาก็ยิ่งงงดูเหมือนความคิดของอาณกรจะซับซ้อนกว่าที่คิด
อาณกรเบือนหน้าจากเงาตะคุ่มของภูเขาลูกใหญ่ที่มองดูคล้ายกับลูกที่อยู่ในอาณาเขตของไร่เคียงฟ้า ลมหายใจเย็นเยียบเพราะถูกไอหนาวจากอากาศครอบงำมากเกินไประบายใส่อากาศจนเป็นควันขาว
“คุณเคยรักใครถึงขนาดยอมทุกอย่างเพื่อเขาได้ไหม” ร่างเล็กไม่รอให้อีกคนตอบ ถึงเวลาที่คิมหันต์จะรู้เสียทีว่าคนที่เขารักสุดหัวใจไม่ใช่วรทย์อย่างที่อีกฝ่ายคิดไปเอง “ผมรักพี่เสือ รักตั้งแต่แรกเห็นแต่รักของผมมันเป็นรักที่เป็นไปไม่ได้ เจ็ดหรือแปดมีแล้วกระมังที่ผมเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้เพราะไม่อยากสูญเสียตำแหน่งน้องชายไป ผมทรมานแทบตายตอนที่เขาเลือกแต่งงานกับปาริน เจ็บจนอยากจะหนีไปแต่พอมีพิกเล็ตผมก็ทิ้งเขาไม่ลง ยิ่งตอนที่ปารินหนีไปผมก็สาบานกับตัวเองว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะอยู่เคียงข้างเขาและจะไม่มีวันทิ้งเขาไปอย่างเด็ดขาด”
คนพูดไม่ได้หันมองไปหรอกว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าอย่างไรหรือตกใจมากแค่ไหน เขาแค่อยากระบายสิ่งที่อัดอั้นในอกออกมาเท่านั้น
“ตอนที่คุณคิดว่าผมชอบหมอมะรุมนั่นมันตลกมาก แต่พอคุณผมก็รู้ได้ทันทีว่าอีกไม่นานคุณก็อยู่ในสภาพเดียวกับผม คุณกับผมไม่ได้รักคนๆ เดียวกัน แต่เป็นฝ่ายรักข้างเดียวเหมือนกันต่างหาก คุณเจ็บที่หมอมะรุมเลือกพี่เสือ ผมเจ็บที่พี่เสือไม่เคยมองผมในฐานะอื่นเลย คืนนั้นที่เราอยู่ด้วยกันมันไม่ใช่ความผิดพลาดแต่มันคือสิ่งทดแทนความเจ็บปวด ผมยอมรับว่าที่ทำไปเพราะอยากจะประชดตัวเอง คิดแล้วก็น่าสมเพชผมรักเขามาเจ็ดปีแต่เขากลับเลือกคนที่เพิ่งกันแค่ไม่กี่เดือน ผมเชื่อแล้วล่ะว่าพรหมลิขิตมีจริง...ผมยอมแพ้”
อาณกรฝืนยิ้มขมขื่นให้ตัวเอง เขาห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาได้แต่ภายในอกมันกลัดนองด้วยหนองที่กัดกินหัวใจไม่ว่าจะอย่างเราเขาก็เป็นได้แค่น้องชายของพี่เสือเท่านั้น ชายหนุ่มตัวเล็กสูดจมูกแรงๆ ดึงตัวเองให้หลุดจากอดีต เพราะยังมีสิ่งที่ต้องบอกให้คิมหันต์รู้อีกอย่าง
“ที่ผมไม่ส่งพวกนั้นให้ตำรวจเพราะผมอยากทำในสิ่งที่น้องชายควรทำ พี่เสือเจ็บเพราะคนพวกนั้นทำไมต้องให้ตำรวจจัดการ ผมจะเป็นคนจัดการเอง”
“คุณจะทำ...”
“ผมจะทั้งโยธินและปารินรับรู้ว่าความทรมานมันเป็นยังไง ให้มันเจ็บและไร้ศักดิ์ศรียิ่งกว่าที่พี่เสือเคยเป็น”
ใบหน้าหวานเชิดสูงขึ้น ดวงตาที่เขาแอบชมในใจอยู่บ่อยครั้งว่ามันสวยมองไปเบื้องหน้า แม้ด้านข้างเขาก็ยังเห็นความเคียดแค้นและเด็ดเดี่ยว เขาไม่เคยเห็นมุมนี้ของอาณกรมาก่อน ยอมรับว่าตกใจไม่น้อยอาณกรน่ากลัวและเลือดเย็นกว่าที่คิด แต่ก็น่านับถือในน้ำใจถึงไม่ได้รับตอบแทนจากพศินแต่ยินดีจะแก้แค้นเอาคืนให้โดยไม่หวั่นว่าจะต้องเสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง
“คุณแน่ใจนะ” คิมหันต์ถาม อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปกุมหลังมือเล็ก ถึงจะไม่ใช่คนรักแต่เขากับอาณกรคือผู้ร่วมชะตากรรมอย่างแท้จริงแค่เปลี่ยนจากศัตรูเป็นผู้พ่ายแพ้เหมือนกันเท่านั้นเอง
“แน่ใจที่สุด มันเป็นสิ่งที่สุดท้ายที่ผมจะทำให้เพื่อพี่เสือ”
“สิ่งสุดท้าย? หมายความว่ายังไง”
ริมฝีปากสีเรื่อยกขึ้นเล็กน้อย พลางหันหน้ากลับมาทางผู้สนทนา “ผมคงต้องไปเสียที ตอนนี้พี่เสือได้คนที่เหมาะสมแล้ว”
“คุณหมายถึง...หมอมะรุม?”
“ใช่” อาณกรยิ้มทั้งที่ดวงตาเศร้าสร้อย “หมอมะรุมรักพิกเล็ตนั่นคือสิ่งที่ผมอยากให้คนที่พี่เสือรักมีมากที่สุด เพราะขนาดแม่แท้ๆ อย่างปารินยังไม่รักพิกเล็ตเท่านี้เลย”
“แล้วคุณล่ะ คุณไม่เจ็บหรือไงที่ต้องเห็นที่ตัวเองรักอยู่กับคนอื่น”
“เจ็บซิ เพราะเจ็บผมถึงต้องไป”
“คุณจะไปไหนล่ะ ไหนว่าจะแก้แค้นคืนให้นายเสือ” คุณหมอหนุ่มตัวสูงถาม หัวใจสั่นไหวคล้ายกับว่าบางสิ่งที่เพิ่งได้มากำลังหลุดลอยไป
“หน้าที่นั้นผมมอบให้คนที่ไว้ใจได้ที่สุดไปแล้ว ที่ผมต้องทำคือคอยดูอยู่ห่างๆ จนกว่ามันจะได้รับบทเรียนอย่างสาสม”
คิมหันต์รับรู้ถึงความแข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้รูปร่างเล็กกะทัดรัดของอาณกรแต่ขณะเดียวกันความหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยวก็ยังไม่จางหายไปไหน ยิ่งกว่าชื่นชมจิตใจของอาณกรน่ายกย่องยิ่งนัก รักโดยไม่หวังอะไรตอบแทน รักทั้งที่รู้ว่าจะไม่ได้รับกลับคืน ความรักที่เขามีให้วรทย์เทียบไม่ได้เลยกับคนๆ นี้
“ผมจะไม่ถามคุณหรอกนะว่าจะใช้วิธีไหนจัดการสองคนนั่น เพราะผมรู้ว่าคุณฉลาดพอแต่คุณคงไม่ลืมว่าปารินเป็นผู้หญิงและเป็นแม่ของพิกเล็ต ผมไม่อยากเห็นคุณทำร้ายผู้หญิง”
“กับปารินผมคงแค่ส่งหล่อนไปที่ไหนไกลๆ สักที่เอาให้กลับมาหาพี่เสือกับพิกเล็ตไม่ได้ไปตลอดชีวิตแค่นั้นก็น่าจะมากพอ คนอย่างปารินไม่เคยรักใครหล่อนจะเร่ร่อนหารักใส่ตัวเองไปจนกว่าจะตายนั่นแหละ”
“คุณนี่ร้ายกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย”
“ผมร้ายกับคนที่มันสารเลวเท่านั้น” อาณกรยิ้มเหยียดมุมปาก ก่อนจะเป็นฝ่ายถามกลับบ้าน “แล้วคุณล่ะจะทำยังไงต่อไปอยู่เป็นพระรองรอขึ้นเป็นพระเอกต่อไปอย่างนั้นหรือ”
คำถามของอาณกรทำให้เขาต้องฉุกคิด ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าทำตัวเหมือนที่ผ่านมาก็น่าจะทนกับความเจ็บตุบในหัวใจได้ แต่ความคิดของอาณกรทำให้เขาอยากจะเปลี่ยนใจ บางทีการอยู่ที่เดิมมันก็ไม่ได้ทำให้ชาชินมีแต่จะเจ็บมากขึ้น เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนเขาก็ใช้หนี้ทุนหมด ถึงเวลานั้นเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนโรงพยาบาล วรทย์คงไม่โกรธเขาหรอกกระมังถ้าหากเขาจะไปอยู่ที่อื่น
“คุณจะไปไหนล่ะ” คิมหันต์ยังไม่ให้คำตอบและถามกลับ คนตัวเล็กทำท่าคิดอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะให้คำตอบ
“กลับบ้าน ผมไม่ได้กลับบ้านมาหลายปีแล้ว กลับไปทำหน้าที่ลูกที่ดีบ้างก่อนที่นรกจะกินกะบาล”
“บ้านคุณอยู่ที่ไหน”
“กรุงเทพฯ เห็นอย่างนี้ผมน่ะลูกเจ้าของบริษัทนิตยสารเชียวนะ”
“พูดเป็นเล่น” คุณหมอหนุ่มตัวสูงทำเสียงสูงเกือบเท่าลำตัว พลางใช้สายตาพิจารณาท่าทางและรูปร่างของอีกฝ่าย ความจริงถ้าจับใส่สูทผูกไทด์ก็คงจะเข้าท่าไม่ยอกอาจจะเหมาะกับเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ธรรมดานี่ก็ได้”
“ผมไม่เคยพูดเล่นนะ สนใจจะลาออกจากหมอมาเป็นเลขาส่วนตัวผมไหมล่ะ”
คำพูดทีเล่นทีจริงแต่ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย คุณหมอหนุ่มรูปหล่อไม่ได้ตอบรับพอๆ กับที่ไม่ได้ปฏิเสธ ตอนนี้เขายังไม่อาจตัดสินใจได้แน่นอน ไว้รอให้แผลในใจเบาบางลงค่อยว่ากันอีกที และเขาก็คิดว่าอีกฝ่ายคงใช้วิธีเดียวกันกับเขา...แผลตกสะเก็ดเมื่อไรไว้ค่อยสร้างรอยใหม่ก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา...
…………………………
(มีต่อ)