“ล้อมบ้านเอาไว้ให้หมด อย่าทำอะไรเด็ก คนอื่นเอาแค่ปางตายก็พอ” เสียงเอะอะที่หน้าบ้านปลุกให้คนที่เพิ่งหลับไปได้แค่สองชั่วโมงต้องตื่นขึ้น ตาพร่ามัวปรับภาพให้ชัดเจนได้ภายในไม่กี่วินาทีร่างโปร่งบางเด้งจากที่นอนเล็กของเด็กชายตัวน้อย รีบกวาดสายตาหาต้นตอของเสียงตั้งใจฟังเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ได้ยินไม่ใช่เสียงที่มาจากในความฝัน
“พวกแกเข้ามาทำไม! ออกไปนะ! ช่วยด้วย โจรเข้าบ้าน! กรี๊ดดดดดด!”
เสียงของเมี่ยงบอกว่าเขาไม่ได้หูฝาด มือเรียวคว้าร่างน้อยที่ยังจมอยู่ในนิทราโดยอัตโนมัติ พิกเล็ตงัวเงียอยู่ในอ้อมแขนของเขาตากลมเป็นเงาวาววับในความมืด ปากเล็กทำท่าจะขยับถามแต่เขายกมือปิดเอาไว้ก่อน
“อย่าพูดอะไร เข้าใจไหม”
เด็กชายวัยห้าขวบพยักหน้าที่ทั้งมึนงง เขาช้อนร่างเล็กแนบอกมองหาที่ซ่อนกาย แม้จะไม่รู้ว่าผู้บุกรุกต้องการอะไรแต่พิกเล็ตต้องปลอดภัย ที่ด้านล่างส่งเสียงโครมครามและน่ากลัวมากขึ้นทุกที เมี่ยงกรีดร้องด้วยความตกใจมือเขาชื้นเหงื่อไปหมดแต่ยังประคองสติ
“อยู่ในนี้นะครับ ถ้าไม่ใช่พี่พิกเล็ตห้ามเปิดประตูให้ใครเด็ดขาด สัญญากับพี่นะ”
“พี่มะรุมอย่าทิ้งหนูนะฮะ”
ดวงตาวาวในคลอด้วยหยาดน้ำตา แม้จะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เสียงที่ดังไปทั่วบ้านสร้างความหวาดกลัวให้ไม่น้อย มือเล็กเหนี่ยวลำคอของเขาไว้แน่น เสียงที่ลอดผ่านผ้าม่านมีมากพอทำให้เห็นว่าพิกเล็ตกำลังขวัญเสียแค่ไหน
“พี่จะไม่มีวันทิ้งพิกเล็ตแน่นอน อยู่ในนี้รอจนกว่าพี่จะมารับ”
ฝ่ามืออบอุ่นประคองใบหน้าเล็กเอาไว้ก่อนจะยื่นริมฝีปากประทับบนหน้าผากนูนหนักๆ ย้ำคำสัญญาว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเด็กคนนี้แน่นอน พิกเล็ตพยักหน้าทั้งที่น้ำตานอง วรทย์ยิ้มอ่อนโยนยกมือขยี้ผมนุ่มอีกทีก่อนจะดึงเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ปิดบังร่างเล็กเอาไว้แล้วดึงบานประตูปิดเข้าหากัน สูดเอาอากาศเย็นชื้นเข้าปอดไม่ว่าอะไรจะเกิดเขาก็พร้อมจะรับมือแล้ว
ตากลมมองฝ่าความมืดเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่เงียบลงไปแล้วแต่เขาก็ยังรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น มือของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ พยายามเคลื่อนไหวกายให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้
ภายในห้องโถงว่างเปล่าและเงียบกริบไม่มีร่างของใครสักคนแม้แต่เมี่ยงที่ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ เขาไม่เชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่เป็นแค่ความฝัน เสียงกรีดร้องของเมี่ยงยังดังอยู่ในแก้วหูซ้ำรอยน้ำตาของพิกเล็ตยังเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี แต่ทำไมทุกอย่างถึงเงียบสงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น…ทว่าอะไรบางอย่างที่จ่อประชิดกับท้ายทอย บางอย่างที่พร้อมจะระเบิดหัวของเขาได้เพียงแค่เหนี่ยวไกเท่านั้น
“ใครวะ ไหนเจ้านายบอกว่าที่บ้านไม่มีใครแล้วไง”
“ไม่รู้ว่ะ รู้แต่โคตรขาว น้องสาวจ้ะ หันหน้ามาให้พี่ยลหน่อยซิ”
วรทย์ขบกรามแน่นสิ่งที่ทำให้เขาโกรธไม่ใช่กระบอกปืนที่พร้อมจะฆ่าเขาได้ทุกเวลาแต่เป็นถ้อยคำสบประมาทนั่นต่างหาก แม้เขาจะไม่ได้สูงใหญ่แต่ก็ไม่ได้ผอมบางเหมือนผู้หญิงขนาดนั้น ตากลมหรี่ลงก่อนจะหันร่างมาให้พวกมันได้ยลเต็มตา
“ไอ้ห่า! ผู้ชายนี่หว่า”
คุณหมอหนุ่มเงยหน้ามองไอ้คนพูด มันไม่ได้เป็นคนถือปืนแต่ยืนขนาบข้างไอ้คนที่เอาปืนจ่อหน้าเขาอยู่ แม้ในห้องโถงจะมืดไร้แสงไฟทว่าเขาก็ยังเห็นแววตาระยับน่าเกลียดของมัน
“แต่แม่งน่ารักกว่าเด็กคนนั้นอีกนะโว๊ย”
“ไอ้สัตว์! เจ้านายให้มาจับตัวเด็กไม่ใช่ให้มาติดสัตว์…ว่าแต่มึงเป็นใคร คงไม่ใช่ลูกชายไอ้เสือหรอกนะ”
“ไม่ใช่!” วรทย์กระชากเสียงตอบ สบตามองกับมันอย่างไม่คิดหวาดกลัว “แล้วพวกแกเป็นใคร เข้ามาบ้านนี้ทำไม”
“ถ้าไม่ใช่ลูกไอ้เสือก็ไม่ต้องเอาไว้” มันตอบเสียงเย็น “ไอ้ยอด มึงอยากได้ที่ระบายไม่ใช่หรือวะ กูว่าไอ้นี่สวยกว่านังเด็กนั่นอีก”
วรทย์ใจหายวาบ ลำพังตัวเขาเองไม่น่าห่วงเท่ากับเมี่ยง ชายหนุ่มใช้ความคิดอย่างหนักเพื่อให้ทุกคนหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ ตากลมเหลือบไปยังหนึ่งในพวกมันที่มองเขาด้วยประกายตาประหลาดและน่าขนลุก แม้จะขยะแขยงสักแค่ไหนแต่ความปลอดภัยของทุกคนสำคัญกว่า เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกมันมีกันกี่คนแต่เขาเพียงคนเดียวซ้ำยังมีแค่มือเปล่าคงไม่อาจเอาชนะพวกมันด้วยกำลัง
“พี่ชาย” หมอหนุ่มทอดเสียงหวาน ปรับสีหน้าให้อ่อนลง “อย่าทำอะไรคนอื่นเลย ผมคนเดียวก็พอแล้ว”
มันทำหน้าประหลาดใจก่อนจะแสยะยิ้มขยับเท้าเข้ามาใกล้เขามากขึ้น วรทย์แทบกลั้นสำรอกไม่ไว้เมื่อมันยื่นนิ้วหยาบๆ มาแตะที่แก้มเขา เกลี่ยเบาๆ ราวกับจะทำให้เขาเคลิบเคลิ้มในสัมผัสน่ารังเกียจของมัน
“เป็นพระเอกหรือไงกันจ๊ะคนสวย แต่เด็กนั่นก็ไม่เอาสักนิด ตัวดำแถมยังผอมอีกด้วยสู้น้องไม่ได้เลย”
“ถ้าผมยอมพวกพี่ พี่ต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ทำอะไรเด็กผู้หญิง”
ไอ้คนที่เอาปืนจ่อหน้ากระตุกยิ้ม พลางใช้สายตาสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า วรทย์แสร้งปั้นหน้านิ่งเฉยซ่อนความรังเกียจไว้อย่างแนบเนียน
“เข้าใจต่อรองนี่ แต่ถ้าน้องไม่เด็ดจริงนังเด็กคนนั้นจะโดนหนักกว่าน้องเป็นสองเท่านะ”
วรทย์หลับตาลงข่มความขยะแขยงที่วิ่งพล่านไปทั่ว ไอ้คนถือปืนใช้ปลายกระบอกปืนจี้ติดแนวลำคอก่อนจะลากลงต่ำลงไปเรื่อยๆ ผ่านหน้าอกจนถึงหน้าท้องและหยุดที่ขอบกางเกง
“ไอ้ยอดมึงขึ้นไปหาเด็กข้างบน ส่วนมึงไอ้เผือกไปเอาตัวนังเด็กคนนั้นมา เผื่อว่าไอ้นี่มันเอาไม่มันจริงๆ ค่อยเอานังเด็กคนนั้นสำรอง”
ใจหายเป็นครั้งที่สองเมื่อถูกผลักลงบนพื้น หมอหนุ่มนิ่วหน้าเพราะความเจ็บแปลบที่สะโพกแต่ก็รีบตั้งสติ ตามองไปยังร่างหนากำยำไม่คลาดเคลื่อน
“พวกพี่ต้องการอะไร ผมไม่รู้จักพวกพี่สักคนเลย”
“พี่ก็ไม่รู้จักน้อง พี่แค่มาเอาตัวเด็กเท่านั้นส่วนคนที่เหลือเจ้านายพี่ให้จัดการได้ตามใจชอบ”
ร่างหนาใหญ่โน้มกายลงมาอยู่เหนือตัวเขา มือข้างหนึ่งของมันยันพื้นเอาไว้ส่วนอีกข้างยังจับปืนอยู่เหมือนเดิม วรทย์กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ กลิ่นสาบชวนสะอิดสะเอียนแต่ถึงจะรังเกียจแค่ไหนก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกมันมากันอีกคนแต่จากการประเมินคร่าวๆ ไม่น่าจะมีแค่สามคนอย่างที่เห็น พวกมันคงล้อมบ้านหลังนี้ไว้หมดแล้ว
“เจ้านายพี่เป็นใคร”
“พี่บอกไม่ได้หรอก เจ้านายสั่งไว้ น้องแค่ทำหน้าที่ของน้องให้ดีก็แล้วกันไม่อย่างนั้นนังเด็กคนนั้นจะซวยยิ่งกว่าน้อง ลูกน้องพี่กำหนัดกันทั้งนั้น”
เขารู้ว่านั่นไม่ใช่แค่คำขู่ สายตาของมันแทะโลมเขาอย่างไม่ปิดบัง ภายในกายเขาสั่นไปหมดแต่ยังพยายามปั้นหน้านิ่งเฉย
“ลูกน้องพี่มีเยอะไหม ผมกลัวว่าจะรับไม่ไหว”
“ฮ่า ฮ่า”
มันเงยหน้าหัวเราะ ก่อนจะใช้กระบอกปืนเขี่ยที่แก้มเขาเบาๆ เป็นเชิงสรรพยอก “พี่ไม่ให้มันมารุมน้องทุกคนหรอก แค่พวกพี่สี่ห้าคนน้องก็ไม่ได้นอนทั้งคืนแล้ว แต่ยังไงพี่ต้องได้น้องก่อนตอนแรกว่าจะไม่แต่ยิ่งดูน้องยิ่งน่ารัก ถามจริงๆ เถอะน้องเป็นใคร น้องชายไอ้เสือหรือ”
“ผมเป็น..”
“หมอมะรุม ช่วยหนูด้วย!”
ยังไม่ทันจะได้คำตอบ ร่างเล็กของเมี่ยงก็ถูกเหวี่ยงลงบนพื้น เมี่ยงถูกพันธนาการด้วยเชือกเส้นใหญ่ สองแขนถูกพับไปด้านหลังโดยมีเชือกมัดไว้อีกที เด็กสาวร้องไห้น้ำตานองหน้าแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมี่ยงพยายามจะกระเถิบกายเข้ามาหาเขาแต่กลับถูกพวกมันลากกลับไป
“เมี่ยง…เราจะไม่เป็นไร” เขาบอกกับเด็กสาว ยิ้มให้ทั้งที่ยังไม่รู้ชะตากรรม เมี่ยงร้องไห้หนักแต่ก็พยักหน้ายอมเชื่อในสิ่งที่เขาบอก
“พระเอกจริงๆ ผมโคตรชอบเลยพี่นง”
เขาจำได้ว่าคนพูดชื่อเผือก มันไม่พูดเปล่ายังตวัดลิ้นรอบปากอย่างกักขฬะอีกด้วย เมี่ยงร้องไห้เสียงดังกว่าเดิมตัวสั่นจนเขาที่อยู่ห่างหลายเมตรยังมองเห็น
“เป็นหมอหรือวะ มิน่าล่ะขาวหยั่งกับหยวกกล้วย เด็กในซ่องยังขาวสู้น้องไม่ได้”
“อย่าเอาแต่พูดเลยพี่ ผมอยากจะแย่แล้ว”
วรทย์ใจหายวาบ มองไอ้คนชื่อเผือกปลดตะขอกางเกงอย่างเร่งร้อน ส่วนคนที่เพิ่งรู้จักชื่อเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหัวเราะเสียงดังขยับตัวแทรกเข้ามาระหว่างขาของเขา คุณหมอหนุ่มพยายามหดขาเข้าหากันแต่มันกลับใช้มือข้างที่ว่างกระชากแยกออก ความกลัวที่คิดว่าข่มมันลงได้กระจายตัวอีกครั้ง วรทย์ดิ้นพล่านเขาไม่อาจยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ มือไม้ยกขึ้นปัดป้องพัลวันจนไอ้นงต้องเรียกให้พรรคพวกมาช่วยจับ แขนถูกจับไว้แน่นหนาเรี่ยวของผู้ชายตัวเล็กอย่างเขาไม่อาจทัดเทียมผู้ชายตัวใหญ่ๆ สองคนได้เลย ร่างกายของเขากำลังถูกลุกลามอย่างน่าขยะแขยง
“อยู่เฉยๆ ซิวะ ไหนว่าจะยอมพวกกูดีๆ ไง”
นงสบถอย่างหัวเสียเมื่อจู่ๆ ได้หนุ่มหน้าหวานก็เกิดดิ้นเป็นไส้เดือนโดนขี้เถ้าขึ้นมา เขาต้องออกแรงจับมากกว่าเดิมเพราะสองขาของมันถีบไม่หยุดหวิดๆ จะโดนน้องชายสุดที่รักเสียหลายครั้ง จนต้องให้ไอ้เผือกเข้ามาช่วยจับอีกแรงแต่มันยังไม่สิ้นฤทธิ์ถีบขาไม่หยุด ขนาดเขาเอาตัวแทรกเข้าไปแล้วมันยกขึ้นยันได้อีก
เพี๊ยะ!
“ไอ้เหี้ย! กูบอกให้อยู่เฉยๆ ไง”
แรงที่เหวี่ยงใส่แก้มใสๆ ของมันหยุดอาการทั้งหมดได้อย่างไม่น่าเชื่อ นงแสยะยิ้มก่อนจะลงมือปลดตะขอกางเกงของมัน แต่ก็ทำไม่ถนัดเพราะยังจับปืนอยู่ เขาตัดสินใจวางอาวุธคู่ใจลง คราวนี้เขาใช้เวลาแค่ไม่กี่ลมหายใจเท่านั้นก็สามารถจัดการกับอาภรณ์เนื้อหนาได้ นงกลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้เห็นท่อนขาเรียวขาว ผิวของไอ้หมอนี่มันสวยยิ่งกว่าบรรดาอีตัวที่เคยฟันมาเสียอีก เขาดีใจที่เลือกที่จะรับงานนี้ให้กับโยธินนอกจากจะได้ค่าตอบแทนงามแล้วยังได้เมียเป็นผู้ชายที่สวยกว่าผู้หญิงอีกด้วย สำหรับคนอย่างเขาที่ทำเรื่องเลวมาสารพัดไม่เคยมีปัญหากับการมีเซ็กกับเพศเดียวกันอยู่แล้ว ออกจะติดใจด้วยซ้ำ อย่างที่รู้ว่าผู้ชายมัน ‘แน่น’ แค่ไหน
ตาเขาพร่ามัวเช่นเดียวกับสองหูที่ได้ยินอะไรอีกนอกจากเสียงความต้องการของร่างกาย ไอ้คนตัวขาวนิ่งไปแล้วเขาเหลือบมองไอ้เผือกที่ยิ้มในแบบเดียวกันพยักพเยิดให้เขาลิ้มลองก่อน นงรีบรูดกางเกงลงปลดปล่อยสัดส่วนร้อนจัดและแข็งกร้าวโดยแทบไม่ต้องปลุกเร้าด้วยซ้ำ
“ขาวสัตว์เลยพี่นง”
“เออ กูจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว”
นงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเสียงตัวเองแหบแค่ไหน ร่างกายร้อนผ่าวไปหมดเพียงแค่เห็นขาขาวๆ กับสะโพกเพรียว เขาเลิกเสื้อเชิ้ตเนื้อดีของมันขึ้นเปิดหน้าท้องแบนราบที่ขาวไม่แพ้ส่วนอื่น มือหนากระชากเอาชั้นในที่ขาวกว่าผิวกายเพียงนิดเดียวออก ไอ้ตัวขาวยังนิ่งทำแค่หายใจแรงๆ เท่านั้น นงยกยิ้มหย่องมันคงสำนึกแล้วว่าถ้าเกิดกบฏขึ้นมาต้องเจออะไรบ้าง ไม่ใช่แค่มันแต่ยังนังเด็กตัวดำนั่นด้วย
ขาเรียวถูกจับให้ยกขึ้น ขณะที่หน้าอกถูกลวนลามด้วยฝ่ามือหยาบ ทว่าเจ้าของร่างขาวโพลนยังนอนนิ่งมีเพียงแค่ผิวกายเท่านั้นที่สั่นเทา ช่องทางด้านหลังถูกสำรวจด้วยมือกร้านที่เลื่อนต่ำลง ปลายนิ้วร้อนและแข็งไม่ต่างจากท่อนไม้กดย้ำที่รอบรอบจีบเพื่อทำให้พร้อมสำหรับการรุกราน
“ปากแม่งน่าจูบฉิบหาย ผมจะไม่ไหวแล้วพี่นง”
“ใครเขาห้ามมึงไว้ล่ะ”
วรทย์อยากจะกลั้นใจตายกับสัมผัสที่ผิวแก้ว ทันทีที่ไอ้คนที่ชื่อนงบอกไอ้เผือกก็ก้มหน้าลง ใบหน้าดำคล้ำของมันชิดกับผิวแก้ม เขาข่มความขยะแขยงเอาไว้เต็มกำลัง ลิ้นหนาใหญ่ตวัดรอบริมฝีปากก่อนจะจรดจมูกลงบนแก้มหนักๆ ดีที่เขาเบี่ยงหน้าหนีไม่ได้ทันไม่อย่างนั้นคงได้รับจูกจากปากหนาของมันเป็นแน่
“อ่า หอมสุดๆ ไปเลย”
เขาเหลือบมองได้นง มันยกยิ้มกับกับลูกน้องของมัน หมอหนุ่มนิ้วหน้าพยายามปิดกั้นนิ้วกร้านที่ยังขยับอยู่ปากทางที่คับแน่น เขาไม่ยอมให้มันรุกรานเข้าไปได้ง่ายๆ แม้จะนอนนิ่งเป็นหุ่นแต่กลับปิดส่วนนั้นเอาไว้จนแม้แต่นิ้วยังสอดเข้าไปไม่ได้ เขาได้ยินมันทำเสียงจิ๊จ๊ะในคอขัดใจกับท่าทางดื้อเงียบของเขา ก่อนจะละมือจากร่องสะโพกแล้วเปลี่ยนเป็นประคองสะโพกของเขาเอาไว้ขึ้นแทน
ก้นกลมลอยเหนือพื้นอยู่ระดับใบหน้าของมันพอดี วรทย์สะดุ้งน้อยๆ ตอนที่มันกดจมูกฟังลงที่เนื้อสะโพก เขาไม่เห็นหรอกมันทำหน้าอย่างไรรู้แต่ว่าทั่วทั้งร่างซึมซับความรังเกียจขยะแขยงไว้เต็มที่ เขาได้ยินเสียงมันชื่นชมความหอมและขาวของผิวกาย ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งเกลียดพวกมันเพิ่มเป็นร้อยเท่า
“หอมจริงๆ ว่ะ คืนนี้นังเด็กตัวดำได้ดูหนังสดทั้งคืนแน่ เดี๋ยวมึงกับกูช่วยกันลองก่อนถ้าดีแล้วค่อยเรียกคนอื่นมาสมทบ”
………………………..
กลับมาแล้วจ้า กว่าจะต่อติดใช้เวลาเสียหลายวัน
ขี้เกียจเช็คคำผิดใครว่างเช็คให้ป้ามั่งเน้อ
โยธินดูโรคจิตพิกลเนอะ #น่าจะเป็นนังคนแต่งมากกว่า
ไม่รู้จะหาเหตุอะไรให้โยธินมีความแค้นกับนายเสือเลยเอาแบบนี้ละกันเนอะ
พี่ปืนสุดหล่อมีคู่นะคะปรากฏในตอนนี้แหละ ออกเยอะด้วย น่าจะเดากันได้
อยากจะแต่งเป็นอีกเรื่องเลยทีเดียวออกแนว จำเลยรัก แต่สันหลังยาวเกินไปคงต้องรอให้โปรเจ็คพิเศษเสร็จก่อนค่อยสานต่อ
ป.ล. แต่งตอนนี้น้ำตากลบกันเลยทีเดียว #สงสารพิกเล็ต พี่หมอคนสวยกำลังจะถูกปู้ยี่ปู้ยำ นมลู่หาน กำเดาพาลจะไหล [attachment deleted by admin]