หมอหนุ่มก้มหน้ามองผืนหญ้าชุ่มน้ำค้างมันช้ำเพราะโดนเท้าย่ำไม่ต่างจากหัวใจเขา ถึงจะไม่แหลกเหลวแต่ก็บอบช้ำ คิมหันต์ระบายลมหายใจหวังว่าความปวดแปลบในอกจะถูกระบายออกมาบ้าง แต่แค่สูดเอาอากาศกลับเข้าไปมันก็เป็นเหมือนเดิม ถึงตอนนี้เขาคงต้องทำใจเสียแล้วต่อให้สนิทแค่ไหนเขาก็เป็นได้แค่เพื่อนอย่างดีก็พี่ชาย เรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้ เขาต้องยอมรับว่าวรทย์เป็นของพศินไปแล้ว
“จัดการเรื่องเมียของนายซะ”
“มึงว่าอะไรนะ” ตาคมดุหรี่ลงคิ้วขมวดมุ่น
“ถ้าคิดจะมีมะรุมนายก็ต้องเคลียร์ตัวเองซะ อย่าเหยียบเรือสองแคม ฉันไม่รู้หรอกว่านายหว่านล้อมมะรุมอย่างไรแต่ถ้าเขายอมให้นายกอดหมายความว่าเขายอมทำเพื่อนาย นายเองก็ต้องทำเพื่อเขาเหมือนกัน”
คิ้วหนาคลายปมจากกัน “นี่มึง”
“ยอมรับอย่างลูกผู้ชายเลยนะ ฉันเองก็ชอบมะรุมเหมือนกัน แต่เพราะมะรุมชอบนายเลยจะยอมหลีกทางให้แต่ถ้านายทำให้มะรุมเสียใจฉันกับออยจะไม่ยกโทษให้นายเด็ดขาด”
“ออยเกี่ยวอะไรด้วย” ถ้าลำพังตัวไอ้หมอหน้าขาวเหมือนลิงทาแป้งนี่เขาไม่แปลกใจหรอกที่รู้ว่ามันก็ชอบเมียของเขาด้วย แต่สำหรับอาณกรมันไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันตรงไหน
“ออยเองก็ชอบมะรุมเหมือนกัน นายไม่รู้หรอกหรืออยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ”
ไอ้สายตาที่ปรายมองคล้ายว่าเขาเป็นพวกโง่ดักดานมันน่าจะประเคนหมัดให้ซักดอกหนึ่ง แต่เพราะติดใจเรื่องน้องชายต่างสายเลือดมากกว่า
“มึงเพ้ออะไร”
“ใครเพ้อ” หมอหนุ่มย้อนกลับ มือขาวปัดเศษใบไม้ที่ปลิวหล่นมาติดเสื้อ เสื้อตัวที่เขาใส่ไปงานวันเกิดของไอ้บ้าตัวใหญ่ตรงหน้า “ออยสารภาพกับฉันเองว่าชอบมะรุม แถมยังทำท่าจะชอบมากกว่าฉันอีกด้วย หวังว่านายจะเป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่เอาเรื่องกับออย”
เขาไม่รับปากกับสิ่งที่มันคาดหวัง แต่สับสนงงงวยที่ไอ้หมอหน้าขาวมันพูดเหมือนคนละเมอหรือว่าเพ้อเพราะเป็นไข้ อาณกรจะไปชอบมะรุมได้อย่างไรถึงจะไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแต่น้องชายของเขาไม่ใช่เกย์ ถ้าเป็นไอ้ภูมิรายนั้นเขาเชื่อหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะมันแสดงความชอบมาตั้งแต่วัยกระทง สมองที่นานๆ จะทำงานทีกำลังประมวลผลอย่างช้าคิดหาเหตุและผลเพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่ได้ยิน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังหาไม่เจอทางเดียวที่เขาจะไขข้อข้องใจได้ทุกข้อคือต้องไปถามจากเจ้าตัว
“นายกลับไปได้แล้ว ส่วนมะรุมฉันดูแลเอง ไม่ต้องเป็นห่วงฉันเป็นสุภาพบุรุษมากพอถ้าเจ้าตัวไม่ยินยอมฉันก็ไม่ทำอะไรอยู่แล้ว”
ท่าทางกับคำพูดของมันยิ่งทำให้ไม่อยากจะห่างจากเตียงเมียของเขาสักนิด แต่เพราะเขายังมีเรื่องให้ต้องจัดการอีกหลายอย่าง ทั้งเรื่องน้ำมันดิบที่ต้องเอาไปส่ง ทั้งเรื่องไอ้ภูมิ และเรื่องของปารินถึงมันไม่บอกเขาก็รู้ว่าต้องทำทุกอย่างให้เรียบร้อย แม้จะไม่ใช่คนดีแต่ไอ้เสือคนนี้เวลารักใครจะรักได้แค่คนเดียวเท่านั้น
“กูฝากเมียกูด้วย ถ้ามันตื่นบอกมันว่าพรุ่งนี้กูจะมาหา”
หมอหนุ่มบิดปากนึกเกลียดมันยิ่งกว่าเดิมกับคำพูดที่แสดงความเป็นเจ้าของของมัน แต่ก็ยอมพยักหน้ารับคิดแค่ว่าทำเพื่อวรทย์ไม่ใช่เพื่อมัน
“เออ นายมีเบอร์ของออยไหม ฉันขอหน่อยซิ”
…………………..
ตาหวานสวยมองรถยนต์คันใหญ่ที่แล่นหายไปตั้งแต่เมื่อวาน ร่างบางถลาเข้าไปประชิดตัวรถตั้งแต่ยังจอดไม่สนิทดีด้วยซ้ำ พอร่างของคนขับปรากฏตัวก็พุ่งเข้าไปสวมกอดราวกับคิดถึงสุดหัวใจ ศีรษะสวยซุกซบที่อกกว้างแต่ก็ต้องถอนใบหน้าออกเมื่อได้กลิ่นแปลกปลอมในกายแกร่ง
“พี่เสือใช้น้ำหอมด้วยหรือจ๊ะ”
“เปล่า กลิ่นของมะรุมน่ะ”
คิ้วเรียวขมวดน้อยๆ “มะรุมมันเหม็นเขียวนี่จ๊ะ กลิ่นมันหอมเหมือนแป้งเด็กมากกว่า”
“กลิ่นตัวของหมอมะรุม” ชายหนุ่มตอบเสียงเย็นพลางปลดมือเล็กจากเอวตัวเอง
“หมายความว่าอะไร ทำไมตัวพี่เสือถึงมีกลิ่นของหมอมะรุม” ปารินถามเสียงดัง พยายามคิดถึงใบหน้าของหมอที่ชื่อมะรุม จำได้คลับคล้ายคลับคลาคงเป็นหนึ่งคุณหมอที่เจอกันเมื่อหลายวันก่อนแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นคนไหน แต่ที่น่าสงสัยไปมากกว่านั้นคือเหตุใดสามีของเธอถึงได้มีกลิ่นตัวคนอื่นติดมาด้วย ถ้าหากคนที่พศินพูดถึงเป็นผู้หญิงเธอเข้าใจทันทีว่าเขาต้องไปนอนกับหล่อนมาแน่ แต่หมอมะรุมที่ว่านั่นน่าจะเป็นผู้ชาย
“แพรว พี่มีเรื่องอยากคุยกับแพรว”
พศินไม่ตอบคำถามแต่กลับฉุดร่างของภรรยาเข้าไปในบ้าน ปารินเดินตามไปท่ามกลางข้อสงสัยที่ยังไม่ถูกเฉลย มือที่กุมมันไม่อบอุ่นเหมือนเคยแต่เย็นเฉียบลามจากฝ่ามือลามไปที่แขนและเข้าสู่หัวใจ ไมอยากจะเดาแต่ก็พอจะรู้ว่าเขาต้องการจะคุยเรื่องอะไร หลายวันที่ผ่านมาการกลับมาของเธอไม่ได้สร้างความยินดีให้เขานักพศินแทบจะไม่เคยกลับมานอนบ้านยกห้องนอนให้เธอได้ครองครอบคนเดียวปิดโอกาสไม่ให้เธอได้ออดอ้อนหรือเอาใจ หลายครั้งที่ไปตามถึงโรงงานแต่ก็อ้างว่างานยุ่งและวุ่นอยู่กับงานจนเธอเข้าถึงไม่ได้
พี่เสือในตอนนี้ของเธอไม่เหมือนพี่เสือคนก่อนอีกแล้ว บางทีความคิดของเธอกับโยธินอาจจะผิดเพี้ยนไปก็ได้ พศินพาเธอเข้ามาในห้องโถงกว้าง มันดูกว้างขึ้นเมื่อได้อยู่กับเขาตามลำพัง ทั้งที่ปรารถนามาหลายวันว่าอยากจะได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองแต่เอาเข้าจริงๆ เธอกลับอยากจะหนีไปที่อื่น
“พะ พี่เสือมีอะไรจะคุยกับแพรวหรือจ๊ะ” เธอกลั้นใจถาม มองแผ่นหลังกว้างที่เคยโอบกอดในยามที่รักหวานชื่น พศินไหวกายเล็กน้อย ปล่อยมือแล้วสอดเข้าไปในกางเกงตัวเก่าที่เธอจำได้ว่าอายุการใช้งานของมันพอๆ กับอายุของพิกเล็ตเลยทีเดียว
ร่างสูงใหญ่หมุนกลับมาช้าๆ ดวงตาคมมองมาที่เธอ ความรักที่มักจะมอบให้ผ่านทางสายตามันอ่อนลงจนน่าใจหาย แต่ก็ยังฝืนใจสู้เธอยิ้มหวานอ้อนเอาใจ รอยยิ้มอย่างที่เขาเคยบอกว่าให้เธอทำบ่อยๆ เพราะเขาชอบ มือที่ถูกปล่อยกลับไปคว้าท่อนแขนแข็งแรงไว้อีกครั้ง
“แพรวกลับมาหาพี่ทำไม”
คิ้วสวยยกสูง “ก็แพรวคิดถึงพี่เสือ ทั้งคิดถึงทั้งรัก”
“แพรวรักพี่จริงๆ หรือ” สามีของเธอถามกลับ แววตาของเขาห่างเหินจนเธอชักไม่แน่ใจแล้วว่าเขาจะยังรักเธอหมดหัวใจอยู่หรือเปล่า
“จริงๆ ซิจ๊ะ พอห่างกันแพรวถึงได้รู้ว่าแพรวรักพี่เสือมากแค่ไหน” เธอบอก พลางซบหน้าลงกับต้นแขนกำยำ เบาใจที่เขาไม่ได้สะบัดหนี
“แพรวรักพิกเล็ตไหม”
“รักซิจ๊ะ พิกเล็ตเป็นลูกแพรวแม่ที่ไหนจะไม่รักลูก” เธอตอบทันควัน
“ถ้ารักแล้วทิ้งพี่กับพิกเล็ตไปทำไม” คราวนี้เขาปลดมือเธอออก ใบหน้าคมสันก้มมองแม้จะใกล้กันแค่คืบเดียวแต่ก็รู้สึกถึงระยะห่างที่มากจนเธอไม่แน่ใจว่าจะคว้ามันกลับมาไว้ใกล้ๆ ได้อีกหรือเปล่า “คนรักกันเขาไม่ทิ้งกันไปหรอกนะ ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขก็ต้องอยู่เคียงข้างกัน”
ปารินนิ่งงันไปพักใหญ่คิดหาคำตอบที่ฟังดูแล้วเหมาะสมและน่าสงสารที่สุด แต่ยังไม่ทันจะได้อ้อนอะไรอีกฝ่ายก็พูดขึ้นอีก
“พี่รักแพรว รักมาตลอดเจ็ดปี พี่ไม่เคยมีคนอื่นเลยถึงพี่จะรู้ว่าแพรวไม่ได้รักพี่ แต่พี่ก็ทนเพราะคิดว่าสักวันแพรวจะรักพี่”
“ไม่จริงนะพี่เสือ แพรวรักพี่จริง”
ชายหนุ่มสั่นหัวเบาๆ ยิ้มเหยียดในความโง่งมงายของตัวเอง “ถ้าอย่างนั้นพี่ถามหน่อยว่าระหว่างพี่กับไร่เคียงฟ้าถ้าเลือกได้แพรวอยากได้อะไร”
“ก็ ตะ..ต้องพี่เสือซิจ๊ะ” เธอใจดีสู้เสือ เข้ากอดเอวหนาเหมือนอย่างที่เคยชอบทำเวลาอยากได้อะไร “ถึงพี่เสือจะมีแต่ตัวแพรวก็รักพี่จ้ะ”
พศินแค่นยิ้มขมขื่น มือนุ่มที่กอดเขามาตลอดเจ็ดปีมันไม่เคยมีความจริงใจอยู่ในนั้นเลยแม้แต่ตอนนี้เขาก็ไม่รู้สึกถึงคำว่ารักที่เธอพร่ำพูด เขาไม่ได้ปลดมือทิ้งยังปล่อยให้ปารินได้ทำในสิ่งที่ชอบทำ เขารู้ว่าหากเธอต้องการอะไรเธอมักจะเข้ากอดแล้วใช้คำพูดอ่อนหวานหว่านล้อมและมันก็ได้ผลทุกครั้ง เพราะเขารักเธอ...ทว่าตอนนี้เขาเลิกหน้ามืดตามัวแล้ว
“แพรวเข้าใจถูกแล้วล่ะ ตอนนี้พี่มีแต่ตัวแล้วจริงๆ”
“หมายความอย่างยังไงคะ” ศีรษะเล็กผละจากอกกว้างที่ไม่อุ่นเหมือนเคยซ้ำยังเจือด้วยกลิ่นกายของคนอื่นอีกด้วย
“พี่กับไอ้ภูมิแบ่งสมบัติกันแล้ว”
“อะไรนะคะ!” มือเรียวปล่อยจากเอวหนาทันที ไม่อาจเก็บความตื่นตระหนกไว้ได้
“ไร่เคียงฟ้าเป็นของไอ้ภูมิ ส่วนพี่ได้บ้านหลังนี้กับที่ดินที่ปากช่างอีกนิดหน่อย”
“ไม่ได้นะคะ!” ปารินแหวเสียงดัง ความอ่อนหวานบนใบหน้าหายไปสิ้นแต่ก็ยังอุตส่าห์ฝืนยิ้ม เข้าไปกอดท่อนแขนใหญ่อีกครั้ง “พะ..พี่เสือลองใจแพรวเล่นใช่ไหมคะ”
“เปล่าพี่พูดจริง” เขายืนยัน
ก่อนที่จะกลับมาไร่เคียงฟ้าเขาแวะไปหาน้องชายแท้ๆ ที่มันกำลังหน้าที่ของมัน คุยกับมันเรื่องมรดกที่คาราคาซังมาพักใหญ่ แม้สถานที่จะไม่อำนวยแต่เขาก็รวบรัดตัดความว่าไร่เคียงฟ้าเขาจะยกให้มันส่วนเขาขอแค่บ้านหลังนี้เท่านั้น เพราะรักและผูกพันจนไม่อาจจะไปอยู่ที่อื่นได้ เขาเอาเอกสารที่ลงชื่อของตัวเองแล้วไว้ที่มันแล้วก็รีบออกมาเพราะมันต้องรักษาคนไข้ต่อ
ปารินทำหน้าเหมือนฟ้าถล่มลงตรงหน้า มือที่เกาะเกี่ยวละห่างพร้อมกับร่างบางที่ถอยร่นไปหลายก้าว ดวงตาโตกลมสั่นระริกสะท้อนทั้งความผิดหวัง ติดพ้อและโกรธขึง
“พี่จะบ้าไปแล้วหรือไง! ไร่นี้พี่รักยิ่งกว่าอะไรทำไมถึงให้คนอื่นได้ล่ะ”
“ภูมิไม่ใช่คนอื่น มันเป็นน้องพี่”
“แต่มันไม่ได้ทำอะไรเลย! พี่จะให้มันเอาไปง่ายๆ ได้อย่างไร กินเหล้ามากจนเพี้ยนไปแล้วหรือไง” ปารินเกรี้ยวกราด อยากจะตบไอ้หน้าโง่ที่ดันทำตัวเป็นพ่อพระขึ้นมาเสียได้
“ใช่แพรว พี่เพี้ยนไปแล้วจริงๆ แต่ก็ขอบคุณมากที่ทำให้พี่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น”
………………………
เฮ้อ! นึกว่าจะไม่ได้อัพซะแล้ว เมื่อวานเข้าบอร์ดไม่ได้เลย เดชะบุญวันนี้เข้าได้ ไม่งั้นอดอ่านเสือกินมะรุมเป็นแน่แท้ nc อาจจะเบากว่าที่โอ้อวดไปนิดนะคะ (อย่าโกรธกันนะตั๋ว) ตอนหน้ายิ่งนัวเนียกว่านี้อีก พันกันยุ่งเหยิงเลย
ป.ล. ช่วงนี้บ้าอิหนูลู่หานมากค่ะ ติดสินใจไม่ถูกว่าน่ารักอย่างนี้จะเป็นหมอมะรุมหรืออาออยดี ถึงป้าจะแก่แต่ก็ติ่งเกาหลีนะคะ โฮะๆ [attachment deleted by admin]