รักSMของหนุ่มดอกไม้ ตอนที่ 59 (จบ) p.12 (26/04/2558)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักSMของหนุ่มดอกไม้ ตอนที่ 59 (จบ) p.12 (26/04/2558)  (อ่าน 136119 ครั้ง)

ออฟไลน์ cowinsend

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
อย่าทำแบบนี้กับหนูนะคะ มาต่อเถอะค่ะ มันค้างงงงงง

ลุ้นมาก อะไรก็ดูจะโอเคแต่ดันอยู่ผิดที่ผิดทางงไปหมด รอนะคะ :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore

ตอนที่ 36

          ไม่ว่าจะพยายามคิดอย่างไร ชาก็คิดได้แค่ว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ เป็นแผนการของเจ้าเด็กมาโซฯนั่นล้วนๆ พอนึกได้ว่าวันนั้นมันน่าแปลกที่อยู่ๆเดียร์มาร้องไห้ซบอกเขา เพราะปกติเด็กหนุ่มจะไม่ร้องไห้หากไม่ได้รับความสุขอย่างล้นเหลือ และถึงจะร้องไห้จริงๆ เดียร์ก็ไม่มีทางจะซบอกใครแน่ ถ้าก้มลงไปเลียรองเท้าให้ก็ว่าไปอย่าง

          สีหน้าของวินดูจะยังไม่อยากเชื่อนัก ดวงตาคมที่เต็มไปด้วยความสงสัยเลื่อนไปมองลูกน้องของตน นั่นทำให้ชาได้แต่อึกอัก เพราะไม่รู้จะพูดสิ่งใดดี

          “หรือถ้าคุณวินยังไม่เชื่อ จะลองดูนี่ก็ได้นะครับ”

          ดูจากองศาและมุมของรูป…ทั้งรูปตอนที่ฉันเจอกับไอ้เดียร์ที่ห้าง ทั้งรูปที่ไปหาไอ้เดียร์ที่ร้าน ทั้งหมดเป็นฝีมือของแกล้วนๆเลยสินะ ไอ้หมาจิ้งจอก!

          “นี่มันหมายความว่ายังไง” หนุ่มแว่นถามเสียงกร้าว พร้อมกับหยิบรูปเด็ดสุดจากในมือของธานินทร์ออกมา “ทำไมเดียร์กับนายถึงกอดกันกลมแบบนี้…”

          โอ๊ย ดูยังไงถึงได้เห็นเป็นแบบนั้นไม่ทราบครับ ไม่เห็นสีหน้าของผมในรูปหรือไงว่าผมขยะแขยงมันแค่ไหน…แต่พูดอะไรไปตอนนี้ ก็เหมือนแก้ตัวอย่างเดียวแล้วนี่น่ะสิ โธ่ว้อย

          “อ้าว เป็นอะไรไปหรือครับคุณชา คิดคำแก้ตัวไม่ออกหรือครับ” ธานินทร์เยาะ ทำหน้าเหมือนรู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายไม่มีทางหาคำแก้ตัวได้แน่ “คุณนี่น่ากลัวจริงๆเลยนะครับ หลอกคุณมาริสาให้เชื่อว่าคุณอยู่ข้างเดียวกันเพราะหวังจะให้คุณมาริสากันคุณวิน ไม่ให้คุณวินไปพบกับคุณเดียร์ แต่พอคิดถึงคุณเดียร์จนทนไม่ไหว ถึงให้ใช้ให้คุณวินเป็นใบเบิกทางไปพบคุณเดียร์ที่ร้านดอกไม้ แต่เพราะแค่มองมันไม่พอ ถึงได้ยอมใช้วันลาไปพลอดรักกับคุณเดียร์ นี่คงนัดแนะจะหนีตามกันไปแล้วสินะครับ ดีนะครับที่ผมไหวตัวทัน เลยเอามาบอกคุณวินกับคุณมาริสาเสียก่อน…ไม่อย่างนั้นคุณวินกับคุณมาริสาต้องกลายเป็นคนโง่ที่โดนหลอกใช้แน่ๆ”

          เอาจริงๆนะ ตกลงแกเป็นผู้บริหาร หรือนักแต่งนิยายกันแน่วะ มาเป็นเรื่องเป็นราวซะจนตูอยากจะมอบรางวัลให้เลยนะเนี่ย

          “…นี่นาย…หลอกฉันมาตลอดอย่างนั้นหรือ…”

          ชาบึ้งหน้า ถึงจะรู้ว่าเป็นแผนการของไอ้เด็กบ้านั่น แต่พอมาเจอแบบนี้เข้าจริงๆ ชาก็อดเจ็บปวดไม่ได้ เพราะสายตาของวินนั้นมันเต็มไปด้วยความรวดร้าวและเจ็บแค้นที่โดนคนสนิทอย่างเขาหักหลังด้วยเรื่องที่ทำเอาหลังหักแบบนี้

          เอาไงดีวะ…ถึงจะบอกให้ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปอย่างที่เป็น…แล้วมันควรจะเป็นอย่างไหนกันละวะ!

          “ผมไม่ได้ทำนะครับ” ชาเลือกตอบตามความจริง

          “แล้วมันหมายความว่ายังไงล่ะ” วินเริ่มขึ้นเสียง “…สรุปที่ผ่านมาทั้งหมด…ที่นายร้องไห้จะเป็นจะตายแค่เพราะไม่อยากให้ฉันไปหาเดียร์…เป็นเพราะนายรักเดียร์ แล้วไม่อยากให้ฉันไปเจอเดียร์อย่างนั้นหรือ”

          “ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ” ชาเถียงกลับอย่างลืมตัว “ที่ผมทำทั้งหมดก็เพื่อคุณนะ…”

          “เพื่อฉัน? ตรงไหนกันที่ทำเพื่อฉัน! ที่ผ่านมานายแอบคบกับเดียร์โดยไม่บอกฉัน…ไหนจะไปร่วมมือกับไอ้หมาสิทธิ์ วางแผนหนีไปกับเดียร์…นายหลอกฉันมาตลอดแบบนี้…ยังจะมีตรงไหนที่บอกว่าทำเพื่อฉันกัน!”

          ทั่วทั้งห้องพากันเงียบกริบเมื่อสิ้นเสียงของวิน หนุ่มแว่นยังคงจ้องลูกน้องของตนไม่วางตา สายตานั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวกว่าทุกที และยังเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจนชารู้สึกเจ็บไปด้วย

          “แล้วคุณคิดว่าผมเป็นคนที่จะทำเรื่องพรรค์นั้นกับคุณอย่างนั้นหรือครับ” แม้จะรู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่จะให้ยอมถอยง่ายๆก็ใช่ที นี่มันเกินกว่าที่เขาจะรับไหว ตอนนี้เขาไม่สนแล้วว่าแผนของเดียร์จะเป็นอย่างไร ขอแค่อย่างน้อยๆวินอย่าเข้าใจตนผิดก็พอ

          เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว “ถ้าอย่างนั้น ก็อธิบายมาสิว่าไอ้รูปนี้มันหมายความว่ายังไง ที่นายตอบไม่ได้ ไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องจริงหรือไง”

          ไม่ใช่อธิบายไม่ได้ แต่อธิบายไปคุณก็ไม่เชื่อต่างหาก ให้ตายสิ!

          ชาได้แต่กัดฟัน ตอนนี้ถึงจะปฏิเสธอย่างไรก็ไม่มีผลแล้ว และยิ่งยอมรับ ผลก็ออกมาแย่กว่าเดิมอีก

          แม้จะรู้อยู่แก่ใจ ว่าท้ายที่สุดสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าในตอนนี้ก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่การต้องมาเห็นแววตาร้าวรานของเจ้านาย มันแทบจะฉีกกระชากจิตใจของเขาให้แตกเป็นเสี่ยงๆ

          และที่เจ็บกว่าคือการที่อีกฝ่ายไม่นึกเชื่อใจตนเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้สิ่งที่เห็นตรงหน้ากับน้องชายบ้าๆมันปั่นหัวเล่นเอาแบบนี้ได้….อยู่กันมาตั้งสิบกว่าปีแล้วนะ ไม่รู้เลยหรือไงว่าผมเป็นคนแบบไหน ผมเคยมองไอ้เดียร์ด้วยความรู้สึกพรรค์นั้นหรือไง ผมมองแต่คุณคนเดียวนะ…ใช่ซี่ ผมมันมาทีหลังไอ้เดียร์นี่ สำหรับคุณ อะไรๆก็ไอ้น้องบ้ามาโซฯนั่น เชอะ!

          “ถ้าคิดแบบนั้น…ก็ตามใจคุณเถอะครับ” ด้วยความน้อยใจ ชาจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงประชด ดวงตาเรียวเลื่อนมองไปทางอื่นเพราะไม่อาจทนรับความรู้สึกของคนตรงหน้าได้อีกต่อไป

          วินเผลอชักสีหน้าออกมา เพราะหวังเอาไว้ว่าอีกฝ่ายจะอธิบายออกมาบ้าง แต่นอกจากจะไม่แก้ตัว ยังพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่สนใจอะไรแบบนี้ เลยยิ่งทำให้ชายหนุ่มโกรธกว่าเดิม

          “…เรื่องย้ายงานก็ตามใจแม่แล้วกัน หาคนติดตามใหม่ให้ผมด้วยก็พอ”

          น้ำเสียงของประธานนั้นนิ่งเรียบไร้อารมณ์จนไม่เหมือนคนโกรธ ร่างสูงเอ่ยเพียงแค่นั้นก็เดินออกจากห้องไปทันที

          ใช่…ปกติที่เห็นชอบโวยวายหาเรื่องทำร้ายชาไปเรื่อยน่ะ นั่นก็แค่หงุดหงิดรำคาญเท่านั้น เวลาที่วินโกรธขึ้นมาจริงๆ ชายคนนั้นแทบจะไม่พูดหรือแสดงอาการโกรธออกมาให้คนอื่นเห็นแม้แต่น้อย และเพราะปกติเป็นคนขี้โวยวาย พอกลายเป็นคนนิ่งเงียบแบบนั้นล่ะ ถึงได้ดูน่ากลัวที่สุด

          ชาได้แต่ยืนนิ่ง นึกคิดแค้นต้นเรื่องที่ทำให้ตนต้องมาเจอกับเหตุการณ์นี้ และยิ่งแค้นยิ่งกว่าเมื่อเห็นสีหน้ากรุ้มกริ่มของผู้บริหารที่ยืนห่างออกไปไม่ไกล อยากจะแหกปากใส่หน้าเหลือเกิน ว่ามันเองก็เป็นหนึ่งในตัวเบี้ยไม่ต่างจากเขานักหรอก

          “งั้นก็ตามนั้นละกัน ศิวะช่วยแจงเรื่องรายละเอียดให้ด้วย จะได้รู้ว่าหน้าที่ที่ต้องทำมีอะไรบ้าง และหวังว่าจะไม่ทำหน้าที่เกินเลยอย่างที่เคยทำ” มาริสายังคงแอบเหน็บส่งท้าย แต่สีหน้าดูจะอารมณ์ดีสุดๆ “หมดธุระแล้วก็แยกย้ายออกไปจากห้องฉันได้แล้ว ฉันจะทำงาน”

          เมื่อเจ้าของห้องไล่ คนอื่นต่างพากันออกอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะธานินทร์ที่อยู่ใกล้ประตูที่สุด ออกไปไวจนชาที่ออกตามมาติดๆ ก็ไม่เห็นเงาของอีกฝ่ายแล้ว

          “คุณชา เรื่องย้ายงานน่ะ” ศิวะ เลขาฯของมาริสาเอ่ยเรียก “เริ่มมะรืนนี้นะครับ เรื่องที่พักกับข้าวของ พรุ่งนี้จะส่งคนไปช่วยย้ายให้นะครับ”

          รีบไล่มากเลยนะ

          “…แล้วก็ตำแหน่งผู้ดูแลที่คุณจะไปทำ หลักๆคือคอยดูพวกพนักงานทำงานน่ะครับ”

          “สรุปคือผมต้องไปนั่งตบแมลงวันดูคนทำงานสินะครับ” ชาชักเริ่มหงุดหงิดจนทำหน้านิ่งไม่อยู่ “เข้าใจแล้ว ขอบคุณคุณศิวะมากนะครับ”

          หนุ่มหน้านิ่งดึงซองเอกสารในมืออีกฝ่ายมาด้วยความหงุดหงิด จากนั้นก็เดินออกไปจากตรงนั้นทันที

          “คุณชาครับ”

          เจ้าของชื่อหันกลับไปหาเลขาของรองประธานอีกครั้งด้วยความสงสัย หนุ่มร่างสูงผู้มีอายุมากกว่าเขาเล็กน้อยมองมาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยไม่ต่างกัน จนชาเองก็บอกไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่

          “เรื่องเดียร์ คุณไม่ได้…”

          “ไม่มีทางแน่นอนครับ” ชาตอบก่อนที่ศิวะจะพูดจบด้วยเสียงทุ้มต่ำ “รูปนั้นมันอาจจะชวนคิด แต่ผมไม่เคยคิดอะไรกับคุณเดียร์ไปมากกว่าเพื่อนเลยครับ”

          “อย่างนั้นหรือครับ” ซึ่งนิ่งจนชาชักไม่แน่ใจว่าตนตอบออกไปเช่นนั้นถือเป็นเรื่องดีหรือเปล่า เพราะศิวะเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ชาไม่รู้ว่าอยู่ฝั่งไหนกันแน่ “แล้วคุณไปทำอะไรให้ธานินทร์โกรธอย่างนั้นหรือ”

          ผมนี่แหละที่โดนทำน่ะ!!!

          “เปล่านี่ครับ ผมก็แค่ไม่ถูกกับเขามานานแล้วก็เท่านั้น” เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้รู้ความจริงที่ธานินทร์ทำ ชาซึ่งไม่มีหลักฐานใดๆก็ขี้เกียจจะกล่าวหาลอยๆ เพราะมันยิ่งทำให้เขาดูเป็นคนน่ารังเกียจเที่ยวใส่ร้ายชาวบ้านอย่างไม่มีมูล และต่อให้บอก อีกฝ่ายก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะแค่มาเป็นเลขาให้มาริสา ชีวิตก็ยุ่งจนแทบไม่ต้องทำอะไรอยู่แล้ว

          “หรือครับ เขาออกจะชอบคุณ” ฟังแล้วยิ่งทำให้วิตกกังวลกว่าเดิม ทั้งเรื่องที่โดนคนเหม็นขี้หน้าชอบ ทั้งเรื่องที่อีกฝ่ายสนิทกับธานินทร์เกินคาด “เอาเถอะครับ เรื่องย้ายงาน คุณมาริสากับคุณวินทำไปเพราะอารมณ์ เดี๋ยวสักพักพอใจเย็นเขาก็คิดได้ ตามตัวคุณกลับเองล่ะ”

          ถ้ามันเป็นแค่เพราะอารมณ์…ไม่ได้มาจากแผนของใครบางคน ผมก็คงไม่คิดมากหรอกครับ

          พอเสร็จธุระ ชาก็ขอตัวเดินลงมายังโต๊ะทำงานของตน ชายหนุ่มหยุดเท้าก่อนจะไปถึงที่หมาย เพราะการไปที่โต๊ะ หมายถึงการเดินไปมาอยู่ตรงหน้าห้องเจ้านาย ซึ่งถ้าเดินไปวินก็ต้องเห็นแน่ๆ เพราะกำแพงเป็นกระจกใส ขนาดเขาที่อยู่ไกลๆยังเห็นวินนั่งหน้าบูดเป็นตูดเป็ดอยู่ที่โต๊ะเลย ถ้าเดินเข้าไป ยังไงก็ต้องเห็น

          และพอเดินไปได้เกือบครึ่งทาง สายตาแหลมคมประดุจเหยี่ยวก็เพ่งเข้ามาที่เขา ก่อนจะเลื่อนลงไปบนโต๊ะ เหมือนกับกำลังทำงาน

          ชากัดฟันกรอด เขาไม่ชอบเลยที่อีกฝ่ายนิ่งเงียบแล้วหนีหน้าตนแบบนี้ ถ้าให้เลือก เขายอมให้วินเข้ามาโอ๋ หรือพูดจาปลอบประโลมอะไรเทือกนั้นยังจะดีเสียกว่า

          ก็การโดนเมินน่ะ มันเท่ากับการโดนปฏิเสธการมีตัวตนนี่นา…การหันมาด่าหรือทำร้ายนั่นหมายความว่ายังสนใจกันอยู่นี่

          ในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะมองหน้า ชายหนุ่มก็ไม่อยากจะอยู่นานนัก ชารีบจัดการเก็บข้าวของที่จำเป็น แล้วออกไปอย่างไม่มีการเหลียวหลังกลับมาแม้แต่นิดเดียว เพราะในตอนนี้ เขาคิดถึงคนเพียงคนเดียว ที่จะต้องอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟัง

          ไอ้คุณเดียร์~~~~~~~~~~~~

 

          วินบึ้งหน้าหนักเมื่อเห็นอดีตผู้ติดตามเดินออกไปอย่างไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย จริงอยู่ว่าเขาเป็นคนออกปากไล่ไป และตอนนี้ก็กำลังโกรธมากๆ แต่พออีกฝ่ายทำแบบนี้ เขายิ่งโกรธหนักกว่าเดิม

          ถ้าเป็นเมื่อก่อน ตอนที่เขาโกรธชาขึ้นมาจริงๆ ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลไร้สาระหรือจริงจังแค่ไหนก็ตาม ชาไม่เคยที่จะเมินเขาแบบนี้ กลับกันคือวิ่งมาวอนเท้าเขาจนหนุ่มแว่นต้องเผลอระบายใส่จนหายหงุดหงิดตลอด…แต่คราวนี้กลับไม่ใช่เช่นนั้น

          เขารู้ว่าสิ่งที่ชาทำก็แค่เพราะจะยั่วโมโหตนเท่านั้น ไม่ว่าจะเพราะเข้าใกล้เดียร์ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ชอบ มาปลุกเขาก่อนนาฬิกาจะปลุกห้านาที หรือเรื่องที่ไม่อยากให้พูดดังก็จะพูดตะโกนไปสามบ้านแปดบ้านก็ตาม

          แต่การที่เอาแต่เงียบ พูดจากระแนะกระแหนแบบนั้น มันหมายความว่าไง…แล้วไหนจะรูปพวกนั้นอีก ถึงจะพยายามหาเหตุผลอะไรมา วินก็นึกไม่ออกเลยว่าทำไมชาถึงทำแบบนี้

          เสียใจก็เสียใจ เจ็บใจที่โดนหักหลัง แต่ที่รู้สึกแย่ที่สุดคือการที่อีกฝ่ายปิดเงียบเรื่องนั้นมาตลอด โดยที่เขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยนี่ล่ะ

          ถ้าแกชอบเดียร์จริงๆ…ทำไมไม่บอกฉันเล่า!…โอเค ฉันคงจะอัดแกแน่ๆ…แต่อย่างน้อย ถ้าเดียร์อยู่กับแก อย่างน้อยฉันก็วางใจ…ถ้าเดียร์เองก็เต็มใจจะอยู่กับแกน่ะนะ…

          ดวงตาคมจ้องโต๊ะเขม็ง…ใช่ นั่นเป็นเรื่องที่เขาคิดอยู่นานแล้ว เพราะแต่ไหนแต่ไร ชาก็ชอบแอบคุยกับเดียร์เสมอ แม้จะไม่ใช่การจงใจให้เขาเห็น และทุกครั้งที่ชาอยู่กับเดียร์ เจ้าคนหน้านิ่งนั่นกลับแสดงสีหน้าร่าเริงออกมาอย่างไม่เสแสร้งและเปิดเผย…ซึ่งนั่นเป็นใบหน้าที่ชาไม่เคยทำตอนอยู่กับเขา…

          ความจริงเขาก็รู้…เหตุผลที่รับกับการกระทำของชา…เพียงแต่ส่วนใดส่วนหนึ่งในใจมันขุ่นขึ้นทุกทีที่นึกถึง หงุดหงิดทุกทีที่คิดถึงมัน…และยิ่งโกรธจัดเมื่อความจริงทั้งหมดมันตอกใส่หน้าเต็มๆ แถมเจ้าตัวก็ไม่ใช่คนตอกด้วย เลยยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่

          แปลบ…

          วินนั่งเท้าคางแล้วหลับตาแน่น ชายหนุ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องนัก เหมือนมีก้อนบางอย่างจุกขึ้นในอก หัวก็ปวดหนึบจนชวนให้หงุดหงิดหนักข้อ แต่บัดนี้กระสอบทรายไม่อยู่แล้ว เขาจึงได้แต่พยายามเก็บงำความโกรธนี้ลงไปยังก้นเหวของจิต ไม่เช่นนั้นอาจจะเผลอระเบิดใส่ใครก็ตามที่อยู่ข้างตัวในตอนนี้เป็นแน่

          “คุณวินครับ~…ว้าก!!!”

          ธานินทร์ร้องสุดเสียงเมื่ออยู่ๆคุณเจ้านายแกก็ทุบโต๊ะเสียงดังลั่น ขนาดคนที่อยู่นอกห้องยังพากันตกใจเป็นทิวแถว และลุกขึ้นมาดูเพราะคิดว่าเจ้านายจะเกิดอาละวาดขึ้นมา

          เจ้าของห้องยังคงนั่งอยู่เหมือนเดิม สีหน้าของวินดูจะแปลกใจเอาการเหมือนไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงพากันมองตน แต่เพียงไม่นานทุกคนก็พากันกลับเข้าที่เมื่อเห็นว่าหนุ่มแว่นไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่คิด

          “…ผมเข้าใจนะครับว่าคุณโมโห…” ธานินทร์ผู้เหลืออยู่เพียงคนเดียวเอ่ยก่อนจะปิดประตูห้อง “แต่ตอนนี้คุณมีเรื่องที่จะต้องจัดการโดยเร็วก่อนที่จะสายเกินแก้นะครับ”

          “อะไรครับ” วินถามด้วยอาการเหนื่อยหน่ายเต็มทน

          “เรื่องที่คุณเดียร์อยู่กับคุณสิทธิ์ยังไงล่ะครับ”

          จากที่กำลังวางแผนโดดงานช่วงบ่าย ถึงกับหันขวับมามองธานินทร์ทันควัน…มัวแต่หงุดหงิดใส่ชาจนลืมเรื่องเดียร์ไปเสียสนิทเลย

          “อย่าเรียกมันนำหน้าว่าคุณ!…สรุปเดียร์อยู่กับไอ้หอยดองนั่นสินะ…” ความหงุดหงิดสุมขึ้นเป็นทวีคูณ นึกเจ็บใจที่วันนั้นจับคาหนังคาเขาไม่ได้ “ที่ไหน”

          “ใกล้จนนึกไม่ถึงเลยล่ะครับ ถัดไปอีกไม่กี่ซอย แถวที่ทำงานของคุณเดียร์นั้นล่ะครับ”

          “อย่างนั้นหรือ” ประธานหนุ่มกำหมัดแน่น “ไว้หาคนติดตามใหม่ได้เมื่อไหร่ แล้วฉันจะไปเล่นงานมัน!”

          “ไม่ต้องรอก็ได้ครับ เดี๋ยวผมหาให้ก็ได้ แล้วผมจะไปด้วยอีกคนไงล่ะครับ”

          วินนิ่วหน้ามองอย่างไม่แน่ใจนัก “สรุปพี่นินทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันแน่ พี่ไม่ได้อยู่ฝ่ายแม่หรือไง”

          “โธ่ ผมอยู่ฝ่ายคุณวินต่างหากล่ะครับ” หนุ่มตาตกตอบเสียงใส “ผมไม่อยากให้คุณโดนคุณชาเขาหลอกเอา เลยพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อเปิดโปงเขาให้คุณรู้ต่างหากล่ะครับ”

          เหมือนจะเป็นเรื่องดี แต่ไม่รู้ทำไมฟังแล้งหงุดหงิดชอบกล

          “…แต่พี่เป็นผู้บริหาร จะมาเป็นผู้ติดตามฉันว่ามันแปลกๆ…”

          “โธ่ ฝั่งคุ…สิทธิ์เองยังมีคุณวัฒน์ที่เป็นรองประธานควบตำแหน่งผู้ติดตามได้เลย ผมเป็นแค่ผู้บริหาร จะแปลกอะไรล่ะครับ”

          “แต่พี่…”

          “เอาน่าผมเต็มใจทำ” ธานินทร์ตะล่อม “ผมเป็นห่วงคุณนะ ดูสิ เกิดโมโหจนทำอะไรพลั้งพลาดไปมันจะแย่เอานะครับ”

          “นั่นสินะ…” ยิ่งโดยเฉพาะถ้าพลาดต่อหน้าเจ้าหมียักษ์นั่น เขาคงอับอายจนอยากตายเลยทีเดียว “ดี ถ้างั้นเคลียร์เรื่องแม่ฉัน แล้วคืนนี้รีบไปกันเลย”

          ธานินทร์ยิ้มรับ นึกลำพองใจที่แผนการของตนผ่านไปอย่างราบรื่นและง่ายดาย…ซึ่งจากนี้ไปคงจะง่ายกว่าเดิม เพราะไม่เหลือเห็บหมัดมากัดให้รำคาญใจอีกต่อไปแล้ว


___________________________________

พอดีช่วงนี้แอบป่วยไปหลายที บวกกับทำงานอื่นอยู่เลยมาช้า บวกกับอู้(โดนตบ) ต้องขอโทษจริงๆงับ ;_;
ขอบคุณอีกครั้งที่ติดตามกันงับ ><

ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
มาแล้วววว :katai2-1:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ธานินทร์ต้องการอะไรกันแน่น่ะ  :serius2:

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
         
ตอนที่ 37

          ด้วยความที่ไม่อยากจะให้แผนพลาดหรือคลาดเคลื่อน วันนี้เดียร์เลยอุตส่าห์ลางานกลับบ้านมาก่อนเวลา เพื่อจัดการกรุยทางให้เรื่องราววันนี้ดำเนินไปได้ด้วยดี แล้วกะจะไปวางแผนต่อบนห้องนอนสักหน่อย แต่ทันทีที่กลับมา ก็โดนหมียักษ์รั้งไว้ด้วยการล็อกประตูห้องนอนของตนเสียนี่ ที่รู้ว่าเป็นสิทธิ์เพราะฤทธิ์เป็นคนเดินเข้ามาบอกเขาเองแบบที่ยังไม่ทันได้ถาม เหมือนกับจงใจกันยังไงยังงั้น เพราะฤทธิ์เพียงแต่บอก แต่ไม่ยักจะช่วยไปขอกุญแจจากสิทธิ์ให้ แถมยังหนีเข้าห้องตัวเองอีกต่างหาก

          “มานี่สิ”

          เดียร์ได้แต่มองอย่างไม่มั่นใจนัก เขาหันไปหาก้องที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากสิทธิ์เหมือนนั่งดูทีวีเป็นเพื่อน ซึ่งในตอนนี้หนุ่มแว่นไม่อาจตอบสิ่งใดให้ได้ นอกจากกลอกตาไปมาแทนการส่ายหน้า

          เด็กหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย เพราะถ้าขัดขืนก็เท่ากับผิดสัญญา พอเดินไปใกล้ๆก็โดนดึงให้เข้าไปนั่งบนตักเสียอย่างนั้น แถมยังกอดแน่นเสียจนร่างบางอึดอัด

          อะไรวะเนี่ย

          คำถามที่ไม่อาจเอ่ยเอื้อน ได้แต่เบือนหน้าไปทางก้องด้วยความสงสัย และชักกลัวขึ้นมาอย่างจริงๆจังๆว่าสิทธิ์ไปกินยาลืมเขย่าขวดมาหรือเปล่า แต่คราวนี้ นอกจากก้องจะไม่ตอบ ยังหนีออกไปจากห้องนั่งเล่น ทิ้งให้เขาอยู่กับเจ้าหมีนี่แค่สองต่อสองอีกด้วย

          เดียร์รู้สึกอึดอัดเมื่อแขนแกร่งรัดแน่นขึ้น…ใจจริงก็ใช่ว่าจะไม่ชอบ แต่ก็เพราะชอบนี่แหละถึงได้หนักใจ

          นี่จะยั่วให้ตบะผมแตกหรือไรกันครับ…แต่แค่นี้น่ะ ไม่สะท้านผมหรอก ถ้าอยากให้ผมร้องโหยหวนเพราะความเจ็บปวด คุณคงต้องใช้แรงทั้งหมดโถมเข้ามาล่ะครับ...เอ๊ยไม่ได้สิ เรายังติดสัญญาอยู่นี่หว่า…หรือไม่ได้ติดแล้ววะ พี่ก้องก็ไม่เห็นจะปรามคุณสิทธิ์เลยนี่หว่า…อย่างนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องห้ามตัวเองสักหน่อย…เอ๊ะ…แต่มันจะดีหรือ เดี๋ยวเกิดติดใจขึ้นมาจริงๆ แล้วจะหาว่าเราขี้ตื๊อไม่ได้นา

          …แต่เอาเถอะ ในเมื่อพี่ก้องแกไม่ห้าม หาเศษหาเลยสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก…

          เมื่อคิดได้ดังนั้นก็เปิดฉากสงครามความอึดใส่ทันที เด็กหนุ่มปล่อยให้อีกฝ่ายรัดร่างโดยไม่ปริปากร้อง…ไม่แม้แต่จะกระตุกหรือแสดงอาการทรมานจากการกอดรัดด้วยแรงประดุจจะบีบร่างให้แตกนี่

          สิทธิ์นึกสงสัย จนแอบเบี่ยงคอเพื่อมองสีหน้าอีกฝ่าย แต่ร่างบางบนตักก็ไม่ได้สลบไปอย่างที่คิด ซึ่งนั่นยิ่งทำให้สงสัยเข้าไปอีก เพราะเดียร์ไม่มีปฏิกิริยาใดๆที่คนเจ็บปวดพึงมีแม้แต่น้อย

          “คิดจะทำอะไรกันแน่ครับ”

          เสียงหวานที่อยู่ๆก็ดังขึ้นเล่นเอาคนฟังเผลอกระตุกเพราะไม่ทันตั้งตัว ยิ่งเดียร์เป็นฝ่ายหันมามอง สิทธิ์ก็ยิ่งลนลานเพราะกลัวอีกฝ่ายจะถามหาสาเหตุของการกระตุกเมื่อครู่

          “ฉันอยากจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน และเธอก็ต้องทำตามที่ฉันต้องการด้วย” เสียงทุ้มบอกปัดโดยพยายามใส่อาการหงุดหงิดอย่างเต็มที่ หวังจะให้อีกฝ่ายเงียบปากไป…แต่ก็นั่นล่ะ มันใช้ได้ผลกับคนธรรมดาเท่านั้น

          “หึ นั่นสินะ ยังไงผมก็ขัดขืนอะไรคุณไม่ได้อยู่แล้วนี่ ถ้าอย่างนั้นก็เชิญทำตามใจชอบเถอะ ผมจะถือว่าทำบุญ…โอ๊ย”

          เผลอรัดสุดแรงเลยทีเดียว…แล้วก็เผลอยิ้มออกมาตอนที่อีกฝ่ายร้องเหมือนคนขาดใจด้วย

          “ปล่อย…ผม…หายใจ…ไม่ออก…” เด็กหนุ่มพูดตามตรง เพียงแต่สีหน้าไม่ไปตามคำพูด อย่างน้อย อีกฝ่ายก็อยู่ข้างหลัง เดียร์เลยปล่อยอารมณ์ได้เต็มที่

          สิทธิ์คลายแรงลงมาหน่อย ถึงจะอยากแกล้งอยากทำร้ายเต็มที่แค่ไหน ตอนนี้ก็ต้องอดทน เพื่อจุดประสงค์อันสูงสุดที่ความจริงมันสำเร็จไปนานโขแล้ว

          “เมื่อกี้ว่าอะไรหรือ ฉันไม่ค่อยได้ยิน”

          “…ยังไม่ทันแก่ หูหนวกซะแล้ว…”

          “ใครแก่ไม่ทราบหา อยากทดสอบดูไหม” ไม่ว่าเปล่าพร้อมกับออกแรงกอดกว่าเดิมจนเสียงหวานครางลั่น…แบบที่พยายามให้คนฟังเข้าใจว่าเจ็บปวดเสียเต็มประดา “ยังไงวันนี้ก็กลับมาซะเร็ว มีเวลาพิสูจน์ความแก่ของฉันเยอะอยู่แล้วนี่”

          ไอ้ผมก็ไม่อยากจะปฏิเสธหรอกนะ แต่พอดีวันนี้มีธุระสำคัญม้ากมากนี่สิ เกิดต้องค้างเอากลางทาง ผมคงไม่มีสมาธิไปเล่นเกมป่วนประสาทกันพอดี

          “ฮึก…”

          สิทธิ์ถึงกับหน้าเหวอเมื่ออยู่ๆเดียร์ก็ร้องไห้โฮออกมา เล่นเอาจากที่มือกำลังจะซุกเข้าใต้ร่มผ้า เป็นอันต้องชักกลับออกมาอย่างรวดเร็ว

          “ผมขอโทษครับ…ผมแค่เหนื่อยจากที่ทำงาน…ไม่ได้อยากทำให้คุณอารมณ์เสีย…ผม…ผม…” เสียงหวานพร่ำบอกราวกับจะขาดใจ เด็กหนุ่มฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายกำลังตะลึง ลุกถอยขึ้นมาตั้งหลัก “ขอโทษนะครับ…คราวหน้าผมจะไม่ทำอีก…เพราะฉะนั้น…อย่าทำอะไรพี่น้อยนะครับ”

          ร่างเล็กเดินจากไปอย่างคนไร้เรี่ยวแรง ไม่วายมีเหลือบหันมามองด้วยดวงตาฉ่ำน้ำที่แสนเศร้าสร้อย ละม้ายคล้ายกับกำลังจะบอกให้รู้ว่า ตนเสียใจเหลือเกิน ที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นมา

          สิทธิ์ได้แต่อ้าปากค้าง เพราะเขาคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะอารมณ์เสียใส่มากกว่านี้ พอมาเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เลยได้แต่ใบ้กินทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว…

          และที่สำคัญคือมันรู้สึกเจ็บเหลือเกินที่อีกฝ่ายเศร้าสร้อยขนาดนี้…จริงอยู่ว่าเขาต้องการให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บ แต่ถึงจะเจ็บ มันก็ต้องมีความสุขสมที่ได้ประสบร่วมด้วย หาใช่ร้าวรานอย่างเดียวเช่นที่เห็นนี้

          คิ้วหนามุ่นเข้าหากัน รู้สึกผิดที่เมื่อครู่ดันใจร้อนและเผลอตัวไปเสียได้ ชายหนุ่มนึกถึงคำแนะนำของลูกน้องที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้ แล้วทำใจให้สงบ

          นั่นสินะ…ของแบบนี้มันต้องใช้เวลาและต้องใจเย็นๆ…และต้องค่อยๆป้อนสองอย่างให้ควบคู่กันไป…

 

          เดียร์เช็ดน้ำตาพลางเดินอ้อมไปอีกทางหวังไปหาคนที่น่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดได้ โชคดีที่มีทางผ่านจากในครัวไปห้องของก้อง เด็กหนุ่มเลยไม่ต้องลงทุนออกไปนอกบ้านเพื่อปีนหน้าต่างเข้าไปหา

          “…”

          เขาก็รู้อยู่หรอกว่าการเข้าห้องนอนชาวบ้านโดยไม่เคาะประตูมันเสียมารยาท เพราะอีกฝ่ายอาจจะกำลังทำอะไรที่เป็นส่วนตัวอยู่ก็ได้ เพียงแต่เดียร์ไม่คิดว่า เจ้าของห้องเขาจะทำเรื่องส่วนตัวกันขนาดนี้…ในเวลานี้ด้วย

          “ผมขอเข้าประเด็นเลยแล้วกันนะครับ คุณสิทธิ์เขาจะทำอะไรหรือครับ” ร่างบางเอ่ยถามพร้อมกับเดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกล โดยไม่สนใจก้องที่โดนมัดไพล่หลังนอนคว่ำหน้าบนพื้น โดยมีเท้าของฤทธิ์เหยียบเอวเอาไว้

          “…พอดีพักนี้เขากำลังหงุดหงิดอยากหาที่ระบายน่ะ” หนุ่มแว่นตอบแทนแฟนที่เอาแต่อึกอัก โชคดีที่ตนกำชับฤทธิ์เอาไว้ก่อนว่าห้ามบอกเรื่องที่สิทธิ์ตกเหวรักเดียร์ ไม่อย่างนั้น เรื่องทั้งหมดคงจะจบแบบแฮปปี้โดยที่เขายังไม่สามารถพิสูจน์เรื่องที่คาใจได้แน่ “อย่าไปถือสาหาความเลยละกัน ยอมๆไปหน่อยก็ได้ เขาไม่ได้คิดอะไรหรอก”

          ประโยคหลังเน้นหนักเสียจนฤทธิ์เผลอยันหลังก้องเต็มแรง

          “ชะ…ใช่ๆ คุณสิทธิ์เขาแค่หงุดหงิดเท่านั้นล่ะ ไม่ได้เกลียดหรืออยากแกล้งอะไรนายหรอกนะ” แต่ประโยคที่หนุ่มตาตกพยายามพูดแก้ตัว ทำเอาก้องอยากจะร้องไห้ขึ้นมา เพราะถ้าเดียร์จะจับพิรุธได้ ก็มาจากคำพูดเมื่อครู่ทั้งนั้นล่ะ “อย่าคิดมากเลยนะ”

          เดียร์เหล่มองก้องอย่างไม่แน่ใจนัก ถ้าไม่ติดว่าฤทธิ์อยู่ เขาอาจจะไม่ต้องปั้นหน้าหวั่น กั๊กคำถามคาใจอยู่อย่างนี้หรอก อยากจะถามเสียเหลือเกินว่า ไอ้สัญญาว่าด้วยการห้ามเล่นซาดิสม์นี่มันเป็นอันยกเลิกแล้วใช่ไหม ถึงได้ไม่อยู่ห้ามสิทธิ์กัน แล้วแอบมาเล่นเอสเอ็มกันตามใจชอบแบบนี้

          “ว่าแต่ วันนี้กลับเร็วทำไมไม่บอกล่ะ ฉันโดนบ่นเพราะไม่ได้ไปรับนายเลยนะ” ก้องเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้มีอะไรหรือเปล่า”

          แน่นอนว่าเขาไม่ได้ถามเพราะเป็นห่วงหรอก แต่เพราะไอ้เด็กบ้านี้มันบอกว่าระเบิดจะลงวันนี้ เขาถึงได้กังวล

          “พอดีเหนื่อยๆน่ะครับ กะจะกลับบ้านเร็วมาพักผ่อนหน่อย…แต่ดันมาเจออะไรก็ไม่รู้” ซึ่งอยากจะบอกว่า เล่นเอาหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง “ถ้าไม่เป็นการรบกวน ช่วยเปิดประตูห้องให้ผมได้ไหมครับ”

          แต่สิ่งที่ได้รับคือใบหน้าปั้นยากของทั้งสอง

          “เอ่อ…ฉันก็อยากจะเปิดให้อยู่หรอกนะ แต่กุญแจทั้งหมดตอนนี้อยู่กับคุณสิทธิ์น่ะสิ” หนุ่มตาตกบอกเสียงอ่อน “ถ้ายังไง เดี๋ยวฉันจะไปขอกุญแจจากคุณสิทธิ์ให้…”

          กิ๊งก่อง…

          ก่อนที่ฤทธิ์จะพูดจบ เสียงออดบ้านก็ดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน และยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ บอร์ดี้การ์ดก็ทำงานดีจนน่ากลัว เสียอย่างเดียวคือไม่ช่วยแก้มัดให้ก้องด้วยนี่ล่ะ

          “ไม่ต้องลุกลี้ลุกลนขนาดนั้นก็ได้ครับ มันแกะยาก” เดียร์ว่าก่อนจะกระตุกเชือกอย่างแรงจนคนโดนมัดสะดุ้งเฮือก “ตกลงเรื่องสัญญายกเลิกแล้วใช่ไหมครับ”

          ก้องชะงักค้างมองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะถอนใจอย่างแรง “…นายบอกว่านายไม่ได้คิดอะไรกับคุณสิทธิ์ใช่ไหม…”

          นิ่งไปพักใหญ่เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถามคำถามนี้ขึ้นมา “แน่ล่ะครับ ผมไม่มีทางคิดอะไรกับคนปกติอย่างคุณสิทธิ์อยู่แล้วล่ะ”

          “…ถ้าอย่างนั้น ก็ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน” หนุ่มใหญ่ลุกขึ้นพลางปัดฝุ่นตามตัว “ช่วงนี้คุณสิทธิ์เขาค่อนข้างจะหงุดหงิดเพราะอะไรๆมันไม่ค่อยจะเป็นไปตามแผนการเท่าไหร่ นายก็ช่วยอดทนทำตัวเป็นกระสอบทรายที่ดีแบบชั่วคราวให้หน่อยก็แล้วกัน…อย่างน้อย ทั้งหมดนี่เขาก็ไม่ได้ทำไปเพราะฝืนใจน่ะนะ…เพราะงั้นไม่ต้องกังวลไปหรอก เต็มที่เลย”

          ก่อนที่เดียร์จะได้ตอบ เสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาทำให้คนในห้องหันไปมองต้นเสียง ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น สีหน้าของฤทธิ์ดูเคร่งเครียดปนวิตกอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาตกเลื่อนมองไปทางเด็กหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มที่ติดสั่น

          “…คุณชาเขามาหานายน่ะ”

          “…หรือครับ” เดียร์ตอบพร้อมกับเบิกตาโตเหมือนคนประหลาดใจ แล้วรีบเดินออกไปทันที แน่นอนว่าในใจตอนนี้กำลังลิงโลดเพราะคนที่กำลังรอมาได้สักที

          ชาไม่ได้รออยู่ในบ้าน หนุ่มหน้านิ่งยืนเป็นรูปปั้นอยู่นอกรั้วบ้าน และหันมองเดียร์ผ่านหน้าต่างทันทีที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น สีหน้าแสดงอาการคั่งแค้นอย่างชัดเจน แต่ก็ดับลงทันควันเมื่อมีคนอื่นตามมาด้วย

          สิทธิ์ยืนอยู่หน้าประตูในห้อง ท่าทางหวาดวิตกเสียจนน่าขำ ซึ่งเด็กหนุ่มก็ไม่แปลกใจนัก ก็พ่อหมีแกไม่อยากให้พี่ชายของตนรู้เรื่องนี้เท่าไหร่นี่

          ?

          ก่อนที่เดียร์จะเปิดประตู มือหนาก็คว้าแขนเล็กเข้าเสียก่อน ดวงตากลมตวัดมองด้วยความสงสัยปนหงุดหงิดเล็กน้อยที่โดนรั้ง แต่พอเห็นสีหน้าของคนตัวสูงกว่า จากที่กำลังจะเอ่ยขอตัว เป็นอันต้องนิ่งไป ก็ใครจะไปคิดกันว่าคนที่แกล้งตนเมื่อครู่ จะมาทำหน้าเหมือนหมาหงอยใส่กันแบบนี้ล่ะ

          แล้วก็ไม่รู้ทำไม เห็นหน้าแบบนี้แล้วต่อมยัวะมันทำงาน

          “ปล่อย” เดียร์สะบัดแขนอย่างไม่นึกสงสารและรีบออกจากบ้านเพราะกลัวอีกฝ่ายจะแปลงร่าง แม้เขาจะพอรู้ว่าสิทธิ์คงไม่สำแดงอาการหงุดหงิดออกมาให้ชาเห็นก็ตาม

          แต่ถึงจะไม่โดนจากสิทธิ์ เดียร์ก็ได้รับจากชาไปเต็มๆ

          แม้ใบหน้าจะเรียบนิ่งตามปกติ แต่จากริมฝีปากที่เม้มแน่น ก็ทำให้คนมองรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธแค่ไหน ลองได้อยู่กันสองต่อสอง รับรองว่าได้ปล่อยความรักให้แบบไม่มีกั๊กใส่แน่นอน

          “ผมโดนย้ายงานไปที่ชลบุรี…เพราะคุณใช่ไหม”

          “เพราะผมได้ไงล่ะครับ คนที่มีอำนาจย้ายงานคุณก็มีแต่คุณแม่มาริสากับพี่วินเท่านั้นล่ะ…น่าๆ แค่ล้อเล่น” ชาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้เด็กบ้านี่มันยังจะมีอารมณ์มาล้อเล่นกับเขาในเรื่องนี้ได้อีก “…เบาเสียงหน่อยก็ดีนะครับ”

          ไม่ต้องสงสัยนานชาก็เห็นหัวเม่นที่โผล่แพลมจากหน้าต่างในบ้าน ไม่ต้องคิดเลยว่าใคร

          “ถ้าคุณไม่ยอมออกมา ผมก็หาทางตลบหลังธานินทร์ไม่ได้น่ะสิครับ” เด็กหนุ่มเริ่มอธิบาย ยิ่งทำให้ร่างสูงนิ่วหน้าหนัก “เพราะจุดหมายปลายทางยังไงเราก็ต้องไปที่นั่นกันน่ะครับ”

          ก็ยังคงงงเหมือนเดิม

          “ตอนนี้ผมคงบอกอะไรมากไม่ได้…ที่ผมอยากให้ทำคือ พอคุณไปถึงแล้ว ช่วยตรวจสอบเรื่องพวกนี้ให้ผมหน่อย” ว่าจบก็ยกมือถือขึ้นมากดด้วยความไวแสง และเพียงไม่นาน มือถือของชาก็ส่งเสียงบอกข้อความเข้า “คุณไปอยู่ที่โน่นก็ดีอย่าง ผมจะได้ติดต่อคุณได้อย่างอิสระมากขึ้น โดยไม่ต้องกลัวว่าพี่วินจะมารู้เข้า ไปถึงที่โน่นเมื่อไหร่ ผมจะอธิบายแผนทั้งหมดให้เอง เพราะจากนี้ไป แผนจะสำเร็จหรือไม่ ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับคุณชาแล้วล่ะครับ”

          คนฟังดูจะไม่เชื่อเท่าใดนัก แล้วยิ่งดูข้อความเข้าในมือถือของตน คิ้วก็ยิงผูกแทบจะเป็นโบว์

          “ก็ได้…ยังไงซะ ตอนนี้ผมก็ไม่มีทางเลือกอยู่แล้วนี่ ไม่ว่าผมจะทำอะไร มันก็บีบให้เข้าแผนคุณทั้งนั้น” ชาตอบรับเสียงขุ่น ดวงตาเรียวจ้องมองไอ้เด็กผีตรงหน้าเขม็ง ถ้าปล่อยเลเซอร์ออกจากตาได้ คงทำไปแล้ว “คุณนี่เก่งนะ ทำให้คนที่เกลียดขี้หน้าคุณเป็นปีๆอย่างไอ้ดรมันยอมเป็นหมาเชื่องๆได้”

          “ก็ถ้าเกลียดแบบรู้สาเหตุ มันจัดการไม่ยากนี่ครับ” หนุ่มน้อยยิ้มหวาน “แต่กับคุณแม่มาริสานี่ ผมจนปัญญาจริงๆแฮะ”

          ฟังแล้วทำให้ชารู้สึกดีขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยเขาก็รู้ในสิ่งที่อีกฝ่ายไม่รู้แล้ว

 

          ในเวลาเดียวกับที่เดียร์ออกจากบ้านไปคุยกับชา สิทธิ์ผู้ซึ่งได้แต่อึ้งกับการโดนปัดมือ ยังคงค้างนิ่ง ใบหน้าหงอยยิ่งออกอาการเหมือนลูกหมาโดนทิ้งท่ามกลางสายฝนหนัก เมื่อเห็นร่างเล็กตรงหน้ายืนคุยกับชายหน้านิ่งกันอย่างสนิทสนม

          ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีแฟน และก็ใช่ว่าจะไม่เคยหึง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะเจ็บในอกมากเท่านี้มาก่อน...ในใจก็ได้แต่สงสัย ว่าตัวเองหลงใหลไปกับอีกฝ่ายมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ทั้งที่ผ่านมาก็ไม่เคยคบกับผู้ชายมาก่อน…ถึงไอ้ผู้ชายที่ว่ามันจะน่ารักเกินหน้าเกินตาสาวๆหลายคนก็ตามทีเถอะ แต่ยังไงไอ้ของเหมือนๆกัน มันก็มีเหมือนๆกันแท้ๆ แต่น่าแปลกที่กลับไม่รู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย

          และยิ่งคิดว่าอีกฝ่ายจะหายไปกับคนอื่น ในใจยิ่งเจ็บหนัก…

          สิทธิ์เคลื่อนตัวไปทางหน้าต่าง แอบมองทั้งสองยืนคุยกันด้วยใจขุ่นมัว ถ้าเลือกได้ อยากจะวิ่งไปฉุดกระชากลากอีกฝ่ายเข้าบ้านเสียเดี๋ยวนี้เลย

          แต่ถ้าต้องโดนเกลียด เขาก็ไม่อยากนักหรอก…เพราะสิ่งที่ต้องการคือ ไม่ว่าเขาจะบังคับหรือเอาแต่ใจแค่ไหน อีกฝ่ายก็ต้องน้อมรับยอมตามด้วยความเต็มใจต่างหาก

          อา…นี่สินะที่เขาเรียกว่าซาดิสม์เนี่ย…แถมยังซาดิสม์แบบเรื่องมากซะด้วยแฮะ…

          “ทำไมถึงปล่อยให้เดียร์ออกไปง่ายๆละครับ”

          หมียักษ์สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองต้นเสียงที่ยืนหน้ามุ่ยใส่ โดยมีหนุ่มแว่นยืนอยู่ด้านหลัง

          “แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะครับ ไปห้ามเขามีหวังได้โดนเกลียดหนักกว่าเดิมกันพอดี” สิทธิ์แก้ตัวเสียงตื่นทำเหมือนเด็กกำลังจะโดนแม่ดุ

          “ผมก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้ห้าม แต่อย่างน้อยๆคุณสิทธิ์ก็น่าจะข่มขู่อะไรไปหน่อย พร้อมกับแสดงความรักเพื่อเป็นการทำให้เดียร์ค่อยๆชอบความเจ็บปวดจากคุณทีละน้อยยังไงล่ะครับ”

          ก้องอยากจะบอกเหลือเกิน ว่าไอ้วิธีนั้นน่ะ มันใช้ไม่ได้ผลกับผู้ชำนาญการอย่างไอ้เด็กบ้านั่นหรอก ขั้นนี้แล้ว ไม่ต้องพิธีรีตอง โบยและถีบอย่างเดียวพอ

          “เอาเถอะครับ ของมันพลาดไปแล้ว” ผู้เป็นนายตัดบทก่อนจะแอบมองไปด้านนอกต่อ “คุยอะไรกันนักนะ ตั้งนานสองนาน คุณชาทำหน้าเครียดด้วย…”

          ลูกน้องทั้งสองต่างชะเง้อมองตามเจ้านาย มองจากตรงนี้เห็นเพียงแต่สีหน้าและปากของชาที่ขยับขึ้นลงเท่านั้น ส่วนเดียร์หันหลังให้เต็มๆ

          “พี่ก้องกับพี่ฤทธิ์พอจะอ่านปากคุณชาได้ไหม”

          ถ้าอยากรู้ขนาดนั้น แนะนำว่าออกหลังบ้านไปแอบฟังเลยดีกว่าไหมครับ คุณเจ้านาย

          “ไหน ขอลองก่อนนะครับ…อะไรนะครับ คุณสิทธิ์ทำเรื่องแบบนั้นกับคุณหรือครับ แล้วยังข่มขู่ว่าจะทำร้ายคุณน้อยอีกหรือ…”

          “มันใช่ซะที่ไหนเล่า! ยาวเกินไปแล้วว้อย อ่านยังไงของนายน่ะ” ฤทธิ์ว่าพร้อมกับตบบ้องหูใส่จนแว่นกระเด็น “เมื่อกี้ ดูยังไงก็เห็นคุณชาพูดว่า ‘ผมคงคบกับคุณไม่ได้แล้วล่ะครับ’ ชัดๆ”

          ไอ้นั่นมันก็เข้าข้างเจ้านายเกินไปแล้วครับ…

          ก่อนที่จะได้ฝึกวิชาอ่านปากคนไปมากกว่านี้ อยู่ๆสิทธิ์ก็ก้มลงเอาหลังชนกำแพงอย่างตื่นตระหนก แถมยังดึงฤทธิ์กับก้องลงมาด้วย

          “โอ๊ย อะไรกันครับ” หนุ่มตาตกร้องเสียงหลง และไม่ทันจะพูดต่อ ก็โดนสิทธิ์ปิดปากเสียแน่น

          “ชู่ว” หมียักษ์ทำหน้าตื่น แล้วเหลือกมองไปทางหน้าต่าง จากนั้นก็พูดด้วยเสียงอันเบาหวิวจนแทบจะไม่ได้ยิน “จะไม่ให้ผมหลบได้ยังไง ก็รถไอ้วินมันขับเข้ามาจอดหน้าบ้านเราน่ะสิ”

          ก้องได้แต่คิด…ระเบิดลงจริงๆด้วยสิ…

________________________________________________________

พยายามมาไวเท่าที่จะทำได้แล้วก๊าบ ;w;

เดี๋ยวเราจะจัดเซอร์วิสวินชาต่ออีกสักตอน ๕๕๕(แน่ใจว่าควรเรียกว่าเซอร์วิส =3=)

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
คงไม่ใช่แค่ระเบิดธรรมดาด้วยล่ะ ตัวละครหลักๆเล่นมาซะเกือบครบเลย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อ่านตอนแรกๆตลกดี กับความพยายามให้ตัวเองได้รับความเจ็บปวด(แบบแปลกๆ)
อยากให้เดียร์รักสิทธิ์จัง(หรือว่ารักแล้ว)
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
นุ้งเดียร์ทำอะไรต่อคะ

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
         
ตอนที่ 38
         
          ชาได้แต่อ้าปากค้างกับการมาเยือนอันไม่คาดคิด เขาหันไปมองเดียร์และก็ไม่ผิดหวัง ถึงจะทำสีหน้าหวาดวิตกอย่างไรก็ไม่อาจหลอกเขาได้หรอก

          ไอ้หอก ที่แกชวนฉันคุยโน่นนี่อยู่นานสองนานทั้งที่หมดธุระแล้ว เพราะแกรอให้คุณวินมาเจอฉากนี้งั้นเรอะ!!!

          ชายหนุ่มรู้สึกโกรธจนเหมือนควันจะพุ่งออกมาจากหู แต่เพราะโดนความหวาดวิตกกลบเพลิงพิโรธเสียมิด ชาจึงได้แต่ยืนนิ่ง มองวินที่ลงจากรถด้วยสีหน้าประหลาดใจกับปลิงชีวิตที่ยิ้มเยาะกับโชคที่วิ่งเข้าหาตัวเอง

          “ชา…” ดวงตาคมเลื่อนมองอดีตผู้ติดตามสลับกับน้องชาย ก่อนจะบึ้งหน้าใส่ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดก็โดนเสียงหวานที่เจือความกลัวแบบเสแสร้งขัดขึ้นเสียก่อน

          “ไม่นะพี่วิน คุณชาไม่ผิดอะไรนะครับ เขาก็แค่เป็นห่วงผม อย่าว่าหรือทำร้ายเขาเลยนะครับ”

          ชาไม่แน่ใจว่าควรจะถีบหลังคนตรงหน้าตนดี หรือจะเอารองเท้าปาใส่ธานินทร์ที่ยิ้มเยาะอยู่ข้างหลังวินดี มันช่างกระตุ้นต่อมโมโหได้สูสีทั้งคู่ดีแท้

          วินได้แต่อ้าปากค้าง ก่อนจะหุบลง สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน จนคนที่ตามมาต้องช่วยเตือนความจำ แบบรุนแรงยิ่งกว่าวิ่งเข้าไปตบหน้าด้วยสนับมือ

          “อะไรกันครับคุณชา คิดจะมาพาคุณเดียร์หนีไปด้วยกันหรือไง” ธานินทร์ร้องถามเสียงสูงเพิ่มประสิทธิภาพความกวนส้นเท้า “ดีนะที่รีบมาหาเดียร์ก่อน ไม่อย่างนั้นมีหวังคุณชาคงพาคุณเดียร์หนีกันแล้วแน่ๆ”

          “เพ้อเจ้ออะไรของแก จะเมาใบกระท่อมก็ช่วยไปเมาไกลๆหน่อยได้ไหม ไม่อย่างนั้นฉันจะเอารองเท้ายัดปากเน่าๆของแก” เนื่องจากกำลังหงุดหงิดยกกำลังสอง เลยไม่คิดจะตอบโต้อย่างใจเย็นอีกต่อไป เล่นเอาคนที่กำลังจะกัดต่อถึงกับถอยเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างที่พูดจริงๆ

          “…ถ้าอย่างนั้น นายมาทำอะไรที่นี่”

          คนที่เอาแต่เงียบตั้งแต่เมื่อครู่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ สีหน้าของวินบ่งชัดว่ากำลังคาดหวังบางอย่าง…แต่ปัญหาของชาคือ เขาไม่รู้ว่าเจ้านายกำลังหวังจะให้เขาพูดอะไรนี่สิ

          ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ…อันนี้โดนถามกลับแน่เพราะก่อนหน้านั้นก็เพิ่งโดนไปหมาดๆ…

          “ผม…แค่มาบอกลาคุณเดียร์” พูดจบก็ได้แต่กัดลิ้นตัวเอง ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องเดินตามเกมไอ้เด็กบ้านี่ด้วย ไอ้ประโยคเมื่อกี้ ไม่ว่าจะนั่งฟังหรือนอนฟังมันก็คิดได้อยู่อย่างเดียว “…แค่ลาในฐานะเพื่อนเท่านั้นละครับ ไม่ได้มีความหมายอื่นเหมือนที่หมาบางตัวแถวนี้มันเห่า”

          ชาไม่แน่ใจว่าเขาพูดอะไรผิดหูอีก หรือแค่วินหงุดหงิดกับคำพูดเขาอย่างที่มักเป็น หรือเพราะตนในตอนนี้ดูเหมือนกำลังพาลใส่ธานินทร์ หนุ่มแว่นถึงได้บึ้งหน้าใส่

          “ถ้านายกับเดียร์เป็นแฟนกันจริงๆ ก็ยอมรับออกมาตรงๆสิ จะโกหกฉันทำไม”

          โอเค เขาเดาผิดไปหลายโยชน์…ซึ่งเป็นส่วนที่เขาคิดไม่ถึงสุดๆ

          “มันไม่ใช่อย่างที่พี่วินคิดนะครับ” ตัวต้นเรื่องเสนอหน้ามาอย่างประจวบเหมาะ ดวงตากลมตกรื้นไปด้วยหยาดน้ำใส ชวนให้ชารู้สึกขยะแขยง “ผมกับคุณชา เราไม่ได้เป็นแฟนอย่างที่พี่วินพูดนะ”

          “จริงหรือ”

          คนตอบกลับไม่ใช่ทั้งวินหรือธานินทร์ แต่เป็นใครบางคนผู้ไม่ควรจะโผล่หน้ามาในตอนนี้อย่างที่สุด

          หนุ่มแว่นทำหน้าเหมือนเห็นแมลงสาบ ก่อนจะวิ่งเข้าไปดึงน้องชายราวกับต้องการให้ออกห่างจากสิทธิ์เท่าที่จะทำได้

          “ไอ้หมีควาย เป็นแกจริงๆด้วย” เสียงทุ้มตะคอกใส่อย่างไม่อายชาวบ้าน แต่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ไม่ค่อยจะกล้ามองกันเท่าใดนัก เพราะแต่ละคนก็ตัวใหญ่ใส่สูทแถมยังอยู่ในอารมณ์รุนแรง จนกลัวว่าหากเผลอสบตา หวยอาจจะไปลงแบบไม่ทันตั้งตัว

          “จะพูดอะไรก็ดูตัวเองบ้างเหอะ แต่อย่างแก คงไม่ใช่หมีควาย น่าจะ ‘ควาย’ ล้วนๆ ไม่มีตัวอะไรผสมมากกว่ามั้ง ฮ่าๆๆ” สิทธิ์เองก็ใช่จะอยู่นิ่งๆเป็นเสียเมื่อไหร่

          แต่ก่อนที่วินจะได้เถียงกลับ แขนเล็กในมือฉุดดึงความสนใจเขาเสียก่อน และนั่นทำให้ชายหนุ่มนึกเรื่องที่เดียร์เอ่ยก่อนหน้าได้

          “เดียร์บอกว่าไม่ได้เป็นแฟนกับชา แล้วชามาหานายทำไม…ไหนจะเรื่องที่ไปนัดเจอชาแล้วยังซบอกมันกลางห้างอีก ถ้าไม่ใช่แฟน แล้วทำแบบนั้นทำไมล่ะ”

          ชามองหน้าเดียร์แล้วกัดฟันอยู่คนเดียว…มันวางแผนไว้จริงๆด้วย!!

          เดียร์มองหน้าพี่ชาย ก่อนจะก้มลงเล็กน้อยคล้ายไม่อยากบอก และก็เปิดปากทันทีที่วินจับไหล่เด็กหนุ่ม พอดิบพอดีเสียจนชาเกือบจะแค่นหัวเราะใส่กับการแสดงที่ดูเนียนสำหรับชาวบ้าน แต่ห่วยแตกสำหรับตน

          “ความจริงคือ คุณชาเขาช่วยเป็นพ่อสื่อให้ผมกับคุณสิทธิ์ต่างหากละครับ”

          คนที่งงกว่าเพื่อน ก็ไม่พ้นสิทธิ์ที่ไม่เคยเห็นชามีส่วนร่วมในการช่วยเป็นพ่อสื่อให้ตนนี่ล่ะ

          “เรื่องที่ผมไปเจอคุณชาที่ห้าง ผมแค่ฝากให้เขาซื้อของที่ผมหาซื้อแถวนี้ไม่ได้…ส่วนเรื่องพิงอก นั่นเพราะผมปวดหัวจนยืนไม่อยู่ เท่านั้นเองครับ ไม่ได้มีอะไรมากกว่ากว่านี้สักหน่อย”

          ฟังผ่านๆเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ชารู้ดีว่ามันคือการราดน้ำมันเข้ากองเพลิงชัดๆ ก็นี่มันเท่ากับว่า เขายินดีให้สิทธิ์กับเดียร์รักกันทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าวินเกลียดสิทธิ์มากแค่ไหน ดูยังไงก็เหมือนเหยียบหัวกันชัดๆ

          ยิ่งเห็นสีหน้าของวิน มันก็ยิ่งฟ้องว่าเขาคิดถูก

          “ไม่ใช่นะครับ มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” ชาบอกละล่ำละลัก ใบหน้าเรียวหันไปหาเดียร์ด้วยความโกรธ ถึงจะบอกให้ทนยังไงก็เถอะ นี่มันเกินกว่าที่เขาจะรับได้แล้ว “ความจริงมันเป็นเพราะไอ้น้องชายบ้าๆของคุณเป็นคนวางแผนทั้งหมดต่างหาก”

          ทุกคนพากันอึ้ง ส่วนเดียร์นั้นก็อึ้งเหมือนกัน เพราะเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสติแตกออกมาขนาดนี้

          แต่ก็นั่นล่ะ ใช่ว่าพูดออกมามันจะได้ผลเสียเมื่อไหร่กัน โดยเฉพาะอยู่ๆมาพูดตอนที่กำลังโดนกล่าวหาว่ามีความผิดแบบนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับแก้ตัวชุ่ยๆนั่นล่ะ

          “…นี่นาย…พูดบ้าอะไรของนายน่ะ นี่ถึงขนาดมาโทษเดียร์เลยเรอะ” วินมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ทรยศฉันยังไม่พอ…ยังจะมาใส่ร้ายเดียร์อีก มันจะมากไปแล้วนะ”

          “ผมพูดจริงนะครับ!” ชาเถียง “คุณน่ะกำลังโดนไอ้บ้านี่มันหลอก คุณ…”

          “หุบปากนะ!” หนุ่มแว่นแผดเสียงลั่น ดวงตาคมที่มองมาเต็มไปด้วยความรังเกียจ จนชาถึงกับผงะ “นี่แกยังจะกล้าพูดแบบนี้อีกได้ยังไง ไม่ละอายแก่ใจบ้างเลยเรอะ”

          กว่าจะรู้ตัวว่าพลาดจนเกินแก้ไข ก็ตอนที่เห็นสีหน้าของธานินทร์กับเดียร์นี่ล่ะ

          “ไปได้แล้ว ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย” วินยื่นคำขาด พร้อมกับยกมือขึ้นเมื่อเห็นชาตั้งท่าจะพูด “อย่าให้ฉันเกลียดนายไปมากกว่านี้”

          ชายหนุ่มนิ่งมองอีกฝ่าย เขาเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว ถ้าไม่ทันไปมองเดียร์ที่ยิ้มน้อยๆ ขยับปากและแอบชูนิ้วโป้งให้

          ‘แหล่มมากครับ!’

          แหล่มพ่อง!!!

          “…แล้วคุณจะต้องเสียใจ” ชาทิ้งท้ายเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินจากไปด้วยใจระทม ต่อให้รู้ว่าเข้าทางอีกฝ่าย แต่ถ้าจบเรื่องแล้วไม่ได้เตะเดียร์สักที คงไม่หายแค้น

          หลังจากมวยคู่รองชกกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาชมมวยคู่ชิงชนะเลิศต่อทันที

          สิทธิ์สะดุ้งนิดหน่อยเมื่อวินพุ่งเป้ามาทางตน แต่เขาเองก็ใช่ว่าจะไม่เตรียมรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้ไว้ ชายหนุ่มทำหน้านิ่งราวกับไม่สะทกสะท้าน แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่มออกกระบวนท่า ร่างเล็กของเด็กหนุ่มก็เข้ามาขวางทางเสียก่อน

          “เดียร์ ออกไป พี่มีเรื่องจะเคลียร์กับไอ้หอยดองสมองหมานี่” วินกดเสียงต่ำก่อนจะเดินเลี่ยง แต่เดียร์ก็ตามไปขวางต่อ “เดียร์!”

          “ถ้าเป็นเรื่องผมกับคุณสิทธิ์ ผมว่าพี่วินอย่ายุ่งเลยดีกว่าครับ” คำพูดของน้องชายทำเอาคนฟังเหมือนโดนตบหน้าด้วยไม้ช็อตยุง “มันเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างผมกับเขา”

          “ไม่นะ เดียร์พูดแบบนี้ได้ไง ไอ้บ้านี่มันไม่ได้รักนายจริงๆหรอก” หนุ่มแว่นเว้นช่วงมองหน้ายียวนกวนส้นเท้าของสิทธิ์ “มันก็แค่คบกับนายเพราะต้องการหาเรื่องฉันก็เท่านั้นล่ะ มันไม่ได้รักนายเลย ไม่เลยสักนิด!”

          “อย่าพูดแบบนั้นนะ!”

          เดียร์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อประโยคที่ตนควรจะพูด ดันโดนหมีที่อยู่ข้างหลังแย่งไปเสียได้ สีหน้าของสิทธิ์ดูจะยังมึนๆเหมือนไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา แต่เพียงครู่เดียวก็กลับมามีสีหน้าเคร่งเครียดใส่

          “นายจะมารู้ได้ไงว่าฉันไม่ได้รักเดียร์” น้ำเสียงทุ้มฟังดูกรุ่มกริ่มผิดหูผิดตาจนคนฟังพากันนิ่วหน้า เพราะส่วนใหญ่ สิทธิ์มักจะทำเสียงกวนประสาทใส่วินตลอด ขนาดหนุ่มแว่นยังเผลอทำหน้าขยะแขยงใส่

          “…นี่แกเมา หรือลืมนอนมาหรือเปล่าวะ…” จากที่ตั้งท่าจะตะบันหน้า ถึงกับถอยหลัง แต่ยังไม่วาย ลากน้องชายออกมาด้วย

          “ไม่ได้เมาว้อย” สิทธิ์ร้องพร้อมกับดึงเดียร์กลับมา แต่ดึงได้แค่นิดเดียว เพราะวินเองก็ไม่ยอม “ฉันกับเดียร์รักกัน และเราก็เป็นคนรักกัน ถ้าจดทะเบียนได้ ฉันทำไปแล้ว ชัดมั้ย ไอ้แว่น เพราะงั้น ปล่อยให้เรามีความสุขกันได้แล้ว”

          “หา นี่แกกล้าพูดมากนะ” หนุ่มแว่นกัดฟันกรอด “จะเมานมก็ให้มันน้อยๆหน่อย แกนั่นล่ะที่ต้องปล่อยน้องชายฉัน น้องชาย!!! เข้าใจมั้ยวะ!!”

          “เออ! ฉันรู้แล้วว้อย แล้วไง ก็ฉันรักของฉัน มีอะไรมั้ย หา”

          ก้องซึ่งแอบฟังอยู่ในบ้านกับฤทธิ์เริ่มไม่แน่ใจว่านั่นเป็นแผนของสิทธิ์ที่ต้องการจะยั่วโมโหวิน หรือจริงๆมันออกมาจากใจของสิทธิ์กันแน่ ช่างสมจริงและเต็มไปด้วยพลังอย่างบอกไม่ถูก เพราะฤทธิ์แลดูจะอินกับคำพูดเหล่านั้นเหลือเกิน

          “ไม่เชื่อก็ถามเดียร์สิ” สิทธิ์เยาะใส่ “รู้ความจริงซะ รอยหยักในสมองจะได้ทำงานซะบ้าง”

          วินชักสีหน้า ก่อนจะหันไปมองน้องชายที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ใบหน้าเรียวเล็กแลดูลังเลและหวาดหวั่น ดวงตากลมมองวินสลับกับสิทธิ์เหมือนกำลังสับสน ก่อนก้มหน้าอีกครั้ง จนในที่สุด เดียร์ก็พยักหน้าให้วิน นั่นทำให้หนุ่มแว่นถึงกับอ้าปากค้างกับคำตอบ

          “ไม่จริง! มันไม่มีทางเป็นแบบนี้ได้แน่” หนุ่มแว่นร้องเสียงหลงก่อนจะดึงเดียร์เข้ามาหา “หมอนั่นขู่อะไรนายใช่ไหม นายถึงยอมรับมันน่ะ”

          “ไม่นะ…ไม่นะพี่วิน…ผมเจ็บ…” ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวไปด้วยความทรมาน…ที่จะต้องทนเก็บความปลื้มปริ่มอยู่ในใจ

          “เฮ้ ปล่อยเดียร์นะ” สิทธิ์ผลักอีกฝ่ายออกไปอย่างแรง แต่เพราะแรงไปหน่อยบวกกับตกใจที่เห็นเดียร์ทำท่าเจ็บ เขาเลยใส่แรงเยอะไปนิด…บวกกับวินไม่ทันระวังตัว ผลลัพธ์ที่ได้เลยเกินความคาดหมายไปหลายโยชน์

          วินเบิกตามองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ แต่เพียงไม่นานก็ลุกขึ้นจากพื้น และซัดหมัดเข้าแก้มสิทธิ์ที่มัวแต่ยืนเอ๋อเต็มรัก เล่นเอาหมียักษ์ถึงกับเซ

          “ไอ้แว่น!”

          เดียร์เบิกตามองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตกใจ…เขาไม่ได้ตกใจเรื่องที่สองคนนี้ตีกัน เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่วางไว้อยู่แล้ว เพียงแต่ที่ทำให้ตกใจคือ สองคนนี้ตีกันได้อย่างสูสีต่างหาก ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นใครสู้วินได้พอฟัดพอเหวี่ยงขนาดนี้มาก่อนเลย แถมยังอึดขนาดที่ว่าแลกหมัดกันได้แบบไม่มีใครแสดงอาการเจ็บปวดกันเลยสักนิด

          ก็ว่าทำไม ลองว่าแรงเยอะเท่าพี่วิน เราจะเผลอหลงก็ไม่แปลก…แหม่ ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจคุณชา กับว่าพี่ไม่ยอมใช้กำลังกับเรา มีหรือจะยอมปล่อยง่ายๆ

          เด็กหนุ่มเหล่มองธานินทร์ที่ยืนฉีกยิ้มอยู่ใกล้รั้วบ้าน ดูอาการแล้วคงไม่คิดจะมาห้ามมวยแน่ เดียร์จึงมองกลับเข้าไปในบ้าน แม้เขาจะกำชับก้องเอาไว้แล้วว่าไม่ให้มาช่วย แต่พอเห็นสีหน้าตื่นตะลึงราวกับเห็นจานบินผ่านหน้าบ้านของทั้งคู่ เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองเตือนเสียเปล่าชอบกล

          เดียร์มองมวยคู่เอกด้วยระยะใกล้แบบขอบเวที เด็กหนุ่มกัดปากแน่น เขาพยายามห้ามตัวเองไม่ให้โดดเข้าไปรับหมัดของทั้งคู่เสียเดี๋ยวนี้ จนร่างกายสั่น น้ำตาคลอหน่วย ขืนเสียแผนตรงนี้ มีหวังเรื่องยุ่งยากกว่าเดิมแน่

          พี่วินฮุคซ้าย…คุณสิทธิ์หลบก่อนจะสวนหมัดตรง แต่พี่วินรับทัน...ใกล้แล้วๆ…คุณสิทธิ์โดนผลักแล้ว! ตอนนี้ล่ะ!!!

          หนุ่มแว่นสะดุ้งเมื่อหมัดที่น่าจะไปประทับบนปลายคางของสิทธิ์ กลับพุ่งไปโดนแก้มนวลใสของน้องชายเสียเต็มแรง ร่างที่แลดูจะบอบบางถอยลงไปล้มอยู่บนพื้นหญ้าหน้าบ้าน และนอนนิ่งไม่ไหวติง

          “เดียร์!”


_____________________________

และแล้วนายเอกเราก็ตายอย่างสงบ...ไม่ใช่ล่ะ!! =[]=

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
อ้าก. ค้าง :katai1:

ออฟไลน์ lovegoldfish

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
อ้างถึง
และแล้วนายเอกเราก็ตายอย่างสงบ...ไม่ใช่ล่ะ!! =[]=

แหมะ กำลังอ่านเพลินๆ มาฮาเอาประโยคนี้นี่แหละ :m20:

ชอบเรื่องนี้มากเลยอ่านแล้วรู้สึกฮามากกว่าหื่น  :hao7:

ออฟไลน์ DoubleBass

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 448
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
จบตอนแบบเห็นภาพ "เดียร์ฟิน"

nonbungsanovii

  • บุคคลทั่วไป
อ๊างงงงงงงงงงง งงงงง เลยสินะเดียร์

ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
โดนไปเต็มแรง ฟินไหมหนู :heaven

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
เจ็บนี้ สุขไปยันชั้นดาวดึงส์เลยสินะ สำหรับหนุ่มสายS

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
         
ตอนที่ 39
         
          วินได้แต่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้น มองสิทธิ์ที่ถลาเข้าไปพยุงเดียร์ ในสมองของหนุ่มแว่นว่างเปล่า แม้เห็นคนที่เหม็นหน้ากำลังคลอเคลียซุกไซ้น้องชายสุดที่รักของตนอยู่ก็ตาม แต่กระนั้นกลับนึกไม่ออกเลยว่าควรจะทำอย่างไรดี

          “เดียร์!” เสียงทุ้มของหมียักษ์ดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าใส่หูเจ้าของชื่อ แต่กระนั้นคนในอ้อมแขนกลับไม่มีที่ท่าจะได้สติแต่อย่างใด “เดียร์! อย่าตายนะ!”

          …ผมไม่ได้ตายครับ ผมแค่สบายจนไม่อยากลุกต่างหาก…แต่ครั้นจะให้พูดเดี๋ยวก็อดฟินกันพอดี…ไม่ใช่สิ ผมแค่กำลังรอจังหวะอยู่หรอกนะ ไม่ได้สุขใจกับการโดนเสียงของคุณตะคอกใส่หูผมเลยสักนิด…นี่กะจะให้ผมตื่นจริงๆใช่ไหม ถ้างั้นก็เลิกตะโกนเสียงแปดหลอดใส่ผมได้แล้ว คนอะไรเสียงเถื่อนระรื่นหูดีชะมัด ให้ฟังทั้งวันยังได้เลยนะเนี่ย…ว่าแต่ จะเป็นห่วงผมเกินเหตุมากไปหรือเปล่าครับ มันชวนให้ผมรู้สึกแหยงๆแปลกๆในอกชอบกล

          “คุณวินครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ธานินทร์เข้ามาแตะบ่าเจ้านายตามสเต็ป พร้อมกับทำหน้าตื่น “คุณวินจะปล่อยให้เป็นแบบนี้หรือครับ”

          หนุ่มแว่นเริ่มได้สติกลับมา เขามองภาพตรงหน้าโดยไม่สนสิทธิ์เลยสักนิด เพราะสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวตอนนี้คือ เขาได้ทำร้ายน้องชายลงไปเสียแล้ว

          “ทำบ้าอะไรของแก” สิทธิ์หันมาตะคอกใส่วิน ลืมเรื่องที่ว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ตนไม่ถูกด้วยเสียสิ้น “ถ้าเดียร์เป็นอะไรไป ฉันไม่ยกโทษให้แกแน่”

          ว่าจบก็รีบอุ้มเดียร์ขึ้นรถออกไปทันที

          “เวรล่ะ” เนื่องจากมัวแต่อึ้ง รวมถึงไม่คิดว่าเจ้านายตนจะหุนหันพลันแล่นขนาดนี้ ก้องเลยออกตัวไม่ทัน เพราะความจริงแล้ว เขาจะต้องรีบตามสิทธิ์เพื่อไปโรงพยาบาลแท้ๆ หนุ่มแว่นได้แต่มองรถที่ขับออกไป ในหัวพยายามคิดหาทางสุดชีวิต ก่อนจะเรียกสติฤทธิ์ “นายอยู่นี่นะ เดี๋ยวฉันจะตามไป คุณสิทธิ์น่าจะไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด นายช่วยลองโทรเช็คตามโรงพยาบาลทีละกัน ชื่อจริงเดียร์ก็ตามนี้นะ”

          “เดี๋ยว”

          ก่อนที่ก้องจะวิ่งพ้นรั้วบ้าน คนที่ได้แต่ยืนนิ่งแม้ธานินทร์จะพยายามเรียกอยู่หลายครั้ง ก็เดินเข้ามารั้งเขาไว้ ด้วยสีหน้าที่เห็นแล้ว ก้องชักรู้สึกผิดตามที่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมแผนการนี้

          “จะตามไอ้สิทธิ์ไปใช่ไหม ผมไปด้วย”

          เวรของกรรมจริงๆเลยตู วันหลังฉันว่าแกควรจะเขียนแผนสำรองไว้ให้ฉันบ้างเถอะ

 

          เดียร์นอนนิ่งอยู่บนเบาะหลังรถ นึกหงุดหงิดอยู่ในใจที่เจ้าคนที่ควรจะตามมาด้วยดันไม่อยู่เสียนี่ ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าตนผิดเองที่ไม่ได้คาดการณ์เอาไว้ว่าก้องจะสะเทือนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าขนาดนี้…ก็ไม่เข้าใจเลยว่าจะตกใจอะไรกันนัก คนที่ไม่ถูกกันจะชกหน้ากันมันไม่เห็นจะแปลกอะไร

          …เอาเถอะ เป็นคนคุ้มกันทั้งที ก็คงหาทางแก้ปัญหาอะไรได้เองบ้างอยู่ล่ะน่า…

          คิดแบบนั้นเลยนอนนิ่งเหมือนคนเป็นลมต่อจนถึงโรงพยาบาล เมื่อลงจากรถแล้วขึ้นเตียงกำลังจะแล่นไปที่ห้องฉุกเฉิน เดียร์ก็ทำทีว่าได้สติขึ้นมาเสียก่อน

          “เดียร์! เดียร์” เสียงทุ้มแสนหวานตะคอกใส่ข้างหูอย่างไม่เกรงใจ จนคนเข็นเตียงพากันนิ่วหน้าเพราะไม่แน่ใจว่าสิทธิ์เป็นห่วงเจ้าของชื่อ หรือต้องการจะให้เดียร์อาการหนักกว่าเก่า

          ดวงตากลมปรือมองพ่อหมียักษ์ตรงหน้าด้วยความอ่อนแรง ใบหน้าที่โล่งใจเสียเหลือเกินทำเอาคนมองต้องขมวดคิ้วด้วยความกังขา มือที่กุมมือของตนนั้นก็อุ่นและรู้สึกสบายใจแบบแปลกๆ ชวนให้ขนลุกและจั๊กจี้ไปในคราเดียวกัน ซึ่งตามปกติ เวลาเดียร์เห็นใครทำสีหน้าท่าทีแบบนี้ใส่ เขามักจะอารมณ์เสียขึ้นมาและอยากจะอ้วกทุกที

          แต่คราวนี้กลับไม่ ทั้งยังรู้สึกร้อนๆหนาวๆอีกต่างหาก

          “ญาติคนไข้รอตรงนี้นะคะ เข้าไปไม่ได้ค่ะ”

          ความอบอุ่นประหลาดนั้นผละออกจากมือ ทำให้ทั้งโล่งและเสียดายอย่างน่าประหลาด เดียร์มองมือของตนที่โดนอีกฝ่ายกุมแน่นจนถึงเมื่อครู่ ยังคงคาใจไม่หาย

          มันคืออะไรกันนะ…

 

          ส่วนหนึ่งก้องก็แสนจะดีใจที่สามารถหาโรงพยาบาลที่สิทธิ์ไปได้ แต่อีกส่วนก็กลัดกลุ้มใจเพราะสิ่งที่ตามมาด้วยเป็นขบวนนี่ล่ะ ตามหลักแล้วตัวเขาจะต้องมากับสิทธิ์ ไม่ใช่ยกขบวนมาทั้งก๊กกับวินแบบนี้

          “เดียร์อยู่ไหน”

          แค่ชี้นิ้ว วินก็วิ่งฉิวออกไปยังทางตึกคนไข้ฉุกเฉินทันที

          “แบบนี้มันจะดีหรือ” ฤทธิ์ถามขึ้นอย่างหวาดหวั่น พลางจ้องมองวินไม่วางตา “เกิดเจอกับคุณสิทธิ์ ระเบิดจะไม่ลงอีกรอบหรือไง”

          “คงไม่หรอกน่า นายก็รู้ว่าสองคนนี้เขาไม่อาละวาดให้ชาวบ้านเดือดร้อนหรอก แถมที่นี่เองก็เป็นโรงพยาบาลด้วยนะ” ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ก้องก็ไม่ค่อยจะแน่ใจเท่าไหร่นัก เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่วินกับสิทธิ์ต่อยกัน ไม่แน่รอบนี้อาจจะฉะกันแบบไม่เกรงใจใครก็ได้

          “เดียร์”

          เสียงของวินดังมาแต่ไกล ทำเอาคนบริเวณนั้นพากันมองหนุ่มแว่นเป็นตาเดียว เจ้าของชื่อนั่งเลิกคิ้วมองพี่ชายอยู่บนเก้าอี้หน้าเคาท์เตอร์จ่ายยา สภาพของร่างบางดูไม่เป็นอะไรมากนัก ยกเว้นผ้าพันแผลที่แปะเสียหนาตรงแก้มที่โดนชก ทำเอาพี่ชายหน้าตื่นกับสภาพของน้องสุดรัก แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวเข้าไปหา เขาก็สำเหนียกขึ้นได้ว่า ต้นเหตุของแผลบนใบหน้างามของเดียร์ ก็คือเขาเองนั่นล่ะ

          ยิ่งเดียร์บึ้งหน้าแล้วหลบตาวิน ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกในใจของชายหนุ่ม

          “เดียร์…” วินเรียกน้องชายเสียงอ่อย พร้อมกับค่อยๆก้าวเดินเข้าไปหา มือหนาเอื้อมออกหมายจะสัมผัสบาดแผลที่ตนทำ หากแต่ร่างบางกลับกระถดหนี ใบหน้าหวานนั้นเย็นชาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำเอาใจเขาร้อนเป็นไฟ “เดียร์ พี่ไม่ได้ตั้งใจนะ พี่ขอโทษ พี่…”

          “พอเถอะครับ” เสียงหวานดังเฉียบขาด ดวงตาใสรื้นไปด้วยน้ำตา “ผมไม่มีอะไรจะพูดกับพี่วิน พี่กลับไปเถอะ”

          หนุ่มแว่นอ้าปากค้าง ใจจริงอยากจะลากตัวน้องชายออกไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่เมื่อคิดว่า อาจจะโดนเดียร์เกลียดไปมากกว่านี้ เขาก็ไม่กล้าใช้กำลังกับอีกฝ่ายได้

          “ผมดีใจที่พี่วินเป็นห่วงผมนะครับ…” ร่างของเด็กหนุ่มสั่นระริก “แต่นี่มันมากเกินไปแล้ว! แค่ผมอยากจะรักใครสักคน ผมทำไม่ได้เลยหรือไงครับ ทำไมพี่ต้องมาคอยขัด คอยขวางผมตลอดเวลาด้วย”

          “ก็ไอ้หมอนั่นมันไม่ได้รักนายเลยนี่ ที่มันทำก็เพราะมันต้องการจะใช้นายมาแก้แค้นฉันต่างหาก” วินเถียงด้วยเสียงที่เหมือนจะขาดใจเต็มทน “เชื่อพี่เถอะ ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อนายนะ”

          “พี่ไม่ได้ทำเพื่อผมหรอก พี่ทำเพื่อตัวเองต่างหาก!” เดียร์สวนกลับด้วยประโยคที่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับอึ้ง ถ้าพี่ทำเพื่อผมจริงๆ พี่ก็ต้องไม่ขัดขวางความสุขของผมสิ ใช่ไหมล่ะ แล้วที่ทำอยู่มันคืออะไร นอกจากทำให้ผมเสียใจ”

          เสียใจจริงๆนะว้อย อยากจะพูดมานานแล้วเหมือนกัน ไอ้เที่ยวมากระทืบพวกปกติหวังมาจีบผมก็ขอบคุณอยู่หรอก แต่เล่นลามไปกระทั่งคู่ซาดิสม์ของผมด้วยมันก็เยอะไปนะ!...แบบว่าแอบอัดอั้นนิดๆ เลยขอใส่หน่อย จะได้ดูสมจริงยิ่งขึ้น

          ก่อนที่วินจะต่อความยาวสาวความยืดไปมากกว่านี้ ธานินทร์ก็เข้ามาเบรกพร้อมกับเตือนให้หนุ่มแว่นรับรู้ถึงสภาพโดยรอบที่คนไข้มากมายพากันจ้องเป็นตาเดียว

          “ผมว่าตอนนี้พูดอะไรไปคุณเดียร์ก็ไม่ฟังหรอกครับ เรากลับก่อนดีกว่า อย่างน้อยก็รู้แล้วว่าคุณเดียร์ปลอดภัย” ธานินทร์ออกความเห็นเสียงเบา “ยิ่งดึงดันมันจะแย่กว่าเดิมนะครับ”

          สีหน้าของวินคัดค้านอย่างชัดเจน แต่พอหันไปมองน้องชายที่ส่งสายตาต่อต้านใส่ เขาก็ได้แต่นิ่งเงียบ

          “…ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป นายจะต้องเสียใจ…รู้หรือเปล่า”

          “ถึงแบบนั้นผมก็ไม่สนใจหรอกครับ” เสียงหวานตอบกลับอย่างราบเรียบ “พี่วินเองก็ไม่สามารถปกป้องผมได้ตลอดไปด้วย ชีวิตของผม ให้ผมเลือกเองเถอะครับ”

          วินกัดฟันกรอด ถ้าคนที่น้องชายเลือกไม่ใช่สิทธิ์ เขาอาจจะยอมถอยแต่โดยดีไปแล้ว

          ทำไมถึงไม่เป็นคนอื่น…ทำไมถึงต้องมาดึงดันเอากับไอ้หมอนั่น!!

          หนุ่มแว่นยืนนิ่งอยู่นานจนธานินทร์แอบหวั่น แต่พอเห็นเจ้านายผละออกจากเดียร์ เขาถึงกับโล่งอก และรีบตามวินออกจากโรงพยาบาลไปติดๆ

          ก้องทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่พอเห็นคุณแฟนแกยืนนิ่ง เขาก็สงสัยและเกิดวิตกไปว่า ฤทธิ์อาจจะผิดสังเกตกับสถานการณ์เมื่อครู่ เพราะเขาเองก็รู้สึกพะอืดพะอมกับการแสดงของเดียร์เป็นอันมาก…ก็เล่นพูดซะไม่มีเค้าของคนที่โดนขู่แม้แต่นิดเดียว แถมยังดูร้าก รัก สิทธิ์เสียมากมายจนก้องเกือบลืมไปว่าไอ้เด็กผีนี่เป็นคนๆเดียวกับที่บอกเขาเต็มปากเต็มคำว่า ไม่รักสิทธิ์แม้แต่ปลายขี้เล็บ

          แต่พอเห็นสีหน้าของฤทธิ์ หนุ่มใหญ่ถึงรู้ตัวว่าตนคิดผิด

          “เดียร์รักคุณสิทธิ์ขนาดยอมเถียงกับคุณวินเลยหรือนี่…”

          โอ๊ย ตาสว่างเถอะ…ไม่สิถ้าเป็นแบบนั้นก็แผนเสียสิ…แต่…โอ๊ย ฉันไม่อยากเห็นนายโดนไอ้เด็กผีนั่นหลอกเอาเลยว่ะ ให้ตายสิ!

          ก้องไม่แน่ใจว่าที่เดียร์ทำตาโตก่อนจะดูหมองลงและหลบตานั่น เป็นเพราะตกใจที่เห็นฤทธิ์มาด้วย หรือแค่เพราะแสดงไปตามสถานการณ์กันแน่

          “คุณสิทธิ์ล่ะ…เอ้อ นายไม่เป็นอะไรนะ” เขาก็แค่ถามหาเจ้านายตามหน้าที่ ทำไมต้องโดนฤทธิ์ถลึงตาใส่ด้วยก็ไม่รู้ ยังไงเสีย เขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าไอ้เด็กบ้านี่มันไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว

          เด็กหนุ่มสายหน้า “ผมไม่เป็นอะไร คุณสิทธิ์ไปทำแผลที่ตีกับพี่วินอยู่น่ะครับ”

          พูดแล้วก็เพิ่งนึกกันขึ้นมาได้ เล่นเอาแต่ละคนหน้าซีดปานเห็นโลกวินาศ

          “แย่แน่ คุณสิทธิ์ชกกับคุณวิน” ฤทธิ์เอ่ยเสียงสั่น “แบบนี้จะเกิดสงครามไหมเนี่ย”

          “…คงไม่หรอก” ก้องตอบทั้งที่ไม่แน่ใจ ก่อนจะปรายตามองร่างบางเป็นเชิงคาดคั้น

          “ไม่หรอกครับ พี่วินไม่ชอบทำเรื่องส่วนตัวให้เป็นเรื่องใหญ่…” ที่พูดมานี่ประสบการณ์ตรงล้วนๆ เรื่องไหนเป็นเรื่องของผมนะ พี่แกไม่ค่อยใช้ลูกน้องมาทำเท่าไหร่หรอก อย่างเก่งก็ใช้คุณชาเท่านั้นล่ะ แต่ก็แค่ใช้ให้ตรวจว่าผมกำลังคบใครอยู่ อะไรแค่นี้ ที่เหลือพี่แกลงมือเองหมด

          “ถ้าได้แบบนั้นก็ดีสิ” ท่าทางหนุ่มตาตกจะกังวลเอาการ
         
          “…เออ ฤทธิ์ ช่วยไปดูคุณสิทธิ์ให้หน่อยได้ไหม เดี๋ยวทางนี้ฉันเฝ้าเอง”

          ด้วยความที่มัวแต่กังวลเรื่องสงคราม ฤทธิ์จึงยอมทำตามแต่โดยดี พอเดียร์บอกว่าสิทธิ์อยู่ตรงไหน ชายหนุ่มก็เผ่นแผล็วออกไปทันที

          “ให้ตายสิ เกือบไปแล้วไหมล่ะ” พอเหลือกันแค่สองคน หนุ่มน้อยก็ถอดหน้ากากออกทันควัน ดวงตากลมหรี่มองคนที่ยืนค้ำหัวตนอยู่ข้างกาย “ถ้าแผนตรงนี้เสียขึ้นมา ผมโทษพี่จริงๆด้วยนะ”

          “ครับๆ” ก้องตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก “แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีนี่ อย่าบ่นนักเลย…ว่าแต่ หน้าแกอาการหนักขนาดนั้นเลยเรอะ”

          เด็กหนุ่มยักไหล่ “ผมขอให้พยาบาลช่วยแปะให้น่ะครับ จะได้ดูสมจริงสมจังหน่อย เดี๋ยวพี่วินแกไม่สะเทือนใจ”

          “…ฉันว่าแค่ชกแก เขาก็สะเทือนใจจะแย่แล้วมั้ง” หนุ่มแว่นวิเคราะห์สภาพของวินก่อนหน้า ดูอย่างกับสามีที่เพิ่งรู้ว่าภรรยาสุดที่รักเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายยังไงยังงั้น

          “ฮะๆ ก็งั้นแหละ ครั้งแรกเลยนะเนี่ย” เจ้าตัวเอ่ยด้วยน้ำเสียงภูมิใจเสียเต็มประดา “เทียบกันแล้ว พี่วินกับคุณสิทธิ์นี่สูสีจนเลือกไม่ถูกเลยแฮะ”

          หนุ่มแว่นเผลอกัดปากเมื่อได้ยิน

          “แกรักคุณสิทธิ์บ้างหรือเปล่า”

          “รักสิครับ เขาเป็นคนที่ใช้ความรุนแรงได้ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเลย”

          “ไม่ใช่แบบนั้น…” หนุ่มแว่นรู้สึกเหมือนจะหน้ามืด “ฉันหมายถึง…ถ้าเขาไม่ใช้ความรุนแรงเก่ง แกจะยังรักเขาอยู่ไหม”

          “ก็ไม่ไงครับ ผมว่าผมก็บอกพี่ไปแล้วนะ” ตอบเร็วจนก้องรู้สึกแย่แทนสิทธิ์ “ถ้าไม่มีความรุนแรง เขาก็เป็นแค่คนธรรมดาที่ดีพร้อมและน่าขยะแขยงเท่านั้นเอง”

          พอเหอะ ฟังแล้วฉันอยากจะร้องไห้แล้วนะ…

          “แล้วถ้าเกิดเขารักแกขึ้นมาล่ะ แกจะทำยังไง…แบบที่ว่าเขาไม่อยากจะเป็นคู่ซาดิสม์ให้แกแม้แต่นิดเดียวเลยน่ะ” หนุ่มแว่นรีบกำชับประโยคหลัง

          เดียร์เลิกคิ้วมองคล้ายกับไม่ทันคิดถึงจุดนี้ เด็กหนุ่มนั่งนิ่ง ทำท่าครุ่นคิดอยู่นานและเป็นจริงเป็นจังจนก้องรู้สึกมีความหวังขึ้นมาหน่อยๆ

          “ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ผมคงบอกเรื่องที่ผมเป็นมาโซฯ จากนั้นก็บรรยายความชอบในการโดนมัดกับโดนเฆี่ยนให้ฟัง แล้วก็ตบท้ายด้วยความรู้สึกหลังจากโดนบังคับให้เลียรองเท้ามั้งครับ”

          คือแกกะจะให้เขาสะเทือนใจกับเรื่องเล่าของแกจนตายเลยสินะ พ่อคุณ!

          “ถ้าพูดถึงขนาดนั้นแล้ว ยังยืนยันว่าจะคบกันต่อจริง ผมก็คงจะลองคบดูมั้งครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยต่อ “ถึงผมจะไม่ใช่พวกซาดิสม์ แต่มองคนทรมานจนบ้าตายก็สนุกดีเหมือนกันนะ…ไม่เอาน่า ผมพูดเล่น ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก ก็แค่คบดู ถ้าไม่ไหวก็ไม่ไหว”

          “น้ำเสียงแกมันไม่ดูล้อเล่นเลยนี่หว่า” ก้องชักสีหน้าใส่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างท้อแท้ “อย่าทำแบบนั้นกับคุณสิทธิ์เชียว ถือว่าฉันสั่งละกัน”

          “ถ้าจะสั่ง ก็ช่วยใช้น้ำเสียงที่ฟังแล้วระรื่นหูหน่อยสิครับ”

          “แกต้องทำ! ห้ามขัด ไม่งั้นเจอตบ”

          “อา ค่อยดีหน่อย” เด็กหนุ่มยิ้มหวาน แต่คนพูดสุดแสนจะหดหู่ “จริงสิ เรื่องพูดกับคุณสิทธิ์ พี่ก้องพูดแค่เรื่องคุณแม่มาริสาก็พอนะครับ เรื่องอื่นพี่ฤทธิ์คงพูดแทนให้หมดแล้วล่ะ”

          “เออ” ก้องตอบรับเสียงขุ่น “ไว้หลังจากกลับบ้านละกัน โน่น มากันแล้ว”

          จากที่กำลังทำหน้าเจ้าเล่ห์ เปลี่ยนมาเป็นคนอมทุกข์แทบไม่ทัน

          สิทธิ์ดูจะสับสนปนสงสัยเป็นอันมาก ชายหนุ่มออกอาการลังเลอยู่พักใหญ่ กว่าจะยอมเดินมาหาเพราะโดนฤทธิ์ถองลิ้นปี่

          เดียร์บึ้งหน้าก่อนจะหันไปมองทางอื่นตามบท แต่รอบนี้สิทธิ์ไม่ได้แสดงอาการหงุดหงิดใส่อย่างที่ควรเป็น ทำเอาเด็กหนุ่มเผลอหันกลับมามอง

          “เจ็บหรือเปล่า”

          “จะเจ็บหรือไม่เจ็บมันก็เรื่องของผม”

          “ฉันถาม ก็ตอบมา”

          อย่าว่าแต่เดียร์เลย ขนาดก้องเองยังเผลอสะพรึงกับลุคใหม่ของเจ้านาย สิทธิ์จับคางของเดียร์แล้วดึงมาเพื่อดูอาการ เมื่อเห็นผ้ากอซแปะแก้มเสียหนา เขาก็กดเข้าที่บาดแผลอย่างไม่มีถนอม เล่นเอาเดียร์ถึงกับหน้าเบี้ยว

          “เจ็บก็พูด อย่ามาทำเป็นอมพะนำ” เสียงทุ้มดังขึ้นเจือความเป็นห่วง แต่สีหน้ากลับเย็นชาจนน่าแปลก “ฉันไม่อยากให้ของๆฉันพังเพราะคนอื่น เข้าใจไหม”

          โอ้แม่เจ้า โดนชกจนกระทบกระเทือนถึงสมองเลยหรือเนี่ย ไอ้คุณสิทธิ์ที่ชอบทำหน้าหมาหงอยหายไปไหนแล้ววะ!!...ตะ…แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแบบนี้จะไม่ดีนะ…แต่มันแปลกไปแล้วว้อยยย!!

          เดียร์ได้แต่ตื่นตระหนกอยู่ในใจ แต่อีกส่วนหนึ่งก็อดรู้สึกสะท้านไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยเจอรูปแบบความรุนแรงที่แทรกความเป็นห่วงแบบนี้มาก่อน เล่นเอาใจระส่ำจนหยุดไม่ได้เลยทีเดียว

          “พะ…พูดบ้าอะไรของคุณ” เด็กหนุ่มว่าตะกุกตะกัก ก่อนจะหันไปทางอื่นเพราะรู้สึกเขินจริงๆจังๆ “ผะ…ผมไม่ใช่ของๆคุณนะ”

          “เหรอ ตอนนี้อาจจะไม่ใช่ แต่อีกไม่นานหรอก” สิทธิ์เอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “ชอบฉันถึงขนาดให้คุณชาเป็นพ่อสื่อให้เลยไม่ใช่หรือไง”

          “ไม่ใช่นะ ผมพูดไปตามสถานการณ์เท่านั้นล่ะ ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย!” ซึ่งเขาก็พูดจริงแต่ ไม่รู้ทำไม ฟังแล้วเหมือนกำลังแก้ตัวน้ำขุ่นๆก็ไม่รู้

          “ทำไม จะบอกว่าจริงๆเธอเป็นแฟนกับชามาก่อนแล้วงั้นหรือไง แล้วที่พูดแบบนั้นเพราะต้องการจะปกป้องคนรักของเธออย่างนั้นล่ะสิ”

          ถ้าเป็นปกติเขาก็ต้องตอบเพื่อกันไม่ให้สิทธิ์คิดเกินเลยกับเขาอยู่แล้ว แต่เจอคุณชายเวอร์ชั่นนี้แล้วไม่รู้ทำไมมันพูดยากและแอบเสียดายอย่างบอกไม่ถูก

          “มะ…ไม่ใช่สักหน่อย เราแค่เป็นเพื่อนกัน” เดียร์ก็ยังงงๆว่าทำไมตัวเองถึงตอบแบบให้ทางเลือกอีกฝ่ายไปแบบนี้ แม้อันที่จริงเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรกับตนกันแน่ “ผมพูดเพราะแค่ไม่อยากให้พี่วินเข้าใจคุณชาผิดไปต่างหาก”

          “เหรอ ให้เป็นแบบนั้นละกัน” สิทธิ์เยาะก่อนจะยอมปล่อยคางเรียว ดวงตาเรียวเลื่อนมองจากที่สูงคล้ายกับกำลังบอกคู่สนทนาว่าตนอยู่เหนือกว่า “ฉันจะได้ทำให้เธอเป็นของฉันทั้งตัวและหัวใจแบบไม่ต้องเกรงใจใคร”

          โอเค ช่วยบอกผมทีสิครับ ว่าพี่ฤทธิ์ไปปลุกใจคุณสิทธิ์อีท่าไหน ผลมันถึงได้เป็นแบบนี้ล่ะเนี่ย!!


___________________________

ขอบคุณทุกเมนท์ก๊าบ >< ต่อไปเราจะนำพาท่านไปสู่ sm ขั้นใหม่(?)ของสิทธิ์ ฮา

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
อ๊ายย.ย.ย.ย.กำเนิดมาสเตอร์ผู้เข้มงวดและอ่อนโยนรึเปล่าคะเนี่ย  :ling1:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ลุคนี้ ชอบอ่ะ  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
วรั๊ยๆๆๆ
เข้มม เถื่อนนน เย็นชาาา :z2:

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
         
ตอนที่ 40

         
          “นายไปพูดอะไรคุณสิทธิ์วะ”

          พอกลับมาถึงบ้าน ก้องก็รีบลากฤทธิ์เข้าห้องไปคุยถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้าของเจ้านายทันที

          “ทำไม ชอบเหรอ เดี๋ยวฉันทำให้ก็ได้นะ ถ้าขอร้องดีๆ”

          หนุ่มแว่นอ้าปากค้างอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกลับมาเข้าเรื่อง “ชอบ…แต่เดี๋ยวก่อน นี่ฉันถามจริงๆนะ”

          “ก็คุณสิทธิ์บ่นอึดอัดที่เอาแต่ทำร้ายเดียร์ แล้วไม่ได้แสดงความเป็นห่วง แต่พอเป็นห่วงมากๆ เดียร์ก็ไม่เชื่อ แถมโดนด่ากลับจนคุณสิทธิ์โมโหเผลอทำร้ายอีก ฉันก็เลยเสนอให้เอาสองอย่างมารวมกันไง คุณสิทธิ์ก็สบายใจเพราะได้แสดงความเป็นห่วงได้อย่างเปิดเผย แถมยังค่อยๆปล่อยความรุนแรงใส่เดียร์ทีละน้อยๆด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองต่อเลยไง”

          ก้องนิ่วหน้าคล้ายกับไม่อยากเห็นด้วยกับวิธีนี้เท่าไหร่นัก แต่พอนึกถึงท่าทีตื่นตระหนกของเดียร์แล้ว เขาก็อดเห็นชอบไม่ได้

          ในเมื่อมันเหลือแต่ต้องรักกันอยู่ทางเดียว ก็ทำให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆก็ยังดีนี่นะ…

          “จะว่าไป…เราต้องบอกคุณวัฒน์เรื่องวันนี้ด้วยหรือเปล่า” ฤทธิ์ถามขึ้นด้วยสีหน้าหวาดหวั่น “บ้าเอ๊ย ถ้าเกิดต้องปะทะกันจริงๆ มีหวังไอ้เดชได้ใช้โอกาสนี้ จัดการคุณสิทธิ์แน่”

          ก้องสะดุ้งนิดหน่อย เพราะเขานี่แหละที่รอให้คนที่ว่ามาฮุบเหยื่อชิ้นนี้อยู่ พอนึกได้ก็ไม่รอช้า รีบโทรศัพท์ไปรายงานทันที

          “ว่าไงนะ!!!” หลังจากที่ก้องพูดไม่ทันจะจบดี คนในสายก็ตะโกนถามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “จริงหรือ”

          “จริงสิครับ” นึกแล้วเขาเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่เหมือนกัน “คุณสิทธิ์งี้ หน้าปูด…”

          ก้องยกมือถือออกมา แล้วฟังอีกครั้ง สายตัดไปแล้ว

          ซึ่งสงสัยได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขาก็เข้าใจ เมื่อได้ยินเสียงกริ่งบ้านรัวอย่างกับกำลังโดนแกล้ง และพอฤทธิ์ซึ่งเร็วกว่าตนเดินไปเปิดประตู ก็ต้องพากันค้างเพราะเจอคนที่น่ากลัวมากสำหรับทั้งสอง

          “คุณวัฒน์?” หนุ่มแว่นซึ่งตามมาเรียกอีกฝ่ายอย่างหวาดๆปนประหลาดใจ แล้วรีบดันร่างฤทธิ์ออกมาให้พ้นประตู พอมองข้ามหลังวัฒน์ไปก็เห็นเนที่เพิ่งออกจากรถมาด้วย

          “คุณสิทธิ์ล่ะ”

          เสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบดังขึ้น ก้องกับฤทธิ์ยังคงประหลาดใจ ปกติวัฒน์เป็นคนที่ลูกน้องส่วนใหญ่ให้ความเคารพเกรงขาม…หรือถ้าพูดให้ถูกคือเกรงกลัวมากกว่า เพราะหนุ่มใหญ่เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดถ้าไม่ใช่เรื่องของสิทธิ์ ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ ยกเว้นยามโมโหในเรื่องของสิทธิ์ ไม่ค่อยรับมุกเวลาคนอื่นพูดตลกหรือขำให้เห็น ยกเว้นกับสิทธิ์ และทั้งที่ทำงานกันมาเป็นสิบปี เหล่าเพื่อนร่วมงานก็ไม่เคยเข้าใจเลยว่า รองประธานควบตำแหน่งผู้ติดตามคนนี้คิดอะไรอยู่…และก็ยกเว้นสิทธิ์ที่ดูจะรู้ดีว่าวัฒน์คิดอะไรอยู่ แม้หน้าของลุงแกจะนิ่งเรียบเหมือนรูปปั้นมากแค่ไหนก็ตาม

          “ก้อง! ฤทธิ์!”

          แค่โดนเรียกชื่อเพื่อเรียกสติ เจ้าของชื่อกลับรู้สึกกลัวอย่างไร้สาเหตุ

          “ขะ…ข้างบนครับ ขอโทษครับ” หนุ่มแว่นรีบก้มหัวปะหลกๆเหมือนกลัวจะโดนอีกฝ่ายทำโทษ ทั้งที่นั่นเป็นสิ่งที่รื่นรมย์สำหรับเขาแท้ๆ แต่ขนาดฤทธิ์ซึ่งปกติไม่ค่อยจะยอมอ่อนข้อให้ใคร ก็ยังทำเหมือนเขา

          “อ้าว อาวัฒน์มาได้ยังไงเนี่ย เมื่อกี้เห็นกริ่งดังผมก็นึกว่าพวกเกรียนที่ไหนซะอีก”

          วัฒน์ทำหน้าเหวอทันทีที่เห็นใบหน้าชอกช้ำของเจ้านาย หนุ่มใหญ่รีบปรี่เข้าไปหาเพื่อดูอาการของชายหนุ่มร่างยักษ์ทันที

          “เหวอ คุณสิทธิ์ไปโดนอะไรมาล่ะนั่น ทำไมหน้าปูดบวมแบบนั้นละครับ” พอเนที่รีบตามเข้าบ้านเห็นเข้าก็ร้องเสียงดังทำหน้าอย่างกับเห็นผี ก่อนจะกลับมามองก้องกับฤทธิ์พร้อมแสดงอาการไม่พอใจ “ไหงคุณก้องกับพี่ฤทธิ์ปล่อยให้คุณสิทธิ์เป็นแบบนี้ได้เนี่ย”

          ก็ตูโดนห้ามไว้นี่หว่า…แถมยังมัวแต่อึ้งด้วย

          “อ้าว ไอ้หนู ฉันตกใจนี่หว่า” ฤทธิ์ว้ากลั่น พร้อมกับตบกะโหลกทันที เล่นเอาเด็กหนุ่มที่กำลังไม่พอใจถึงกับเอ๋อไปชั่วขณะ “นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยนะ ที่คุณสิทธิ์กับ…วินชกกันแบบนี้น่ะ”

          ดูจากสีหน้าเหมือนเห็นผีของเน ก้องก็รู้ได้ทันทีว่าวัฒน์รีบมาที่นี่มากถึงขนาดไม่ทันได้บอกอะไรเพื่อนร่วมงานแม้แต่นิดเดียว

          “อะไรนะ คุณสิทธิ์…กับคุ….เอ่อ กับวิน ทะเลาะกัน” เนระวังไม่ให้เผลอเรียกวินอย่างสุภาพต่อหน้าเจ้านาย “ไหงงั้นละครับคุณสิทธิ์

          ต้นเหตุทำหน้าอิดออดคล้ายไม่อยากจะพูดนัก ชายหนุ่มหันไปข้างหลังก็เห็นหัวของเดียร์ที่โผล่แพลมออกมาอย่างที่คาด

          “เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องที่ผมกับมันต้องทำให้ชัดเจน” สิทธิ์อ้อมเสียงอ่อย “มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่ครับ ผมสัญญา”

          คนฟังแลดูจะไม่อยากเชื่อเท่าไหร่นัก

          “จริงๆนะครับ ผมอาจจะเกลียดมันเหมือนขี้หมาติดรองเท้า แต่…อาก็รู้ว่าผมไม่ชอบใช้กำลังกับใคร ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมใช้ก่อน เพราะงั้น ผมไม่ลงมือก่อนแน่”

          “งั้นถ้าอีกฝ่ายลงมือก่อนก็อีกเรื่องใช่ไหมล่ะครับ” ได้ยินวัฒน์พูดแบบนั้น สิทธิ์ก็แบะปากเหมือนลูกที่พ่อแม่ไม่ยอมซื้อของเล่นที่อยากได้ให้ “ขอร้องเลยล่ะครับ ก่อนหน้านั้นก็ทำผมจะตายทั้งเป็นแล้ว ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องเลวร้ายเหมือนคราวก่อนอีกแล้วนะครับ”

          ก้องเหล่มองเนที่ทำหน้าเหมือนอยากจะพูดแต่พูดไม่ออก ซึ่งเขาเองก็ไม่แปลกใจนัก เพราะคราวก่อนที่โดนทำร้ายจนบาดเจ็บ เนสาหัสกว่าเยอะ…แต่ก็อย่างว่านั่นล่ะ สำหรับวัฒน์ ยังไงสิทธิ์ก็ต้องมาก่อนเสมอ

          “มันไม่เป็นแบบนั้นหรอกครับ เพราะงั้นไงถึงให้พี่ก้องกับพี่ฤทธิ์มาคุ้มกันผม ใช่ไหมล่ะครับ ผมเองก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนคนเดียวด้วย อาอย่าห่วงผมเลยครับ ผมน่ะ ห่วงอามากกว่านะครับ” สิทธิ์รีบพูดหวังให้อีกฝ่ายเลิกกังวล “…อาอย่าห่วงเลยครับ อีกไม่นานมันก็จะจบพร้อมกับข่าวดีแล้ว”

          ซึ่งก้องก็ไม่แน่ใจว่า ‘ข่าวดี’ ที่ว่านั่น จะเป็นเรื่องที่ดีจริงๆสำหรับเนกับวัฒน์หรือเปล่า…ใจจริงเขาว่ามันบ้าเกินทนด้วยซ้ำ…แต่ทำไงได้ล่ะ คุณเจ้านายแกตัดสินใจไปแล้วนี่…แถมยังไม่ใช่การตัดสินใจแบบชั่วครั้งชั่วคราว แต่เป็นครั้งเดียวเปลี่ยนวิถีชีวิตกันเลยทีเดียว

          “…ผมก็หวังให้เป็นแบบนั้น” แลดูวัฒน์จะไม่เชื่อเท่าไหร่นัก แต่พอเห็นสายตามุ่งมั่นของเจ้านาย เขาก็ได้แต่ยอมตกลง “ถ้างั้นผมกับเนกลับก่อนละกัน…พักผ่อนให้เยอะๆนะครับ แล้วก็อย่าไปทำอะไรให้กระทบกระเทือนกับแผลด้วยล่ะ เดี๋ยวมันจะหายช้า ถ้าให้ดี กินยา ไม่ก็ประคบด้วยล่ะครับ”

          “ครับ เข้าใจแล้ว” ชายหนุ่มตอนเสียงอ่อน “น่า อาอย่าเป็นห่วงผมนักเลยครับ ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ ผมว่าอารีบกลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่านะ งานเยอะไม่ใช่หรือครับ เดี๋ยวอานั่นล่ะจะล้มหมอนอนเสื่อไปเสียก่อน”

          “นะ…นั่นสิครับ งานยังค้างอยู่อีกนี่ครับ เดี๋ยวทิ้งงานนานมันจะไม่ดีไม่ใช่หรือครับ คุณเป็นคนบอกเองนี่ว่า ต้องรีบทำให้เสร็จในอาทิตย์นี้น่ะ” เนโพล่งเสียงตื่น ลนลานเสียจนคนมองพากันแปลกใจ

          วัฒน์ไม่พอใจจนแสดงออกทางสีหน้า ทำเอาฤทธิ์กับก้องรู้สึกเคืองเนไปด้วย ที่ทำให้พวกตนต้องอึดอัดโดยใช่เหตุ แต่วัฒน์ก็ไม่ได้พูดอะไร นอกเสียจากหันไปลาสิทธิ์ และเดินออกจากบ้านไปโดยมีเนตามหลังไปติดๆ

          “เฮ้อ…” สิทธิ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ท่าทีเหมือนลูกที่แอบสูบบุหรี่พ่อไว้ยังไงยังงั้น หมียักษ์หันไปจ้องลูกน้องตาเขม็งที่เป็นสาเหตุทันที “เรื่องเล็กแท้ๆ ไหงพี่ต้องบอกอาวัฒน์ด้วยเนี่ย”

          “พวกผมมีหน้าที่ต้องรายงานคุณวัฒน์ด้วยนี่ครับ ขืนหมกเม็ดเดี๋ยวพวกผมโดนหมกศพพอดี” ก้องอ้างเรื่องงานและความหวาดกลัวที่มีต่อวัฒน์ ซึ่งแน่นอนว่าสิทธิ์ถึงกับหัวเราะพรืดเมื่อได้ยิน

          “บ้าสิพี่ อาวัฒน์เขาไม่ได้โหดเหี้ยมขนาดที่จะฆ่าพวกพี่เพียงเพราะไม่ยอมรายงานเหตุการณ์ทุกอย่างหรอก” คำพูดของสิทธิ์ไม่ได้ช่วยให้คนฟังรู้สึกใจชื้นแม้แต่น้อย แน่ล่ะ คนโดนไม่ใช่สิทธิ์นี่ แม้ที่ผ่านมาจะไม่เคยมีใครโดนถึงกับตาย และวัฒน์ไม่เคยใช้กำลังลงโทษเลยก็เถอะ แต่มันก็เหมือนกับตายทั้งเป็นนั่นล่ะ “…แต่เรื่องข่าวดี พี่อย่าบอกเชียว ถ้าอาวัฒน์แกถาม บอกไปว่า เดี๋ยวก็รู้ ผมอยากทำเซอร์ไพรส์”

          ไหนว่าเป็นห่วงสุขภาพคุณวัฒน์แกยังไงล่ะครับ ทำแบบนี้นี่ ผมว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพหัวใจคนชรามากเลยนะ…

          “หมดเรื่องแล้ว งั้นผมกลับขึ้นห้องนะ” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะปรายตามองไปทางบันไดที่อยู่ไม่ห่าง พร้อมกับยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “พอดีว่าอยากจะรีบไปนอนกอดตุ๊กตาตัวใหม่ เอาให้ชินมือไว้ก่อน เพราะจากนี้คงได้กอดนอนไปอีกนาน”

          …ผมไม่แน่ใจว่าผมควรจะขนลุกกับคาแรคเตอร์ใหม่ของคุณ หรือผมควรจะรู้สึกดีใจเพราะอย่างน้อยนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ช่วยเปลี่ยนใจดำมืดของไอ้เดียร์ให้มารักคุณได้ มากกว่ากันก็ไม่รู้…

 

          เดียร์สะดุ้งนิดเดียวเมื่อเห็นหัวสิทธิ์โผล่มาจากบันได เด็กหนุ่มรีบเข้าห้องตัวเองตามระเบียบ และล็อกประตูตามประสาคนที่ควรจะกลัวสิทธิ์ และแน่นอนว่ารายนั้นเอากุญแจมาไขอย่างรู้ทัน

          “ขะ…เข้ามาทำไม” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงสั่น…ซึ่งเขารู้สึกหวาดจริงๆ เพราะท่าทีของสิทธิ์มันแปลกจนเขาไม่แน่ใจว่าควรจะรับมืออย่างไรดี

          “ทำไมฉันจะเข้ามาไม่ได้ล่ะ” สิทธิ์ยียวนพลางปิดประตู ร่างสูงสืบเท้าก้าวเข้าหาอีกฝ่ายอย่างเนิบนาบ แต่แรงคุกคามรุนแรงและชวนให้รู้สึกจั๊กจี้อย่างบอกไม่ถูก “ฉันอยากจะมาหาตุ๊กตาของฉันนี่”

          อะไร้~~ ปกติผมเจอแต่เปรียบเป็นหนอน แมลง ขยะ เครื่องระบายอารมณ์ หรืออย่างน้อยเรียกของเล่นแก้ขัดก็ยังพอได้นะ เจอแบบนี้ผมไปไม่ถูกนะ!! คือนี่ด่าหรือชม ผมไม่เข้าใจ

          “อ๊ะ” เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อโดนโอบเอว และยังไม่ทันจะได้ขืนหนี ก็โดนยกเสียจนตัวลอย “เดี๋ยวสิ ปล่อยนะ”

          เขาพยายามเมินเรื่องประหลาดแล้วโวยวายอย่างตื่นเต้น เพราะคิดว่าคงจะโดนแน่แล้ว สิทธิ์รัดอีกฝ่ายแน่น จนเดียร์ร้องออกมา แต่พออีกฝ่ายหยุดดิ้นเขาก็คลายแรง และแน่นอนว่าคนตรงหน้าก็ดิ้นอีกครั้ง เขาก็ทำซ้ำไปมา จนเด็กหนุ่มหมดแรงจะขืน

          ดวงตากลมจ้องมองอีกฝ่ายอย่างกังขา แต่ไม่นานก็ต้องหลบตาหนี เพราะดวงตาที่เพ่งกลับมานั้นเอ่อล้นไปด้วยความรักเสียจนน่าขนลุก แต่ขัดกับการกระทำนี้เสียเหลือเกิน

          ที่สำคัญคือ เขาไม่กล้าจ้องนาน ไม่รู้ทำไม…

          สิทธิ์อุ้มเดียร์โยนลงเตียง ก่อนจะขึ้นตามไป ร่างบางพยายามกระถดหนี แต่หมียักษ์ไม่ยอมให้กวางน้อยหนีได้โดยง่าย มือหนาตะปบเอวเล็กดึงเข้ามากอดแน่น จากนั้นก็ดมดอมหอมไปหลายฟอดจนหายอยาก

          “ปล่อยนะ” เสียงหวานดังลอดออกมาจากอกของสิทธิ์ มือเล็กพยายามดันอีกฝ่ายออกตามประสา แต่ก็พยายามเก็บเกี่ยวความทรมานจากการหายใจลำบากให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

          กว่าที่สิทธิ์จะยอมปล่อย ก็ตอนที่เสียงลมหายใจของเดียร์หอบถี่ ดวงหน้าขาวแดงระเรื่อด้วยความเหนื่อยที่ต้องต่อสู้กับตน

          “ทำไมถึงชอบทำอะไรไร้ประโยชน์จังเลยนะ” เสียงทุ้มกระซิบถามข้างหู ชวนให้เดียร์สยองขวัญอย่างบอกไม่ถูก “แต่ก็น่ารักดี ฉันชอบ”

          ใช่ว่าเด็กหนุ่มจะไม่เคยโดนชมแบบนี้ เรียกได้ว่าแทบจะทุกคนที่เข้ามาทั้งจีบและไม่จีบ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะรู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำแบบนี้ เล่นเอามึนหัวจนนึกอะไรไม่ค่อยจะออกเลยทีเดียว

          สิทธิ์จับหน้าเดียร์ให้เงยขึ้นมา ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เซน เสียงลมหายใจดังแผ่วเป็นจังหวะ ชายหนุ่มยังคงเลื่อนเข้าหาทีละน้อยๆ ริมฝีปากของทั้งสองใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นของกันและกัน

          หรือนี่จะ…

          “เลิกดิ้นได้แล้ว ฉันจะนอน” เสียงทุ้มโน้มเข้าหากระซิบข้างหู ไม่ได้จูบแต่อย่างใด “อะไร ทำหน้าแบบนั้น อยากให้จูบหรือ”

          ค้างนิ่งไปนานกว่าจะได้สติ

          “หา ใครจะอยากจูบกับคุณกัน” พูดจบก็เผลอเอามือปิดปาก เพราะอาการเมื่อครู่ไม่ใช่การแสดงแบบที่ว่าปฏิเสธกลบเกลื่อนแต่เพราะเขาปฏิเสธเพื่อกลบเกลื่อนจริงๆ

          เห…เดี๋ยวสิ นี่เราอยากจูบกับเขาหรือ…

          พอเหลือบมองอีกฝ่ายก็ต้องรีบหลุบตาลง ใบหน้าของสิทธิ์ยังคงเจือยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ทำให้เดียร์ได้แต่คาใจ ถ้าเป็นยิ้มจอมปลอมแต่เปลือก เขาก็รู้ แต่ไอ้นี่ มันค่อนข้างจะต่างออกไปนิดหน่อย

          มันเหมือนจะเป็นยิ้มแบบดูถูกเหยียดหยาม แต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความยินดีและเอ็นดูกับสิ่งทีเห็นจนล้นทะลัก ซึ่งเขาไม่เข้าใจสักนิดว่าตกลงมันเป็นรอยยิ้มจากอารมณ์ไหนกันแน่ เพราะแม้จะยินดีกับการเหยียดหยาม แต่ความละมุนที่แทรกผ่านสายตาก็ทำเอาเขาพะอืดพะอมร่วมด้วย ช่างเป็นนวัตกรรมใหม่ของการทรมานสำหรับเดียร์เสียจริงๆ

          เหมือนจะมีความสุข แต่ปวดหัวใจร่วมด้วยยังไงชอบกล

          “ฉันจะนอนแล้ว” เมื่อได้มองจนพอใจ สิทธิ์ก็เอ่ยเสียงหวานแล้วดึงร่างบางเข้ามากอดแน่นแบบไม่ค่อยจะถนอมอย่างน้ำเสียงเท่าไหร่ “ฉันไม่ให้เธอหนีไปหรอกนะ”

          เด็กหนุ่มกัดปาก เขามีความสุขกับการโดนรัดจนอึดอัดอยู่หรอก แต่น้ำเสียงหวานๆนั่นก็ทำเอาเขาเหมือนจะอ้วกด้วย และที่ไม่เข้าใจกว่าก็คือหัวใจที่เอาแต่เต้นแรงไม่หยุดนี่ล่ะ

          มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย?

          เดียร์นอนมองเพดานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความงุนงงบนเตียงในห้องของตัวเองอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังคนที่นอนอยู่ทางด้านขวาของตน ซึ่งตอนนี้กำลังหลับไม่รู้เรื่องไปเสียแล้ว และไม่เหลือเค้าความโหดแบบประหลาดเอาไว้เลยสักนิด

          อ้อมกอดหนาคลายลงแล้ว เด็กหนุ่มจึงเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น แม้จะทำได้แค่เพียงดิ้นขลุกอยู่ในวงกอดก็ตาม นิ้วเรียวจิ้มแก้มหมียักษ์ ท่าทางจะหลับลึกจนไม่รู้สึกตัวแม้แต่นิดเดียว เด็กหนุ่มจึงขยับตัวเพื่อมองใบหน้าของอีกฝ่ายให้ชัดๆ ซึ่งก็ไม่ช่วยเท่าไหร่นัก เพราะในตอนนี้ห้องปิดไฟ มีเพียงแสงจากเสาไฟที่ลอดมาทางหน้าต่างที่พอช่วยให้เดียร์มองเห็นใบหน้ายามหลับของสิทธิ์ได้

          แล้วถ้าเกิดเขารักแกขึ้นมาล่ะ แกจะทำยังไง

          คำพูดของก้องที่แล่นผ่านหัวทำเอาเด็กหนุ่มว้าวุ่น ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลยแท้ๆ ไหงตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนมีอะไรยุ่งๆตีกันในหัวนะ

          แกรักคุณสิทธิ์บ้างหรือเปล่า

          ถ้าเป็นเรื่องความรุนแรง ก็ใช่อยู่หรอก...




ตอนนี้คนตรวจกับคนจัดไม่อยู่ อาจจะมีคำผิดคำซ้ำบ้าง เพราะตรวจคนเดียวงับ ถ้าพบเห็นแจ้งได้เน้อ

แก้แบ้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-11-2014 01:45:00 โดย musddmp »

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
มาดใหม่ทำเอาใจเต้นตึกตักเลยสิท่า :haun5:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
รีบๆหลงรักเร็วๆเข้าสิหนู ลุ้นจนตัวโก่งแล้วเนี่ย  :z1:

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
เป็นเรื่อง sm ที่ฮาที่สุดที่เคยอ่านมาเลย ให้ตาย...... ตลกตรงคุณสิทธิ์ให้ลูกน้องอ่านปาก โคตรฮา นั่งขำกริ๊กกกกกกคนเดียวเเบบคุณสิทธิ์แกดูสับสนกะชีวิตจริง หนูเดียร์ก็ m ได้โหดร้ายมากมาย ขำสุดๆ มาเม้นตามตอนไม่ค่อยทันเลยค่ะ เพราะเปิดดูไม่บ่อย ให้กำลังใจเล็ก อยากบอกว่าถึงคนเม้นจะน้อยแต่คนตามอ่านเยอะนะค้าาาาาาา.


ป.ล. ชอบคุณชาจัง งอนเลยลูก งอนมันซะ เอาให้ต้องตามตื๊อไปเลย อยากเห็นคุณวินตามตื๊อชาจัง ฮี่ๆ

ออฟไลน์ pearl9845

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
รีบมาต่อนะค่ะ   ชอบมากเลยค่ะ :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
         
ตอนที่ 41
         
          “ศิวะ ทำอะไรน่ะ”

          เจ้าของชื่อรีบเก็บมือถือลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงสูงของเจ้านาย มาริสายืนบึ้งหน้ามองเลขาฯที่มัวแต่จดๆจ้องๆอยู่กับมือถือของตัวเองตั้งแต่เมื่อครู่นี้

          “…พอดีที่บ้านส่งข้อความมาน่ะครับ ต้องขอโทษด้วย”

          “ช่างเถอะ อย่าดูตอนเวลางานก็พอ” หญิงวัยกลางคนโบกมือให้ ก่อนจะเดินนำออกจากตึกหมายจะหาอะไรทานยามเที่ยง แต่ยังไม่ทันเดินพ้นธรณีประตูของบริษัท เสียงเรียกเข้าของไอโฟนก็ดังขึ้นเสียก่อน และเธอก็ต้องแปลกใจยิ่งกว่ากับชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ

          “สวัสดีครับคุณอามาริสา ว่างคุยหรือเปล่าครับ”

          “…ก็พอว่างอยู่ มีอะไรล่ะ” หญิงวัยกลางคนตอบอย่างไม่แน่ใจนัก

          “เย็นนี้ว่างหรือเปล่าครับ ผมมีเรื่องน่ายินดีจะคุยด้วย…ถ้าให้ดี พา…ลูกชายอามาด้วยจะกรุณามากเลยล่ะครับ รับรองว่า เรื่องที่ผมจะไปพูดด้วย คุณอาจะต้องดีใจและยินดีมากแน่ๆ”

          “เรื่องอะไรล่ะ พูดให้เป็นความลับเหลือเกินนะ” เธอหัวเราะในลำคอ “เอาเถอะ ถ้าถึงกับโทรมานัดเจอกัน แถมยังให้เรียกเจ้าลูกชายบ้านั่นมาด้วย คงเป็นเรื่องสำคัญมากเลยล่ะสิ”

          “รับรองว่าเป็นเรื่องดีที่สุดเท่าที่คุณอาจะได้ฟังเลยครับ”

 

          วินสะดุ้งนิดหน่อยเมื่ออยู่ๆคนที่เดินเข้าห้องมาไม่ใช่เลขาฯอย่างที่ตนเข้าใจ แต่เป็นพระมารดาที่ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ผิดกับวันก่อนๆที่ทำหน้ายักษ์ใส่เขาทุกที เพราะคาดโทษเรื่องที่เขาไปหาเดียร์ และยังคงจับตามองว่าเขาจะแอบดอดไปหาน้องชายหรือเปล่า

          “…มีอะไรหรือครับ” หนุ่มแว่นถามพลางเลื่อนตัวออกห่างอีกฝ่ายเพราะกลัวจะโดนระเบิดเสียงใส่ กลัวเหลือเกินว่าแม่จะรู้เรื่องที่เขาไปอาละวาดใส่สิทธิ์เมื่อสองวันก่อน

          “เดี๋ยวจากนี้ยกเลิกนัดทั้งหมดแล้วไปกับแม่ที” น้ำเสียงใสอารมณ์ดีจนคนฟังรู้สึกใจชื้น “เอ้า มัวนั่งบื้ออะไรอยู่ล่ะ ตามมาสิ”

          เนื่องจากยังจับต้นชนปลายไม่ถูก เลยได้แต่นั่งงงกับพฤติกรรมของอีกฝ่าย จนมาริสาเดินมาดึงหูเรียกสติ
         
          “…มีอะไรหรือครับ” หลังจากรีบฝากงานให้เลขาแล้ววิ่งตามแม่ไปติดๆ วินก็ถามด้วยความสงสัยปนระแวง

          “เดี๋ยวถึงบ้านไปก็รู้”

          ยิ่งทำน้ำเสียงระรื่นแบบนั้น เขายิ่งกังวลเข้าไปใหญ่

          และก็เป็นอย่างที่กลัวไว้จริงๆด้วย!

          วินก็แทบจะกัดลิ้นจนเกือบขาดเมื่อเห็นรถอันแสนจะคุ้นตาที่จอดอยู่ในโรงจอดรถข้างบ้าน แต่ชายหนุ่มก็ทำอะไรได้ไม่มากไปกว่าอดทน เพราะโดนเล็บสวยของคุณแม่จิกแขนเตือนสติอยู่เนืองๆ

          “แหม สวัสดีนะครับคุณอามาริสา ยังสวยไม่สร่างเลย” เสียงทุ้มเอ่ยทักอย่างร่าเริงเมื่อเห็นเจ้าบ้านเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับลูกชายที่ทำหน้าบูดเป็นตูดเป็ด และยิ่งเบี้ยวกว่าเดิมเมื่อเห็นใบหน้ายิ้มกริ่มของสิทธิ์ที่นั่งสบายใจเฉิบอยู่บนเก้าอี้ไม้ในบ้านตน โดยมีก้องกับฤทธิ์ยืนประดับอยู่ด้านหลัง เท่านั้นยังไม่พอ ที่ทำให้วินแทบจะคลั่ง คือการที่สิทธิ์เอาเดียร์นั่งอยู่บนตักของตนแบบไม่อายใครนี่ล่ะ

          ถ้าฆ่าคนด้วยสายตาได้ วินคงทำไปแล้ว

          “ปากหวานจริงนะเรา” เธอรับไหว้ก่อนจะมานั่งยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม สายตาก็พิศมองไปยังร่างบางที่สุดแสนจะเกลียดที่นับวันโตมาหน้าตายิ่งเหมือนเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของตนเข้าทุกวัน แต่โทสะก็ทุเลาลงเมื่อเห็นใบหน้าหวานนั้นไม่ได้ดูมีความสุขเท่าใดนัก อีกทั้งยังมีบาดแผลที่ชอกช้ำบนแก้มที่ชวนให้รู้สึกสะใจเข้าไปอีก ทำเอามาริสาถึงกับยิ้มออก “แล้วมีอะไรล่ะ ได้ยินว่า…อยู่ด้วยกันนี่ ท่าทางจะรักกันดีนะ”

          ใจจริงเธอก็แอบแปลกใจอยู่หน่อยๆเพราะเข้าใจว่าสองคนนี้รักกันจริงๆ แต่ดูอาการของเดียร์แล้ว ท่าทางเธอจะคิดผิด

          “ครับ รักม้ากมากเลยล่ะ” ไม่ว่าเปล่ามีดึงเอวร่างบนตักเข้ามาโอบอย่างไม่แคร์สื่อ ทำเอาเดียร์ถึงกับหน้าเสียและพยายามขืนออก แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถสู้แรงของอีกฝ่ายได้ สร้างความพอใจให้มาริสาเป็นอย่างยิ่ง แต่ทำเอาเส้นเลือดในสมองของวินจะแตกอยู่รอมร่อ “เพราะงั้น ผมเลยอยากจะทำให้มันชัดเจน และถูกต้องน่ะครับ”

          ก้องพยายามเม้มปากไม่ให้หลุดหัวเราะออกมา ส่วนหนึ่งเพราะขำคำพูดของเจ้านาย อีกส่วนก็เพราะทั้งวินและเดียร์ต่างถลึงตามองสิทธิ์พร้อมกัน ถึงเขาจะรู้ว่าคนหลังมันแสร้งทำก็เถอะ

          “แกหมายความว่ายังไงวะ นี่แกเพี้ยนไปแล้วเรอะ ชัดเจนถูกต้องพ่อแกสิ นั่นน้องชายฉันนะ!!” วินเอ่ยอย่างเหลืออด ไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะกล้าถึงขั้นนี้ “จะบ้าก็ให้มันน้อยๆหน่อย…อ๊ากกก”

          “แหม อย่างงั้นหรือจ๊ะ” มาริสาตอบกลับโดยไม่แยแสลูกชายที่ร้องโอดโอยเพราะโดนเล็บของเธอจิกเข้าที่ต้นแขนด้านในแบบไม่กลัวว่าเสื้อสูทของวินจะเป็นรู “ทีแรกได้ยินว่าสิทธิ์กับหนูเดียร์คบกันอยู่นะ อาก็ห่วงๆว่าจะไปด้วยกันได้ดีหรือเปล่า แต่เห็นแบบนี้ก็วางใจล่ะนะ”

          ก่อนที่พระคุณแม่จะพูดเรื่องความราบรื่นในการคบ น่าจะสะกิดใจหรือถามเรื่องที่มันชอบผู้ชายด้วยกันก่อนมากกว่านะ!!! แล้วไอ้สภาพแบบนี้ มันควรจะใช้คำว่าวางใจเรอะ!!! อ๊ากกก

          วินได้แต่นั่งถลึงตามองภาพตรงหน้าด้วยความอดทน…หรือต่อให้เขาไม่อยากอดทน เล็บที่ทิ่มแขนของตนก็คอยเตือนไม่ให้เขาโวยวายตามใจได้

          “ถ้าเราสองคนรักกัน อาก็ไม่ขัดหรอก ทำตามใจชอบเถอะ” มาริสาว่าพร้อมบีบแขนวินแน่นกว่าเดิม ทำเอาหนุ่มแว่นเริ่มหน้าเบี้ยวเพราะทนเจ็บไม่ไหว “ถ้าลำบากอะไรบอกอาได้เลยนะ แล้วแต่งเมื่อไหร่อย่าลืมเชิญอาไปด้วยนะจ๊ะ”

          หนุ่มแว่นได้แต่อ้าปากพะงาบๆเหมือนปลากำลังจะขาดอากาศตาย ใช่ว่าเขาจะกลัวดัชนีของมารดาจนไม่กล้าหือ เพียงแต่เพราะสภาพของเดียร์ต่างหากที่ทำให้เขาพูดไม่ออก มาริสาอาจจะเข้าใจว่าที่เดียร์แก้มบวมหน้าหมองเป็นเพราะสิทธิ์ แต่ต้นเหตุน่ะ รู้ดีที่สุดว่าที่น้องชายมีสภาพแบบนั้นเพราะใคร

          ที่เดียร์ทำหน้าเหมือนไม่กล้าสบตา ไม่ใช่เพราะสิทธิ์ แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายเห็นหน้าเขาต่างหาก แถมความทรงจำเมื่อวันก่อนที่โดนเดียร์ตอกหน้าเสียยุบยังคงตราตรึงอยู่ในหัวจิต จึงทำให้วินได้แต่นั่งเงียบด้วยความกลัว

          ถ้าเขาโวยวายขึ้นมาอีก อาจจะได้ยินคำว่าเกลียดจากเดียร์ก็ได้…

          “แหม ขอบคุณคุณอามากเลยนะครับ ที่สนับสนุน” สิทธิ์เอ่ยอย่างมีความสุขแบบออกนอกหน้า “จากนี้ไปเราจะได้เกี่ยวดองกันอย่างเป็นทางการแล้ว ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับคุณแม่”

          แม่…พ่อแกสิ!! ถามฉันสักคำไหมว่าอยากนับญาติกับแกน่ะหา ไอ้หัวหนาม!!!...ก็ได้แต่ด่าอยู่ในใจไม่กล้าเอ่ยออกมาเพราะดวงตาของคุณน้องชายที่ปรายมาทางตนดูมีพลังอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งยังสร้างความเสียหายแก่จิตใจมากจนวินรู้สึกเหมือนหมดแรงจะหายใจเข้าไปทุกที

          “ถ้ามีธุระแค่นี้ผมขอตัวก่อนละกัน พอดียังเหลืองานค้างอยู่เยอะ” วินเอ่ยเสียงเบาก่อนจะแกะมือคุณแม่ออกจากแขน ความเจ็บจากการโดนเล็บเจาะนั้นเทียบไม่ได้กับความเจ็บในใจแม้แต่นิดเดียว

          มาริสาแอบลังเล แต่พอปล่อยมือ ลูกชายก็ไม่ได้แสดงอาการก้าวร้าวหรือโดดไปตะปบสิทธิ์แต่อย่างใด เธอจึงไม่ได้พูดอะไรนอกจากยอมให้อีกฝ่ายไปแต่โดยดี

          “อาขอแสดงความยินดีกับเราทั้งคู่ด้วยนะจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนยิ้มกว้างไม่ต่างจากคู่สนทนา ไม่คิดว่าจะมีวันที่เห็นเดียร์ตกนรกอย่างที่หวังแบบนี้ ถ้ารู้ว่าเป็นเช่นนี้แล้วล่ะก็ เธอไม่เสียเวลาจ้างคนไประรานสิทธิ์กับเดียร์ให้เสียเวลาหรอก

          “ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับคุณอา ถ้าอย่างนั้น พวกผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างเก้ๆกังๆเพราะมีคนนั่งตัก ก่อนจะลุกโดยอุ้มเดียร์ขึ้นมาด้วย ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้อุ้มท่าในฝันของคู่รักแต่อย่างใด แต่แบกเดียร์ขึ้นบ่าอย่างกับแบกเสื่อ แล้วเดินอาดๆออกไปพร้อมกับลูกน้องทั้งสอง สร้างความสงสัยปนขำให้กับคนใช้ในบ้านเป็นอันมาก

          “…หึ…หึๆ…” หลังจากแขกออกไปแล้ว เสียงหัวเราะของเจ้าบ้านก็ดังแผ่วขึ้นมา ไม่มีเรื่องดีเข้ามาในชีวิตจนทำให้เธอเผลอหัวเราะออกมาได้เช่นนี้มานานแล้ว “ศิวะ”

          “ครับ” เจ้าของชื่อ ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของมาริสาตอบรับเสียงนิ่ง “ผมจะสั่งให้คนคอยตามดูคุณวินช่วงนี้ครับ”

          “ดี” เธอลุกขึ้นออกจากห้องนั่งเล่น เดินขึ้นไปชั้นสองหมายจะไปพักผ่อน ริมฝีปากสีแสดเหยียดกว้างด้วยความสะใจ “อย่าให้คลาดสายตาเชียว”

          “ครับ” ศิวะตอบรับ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเมื่อมาริสาหายเข้าห้องไปแล้ว

          “เดี๋ยวสิ นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย คุณสิทธิ์…กับคุณเดียร์เนี่ยนะ…แล้วคุณวินแกยอมได้ไงเนี่ย…ว่าแต่เราลืมอะไรไปหรือเปล่านะ” คนใช้ที่ได้ร่วมฟังเรื่องที่เหมือนจะน่ายินดีเอ่ยถามเพื่อนร่วมงานด้วยความสงสัย

          “…ลืมอะไร ก็มีแต่เรื่องที่คุณวินไม่อาละวาดแล้วปล่อยให้คุณสิทธิ์กับคุณเดียร์ยอมคบกันน่ะสิ” คนใช้สาวอีกคนแหวว ลืมเรื่องที่เดียร์เป็นผู้ชายไปเสียสนิท “แปลกไปแล้วนะ ปกติคุณวินแกถีบผู้ชายทุกคนที่เดินข้างคุณเดียร์เลยนี่นา แล้วนี่ยิ่งเป็นคุณสิทธิ์ด้วย”

          “นั่นสิ ฉันว่า แค่บ้านแตกยังน้อยไปด้วยซ้ำ นี่อะไร เงียบกริบ แถมยังไม่ค้านอะไรสักคำ” เสียงหวานเต็มไปด้วยความสงสัย “คุณศิวะรู้เรื่องอะไรหรือเปล่าคะ….คุณศิวะคะ”

          เจ้าของชื่อเพียงแต่มองอีกฝ่ายด้วยหางตาก่อนจะกลับไปสนใจหน้าจอมือถือของตนเหมือนเดิม “ผมไม่รู้หรอกครับ…บางทีคุณวินเขาอาจจะโมโหจนสติแตกไปแล้วก็ได้…เพราะอย่างนั้นคุณมาริสาถึงได้ใช้ให้ผมหาคนไปตามดูเขายังไงล่ะครับ”

          “เออเนอะ นั่นสินะ คุณวินเวลาโกรธ เขาชอบเงียบมากกว่านี่ ปกติอยู่กับคุณชาแล้วโวยวายตลอด เลยลืมไปเลย” หญิงสาวว่าก่อนจะทำหน้าหมองลง “คุณมาริสากับคุณวินคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ถึงได้ไล่คุณชาให้ไปทำงานไกลๆแบบนั้น บ้านเราดูเหงาไปเลย แถมคุณวินแกยิ่งดูอารมณ์เสียกว่าเดิมด้วย”

          “แกห่วงคุณชาเพราะกลัวคุณวิน หรือแกคิดถึงคุณชากันแน่ยะ” คู่สนทนาเอ่ยจิกอย่างหมั่นไส้ “แต่ก็จริงของแกล่ะนะ คุณชาไม่อยู่แล้วบ้านนี้เครียดเอาเรื่องเลย ถ้ากลับมาได้ก็ดีสิ”

          “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

          เหล่าคนใช้ต่างหันไปมองเลขาหนุ่มที่เพิ่งกดมือถือเสร็จ ใบหน้านิ่งเผยยิ้มบางให้ทั้งสอง ก่อนจะเอ่ยคำที่ทำให้รู้สึกดีใจปนสงสัย

          “เดี๋ยวอีกไม่นานเขาก็กลับมาครับ”

 

          ชาชะงักเล็กน้อยเมื่อโทรศัพท์ดังขึ้นในระหว่างที่กำลังนั่งเขี่ยข้าวอยู่ในร้านอาหารข้างทางอย่างเบื่อหน่าย เขามองข้อความที่เข้ามาก็ต้องหน้าบูดเมื่อเห็นชื่อผู้ส่ง

          [ข้อความเข้า]

          [บายดีมะ ว่างทอมะ]

          [จาก:มีมี่ ส่งเมื่อ:วันนี้ เวลา:18.35น.]

          สบายดีบ้านพ่อแก่สิ!

          หนุ่มหน้านิ่งได้แต่ด่าอยู่ในใจก่อนจะกดเบอร์แล้วโทรออก

          “หวัดดีคร้าบคุณชา” เสียงหวานดังอย่างร่าเริงในสาย “เป็นไงบ้าง ไม่อยู่กับพี่วิน เหงาหรือเปล่า”

          อดทนไว้…อดทนไว้…

          “แล้วเรื่องที่ผมขอไป ถึงไหนแล้วครับ”

          “ผมเพิ่งมานี่ได้แค่ไม่กี่วัน จะให้ทำเสร็จได้ยังไงล่ะ นี่เพิ่งจะตรวจไปสองโกดังเอง” ชาพยายามข่มอารมณ์ส่วนตัวลง แต่ก็เก็บไม่อยู่จนเล็ดลอดออกมาทางสีหน้า ทำเอาสาวที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆที่แอบมองชายหนุ่มอย่างเคลิบเคลิ้มถึงกับหน้าซีดแล้วหันกลับไปกินข้าวต่อทันที “แต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติเลยนะ…นี่คุณคิดว่าไอ้หมานินจะวางแผนอ่อนหัดแบบนั้นหรือครับ ผมว่ามันไม่เห็นจะเข้าท่าเลย”

          “มันไม่เข้าท่าหรอกครับ เว้นเสียแต่ว่าพี่วินแกจะหน้ามืดจนหมดหนทางแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็กำลังเป็นแบบนั้นจริงๆนั่นล่ะ อิๆ” เสียงหัวเราะช่วงท้ายนั้นช่างกระตุ้นต่อมซาดิสม์ของชาได้ดีแท้ “เพราะตอนนี้คุณสิทธิ์เขาประกาศตัวอย่างเป็นทางการเรื่องผมกับเขาแล้วล่ะครับ”

          “หา” เสียงทุ้มดังลั่นร้าน ทำเอาคนรอบข้างพากันสะดุ้งเป็นแถบๆ “เดี๋ยวนะ…แล้วคุณวินเขายอมหรือ”

          “ไม่ยอมก็ต้องยอมล่ะครับ คุณแม่มาริสาแกเล่นจิกซะขนาดนั้น…อ๊า…น่าอิจฉาจัง เล็บคุณแม่แกยาวคมน่าหลงใหลเป็นบ้า” เดียร์อดร้องอย่างเสียดายไม่ได้ “เพราะฉะนั้น ยังไงก็เป็นไปตามแผนแน่นอนครับ ที่เหลือก็ต้องให้คุณช่วยตรวจสอบแล้วล่ะ”

          “ครับๆ” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างอ่อนใจ “แค่นี้ใช่ไหมครับ”

          “ครับ…อ้อ อีกเรื่องครับ” เด็กหนุ่มรีบพูดก่อนที่ชาจะวางสาย “เรื่องงาน ผมคิดว่าคุณน่าจะหาใครสักคนมาช่วยก็ดีนะครับ เผื่อไม่ทันการ ใครที่กำลังว่างๆและเชื่อใจได้น่ะครับ”

          “เออ รู้แล้ว”

          “อีกเรื่องครับ” ชาเริ่มเม้มปากเน้น รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายจงใจแกล้งเขา “วันนั้นหลังจากที่คุณชาไป ผมโดนพี่วินชกด้วยล่ะ ฟิ้น ฟิน~~”

          ไอ้คุณเดียร์!!! กลับไปเมื่อไหร่ ฉันเอาแกคืนทั้งต้นทั้งดอกแน่!!!

 

          ชานิ่วหน้ามองคนที่ยืนสั่นอยู่หน้าอพาร์ตเมนต์ใหม่ของตนในยามวิกาล แอบรู้สึกผิดหน่อยๆที่เผลอลืมอีกฝ่ายไปเสียสนิท และก็รู้สึกสยองขวัญชอบกล ถ้าไม่เพราะเดียร์พูดเป็นนัยเอาไว้เมื่อครู่นี้ เขาอาจจะคิดว่านี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ…ไม่ได้มาจากแผนของใครบางคน

          “คุณชา เกิดอะไรขึ้นหรือครับ ผมงงไปหมดแล้ว ทำไมคุณวินไปเจอคุณชากำลังคุยอยู่กับไอ้เดียร์…แล้วทำไมคุณชาโดนย้ายมาทำงานที่นี่ แล้วไอ้นินทร์ไปกับคุณวินได้ยังไง แล้วคนคุ้มกันคนอื่นๆไปไหน แล้วคุณสิทธิ์กับคุณวินชกกันแบบนี้ไม่แย่หรือครั…”

          “หยุด” คำเดียวสะกดปากที่ระรัวคำถามได้ชะงัก หรือไม่รู้เพราะดรเห็นชากำหมัดอยู่กันแน่ “เดี๋ยวฉันตอบแกแน่ แต่แกตอบฉันมาก่อนว่าแกเจอพิรุธอะไรไอ้นินบ้างหรือเปล่า”

          หนุ่มผิวเข้มออกอาการอีหลักอีเหลื่ออยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะพูดขึ้น “ถ้ากับเดียร์…ก็มีแค่เรื่องที่ผมไม่ได้บอกคุณว่าที่จริง…มีคนของนินที่ตามถ่ายรูปตอนคุณกับคุณวินไปหาเดียร์ที่ร้านน่ะครับ…”

          “เออ เรื่องนั้นเดี๋ยวฉันคาดโทษแกไว้ก่อน มีเรื่องอื่นอีกไหม…ถ้าดีอาจจะยกโทษให้” ชารีบพูดเมื่อเห็นดรเริ่มสั่นอีกครั้ง

          สีหน้าของดรดูจะไม่สู้ดีนัก “ก็เรื่องที่ลูกน้องของหมอนั่นแอบไปซื้อซีโฟร์มาละมั้งครับ…ตะ…แต่เอาไปทำอะไรหรือที่ไหนผมก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าเอาไปเยอะเหมือนกัน ทำอย่างกับจะไปทำลายล้างอะไรสักอย่าง”

          ชามุ่นคิ้ว แล้วหยิบมือถือขึ้นมาดูข้อความที่เดียร์เขียนไว้ให้เขาครั้งก่อน

          เอาจริงดิ?

          “งั้นหรือ ขอบใจนายมาก” หนุ่มหน้านิ่งบอกเสียงเครียด “ถ้างั้นขึ้นห้องก่อนละกัน อยากรู้อะไร ฉันจะตอบเท่าที่ตอบได้”

          “อ้อ มีอีกเรื่องครับ” ดรพูดเสียงตื่น ทำท่าเหมือนเพิ่งนึกเรื่องสำคัญมากออก “มันอาจจะแปลกๆหน่อยนะครับ แต่คุณชาจำเรื่องที่บ่อนเราโดนตำรวจเข้ามาจับได้หรือเปล่าครับ”

          ชาเพียงแต่เงียบด้วยความสงสัยที่อีกฝ่ายขุดเรื่องนี้มาพูดถึง

          “คือพอดีผมลองไปคุ้ยของที่ไอ้นินทิ้งดูแล้วเจอกระดาษที่โดนฉีก แล้วพอเอามาเรียง มันเขียนวันกับเวลาแล้วก็ชื่อบ่อนเอาไว้ แล้วมันเป็นเวลากับบ่อนเดียวกับที่โดนตำรวจซิวน่ะครับ”

          “แล้วยังไงล่ะ เราก็รู้อยู่แล้วว่าหมอนั่นเป็นคนเรียกตำรวจไปเองนี่”

          “ไม่ครับ ที่ผมอยากจะพูดคือเวลาต่างหาก จำได้ใช่ไหมครับว่าวันนั้นคุณวินไปบ่อนนั้นด้วย แล้วพอคุณวินไปตำรวจก็เข้ามาพอดี” ดรทวน “แล้วเวลาที่เขียนไว้…มันมีสองเวลาน่ะสิครับ ผมไม่แน่ใจว่ามันมีความหมายอะไรหรือเปล่า คุณลองดูสิครับ ผมจดข้อมูลบนกระดาษนั้นให้แล้ว”

          ชานั่งนิ่งมองกระดาษที่ได้รับมาเพื่อประมวลข้อมูลที่ได้รับอยู่พักใหญ่ และก็เริ่มสะกิดใจขึ้นมา

          “แปลกๆแฮะ…” เสียงทุ้มเต็มไปด้วยความสงสัย “นายแน่ใจนะว่าเขียนแบบนี้”

          “แน่สิครับ ผมเก็บเศษมานั่งเรียงจนครบส่วนเลยนะครับ แล้วก็ตรวจจนแน่ใจแล้วด้วย” หนุ่มผิวเข้มยืนกรานเสียงแข็ง “เพราะอย่างนั้นผมถึงรู้สึกแปลกๆยังไงล่ะครับ”

          ชายังคงจ้องมองกระดาษในมือ ถ้าเป็นอย่างที่เห็นจริง เขากับเดียร์จะต้องพลาดอะไรไปแน่ๆ




รีบมาต่อแล้วข่า ช่วงนี้งานเยอะ รีบได้สุดชีวิตเท่านี้จริงๆ T^T
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-11-2014 01:50:00 โดย musddmp »

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
มาต่อก็ดีแล้วค่ะ แต่ก็ยังค้างงงงง.ง.งอยู่ดีอ่ะ รออ่าน ทูบี คอนตินิ๊ว.ว.ว. o1 อยู่นะคะ

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เหมือนมีปมอีกแล้วสิ  :ruready

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
เดาเรื่องไม่ถูกเบยยย @.@

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด