รักSMของหนุ่มดอกไม้ ตอนที่ 59 (จบ) p.12 (26/04/2558)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักSMของหนุ่มดอกไม้ ตอนที่ 59 (จบ) p.12 (26/04/2558)  (อ่าน 136120 ครั้ง)

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
อ๊าก!!! ตัดฉับ   ทรมาณคนอ่านแบบนี้ ต่อให้เป็น M ก็ใช่ว่าจะชอบนะค๊า.....

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
         
ตอนที่ 54



          ก่อนหน้านั้นนิดหน่อย…

 

          ธานินทร์เดินมองโกดังหลายสิบหลังอยู่ด้านนอก ดวงคาตกคุไปด้วยความตื่นเต้น แม้ในตอนแรกจะขลุกขลักไปหน่อย อีกทั้งใช้เวลาเสียนานจนเกือบจะถอดใจไปแล้ว แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนทั้งหมด อีกไม่นานสิ่งที่รอมานานก็ประสบผลสักที ชายหนุ่มเลื่อนมองมือถือที่ดังไม่หยุดเกือบชั่วโมง จนในที่สุดเขาก็ยอมรับขึ้นมา

          “ผมว่าผมบอกคุณแล้วนะครับว่าให้มาตรงเวลา นี่แสดงว่าคุณวินกับคุณเดียร์จะเป็นยังไงก็ช่างสินะ...” และพูดไม่ทันจบความก็ต้องรีบยกหูหนีเสียงด่าลั่น ก่อนจะพูดต่อหลังจากอีกฝ่ายด่าจบ “ผมไม่เคยขู่ใครหรอกครับ ผมทำจริงตลอด...”

          “ฉันไม่เชื่อแกหรอก”

          ธานินทร์นิ่งไปหลังจากฟังประโยคที่ปลายสายพ่นกลับมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิดกับความดื้อรั้นของอีกฝ่าย

          “นั่นสินะ คุณก็เป็นคนแบบนี้เสมอ” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างแผ่วเบา “ถ้าไม่เชื่อ ผมก็ไม่มีเหตุผลจะต่อรองกับคุณแล้วนี่เนอะ”

          สิ้นเสียง เขาก็หยิบรีโมทระเบิดออกมา แต่ยังไม่ทันจะได้กด เสียงซ่อกแซ่กของต้นไม้รอบๆก็หยุดเขาเอาไว้ และไม่ทันจะได้ตั้งตัว ชายฉกรรจ์สามสี่คนก็เข้ามาทำร้ายเพื่อแย่งรีโมทและจับตัวเขาอย่างรวดเร็ว ธานินทร์พยายามจะขืนตัวหนี แต่เข่าที่พุ่งเข้าลิ้นปี่เล่นเอาเขาถึงกับสำลัก แข้งขาอ่อนแรงจนแทบจะยืนไม่อยู่

          “กล้าดียังไงถึงคิดว่าคนอย่างแกจะมาต่อรองกับฉัน” เสียงทุ้มของชายชราดังขึ้นจากด้านหน้าของตน ธานินทร์เงยหน้ามองชายสูงวัยตรงหน้าที่แม้จะดูนิ่ง แต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธจัดแค่ไหน และถึงอายุจะล่วงเลยจนเข้าสู่วัยชรา แต่ร่างกายของคนตรงหน้ากับยังดูดีและแข็งแรงจนแทบดูไม่ออกว่าจะอายุหกสิบกว่าเข้าไปแล้ว “นึกหรือว่าฉันจะยอมให้แกมาขู่ฉันน่ะ”

          หนุ่มตาตกยิ้มยกมุมปากทั้งที่ตอนนี้เป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่เพียงไม่นานก็ต้องเปลี่ยนเป็นสีหน้าบิดเบี้ยวเพราะโดนชายอีกคนชกเข้าที่ลิ้นปี่เต็มแรง

          “สภาพแบบนี้แล้วยังจะทำอวดเก่งไม่เปลี่ยนเลยนะ” ชายสูงวัยคนนั้นเอ่ย พลางหยิบบุหรี่จากสูทสีกรมท่าขึ้นมาสูบ แล้วพ่นควันใส่หน้าธานินทร์ “คิดหรือว่าแผนตื้นๆของแกจะทำอะไรฉันได้”

          กระนั้นแล้ว ธานินทร์ก็ยังคงยิ้มไม่เปลี่ยน และออกจะดูสะใจเสียเหลือเกิน

          “แล้วคิดว่าคนอย่างผมมีปัญญาแค่นั้นหรือไง”

          จบประโยคก็บังเกิดระเบิดดังขึ้น เสียงดังสนั่นจนหูแทบหนวก พื้นที่ยืนก็พากันสั่นสะเทือนแม้จะยืนอยู่หากจากจุดที่เกิดระเบิดค่อนข้างไกล ระเบิดยังคงดังต่อเนื่องทำลายโกดังตรงหน้าเสียจนจมไปกับทะเลเพลิง ทำเอาชายชราและลูกน้องของเขาพากันตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันตรงหน้า

          “รีบไปสิวะ” ชายคนนั้นสั่งเสียงเหี้ยม แต่ยังไม่ทันที่คนของเขาจะออกไป เสียงหัวเราะของหนุ่มตาตกก็รั้งเอาไว้เสียก่อน

          “ฮะๆ ไม่ทันแล้วโว้ย” ธานินทร์หัวเราะลั่น ก่อนจะเหยียดยิ้มกว้าง “นึกว่าผมจะใจดียอมให้สองคนนั้นรอดง่ายๆเพียงแค่คุณทำตามสัญญาหรือ คิดผิดแล้วล่ะครับ คุณอาเขต”

          คราวนี้เจ้าของชื่อชกเข้าที่หน้าของหนุ่มตาตกเสียเต็มแรงจนหน้าหัน เลือดกำเดาไหลอาบลงคางจนน่ากลัว กระนั้นอาเขตก็ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เขายังคงชกอีกฝ่ายต่อเรื่อยๆจนลูกน้องต้องห้ามไว้แทน เพราะไม่เช่นนั้นธานินทร์คงตายคามือชายแก่เป็นแน่

          “หึ” แม้จะเจ็บตัวแทบตาย ก็ยังแค่นหัวเราะออกมา “รู้สึกยังไงบ้างละครับที่โดนตลบหลังเอาแบบนี้”

          “ยังจะมีหน้ามาพูดอีกเรอะ” ใบหน้าของชายชราแดงก่ำด้วยความโกรธ “ฉันอุตส่าห์ชุบเลี้ยงแกมาขนาดนี้ แกยังกล้ามาหักหลังฉัน...กล้าฆ่าสองคนนั่น อย่าหวังว่าฉันจะไว้ชีวิตแกเลย”

          “ไว้พูดกับตัวเองดีกว่าไหม...” ธานินทร์สวนกลับ “คนที่จะไม่รอดคือคุณต่างหาก”

          แม้คำพูดนั้นจะแฝงไปด้วยความนัย แต่ปฏิกิริยาของอาเขตกลับไม่เป็นไปตามที่ชายหนุ่มคาด เพราะแทนที่อาเขตจะแปลกใจหรือตกใจเพราะรู้ว่าตนหมายสิ่งใด ชายชรากลับหัวเราะออกมาแทน

          “คิดว่าฉันจะไม่รู้เลยหรือว่าที่แกทำไปทั้งหมดเพราะอะไร ไม่ใช่แค่อยากฆ่าสองคนนั้นหรอก...แต่เป้าหมายจริงๆของแกคือฉันใช่ไหมล่ะ” อาเขตถามเสียงห้วน “ฉันจัดการทำลายแผนของแกก่อนที่ฉันจะมาที่นี่แล้ว”

          กลายเป็นธานินทร์เสียเองที่ประหลาดใจกับคำพูดเหล่านั้น และยังสงสัยไม่เท่าไหร่ อาเขตก็ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ลูกน้องที่เหลือนำคนของธานินทร์ทั้งหมดออกมา เล่นเอาหนุ่มตาตกถึงกับหน้าซีด

          “ต้องให้บอกอีกไหมว่า คนที่แกกำลังจะรอให้มาน่ะ เขาไม่มาแล้ว...ถึงจริงๆแล้วถ้าเขามาแกก็คงจะไม่รอดเหมือนกับฉันด้วยก็เถอะ” อาเขตเยาะ “ป่านนี้คงไปคนละทางแล้ว กว่าจะมาถึงที่นี่ ตอนนี้ฉันมีเวลาทรมานแกก่อนจะฆ่าทิ้งถมถืด”

          ธานินทร์เพียงแต่กัดฟันกรอด ไม่คิดว่าจะโดนตลบหลังกลับจนแพ้ราบคาบจนแทบจะหมดแรง

          ทั้งที่รอมานาน...ทั้งที่เตรียมการไว้ตั้งมาก...แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า...

          “อยากจะสั่งเสียอะไรก่อนตายไหม” อาเขตว่าก่อนจะขอปืนจุดสามแปดจากลูกน้องข้างตัว “เพราเป็นแกนะ ฉันถึงให้โอกาสสั่งเสีย”

          หนุ่มตาตกเพียงแต่จ้องหน้าชายชราด้วยความอาฆาตแค้น ก่อนจะถ่มน้ำลายใส่ขาอีกฝ่าย ซึ่งน่าจะเรียกว่าถ่มเลือดใส่มากกว่า ทำเอาลูกน้องของอาเขตเกือบจะเข้าไปซัดแล้ว แต่กลับโดนหัวหน้าห้ามเอาไว้

          “หึ ก็มีแต่เรื่องใจเด็ดนี่ล่ะที่ฉันอยากชม” อาเขตว่าพลางยกปืนใส่อีกฝ่ายอย่างช้าๆ “ฉันเสียใจจริงๆนะที่ต้องทำแบบนี้กับแก แต่สิ่งที่แกทำมันเกินกว่าฉันจะให้อภัยได้”

          ธานินทร์เหลือกมองปลายกระบอกปืนที่จ่ออยู่ตรงกลางหน้าผากของตน ก่อนจะหลับตา...

          จบแล้วสินะ...

          “แต่ผมอยากจะชมเขาเรื่องอื่นมากกว่านะ”

          อีกเสียงทุ้มที่สอดเข้ามา เล่นเอาคนฟังพากันหันมองหาอย่างตื่นตระหนก แต่ยังไม่ทันได้มองหาเจ้าของเสียง อาเขตและคนอื่นต่างก็โดนกลุ่มคนมากมายราวห้าสิบกว่าคนเล็งปืนใส่พวกตนเอาไว้ แล้ว

          “จะยอมแพ้ดีๆ หรือจะต้องให้ลงไม้ลงมือก่อนละครับ....แต่ผมไม่รับประกันเรื่องความปลอดภัยเท่าไหร่นะ” คนที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าอาเขตคือศิวะ เลขาของมาริสา นั่นทำเอาใบหน้าหมดหวังของธานินทร์เหือดหายไป แม้ใจจริงจะสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมาที่นี่ได้ เพราะอาเขตเองก็น่าจะไม่พลาดท่าง่ายๆให้ศิวะรู้ตัวเช่นกัน

          “แกกล้าทำร้ายฉันเรอะ” อาเขตเอ่ยเสียงกร้าวก่อนจะพยายามหันปืนไปหาอีกฝ่าย แต่ยังไม่ทันได้เล็งก็โดนศิวะแจกให้ก่อนหนึ่งนัดเฉียดเท้าไปนิดเดียว

          “อยากลองมากกว่านี้ไหมครับ ผมยินดีเป็นอย่างยิ่ง” ชายหนุ่มว่าแล้วยิ้มกว้าง ก่อนจะเลื่อนปลายปืนไปยังช่วงขาของอีกฝ่าย “เผื่ออาจจะยังไม่เชื่อ”

          ชายชรากัดฟันแน่น “...แกมาที่นี่ได้ยังไง แกไม่น่าจะรู้...แล้วมาริสา...”

          “ไงจ๊ะ ไม่ได้เจอกันน้านนานเลยนะ คิดถึงคุณมากเลย...”

          เสียงต่อมาที่ฟังแล้วชวนสะพรึงใจเป็นที่สุดดังขึ้นจากข้างหลังของศิวะ ยิ่งเห็นใบหน้าของหญิงสาววัยกลางคนที่ดูเปี่ยมสุขและฉีกยิ้มกว้างนั่นแล้ว อาเขตถึงกับทิ้งปืนลงแทบไม่ทัน

          “ไม่จริง...ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้” อาเขตถามเสียงสั่น “ก็ฉันสั่งให้ลูกน้อง...”

          “มาบอกว่าตาวินโดนไอ้ลูกแมวขโมยนั่นพาเข้าโรงแรม...ไม่ได้มาพลอดรักกันที่นี่...ใช่ไหม” มาริสาทวนเสียงสูงปรี๊ด ท่าทางจะเอาเรื่องอย่างจริงๆจังๆจนทำเอาหนุ่มอกสามศอกแอบหวั่นกันเป็นแถบ โดยเฉพาะอาเขตที่เป็นเป้าหมายของเธอ “ก็เกือบไปแล้วล่ะ ถ้าพวกเขาไม่มาบอกฉันก่อน”

          อาเขตมอง ‘พวกเขา’ ที่มาริสาชี้ซึ่งอยู่ข้างตัวเธอ ชายชราถึงกับระงับความโกรธเอาไว้ไม่อยู่

          “ฉันถึงไม่อยากให้ไอ้วินมันเลี้ยงแกตั้งแต่แรก...แกก็อีกคนไอ้ดร ไอ้พวกเนรคุณ เลี้ยงเสียข้าวสุก!”

          “พูดผิดไปนะครับ เจ้านายผมน่ะมีแค่คุณวินคนเดียว...และก็จะไม่มีคนอื่นอีกแล้วล่ะครับ” ชาบอกด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง ในขณะที่ดรแอบอยู่หลังชาเพราะกลัวอาเขตจนจะยืนไม่ค่อยจะอยู่เท่าไหร่แล้ว
         
          “เฮอะ พูดออกมาได้ แล้วที่แกทำมันเรียกว่าภักดีกับไอ้วินยังไง ร่วมมือกับธานินทร์ฆ่าวินเนี่ยนะ” ด้วยความโกรธกึ่งอยากเอาตัวรอด อาเขตจึงย้อนอย่างไม่ลดละ ซึ่งนั่นก็ได้ผล จากที่กำลังเล็งเหยื่อมาทางตน มาริสาก็หันไปหาชาเป็นเชิงคาดคั้นแทนแล้ว

          แต่กระนั้นเจ้าตัวกลับยิ้มออกมาแทน จนชายชราได้แต่แปลกใจ

          “เหวอ แม่มาทำอะไรที่นี่เนี่ย”

          เสียงที่ไม่น่าจะได้ยินอีกแล้วดังขึ้นมาจากด้านหลังของมาริสา หญิงวัยกลางคนถึงกับปรี่เข้าไปดูลูกชายที่มีสภาพสะบักสะบอมเหมือนเพิ่งไปลุยป่าฝ่าดงมาสามวัน เมื่อเห็นว่าปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน มาริสาถึงกับกอดวินแน่น จนหนุ่มแว่นซึ่งกำลังหวั่นๆถึงกับงงๆและกอดกลับด้วยความโล่งใจนิดๆที่ไม่โดนคาดโทษเรื่องที่ตนมาทำอะไรบ้าๆกับเดียร์
         
          “แกนี่มันชอบทำให้ฉันเป็นห่วงอยู่เรื่อย!” เสียงแหลมสั่นเครือจนน่าใจหาย เพราะน้อยครั้งมากที่วินจะได้ยินเสียงแบบนี้จากแม่ “ถ้าแกทำแบบนี้อีกนะ แม่จะบิดหูแกให้ยานมาถึงบ่าเลย”

          จากที่กำลังห่วงแม่ ถึงกับเปลี่ยนอารมณ์แทบไม่ทัน

          และก่อนที่จะถามถึงสาเหตุการมาของมาริสา วินก็สังเกตเห็นว่าแม่พาลูกน้องมามากกว่าปกติ และก็ต้องแปลกใจกว่าเมื่อเห็นพ่อของตนซึ่งกำลังโดนลูกน้องของแม่เล็งปืนใส่

          “พ่อ?” แม้จะประหลาดใจ แต่น้ำเสียงก็แฝงความไม่พอใจเอาไว้ด้วย “มาได้ไงวะ”

          เหล่าลูกน้องพากันสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นวินกระทืบเท้าเข้าไปหมายจะอัดหน้าคุณพ่อบังเกิดเกล้า เคราะห์ดีที่โดนรั้งตัวไว้ก่อนที่หนุ่มแว่นจะได้ประทับรอยหมัดไว้บนหน้าอาเขต

          “ขอสักทีเหอะน่า จะบาปหนาบาปเยอะอะไรก็ช่างแม่ง” วินโวยวายก่อนจะสะบัดอีกฝ่ายออกไป แต่คนรั้งกลับเหนียวหนึบเกินคาดทั้งที่รั้งเขาไว้ไม่อยู่ด้วยซ้ำ “...”

          จากที่กำลังจะหันหน้ามาสั่งถึงกับค้างนิ่งเพราะเจ้าคนที่เกาะอยู่ข้างหลังตนคือชานั่นเอง

          “น่าครับ อย่าเลย” หนุ่มหน้านิ่งยิ้มกริ่มราวกับมีความสุขเสียเหลือเกิน แถมยังกอดเหมือนมีจุดประสงค์แอบแฝงอีกต่างหาก ก่อนจะแอบกระซิบเสียงเบาข้างหู “ถ้าอยากระบายก็มาที่ผมเถอะ”

          ถึงกับหมดแรงกำมือเลยทีเดียว

          “นั่นสิครับ อย่าทำร้ายพ่อเลย” คราวนี้เป็นเดียร์ซึ่งตามหลังวินมาติดๆช่วยเสริมอีกแรงแบบได้จังหวะจนชาได้แต่นึกอยากถีบอีกฝ่ายอยู่ในใจ เพราะวินตั้งท่าจะว่าชาอยู่พอดี “ผมว่าให้แม่กับพ่อเขาเคลียร์กันเองดีกว่านะ”

          ในขณะที่มาริสายิ้มกว้าง อาเขตทำหน้าเหมือนเห็นลานประหาร

          “หึ มีครั้งนี้เท่านั้นล่ะที่ฉันอยากจะชมแก” มาริสากระแทกเสียงใส่ กระนั้นใบหน้าก็ยังคงยิ้มไม่เปลี่ยน “แต่ที่ต้องชมที่สุดก็คงเป็นเธอละนะชา โทษทีละกันที่ฉันเข้าใจผิดไป ไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนวางแผนทั้งหมดนี้เพื่อฉัน”

          คนที่ทำหน้าเหมือนเห็นผีมากที่สุดก็คงไม่พ้นธานินทร์ที่เป็นต้นเรื่องตัวจริง

          “เดี๋ยวสิ...นาย...นายรู้?” ท้ายที่สุดเขาก็เอ่ยถามเพราะทนสงสัยไม่ได้ “นายรู้เรื่องที่ฉันทำอย่างนั้นหรือ...”

          “ไม่หรอกครับ ทีแรกคุณชาเขาไม่รู้เหตุผลจริงๆที่พี่ธานินทร์ทำหรอกครับ ดีที่มีคนมาบอกเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคงแย่ไปแล้ว” แต่ก่อนที่ชาจะได้ตอบ เดียร์ก็อธิบายให้เสร็จสรรพด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานน่าหลงใหล แต่ความคิดข้างในใจร้ายสุดกู่ “ผมเองก็ร่วมมือเพื่อการนี้นี่ล่ะครับ”

          ธานินทร์นิ่วหน้าอ้าปากค้าง ก่อนจะหันมองไปทั่วเหมือนมองหาใครสักคน จากนั้นก็คอตกแล้วหัวเราะเสียงเบาเหมือนปลงตกอยู่กับพื้น

          “เดี๋ยวนะ ทำอะไร ทำเพื่อแม่ทำไมยังไง ฉันไม่เข้าใจ” วินขัดขึ้นด้วยความสงสัย ก่อนจะหันไปหาชาเป็นเชิงคาดคั้น

          “คือเรื่องมันค่อนข้างจะยาวและซับซ้อนมากน่ะครับ ผมว่าเราน่าจะจัดการไฟที่ไหม้โกดังกับพาคุณธานินทร์ไปโรงพยาบาลก่อนดีไหม”

          และกว่าจะนึกได้ ก็เหมือนโกดังจะไหม้ไปหลายหลังแล้ว

 

          โชคยังดีที่แถวโกดังร้างผู้คนและไม่มีต้นไม้อยู่ใกล้ๆ เพลิงจึงไม่ลุกลามบานปลายนัก แต่โกดังก็เสียหายไปจนเหลือไม่กี่หลัง กระนั้นวินก็ไม่ค่อยจะทุกข์ร้อนเท่าไหร่นัก เพราะอันที่จริงเขาก็ไม่ค่อยอยากจะเก็บที่นี่ไว้เท่าใดนัก เพียงแต่ไอ้กิจการที่ยังดำเนินอยู่ จะเลิกก็เลิกไม่ได้ พอเจอแบบนี้เลยได้โอกาสทิ้งๆไปเสียที แต่เพราะไม่อยากจะให้เรื่องมันดังนัก เลยมอบสินน้ำใจเล็กน้อยเพื่อให้เรื่องนี้ลงแค่ข่าวเล็กๆว่าทุกอย่างเป็นเพราะอุบัติเหตุเท่านั้น

          “เอาล่ะ...จะเริ่มบอกได้หรือยัง”

          ธานินทร์ สะดุ้งนิดหน่อยหลังจากเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน เมื่อเห็นวินยืนตระหง่านด้วยใบหน้าเป็นเชิงถาม โดยมีสิทธิ์ เดียร์ และชานั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างกำแพง

          “เอ๋ ทำไมต้องรอผมด้วยละครับ คุณชาก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่...” ธานินทร์ถามเสียงสั่นก่อนจะทำท่าเหมือนกำลังมองหาใครสักคน

          “ก็ไอ้บ้านี่มันไม่ยอมบอกจนกว่าพี่จะพูดก่อนน่ะสิ...แล้วถ้าหาพี่ศิวะหรือไอ้ดรล่ะก็ พวกเขาไปจ่ายเงินค่ายาให้พี่อยู่” วินบอกเสียงนิ่ง “บอกมาเลยว่าไอ้เรื่องที่เกิดขึ้นนี่มันเพราะอะไรยังไงกันแน่ ฉันงงไปหมดแล้ว”

          ไม่ว่าเปล่ามีเข้าไปเขย่าคอจนธานินทร์รู้สึกเหมือนคอจะหักก่อนได้เล่า

          “อ่า...ใจเย็นๆครับ” ดีที่หนุ่มแว่นรู้ตัว เลยปล่อยคออีกฝ่ายก่อนที่คนเจ็บจะได้ไปปรภพจริงๆ “...คือก่อนอื่นเลยผมอยากจะขอโทษทุกๆคนที่ต้องมาเดือดร้อนกับผมก่อนก็แล้วกันนะครับ...เอ้อ...มันต้องทุกๆคนจริงๆน่ะครับ โดยเฉพาะพวกคุณสามคน...”

          ชายหนุ่มย้ำเพราะวินจ้องหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้ และหนุ่มตาตกก็ไม่แปลกใจเลยเพราะคนที่เขาขอโทษมีสิทธิ์อยู่ด้วย

          “ผมต้องการล่อให้คุณอาเขตโผล่มาให้คุณมาริสาจัดการ เลยใช้ประโยชน์จากการที่คุณกับคุณสิทธิ์ไม่ถูกกันเพื่อล่อให้คุณทำเรื่องบ้าๆอย่างลักพาตัวคุณเดียร์ไปที่โกดัง เพื่อจะขู่คุณอาเขตว่าผมจะฆ่าคุณน่ะครับ”

          “แต่ก็ไม่ได้ฆ่าจริงๆ” ก่อนที่วินจะอ้าปาก ชาก็พูดต่อด้วยสีหน้านิ่งเรียบแต่ดูแล้วเหมือนจะเบื่อหน่ายเต็มทน “คุณวางระเบิดไว้แค่โกดังรอบนอกห่างจากโกดังที่คุณวินอยู่มาก แล้วยังเหลือทางหนีให้อีกใช่ไหมละครับ”

          “เผื่อหลงก็เลยให้ลูกน้องอีกคนไปอยู่กับคุณวินช่วยนำทางให้ด้วย” ธานินทร์เสริมพลางยักไหล่ ดวงตาตกปรายมองชาก่อนจะยิ้มที่มุมปาก “ผมไม่กล้าฆ่าคุณวินจริงๆหรอกนะครับ”

          แม้จะเป็นเรื่องจริง แต่ชาก็อดหมั่นไส้ไม่ได้อยู่ดี

          “เดี๋ยว นะ...พี่ไปหลอกพ่อว่าจะฆ่าพวกผม ไม่กลัวจะโดนพ่อฆ่าซะเองเรอะ” วินเลิกคิ้วมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ไม่เห็นจะต้องลงทุนเอาชีวิตไปแลกกับตาแก่ตัณหากลับนั่นเลย”

          “เรื่องที่เขาทำกับผมมันไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆนี่ครับ...” ธานินทร์หัวเราะเสียงแห้ง “ไม่คิดจะฆ่าก็ดีเท่าไหร่แล้ว...แต่ดูเอาละกันว่าแค่หลอกว่าจะฆ่าคุณ เขาก็เอาปืนมาจ่อหัวผมง่ายๆเลย”

          วินกับเดียร์มองหน้ากัน...เอาจริงๆแล้ว ระหว่างฆ่าทิ้งไปเลยกับส่งตัวให้มาริสา ทางเลือกอันแรกน่าจะสบายกว่ากันเยอะ

          “ผมหวังกับแผนนี้ไว้นานมาก...จัดการทุกอย่างไม่ให้พลาด ทั้งทำตัวเหมือนหวังจะหักหลังคุณวินเพื่อที่สายของคุณอาเขตจะได้เอาไปรายงานให้ระแวงผม ทั้งเรื่องยุคุณให้มีเรื่องกับคุณสิทธิ์...หรือกระทั่งเอาเดียร์มาเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้ด้วย” ธานินทร์เล่าต่อด้วยน้ำเสียงปลงตก “แต่น่าเสียดาย สุดท้ายก็ยังแพ้ไอ้แก่นั่นจนได้...ดีนะที่คุณชามาพลิกแผนให้ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่ทำก็คงล้มเหลวไม่เป็นท่า”

          ไม่ว่าเปล่ามีมาจับมือเขย่าพร้อมยิ้มกว้าง แน่นอนว่าต่อให้ไม่เกลียดกันมาตั้งแต่แรก ชาก็ขยะแขยงอยู่ดี

          “...สรุปคือ...พี่ใช้ผมกับไอ้หอยดองนี่เพื่อแก้แค้นพ่อ...ใช่ไหม” วินมองหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะขยี้หัวตัวเอง “ที่อยู่ๆพี่ทำตัวประจบประแจงใส่ผมเพราะแบบนี้เรอะ”

          ธานินทร์ยิ้มค้างและพยักหน้า เพราะไม่คิดว่าพ่อคุณชายแกจะรู้ตัว “ไอ้เรื่องที่คุณสิทธิ์ทำไม่ดีกับฝั่งพวกเราก็...ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะครับ”

          “โธ่เอ๊ย ให้ตายสิ” หลังจากอ้าปากค้างไปสามวิ หนุ่มแว่นก็ร้องแบบไม่เกรงใจคนในโรงพยาบาลก่อนจะทรุดตัวลงไปนั่งเก้าอี้ที่ยังว่าง “อย่างกับไอ้โง่เลยฉัน...ทำไมถึงดูไม่ออกนะว่าหนังหน้าอย่างไอ้หมีควายนี่จะคิดแผนซับซ้อนจนฉันหาหลักฐานไม่ได้แบบนี้”

          “จะด่าหรือจะชมเอาให้แน่สิวะ ไอ้สี่ตา” หลังจากเงียบอยู่นานมาสิทธิ์ก็โพล่งขึ้นอย่างลืมตัว ก่อนจะถามขึ้นมาบ้าง “...แล้วเรื่องที่พวกผมโดนทำร้าย...เพราะคุณด้วยหรือ...”

          “โอ๊ะ ไม่ใช่เลยครับ ไม่ใช่คุณวินด้วย” ถึงแม้จะแค่เป็นพันมิตรชั่วคราวด้วยผลประโยชน์ส่วนตัว ธานินทร์ก็ไม่อยากจะบอกเท่าไหร่ว่าคนที่ทำร้ายสิทธิ์ก็เป็นคนใกล้ตัวสิทธิ์นั่นล่ะ “คงเป็นโจทย์คนอื่นละมั้งครับ ผมแค่ใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นั้นเฉยๆ”

          และสิทธิ์ก็ออกอาการเดียวกับวินเป๊ะๆ

          “ผมไม่ขอให้พวกคุณยกโทษให้หรอกนะครับ เพราะผมก็เตรียมใจจะตายไว้แล้วด้วยซ้ำ ไม่ว่าแผนจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม” หลังจากคุณหัวหน้าพากันหมดแรงเพราะเพิ่งรู้ความจริงที่โหดร้าย ธานินทร์ก็เอ่ยต่อโดยไม่มีน้ำเสียงขอร้องแม้แต่น้อย “ที่ผมทำมันก็ร้ายแรงพอที่คุณจะฆ่าผมด้วยซ้ำ”

          วินมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความยุ่งยากใจก่อนจะขยี้หัวตัวเองรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ชายหนุ่มยืนประชันหน้าคนเจ็บด้วยท่าทางถมึงทึง ซึ่งธานินทร์คิดว่าจะโดนขู่ให้เดินออกไปหาลานประหารเหมาะๆเป็นแน่...แต่กลาย เป็นว่าวินกลับดีดมะกอกใส่หน้าผากเข้าเต็มๆแทน...ซึ่งแม้จะดูเล็กน้อย แต่พ่อแรงควายก็ดีดเต็มที่ เล่นเอาธานินทร์ที่บาดเจ็บอยู่แล้ว ถึงกับร้องเสียงหลงออกมาพร้อมกับกุมหัวแน่น

          “คนที่จะโดนโทษฆ่ามีแค่คนที่ทรยศหรือคิดจะฆ่าฉันจริงๆเท่านั้น” วินว่าเสียงกร้าว “พี่ทำอย่างนั้นหรือเปล่าล่ะ”

          ธานินทร์เงยหน้ามองอย่างไม่อยากจะเชื่อ “แต่ผมหลอกคุณนะ มันก็เหมือนกับทรยศคุณกลายๆนั่นล่ะครับ”

          “แต่ก็ไม่ใช่ ใช่ไหมล่ะ” วินว่าต่อด้วยท่าทีที่ไม่แยแสกับความผิดของอีกฝ่ายนัก “แล้วที่สำคัญ ผมฆ่าพี่ชายตัวเองไม่ได้หรอกไม่ว่ายังไงก็ตาม”

          นอกจากเดียร์ที่แกล้งทำ ทุกคนต่างพากันตาค้างกับความจริงจากปากของวิน โดยเฉพาะธานินทร์ที่ดูจะตกใจกว่าเพื่อน

          “ให้ตายเถอะ ทำไมมีแต่คนเห็นฉันโง่นักวะ” วินถึงกับร้องอย่างเหนื่อยหน่าย “ถึงฉันจะเชื่อคนง่าย แต่ก็ไม่ได้โง่ไปซะทุกเรื่องนะเฟ้ย”

          “คุณ...รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่...ละ…แล้วรู้ได้ยังไงกัน” ธานินทร์ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก

          วินทำหน้ายุ่งยากใจ...รู้สึกเหมือนเดจาวูตงิดๆ “ก็สักปีสองปีหลังจากพี่มาทำงานด้วยละมั้ง ผมน่ะรู้หมดนั่นล่ะว่าในพวกเรามีใครเป็นลูกลับๆของพ่อบ้าง ที่ไม่พูดก็เพราะเป็นห่วงกลัวแม่จะทำเหมือนที่ทำกับเดียร์หรอกนะ ส่วนที่ว่ารู้ได้ไง…แค่พ่อเป็นคนรับเข้ากลุ่มมาแล้วให้อยู่ในตำแหน่งกลางๆจนเกือบสูงกว่าปกติโดยที่ยังไม่มีผลงานเลย ผมก็สงสัยไว้ก่อนแล้วล่ะ ถ้าไม่ใช่เพื่อน คนรู้จักของพ่อ ก็ต้องเป็นพี่น้องคนละแม่ผมทั้งนั้นละ”

          ชายหนุ่มยังคงค้างนิ่งก่อนจะเริ่มหัวเราะเหมือนคนบ้าอย่างเอาเป็นเอาตาย

          “คุณนี่มัน...ดูถูกไม่ได้จริงๆเลยนะครับ” ธานินทร์ยิ้มเจื่อน “ท่าทางผมคงต้องมองคุณใหม่แล้วล่ะ”

          แต่ท่าทางวินจะไม่ปลื้มเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจก่อนจะหันไปทางชาเพราะต้องการรู้เรื่องทั้งหมดนี้มากกว่า

          “…ทีแรกผมก็คิดว่าที่…คุณธานินทร์ทำเพราะอยากจะกำจัดคุณ…” แม้จะรู้แล้วแต่จะให้เปลี่ยนท่าทีเลย ชาก็ยังกระดากใจไม่หาย แค่จะเรียกให้สุภาพก็ยากแล้ว “แต่พอสะกิดใจเรื่องแปลกๆตอนที่ตำรวจมาจับบ่อนเราหลังจากที่คุณออกไปไม่นาน ถ้าคุณธานินทร์จะทำลายคุณวินจริงๆ น่าจะให้ตำรวจมาตอนที่คุณวินยังอยู่ในบ่อนมากกว่า…แถมเรื่องระเบิดที่โกดังอีก...ทีแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่ดูเหมือนจะหาทางฆ่าคุณวินถึงทำอะไรแบบนี้…”

          “คุณชาก็เลยไปสืบถึงได้รู้ว่าจริงๆพี่ธานินทร์วางแผนล่อพ่อออกมา…แล้วก็ได้รู้อีกว่าพี่ธานินทร์เป็นพี่น้องคนละแม่ของพวกผมน่ะครับ” เดียร์เสริมต่อโดยที่ชาไม่ต้องส่งสายตามาให้

          ธานินทร์นิ่งมองชาก่อนจะหันไปมองเดียร์ หนุ่มน้อยเพียงแต่ยิ้มหวาน แต่นั่นกลับทำให้ธานินทร์อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจสุดๆ เขาทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็กลืนคำพูดเหล่านั้นแล้วหัวเราะออกมาแทน

          “ฮะๆ แพ้หมดรูปจริงๆแฮะ” หนุ่มตาตกถอนหายใจ กระนั้นใบหน้ากลับยิ้มราวกับดีใจเสียมากกว่า “เอาเป็นว่าชาคิด แล้วเธอร่วมมือสินะเดียร์”

          วินอาจจะไม่รู้ แต่เดียร์รู้ดีว่าอีกฝ่ายเข้าใจสาเหตุที่เขายิ้มให้

          “ผมก็แค่อยากช่วยให้คุณชาเลิกเครียดแล้วก็สมหวังในหลายๆอย่างสักทีน่ะครับ” เด็กหนุ่มบอกทั้งที่รู้ว่าธานินทร์ไม่เชื่อที่เขาพูดจริงๆหรอก

          “ตั้งแต่แรกเลยสินะ” พี่ชายคนละแม่หัวเราะในลำคอ “เอาเถอะ ยังไงก็ต้องขอบใจพวกนายมากนะ ไม่อย่างนั้นฉันก็คงแย่จริงๆนั่นล่ะ”

          “…หมายความว่าเรื่องที่เธอยอมอยู่กับฉันทั้งที่ฉันทำแบบนั้นกับเธอมันก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนด้วยหรือ”

          ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเหือดหายไปทันทีที่ได้ยินเสียงของสิทธิ์ ดวงตากลมเลื่อนมองสิทธิ์ที่นั่งนิ่งและจ้องกลับมาเหมือนกัน เพียงแต่สายตาที่มองมานั้นทำเอาเดียร์รู้สึกเจ็บจริงแบบไม่มีความสุขเลย

          “ที่ฉันคิดว่าเธอชอบฉันมันก็เป็นเรื่องที่ฉันคิดไปเองด้วยใช่ไหม”




_______________________________

รอบนี้ช้าแบบไม่แก้ตัว ;w; พออากาศร้อนแล้วคิดอะไรไม่ค่อยออก ตันๆตึงๆยังไงก็ไม่รู้ แถมป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เออีก (ซึ่งก่อนหน้านั้นก็หวัดธรรมดาไปแล้ว) ปีนี้ป่วยบ่อยจริงๆ ;w;

ช่วงนี้เขาว่าไข้หวัดใหญ่ระบาดหนัก ระวังสุขภาพกันด้วยเน้อ คนเขียนเจอค่าหมอจากไข้หวัดใหญ่ไปทีเดียว แข้งอ่อนเลยข่า TT_TT แถมยังโดนเจาะเลือดจนมือเขียวด้วย ฮือๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-04-2015 12:58:34 โดย musddmp »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
โห..ป่วยบ่อยๆแบบนี้ไปทำบุญซักหน่อยก็ดีนะคะ เผื่ออะไรจะทำขึ้น คงไม่ใช่ปีชง ใช่ใหม?

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เอาแล้ว เดียร์รีบง้อด่วนๆ

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore

ตอนที่ 55


          “ไม่ใช่นะครับ” เด็กหนุ่มร้องอย่างตื่นตระหนก ความกลัวที่รุมเร้าอยู่ในใจทำเอาน้ำเสียงสั่นอย่างไม่อาจห้ามได้ “ผมอาจจะอยู่กับคุณเพราะแผน…แต่ผมรักคุณจริงๆนะครับ”

          แต่ท่าทางของสิทธิ์ดูจะไม่เชื่อเท่าใดนัก แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการโกรธออกมาแต่อย่างใด กลับกัน ดูจะเสียใจเสียมากกว่า

          “ไม่หรอก…จริงๆมันก็สมควรแล้ว” รอยยิ้มของสิทธิ์นั้นดูเจ็บปวด “ฉันเองก็คิดจะใช้เธอแก้แค้นไอ้วินมันตั้งแต่แรกเหมือนกัน…จะโดนแบบนี้มันก็สมควร…”

          เดียร์อ้าปากคล้ายต้องการจะพูด แต่กลับโดนบางสิ่งจุกไว้ที่คอ แม้จะพยายามมากแค่ไหน แต่คำพูดที่อัดแน่นอยู่ในหัวกลับไม่ยอมออกมาแม้แต่น้อย…ใช่ ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ยกเว้นเรื่องเดียว…

          “แต่ผมรักคุณจริงๆนะครับ” เดียร์ได้แต่เอ่ยคำนี้ ไม่อาจหาเหตุผลใดๆออกมาหว่านล้อมอีกฝ่ายได้เลย ทั้งที่นั่นเป็นเรื่องที่ตนถนัดแท้ๆ “ผมรักคุณจริงๆนะ…”

          “ฉันรู้…ที่จริง…ฉันเองก็สมควรจะโดนเธอโกรธเหมือนกัน…เพราะฉันเองก็ใช้เธอเพื่อจะแก้แค้นวิน…” น้ำเสียงของหมียักษ์ฟังดูรู้สึกผิดเต็มทน “แต่…ขอเวลาฉันสักเดี๋ยว…ให้ฉันทำใจ…”

          ก่อนที่สิทธิ์จะได้จากลาหรือเดียร์จะได้รั้ง วินก็เดินเข้ามาแทรกด้วยสีหน้าเหยียดหยามและหงุดหงิดมาก

          “เฮอะ อย่ามาสำออยไปหน่อยเลย เดียร์เองก็เจ็บไม่ต่างจากแกหรอกน่า” หนุ่มแว่นกระแทกเสียงใส่อย่างดูแคลนเต็มทน “ทำไม หรือแค่นี้แกทนไม่ได้แล้ว โธ่เอ๊ย แล้วแต่ไปจะรักกันได้เรอะ ฉันไม่ยอมยกน้องฉันให้คนปวกเปียกหรอกนะโว้ย”

          รอบนี้สิทธิ์ไม่เถียงกลับ แถมยังตีหน้าเศร้าใส่อีก เล่นเอาวินที่กำลังสรรหาคำด่าต่อถึงกับชะงัก

          “โทษทีนะ”

          เจอแบบนี้วินทำหน้าเหมือนเห็นผีเลยทีเดียว

          เดียร์สะดุ้งนิดหน่อยเมื่อสิทธิ์มองมาด้วยสายตาที่ยังคงเจ็บปวดไม่เปลี่ยน แม้มันอาจจะเป็นการคิดไปเอง แต่เดียร์ก็รู้สึกเหมือนกับอีกฝ่ายเองก็ไม่ต้องการจะเดินจากเขาไปเหมือนกัน แต่เพราะไม่อาจทนกับสิ่งที่เพิ่งรับรู้นี้ได้ สิทธิ์จึงได้แต่หันหลังให้เดียร์และเดินจากไปโดยไม่มีการเหลียวหลังเลย
         
          “…อะไรวะ…” หนุ่มแว่นได้แต่สบถ ก่อนที่อารมณ์แรงจะดับลงเพราะเห็นใบหน้าของน้องชาย “ไม่เป็นไรใช่ไหม...”

          “เป็นครับ” เด็กหนุ่มตอบตามตรงก่อนจะทรุดลงกับเก้าอี้ ทั้งที่เสียใจมาก แต่ตอนนี้กลับไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักนิด ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เขาได้แต่โกรธตัวเองที่ดันไปยินดีกับความเจ็บปวดนี่น่ะสิ...เสียอย่างเดียวคือเขาไม่ชอบใจเลยที่สิทธิ์เองก็เสียใจเหมือนกันนี่ล่ะ “ผมควรจะทำยังไงดี...”

          วินเม้มปากแน่น ใจหนึ่งอยากจะปลอบให้น้องชายหลุดจากห้วงแห่งความเศร้า แต่พอคิดถึงสิทธิ์แล้ว ไอ้ที่อยากจะปลอบก็ฝ่อลงคอไปหมด

          “ผูกเองก็แก้เองสิครับ” ชาโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงสะใจสุดขีด เล่นเอาวินเผลอถลึงตาใส่ แน่นอนว่าชาไม่สะทกสะท้านสักนิด “เขาก็แค่ขอเวลาทำใจไม่ใช่หรือครับ ถ้ารักจริงก็ตื๊อๆเข้าหน่อยสิ จะได้ชดใช้กับที่คุณทำเขาไว้เสียเยอะไง”

          “แต่ไอ้หอยหลอดนั่นมันก็หลอกเดียร์นะ” หนุ่มแว่นค้าน

          “ก็ทั้งคู่นั่นละครับ ก็ไปจัดการกันเองเถอะ” แน่นอนว่าชารู้อยู่แก่ใจว่างานนี้ใครสมควรโดนที่สุด...ก็ดูเอาเถอะ ขนาดปากว่าเสียใจ หน้ามันกลับแดงระเรื่อเสียอย่างนั้น อยากจะถีบแต่เดี๋ยวก็เข้าทางมันอีก “มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมเชื่อว่าแต่ละคนก็มีความรับผิดชอบมากพอจะไม่หนีจากสิ่งที่ทำกันหรอก”

          เดียร์ได้แต่ทำหน้านิ่ง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะย้อนเสียเจ็บจี๊ดโดนใจขนาดนี้ แต่ด้วยความที่คิดถึงสิทธิ์ เลยพยายามรู้สึกผิดให้มากกว่าสุข

          นั่นสิ...ในเมื่อเรากับเขาเองก็ทั้งใจและรสนิยมตรงกันแล้วนี่...

 
          “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแกจะพูดแบบนี้...ไหนเดียร์ว่าเป็นเพื่อนกับแก” หลังจากพาน้องชายเข้าห้องไป วินก็กลับเข้าห้องมาต่อว่าลูกน้องในห้องนอนของตนอย่างอารมณ์เสีย...และอารมณ์เสียยิ่งกว่าเมื่ออีกฝ่ายดูจะไม่สะทกสะท้านต่อคำว่าของตนเลย...หรือเอาจริงๆ ท่าทางจะฟินเสียเหลือเกินจนน่าหมั่นไส้

          “ก็เพราะเป็นเพื่อนยังไงละครับ ถึงพูดแบบนั้น” ท่าทางของชาดูจะปลาบปลื้มกว่าเดิม “เรื่องหลอกคุณสิทธิ์เขาก็ทำไปด้วยความสมัครใจเอง ถ้าคุณเดียร์เขาไม่แสดงความจริงใจให้คุณสิทธิ์ด้วยตัวของเขาเอง แล้วมันจะทำให้คุณสิทธิ์ยอมรับหรือครับ”

          แต่อีกส่วนก็สมน้ำหน้ามันน่ะครับ แกล้งชาวบ้านไว้เยอะ โดนเองซะบ้างเถอะ...ถึงเอาจริงๆท่าทางจะดูมีความสุขกว่าน่ะนะ...

          สีหน้าของวินคัดค้านอย่างชัดเจน แต่ด้วยความที่คิดถึงมานาน บวกกับเบื่อจะพูดเรื่องคนอื่นเต็มทน...และไหนๆก็ไม่มีอะไรจะปิดแล้ว ชาจึงไม่ยอมจะเสียเวลาในตอนนี้แม้แต่นาทีเดียว

          “แต่ตอนนี้เรื่องทุกอย่างมันก็จบแล้วนะครับ” แน่นอนว่าชาไม่ได้หมายถึงเรื่องเดียร์ “คุณสัญญาอะไรไว้ ผมจำได้ทุกอย่างนะ”
จำได้อย่างเดียวไม่เท่าไหร่ ทำหน้ากระสันใส่นี่รับไม่ได้อย่างแรง...

          “นี่สรุปแล้ว...นายวางแผนไว้ทุกอย่างเรอะ...” ด้วยความที่ยังไม่อยากจะเชื่อนัก เลยอดถามไม่ได้ “ทั้งเรื่องที่คอยห้ามฉันไม่ให้หาเดียร์จนร้องไห้ออกมา...ทั้งเรื่องที่ทำให้ฉันเข้าใจว่านายเป็นพ่อสื่อให้เดียร์จนฉันไล่นายมาที่ชลบุรีนี่...”

          เอาเข้าจริงๆชาก็อยากจะค้านใจจะขาด แต่ลองบอกความจริงไปใครมันจะเชื่อ อีกทั้งนี่ก็เป็นโอกาสดีงามขนาดนี้ เรื่องอะไรจะปล่อยให้เป็นความชอบของคนอื่นง่ายๆกัน

          “เพราะงั้น ห้ามผิดสัญญานะครับ”

          วินปั้นหน้านิ่ง ท่าทางเหมือนคิดไม่ตก ก่อนจะเริ่มออกอาการอีหลักอีเหลื่อ และยิ่งเหงื่อแตกเมื่อเจ้าหมาตรงหน้ามันหลับตาพริ้มเหมือนกำลังรอเซอร์ไพรส์ ทำเอาหนุ่มแว่นกลัดกลุ้ม...แน่ล่ะ ถ้าเป็นคนธรรมดาเขาก็ไม่คิดมากหรอก แต่ไอ้บ้านี่มันดันเป็นมาโซฯนี่สิ

          ...

          ใช่ว่าชาจะไม่ชอบ เขาเองก็อยากได้อยู่ เพียงแต่ไม่คิดว่าวินจะจูบก่อนเลย ทั้งที่กะว่าอย่างน้อยน่าจะโดนเล่นงานอะไรบ้าง แต่จะให้ห้ามก็เสียดาย เลยได้แต่ตอบรับจูบอันอ่อนโยนนี้...ซึ่งมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาคิดว่าจะได้รับจากคนที่บอกว่าจะลงโทษตน
โป๊ก!

          ...ถ้าถามว่าเจ็บไหม สำหรับชาแล้วมันก็ใช่ เพียงแต่ออกจะสุขสมเสียมากกว่าจนเจ็บไม่ออก ในขณะที่คนโขกหัวจับหน้าผากแน่น ท่าทางทรมานเหมือนจะตายเสียให้ได้

          “บ้าเอ๊ย ชอบเข้าไปได้ยังไงวะ” วินว่าก่อนจะกลับมาสวมแว่นดังเดิม “นี่แกไม่เจ็บเลยเรอะ”

          “...ก็นิดหน่อย...ขออีกทีได้ไหมล่ะครับ” ท่าทางจะยังอึ้งไม่หาย แต่เพราะยิ้มออกมา เลยทำให้วินไม่ลังเลกับคำขอนั้น เพียงแต่รอบนี้ใช้หมัดแทนหน้าผากตัวเอง “ไม่เจ็บเลยครับ”

          จากที่จะใส่อีกหมัด เจอรอยยิ้มที่มีความสุขเสียเหลือเกินนั่น...ถึงกับหมดแรง

          “ให้ตาย” วินถอนใจก่อนจะล้มตัวลงบนโซฟา ดวงตาคมมองเจ้าคนที่โดนโขกซึ่งยังคงยิ้มร่าและไม่ยอมนั่ง “บอกไว้ก่อนว่าฉันไม่ได้เป็นพวกซาดิสม์นะโว้ย แค่ทำเพราะเห็นแกชอบกับระบายอารมณ์ตัวเองก็เท่านั้น”

          “แค่นั้นก็เกินพอแล้วครับ” แม้จะแอบเสียดายนิดๆ แต่ชาก็ยังตอบกลับทั้งรอยยิ้มได้ “ผมเองก็ไม่ได้มาโซฯขนาดที่ว่าตอนมีเซ็กซ์แล้วยังต้องโดนทำร้ายหรอกนะ”

          วินถึงกับสำลัก

          “แต่ถ้านิดๆหน่อยๆเผื่อคุณวินอยากลองผมก็ยินดีนะครับ หรือจะเล่นแบบขั้นโซ่แส้กุญแจมือผมก็โอเค” น้ำเสียงร่าเริงแต่เรื่องที่พ่นออกมาไม่น่าฟังเลยสักนิด “ถ้าเป็นคุณ ต่อให้แค่แบบธรรมดาหรือไม่ได้มีอะไรกัน แค่อยู่กับคุณผมก็มีความสุขแล้วล่ะครับ”

          “...เอ่อ...เหรอ” หนุ่มแว่นไม่แน่ใจว่าจะรับมุกยังไงดีเลยได้แต่ตอบรับเสียงแผ่ว แต่พอเห็นชาทำหน้าเหมือนจะกังวล ชายหนุ่มก็โบกมือ “ฉันแค่ยังตามความคิดนายไม่ค่อยจะทัน ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรหรอก...”

          พออยู่ๆโดนจ้องหน้ากันตรงๆ จากที่กำลังมีความสุขก็อดเขินขึ้นมาไม่ได้ ทั้งยังทำให้คิดถึงเรื่องเมื่อตอนอยู่ใต้หอพักเมื่อคราวก่อนอีก เล่นเอาอายจนต้องบ่ายหน้าหนีเลยทีเดียว

          “เออ ถ้าแบบนี้ค่อยน่าแกล้งหน่อย” วินอดเหยียดยิ้มออกมาไม่ได้ที่อยู่ๆเจ้าบ้าตรงหน้าเพิ่งมาเขินเอากับเรื่องที่ไม่น่าจะเขิน “ถ้าลองทำตัวแบบนี้ ฉันอาจจะยอมแกล้งให้ทั้งวันก็ได้”

          ใจจริงอยากจะยิ้มรับอยู่หรอก เสียแต่เขินจนยิ้มไม่ออกนี่ละ

          “ไหนว่าไม่ได้เป็นพวกซาดิสม์ไงละครับ” เมื่อโดนจ้องไม่เลิก โดยที่ไม่สามารถหนีไปไหนได้ ชาก็ได้แต่ท้วงหวังจะให้อีกฝ่ายเลิกมองเสียที...ถึงจะแอบรู้สึกเสียดายอยู่ก็ตาม

          “ก็ไม่ได้เป็น” เสียงทุ้มตอบอย่างฉะฉาน “แต่ถ้าไม่ชอบ จะยอมให้ฉันโอ๋นายไหมล่ะ เหมือนอย่างคราวก่อนไง ท่าทางจะโดนใจมากกว่านี่...หืม?...ที่รักจ๊ะ”

          ไม่ต้องเสียเวลาเลือกด้วยซ้ำ

          “คุณนี่มันขี้โกงชะมัด” จากที่กำลังเขินจนเกือบละลาย เจอคำสรรพนามหวานบาดใจนั่น เล่นเอากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงแทบไม่ทัน

          “ฉันน่ะยังไงก็ได้อยู่แล้ว” วินยักไหล่ “...แต่ก่อนหน้านั้นต้องจัดการกับนายเรื่องที่ด่าฉันก่อน...แถมยังห้ามให้ฉันเบี้ยวสัญญาอีกนี่นะ...”

          ทีแรกไม่ทันคิดอะไรแต่พออีกฝ่ายลากเสียงยาวๆแบบนี้ ชาชักเริ่มหวั่นแล้วว่าบทลงโทษที่ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่เขารอคอย

          “ขึ้นชื่อว่าลงโทษ มันก็ต้องไม่โสภากับคนโดนสิ ใช่ไหมคุณชา” น้ำเสียงทุ้มที่ฟังดูนุ่มนวลจนผิดหูที่เรียกชื่อของตนทำเอาชาขนลุกไปหมด ขาทั้งสองเผลอถอยหนีคนตรงหน้า แต่มีหรือที่วินจะยอม “อ้าว มากลัวอะไรตอนนี้กันละ ฉันไม่ทำอะไรรุนแรงหรอก มันไม่ใช่นิสัยฉัน นายก็รู้”

          โอ๊ย ป่านนี้แล้วอมพระมากี่องค์ผมก็ไม่เชื่อหรอก!!! ผมพิสูจน์มาสิบกว่าปีแล้ว ให้ตายก็ไม่เชื่อ...แล้วไหนบอกว่าไม่ได้เป็นพวกซาดิสม์ไงล่ะครับ แต่นี่เล่นเอามาโซฯอย่างผมผวาเลยนะ!!!

          “ห้ามหลบนะ” พอเห็นคนอายุมากกว่าจะหลบตาก็สั่งเสียงเข้ม “จะหลบทำไมล่ะ…หรือนายยังมีความลับอะไรกับฉันกัน หืม”

          ไม่ว่าเปล่ามียื่นมือมาแนบหน้าทำเหมือนกับกำลังทะนุถนอม เล่นเอาชาถึงกับขนลุก แต่จะหนีก็ไม่ได้เพราะโดนอีกฝ่ายโอบคอเอาไว้อยู่ ช่างเป็นการรั้งที่ไร้ความรุนแรงสิ้นดี จนชาได้แต่ยืนแข็งเป็นหินอยู่เช่นนั้น

          “ผมเขินนี่ครับ” เมื่อไม่อาจทนไหว ชายหนุ่มจึงสารภาพออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ทำท่าเหมือนหายใจไม่ทัน หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นรัวๆจนทำเอาเจ้าของจะหน้ามืดอยู่รอมร่อแล้ว “ผมอาจจะชอบความเจ็บปวด แต่ผมไม่ได้หน้าด้านนะครับ…”

          ตอบเสร็จก็กลับมาความดันขึ้นต่อเพราะพ่อแว่นแกจ้องตาไม่กะพริบ แถมยังหน้านิ่งจนดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่เลยสักนิด ทำเอาชาเหมือนจะเป็นโรคหัวใจขึ้นมาจริงๆจังๆแล้ว

          “หรือไม่อยากให้ฉันมองนายกันละ”

          คนฟังเม้มปากแน่น…เขาอยากให้วินมองมาที่เขาคนเดียวก็จริง แต่ไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย!!

          “คุณนี่มันขี้โกงที่สุด ผมจะไปพูดแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับ” ท้ายที่สุดชาก็ได้แต่เอ่ยคำนี้โดยที่ไม่อาจหนีสายตาคมที่หลงมานมนานได้

          วินเพียงแต่ยักคิ้วให้ก่อนจะถอดแว่นของตัวเองออก ยิ่งทำให้ชารู้สึกร้อนไปทั้งตัวที่โดนมองโดยไม่ผ่านแว่นแบบนี้

          “อย่าหลบตา” วินสั่งอีกครั้งเมื่อชาพยายามจะบ่ายหน้าหนี ในตอนนี้ใบหน้าของทั้งคู่ห่างกัน

          “คะ…คุณทำเป็นหรือครับ…” ด้วยความที่อายจนหัวหมุน เลยหลุดปากถามออกไปแบบไม่ทันได้คิด และนั่นก็ทำให้วินเผลอบีบหน้าอีกฝ่ายแบบไม่ทันคิดเช่นกัน

          “จะดูถูกฉันก็ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ” วินกัดฟันกรอดๆ ก่อนจะเลื่อนไปจับไหล่ชา “เป็นไม่เป็น ก็พิสูจน์เอาสิ”

          ตอนนี้จะเข้าทางหรือไม่ วินก็ไม่สนใจแล้ว ชายหนุ่มดันลูกน้องไปทางเตียงด้วยความหงุดหงิด ซึ่งก็อยู่ตรงข้ามกับโซฟาที่เขานั่งก่อนหน้าพอดี

          “เอ่อ เดี๋ยวก่อนสิครับ” หลังจากโดนรุกล้ำจนเกือบจะถึงหน้าประตูเมือง ชาก็ร้องห้ามลั่น จนวินเริ่มหงุดหงิด “ผมไม่ได้จะไม่ทำ…แต่…มันจะดีหรือครับ…คือคุณธานินทร์กับคุณศิวะก็อยู่ข้างล่างนะครับ”

          วินเลิกคิ้วแล้วคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก

          “ไม่เป็นไรหรอก กำแพงมันหนา”

          พูดจบก็ปิดปากอีกฝ่ายอย่างรำคาญปนกลัวว่าจะโดนขัดอีก และทั้งที่วินก็ไม่ได้จูบอะไรรุนแรง แต่ชากลับส่งเสียงประท้วงในลำคอเหมือนจะขาดใจ แต่ทั้งอย่างนั้นก็ไม่ได้ขัดขืนฝืนหนีแต่อย่างใด ก็ยอมให้เขาจูบอย่างอ่อนโยนแต่โดยดี

          แล้วมันก็ชวนให้นึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก จนเผลออ้อยอิ่งนิ่งมองเจ้าลูกน้องที่หลับตาหน้าแดงเป็นลูกตำลึงตรงหน้าเสียเพลิน…จากทีกำลังลังเลว่าจะต้องรุนแรงสนองความต้องการอีกฝ่ายเพื่อปลอบประโลมบ้าง กลายเป็นว่าชักอยากจะแกล้งให้ชักตายไปเลยเสียมากกว่า

          ชาถึงกับสั่นระริกกับรสจูบที่แสนหวาน ยิ่งปรือตามาเห็นว่ากำลังโดนจ้อง เขาก็อยากจะมุดเตียงหนีให้รู้แล้วรู้รอดเสียจริง แต่เพราะทำไม่ได้จึงทำแค่เพียงหลับตาหนี…ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเพราะทำแบบนั้นหรือเปล่า เลยยิ่งโดนประโคมความหวานและอ่อนโยนเสียจนแทบสำลัก

          “ไง พอจะไหวไหมครับ” เสียงทุ้มกระซิบถามอย่างแผ่วเบาข้างหู แต่ทำเอาคนฟังทรมานแทบขาดใจในหลายๆความหมาย “หรือถ้ารุนแรงไป ผมจะได้ทำให้อ่อนโยนกว่านี้”

          ไม่ซาดิสม์เล้ย พ่อคุณ!

          วินยกยิ้มเมื่อเห็นชาเพียงแต่ส่งสายตาเจ็บใจมาให้หลังจากเขาผละออกมา นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มชักอยากแกล้งเล่นมากว่าเดิม แม้อันที่จริงการเห็นผู้ชายที่รูปร่างไม่ต่างจากตนมาแสดงความอ่อนแอให้เห็นแบบนี้จะทำให้วินรู้สึกสมเพชเสียมากกว่า…แต่ในตอนนี้เขาถึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายน่ารักน่าแกล้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเหลือเกิน…หรือไม่ก็คงอยากแก้แค้นคืนมานานแล้วกระมัง…ก็มันเล่นกวนประสาทใส่มาตั้งหลายปี เพิ่งจะได้เอาคืนแบบสะใจจริงๆจังๆก็คราวนี้ล่ะ

          เพราะรักน่ะหรือ

          เขาอดหัวเราะตัวเองไม่ได้ ถึงจะไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้ว เขาก็ไม่ใส่ใจจะไปสงสัยถึงช่วงเวลา เพราะสิ่งที่สำคัญกว่ามาอยู่ตรงหน้าแล้ว…และเขาเองก็เริ่มจะอดใจไม่ไหวแล้วด้วย

          “อ๊ะ…เดี๋ยวสิครับ…” ชาร้องเสียงหลงเมื่อวินทำท่าจะถอดเสื้อของตน “ผมว่าผมไปอาบ…น้ำก่อนดีไหม…วะ…วันนี้ทั้งวันเราก็ไปบุกน้ำลุยไฟมาตั้งเยอะ…ผมว่าถ้าทำเลยมันคงจะไม่ดี…”

          แต่สีหน้าของวินคัดค้านอย่างชัดเจน

          “โอ๊ย อยู่กันมาตั้งนาน ได้กลิ่นจนชินแล้วล่ะน่า” วินว่าโดยที่มือก็ยังปลดเสื้อเชิ้ตสีเทาลายสก็อตของชาไม่หยุดมือ “หรือนายรังเกียจฉันกันล่ะ”

          ใช่ก็บ้าแล้ว

          เมื่อชาเอาแต่ค้าง วินก็เพียงแต่ยักไหล่และใช้มือทาบลงบนแผงอกที่หนาไม่ต่างจากตน…ซึ่งเขาก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร แต่พอเห็นชาทำท่าเหมือนจะระเบิด เขาก็อดลูบไม่ได้ แน่นอนว่าอย่างอ่อนโยนที่สุด…แล้วดูสิ ทั้งที่ไม่ได้รุนแรงแท้ๆ แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าเหมือนจะทนไม่ได้เสียแล้ว ไม่รู้จะเรียกว่าความรู้สึกไว หรือเพราะมันเป็นของแสลงที่ไม่คุ้นเคยกันแน่นะ

          “อะไร ฉันยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะ” วินเยาะ เมื่อเห็นชาพร้อมจะวิ่งเข้าเส้นชัยเสียแล้ว “จะทิ้งกันแล้วหรือ ไหนว่ารักกันไง”

          “…มันเกี่ยวที่ไหนกันละครับ” ชาย้อนเสียงขุ่น ก็ยังดีที่วินไม่แกล้งเขาด้วยห้ามเอามือปิดปากตัวเอง เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นมีหวังเสียงที่ไม่อยากจะให้วินฟังคงหลุดออกมาได้หนึ่งซิงเกิ้ลแล้ว “ผมไม่ได้ปวกเปียกขนาดแค่ครั้งสองครั้งแล้วจะหมอบนะครับ”

          ยังยั่วไม่เลิก

          “โฮ่ พูดแบบนี้จะบอกว่าให้ทำกี่รอบก็ได้สินะ” วินถามเสียงสูง ยิ่งเห็นชาท้ากลับด้วยสายตา ชายหนุ่มก็ยิ้มกว้าง “ดี แต่ตอนนี้ฉันไม่อนุญาตให้นายเสร็จก่อนหรอกนะ”

          ถึงกับหน้าเบี้ยวทันควัน “แล้วจะให้ผมยังไงล่ะครับ”

          “จะไปรู้เรอะ ก็จับไว้สิ อย่าให้มันออกมา” วินบอกติดตลก แล้วจับมือชาลงมาหาภูเขาไฟที่ใกล้ปะทุ “เอ้า จับไว้ หลุดออกมานี่ฉันจะพูดกับนายด้วยคำพูดหวานๆไปสองอาทิตย์เลย”

          หนาวไปถึงกระดูกเลยทีเดียว

          เห็นคนอายุมากกว่าพยายามห้ามอารมณ์ที่จะพุ่งออกมาอยู่รอมร่ออย่างเอาเป็นเอาตาย วินก็อดยิ้มไม่ได้ และถึงจะสนุกก็ไม่อยากจะแกล้งนานเพราะสงสารเหมือนกัน ยังไงเสียจากนี้ไปก็มีเวลาอีกทั้งชีวิตที่จะได้แกล้งอยู่แล้ว

          ร่างตรงหน้าสั่นระริกเมื่อวินค่อยๆรุกล้ำเข้าไปหา มือทั้งสองก็พยายามประคองอารมณ์ของตัวเองสุดชีวิต ใบหน้าที่บิดเบี้ยวคล้ายกับทรมานสะบัดไปมาเหมือนกำลังสู้กับบางสิ่งบางอย่างสุดตัว

          “จะว่าไปก็ง่ายกว่าที่คิดนะ” วินหยอกคนที่เอาแต่หลับตาปี๋เพราะหนีสายตาของตน “หรือจริงๆเคยไปทำแบบนี้กับคนอื่นมาก่อน”
          “เปล่าสักหน่อยครับ…” เสียงทุ้มที่ตอบกลับแหบพร่า

          “ไม่จริงอะ ฉันว่าปกติมันไม่น่าจะเข้าง่ายขนาดนี้นะ” วินยังคงเซ้าซี้ไม่เลิก เห็นคนตรงหน้าจะบ้าตายเพราะคำถามตัวเองแล้วสนุกอย่างบอกไม่ถูก “เคยไปทำกับคนอื่นก็บอกมาสิ ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”

          ดวงตาเรียวปรือมองทั้งที่ออกอาการจะระเบิดทุกขณะที่โดนจ้องตา ท้ายที่สุดก็ได้แต่เบี่ยงหน้าไปทางอื่น

          “ก็ทำเองนั่นล่ะครับ…” ถ้าหนีไปได้เสียเดี๋ยวนี้ก็คงดี เพียงแต่ตัวเองก็มั่นใจว่าต่อให้อีกฝ่ายไม่รั้ง เขาก็ไม่หนีหรอก “ก็คิดว่าคงไม่มีโอกาสแบบนี้…เลยพยายามหาอะไรที่มันใหญ่พอๆกับของคุณมาใช้…”

          วินค้างนิ่ง…ไม่แน่ใจว่ากำลังดีใจหรือแปลกใจที่เจ้าหมานี่มันแอบมารู้ไซส์ตัวเองได้ยังไง แต่ยังไงเสียในเมื่อชมกันขนาดนี้ ใครจะไม่ดีใจบ้าง

          “อ๊ะ…ดะ…เดี๋ยวสิครับ…” ก่อนที่วินจะดำเนินการไปมากกว่านี้ ชาก็ร้องห้ามเสียงเครือ “ถ้าคุณรีบเข้ามาขนาดนี้ ผมทนต่อไปไม่ไหวแน่ๆ”
          “หรือจ๊ะที่รัก”

          จากที่กำลังโดนคลื่นตีเขื่อนเกือบแตก ถึงกับอารมณ์หดลงไปเกือบครึ่ง

          “สงสารหรอกนะ ถึงช่วย” แม้จะฟังเหมือนดูถูก แต่เสียงทุ้มแสนหวานที่กระซิบดังอยู่ข้างหู ทำให้ชาไม่รู้สึกดีอย่างที่ควร ซึ่งนั่นก็ถือว่าดี เพราะไม่อย่างนั้น ภูเขาไฟคงระเบิดไปแล้วแน่ๆ “อย่าลืมนะว่าถ้าทนไม่ได้จะเจออะไร”

          “...คุณจะให้ผมตายหรือไงครับ...อึก...” ชาประท้วงได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องหยุดไปเพราะเจ้าคนขี้แกล้งรุกเข้าหาอย่างไม่ทันตั้งตัว           “คุณ!...”

          วินเพียงแต่ยิ้มให้อย่างไม่แยแส แล้วจัดการโดยไม่สนใจคำทักท้วงนั่น จนชาได้แต่เก็บคำพูดลงคอก่อนจะพยายามห้ามความต้องการของตัวเองสุดความสามารถ ซึ่งคำขู่ของวินก่อนหน้าก็ช่วยระงับอารมณ์ได้อย่างดี...ถ้าต้องเจอแบบนั้นไปสองอาทิตย์ เขาต้องแสลงใจตายก่อนแน่ ขนาดก่อนหน้าโดนแค่สองสามนาทียังสยองเกือบตายเลย

          คนอายุน้อยกว่ามองอีกฝ่ายที่หน้าแดงก่ำ ท่าทางของชาทรมานเหมือนจะตายเสียให้ได้ และไม่ได้ใส่ใจจะมองตนเลย เพราะมัวแต่ไปพะวงกับเบื้องล่างที่ไม่ยอมฟังคำสั่งเจ้าของและพร้อมจะออกมาได้ทุกขณะ จนถึงกับต้องใช้มือบีบไว้เสียแน่น ชวนให้สงสารแต่ไม่รู้ทำไมวินกลับหุบยิ้มไม่ลง ยิ่งเห็นสายตาเจ็บแค้นเสียเต็มประดาที่แอบเหลือบมองตนเป็นระยะ กลับทำให้นึกเอ็นดูกว่าเดิมอีก

          “อ๊ะ...” ชา เผลอร้องเมื่ออยู่ๆมีอีกมือมาร่วมจับเบื้องล่างของตนจนชายหนุ่มเผลอเงยหน้า มอง แต่เพียงไม่นานก็ต้องหนีกลับด้วยความเขินเพราะโดนสายตาคมจ้องซะเหมือนจะเอาให้ทะลุร่าง “คุณ...”

          “พอได้แล้ว” เสียงทุ้มบอกอย่างแผ่วเบาและติดสั่น ใบหน้าชื้นเหงื่อของวินโน้มเข้ามาใกล้จนได้ยินเสียงหายใจอย่างชัดเจน “ฉันใกล้แล้ว...”

          “ไม่นะครับ!”

          เพียงแค่ดึงมือที่ขวางความสุขออก เขื่อนก็แตกทันที แต่วินก็ไม่ได้หยุดเพราะไม่อยากให้ไฟอารมณ์ของตัวเองดับมอดเอาดื้อๆ จึงใส่ต่ออย่างไม่สนใจเสียงร้องครวญครางเพื่อให้มันจบเสียก่อน

          “อึก...” เสียงครางแผ่วลงเมื่ออีกฝ่ายหยุดเคลื่อนไหว ดวงตาเรียวที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำตามองคนตรงหน้าที่หอบหายใจรุนแรง แต่เพียงไม่นานก็หลบหนีเมื่อวินมองกลับมา

          ทีแรกวินว่าจะแซวสักหน่อย แต่พอได้เห็นใบหน้ากลัวความผิดของชาที่ท่าทางจะกลัวจัดจนถึงกับสั่น วินก็เลือกที่จะหัวเราะออกมาแทน
“ถามจริง กลัวโดนโอ๋ขนาดนั้นเลยเหรอ...ไหนว่าต่อให้ฉันทำดีกับนายตลอดไปก็ยอมไง” เขาถามโดยที่ยังอยู่ในท่าเดิม ไม่คิดจะถอนตัวออกมาแต่อย่างใด ทั้งยังขยับเป็นพักๆเพื่อกระตุ้นอารมณ์และเร่งให้อีกฝ่ายตอบคำถามตน

          ชาเพียงแต่บึ้งหน้าใส่อย่างคนจนหนทาง ยิ่งโดนลูบหัวเสียเบามืออีก ยิ่งทำให้อยากจะกัดลิ้นตัวเองตายไปให้รู้แล้วรู้รอดที่ดันเผลอพูดเรื่องบ้าๆพรรค์นั้นให้อีกฝ่ายได้ยิน

          “รอบนี้ไม่นับ ไม่ต้องห่วง” เมื่อเห็นชาทำท่าจะร้องไห้วินก็ปลอบให้อีกฝ่ายใจเย็น...เพียงแต่ท่าทางจะอ่อนโยนไปนิด ถึงได้สั่นไม่เลิก เลยต้องใช้ไม้แข็งปลอบแทน...ซึ่งหยุดทันทีจนน่าโมโห

          “มะ...ไม่นับ...จริงๆนะครับ...” หลังจากสะดุ้งที่โดนงับซอกคอเข้าเต็มเขี้ยว ชาก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่นเพราะยังไม่เชื่อใจเท่าใดนัก

          “เออ ไม่นับ” วินแอบยิ้ม...ก็ใครใช้ให้น่าเอ็นดูเสียขนาดนี้กัน “เดี๋ยวเป็นอะไรไปฉันก็เหงามือแย่สิ ไม่มีใครเป็นกระสอบทรายรองมือรองเท้าฉันได้ดีเท่านายแล้ว”

          และคนพูดก็ไม่แปลกใจสักนิดที่อีกฝ่ายดูจะปลื้มกับประโยคเมื่อครู่เสียเหลือเกิน


____________________________________

โห..ป่วยบ่อยๆแบบนี้ไปทำบุญซักหน่อยก็ดีนะคะ เผื่ออะไรจะทำขึ้น คงไม่ใช่ปีชง ใช่ใหม?
ของเรานี่ชงปีหน้างับ แต่เหมือนแม่บอกว่าเป็นที่ราศีน่ะงับ เห็นว่าหกเดือนแรกของปีนี้จะโชคร้าย...เราก็ไม่คิดอะไรนะ แต่เริ่มมาก็หวัด เว้น หวัด ภูมิแพ้ขึ้นบ้าง ไข้หวัดใหญ่ตามมา แถมยังต่อด้วยโรคบางอย่างที่ชื่อโรคชวนคิดสองแค่สามง่ามแต่มันเกิดเพราะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ (ฮา) ยัง...ยังไม่พอ ยังเป็นโรคปากนกกระจอกอีก =_= ยั้งงงง ยังมีอีกกก อาทิตย์ก่อน เดินๆ อยู่ๆก็ตกร่องพื้นตื้นๆ ขาแพลงอีก...เจอแบบรวมมิตรมาก ฮาๆ ;w;

//อิดิทเว้นวรรค
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-04-2015 13:02:48 โดย musddmp »

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
กร๊ดๆๆๆๆๆๆๆ ไม่คิดว่าจะเจออีเว้นท์นี้เลยค่ะ ชากับวิน วินกับชา อร๊ายย.ย.ย.

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
         
ตอนที่ 56

          “เอาหน่อยไหม”

          ธานินทร์เงยหน้ามองกระป๋องเบียร์ที่เกือบจะโดนหน้าของตน ก่อนจะรับมาอย่างทุลักทุเล เพราะมือยังระบมไม่หาย

          “โอย เจ็บชะมัด” หลังจากจิบไปได้นิดหน่อย หนุ่มตาตกก็โอดโอยพลางวางกระป๋องเบียร์ไว้บนโต๊ะข้างโซฟายาวที่ตนนั่งอยู่ “เล่นซะหน้าปูดหมดเลย ไอ้แก่นั่น”

          “ก็ยังดีที่แค่เจ็บ นอกจากซี่โครงร้าวทุกอย่างก็โอเคนี่” ศิวะพูดเสียงเรียบก่อนจะลงมานั่งบนโซฟาด้านข้าง และซดเบียร์จนหมดกระป๋อง “นายคิดว่าคุณมาริสาจะจัดการเขายังไง”

          ธานินทร์เลิกคิ้วแล้วเหลือบมองอีกฝ่าย “คงแค่ปางตายมั้ง ไม่น่าจะถึงขนาดฆ่าแกงกันหรอก เกลียดยังไงก็เป็นสามีมาก่อนนี่นา...มั้ง...”

          แต่พอมาคิดดูดีๆแล้วตัวเองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก ว่ากันตามตรงมาริสาเองก็โหดไม่เบาเหมือนกันนั่นล่ะ ไม่อย่างนั้นเสือสุดโหดที่เจ้าชู้ไข่ทิ้งไปทั่วอย่างอาเขตคงไม่กลัวถึงขนาดหนีไปนอกประเทศแบบให้ตามตัวไม่เจอเป็นหลายปีแบบนี้หรอก

          ใบหน้าที่มักนิ่งแสดงความอาฆาตออกมาอย่างไม่ปกปิด ซึ่งธานินทร์ก็ไม่แปลกใจนัก

          “ไม่เอาน่าพี่ ต่อให้ไอ้แก่นั่นตายจริง ไอ้ที่พี่หวังมันออกจะ...เอ่อ...ยากอยู่นะ” เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะปลอบต่อดีไหม เพราะยิ่งพูด เหมือนเป้าหมายระบายอารมณ์จะตกลงมาที่ตนแทน “ทะ...ที่สำคัญ พี่ไม่เคยบอก แล้วคุณมาริสาจะรู้หรือ...”

          “ให้ตาแก่นั่นมันตายก่อนแล้วฉันถึงจะบอก” ว่าแล้วก็เปิดอีกกระป๋องที่พกแถมมาซดโฮก “ถ้าต้องโดนปฏิเสธทั้งที่ก้างอยู่ มันจะไปมีความหวังได้ยังไงล่ะ”

          ธานินทร์เพียงแต่ยิ้มเจื่อน...ถึงจะไม่เข้าใจความชอบของอีกฝ่าย แต่ลองกล้าไปเป็นผู้ช่วยให้ทั้งที่งานโหดหินขนาดนั้น แถมมาริสาเองก็ยังจุกจิกจู้จี้และเข้มงวดจะตาย ถ้าไม่ชอบจริงคงทนอยู่มาเป็นสิบปีไม่ได้หรอก

          “ว่าแต่นายเถอะ ฝั่งเราน่ะเรียบร้อย แต่อีกฝั่งที่นายไปติดต่อด้วยล่ะ” ศิวะเปลี่ยนเรื่องคุยท่าทางยังหงุดหงิดไม่หาย “ได้ข่าวว่าทางนั้นหวังฆ่าคุณสิทธิ์จริงๆจังๆเลยนี่ ไปร่วมมือกับคนแบบนั้นมันจะดีหรือ”

          “ก็กลัวอยู่นิดหน่อยนะ” ธานินทร์ว่า “แต่...ยังไงดีล่ะ...ไอ้ผลประโยชน์มันก็เรื่องนึง แต่ดูเหมือนเป้าหมายจะไม่ใช่คุณสิทธิ์ยังไงก็ไม่รู้ ตอนช่วงที่คุณวินรู้เรื่องที่คุณสิทธิ์คบกับเดียร์ ก็ไม่เห็นจะสนใจอะไรเลยนะ”

          “ขนาดว่าเล่นงานจนแทบแย่เมื่อคราวนั้นน่ะนะ?”

          “จะไปรู้หรือ...เอาน่า ยังไงเขาก็ไม่ยุ่งกับคุณวินหรอก หรือต่อให้ทำจริง ฉันก็ไม่ยอมอยู่แล้ว...”

          พูดไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องเงียบลงเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆแทรกเข้ามาเป็นระยะ พอฟังดูให้ดีๆ ทั้งสองก็ถึงบางอ้อและศิวะก็รีบเปิดทีวีเพื่อกลบเสียงตึงตังนั่น

          “ฮะๆ ให้ตายเถอะ ยังทำอะไรไม่เกรงใจชาวบ้านเหมือนเคย” ธานินทร์หัวเราะเสียงแห้ง ไม่อยากจะนึกถึงต้นเสียงเลยสักนิด

          “ขนาดตอนที่คุณมาริสาอยู่ห้องตรงข้าม เจ้าวินมันยังกล้าหิ้วสาวมานอนในห้องตัวเองเลย” ศิวะบอกอย่างเบื่อหน่ายไม่แพ้กัน “อยากรู้ว่าวินจะบอกคุณมาริสายังไงมากกว่า”

          ธานินทร์ถึงกับหัวเราะพรืด

          “ไม่เป็นไรหรอกน่า หมอนั่นมันฉลาดจะตาย...ถึงจะเชื่อคนง่ายก็เถอะ...ฮะๆ” หนุ่มตาตกหัวเราะไม่เลิก “ขนาดผมยังไม่รู้เลยว่าเขารู้เรื่องที่ผมหรือพี่เป็นพี่น้องต่างแม่กับเขา กับคุณมาริสาก็คงปิดไม่ยากหรอกน่า”

          “ก็จริงของนาย” อีกฝ่ายเห็นด้วย ท่าทางสงบลงจนธานินทร์ใจชื้น

          “แต่ที่ทำให้ผมอยากช็อกกว่าก็เดียร์นั่นล่ะ” ธานินทร์หาเรื่องคุย เพราะเงียบเมื่อไหร่ก็จะได้ยินเสียงตึงตังแว่วเข้าหูไม่เลิก “เอาจริงๆนะ...ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเดียร์จะเป็นคนวางแผนตลบหลังทั้งหมดนี่ ให้ตายสิ เห็นหน้าตาท่าทางแบบนั้น ร้ายชะมัด”

          “แล้วถ้าฉันไม่รีบบอกเดียร์เรื่องแผนนาย ป่านนี้นายอาจจะโดนฝังอยู่แถวๆโกดังไปแล้วล่ะ”

          “อ้าว พี่ก็รู้ว่าเดียร์มันวางแผนซ้อนผมเหรอ ทำไมไม่บอกกันเล่า”

          “ก็มันน่าสนุกดี” พูดทั้งที่หน้านิ่งแบบนั้นทำเอาคนฟังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างที่พูด จริงหรือเปล่า “เห็นแกหมดท่าแบบนี้แล้วขำดีนะ”

          พูดแบบนั้นแต่ก็ไม่ส่งเสียงหัวเราะออกมาแม้แต่นิดเดียว

          “เอ้อ เอาเถอะ ยังไงผลลัพธ์ก็ออกมาอย่างที่ต้องการแล้วล่ะนะ” ธานินทร์เอยพลางเงยหน้ามองเพดาน...มันจะทำกันถึงเมื่อไหร่นะ ... “กลายเป็นว่าน้องสาวเรานี่ร้ายสุดเลยสินะ”

          และศิวะก็เงียบไม่ยอมแก้คำผิดในประโยคของธานินทร์เลย

 

          ดรกลืนน้ำลายมองประตูห้องตรงหน้าด้วยอาการกลัดกลุ้มปนหนักใจกับการกระทำและ ความคิดของตน แม้รู้สึกจะอยากเดินลงไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่ขากลับก้าวไม่ออกเสียอย่างนั้น ครั้นจะเคาะประตู จิตใจส่วนหนึ่งก็คอยห้ามและกรอกความคิดที่ว่าตนเคยเกลียดเดียร์แค่ไหนจนหนักหัว แต่ทั้งอย่างนั้นกลับไม่สามารถปล่อยอีกฝ่ายเอาไว้ลำพังได้

          “ไม่ๆ...เรา ไม่ได้คิดแบบนั้น” หนุ่มผิวเข้มพยายามปลอบตัวเอง “ที่เราทำเราไม่ได้เป็นห่วง...ใช่ๆ...ถ้าหมอนั่นไปได้ด้วยดีกับคุณสิทธิ์ คุณวินก็จะได้ไม่ต้องมีเห็บมาเกาะอีก...ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นเลย...”

          “พี่ดรครับ”

          ถึงกับกระโดดจนเกือบจนเพดาน

          “มะ...มาไม่ให้สุ้มให้เสียงทำไมล่ะเฮ้ย” ดรโวยวายกลบเกลื่อน แต่หน้าแดงเสียชัดเจน

          “เอ่อ...ผมได้ยินเสียงพี่อยู่หน้าประตู เลยออกมาดู” เดียร์บอกอย่างไม่แน่ใจนัก “พี่มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”

          ดรเม้มปากแน่น พยายามท่องนโมอยู่หลายรอบเพื่อที่จะได้ทำใจพูดโดยไม่แสดงอาการโมโหใส่...โมโหจริงๆนะ!!

          “เห็นนายเงียบๆฉันเลยเป็นห่วง...ถ้าเกิดแกเลิกกับคุณสิทธิ์ฉันก็แย่สิ ฉันล่ะอยากให้แกไปไกลๆจากคุณวินจะตาย” แล้วไม่รู้ทำไมพูดเองแล้วมันจี๊ดใจแปลกๆ

          สีหน้าของคนตัวเล็กกว่าดูนิ่งเสียจนเดาทางไม่ถูก แต่เพียงไม่นานรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมา ทำเอาสมองดรหยุดทำงานไปชั่วคราว

          “ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์เป็นห่วงคนอย่างผม...”

          และทั้งที่สมองหยุดทำงาน แต่ไม่รู้ทำไมมือเจ้ากรรมกลับดึงแขนอีกฝ่ายเข้ามากอดหมับเสียอย่างนั้น อย่าว่าแต่เดียร์เลย แม้แต่เจ้าตัวยังตกใจและงงสุดขีดกับการกระทำของตัวเองเลย

          “เอ่อ...ขอโทษ” ดรรีบผละออกมาอย่างลนลาน ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรดี “เห็นนายเป็นแบบนี้ ฉันก็เลยเผลอ...บ้าเอ๊ย อย่ามาหลอกใช้ความใจดีของฉันนะเฟ้ย ฉันไม่หลงกลหรอก”

          มีหรือเด็กหนุ่มจะเชื่อเหตุผลกับท่าทางเมาๆพรรค์นั้น

          “งั้นหรือครับ” ซึ่งก็ได้แต่ตามน้ำไปเพราะไม่อยากให้ไก่ตื่น ที่สำคัญคือเดียร์เองก็ไม่มีอารมณ์จะแกล้งเท่าใดนัก และอยากจะให้เรื่องนี้มันจบก่อนจะได้เริ่มด้วย “ขอบคุณนะครับ...ทำเอาผมนึกถึงคุณสิทธิ์เลย...”

          จากที่หน้ากำลังแดงก็ซีดเป็นกระดาษเชียว

          “พี่ดรว่าผมจะไปง้อคุณสิทธิ์ยังไงดีครับ” หลังจากปล่อยหมัดแย้บ ก็ต่อด้วยฮุคซ้ายฮุคขวาเข้าลิ้นปี่ “ผมไม่อยากจะเสียเขาไปเลย เขาคงเป็นคนเดียวที่ผมจะรักสุดหัวใจ...ไม่มีใครดีเท่าเขาอีกแล้ว”

          ตอนนี้คู่ต่อสู้เริ่มโดนซัดจนแข้งขาอ่อนแล้ว ที่เหลือก็ปล่อยหมัดขวาตรงเพื่อน็อคเอาท์แบบไม่ต้องเสียเวลานับ

          “ถ้าไม่ได้รักกับเขา ผมคงมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้แน่”

          เขาก็พูดเรื่องจริงนะ แต่ไม่รู้เพราะแอคติ้งท์ดีไปหรือเพราะใจคนเวลามีความรักมันบอบบาง สภาพของดรในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับทิชชู่แช่น้ำที่โดนฉีกเลย

          “...งั้นหรือ” สภาพของคนกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงทำเอาเดียร์ร้าวรานเพราะความอิจฉา “นะ...นั่นสินะ...ฉันก็คิดอยู่เหมือนกันนั่นล่ะ เพราะงั้นแกต้องรีบๆคืนดีกับคุณสิทธิ์ซะ แล้วออกไปห่างๆคุณวินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เลย...ถ้าให้ดีไม่ต้องกลับมาให้เห็นด้วย”

          เดียร์ไม่แน่ใจว่าประโยคสุดท้ายดรพูดเพื่อวินหรือใครกันแน่...แต่ก็เอาเถอะ เจ็บก่อนดีกว่ามาเจ็บเอาทีหลัง เขาเองก็ไม่ชอบให้ใครมาเจ็บเพราะตัวเองเท่าไหร่ด้วย มันน่าหมั่นไส้

 

          ฤทธิ์ตาค้างนิดหน่อยตอนเปิดประตูมาเห็นสภาพของเจ้านาย ส่วนหนึ่งเพราะหงุดหงิดที่เห็นสิทธิ์กลับมาคนเดียว แต่อีกส่วนเพราะคุณเจ้านายทำเหมือนหมดอาลัยตายอยากนี่ล่ะ

          “พี่ว่าผมโง่ไหม”

          “นิดหน่อยครับ” ตอบเสร็จก็ปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน แม้จะสายไปหลายขุมก็ตาม “เอ่อ...ถ้าพูดเรื่องงานก็ฉลาดนะครับ มีไม่กี่คนหรอกที่อายุเท่าคุณแล้วเป็นเจ้าของกิจการตั้งมากมายแถมยังบริหารจัดการได้ดี...แต่ก็แย่ตรงเชื่อคนง่ายไปหน่อยละมั้งครับ บวกกับพอโกรธมากก็ชอบใช้อารมณ์ก่อนเหตุผล...”

          ฤทธิ์หยุดพูดเมื่อเห็นสิทธิ์ทำท่าจะยืนไม่อยู่ ชักงงและหวั่นเข้าทุกทีว่าตกลงเจ้านายไปเจออะไรกันแน่

          “นั่นสินะ” เสียงทุ้มตอบรับอย่างระโหยโรยแรง ก่อนจะค่อยๆลากสังขารตัวเองเข้าบ้าน “ไหนๆก็จบเรื่องแล้ว เดี๋ยวผมคงจะกลับบ้านเลย พี่กับพี่ก้องจะกลับเมื่อไหร่ก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมจะให้อาวัฒน์ทำเรื่องเลิกสัญญาเช่าตอนสิ้นเดือนนี้”

          คนฟังยิ่งงงใหญ่ “หาจบ? หมายความว่ายังไงครับ”

          “ก็จบตามนั้นล่ะครับ แผนของผมน่ะ” สิทธิ์โบกมือให้แล้วหายขึ้นห้องไปโดยไม่ใส่ใจจะตอบคำถามอื่นของฤทธิ์อีก

          “อะไรวะเฮ้ย” ฤทธิ์ร้องอย่างหงุดหงิดก่อนจะเผ่นไปหาก้องที่อยู่ในห้องนอน “เฮ้ย อย่ามัวแต่เล่นมือถือสิวะ คุณสิทธิ์เป็นอะไรแล้วก็ไม่รู้ อยู่ๆก็กลับมาหน้าเหี่ยว แถมยังพูดจาแปลกๆว่าแผนจบแล้วอีก”

          “หา” และถึงจะรู้ความหมาย ก้องก็ได้แต่ทำเป็นตกใจไว้ก่อน “จบ? หมายถึงจบเรื่องที่คุณสิทธิ์จะแก้แค้นคุณวินน่ะหรือ”

          ฤทธิ์ชะงักเหมือนเพิ่งนึกได้ “...สงสัย จะอย่างนั้นมั้ง เห็นบอกว่าจะกลับบ้านด้วย...แต่เอ๊ย เขากลับมาคนเดียว หมายความว่าเดียร์ไม่โอเคกับเขาหรือ...หรือว่าเดียร์รู้ว่าโดนใช้เป็นหมาก แก้แค้นคุณวินเลยรับไม่ได้ เห็นอยู่ๆคุณสิทธิ์ก็ด่าตัวเองว่าโง่ซะงั้น”

          คราวนี้ก้องประหลาดใจจริงๆ แต่พอมาคิดว่าสิทธิ์พูดแบบนั้นแล้ว...น่าจะกลับกันมากกว่า

          “เอาไงดีวะเนี่ย” ฤทธิ์บ่นอย่างเหนื่อยหน่าย แต่พอเห็นก้องดูไม่รู้ร้อนรู้หนาวก็อดอารมณ์เสียใส่ไม่ได้ “อะไรของนาย ใจเย็นอยู่ได้” 

          “เอาน่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่...คุณสิทธิ์ทำเองนะ เขาก็ควรจะแก้เองสิ” แม้หนุ่มแว่นอยากจะหัวเราะใส่เดียร์เสียมากกว่า แต่ก็รู้ดีว่าการทำแบบนั้นรังแต่จะทำให้ตัวเองหงุดหงิดแทน “ยังไงเราก็ไม่มีทางช่วยพวกเขาได้ตลอดไปอยู่แล้วนี่จริงไหม ถ้าตอนนี้ยังทำไม่ได้ ต่อไปจะรักกันยังไงไหวละจริงไหม”

          แต่เอาตรงๆนะ...สะใจว่ะ...ฮะฮ่า สมน้ำหน้าไอ้เดียร์มัน~
         
          “...แต่ก็อุตส่าห์รักกันแล้วนี่หว่า ฉันเบื่อจะมาเชียร์คุณสิทธิ์อีกแล้วนะ ยิ่งเข็นๆยากอยู่” ฤทธิ์ยังโวยวายไม่เลิก

          “เอาน่า คิดอีกแง่สิ ฉันว่าถ้าเลิกกันก็อาจจะดีกว่าก็ได้” ได้ยินแบบนั้นถึงกับหันเขี้ยวใส่ “ก็ถ้าเลิกกัน อย่างน้อยคุณวัฒน์จะได้ไม่ต้องโทษพวกเราเรื่องที่ตามใจคุณสิทธิ์ไง”

          ฤทธิ์บึ้งหน้าท่าทางจะยังไม่พอใจเท่าใดนัก แต่เพราะชื่อสยองขวัญทำให้ความโกรธลดลงมาครึ่งหนึ่ง “ให้ตายเถอะ ก็มันน่าหงุดหงิดนี่หว่า เสียเวลาปลอบจะตาย...”

          และยังบ่นได้ไม่เท่าไหร่ก็เงียบไปเพราะโดนอีกฝ่ายดึงตัวเข้าไปกอดเสียแน่น

          “น่าๆ จากนี้ไปก็จะมีเวลาแค่พวกเราแล้วไง” น้ำเสียงทุ้มที่กระซิบดังข้างหูฟังดูดีใจเสียเต็มประดา เล่นเอาคนฟังลืมความกลุ้มก่อนหน้าไปครู่หนึ่ง “ไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบไม่มีใครด้วยมานานแล้วน้า ฉันคิดถึงเป็นบ้าเลย...”

          ฤทธิ์นิ่งเงียบจนก้องไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเห็นดีกับที่ตนพูดหรือเปล่า แต่พอจะคลายกอด กลับโดนกอดกลับเสียอย่างนั้น แถมยังกอดแน่นเสียจนเผลอส่งเสียงประท้วงในลำคอออกมา

          “เออเนอะ ไหนๆก็ไหนๆ เลิกคิดเรื่องคนอื่นตอนนี้เลยละกัน”

 

          น้อยนิ่วหน้ามองพนักงานหนุ่มของตนด้วยความกังขาสุดใจ หลังจากลาพักร้อนไปหนึ่งสัปดาห์ แทนที่จะกลับมาร่าเริงกว่าเก่าอย่างที่เธอคาด กลายเป็นว่าสภาพของเดียร์ไม่ต่างจากซอมบี้เลย ผิดหน่อยตรงที่จะออกอาการระรื่นเป็นพักๆ ก่อนจะกลับไปห่อเหี่ยวให้ชวนงงเล่นก็เท่านั้น...แต่กระนั้นก็ยังทำงานได้ดี ไม่มีขาดตกบกพร่องจนไม่แน่ใจว่าเพราะยังเที่ยวไม่สะใจเลยเสียดาย หรือเพราะมีปัญหาอย่างอื่นกันแน่

          “เดียร์จ๊ะ...เอ่อ ไม่เป็นไรนะ” หลังจากได้ยินเสียงถอนหายใจที่ดังคล้ายกับจงใจ น้อยก็อดถามไม่ได้

          “เป็นครับ” ฟังแล้วถึงกับตาลุกวาวแต่ก็ต้องเก็บอาการเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายมองว่าตน สนใจความทุกข์ของคนอื่นจนออกนอกหน้า “ทำยังไงดีล่ะครับ คุณสิทธิ์เขาผิดหวังในตัวผม...”

          “เอ่อ เรื่องอะไรหรือจ๊ะ” เมื่อไม่เก็ทก็ต้องถามต่อโดยพยายามห้ามใจและน้ำเสียงตัวเองให้ไม่ถามอย่างอยากรู้อยากเห็นมากเกินไปนัก

          “มัน...ออกจะพูดยากหน่อยน่ะครับ” และก็ยาวจนต่อให้สรุปก็ยังยาวอยู่ดี เด็กหนุ่มจึงเลือกที่จะเลี่ยงหาทางพูดอย่างอื่นแทน “คือ...ผมไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคาดไว้น่ะครับ...ที่จริงเขาก็ทำตามที่ผมคาดหวังไม่ได้เหมือนกัน...เขาเองก็เข้าใจ...แต่ทำใจไม่ได้น่ะครับ”

          และคุณเจ้าของร้านก็คิดไปไกลมาก...จนเดียร์ไม่แน่ใจว่าจะได้ความหรือเปล่า ครั้นจะไปถามคนอื่นที่สนิทพอ เดียร์ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าพวกนั้นไม่ยอมบอกกันหรอก ไม่พอจะทำตัวมีความสุขใส่ให้หมั่นไส้เล่นอีกเสียมากกว่า...ก็รอยำเขากันตั้งนานขนาดนั้นแล้วนี่นะ

          “แหม เรื่องแบบนี้มันช่วยไม่ได้นี่จ๊ะ ของมันเคยๆ” ซึ่งฟังแล้วท่าจะเสียเปล่ายังไงชอบกล “ตอนนี้อาจจะทำใจไม่ได้ แต่เรื่องแบบนี้มันต้องรีบพูดให้ไวเข้าไว้นะจ๊ะ ถึงมันอาจจะเป็นเรื่องที่พูดยาก แต่ถ้าไม่พูดอะไรเลย เราก็จะไม่เข้าใจกัน แล้วมันจะทำให้ไม่มีความสุขนะ”

          ถึงจะคนละเรื่องแต่กลับช่วยได้อย่างน่าประหลาด

          “ที่สำคัญ ปล่อยไว้นานๆเดี๋ยวมันจะแย่นะจ๊ะ อย่าปล่อยให้คนดีๆอย่างคุณสิทธิ์หลุดมือไปง่ายๆสิ แบบนี้หายากแล้วนะ”

          ซึ่งก็จริง...แต่ไม่ใช่ในความหมายนั้นน่ะนะ

          “...นั่นสิครับ...” เดียร์เอ่ยรับเสียงเบาและฟังดูเหงาจนน่าใจหายสำหรับน้อย “ขอบคุณที่แนะนำนะครับ”

          หญิงสาวได้แต่กลุ้มแทน...ถ้าโอเอซิสของเธอหายไปคงจะแย่...ถึงจะเป็นห่วงจิตใจของอีกฝ่ายจริงๆก็เถอะ

___________________________________________
ใกล้จบแล้ว ฮาๆ
ตอนนี้คนเขียนมีแผนจะรวมเล่ม เลยมาสอบถามว่า ระหว่างพวงกุญแจกับคอมมิคเปเปอร์ราวๆห้าหน้า อยากได้อะไรมากกว่ากันงับ


   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-04-2015 13:06:07 โดย musddmp »

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
ว้าวๆ ใกล้จบแล้ว จะรวมเล่มรอคะ อยากเห็นน่าปกจัง อิอิ

ออฟไลน์ Kimkibog

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
วั้ยยยยย เรื่องนี้มันโดนใจเรามากจนหยุเอ่านไม่ได้เลย 55555  :hao7:
คุณสิทธิ์นี่แรกๆดูไม่ทันเดียร์เลยนะ เดียร์พอเข้าแผนตัวเองก็ฟินไม่หยุดเลยดิ  :hao6:
สนุกมากเลยค่ะ  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
         
ตอนที่ 57

          ปัญหาต่อมาของเดียร์ก็คือการติดต่อสิทธิ์ ซึ่งทั้งที่จริงมันไม่น่าจะเป็นเรื่องยากด้วยซ้ำ แต่โทรเข้าเบอร์มือถือก็ไม่รับ ซ้ำยังปิดเครื่องหนีอีก พอไปถามก้องดันเอาแต่อมพะนำบอกว่าสิทธิ์ยังไม่อยากคุยด้วย กับฤทธิ์เองก็คอยบอกปัดทั้งยังเลี่ยงเขาอีก พอจะถามพี่ชาย วินก็ไม่อยากตอบเป็นทุนเดิมและบังคับให้สิทธิ์เป็นฝ่ายมาง้อตนก่อน ยิ่งกับชายิ่งแล้วใหญ่ ถึงกับหัวเราะใส่หน้าอย่างไม่เก็บอาการเลยทีเดียว...สงสัยจะแค้นจริงอะไรจริง...ดี เดี๋ยววันหลังจะบอกให้พี่โอ๋ให้หนักกว่านี้...หึๆ

          “ครับ?”

          เดียร์ค้างไปเล็กน้อยเมื่อพบคนที่นึกไม่ถึงสุดๆยืนอยู่หน้าห้องของตน...แน่ล่ะ เขาพูดจาทำร้ายจิตใจเสียขนาดนั้น ใครจะไปคิดล่ะว่าดรยังจะกล้าบากหน้ามาหาเขาได้ ทั้งที่ยืนต่อหน้าตนก็ไม่ค่อยจะอยู่แล้วแท้ๆ

          “เอ่อ...มีอะไรหรือครับ” เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่นิ่ง เด็กหนุ่มจึงเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน พลางสำรวจมองอย่างสงสัย

          “ฉันไม่เข้าใจ...นายมัวแต่ทำอะไรอยู่ถึงไม่ไปคืนดีกับคุณสิทธิ์สักที”

          ถึงกับเลิกคิ้วเลยทีเดียว

          “ไม่ใช่ไม่ไปคืนดี แต่เขาไม่ยอมคุยกับผมต่างหากล่ะครับ” เด็กหนุ่มตอบเสียงเรียบ...เริ่มสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆว่าทำไมอีกฝ่ายถึงออกอาการกระอักกระอ่วนเหลือเกิน “ผมพยายามติดต่อเขาแล้ว แต่ดูเหมือนเขาจะเลี่ยงไม่ยอมเจอผมน่ะครับ...เลยไม่มีโอกาสได้คุยกันสักที”

          ถึงจะแค่แว้บเดียว แต่เดียร์ก็เห็นอาการดีใจบนใบหน้าของดร...ยังไม่เข็ดอีกเรอะ

          “ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยนาย”

          จากที่กำลังหาวิธีให้อีกฝ่ายตัดใจเพลินๆ เจอประโยคนั้นเข้าไปถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ จนดรต้องเรียกชื่อถึงสามรอบกว่าจะได้สติคืนมา

          “บอกไว้ก่อนเลยว่าที่ช่วยเพราะอยากให้แกไปพ้นๆเท่านั้น” แต่สีหน้าดูเสียดายมาก “ฉันไม่อยากให้แกมาเที่ยวเกาะคุณวินแล้ว แค่นั้นเท่านั้น”

          “ครับ...” ไม่ต้องย้ำก็ได้ครับ ผมจะพยายามเชื่อ “ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าช่วยได้เยอะเลยล่ะครับ”

          เขาก็แค่ยิ้มไปตามมารยาท แต่ท่าทางจะไปสะกิดต่อมความหวังแทนเสียอย่างนั้น

          “ว่าแต่คุณรู้ได้ยังไงหรือครับว่าผมยังไม่ได้คืนดีกับคุณสิทธิ์”

          ดรทำท่าเหมือนไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก “ก็เห็นคุณชาพูดเรื่องนี้ท่าทางอารมณ์ดีน่ะสิ”

          ฮึ่ม...สะใจไม่เลิกเลยนะ

          “คุณชาอาจจะยินดีที่แกไม่ต้องคบกับคนที่คุณวินไม่ชอบ แต่ฉันไม่ยอมหรอกนะ” ดรผู้เข้าใจชาผิดไปไกลเริ่มทำหน้าที่ลูกน้องแสนดีแบบเกินหน้าที่ไปหน่อย “เพราะงั้นฉันจะมาช่วยจนกว่าแกกับคุณสิทธิ์จะคืนดีกัน”

          โอ้โห อ้อยเข้าปากช้างชัดๆ

          “ได้แบบนั้นก็ดีสิครับ...แต่พี่จะช่วยผมยังไงหรือครับ” ต่อให้อีกฝ่ายจะมีแผนอะไรเขาก็ไม่ใส่ใจเท่าจะได้หาทางติดต่อสิทธิ์ง่ายขึ้น

          “หึ เห็นอย่างนี้ฉันก็มีเบอร์คุณสิทธิ์เหมือนกันนะ” อันนี้นี่ทำเอาเดียร์แอบอึ้งจริงๆ “อย่าว่าแต่คุณสิทธิ์เลย อย่างน้อยๆลูกน้องคนสนิทของคุณสิทธิ์ฉันก็รู้จักเป็นสิบ แค่จะติดต่อน่ะ ง่ายนิดเดียว”

          “จริงหรือครับ” และเพราะดีใจไปหน่อยเลยเผลอจับมืออีกฝ่าย...แต่ก็รีบฉุดมือกลับทันที แม้จะสายไปนิดหน่อยก็ตาม “เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นช่วยทีได้ไหมครับ...”

          “ตอนนี้เลยหรือ?”

          เอ้า ไม่ใช่ตอนนี้แล้วจะรอตอนไหนฟะ

          “ตอนนี้เลยสิครับ” เสียงหวานดังขึ้นอย่างร้อนรนปนน่ารักอย่างเคยตัว “ผมอยากเจอคุณสิทธิ์ใจจะขาดแล้ว”

          อา...ทั้งอยากเจอหน้าทั้งอยากโดนจัดหนักเลย โอ๊ย นี่ก็เริ่มจะลงแดงแล้วนะ!

          “ระ...รู้แล้วน่าอย่าเร่งสิฟะ” ดรบอกเสียงสั่น...ซึ่งบอกไม่ได้ว่ากำลังลนลานตามเดียร์ หรือเพราะแอบเสียใจอยู่กันแน่ ชายหนุ่มเริ่มกดมือถือ...ซึ่งสายแรกน่าจะเป็นของสิทธิ์เพราะโทรไม่ติด “ไงศาสตร์ ว่างคุยไหม...อืม...นายพอจะรู้ไหมว่าตอนนี้คุณสิทธิ์อยู่ที่ไหน...อ่า...งั้นหรือ...เข้าใจแล้ว”

          “ว่าไงครับ” ทันทีที่อีกฝ่ายวางสายก็รีบซักอย่างอดรนทนไม่ไหว

          “...เห็นว่าคุณสิทธิ์จะไปที่ผับแถวแยก พ.9 น่ะ...” ดรตอบด้วยท่าทางห่อเหี่ยว “แต่เขาไปกับคุณวัฒน์...ฉันไม่รู้ว่านายรู้จักหรือเปล่านะ แต่คนติดตามคนนั้นน่ะโหดมาก ไม่รู้ว่าเขาจะยอมให้นายเข้าไปหาคุณสิทธิ์ไหมนะ”

          “ไม่เป็นไรครับแค่นั้นก็เกินพอแล้ว” เด็กหนุ่มตอบรับเสียงใสอย่างคนมีความหวัง ก่อนจะเริ่มช้อนตาให้อีกฝ่าย “แต่ผมไม่รู้ว่ามันตั้งอยู่แถวไหน...พี่ดรช่วยพาผมไปได้ไหมครับ ตอนนี้เลย”

          “หา? ทำไมฉันต้อง...”

          “นะครับ เพื่อความรักของผมไง”

          ในตอนนี้เขาไม่สนหรอกว่าใครจะเจ็บจะช้ำเพราะตนแค่ไหน แค่ที่แน่ๆ เขาอยากเจอหน้าสิทธิ์จะตายอยู่แล้ว

 

          “อา....อา...อา...”

          ฤทธิ์มองเจ้าผู้จัดการร้านหน้าแว่นที่เอาแต่ส่งเสียงร้องแปลกๆอยู่หน้าบาร์ตั้งแต่เมื่อครู่ ก่อนจะเดินเข้าไปเขกหัวเพราะทนไม่ไหว

          “เลิกส่งเสียงแปลกๆได้แล้ว” ว่าจบก็ตบหัวก้องทิ่มลงเคาท์เตอร์ จนลูกน้องพากันสะดุ้งโหยงที่ผู้ช่วยกล้าทำร้ายผู้จัดการร้านได้อย่างหน้าตาเฉย...ถึงแม้อันที่จริงนี่จะเป็นภาพที่น่าจะชินตาได้แล้วแท้ๆ แต่เพราะพักหลังนี้ฤทธิ์ไม่ยั้งมือเลย จนชวนให้อดคิดไม่ได้ว่าก้องอาจจะตายคามือฤทธิ์เข้าสักวัน

          “ก็คนมันมีความสุขนี่นา” เสียงทุ้มลอยระรื่น ไม่ใส่ใจกับบาดแผลของตนเลยสัก “ฉันละคิดถึงชีวิตแบบนี้จริงจริ๊ง”

          หนุ่มตาตกเลิกคิ้ว...ไอ้ที่ว่าคิดถึงคือได้นอนขี้เกียจหรืออะไรกันแน่ เห็นตั้งแต่กลับมาก็เอาแต่นอนอืดอยู่นั่นล่ะ

          “แล้วนายไม่มีความสุขหรือไง” ก้องถามก่อนจะเข้ามาออเซาะคนที่ยืนอยู่ข้างตัวแล้วช้อนตามอง “ได้อยู่กันนายแบบไม่ต้องมานั่งกังวลโน่นนี่ ไม่ต้องมีกขค.แบบนี้น่ะ...”

          ฤทธิ์มองอยู่พักหนึ่ง ปล่อยให้อีกฝ่ายเอานิ้วจิ้มอกตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะเขกหัวอีกรอบ เท่านั้นไม่พอยังมีจิกหัวกลับขึ้นมาอีก เล่นเอาเหล่าลูกน้องพากันหวาดหวั่น แต่กระนั้นก็ไม่กล้าห้ามเพราะกลัวโดนลูกหลง

          “อย่ามาแหลเลย อยู่โน่นเราก็อยู่ด้วยกันไม่ใช่เรอะ” หนุ่มตาตกกัดฟัน ก่อนจะเปลี่ยนจากจิกหัวเป็นกระชากเสื้อเข้ามาใกล้ “ทำเป็นบอกว่าไม่อยากมีกขค. ถ้าจำไม่ผิด ตั้งแต่กลับมา เราก็ไม่ได้ทำอะไรกันเลยนะว้อย”

          “แหม ใจเย็นสิจ๊ะ” ก้องก็พูดไปตามปกติ แม้จะรู้ว่ายิ่งทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ขึ้นก็ตาม “ของแบบนี้มันต้องอดทนรอจนกว่าจะได้ที่สิ ไม่งั้นรสชาติมันจะออกมาดีหรือไง”

          คนฟังนิ่วหน้ามอง หนุ่มแว่นเพียงแต่ยักคิ้วหลิ่วตาให้

          “อ้อ...” เสียงทุ้มดังเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “ได้...ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าระหว่างฉันกับนายใครจะทนกว่ากัน”

          “โฮ่ มาท้าทายผิดคนแล้วมั้งครับ” ก้องย้อนเสียงเยาะ “ผมนี่ติดอันดับต้นๆเลยนะ เรื่องความอดทนน่ะ”

          ส่วนแชมป์นี่ยกให้ไอ้เดียร์ไปละกัน

          “เฮอะ นึกว่าฉันไม่มีปัญญาหรือไง แค่ทำให้คนหมดความอดทนน่ะ ไม่เห็นจะยาก”

          “แต่อย่าทำตอนเวลางานละกัน”

          ทั้งสองพากันสะดุ้งโหยงเมื่อมีอีกเสียงที่แสนจะคุ้นเคยแทรกเข้ามา ยิ่งหันไปเห็นวัฒน์ที่กำลังยืนมองด้วยใบหน้าที่นิ่งสนิท จากที่กำลังนัวเนีย ถึงกับพากันพร้อมใจถอยห่างไปเกือบเมตร

          “คุ...คุณวัฒน์มาได้ยังไงหรือครับ” ฤทธิ์ถามเสียงสั่น และยังเว้นระยะเหมือนกลัวโดนอีกฝ่ายตะปบ “แล้วคุณสิทธิ์ล่ะครับ”

          “อยู่ตรงโน้น” ว่าแล้วก็ชี้ไปยังโต๊ะที่อยู่ไม่ห่างนัก “ฉันมาหาก็เพราะเรื่องนี้ ตั้งแต่กลับมา คุณสิทธิ์ก็เป็นแบบนี้ตลอด พวกนายรู้อะไรหรือเปล่า”

          ยิ่งกว่ารู้เสียอีก

          “เขา...เอ่อ...มีปัญหากับเดียร์นิดหน่อยน่ะครับ” ฤทธิ์ตอบอึกอัก “อาจจะยังช็อคอยู่ก็เลยเป็นแบบนี้”

          หนุ่มใหญ่เพียงแต่เบิกตากว้างออกเล็กน้อย

          “แล้วอีกฝ่ายล่ะ” กว่าจะยอมเอ่ยปากถาม ก็กินเวลาไปห้านาทีกว่า

          “คือมันออกจะพูดยาก” ก้องที่ได้สติเร็วกว่ารีบบอกลนลาน “เดียร์เขาอาจจะตัดใจจากคุณสิทธิ์แล้วมั้งครับ”

          และเป้าหมายในการจ้องก็ตกเป็นของก้องต่อ

          “คือ...ถ้าสมมติว่าเขารักกันจริงๆ คุณวัฒน์ยอมได้หรือครับ” เมื่อทนไม่ไหวเลยเอ่ยใจจริงออกไป เล่นเอาฤทธิ์ถึงกับผวา “ผมก็ไม่ได้อะไรหรอก แต่เขาเป็นน้องคุณวินนี่ครับ ใช่ไหมล่ะ”

          ก็ยังเงียบได้อีก

          “นั่นเป็นสิ่งที่คุณสิทธิ์ต้องตัดสินใจเอง” กว่าจะพูดต่อเล่นเอาลุ้นจนลืมหายใจ “พวกนายก็ช่วยหาทางให้คุณสิทธิ์ลืมคุณเดียร์เขาให้ได้ละกัน”

          คราวนี้คนฟังประหลาดใจยิ่งกว่า “แล้วมันจะง่ายแบบนั้นหรือครับ”

          “ถ้าตัดใจง่ายขนาดนั้น คุณสิทธิ์คงไม่ออกอาการแบบนี้หรอก” วัฒน์สวนเสียงเรียบ “ถ้าทำให้ตัดใจไม่ได้ ก็ช่วยไปกระตุ้นให้รู้ตัวหน่อย คุณสิทธิ์เขาไม่ยอมบอกอะไรฉัน กับพวกนายอาจจะยอมฟังก็ได้”

          ทั้งสองเพียงแต่มองหน้ากัน ก่อนที่ก้องจะร่อนไปหาสิทธิ์ที่นั่งห่อเหี่ยวอยู่บนเก้าอี้แสนนุ่ม เพราะเขาก็เดาเอาไว้แล้วล่ะว่าสิทธิ์เองก็คงจะตัดใจไม่ได้ง่ายๆหรอก

          “ไงครับคุณสิทธิ์หน้าหม่นหมองมาเลยนะ” มาถึงก็เอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงร่าเริง หากแต่คู่สนทนากลับไม่แสดงอาการใดๆทั้งสิ้น จนเนที่นั่งอยู่อีกฝั่งได้แต่ออกอาการกระอักกระอ่วน “แต่อย่าได้เศร้าไปเลยครับ วันนี้ร้านผมมีเด็กใหม่ ภูมิใจนำเสนอสุดๆ เอ้า! ไปเรียกน้องขวัญมาหน่อยสิ”

          ว่าจบก็กวักมือกับลูกน้องที่รอรับคำสั่งอยู่ไม่ไกล เพียงไม่นานก็กลับมาพร้อมกับสาววัยรุ่นตอนปลายที่ทำเอาสิทธิ์เผลอหันไปมอง เพราะหญิงสาวคนนี้มีหน้าตาละม้ายคล้ายคนที่คิดถึงคะนึงหาตั้งแต่จากมาเสียเหลือเกิน

          “ไง ใช้ได้เลยใช่ไหมล่ะครับ” เมื่อเห็นเจ้านายถึงกับมองไม่วางตา ก้องก็เอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิใจเสียเหลือเกิน “เอ้า ขวัญ มารับรองเจ้าสัวหน่อยสิ เต็มที่เลย ทำดีรับรองทิปตรึม”

          สิทธิ์ดูจะไม่สนใจคำแซวของก้องแม้แต่น้อย ดวงตาเรียวยังคงจับจ้องไปยังเด็กสาวที่เข้ามานั่งข้าง แม้ความสูงของเธอจะน้อยกว่าคนที่ตนคิดถึงเยอะ แต่ใบหน้านั้นช่างชวนให้หวนนึกถึงวันวานที่เคยได้ใช้ร่วมกับเดียร์เสียเหลือเกิน

          “สวัสดีค่าคุณสิทธิ์ เรียกขวัญ หรืออยากจะเรียกที่รักก็ได้นะค้า” หญิงสาวเอ่ยแซวอย่างทีเล่นทีจริงตามคำสั่งผู้จัดการ “จ้องหนูไม่วางตาเลย หลงรักเข้าแล้วหรือไงคะ”

          “คงงั้นล่ะที่รัก”

          คนแซวถึงกับค้าง ยิ่งพูดด้วยท่าทางนิ่งแล้วยังจ้องไม่เลิก ใครเล่าจะทนไหว แถมยังมีเชยคางตนแล้วโน้มหน้าเข้าหาอย่างใกล้ชิดเสียจนเกือบจะจูบอีก

          “ทิป ทิป ทิป”

          ทีแรกขวัญจะถอยหนีแล้ว แต่เสียงมารกระซิบจากคุณผู้จัดการทำเอาลังเล อีกฝ่ายเองก็เป็นถึงเจ้าของกิจการ หน้าตาก็ดี แถมในตอนนี้ก็ดูมีเสน่ห์และน่าหลงใหลชวนใจละลายเหลือเกิน...

          “โอ๊ย”

          เคลิบเคลิ้มไม่เท่าไหร่ก็โดนความเจ็บที่คางกระชากกลับสู่ความจริง หญิงสาวถึงกับร้องลั่นเมื่อโดนบีบคางเสียเต็มแรง และแม้เธอจะดิ้นหนี เจ้าคนตรงหน้ากลับไม่รู้สึกตัวและยังคงจ้องเธอด้วยท่าทีเหมือนเมื่อครู่ ราวกับแรงขัดขืนของเธอไม่อาจทำอะไรกับอีกฝ่ายได้เลย

          “คุณสิทธิ์ครับ!!” เนร้องปลุกเจ้านาย ก่อนจะรีบเข้าไปแยกก่อนใคร “คุณสิทธิ์ ใจเย็นๆก่อนครับ เดี๋ยวเขาก็ตายกันพอดี”

          “อ๊ะ” หมียักษ์สะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะปล่อยมือ เล่นเอาหญิงสาวถึงกับถอยกรูดด้วยความหวาดกลัว พอสิทธิ์ยกมือเข้าหาเธอหวังจะดูอาการ ขวัญถึงกับตกใจกลัวจนหนีไปหลบหลังเนเลยทีเดียว “ขอโทษนะ…”

          แลดูสาวเจ้าจะยังไม่ไว้ใจนัก แต่เห็นท่าทางสำนึกผิดเสียเต็มประดาของเจ้านาย เธอก็อดสงสารไม่ได้…แม้จะยังกลัวๆอยู่ก็ตาม

          “มัน…ไม่ไหวจริงๆนั่นล่ะครับ…” หลังจากขอโทษขอโพยเรียบร้อยและให้หญิงสาวออกไป สิทธิ์ก็เอ่ยอย่างคนจะขาดใจตาย “ของแบบนี้มันใช่ว่าจะทำกับใครก็ได้นี่นา…ผมชอบทำนะ…แต่ถ้าต้องเห็นท่าทางเมื่อกี้ล่ะก็ ผมไม่เอาด้วยหรอก”

          ก้องได้แต่มองอย่างหน่ายใจ “ถ้างั้นผมแนะนำที่ดีๆที่ช่วยระบายความอึดอัดให้เอาไหมครับ”

          “ผมไปมาแล้ว” ฟังแล้วถึงกับสะพรึง “มันก็ช่วยให้ผมหายเครียดอยู่หรอกครับ แต่ก็แค่แป๊บเดียว…มันไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการจริงๆ…”

          “แล้วทำไมไม่ไปหาสิ่งที่ต้องการเสียทีละครับ” ฤทธิ์ซึ่งยืนอยู่ข้างหลังบอกด้วยความเบื่อหน่ายปนหวาดหวั่นเต็มทน…ถ้าไม่ติดว่าวัฒน์มองอยู่จากเคาท์เตอร์ เขาคงบ้องหูเรียกสติเจ้านายไปแล้ว “จะหนีหน้ากันทำไมก็ไม่รู้”

          “ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน…” ชายหนุ่มตอบเสียงอ่อน “ที่จริง…ผมอยากจะไปหาเขา…อยากจะรักเขาเหมือนอย่างที่ผ่านมา…ไม่สิ อาจจะมากกว่านี้อีก…”

          ซึ่งก้องกับฤทธิ์รู้ดีว่าความรักที่อีกฝ่ายพูดถึง ไม่ใช่ของปกติทั่วไปอย่างที่ใครเข้าใจแน่นอน

          “รับไม่ได้ที่โดนอีกฝ่ายหลอกขนาดนั้นเลยหรือครับ” เพราะเอาแต่เงียบ ฤทธิ์เลยถามขึ้นอย่างทนไม่ไหว “ทั้งที่คุณก็หลอกเขาเหมือนกันน่ะนะ”

          “มันไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ…เอ่อ…ที่จริงมันก็มีส่วน…” ท่าทางคนพูดดูสับสนไม่น้อย “แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่พยายามไปหาเขานะครับ แต่พอตัดสินใจไป อยู่ๆก็เกิดไม่กล้าไปเจอหน้าเขา…”

          “คุณสิทธิ์…”

          ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ระบายความในต่อ เสียงหวานที่อยากฟังเป็นที่สุดก็ดังแว่วขึ้นจากด้านหลัง และทั้งที่อยากเห็นหน้าใจจะขาด แต่ร่างกายกลับไม่ทำตามเสียอย่างนั้น

          ทำไมล่ะ…

          เดียร์ผงะนิดหน่อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายดูนิ่งจนเหมือนไม่ได้ยินเสียงของตน แต่พอเห็นก้องผงกหัวให้มาหาอย่างเบื่อหน่าย เด็กหนุ่มค่อยๆย่องเข้าไปใกล้ แม้ใจจะไม่สู้ดีเท่าไหร่ก็ตาม

          “อย่าเข้ามานะ!” แต่เดินไปได้เพียงสองสามก้าวก็ต้องชะงักเมื่อเสียงทุ้มตะโกนสั่ง “ได้โปรด…”

          “เอ้า เขาอุตส่าห์มาแล้ว จะอะไรอีกละครับ” คนความอดทนต่ำวีนก่อนใคร ส่วนหนึ่งเพราะฤทธิ์จะประสาทกินที่โดนวัฒน์กดดันด้วยสายตาไม่เลิก “จะรักจะเลิกก็รีบๆพูดเดี๋ยวนี้เลยนะครับ”

          “ใช่ครับ รีบๆตัดสินใจ ผมกับเดียร์จะได้ตกลงปลงใจสักที”

          อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่เดียร์ที่มาด้วยยังเผลอหันไปมองเจ้าคนที่มาพาตนมาที่นี่ ซึ่งกำลังทำสีหน้าจริงจังมากหลังจากพูดประโยคก่อนหน้าออกไป ซ้ำยังมีมาบีบไหล่เขาเสียแน่นอีก

          นี่แผนของพี่เรอะ!

_____________________________
รัวๆ รัวววววว

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
         
ตอนที่ 58

          พูดบ้าอะไรของคุณเอ็งวะ

          ใจจริงก็อยากจะโพล่งถามเสียเดี๋ยวนี้เลย ติดแค่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่สถานการณ์ที่จะพูดง่ายๆเท่าไหร่ ใครต่อใครก็พากันมองตนเป็นตาเดียว ยิ่งโดยเฉพาะคนที่อยากให้หันมามองที่สุดก็อุตส่าห์ยอมหันมาแล้วด้วย อย่างน้อยก็จะพูดจะจาก็ต้องแอ๊บกันหน่อย

          “…พี่พูดอะไรของพี่น่ะครับ” เสียงหวานกระซิบถามอย่างแปลกใจ ยังคงแอบเชื่ออยู่เล็กๆว่าดรคงไม่ได้คิดอะไรอย่างที่พูดหรอก

          “ฉันก็แค่พูดกระตุ้นให้คุณสิทธิ์เขารีบรับรักแกสักทีต่างหาก” ฟังเสียงกระซิบนั่นแล้วดูน่าเชื่อถือ แต่น้ำเสียงนี่สั่นแปลกๆจนไม่ชวนให้คนฟังมั่นใจเอาเสียเลย “ไม่คิดอะไรกับแกทั้งนั้น”

          ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยเลิกพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ หน้าแดงๆแล้วหลบตาผมได้ไหมล่ะครับ

          แต่อย่างน้อยนั่นก็ทำให้สิทธิ์ถึงกับอึ้ง สีหน้าบ่งบอกว่าไม่ยอมอย่างชัดแจ้ง ร่างสูงทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่ยังไม่ทันจะก้าวออกไปกลับชะงักค้างเอาไว้เสียอย่างนั้น

          “หมายความว่าไง…ที่พูดเมื่อกี้…” ประโยคคำถามที่ออกมาจากสีหน้าที่เหี้ยมโหดมาก จนดรเริ่มสั่นเพราะกลัวจะโดนกินหัว

          “…กะ…กะ…ก็หมาย…หมายความตามนั้นนั่นล่ะครับ!”

          เดียร์ไม่รู้จะเรียกว่าใจดีสู้เสือหรือฉวยโอกาสดี เพราะนอกจากจะพูดท้าทายแล้ว ดรยังเข้ามากอดตนจากด้านหลังอีก เรียกได้ว่าแนบแน่นแบบบ่งบอกให้รู้ถึงความสัมพันธ์เกินเลยมาก…เสียแต่ว่ามันไม่ชวนให้อึดอัดพอจะให้เดียร์รู้สึกดีนี่สิ

          “มากไปแล้วครับ…” เสียงหวานกระซิบอย่างร้อนรน เพราะรู้สึกขยะแขยงจนเริ่มอยากอ้วก

          “เดี๋ยวไม่สมจริงไง”

          โถ ต่อให้อมพระมาทั้งวัดผมก็ไม่เชื่อหรอก

          “ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เรื่องนี้ผมคงยอมคุณไม่ได้หรอกนะ” เห็นท่าทีของสิทธิ์กลับมาเป็นอย่างที่เคยเป็นกับตน เดียร์ถึงกับมองไม่วางตา

          “ละ…แล้วจะหนีหน้าเดียร์ทำไมล่ะครับ” ดรสวนกลับเสียงสั่น “คุณรู้หรือเปล่าว่าเดียร์พยายามติดต่อคุณมากแค่ไหน ถ้าคุณไม่สนใจหรือแค่เล่นๆก็บอกเดียร์เขาไปตรงๆสิครับ อย่าให้เขาต้องมาหวังอะไรลมๆแล้งๆจากคุณสิ”

          ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเองนะ…แต่พี่ดรพูดเหมือนเชียร์ให้คุณสิทธิ์บอกเลิกกับผมเลย…เดี๋ยวปั๊ดเอาแส้เฆี่ยนหลังเลยนี่

          แปลกตรงที่สิทธิ์ไม่มาแย่งตนจากดรอย่างที่หวัง ชายหนุ่มยังคงปั้นหน้ามึนตึงยืนนิ่งไม่ขยับ แต่หมัดนั้นกำแน่นพร้อมจะพุ่งเข้าเป้าหมาย ทำเอาดรถึงกับถอยอย่างลืมตัว แต่คนในอ้อมแขนกลับไม่ยอมให้ความร่วมมือเท่าไหร่เลย

          “ทำไมไม่เข้ามาละครับ” เมื่อทนไม่ได้ เดียร์จึงเอ่ยถามอย่างคับข้องใจเต็มทน “หรือคุณจะยังโกรธเรื่องนั้นอยู่”

          ยิ่งเห็นอีกฝ่ายเม้มปากแน่น นั่นก็ทำให้ความสงสัยกระจ่างชัด

          “…จะให้ผมทำอะไรก็ได้นะครับ…ขอแค่คุณจะให้อภัยผม…” ด้วยความที่อดอยากมานานเกินทน และคิดถึงใจจะขาด เด็กหนุ่มจึงเอ่ยงอนง้อ “…หรืออย่างน้อย ถ้าคุณอยากจะเลิกกับผม…ก็อยากจะให้บอกกันตรงๆ…”

          “ไม่ใช่นะ!!!”

          เสียงทุ้มดังลั่น จนทุกคนพากันสะดุ้ง ดวงตากลมจ้องมองท่าทีดึงดังนั้นไม่วางตา ในใจได้แต่สงสัย ทำไมถึงได้ออกอาการลังเลขนาดนั้น ทั้งที่ไม่ว่าจะดูยังไง ก็เหมือนจะยังมีเยื่อไยให้กันแท้ๆ

          “คุณสิทธิ์…” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกอีกฝ่าย ใบหน้าเรียวดูจะตื่นตระหนกอย่างน่าประหลาด แต่ทำให้ใจของคนเรียกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก “ผมถามแค่คำถามเดียวนะครับ คุณยังรักผมอยู่หรือเปล่า”

          “รักสิ” นั่นทำเอาหัวใจห่อเหี่ยวของเดียร์เบ่งบานทันที แม้สีหน้าคนตอบจะดูอมทุกข์เหมือนกำลังนั่งอยู่ต่อหน้าโลงศพบุพการีก็ตาม “แต่ฉัน…”

          พูดเพียงแค่นั้นแล้วก็เงียบไป ท่าทางของหมียักษ์ดูหวาดกลัวมาก ร่างกายก็สั่นอย่างกับเจ้าเข้า จนเหล่าลูกน้องพากันกลัวว่าเจ้านายตนจะลมใส่เสียเหลือเกิน

          “ถ้าอย่างนั้นยังจะกลัวอะไรอีกละครับ” แต่แน่นอนว่าเดียร์ไม่มีทางพลาดโอกาสนี้อีกแล้ว “ไม่ว่าคุณจะเป็นอย่างไร ผมก็รับได้อยู่แล้ว หรือต่อให้คุณโกรธมากแค่ไหนผมก็ยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อให้คุณหายโกรธ คุณก็รู้”

          ดวงตาเรียวเบิกกว้าง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกหายวับราวกับโดนพัด ท่าทางของสิทธิ์เหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก

          “แม้ว่ามันจะเป็นการเอาแต่ใจของฉันน่ะหรือ...”

          เดียร์ไม่ตอบ เพียงแต่ยิ้มให้ ซึ่งเป็นยิ้มที่ดูจริงใจที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

          ชายหนุ่มค้างนิ่ง แล้วก้มหน้าลงอย่างหม่นหมอง ราวกับรู้สึกผิดเสียเต็มประดา

          “นั่นสินะ...”

          ดรสะดุ้งโหยงตอนที่สิทธิ์เดินเข้ามาสีหน้าถมึงทึง ยิ่งอีกฝ่ายจับไหล่ของตนแน่น เขาก็นึกว่าตนจะได้ไปปรภพก่อนวัยอันควรเสียแล้ว

          “ขอบคุณนะครับ”

          พูดเพียงแค่นั้นแล้วก็ลากเดียร์ออกไปเสียเฉยๆ ปล่อยให้เหล่าลูกน้องได้แต่ยืนมึนกับการกระทำผีเข้าผีออกบอกจุดประสงค์ไม่ได้อยู่อย่างนั้น

          “เฮ้อ” เสียงถอนหายใจของวัฒน์ดังขึ้น ทำเอาลูกน้องคนอื่นๆพากันได้สติและรีบสลายตัวไปทำหน้าที่กันอย่างแข็งขัน เจ้าของเสียงลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าเคาท์เตอร์ด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย แล้วหันไปทางบาร์เทนเดอร์ “ขออะไรที่ไม่มีแอลกอฮอล์มาหน่อย”

          และคนได้รับคำสั่งทำตามให้อย่างทันควัน

          “...เอ่อ...จะไม่ตามไปหรือครับ” เมื่อเห็นหนุ่มใหญ่ดูไม่เป็นห่วงสิทธิ์เลย ก้องจึงอดถามขึ้นมาไม่ได้

          “เขาไม่ได้ออกไปข้างนอกนี่” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างราบเรียบ หลังจากกระดกน้ำมะนาวลงคอ “แถมยังจบด้วยดีแล้ว มีอะไรให้เป็นห่วงอีก”

          คนถามยืนนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะถึงบางอ้อ...ทางที่สิทธิ์ไปเมื่อครู่เป็นทางไปห้องพักพนักงานนั่นเอง

          “ดะ...เดี๋ยวสิ คุณวัฒน์ ง่ายๆแบบนี้เลยหรือครับ” ผู้จัดการร้านถามเสียงตื่น

          “นายอยากให้ยากหรือไง”

          “เอ่อ...ไม่ใช่ครับ” ก้องทำท่าเหมือนจะเป็นลม “คือ...เรื่องมันลงแบบนี้...คุณวัฒน์รับได้หรือครับ”

          ดวงตาเรียวเลื่อนมองไปยังทางไปห้องพักพนักงานอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลื่อนกลับมาหาคู่สนทนา ซึ่งทำเอาก้องขนลุกอย่างบอกไม่ถูก เพราะนอกจากลูกตาที่เคลื่อนไหว ส่วนอื่นกลับนิ่งหมดอย่างกับตุ๊กตา

          “แล้วคิดว่าห้ามได้แล้วหรือ ถลำลึกมาขนาดนี้แล้วนี่ ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลยแล้ว” วัฒน์บอกโดยที่น้ำเสียงไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาสักนิด “สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือปล่อยให้มันเป็นไป ก็เท่านั้น”

          แม้ใจจริงเลยก้องก็ไม่ค่อยจะอยากยอมรับนักหรอก แต่ในเมื่อเป็นสิ่งที่สิทธิ์เลือกแล้ว ทั้งวัฒน์เองก็ไม่ได้ห้าม แล้วเขาจะไปค้านอะไรได้ล่ะ…แม้จะแอบเจ็บใจอยู่นิดๆก็ตาม

          “...เอาเป็นว่า ถ้าจะพักกัน พวกนายก็ใช้ห้องครัวไม่ก็หลังร้านไปก่อนละกัน” หนุ่มแว่นบอกอ้อมแอ้มก่อนจะบอกลูกน้องทุกคน “...”

          ก้องค้างไปนิดหน่อยเมื่อเห็นดรยังคงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยใบหน้าเหมือนจะดีใจแต่น้ำตาคลอเบ้า

          “มัน...เป็นแบบนี้ดีแล้วสินะครับ” ว่าแล้วก็หันมาถามหนุ่มแว่นด้วยเสียงสั่นๆ...ซึ่งถ้าปล่อยโฮได้คงทำไปแล้ว

          “อืม” เขาตบบ่า ก่อนจะทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก “จริงสิ ไหนๆก็มาแล้ว ฉันมีคนอยากให้นายรู้จักนะ...นี่ๆ ไปเรียกขวัญกลับมาหน่อยสิ...บอกด้วยว่าคราวนี้ไม่ใช่คุณสิทธิ์นะที่อยากให้เจอน่ะ”

          ดรได้แต่งุนงง แต่เพียงไม่นานก็เข้าใจ และอ้าปากค้าง

 

          เดียร์มองแผ่นหลังที่ลากตนมาอย่างไม่มีทะนุถนอม หัวใจภายในเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ความเจ็บปวดที่โดนมือหนากุมแขนแน่นทำเอาความทรงจำอันดีงามหวนกลับมา และเริ่มเก็บงำความต้องการภายในเอาไว้ไม่อยู่

          “อ๊า” เนื่องจากไม่ต้องแอ๊บแล้ว ทันทีที่โดนเหวี่ยงเข้ากระแทกกับกำแพง เด็กหนุ่มจึงร้องออกมาด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขอย่างไม่นึกปิดบัง

          ร่างสูงบดเบียดเข้าหาอย่างแนบแน่นและชวนอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก กระนั้นคนตัวเล็กกว่ากลับไม่แสดงอาการต่อต้านหรือประท้วงออกมาแม้แต่น้อย จูบอันหนักหน่วงและรุนแรงถาโถมเข้าหาราวกับพายุคลั่ง ไม่มีการเห็นใจใดๆหรือความอ่อนโยนเลยสักนิด มีเพียงความป่าเถื่อนจาบจ้วงและความกระหายประดุจสัตว์ร้ายที่แล่นเข้ามาภายในเพียงเท่านั้น...เสียเมื่อไหร่

          ความพยศแล่นเข้าร่างอย่างไม่ทันตั้งตัวทำเอากระตุกวูบ ดวงตาเรียวเบิกมองด้วยความแข็งกร้าว ก่อนจะสวนกลับด้วยแรงที่มากกว่าเพื่อชิงตำแหน่งคนคุมเกมกลับมา กระนั้นยิ่งโถมแรงกลับโดนแรงที่ค่อยๆตีตื้นเข้ามาทีละน้อยใส่เหมือนต้องการท้าทาย นั่นยิ่งไปกระตุ้นต่อมอยากเอาชนะจนหมีหนุ่มทุ่มสุดแรงทีเดียว

          หลังจากได้ชัยชนะก็ตักตวงน้ำหวานอย่างตะกละตะกรามจนสาแก่ใจ ยิ่งดิ้นรนก็รังแต่จะเพิ่มรสชาติให้เข้มข้นน่าลิ้มรสกว่าเดิม กระนั้นเดียร์ก็ยังต่อต้านเหมือนกับต้องการความรุนแรงกว่าเดิมก็ไม่ปาน...และถ้าเป็นเมื่อก่อน สิทธิ์ไม่กล้าแม้แต่จะคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้นแน่

          เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าจะถอนความต้องการออกจากอีกฝ่าย กระนั้นคนที่หอบจนเกือบตายกลับเป็นสิทธิ์ที่ตะบี้ตะบันจะเอาชนะอีกฝ่ายเสีย ให้ได้ ในขณะที่เดียร์ซึ่งแม้จะหอบเหมือนกันแต่ไม่มากเท่า ทั้งยังดูอิ่มเอมเสียเหลือเกิน จนไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่ใครเป็นฝ่ายโดนกระทำกันแน่

          “คุณสิทธิ์...” เสียงหวานเอ่ยเรียกด้วยความเป็นห่วง แต่ยังไม่ทันไร ก็โดนอีกฝ่ายสวมกอดแน่น

          “ฉันขอโทษ”

          คำแรกที่ออกจากปากทำเอาเด็กหนุ่มเลิกคิ้ว

          “ทำไมล่ะครับ...ผมต่างหากที่ต้องพูดคำนั้น...” เดียร์เอ่ยด้วยความประหลาดใจ

          “แต่ฉันเองก็ผิดนี่” เสียงทุ้มกระซิบอย่างแผ่วเบาเข้าข้างหู “อย่างน้อยๆ ฉันก็ควรขอโทษเธอเหมือนกัน”

          ซึ่งว่ากับตามตรง เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าตอนฟังคำนั้น ตนรู้สึกดีหรือเปล่า แต่อย่างน้อยก็โล่งใจได้เปราะหนึ่ง

          “แล้วตกลง คุณหนีหน้าผมทำไมหรือครับ” หลังจากอาการของหมียักษ์สงบลง เดียร์ก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความคาใจ “คุณรู้ไหมว่าผมทรมานแค่ไหนที่ไม่ได้เจอคุณ...”

          ว่าแล้วก็กอดกลับแน่นเหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไปอีกครั้ง ทำเอาอาการกระอักกระอ่วนที่จะให้คำตอบของสิทธิ์หายไป เหลือไว้แต่ความเห็นใจอีกฝ่ายแทน

          “ที่จริง...มันอาจจะเป็นสิ่งที่เธอชอบ...เพียงแต่...คงเป็นเพราะฉันรู้สึกผิดละมั้ง” สิทธิ์ว่าเสียงสั่น “ที่โกรธเธอจนอยากจะรังแกให้สาแก่ใจ...”

          ซึ่งเขาก็คิดอยู่หรอก แต่ไม่คิดว่าเดียร์จะถลึงตาใส่ทันทีที่ตนพูดจบ แถมยังทำหน้าเหมือนจะกินหัวกันอีกต่างหาก

          “ฉันก็พอจะรู้ว่าเธอน่าจะชอบ...ฉันเองก็ชอบ...แต่ว่าฉันรู้สึกผิดด้วยนี่นา” สิทธิ์ร้อง ก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะทำหน้าจูออนไปมากกว่านี้ “แถมฉันเองก็ไม่รู้ตัวว่าคิดแบบนั้น จนกระทั่งเธอบอกว่ารับกับความเห็นแก่ตัวของฉันได้นั่นล่ะ”

          เดียร์นิ่งมองด้วยสีหน้าที่ราบเรียบ ก่อนจะถอนหายใจยาวที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้จะทำได้ จากนั้นก็โขกหัวเข้ากับอกหนาของอีกฝ่าย

          “คุณนี่มันเป็นคนดีจริงๆเลยนะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนใจ “ถ้าใจร้ายสักนิด ผมเองก็คงไม่ต้องรู้สึกผิดที่รักคุณแท้ๆ”

          ก่อนที่หมียักษ์จะได้แก้ตัว ก็โดนริมฝีปากบางปิดเข้าเสียก่อน จูบในครานี้ผิดกว่าครั้งไหนๆ เพราะมันอ่อนโยน และนิ่มนวลกว่าก่อนหน้าโข

          “แต่เอาเถอะครับ ถือว่าเราก็เจ๊ากันไปละกันนะ” รอยยิ้มบางกับความหวานจากรสจูบทำเอาคนตัวสูงกว่าค้างไม่เลิก “จากนี้ไปเราก็ค่อยทำความเข้าใจกันไปเรื่อยๆทีละนิดละหน่อย จะได้ไม่ต้องมารู้สึกผิดกันไงล่ะครับ ดีไหม”

          สิทธิ์มองอย่างไม่อยากจะเชื่อ “หมายความว่าเธอ...ยอม...”

          นิ้วเรียวแตะปากที่กำลังจะพูดต่อให้หยุด

          “ถ้าไม่ยอมแล้วผมจะมาง้อคุณถึงนี่หรือ” เดียร์หัวเราะ ก่อนจะไล้นิ้วไล่ลงมาเรื่อยจากปากจนหยุดตรงที่แผงอกกว้าง “มาง้อไม่พอ มารอให้คุณลงโทษเลยนะครับ”

          หมียักษ์ทำหน้าเหมือนโดนผึ้งต่อย “แม้ว่าจะตอนนี้เดี๋ยวนี้เลยนะหรือ”

          “ให้ผมคุกเข่าขอร้องคุณด้วยเลยไหมล่ะครับ”

          เสียงหอบกระเส่านั้นเพิ่มความน่าเชื่อถือยิ่งกว่าสิ่งใด ใบหน้าที่แสดงความกระสันอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเงยมองราวกับกำลังเว้าวอน ขอในสิ่งที่ตนรอมานาน

          แน่นอนว่า ถ้าเป็นคนปกติ เห็นแบบนี้คงสยองจนอยากถอยไปแล้ว แต่สิทธิ์กลับรู้สึกร้อนผ่าว ทั้งยังกระตุ้นบางสิ่งบางอย่างภายในที่พยายามเก็บเอาไว้ให้ระเบิดออกมา และลบล้างความรู้สึกผิดต่อความต้องการเฉพาะทางของตนออกไปเสียสิ้น

          ฟันขาวเข้าขย้ำคออันแสนบอบบางเต็มแรง เสียงหวานร้องดังด้วยความเจ็บปวด กระนั้นกลับฟังดูมีความสุขเสียมากกว่า มือเล็กขยำเสื้ออีกฝ่ายแน่น ความเจ็บที่แล่นเข้าร่างทำเอาแทบคลุ้มคลั่ง ยิ่งไม่ต้องเก็บกดความพึงพอใจเอาไว้ เขาจึงปลดปล่อยความต้องการภายในออกมาอย่างเต็มที่

          “บะ...แบบนั้นเลยครับ...ได้โปรด...” เดียร์คร่ำครวญเอ่ยขออย่างหิวกระหาย “อึก...”

          ร่างเล็กทรุดลงกองบนพื้นเพียงแค่เจอการกัดเข้าไปทีเดียว ดวงตากลมที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตาแห่งความปิติเงยมองคนที่ยืนค้ำหัวด้วยความสงสัย อีกฝ่ายไม่ได้มองตนอย่างที่เข้าใจ หากแต่กำลังมองไปยังประตู

          “จะไปไหนหรือครับ” มือเล็กรั้งขากางเกงเอาไว้เมื่อร่างสูงทำท่าเหมือนจะเดินออกไป

          “ฉันไม่ได้หนีไปดื้อๆหรอก” เสียงเว้าวอนนั่นทำเอาอยากลงไปขย้ำเหยื่อเสียเดี๋ยวนี้ “แต่...ประตูมันปิดไม่สนิท...ฉันเลยจะไปปิดก่อน”

          กระนั้นคนที่นั่งอยู่บนพื้นก็ยังคงดึงชายหนุ่มไว้ไม่เปลี่ยน ทั้งยังเผยยิ้มบางที่ดูทั้งน่ารักและชั่วร้ายในคราวเดียวกันให้อีก

          “กลัวหรือไงครับ”

          ยิ่งโดนมองด้วยสายตาท้าทายแบบนั้น ชายหนุ่มแทบไม่ต้องเสียเวลาลังเลด้วยซ้ำ

          “คนที่เป็นมาโซฯเนี่ย เขาเป็นแบบเธอกันทุกคนหรือเปล่า...” สิทธิ์ถามขึ้นพลางมองคนตรงหน้าที่ดูไม่สะทกสะท้านหรือแสดงอาการหวาดหวั่นหรือเจ็บปวดออกมาเลยสักนิด ทั้งที่เมื่อครู่ เขาก็ว่าตัวเองกระชากร่างตรงหน้าเต็มแรงแล้วนะ แต่ท่าทางของอีกฝ่ายกลับดูมีความสุขเสียเหลือเกิน

          “ก็แล้วแต่รสนิยมกับระดับครับ พอดีว่าผมมันโลภ” เสียงหวานตอบพลางหอบกระเส่าหลังจากถอนจากจูบที่รุนแรง “ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงแบบไหนเมื่อไหร่ ผมก็ชอบทั้งนั้น...เพียงแต่ว่า...”

          ว่าจบก็เว้นช่วงไว้เล็กน้อยเหมือนจงใจจนคนที่ง่วนอยู่กับการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเดียร์ออกต้องเงยหน้ากลับมาจ้องด้วยความแปลกใจ มือเล็กยกขึ้นลูบใบหน้าเรียวอย่างเบามือ ความนุ่มที่ไม่น่าจะมีในมือของผู้ชายทำเอาสิทธิ์เผลอเคลิ้ม ยิ่งเห็นดวงตากลมที่กำลังมองกลับมาทางตนด้วยความหิวกระหายไม่แพ้กัน ยิ่งทำให้คนฟังไม่อยากจะรั้งรอให้เสียเวลาเลยสักนิด แต่อีกใจก็คิดเสียดายหากจะปล่อยให้ความสงสัยนี้เอาไว้ในใจ

          “คนที่ทำรุนแรงถึงขนาดให้ผมมีอารมณ์อย่างว่าไปด้วยก็มีแต่คุณนั่นล่ะครับ...”

          สิทธิ์เผลอหน้าแดงใส่แล้วกัดฟันกรอด ก่อนจะระบายความหมั่นเขี้ยวซ้ำลงตรงจุดเดิมที่แดงเห่อและเป็นรอยกัด เสียงหวีดร้องดังขึ้นอีกครา ฟังดูเจ็บปวดหากแต่กลับมีความสุขสมปนเข้ามา มือหนาที่สัมผัสไปตามร่างบางหนักหน่วงและรุนแรงจนชวนให้ชอกช้ำ กระนั้นคนโดนกระทำกลับส่งเสียงราวกับร้องเรียกมากกว่าเดิมแทน

          “รอบนี้...ฉันขอแบบปกติก่อนนะ...” ด้วยความที่อะไรๆก็ไม่ค่อยจะพร้อมเท่าไหร่ อีกทั้งยังกังวลกลัวจะทำไม่ถึงใจอีกฝ่าย สิทธิ์จึงออกตัวก่อนจะดำเนินการถึงจุดไคลแมกซ์

          คนฟังถึงกับหลุดหัวเราะ เล่นเอาคนที่เครียดถึงกับถลึงตาใส่

          “แหม ก็มันขำจริงๆนี่ครับ ทีเมื่อก่อนไม่เห็นจะกังวลขนาดนี้ ก็ยังทำได้ถึงใจผมแท้ๆ” เสียงหวานยังคงกลั้วเสียงหัวเราะไม่หยุด “เอ หรือผมต้องช่วยพูดกระตุ้นอารมณ์ด้วยล่ะครับ คุณจะได้ไม่เครียด”

          สิทธิ์นิ่วหน้ามองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถึงบางอ้อ

          “ที่ผ่านมาตอนเรามีอะไรกัน เธอพูดเพราะล่อให้ฉันรุนแรงกับเธอหรอกเหรอ” ชายหนุ่มมองหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก

          “ก็คุณมันใจดี ขืนไม่ยั่วโมโห แล้วคุณจะกล้าทำหรือครับ” มือเล็กยกขึ้นโอบคอ แล้วโน้มหน้าเข้าใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจชัดเจน “โดนผมแกล้งได้ขนาดนี้ คุณนี่มันเด็กจริงๆเลยเนอะ”

          และไม่รู้ว่าเมื่อครู่ตั้งใจหรืออย่างไร อย่างน้อยมันก็ได้ผล

          “อ๊ะ” เสียงหวีดร้องดังขึ้นอย่างเผลอตัวเมื่ออยู่ๆก็โดนขยำเข้าส่วนอ่อนไหว เด็กหนุ่มมองคนที่ไม่เหลือเค้าความกังวลตรงหน้า แล้วเหยียดยิ้มให้คล้ายกับนึกดูถูก นั่นยิ่งทำให้แรงบีบแรงกว่าเดิม ความเจ็บที่โถมเข้ามาดั่งพายุทำเอาใบหน้าเนียนบิดเบี้ยวไปด้วยความทรมาน และในครั้งนี้ แม้จะร้องครวญครางแค่ไหน คนกระทำก็ไม่คิดจะเบามือลงเลยสักนิด

          “ชอบล่ะสิ” ชายหนุ่มกระซิบเข้าข้างหู และไม่รอฟังคำตอบ เขาก็กัดเข้าที่ติ่งหู ลิ้นอุ่นหยอกเย้ากับส่วนเนื้อที่ขบกัดไปมา ชายหนุ่มไม่สนใจเสียงหวีดร้องและแรงขัดขืนที่ไม่แน่ใจว่าแสดงหรือเป็นเรื่องจริงเลยสักนิด ในตอนนี้คิดถึงแต่เรื่องจะจัดการคนตรงหน้าอย่างให้ไรสาแก่ใจและปลดเปลื้อง ความหม่นหมองที่ดองอยู่ในใจให้หายไปจนหมดเสียที

          “ชอบครับ...” เสียงหวานตอบอย่างระทดระทวย “ยิ่งเพราะคุณเป็นคนทำ...ผมยิ่งชอบจนแทบคลั่งอยู่แล้ว...อึก”

          ดวงตากลมเลื่อนมองไปยังเบื้องล่างที่โดนพันธนาการเอาไว้เสียแน่น แรงบีบนั้นกลับทำเอาอารมณ์ที่ปกติไม่ควรจะเกิดพุ่งสูงจนพยายามต่อต้านแรงบีบเต็มกำลัง แรงรั้งจากมือที่พยายามจะบีบให้อารมณ์ไม่สามารถแสดงออกได้อย่างเต็มที่ สร้างความเจ็บปวดให้เป็นอันมาก กระนั้นความสุขและความเสียวซ่านกลับแล่นไปทั่วร่างไม่แพ้กับความร้าวรานเลยสักนิด

          เมื่อสิทธิ์เองก็ไม่อาจทนไหวอีกต่อไป ชายหนุ่มจึงจัดการแทรกตัวเข้าไปอย่างไม่มีพิธีรีตรองหรือการบอกกล่าวให้เตรียมใจแต่อย่างใด เสียงร้องดังลั่นสลับกับเสียงหอบ ร่างสูงตรงหน้าไม่แม้แต่จะหยุดนิ่งให้เตรียมใจ เขาสาดอารมณ์รักใส่ไม่ยั้ง จนคนที่รองรับอารมณ์ได้แต่ระบายความสุขสมและความเจ็บปวดออกมาด้วยเสียงแทน

          “คุณสิทธิ์...” เสียงหวานที่ดังแหบพร่าดังขึ้น “ผมรักคุณ...จริงๆนะครับ...”

          ดวงตาเรียวจ้องมองคนตรงหน้า ความรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อครู่ไม่รู้ว่าปลิวหายไปตั้งแต่เมื่อใด และในตอนนี้หัวใจยิ่งพองโตกว่าเดิม เพราะนอกจากคำรัก ร่างเล็กตรงหน้ายังเข้าสวมกอดตนแน่นทั้งที่เขากระทำรุนแรงแท้ๆ

          ชายหนุ่มไม่ได้ตอบสิ่งใดออกไป เขาเพียงแต่ดำเนินกิจกรรมที่ค้างคาให้เสร็จสมอารมณ์หมาย เสียงร้องคราญยังคงดังต่อเนื่องจนกระทั่งสิทธิ์หยุดเคลื่อนไหว เขามองเด็กหนุ่มที่เปรอะไปด้วยอารมณ์ทั้งของเขาและของตัวเอง และทั้งที่เพิ่งจะเสร็จไปแท้ๆ แต่กลับมีอารมณ์ขึ้นมาทันทีเพียงเพราะอยากจะขย้ำคนตรงหน้าให้ยับเยินกว่าเดิม

          “แล้วจะรออะไรล่ะครับ”

          ร่างสูงกระตุกไปกับคำพูดที่เหมือนกับอ่านใจได้ เดียร์ปรือตามองคล้ายกับอ่อนแรง เด็กหนุ่มปาดสิ่งที่เลอะท้องน้อยของตนขึ้นมาป้ายใส่หน้าอีกฝ่าย รอยยิ้มกว้างที่ปรากฏขึ้นนั้นดูไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆ หากแต่แววตากลับตรงกันข้าม

          สิทธิ์เลิกคิ้วมองคนที่ยั่วอารมณ์ตนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดความกังวลและลังเลทิ้งไปในบันดล

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
รักSMของหนุ่มดอกไม้ โดย Zore
         
ตอนที่ 59 (จบ)
          “เธอรู้ตัวตั้งแต่ตอนไหนหรือ”

          ดวงตากลมเพียงแต่หันมองคนที่เพิ่งสุขสมอารมณ์หมายที่กำลังนั่งพิงกำแพงอยู่ข้างตน ท่าทีดูผ่องใสอย่างที่ไม่ได้เห็นมานาน...ก็แน่ล่ะ จัดหนักจัดเต็มแบบไม่มีกั๊ก ไม่มีเกรงใจไปเสียหลายรอบ แถมยังดูกระชุ่มกระช่วยกว่าก่อนหน้าเสียอีก

          “หมายถึงเรื่องไหนหรือครับ ที่คุณตั้งใจเข้าหาผมเพื่อแกล้งพี่ หรือเรื่องที่ผมเป็นมาโซฯ”

          “ระ...เรื่องแรกสิ” สิทธิ์เกือบสำลัก แม้ใจจริงจะแอบนึกอยากรู้อยู่หน่อยๆก็ตาม

          “ตั้งแต่ตอนที่คุณมาชวนผมไปกินข้าวที่ร้านน่ะครับ”

          ที่จริงคนฟังก็พอจะเดาๆได้ว่าน่าจะเป็นช่วงแรกๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะตั้งแต่ตอนนั้นเลย ยิ่งเห็นรอยยิ้มกว้างอันเจิดจ้านั่น เล่นเอาสิทธิ์อายจนแทบอยากมุดดินหนีเลยทีเดียว

          “ที่จริง...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นนะ” ชายหนุ่มแก้ตัวเสียงอ่อยพลางซุกหน้าเข้ากับเข่าของตน

          “อันนั้นผมก็รู้ครับ” สิทธิ์ถึงกับหันขวับมองหน้าคนที่ยังยิ้มเหมือนไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ตนพูดเมื่อครู่ “ผมรู้ว่าคุณตั้งใจจะมาตีสนิทกับผมแบบปกติ แต่ผมทำให้มันเป็นแบบโซ่แส้กุญแจมือเองล่ะครับ ฮะๆ”

          ยิ่งหัวเราะเหมือนกับเรื่องที่พูดเป็นเรื่องธรรมดา ชายหนุ่มก็แทบจะอ้าปากจนแมลงวันบินเข้าไปตีลังกาเล่นได้หลายตลบ

          “เธอนี่มัน...ไม่อยากจะเชื่อเลย...” สิทธิ์ว่าก่อนจะถอนหายใจอย่างยอมแพ้ “นี่สรุปฉันเดินตามเกมเธอทุกอย่างเลยอย่างนั้นสิ”

          เด็กหนุ่มพยักหน้าให้ “ใจจริงผมก็ทำไปเพียงแค่ชอบความรุนแรงของคุณ...” พูดเพียงแค่นั้นก็กลับมาทำสีหน้าเขินอายสะกดคนมอง “แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบคุณได้ยังไง หรือตอนไหน...รู้ตัวอีกที ก็ชอบจนขาดไม่ได้แล้ว...”

          สิทธิ์รู้สึกเหมือนร้อนๆที่หน้า ก่อนจะหันไปมองอีกทางด้วยความเขินอาย ยิ่งตอนนี้คนพูดไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะให้ชาวบ้านชาวช่องเห็นได้ ยิ่งทำเอาอารมณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปหวนกลับคืนมาอีก แต่เพราะไม่อยากจะให้เสียโอกาสคุยกัน จึงได้แต่ท่องสูตรคูณข่มความต้องการภายในเอาไว้แทน

          “ผมไม่คิดเลยนะครับว่านอกจากจะเผลอไปรักคุณ ยังทำให้คุณชอบความรุนแรงไปด้วย” เสียงหวานเอ่ยออกมาคล้ายสำนึกผิด หากแต่หน้ากลับดูมีความสุขเสียเหลือเกิน “คุณต้องให้ผมชดใช้ให้สาสมกับความผิดที่ผมทำไปนะครับ ไม่อย่างนั้นผมคงรู้สึกผิดจนตายแน่ๆ”

          ชายหนุ่มแสดงอาการไม่แน่ใจนัก แม้ในตอนนี้จะรู้อยู่แล้วว่านั่นเป็นเรื่องน่ายินดีของอีกฝ่ายก็ตาม

          “ฉันต้องให้เธอชดใช้แน่” เสียงทุ้มฟังดูไม่เด็ดขาดนักจนเดียร์หน้างอ “อะไรกันล่ะ อย่างน้อยมันก็ต้องเป็นในแบบของฉันสิ ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่าลงโทษหรือไงล่ะ จริงไหม”

          เดียร์ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อนัก

          “ไม่ว่ายังไงฉันก็จะถามเธอก่อนลงมือ ตกลงนะ” คำประกาศกร้าวนั่นทำเอาคนฟังแสดงอาการเหมือนพนักงานโดนลดเงินเดือน “อย่างน้อยๆฉันก็อยากจะทำอย่างสบายใจนี่นา”

          “ครับๆ” เด็กหนุ่มตอบเสียงอ่อน “ก็คุณมันมือใหม่นี่นา ก็ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป ค่อยๆสอนกันเนอะ ยังไงเราก็มีเวลากันทั้งชีวิตอยู่แล้วนี่นา แต่อย่างน้อยก็ต้องทำให้ได้อย่างที่ผมต้องการหน่อยละกัน บอกไว้ก่อนว่าผมมันโลภมากนะ”

          มาถึงก็เริ่มทดสอบความสามารถกันทันทีเลย แต่สิทธิ์ก็ไม่ได้ตอบสนองตามที่อีกฝ่ายต้องการ เขาเพียงแต่ทำหน้านิ่งแล้วเชยคางเล็กคนตรงหน้า และยิ้มให้แต่เพียงปาก

          “ไม่ต้องห่วง อย่างน้อยก็ผ่านความต้องการขั้นต่ำของเธอแน่”

 

          ใจจริงวินก็เข้าใจความรู้สึกอยู่หรอก เพียงแต่ในขณะที่ตนกำลังยุ่งจนหัวหมุน ไอ้ผู้ช่วยแสนดีกลับทำหน้าระรื่นทั้งที่งานของมันก็เยอะไม่ต่างจากตนเลยสักนิด ทำเอาหงุดหงิดขึ้นมาทั้งที่ไม่อยากเสียจริงๆ

          “เลิกยิ้มหน้าบานสักทีได้ไหมวะ” พอเดินเข้ามาวินก็บ่นใส่ทันที “เดี๋ยวฉันก็ชกหรอก”

          ดูมัน...ยังจะมายื่นหน้าให้อีก

          “จะให้คนอื่นเขาเข้าใจว่าฉันเป็นพวกใช้กำลังแบบไม่มีเหตุผลหรือไงวะ” วินเริ่มโวยวาย

          “มากลัวอะไรเอาป่านนี้ละครับ คนอื่นเขาเข้าใจแบบนั้นกันทั้งบางแล้วล่ะ” คำตอบของคนหน้าบานทำเอาหนุ่มแว่นเบิกตา “แต่เขาก็เข้าใจว่าคุณไม่มีเหตุผลแค่กับผมเท่านั้นนะครับ ไม่ต้องห่วง”

          วินทำท่าเหมือนอยากจะด่า แต่ท้ายที่สุดก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาแทน

          “โธ่ ก็ผมมีความสุขนี่ครับ จะให้ทำหน้าบึ้งหรือไง” เมื่อเห็นประธานหนุ่มเอาแต่เซ็งไม่เลิก ชาก็สารภาพออกมาด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขจนคนฟังรู้สึกเลี่ยน “หรือคุณไม่มีความสุขล่ะครับ”

          “เออ มี” น้ำเสียงนั้นสุดแสนจะเบื่อหน่ายเต็มทน ก่อนจะเริ่มยิ้มพราย “ได้อยู่กับที่รักทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ ใครมันจะไม่มีความสุขกันบ้างละครับ”

          ถึงกับหน้าซีดทันควัน

          “อ้าว ชอบให้แกล้งไม่ใช่หรือไงจ๊ะ” วินยังหยอกไม่เลิก นึกเสียดายที่กำแพงเป็นกระจกเหลือเกิน ไม่อย่างนั้นคงจะแกล้งให้หนักกว่านี้อีก “ยังไงเราก็เป็น ‘คนรัก’ กันแล้วนี่ จะมีโมเมนท์แบบนี้บ้างมันจะแปลกอะไรล่ะ หรือนายไม่ชอบ”

          เลขาหนุ่มยังคงยืนหน้าแดงไม่เลิก...ซึ่งไม่รู้ว่าวินคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขารู้สึกว่าตั้งแต่เริ่มคบมา เหมือนเขาจะเห็นชาทำสีหน้าแบบที่ไม่เคยเห็นเยอะเป็นกอง ชวนให้แปลกใจและอยากขุดคุ้ยให้มากขึ้นไปอีกเสียเหลือเกิน

          “คุณนี่มันขี้โกงจริงๆนะครับ...” เสียงทุ้มนั้นติดขัดจนคนฟังต้องกลั้นหัวเราะ “ผมอุตส่าห์ได้โดนคุณแกล้งอย่างเปิดเผยได้ขนาดนี้ แถมยังได้คบกับคุณอีก แล้วจะให้ผมอดทนทำหน้านิ่งได้ยังไงล่ะครับ แค่นี้ก็จะตายเพราะความสุขจุกอกจะแย่อยู่แล้ว”

          จากที่กำลังนึกหาเรื่องแกล้งเพลินๆ ถึงกับเกือบตกเก้าอี้

          “เออๆ งั้นก็ไปทำงานได้แล้ว” วินโบกมือไล่แล้วหันไปทางอื่น “ไปสิ ฉันยุ่ง ไม่ว่างมาคุยกับนายทั้งวันหรอกนะ”

          แม้จะแอบสงสัยว่าทำไมต้องหลบหน้า แต่เพราะเข้าใจว่าคงเบื่อจะเถียงด้วย ชาเลยจากไปแต่โดยดี ไม่รู้เลยว่าตอนนี้หน้าของเจ้านายตนนั้นแดงมากแค่ไหน

 

          ฤทธิ์มองคนที่นอนนิ่งเหมือนศพอยู่บนเคาท์เตอร์บาร์ในร้านอย่างหงุดหงิด ในตอนนี้แทบจะเรียกว่านี่เป็นภาพคุ้นเคยที่จะได้เห็นกันทุกคนก่อนเปิดและปิดร้านเป็นประจำ และสร้างความโกรธาให้แก่ผู้ช่วยผู้จัดการเสมอ...ซึ่งแม้จะไม่มาก แต่ตอนนี้มันก็สะสมมาไว้นานจนจะเต็มลิมิตแล้ว

          และก็ไม่ทนให้เสียสุขภาพจิตนานนัก ฤทธิ์เดินเข้าไปเขกหัวคนนอนเต็มแรง จนเหล่าลูกน้องพากันกระตุกยกใหญ่ ในขณะที่คนโดนทำร้ายกลับแค่ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียเท่านั้น และตื่นเต็มตาทันทีที่โดนตบเข้าข้างแก้มหนึ่งฉาด

          “...เป็นอะไร คุณฉัตรแกล้งนายมาหรือไง” กระทั้งท่าทีของหนุ่มแว่นกลับดูปกติเหมือนความรุนแรงก่อนหน้าไม่ได้ส่งผลกระทบเลยสักนิด

          คำถามนั้นก็ทำให้คนที่กำลังหงุดหงิดอยู่แล้ว โมโหร้ายยิ่งกว่าเดิม

          “ก็นายนั่นล่ะ” ไม่ว่าเปล่ามีตบเข้าอีกฉาด “ก่อนหน้านั้นทำเป็นบอกว่าอยากมีเวลาอยู่ด้วยกันลำพัง...แล้วนี่เรอะ ที่แกอยาก วันๆเอาแต่นอนๆๆๆ กลับบ้านก็นอน อยู่ที่นี่ก็นอน เนี่ยนะอยู่ด้วยกัน...ถ้าอยากนอนนัก ฉันจะให้นายนอนไปตลอดชีวิตเลยดีไหม”

          ก้องนั่งหน้ามึนไปพักใหญ่ ก่อนจะขยับแว่นที่เบี้ยวเพราะโดนลูกตบกลับมาเข้าที่

          “ก็มันสบายใจนี่นา เลยง่วงเอาๆ” เหตุผลทำเอาเส้นเลือดตรงขมับหนุ่มตาตกปูดกว่าเดิม “หรือนายจะเหงามือที่ฉันไม่ไปนอกใจกันล่ะ หืม...แต่ตอนนี้จะอยากตบตีฉันเมื่อไหร่ก็ได้แล้วนี่นา...หรือจริงๆอยากให้ฉันไปเจ๊าะแจ๊ะกับคนอื่น...”

          “ไม่ว้อย” ฤทธิ์ร้องลั่นพร้อมกับชกออกไปอย่างลืมตัว ใบหน้าเรียวนั้นขึ้นสี แต่ไม่แน่ใจว่าเพราะสาเหตุใดกันแน่ “ก็นายบอกว่าคิดถึงอย่างโน้น เหงาอย่างนี้ ไอ้ฉันก็คิดว่าคงมีอะไรบ้างนี่ ไม่ใช่นั่งๆนอนๆ ทำงานอืดๆแบบนี้สักหน่อย”

          สรุปคืองอนนี่เอง

          “เมื่อก่อนก็ยังจะดีซะกว่า...แต่อย่ากลับไปทำอีกนะว้อย” ตัดพ้อไม่ทันจบดี ก็ขู่ขัดเสียก่อนราวกับกลัวจริงๆจังๆว่าพ่อแว่นแกจะกระโดดไปคว้าใครก็ตามแถวนี้แทบจะทันที “อย่างน้อยก็รู้ว่าทำไปเพราะอยากให้หึง...แต่ดูตอนนี้สิ ทำเหมือนไม่ใช่แฟนกัน”

          ก้องอ้าปากหมายจะพูด แต่พอเห็นท่าทีที่ดูน้อยใจเสียเหลือเกินก็หยุดไป ก่อนจะลูบหัวอีกฝ่ายที่ซุกหน้าลงบนเคาท์เตอร์แทน เล่นเอาฤทธิ์ถึงกับนิ่วหน้ามองด้วยความงงงวย

          “ถึงฉันจะไม่ค่อยแสดงออก แต่ฉันก็รักนายนา” ก้องว่าโดยที่ยังลูบหัวอีกฝ่ายไม่เลิก “ไม่อย่างนั้นจะลงทุนไปช่วยนายจากไอ้ปลิงนั่นหรือ”

          ฤทธิ์ค้างไปพักใหญ่ ก่อนจะออกอาการลุกลี้ลุกลน

          “ที่สำคัญคือ...” เนื่องจากไม่อยากจะแกล้งนักเลยตัดบทพูดต่อ “ฉันไม่ถนัดไล่ตามเท่าไหร่เนี่ยน่ะสิ ถนัดเป็นฝ่ายโดนไล่มากกว่านี่นา”

          “ก็แค่แสดงออกมาอะไรสักอย่างก็ได้นี่นา” หนุ่มตาตกโวย “...จะบอกรักสักคำยังไม่มี...”

          “รักนะ”

          เมื่อครู่เขาแค่กระซิบบ่นกับตัวเองแท้ๆ ไอ้บ้านี่กลับหูผีเสียนี่

          “รักนะ” โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวในครั้งแรกก็ทำเอาหน้าแดงไปหมด ยิ่งเจอมันปล่อยก๊อกสองด้วยใบหน้านิ่งๆ รอยยิ้มดูอบอุ่นสมวัย ยิ่งทำเอาใจเต้นรัว เท่านั้นยังไม่พอ มีฉวยมือเขาขึ้นไปจูบแล้วช้อนตามองอีก “ฉันรักนายมากนะ”

          คนฟังใช้มือที่ยังว่างอยู่จับหน้าอกตัวเองจนเสื้อยับ ท่าทางเหมือนคนหัวใจจะวาย

          และยังไม่ทันที่ก้องจะได้ถาม เขาก็โดนคนตรงหน้าคว้าตัวเข้าไปจูบแทน

          “ก็แค่เนี้ย ทำได้ก็ไม่รู้จักทำ” หลังจากถอนตัวออกมาก็บ่นอุบแบบไม่สนใจลูกน้องแต่อย่างใด ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยสนใจกับภาพชินตาอยู่แล้ว

          “ก็มันเขินนี่นา” ปากบอกว่าเขิน แต่ดูไม่เหมือนเลยสักนิด “อีกอย่าง...ฉันไม่ถนัดทำอะไรแบบนี้ตรงๆเท่าไหร่นี่น่ะสิ...มันเขินจริงๆนะ...”

          พอเห็นอีกฝ่ายออกอาการเหมือนดั่งที่พูดสักที ใจที่สู้อุตส่าห์ระงับเอาไว้แล้วก็เต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้งจนได้

          “พอ” ฤทธิ์ลุกขึ้นทุบเคาท์เตอร์เสียดังจนทุกคนพากันสะดุ้ง ชายหนุ่มกระชากร่างผู้จัดการหน้าแว่นไปยังห้องพักพนักงาน แล้วก็โยนเข้าไปด้านในแบบไม่มีเห็นใจกันเลยสักนิด

          “ขอพักครึ่งชั่วโมง ถ้าไม่มีอะไรคอขาดบาดตาย ก็ทิ้งเรื่องเอาไว้ก่อน”

          หลังจากบอกกับลูกน้องจบก็หายเข้าไปด้านในทันที พวกเขาต่างมองหน้ากันอย่างเหนื่อยใจ เพราะรู้ดีว่าแค่ครึ่งชั่วโมงน่ะ มันไม่พอหรอก

 

          เดียร์สะดุ้งเมื่ออยู่ๆก็มีมือปริศนาเข้าขย้ำเอวทั้งสองข้างของตัวเองเต็มแรง เด็กหนุ่มหันขวับไปมองน้อยที่ยิ้มให้ตัวเองก่อนจะลงมือแกล้งเขาอีกครั้ง

          “โอ๊ย พอเถอะครับ” เด็กหนุ่มขอปนเสียงหัวเราะ “เดี๋ยวผมก็ขาดใจตายหรอก”

          “แหม หมั่นไส้ๆ” เจ้าของร้านว่าพร้อมกับแกล้งอีกดอกสุดท้ายก่อนจะยอมเลิกรา “แหมๆ ไปฮันนีมูนกับคุณสิทธิ์แค่ไม่กี่วัน ก็ตกลงปลงใจเข้าหอกันเลยนะจ๊ะ”

          ยังครับ ยังไม่ได้ไปขั้นนั้น

          “แหม แต่พี่ก็ดีใจกับเธอจริงๆนะ” เธอว่าพลางวางช่อดอกไม้เข้าตู้แช่ “ถึงจะทำงานกันแค่สี่ปี แต่พี่ก็รู้ว่าเธอเป็นคนดีมาก สมควรจะเจอเรื่องดีๆแล้วล่ะ”

          เดียร์ได้แต่ยิ้มค้าง...ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีจริงๆนั่นล่ะ...เสียแต่ไอ้เรื่องที่เขาเป็นคนดีนี่มันไม่เฉียดความจริงแม้แต่ผิวเลยน่ะสิ

          “แล้วนี่จะลาออกหรือเปล่าเนี่ย เห็นคุณสิทธิ์เองก็ดูจะอยากให้เธอออกเหมือนกันนี่” หลังจากหน้าบานเป็นกระด้ง ก็กลับมาห่อเหี่ยวพร้อมกับถามเรื่องเครียด

          “ยังไงผมก็ไม่ออกง่ายๆหรอกครับ ไม่ต้องห่วง” คำตอบของพนักงานแสนดีทำเอาเจ้าของร้านตัวลอย “ผมชอบทำงานเลี้ยงตัวเองมากกว่า ไม่ค่อยถนัดเรื่องพึ่งคนอื่นเท่าไหร่อยู่แล้วด้วย...แถมจะให้ไปนั่งๆนอนๆ อยู่นิ่งๆมันไม่ใช่นิสัยผมน่ะครับ”

          “แหม ขยันจริงนะเรา แต่พี่ก็ชอบ~” น้อยว่าพลางตบหลังเดียร์ “แล้วแต่งเมื่อไหร่อย่าลืมบอกพี่ด้วยนะ รับรองว่าพี่จะไปใส่ซองให้เธอแน่ๆ”

          ทีแรกเดียร์ก็คิดว่าไอ้งานแต่งมันคงไม่มีหรอก แต่หลังจากตกลงคบกัน เห็นสิทธิ์ไปซื้อหนังสือเกี่ยวกับงานแต่งมาหลายเล่ม เขาก็ไม่แน่ใจนักว่าจะได้สมใจหัวหน้าของตนหรือเปล่า

          “แต่ถ้าได้แต่งจริง ผมก็อยากให้พี่น้อยมาช่วยจัดงานให้ผมนะครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงอ้อนปนแซว

          “แหม แน่อยู่แล้วล่ะ รับรองว่าจะใช้กุหลาบของชอบเธอเป็นเมนหลักในงานแน่นอน” เจ้าของร้านว่าพลางหยิบกุหลาบออกมาจากแจกันขึ้นมา “เรานี่ก็โรแมนติกใช่เล่นเลยนะ ชอบกุหลาบเนี่ย”

          เดียร์ได้แต่ยิ้มรับ แน่นอนว่าเหตุผลที่เขาชอบกุหลาบไม่ใช่เรื่องหวานแหววอย่างที่ใครเขาเข้าใจหรอก…ก็ดูหนามมันสิ…

          การสนทนาจบลงเมื่อเสียงกริ่งของประตูดังขึ้น ร่างสูงใหญ่ของชายทั้งสองที่คุ้นเคยเดินเข้ามาตามปกติอย่างที่มักเป็น เว้นเสียแต่ว่ารอบนี้วินไม่ได้ทำท่าหลุกหลิกเหมือนกลัวใครจะมาเห็นเข้าก็เท่านั้น

          เด็กหนุ่มก็ไม่แปลกใจนักหรอก หลังจากมาริสาได้แก้แค้นสมใจ และเข้าใจว่าเขาเป็นคนช่วยให้เธอได้ในสิ่งที่ต้องการ ก็ดูหญิงวัยกลางคนจะเริ่มลดความเกลียดชังที่มีต่อตัวเขาลงไปมาก อย่างน้อยเธอก็เลิกกีดกันวินมาเจอกับตนไปเลย จนคุณพี่ชายถึงกับดี๊ด๊าออกหน้าออกตา เทียวไปเทียวมาหาตนทุกเช้าเย็นแทน...ซึ่งนั่นทำให้ชาหงุดหงิดขึ้นมาแทน

          “เดียร์จ๋า” หนุ่มแว่นทักเสียงระรื่นพร้อมเข้าไปกอดร่างเล็กแน่น จนคนที่ตามมาข้างหลังออกอาการเส้นเลือดปูด “สบายดีไหม”

          “ครับ” ซึ่งก็ไม่รู้จะถามอะไรมากมายเสียขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการรังเกียจหรือเบื่อหน่ายแต่อย่างใด “แล้วพี่ล่ะครับ ผมคิดถึงพี่มากเลย...”

          แน่นอนว่าใจจริงก็ไม่ได้คิดถึงมากขนาดนั้นหรอก แค่อยากแกล้งไอ้คนข้างหลังวินก็เท่านั้น

          “นี่ตกลงนายคิดดีจริงๆแล้วใช่ไหม” หลังจากแสดงความรักกันจนคุณเจ้าของร้านที่นั่งอยู่ตรงเคาท์เตอร์เริ่มเก็บอาการฟินไม่อยู่ วินก็เอ่ยถามน้องชายออกมาด้วยความกังวล และนั่นทำเอาน้อยต้องหนีลงไปใต้เคาท์เตอร์เพื่อกรี๊ดในใจ “กับไอ้หมานั่นน่ะ...”

          “ครับ” เสียงหวานตอบอย่างหนักแน่น ทั้งรอยยิ้มกว้างที่เต็มไปด้วยความสุข ทำเอาคนค้านจุก “อย่างที่ผมเคยบอกไป ผมเข้าใจว่าพี่เป็นห่วง แต่พี่เองก็ต้องมีชีวิตของพี่ ผมเองก็ต้องมีชีวิตของผม อย่างน้อย นี่ก็เป็นทางที่ผมตั้งใจเลือก ต่อให้ต้องเสียใจทีหลัง ผมก็พอใจครับ...พี่เองน่าจะกังวลเรื่องของพี่มากกว่านะ”

          วินทำท่าเหมือนจะอาเจียนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มเจื่อน “อ่า...นั่นสินะ...ฉันยอมก็ได้”

          ก็พูดแบบนี้ทุกที แล้วพอวันต่อมาก็กลับมาพูดใหม่อย่างกับเล่นเทปซ้ำเสียอย่างนั้น

          “นั่นสิครับ ผมว่าคุณเลิกเป็นห่วงคุณเดียร์ได้แล้วล่ะครับ เขาน่ะ มีความสุขสุดๆแน่นอนอยู่แล้ว” ชาเสริมขึ้นมาอย่างหงุดหงิดทั้งยังส่งสายตาอาฆาตใส่ นี่ถ้าไม่เกรงใจคงจะไปคว้าแขนวินออกมาแล้ว

          ที่จริง เขาก็ไม่ได้อยากจะขัดขวางความสุขใครหรอกนะ แต่หมั่นไส้ ทำไงได้

          “ไม่หรอกครับ ผมดีใจที่พี่วินเป็นห่วงนะ” ไม่ว่าเปล่ามีเข้ามากอดแขนแน่น จนชาเผลอกัดปาก ยิ่งเห็นเจ้าเด็กตัวเล็กกว่ามันไซ้แขนพี่ชายจนดูเกินเลยแล้วยิ่งอยากจะเข้า ไปยันมันให้หงายเสียเหลือเกิน “เมื่อก่อนเราพบกันบ่อยไม่ได้ ตอนนี้คุณแม่เองก็ไม่ว่าอะไรแล้ว ถ้าไม่ลำบาก พี่จะมาหาผมทุกวันเหมือนที่เป็นอยู่แบบนี้ได้ใช่ไหม”

          ฮะๆ ที่จริงก็ไม่ค่อยชอบแกล้งชาวบ้านเท่าไหร่หรอกนะ แต่เว้นคุณชาไว้สักคนละกัน

 

          เด็กหนุ่มเดินไปตามทางเดินยาวในอพาร์ตเมนต์ที่เดิมที่แสนคุ้นเคย สภาพของที่นี่ก็ยังดูขลังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ไฟรายทางติดๆดับๆตามสภาพการใช้งานและการดูแล สีผนังซีดทึมเก่าแก่ไร้ซึ่งการทาทับใหม่เป็นสิบปี ยังดีหน่อยที่รักษาความสะอาดได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งค่าเช่าก็ถูกแสนถูกต่อความกว้างห้องที่พอรับได้ จึงทำให้อพาร์ตเมนท์แห่งนี้อยู่มาได้ถึงสามสิบปี

          เดียร์เลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อประตูห้องของตนไม่ได้ล็อกไว้อย่างที่ควรเป็น และยังไม่ทันจะได้เอื้อมมือไปจับลูกบิด บานประตูก็เปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กโดนคนด้านในดึงพรวดเข้าไปอย่างไม่ทันตั้งตัว คว้าเข้าไปกอดเสียแน่น

          “คุณสิทธิ์มาได้ยังไงครับเนี่ย” เด็กหนุ่มถามอย่างแปลกใจและเป็นปกติ แม้อีกฝ่ายจะกอดตนเต็มแรงจนกระดูกแทบหักก็ตาม “อย่างน้อยก็น่าจะบอกก่อน”

          “ฉันคิดถึงนี่” ทั้งที่เป็นอารมณ์เดียวกับของพี่ชายแท้ๆ แต่เสียงทุ้มที่รดเข้าหูนี้กลับทำเอารู้สึกหวาบหวามกว่าเยอะ “แล้วนี่เมื่อไหร่จะย้ายออกสักทีละ ไหนสัญญาว่าถ้าฉันยอมให้เธอทำงานที่ร้านพี่น้อยต่อ เธอจะยอมมาอยู่กับฉันไง”

          “แหม ใจเย็นๆสิครับ ผมอยู่ที่นี่มาตั้งหลายปี มีความทรงจำดีๆก็ตั้งเยอะ เลยเสียดายที่จะย้ายออกไปนี่นา” เสียงหวานเอ่ยอ้อนพลางซบหน้าเข้ากับแผงอกกว้าง “อย่างน้อยก็อยากจะอยู่กับมันจนกว่าจะหมดสัญญานะครับ”

          สีหน้าของหมียักษ์ดูคัดค้านอย่างเห็นได้ชัด “ก็ไปสร้างความทรงจำใหม่ที่บ้านฉันเลยไง ที่ๆไม่มีความทรงจำของฉันด้วยน่ะ ทิ้งๆมันไปเถอะ...”

          พอเห็นสิทธิ์ชะงักไปเล็กน้อย เดียร์ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

          “พักนี้ชักจะทำตัวซาดิสม์เป็นธรรมชาติมากขึ้นแล้วนะครับ” เดียร์ว่ายังคงยิ้มไม่หุบ “นี่คงไม่ได้เอาไปใช้กับคนอื่นใช่ไหม”

          “หึงหรือไง” พูดเองชายหนุ่มก็อายเองเสียอย่างนั้น “ตะ..แต่ฉันไม่ได้เอาไปใช้กับใครหรอกน่า ก็แค่กับเธอคนเดียวเท่านั้นล่ะ”

          ริมฝีปากบางยิ้มกว้างอย่างพอใจ ก่อนจะยืดตัวขึ้นไปหอมแก้มอีกฝ่าย สัมผัสนุ่มนิ่มเข้าข้างแก้มทำเอาคนตัวสูงกว่าหน้าขึ้นสี ชายหนุ่มจูบกลับตรงซอกคอ เพียงแต่แถมท้ายด้วยการกัดเพราะเขินปนหมั่นเขี้ยว

          “เหมือนฝันไปเลย...” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างแผ่วเบาก่อนจะกอดร่างเล็กตรงหน้าแน่นขึ้น “ฉันไม่คิดเลยว่าเกิดเรื่องตั้งขนาดนั้น สุดท้ายกลับมามีความสุขได้มากขนาดนี้...”

          “นั่นเป็นเพราะผมไงละครับ” เดียร์ยิ้มร่า “ถ้าเป็นคนอื่น จบไม่สวยแบบนี้หรอก”

          สิทธิ์ได้แต่หัวเราะเสียงแห้ง

          “แต่ถ้ากลัวว่ามันจะเป็นฝัน ผมแนะนำให้กอดผมไว้แน่นๆครับ อย่างที่เขาว่าถ้าเป็นความฝันมันจะไม่เจ็บไง เพราะงั้นก็กอดแรงๆจนผมรู้สึกเจ็บสิครับ จะได้รู้ไงว่าไม่ใช่ฝัน...หรือถ้ายังไงจะทำมากกว่ากอดก็ได้นะครับ”

          หมียักษ์มองหน้ามารตัวน้อยที่ยิ้มอย่างใสซื่อให้ ก่อนจะหัวเราะในลำคอ และกอดอีกฝ่ายให้แน่นขึ้น

          แม้จะอึดอัด แต่เด็กหนุ่มก็รู้สึกดีจนไม่อยากให้อีกฝ่ายผละออกไปเลย แขนเล็กโอบรัดคนตรงหน้าแน่น เพราะแม้จะพูดออกไปอย่างนั้น แต่ตัวเขาเองก็หวั่นกลัวไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอีกฝ่ายเลย

          ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้…

          วันที่ได้เจอใครสักคนที่ยังคงอยู่กับเรา…

          แม้จะรู้ข้อเสียของเราก็ตาม…


_____________________________
          TT^TT จบแล้วนะฮับ สำหรับเรื่องนี้ ที่เป็นแนวไม่เครียดแท้ๆ แต่เขียนยากชะมัด (ฮา) คงเพราะตัวละครแต่ละตัวล้วนแล้วแต่ชอบทำตามใจชอบ ไม่สนคนเขียนเอาเสียเลย(โบ้ยซะงั้น) กว่าจะจบได้นี่ก็มาไกลกว่าที่คาดไว้อีกแล้วเหมือนเดิม XD
          จบเรื่องนี้ คนเขียนมีแพลนต่อละ คิดว่าไม่นานก็คงลงต่อ หลังจากจัดการรวมเล่มเรื่องนี้ลงตัวแล้ว โดยเรื่องจะเชื่อมกับเรื่องนี้ (คาดว่าบางคนอาจจะเดาได้) และยาวกว่าเรื่องนี้...เผลอๆจะยาวกว่ารักทั้งทีฯ =_= แต่ยังคงเป็นแนวเดิมคือ หื่น+ตลก 555
          อย่างไรก็ต้องขอบคุณทุกๆคนที่ตามมาจนถึงตอนนี้มากเลยงับ แม้จะอ่านอย่างเดียวไม่เมนท์ หรือมาเมนท์ให้ทุกตอน เรามีความสุขและมีกำลังใจทุกครั้งที่ได้อ่านเมนท์คนอ่าน หรือได้เห็นวิวขยับ XD
แล้วเจอกันเมื่อชะตาพาเรามาพบกันฮับ ><

          ตอนนี้เริ่มเปิดจองแล้ว ส่วนรายละเอียดจะอัพเดตทางเพจอีกทีงับ *0*


เรื่องต่อไปที่เขียน
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2015 09:03:58 โดย musddmp »

ออฟไลน์ waterlily

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
จบแล้วเรื่องนี้ อ่านแล้วรู้สึกดี๊ดี สนุกไปกับครอบครัวหนูเดียร์และการชิงไหวพริบระหว่างพี่ และ น้อง ของบ้านนี้

Ps. จะรอเรื่องต่อไปของนักเขียนนะคะ เพราะเรื่องนี้สนุกมาก  :hao5: :-[ :call: :pig4:

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
สนุกมากกก >//<
ฟินไปกับเดียร์ที่ในที่สุดก็ไม่ต้องแอ๊บอีกต่อไป 555

ออฟไลน์ cowinsend

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
สนุกมากค่ะ ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆนะคะ มีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านเลยค่ะ^^

ออฟไลน์ Kimkibog

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เราชอบสไตล์การเขียนของคุณมากๆ (แถมความซี๊ดซ๊าดมาด้วย  :jul1: )
ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายเรื่องนี้ เราอ่านแล้วมีความสุขมาก ทั้งฟินทั้งเลือดสาด  :pighaun:
ต่อไปเดียร์ไม่ต้องแอ๊บอีกแล้ว 55555555
จะรอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
สนุกมาก ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
เป็นSM ที่ทั้งฮาและลุ้นระทึกไปพร้อมกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ New_Tai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

ออฟไลน์ llmup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :o8: เรื่องนี้เกินความคาดหมายไปมากทีเดียว555555
นายเอกตลกอะ5555 เล่นเนีบยเกินเอาซะพระเอกรู้สึกผิดตลอด
แต่คนเรากว่าจะเจอคู่แท้ยากเนอะ รักษาไว้ให้ดีๆค่ะ อิอิ เขินๆ  :z10:

ฟาดฉันสิที่รัก 555 ตอนอ่านเราเปิดเพลง ฟิฟตี้เฉดไปด้วย โอ้ยยยฟินแรง

ออฟไลน์ funland

  • https://www.facebook.com/pew.pal
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
    • pew.pure
 o13 สนุกมาก ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ duckka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
จบแล้ว กรี๊ดดด วางแผนจะใช้อีกฝ่ายเป็นเครื่องมือทั้งคู่
แต่ก็ดันห้ามใจตัวเองไม่ให้ตกหลุมรักของอีกฝ่าย
วินวินทั้งคู่ เดียร์จอมวางแผนแสบมากทุกคู่ป่วน
เพราะเดียร์เลย

ออฟไลน์ gwaiplay

  • ♛ Victoria 。
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สุดยอดมาก เอาซะอยากเดินสาย s เลย อิอิ

ออฟไลน์ hczmtp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เป็นเรื่องที่สุดยอดมาก อ่านจบแล้ว แทบวิ่งไปซื้อแส้มา 55555555555

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เรื่องนี้55555 โอ๊ย คนพวกนี้

ออฟไลน์ pp_song

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เป็น sm ที่ฮามาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด