ตอนที่ 8
“ครีมถอดเสื้อออกสิครับ” ตอนนี้ผมอยู่ที่บ้านของพี่ภามและกำลังถูกพี่ภามคะยั้นคะยอให้ถอดเสื้ออยู่ ไม่ใช่ว่าพิศวาสอะไรผมหรอกแต่เป็นเพราะไอ้แผลปืนถากที่ต้นแขนใกล้กับหัวไหล่นี่แหละ
“ก็บอกแล้วไงว่าแผลนิดเดียวพี่ภาม ครีมอาบน้ำแล้วไม่เป็นไรหรอกน่า” ผมบอกอย่างหงุดหงิดเพราะตอนนี้มันตีสามกว่าแล้วแล้วผมก็ง่วงแล้วด้วย ผมไม่ปล่อยให้เค้าคะยั้นคะยอต่อล้มตัวนอนลงบนเตียงทันทีดึงผ้าห่มคลุมเพื่อไม่ให้พี่ภามได้กวนได้อีก เมื่อหัวถึงหมอนผมก็เข้าสู่นิทราทันที
.
.
.
.
.
ภามผมมองครีมที่มุดตัวลงที่นอนอย่างไม่แยแสผม ผมยิ้มนิดๆหนึ่งเดือนที่อยู่ในช่วงระยะเวลาเรียนรู้กันผมรู้สึกว่ามันอาจจะยังไม่พอเพราะผมรู้สึกอยากเรียนรู้คนๆนี้เรื่อยๆ 1เดือนที่ผ่านมาผมเรียนรู้ว่าครีมเป็นคนง่ายๆ ชอบอะไรเรียบๆ ถ้าคุยมาดีด้วยก็จะดีตอบ พูดตรง ติดออกจะเอาแต่ใจตัวเองแต่ว่าผมว่าครีมไม่น่าจะรู้ตัวเท่าไหร่นะ มีโลกส่วนตัวสูงต้องคอยเว้นระยะห่างให้เค้าถ้าเข้าใกล้มากไปดูเหมือนครีมพยายามจะถอยห่าง ผมจึงต้องเว้นระยะห่างให้ครีมบ้าง ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนออกมาแล้วพบว่าคนใต้ผ้าห่มผืนใหญ่คงหลับไปเรียบร้อยแล้วผมจัดการค่อยๆดึงผ้าห่มออกแล้วดึงตัวครีมขึ้นมาถอดเสื้อออก อ๊ะ! อย่าคิดว่าผมจะฉวยโอกาสครีมหล่ะ ผมแค่จะทำแผลให้ครีมแต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะคนหลับนี่ไม่ให้ความร่วมมือเลย ผมจัดการอุ้มครีมขึ้นให้นั่งบนตัก แล้วค่อยๆบรรจงทำแผลให้ ครีมก็ยังคงหลับสนิทจนกระทั่งทำแผลเสร็จ ผมมองไหล่ลาดมน ผิวนวลเนียนของครีมก่อนจะค่อยๆบรรจงจูบลงไปตามไหล่ลาดมนนั้น เอาหล่ะหลังจากจูบที่ไหล่มนเพียงพอผมก็ควรจะใส่เสื้อให้ครีมก่อนดีกว่า ก่อนที่ผมจะอารมณ์เตลิดไปมากกว่านี้แค่ตอนนี้ผมก็รู้สึกว่าภามน้อยเริ่มคุกกรุ่นนิดๆแล้ว ผมใส่เสื้อให้ครีมเสร็จจะอุ้มครีมลงไปนอนลงที่เตียงตามเดิม แต่ครีมกลับเอื้อมแขนสองข้างโอบกอดรอบคอผมก่อนจะเอาหัวพิงซบมาที่ไหล่ของผม ตอนนี้เหมือนผมกำลังเลี้ยงลูกชายหนึ่งคนกล่อมให้นอนหลับ ผมยิ้มก่อนจะก้มลงจูบไปบนผมของครีมก่อนจะล้มตัวลงนอนโดยมีครีมโอบกอดผมอยู่แบบนี้ ก็อุ่นดีเหมือนกันนะ...
ผมตื่นขึ้นมาก็สายมากแล้วมองคนในอ้อมกอดที่ยังคงหลับอยู่ คาอกผมนั่นแหละ ผมขยับตัวไปอาบน้ำก่อนจะออกมาปลุกครีม
“ครีมครับ” ผมเรียกคนที่หลับอยู่แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้น ผมค่อยๆโน้มหน้าลงไปกระซิบเรียกใกล้หู
“ครีมครับ น้องครีม” ครีมลืมตามองผมนิดหน่อยก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ผมยิ้มนิดๆเด็กขี้เซาเอ๊ย
“ถ้าไม่ตื่นเดี๋ยวตัวเล็กจะขึ้นมาปลุกนะ” สิ้นสุดคำพูดผมคนตรงหน้าลืมตาพรึ่บทันทีก่อนจะหันมาจ้องผมตาขวาง
“พี่ภาม ไม่ตลกเลยนะ ไอ้ตัวเล็กของพี่มันขึ้นมาบนนี้ด้วยเหรอ” ครีมลุกขึ้นนั่งก่อนมองไปรอบตัวราวกับกลัวว่าตัวเล็กแอบอยู่ที่ไหนซักที่ในห้อง ผมหล่ะขำจริงๆนะ ก็ครีมกลัวหมายังกับอะไรดีโดยเฉพาะไอ้ตัวเล็กหมาเซนเบอร์นาดของผมเนี่ยครีมจะกลัวมากผมเคยถามครีมแล้วครีมก็เคยเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆเคยโดนหมาไล่กัดมันเป็นความฝังใจมาถึงทุกวันนี้เลยกลัวมาก ไอ้ตัวเล็กของผมก็รู้สึกจะชอบครีมมากเจอทีไรเป็นต้องวิ่งเข้ามาหาทั้งที่ทุกทีมันเป็นหมาที่ไม่แยแสใครหรอก วันๆก็นอนขี้เกียจยกเว้นเวลามันเจอผมกับไอ้ภีมมันถึงจะกระตือรือร้นขึ้นมา แต่ดูท่าจะมีครีมเพิ่มมาอีกคนนะตอนนี้
“พี่จะพามันขึ้นมาแน่ถ้าครีมยังไม่ลุกไปอาบน้ำ ไปกินข้าวนะครับนี่มัน 11 โมงแล้ว” ครีมเบะปากเล็กๆของตัวเองใส่ผมก่อนจะสะบัดผ้าห่มออกแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ระหว่างรอครีมอาบน้ำผมก็นั่งตรวจเช็คอีเมลล์งานต่างๆ ซึ่งไม่นานเท่าไหร่ครีมก็ออกมาจากห้องน้ำ
“พี่ภามเสื้อผ้าครีมหล่ะ” ผมเหลือบตามองครีมที่ออกมาจากห้องน้ำโดยพันแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวยืนเปลือยอกอยู่ ให้ตายผมอยากจะดึงครีมมาที่เตียงแล้วจับกด
“มานี่ก่อนสิ” ผมเรียกคนตรงหน้าให้มานั่งที่โซฟาที่ผมนั่งอยู่ ครีมก็เดินมาอย่างว่าง่ายก่อนจะนั่งลงข้างๆผม ผมมองแผลที่ไหล่ของครีมซึ่งไม่มีอาการบวมแดง แผลยังดูดีอยู่
“พี่ทำแผลให้นะ” น้องพยักหน้าเป็นการอนุญาต พูดถึงแผลก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้
“เมื่อคืนครีมกลัวรึเปล่า” ครีมมองหน้าผมก่อนถอนหายใจ
“เพิ่งมาถามตอนนี้เนี่ยนะ”
“ก็นั่นแหละ แล้วครีมคิดว่าไง” ผมถามพร้อมทั้งทำแผลให้ครีมไปด้วย
“ก็ไม่ว่าไง ครีมก็กลัวเป็นธรรมดาแหละปืนนะพี่ภาม แต่ครีมเห็นพี่อยู่ตรงนั้นถึงพี่จะยืนอยู่กับคุณยี่หวาก็เถอะ แต่ครีมรู้ว่าพี่ไม่ปล่อยครีมให้โดนยิงทิ้งหรอก” ผมยิ้มกับคำตอบที่ได้ฟัง เพราะมันเหมือนว่าน้องกำลังบอกว่าน้องเชื่อใจผมอยู่
“ครีมครับเรื่องยี่หวามันไม่มีอะไรให้ครีมต้องกังวลนะ ที่เมื่อวานพี่ไปกับเค้าเพราะพี่แค่ไปตามเค้าให้ไอ้ภีม ก็นั่นแหละอย่างที่รู้เรื่องนิสัยยี่หวา ไอ้ภีมเลยขอร้องพี่มามันคงไม่อยากให้งานละครมันพัง” ครีมมองผมก่อนจะพยักหน้า คือตั้งแต่เกิดมาคบใครผมกับไม่เคยต้องมานั่งอธิบายอะไรให้ใครฟังเลยนะ ผมมองหน้าครีมแต่ครีมก็ยังไม่พูดอะไรออกมา
“โธ่ ครีมพูดอะไรหน่อยสิครับ” ครีมมองผมตาแป๋วก่อนจะพูดขึ้น
“พี่ภามครับ เสื้อผ้าครีมหล่ะ หนาวจะตายอยู่แล้ว” ผมมองหน้าครีมอึ้งๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปหาเสื้อผ้าให้ครีมใส่
ครีมใส่เสื้อผ้าเสร็จก็เดินมาหาผมที่นั่งรออยู่ที่โซฟาก่อนจะยิ้มนิดๆ หน้าครีมค่อยๆเลื่อนลงมาผม ผมใจเต้นรัวเร็วยังกับเด็กสาวที่ตกหลุมรักครั้งแรก ริมฝีปากนิ่มแตะลงบนปากผม แค่แตะอยู่แบบนั้นก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะเลื่อนมากระซิบข้างหูผม
“ขอบคุณนะครับที่อธิบายให้ครีมฟัง” ครีมผละออกไปแล้ว ผมได้ยินเสียงปิดประตูห้อง ร่องรอยอุ่นๆยังคงติดที่ริมฝีปากผม เสียงกระซิบนุ่มๆ ยังคงติดหู แค่สัมผัสแผ่วเบาไม่หวือหวาแต่กลับทำให้ใจผมเต้นรัวเร็ว พร้อมกับความร้อนที่กึ่งกลางลำตัวที่ก่อตัวขึ้น ให้ตายสิภามเอ๊ยแพ้เด็กก็วันนี้แหละวะ
.
.
.
.
.
“ไอ้ภามมึงเป็นอะไรวะ”
“อะไรของมึงวะไอ้ภีม” ผมหันมามองหน้ามันที่นั่งกระดิกเท้าอย่างน่าถีบ
“ก็กูเห็นมึงนั่งเหม่อมานานเป็นอะไร หรือว่าเรื่องที่กูให้มึงไปตามยี่หวานั่นน้องเค้าโวยวายว่าอะไรรึเปล่า ทะเลาะกันรึไง” ตอนนี้ไอ้ภีมมาหาผมเพราะมันรู้เรื่องที่ผมถูกลอบยิงเมื่อวาน แน่นอนแหละมันไม่ได้มาคนเดียวหรอกน้องภูของมันก็มาด้วยแต่ตอนนี้น้องภูของมันคงกำลังขลุกอยู่กับครีมนั่นแหละสองคนนั้นเข้ากันดีอย่างกับปี่อย่างกับขลุ่ยทิ้งให้ไอ้ภีมเป็นหมาหัวเน่าอยู่กับผมนี่ไง
“ก็เปล่า ไม่ได้ทะเลาะกันกูอธิบายให้ครีมฟังแล้วน้องเข้าใจ ที่กูเหม่อเพราะกูกำลังคิดถึงครีมอยู่” ไอ้ภีมทำหน้าขยะแขยงผมนิดๆ
“อย่ามาน้ำเน่าไอ้ภาม มึงกับครีมห่างกันไม่ถึง15นาที”
“ไม่ใช่เว้ย กุหมายถึงคิดถึงเรื่องของครีมต่างหาก กูว่าอีกไม่นานหรอกศัตรูรอบๆตัวกูคงระแคะระคายเรื่องครีม กูเลยแค่กังวลว่าครีมเริ่มจะไม่ปลอดภัยต่างหาก” ไอ้ภีมนั่งฟังพร้อมกับหรี่ตามองผมอย่างจับผิด
“มึงอย่ามาไอ้ภามกูรู้จักมึงดี” ผมถอนหายใจก่อนสารภาพ
“เออกูก็กังวลว่าครีมอาจจะหายไปเหมือนคนอื่น ก็ทุกคนแมร่งก็ต้องรักชีวิตตัวเองกันทั้งนั้นนี่หว่า”
“มึงถามครีมรึยัง”
“ถามแล้ว ครีมก็บอกว่ากลัว”
“ภามมึงลืมไปรึเปล่าว่าครีมช่วยชีวิตมึงมาสองครั้งแล้ว” ผมมองหน้าไอ้ภีมอีกครั้ง
“ก็เพราะแบบนี้ไงกูรู้ว่าครีมไม่เหมือนทุกคนที่กูผ่านมา ไม่เหมือนใครคนนั้นที่ทิ้งกูไปอย่างไม่ไยดีแต่ก็นั่นแหละเพราะเค้าไม่ได้ทิ้งกู ไม่ได้เป็นเหมือนคนอื่นๆยิ่งทำให้กูกลัวที่จะต้องสูญเสีย มึงก็รู้ว่ากูมันพวกศัตรูรอบด้าน แล้วกูกับครีมก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน คือกูจีบเค้าอยู่แล้วกูดูแลเค้าไม่ได้ตลอดนั่นเป็นสิ่งที่กูห่วง”
“มึงว่าอะไรนะภาม นี่มึงจีบน้องเค้าอยู่เหรอ ฮ่าๆๆๆ นี่มันเดือนกว่าแล้วมึงหมดน้ำยาแล้วเหรอวะฮ่าๆๆๆ” ผมหล่ะหมั่นไส้
“เออหัวเราะไปให้ตายเลยมึง มึงกับภูนี่จีบกันเป็นปีกูยังไม่ล้อมึง” ไอ้ภีมมันหุบยิ้มทันที ก่อนจะเคร่งหน้าขรึม ใช่ไอ้ภีมมันตามจีบน้องภูของมันตั้งเป็นปีๆ หึหึ ยังมีหน้าหัวเราะกูนะไอ้ภีม
“เออ แล้วนี่มึงกับน้องไปถึงไหนวะ”
“ก็จูบจูบแบบไม่ใช่ดีฟคิส” ผมจ้องมันทันทีเพราะผมรู้มันกำลังหัวเราะผมอยู่แม้มันจะไม่มีเสียงเหมือนตอนแรกก็เถอะ
“กูไม่อยากเชื่อคนอย่างมึงจะมีวันนี้ หึหึ ในฐานะที่กูมีประสบการณ์มากกว่ามึงในเรื่องความรัก กูแนะนำว่ามันคุ้มค่าที่เฝ้ารอมากวะ” ไอ้ภีมเหยียดยิ้มก่อนจะลุกขึ้นตบไหล่ผมก่อนจะเดินออกไป คงจะไปหาน้องภูของมัน ผมมองแผ่นหลังเพื่อนสนิทของผมก่อนจะพิงตัวลงไปที่โซฟา แล้วหลับตาลง
ครีมตอนนี้ผมกำลังช่วยพี่ภูทำกับข้าว ใช่ตอนนี้ผมยังคงอยู่บ้านพี่ภาม แล้วเย็นนี้เราก็จะทานข้าวเย็นพร้อมกับพี่ภู พี่ภีมและพี่ภาม
“เอ่อ ครีมพี่ถามอะไรหน่อยสิ”
“ครับพี่ภูจะถามอะไรครีมเหรอ” ผมเงยหน้าจากเขียงหั่นผักอยู่ขึ้นมามองพี่ภูที่กำลังยืนอยู่หน้าเตา
“ครีมรู้สึกยังไงกับพี่ภามเหรอ เอิ่มขอโทษนะที่พี่ละลาบละล้วงไป” ผมยิ้มบางกลับไปก่อนจะเอ่ยตอบไป
“ก็รู้สึกดี ไม่ได้รังเกียจหรอกครับแต่คือครีมก็บอกไม่ถูก ครีมมีนิสัยบางอย่างที่รู้สึกว่าแก้ไม่หาย ซึ่งมันก็ทำให้ครีมกลัว” ผมพูดไปแต่ไม่ได้เงยหน้ามองพี่ภู
“ครีมอาจจะหาว่าพี่เห็นแก่ตัวก็ได้แต่พี่ภามเค้าเป็นคนที่เติบโตมาในเอ่อครอบครัวธุรกิจแบบนี้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีใครซักคนที่สำคัญอยู่เคียงข้าง อย่างเหตุการณ์เมื่อคืนพี่อยากจะถามครีมว่าครีมคิดว่าไง” ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่ภู พร้อมกับคิดว่าทำไมทุกคนรอบตัวดูจะกังวลกับความรู้สึกของผมกับเหตุการณ์เมื่อคืน แต่พอคิดอีกทีผมว่าอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องความรู้สึกของผม...
“พี่ภูกำลังกลัวว่าครีมจะทิ้งพี่ภามไปเหรอครับ” พี่ภูพยักหน้ารับแต่โดยดีซึ่งมันทำให้สิ่งที่ผมคิดนั้นถูก
“ครีมคงให้สัญญากับพี่ภูไม่ได้ว่าตัวเองจะอยู่กับพี่ภามไปได้นานแค่ไหน แต่จากเหตุการณ์เมื่อคืนครีมต้องยอมรับว่าครีมกลัวแต่ตอนนี้ครีมก็ยังอยู่กับพี่ภามอยู่ เรื่องของเมื่อคืนมันก็ผ่านแล้วแล้วครีมก็ยังอยู่พี่ภามก็ยังอยู่นั่นแหละครีมก็คิดแค่นั้นแหละ” ผมไม่รู้ว่าพี่ภูจะเข้าใจผมไหม แต่พี่ภูก็ยังส่งรอยยิ้มมาให้ผม
“พี่คงพูดอะไรมากไม่ได้ แต่พี่ว่าถ้าพี่ภามจะมีใครซักคนที่จะเคียงข้างไปตลอดพี่ก็อยากให้เป็นครีมนะ” ผมยิ้มนิดหน่อยไม่ตอบอะไร ก่อนจะหันมาหั่นผักต่อ
.
.
.
.
“ครีมจะกลับหรือจะนอนนี่ต่อ” พี่ภามถามขึ้นหลังจากที่พี่ภีมกับพี่ภูกลับไปแล้ว
“พรุ่งนี้ครีมไม่มีงาน พี่ภามหล่ะ”
“พรุ่งนี้พี่มีประชุมตอน 10 โมงเข้าบริษัท 9 โมง”
“งั้นครีมนอนนี่ก็ได้แล้วตอนเช้าค่อยกลับ” พี่ภามยิ้มเมื่อผมบอกว่าจะนอนที่นี่ มือของพี่ภามเลื่อนมากุมมือผม ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรก็มือพี่เค้าก็อุ่นดี แล้วเราก็ต่างคนต่างนั่งดูทีวีกันต่อ
“ครีม”
“หือ” ผมขานรับทั้งที่ตายังจ้องมองทีวี แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่เรียก จนผมต้องละสายตาจากทีวีมามองคนที่นั่งข้างๆ ที่นั่งจ้องผมอยู่ สายตาของพี่ภามที่ดูจริงจังทำให้ผมเงียบเพื่อรอ...
“เป็นแฟนกันนะ”
“ห๊ะ!” พอผมอุทานออกไปทันที สายตาที่จริงจังของพี่ภามแปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่ดูเศร้าลงทันที มือพี่ภามที่กุมมือผมอยู่ผมรู้สึกว่ามันเย็นแปลกๆบางทีอาจจะไม่ใช่มือพี่ภามหรอกแต่อาจจะเป็นมือของผมด้วยก็ได้ ผมมองคนตรงหน้าที่แม้สายตาจะเศร้าลงแต่สีหน้าก็ยังเรียบนิ่งและเฝ้ารอคำตอบจากปากของผมอยู่ ผมคิดทบทวน 1 เดือนที่เรียนรู้พี่ภามมาพี่ภามทำให้ผมเห็นว่าพี่ภามเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ ถึงธุรกิจหรือชื่อเสียงของพี่เค้าจะทำให้พี่เค้าจะดูไม่ธรรมดาในสายตาคนอื่น แต่สำหรับผมพี่เค้าเหมือนจะเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่เดินกับผมอยู่เคียงข้างผม
“ครับเป็นแฟนกันนะครับพี่ภาม” พี่ภามยิ้มกว้างทันทีที่ผมเอ่ยออกไปก่อนจะดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่น จนผมได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวเร็วของพี่ภาม
“เด็กบ้าเอ๊ย ตอนแรกพี่นึกว่าเราจะปฏิเสธ” พี่ภามบ่นขึ้นมาทั้งที่ยังกอดผมอยู่ ผมหัวเราะ
“ก็มันตกใจจริงๆ นี่นาผมไม่เคยมีแฟนด้วย”
“หืม” พี่ภามทำเสียงแปลกใจก่อนจะดึงตัวผมออกจากอ้อมกอด
“อะไรหล่ะ ก็ปกติก็นอนกับผู้หญิงบ้างผู้ชายบ้างแต่ก็แค่นอนด้วยไม่ได้เคยจริงจังกับใครนี่นา ไม่ได้คิดว่าต้องคบเป็นแฟนแบบนี้อะ” ฟังดูเหมือนผมชั่วเลยเน๊อะก็มันก็แค่เซ็กส์ที่เรายินยอมทั้งสองฝ่ายนี่นา ผมมองพี่ภามที่ตอนนี้ผมว่าพี่เค้าดูท่าจะไม่พอใจเท่าไหร่
“พี่ภามอย่ามาหงุดหงิดนะ เมื่อก่อนพี่ไม่เคยนอนกับผู้หญิงรึไงหล่ะ”
“ก็เคย แต่พี่ก็งี่เง่าพี่หวงครีมนี่นา” ผมมองคนตรงหน้าที่ทำท่างอแง คือแบบพี่ภามตัวใหญ่นะเพราะพี่เค้าเป็นลูกครึ่งแล้วคือแบบพอทำหน้างอแงมันให้ความรู้สึกว่าพี่เค้าเหมือนไอ้ตัวเล็กอะ
“ขอร้องเหอะตอนนี้พี่กำลังทำหน้าเหมือนไอ้ตัวเล็กนะ”
“หึ พี่หล่อกว่ามันตั้งเยอะ” พี่ภามสะบัดหน้ากอดอกทันทีที่ผมบอกว่าเค้าเหมือนไอ้ตัวเล็ก
“เหอะๆ ขอร้องเหอะพี่ภามอย่ามาทำท่าแบบนี้นะตัวเองอายุตั้ง 28 แล้วไม่น่ารักซักนิด” ผมส่ายหน้ากับคนที่งอนไม่เลิกก่อนจะลุกขึ้น ผมว่าผมขึ้นห้องไปอาบน้ำดีกว่า แต่ขายังไม่ทันก้าวออกไปมือของคนงอนก็คว้าแขนผมไว้แล้วออกแรงดึง แน่นอนว่าตัวผมก็ล้มลงตามสเต็ปไปนั่งอยู่บนตักพี่ภามเค้านั่นแหละ
“อะไรเนี่ยพี่ภาม”
“จูบหล่ะ จูบหล่ะ”
“ห๊ะ!” ผมอยากจะบ้า สาบานเถอะว่าพี่เค้าอายุ 28
“ก็เป็นแฟนกันแล้วก็ต้องจูบกันสิ นะครับคุณแฟน เอาจริงๆพี่อยากจูบครีมจะตาย จูบกันเถอะ จูบกันเถอะ” โอ๊ยผมไม่ไหวแล้วตัวก็โตแล้วยังมาอ้อนแบบนี้ให้ตายเถอะ นี่มันยังกับไอ้ตัวเล็กเวลาวิ่งเข้ามาหาผมเลยแต่ถ้าตัวเล็กเป็นคนแบบพี่ภามไม่แน่นะผมอาจจะเลิกกลัวมันก็ได้....ผมลูบไล้โครงหน้าพี่ภามคิ้ว จมูก ไล่มาที่แก้มก่อนจะค่อยๆโน้มหน้าลงไปหาแล้วค่อยๆบรรจงกดจูบลงไป ปากที่สัมผัสกัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นลิ้นอุ่นที่เกี่ยวกระหวัดกันไป ผมจำไม่ได้ว่าเราจูบกันนานเท่าไหร่ หัวใจผมเต้นโครมครามจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมา ทั้งๆที่มันไม่ใช่จูบแรกแต่เป็นครั้งแรกที่ใจผมเต้นบ้าคลั่งและรู้สึกอยากจูบคนตรงหน้าไปทั้งตัว
________________________________
แฮ่ๆ อัพอีกตอนคะ พรุ่งนี้วันจันทร์ต้องไปเรียนอีกแล้ว

จะอัพอีกทีอาทิตย์หน้านะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นต์นะคะ
