@@@ talk @@@
อัพรับวันหยุดยาว
พังทลาย 1/2
“เราเลิกทำแบบนี้กันเถอะ”
เสียงของยุทธ์ยังคงดังอยู่ในหัว ถึงจะเอ่ยปากไล่แต่สุดท้ายแล้วก็มีแต่ตัวเองที่เจ็บ จะไปโทษยุทธ์ตั้งแต่แรกคงไม่ได้ มันผิดที่เขาเองที่ไม่หักห้ามใจ รู้ทั้รู้แท้ๆว่าในตอนนั้นที่เขากับยุทธ์มีอะไรกันครั้งแรกนั้นเป็นเพราะยุทธ์เมา มนุษย์ปากเสียแบบนั้นก็คงพูดทีเล่นทีจริงเพราะความเมานั่นเอง เขายังจำได้อยู่เลยว่าคืนนั้นยุทธ์เมามากแค่ไหน พูดจาอ้อแอ้แทบจะไม่เป็นคำอยู่แล้ว แต่สายตานั้นก็ดูฉ่ำชื้นดูเย้ายวนใจอย่างประหลาด เพียงเพราะสัมผัสจากปลายมือร้อนจัดนั้นแต่ที่แขนของเขา พร้อมกับพูดว่า
"ถ้านี้มึงเป็นเกย์นะ กูจะทำให้มึงเป็นคนแรกเอง" เขารู้ดีว่านั่นเป็นคำพูดของเพื่อน ที่มีให้กับเพื่อน เป็นคำพูดล้อเล่นที่มีให้กันเหมือนทุกทีแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในวินาทีที่ยุทธ์เอ่ยคำนั้นออกมาเขาก็แทบจะยอมทุกอย่างให้กับอีกฝ่ายแล้ว
ค่ำคืนเร่าร้อน หากแต่เป็นไปด้วยความสับสนและหวาดหวั่น โชติไม่อาจหยุดตัวเองไม่ให้จินตนาการไปถึงตอนที่ยุทธ์สร่างเมาได้ แม้ร่างกายจะอ่อนล้าเพียงใด แต่ความรู้สึกนั้นกลับไม่ยอมให้เขาข่มตานอน เขาขืนตัวเองให้นั่งมองคนที่หลับสนิทอยู่ข้างๆเอาไว้จนรุ่งเช้าด้วยกลัวว่ายุทธ์จะตื่นขึ้นมาแล้วตกใจกับสิ่งทีทำลงไปจนต้องรีบเก็บผ้าผ่อนหนีไป..แต่ยุทธ์ก็ไม่หนี ตรงกันข้ามกลับจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดีและก้มหัวขอโทษเขาหลายต่อหลายรอบ
"กูสัญญาว่ากูจะชดใช้ให้มึง ไม่ว่ามึงจะพูดอะไร....ขอแค่บอกกูจะทำให้"
ยุทธ์พูดแบบนั้นอย่างพลางบีบมือของเขาเอาไว้สองไหล่สั่นระริก นั่นเป็นไม่กี่ครั้งที่เขาเห็นยุทธ์ดูสับสนและอ่อนแอแบบนั้น พวกเขากอดกันและกันเอาไว้ โชติไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เขาจะขอให้ยุทธ์ทำให้จะเป็นเรื่องอะไร เพียงในตอนนั้นเขาแค่อยากให้ยุทธ์หยุดตกใจจึงตอบไปสั้นๆว่าแล้วจะบอก โดยไม่คิดว่า มันจะกลายเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวที่สุดเท่าที่เคยทำมา
เขาขอให้ยุทธ์นอนด้วยทุกครั้งที่เขาต้องการ
และเขาขอให้ยุทธ์มาหาเขาทุกครั้งที่ยุทธ์ต้องการเช่นกัน
เขาเป็นคนใช้ประโยชน์จากร่างกายของยุทธ์ เช่นเดียวกัน ยุทธ์ก็ใช้ประโยชน์จากร่างกายของเขา พวกเขาเรียกร้องสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จากกันและกันอย่างไม่มีใครเกรงใจใคร เขาต้องการความรัก ที่ยุทธ์ไม่เคยมีให้และยุทธ์เองก็ต้องการเพียงมิตรภาพและความผูกพันธ์ทางกายที่ไม่ผูกมัด...
เพราะเหตุนั้นยุทธ์ถึงมีสีหน้าอึดอัดใจทุกเวลาที่อยู่กับเขา และเมื่อหงุดหงิดเข้ามากๆก็ทำร้ายเขาด้วยคำพูด แน่นอนว่าเขาเองก็ตอบโต้ เพราะมันชดใช้กันได้ไม่หมด ไม่จบไม่สิ้นและคงไม่มีคำว่าพอ และเขาก็คิดมาตลอดว่าตราบใดที่ยุทธ์ยังไม่มีใคร ยุทธ์คือของๆเขาคนเดียว จนถึงตอนนี้.....ที่ยุทธ์ตั้งใจจะ "ไป" จากเขาจริงๆ มันจบลงแล้ว....คงจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
“โชติ...สรุปมึงจะกินไหมเนื้อนั่นน่ะ ถ้าไม่กินกูขอ” เสียงทุ้มของเคนดังขึ้นดึงให้โชติกลับคืนสู่ความเป็นจริง เสียงเพลงที่เปิดยังดังอยู่เช่นเดียวกับเนื้อย่างที่ยังอยู่บนจานกระดาษกับเคนที่ดูจะหงุดหงิดมากจนเอาทกอารมณ์ไปลงกับของกินและเบียร์ที่อยู่รอบตัว
“เออ จะกินก็กินไปสิ แล้วมึงเป็นห่าอะไร แดกเอาแดกเอา ....พรุ่งนี้ยังมีถ่ายอีกนะเว้ย”
“ก็ไม่มีอะไร ....แค่หงุดหงิดนิดหน่อย...” เคนเบะปากพลางยกเบียร์ขึ้นดื่มไม่ได้ใส่ใจที่โชติเตือนนักปกติเขาก็ไม่ใช่คนที่เมาง่ายๆอยู่แล้วกินแค่นี้ ไม่ถือว่าหนักหนาอะไรนัก
“แล้วไอ้ที่หงุดหงิด...มันเรื่องอะไร เรื่องไอ้จูน?” โชติทายถามได้แม่นอย่างกับตาเห็น ทำเอาคนถูกถามถึงกับสำลักออกมา
“.....แค่ก....แค่ก.....ห่า พูดเรื่องอะไร”
“เรื่องที่มึงกับกูก็รู้ๆกันอยู่....เห็นนะที่ทำตอนถ่ายน่ะแบบนั้นเรียกอารมณ์ล้วนๆ ไม่ใช่การแสดง”
ได้ฟังคำตอบแบบนั้นเคนต้องเสตามองไปทางอื่น มือไม้เริ่มไม่รู้จะวางตรงไหนในเมื่อโชติพูดไม่ผิดไปจากความจริงที่เกิดขึ้นเลย
“อ่ะ...เออ...กูก็พิสูจน์ให้มึงเห็นแล้วไงว่ากูจำบทได้ดี แล้วก็ไม่ได้เล่นแข็งเป็นท่อนไม้ด้วย” เคนหัวเราะเสียงขึ้นจมูกน้อยๆก่อนจะยกเบียร์ขึ้นดื่มอีก...
“ก็ดี...เล่นให้ได้แบบนี้ไปเรื่อยๆก็แล้วกัน” โชติตบบ่าของเพื่อนเบาๆ ในใจนึกตื่นเต้นนักว่าจะมีใครเต้นผางๆจากบทบาทของจูนและเคนหรือไม่...บางทีคำตอบนั้นก็ชัดเจนอยู่แล้ว
“ก็ถ้าอีกคนเขายังเล่นด้วยอ่ะนะ...” เคนมองหันมองข้ามไหล่ของตัวเองไปยังคนที่กำลังเก็บขยะลงใส่ถุงดำ ก่อนที่ร่างสูงโปร่งนั้นจะเดินโซเซกลับเข้าไปในบ้าน ในใจยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บที่ยังคงเสียดแทงเข้ามาข้างในอก...มันติดค้างอยู่ข้างใน... มีคำพูดอีกหลายคำเหลือเกินที่อยากจะพูดกับอีกฝ่าย
“เดี๋ยวกูมา...” เคนเอ่ยขึ้นเบาๆแล้วผุดลุกขึ้นทันควัน
“ไปไหนอ่ะ.....”
“ไปขี้....” เคนหันมาขมวดคิ้วใส่โชติก่อนจะสาวเท้าเร็วๆเดินเข้าบ้านไปด้วยท่าทีเหมือนจะไปทำธุระอย่างที่อ้างจริงๆ
.................................................
เสียงโทรทัศน์ในห้องรับแขกนั้นเปิดดังพอจะแข่งกับเสียงเพลงที่อยู่ด้านนอก จูนได้ยินเสียงจากผู้ประกาศข่าวที่รายงานสถานการณ์สดจากสถานที่เค้าท์ดวน์ทั่วประเทศไปว่าใกล้จะอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ปีใหม่ เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเปิดประตูตู้เย็น ไอเย็นที่เข้ามาปะทะใบหน้าที่ร้อนผ่าวเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ เด็กหนุ่มยิ้มน้อยๆก่อนจะคว้าขวดน้ำเปล่าที่แช่จนเย็นเฉียบอยู่ด้านในขึ้นมาแตะที่ข้างลำคอ
“เฮ้อ........”
ความเย็นช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่จะยกขวดน้ำนั้นขึ้นดื่มลงไปอึกใหญ่ ความเย็นของน้ำที่ไหลผ่านลำคอลงไปนั้นพอจะช่วยให้ในหัวที่กำลังมึนงงนั้นรับรู้สิ่งรอบๆตัวได้ดีขึ้นบ้าง เด็กหนุ่มก้าวช้าๆไปที่โซฟาสีเขียวตัวใหญ่กลางห้องรับแขก ก่อนจะทิ้งตัวลงอย่างหมดเรี่ยวแรง ดวงตารีเรียวเหลือบไปมองบรรยากาศคึกคักในทีวี นึกสงสัยในใจว่าทำไมหนอความคึกคักนั้นถึงไม่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้บ้าง ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด....ทุกอย่างรอบตัวของเขาเหมือนถูกครอบงำด้วยความสับสน และตัวเขาเองก็เช่นเดียวกัน
เด็กหนุ่มดึงโทรศัพท์มือถือที่ไม่ได้สนใจมาพักใหญ่ขึ้นมาเปิดเช็คข้อความต่างๆในสังคมออนไลน์ บางภาพเป็นภาพของเพื่อนสนิทที่กำลังปาร์ตี้กันอย่างสุดเหวี่ยงในคืนสิ้นปี บางภาพเป็นภาพของญาติที่กำลังทำความสะอาดบ้านเพื่อเตรียมต้อนรับวันใหม่ เห็นแบบนั้นก็อดคิดถึงแม่ขึ้นมาไม่ได้ เด็กหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ป่านนี้หรือคุณแม่ของเขาคงเข้านอนไปแล้วเป็นแน่
“....พรุ่งนี้ค่อยโทรไปสวัสดีปีใหม่ทีเดียวก็แล้วกัน...” จูนถอนหายใจออกมาเบาๆ
สองมือยกขึ้นก่ายหน้าผากก่อนจะหลับตาลงช้าๆ อยู่ๆความง่วงงุนก็แทรกเข้ามาครอบงำร่างทั้งร่างกาย แต่ในขณะที่คล้ายจะล่องลอยไปสู่ห้วงแห่งความฝัน แรงสั่นสะเทือนเบาๆในฝ่ามือและเสียงโทรศัพท์ที่แผดเสียงลั่นก็ดึงความรู้สึกทั้งหมดให้กลับเข้าสู่ความเป็นจริง เด็กหนุ่มผวาเฮือกลุกขึ้นมามองดูโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ ชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอทำให้ต้องเบิกตากว้าง
.... พี่นิด .....
ในหัวยังไม่มีเสียงสวรรค์มาให้คำตอบว่าควรจะทำอย่างไรดี เขาแลกเบอร์กับนิดไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แต่เพราะไม่มีธระอะไรจะต้องคุยด้วยกันนักเลยไม่คิดจะกดเบอร์ไปโทรหาแล้วอยู่ๆนิดจะอยากโทรหาเขาขึ้นมานั้นเป็นเพราะเหตุใดกันนั้นจูนเองก็ออกจะสับสนอยู่ไม่น้อย ทันใดก็เห็นร่างสูงของใครบางคนเดินพรวดพราดเข้ามาจากทางหลังบ้าน ในวินาทีนั้นจูนไม่แน่ใจนักว่าในหัวใจของเขากำลังรู้สึกอย่างไร ที่แน่ๆอารมณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่อารมณ์ในทางบวกอย่างที่อยากจะรู้สึกเป็นแน่ เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงไปยังอีกฝ่ายทันที
“พี่เคน! โทรศัพท์”
ไม่พูดเปล่าสมาร์ทโฟนราคาแพงลอยละลิ่วจากปลายนิ้วของเด็กหนุ่มด้วยความเร็วไม่น้อย หากเป็นคนอื่นคงกระโดดหลบหรือทำโทรศัพท์ตกไปแล้วแต่เพราะจูนรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นใครจึงจงใจโยนโทรศัพท์ให้และเคนก็รับได้อย่างไม่มีพลาด
“หะ....อะไร.....”
“โทรศัพท์ พี่นิดโทรมา....” พูดเสร็จก่อนทำท่าจะเลี้ยวขึ้นบันไดไปที่ชั้นบนของบ้าน แต่กลับเจอมือใหญ่ของเคนดึงเอาไว้ ท่าทางของคนที่ถือโทรศัพท์อยู่นั้นดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจการกระทำของเขาสักเท่าไร
“พี่นิดโทรมา...รับโทรศัพท์ซะ ผมเมาแล้วจะขึ้นไปอาบน้ำข้างบน” จูนตอบเพราะอยากจะตัดปัญหานี้ออกไปให้พ้นตัวเสียทีร่างสูงโปร่งดึงมือของตัวเองออกก่อนจะก้าวขึ้นบันไดไปด้านบน
“เฮ้ย จูน! เดี๋ยวสิ! นี่มันอะไรกัน” ด้วยความไม่เข้าใจร่างสูงใหญ่ของเคนนรีบเดินตามขึ้นไปด้านบนทั้งๆที่โทรศัพท์ยังร้องดังอยู่ในมือ จูนเดินเข้าห้องพักไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่เร็วพอที่จะปิดประตูไว้เบื้องหลังเพราะเคนได้ดันร่างใหญ่ของตัวเองเข้ามาข้างในห้องเสียแล้ว บานประตูห้องนอนปิดดังปังด้วยอารมณ์ของคนที่เดินตามหลังเข้ามา
“นี่มันอะไร!” เคนถามเสียงดังพลางยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้กับจูนทั้งๆที่ยังไม่ได้รับอยู่แบบนั้น
“โทรศัพท์ แฟนของพี่โทรมา...ผมเดาว่าคงเป็นเรื่องพี่ ก็เลยคิดว่าพี่ควรจะรับ” จูนตอบทั้งๆที่ไม่ได้หันหน้าไปมองหน้าของเคนเสียด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวกับเสื้อนอนมาทำท่าเหมือนจะอาบน้ำอย่างที่ว่า ไม่ได้สนใจท่าทางของเคนเลยแม้แต่น้อย
“............... “ เคนกัดฟันกรอด
“หันมามองหน้ากันสิ อยากให้พี่ทำอะไร..... ก็บอกกันมาตรงๆ “ ร่างสูงเดินเข้าไปดึงไหล่ของเด็กหนุ่มให้หันกลับมามองหน้า
“ก็บอกแล้วไง ว่าให้รับโทรศัพท์ ถ้าพี่ไม่รับล่ะผมจะรับให้พี่เอง! จะได้คุยกับแฟนให้หายคิดถึง ให้หายบ้าไง” จูนว่าพลางเดินเข้าไปแย่งโทรศัพท์จากมือของเคนมากดรับสายทันที
“ครับ?”
“จูนเหรอคะ พี่นิดเองนะคะ” เสียงหวานดังขึ้นที่ข้างหูทำเอาจูนรู้สึกขนลุกวาบไปทั้งตัว มันเป็นเสียงที่หวานหากแต่สดใสที่พอได้ยินแล้วทำให้รู้สึกผิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ครับ....พี่นิด มีอะไรรึเปล่าครับ?” เด็กหนุ่มเอ่ยถามพยายามตะปรับโทนเสียงให้เป็นปรกติที่สุด
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ พอดีพี่โทรหาพี่เคนแล้วไม่รับเลย นี่ไม่รู้ไปซุ่มซ่ามลืมโทรศัพท์ไว้ที่ไหนหรือเปล่า จูนเห็นพี่เคนไหมคะ ขอพี่คุยกับพี่เคนหน่อยได้ไหม” คำถามนั้นทำให้จูนรู้สึกอึดอัดจนอยากจะวางสาย แต่ก็รู้ดีว่านิดไม่ได้มารับรู้เรื่องราวชวนหนักอกอะไรกับเขาด้วย
“สักครู่นะครับ...ผมว่าผมเจอเจ้าตัวแล้ว” เด็กหนุ่มเอ่ยก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้กับคนที่อยู่ตรงหน้า
“พี่เคน ....โทรศัพท์” จูนย้ำ
“...............”
เคนมองหน้าของจูนนิ่งเด็กหนุ่มกำลังมองหน้าเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกอารมณ์ที่ขุ่นมัว อันที่จริงเขาเดินตามจูนเข้ามาเพราะอยากจะขอโทษที่จูบจูนไปที่ชายหาด ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้แต่ก็อยากจะทำให้อีกฝ่ายเลิกมองเขาด้วยสายตาแบบนั้นเขาฉวยโทรศัพท์มาจากมือของเด็กหนุ่ม
“...แกอยู่นี่...อย่าเพิ่งไปไหนล่ะ....” เคนเอ่ยเบาๆด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยจนยากจะคาดเดาอารมณ์
ร่างสูงรับโทรศัพท์แต่ก่อนที่จูนจะได้หันหน้าหนีไปไหนอีกมืออีกข้างของเคนก็ยึดข้อแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ ในขณะที่ลดโทรศัพท์ลงแล้วกดเปิดเสียงลำโพง
“ครับ....นิด” เคนกรอกเสียงลงไปทั้งๆที่ยังไม่ละสายตาจากเด็กหนุ่ม
“พี่เคนคะ นี่ทำไมไม่รับโทรศัพท์นิดคะ นี่นิดโทรหาตั้งหลายรอบเลยนะ นี่ไปซุ่มซ่ามลืมโทรศัพท์ไว้ที่ไหนหรือเปล่าคะเนี่ย” “พอดีโทรศัพท์มันตกแถวชายหาดน่ะ....” เคนกลืนน้ำลายก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่า
“นั่นไง ว่าแล้วเชียวพี่เคนก็แบบนี้ทุกทีเลย นี่คงไม่ได้กำลังฉลองกับที่ชมรมอยู่ใช่ไหมคะ ได้ยินเสียงเพลงด้วย อย่าดื่มให้มากนะคะ แล้วอย่าให้รู้นะว่ามีสาวๆคนไหนไปด้วย ไม่งั้นนิดเอาเรื่องแน่ รู้แล้ว...เดี๋ยวนิดจะบอกจูนให้คอยเช็คพี่อย่างดีเลยคอยดู” น้ำเสียงของหญิงสาวที่เอ่ยออกมานั้นจริงจังอยู่ไม่น้อยจนทำให้คนที่ถูกเอ่ยถึงต้องถลึงตามองหน้าของเคน เป็นเชิงว่าให้ปล่อยมือของเขาเดี๋ยวนี้ แต่เคนก็ยังยึดแขนของจูนเอาไว้ในตอนนี้เสียงที่ได้ยินมีเพียงเสียงเจื้อยแจ้วของนิดที่พยายามจะเล่าเหตุการณ์ปาร์ตี้ที่เธอกำลังไปกับเพื่อนให้เคนฟัง มันน่าขันที่ในขณะที่เธอกำลังบอกเขาว่าอย่าดื่มให้มากเธอเองก็กำลังออกไปฉลองปีใหม่กับเพื่อน บอกได้จากเสียงเพลงที่ดังเบาๆจากในลำโพงนี่คงหลบเข้ามาโทรในห้องน้ำหรืออะไรแบบนั้น และมันน่าขัน...น่าขันเสียจนน่าหงุดหงิด
“นิด.... ฟังพี่นะ เราก็คบกันมาพักนึงแล้ว พี่ว่าเราน่าจะเลิก.....”
เคนค่อยๆเอ่ยออกมาทีละคำจนคำสุดท้ายดวงตาคมเหลือบมองใบหน้าของจูน เด็กหนุ่มดูตกใจกับประโยคที่ได้ยิน มือเรียวข้างที่ว่างยกขึ้นปิดปากของเคนทันควัน ใบหน้าได้รูปนั้นขยับประชิดจนแทบจะติดกับหน้าของร่างสูง
“พี่จะพูดอะไรน่ะ!” เสียงกระซิบลอดไรฟันออกมา ดวงตารีเรียวที่มองมานั้นจ้องราวกับจะคาดคั้น
“จะพูดในสิ่งที่จะทำให้แกยอมฟังพี่ซักทีไง” เคนตอบและทำให้จูนรู้ได้ว่าสิ่งที่เคนหมายถึงนั้นคืออะไร
....คิดจะบอกเลิกพี่นิดอย่างนั้นเหรอ....
“อย่า......แม้แต่จะคิด ถ้าพี่พูดออกมาล่ะก็ ผมไม่เอาพี่ไว้แน่” คราวนี้เป็นจูนเองที่กัดฟันกรอด คนตรงหน้าคิดจะทำอะไร บอกเลิกกับหญิงสาวทางสายโทรศัพท์อย่างนั้นหรือ ในหัวอดที่จะตั้งคำถามไม่ได้ว่าทำไมถึงเลือกวิธีการนี้...ทำไมถึงต้องดิ้นรนขนาดนี้
“มันเรื่องของพี่.....” เคนตอบมือแกร่งข้างที่ถือโทรศัพท์อยู่ดันอกของเด็กหนุ่มให้ถอยออกไป ได้ยินเสียงของนิดถาม
‘ฮัลโหล ฮัลโหล’ ดังออกมาจากลำโพง เคนมองหน้าของจูนนิ่ง หัวใจเหมือนจะแตกไปเป็นรอบที่เท่าไรของคืนนี้เพราะคำว่า “อย่า แม้แต่จะคิด” ของอีกฝ่ายมันบอกอะไรหลายอย่างให้กับเขาเหมือนกัน
“ครับนิด ...” ชายหนุ่มหันกลับไปกรอกเสียงใส่โทรศัพท์อีกครั้ง
“เมื่อกี้พี่เคนจะพูดว่าอะไรนะคะ” “เปล่าครับ พี่แค่จะบอกว่านิดไว้ใจพี่ได้เสมอ พี่ไม่มีผู้หญิงคนอื่นหรอก อีกอย่าง....ไอ้จูน...มันก็ดูพี่แทนนิดอย่างดีเลย นี่จะทำตัวเป็นแม่พี่อีกคนแล้ว” เคนยังกล่าวติดตลกตรงกันข้ามกับคนที่ยืนฟังอยู่ตรงหน้าที่ดูไม่มีท่าอยากจะขำด้วย
“ฮ่ะๆ...พี่เคนก็ไปว่าน้อง...” “เดี๋ยวจะเค้าท์ดาวน์แล้ว นิดคงอยากไปเค้าท์ดาวน์กับเพื่อน...พี่ไม่กวนนิดดีกว่า”เคนเอ่ย “สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะครับ ขับรถกลับหอดีๆล่ะ” ชายหนุ่มบอกลาหญิงสาวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มหูจนคนที่ยืนฟังอยู่ยังต้องเบือนหน้าหนี
“ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ สวัสดีปีใหม่เหมือนกันค่ะพี่เคน...” สิ้นเสียงหวานของหญิงสาวร่างเล็ก ลำโพงของโทรศัพท์ก็ไม่ได้เปล่งเสียงใดๆออกมาอีกทิ้งให้ในห้องมีเพียงแค่ความเงียบและเสียงลมหายใจแผ่วๆจากร่างของเด็กหนุ่มร่างสูง
“ทีนี้....พี่พอจะทำให้แกพอใจได้หรือยัง” เคนพูดด้วยน้ำเสียงที่ยากจะคาดเดาอารมณ์แล้วโยนโทรศัพท์มือถือของจูนไปบนเตียงที่อยู่ข้างๆ
“พี่คิดจะทำอะไรกันแน่....” จูนมองหน้าของอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ ใบหน้าของเด็กหนุ่มร้อนผะผ่าว
“พี่ว่าจะบอกเลิกนิด....” เคนเองก็ไม่ได้หลบสายตา
“พี่จะบอกเลิกพี่นิดทำไม...” เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายเข้าไปกระชากทั้งสองไหล่ของร่างสูงเอาไว้
“พี่ผิดนิดตรงไหน ทำไมไม่พูดกันให้รู้เรื่องล่ะ ทำไมพี่จะต้องบอกเลิกพี่นิดด้วย” จูนเขย่าไหล่ของเคนราวกับอยากจะให้เคนรู้สึกตัวเสียทีหากที่เขาเห็นทั้งหมดนั่นเป็นเพียงแค่การทำไปโดยไม่ได้คิดเหมือนทุกครั้ง
“...............” เคนสบตาของเด็กหนุ่มนิ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา
....ตอบไปอีกฝ่ายก็คงไม่เข้าใจ....
....เพราะมันไม่เคยมีความสมบูรณ์ในความสัมพันธ์ใดๆ....
“ใช่...นิดไม่ผิด...พี่นี่ล่ะผิด ผิดที่พี่ไปหลงรักคนอื่นแล้ว...และพี่ไม่อยากรักและตกหลุมรักคนสองคนพร้อมๆกัน” เคนตอบสบดวงตารีเรียวที่เต็มไปด้วยความสับสนนั่น ริมฝีปากหยักเป็นรอยยิ้มเศร้าพลางยกหลังมือแตะที่ข้างแก้มของเด็กหนุ่ม
“พี่ตัดสินใจแล้ว….”
“ไม่....ไม่ได้...พี่ไม่ได้เกย์ และผมก็ไม่ใช่เกย์ ....”จูนเอ่ยด้วยเสียงสั่นเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา
“แล้วมันสำคัญนักหรือไงว่าอีกคนจะต้องเป็นเพศอะไร!” คราวนี้เป็นฝ่ายของเคนที่จับไหล่ของเด็กหนุ่มเอาไว้บ้าง มือแกร่งบีบลงบนเนื้อของเด็กหนุ่มด้วยแรงที่หากเป็นนิดคงร้องไห้ออกมาแล้ว แต่กับจูนนั้นไม่ใช่...
“พี่บอกแกแล้วว่าความรู้สึกของพี่มันจริง พี่อาจจะทำอะไรช้า เพราะมัวแต่กลัว...กลัวว่าถ้าปล่อยมือจากนิดแล้วพี่จะผิดหวัง แต่ตอนนี้พี่ไม่กลัวแล้ว.....เพราะพี่รู้สึกว่าแกหักอกพี่ได้ทุกๆห้านาทีในหนึ่งวัน....แต่ถึงแบบนั้นพี่ก็ยังยอมรับความรู้สึกของตัวเอง แล้วแกล่ะจูน....แกคิดอะไร”
“............................” เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนัก มันน่าตกใจที่เคนจะสามารถตัดสินใจและพูดความรู้สึกออกมาได้ตรงแบบนั้น มันตรงเสียจนน่ากลัว เด็กหนุ่มเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“.....ผมไม่ได้รักพี่” เสียงนั้นเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาจนแทบจะไมได้ยิน หัวใจที่เต้นอยู่ในอกของจูนบีบตัวแรงเสียจนรู้สึกเจ็บ
“............................นั่นแกพูดจริงเหรอ” แรงจากมือแกร่งที่บีบลงบนไหล่ทั้งสองข้างนั้นเพิ่มมากขึ้นโดยที่เคนเองก็ไม่รู้ตัว
“ใช่” คำตอบสั้นๆพร้อมกับสายตาที่มองมาอย่างขุ่นเคืองนั้นคล้ายจะตอกย้ำในคำตอบนั้นได้เป็นอย่างดี
“พี่ถามว่าแกคิดอย่างนั้นจริงๆใช่ไหม” เคนขบกรามแน่นก่อนจะถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่คล้ายกำลังคำรามอยู่ในลำคอ
“ใช่ .... พี่มันใจร้าย เห็นแก่ตัว ดีแต่หาเรื่องให้คนอื่นเขาไปวันๆ ทำให้คนอื่นเขาสับสน เจ็บปวด มีอะไรดีบ้างไหม มีอะไรให้ผมต้องรู้สึกรักพี่บ้าง...เข้าใจไหม ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่เลย!” คำพูดมากมายพรั่งพรูมออกมาริมฝีปากของเด็กหนุ่ม สิ่งที่จูนพูดนั้นคล้ายจะย้ำเตือนความคิดบางอย่างของตัวเองมากกว่า เด็กหนุ่มรุ่นน้องดึงตัวเองออกมาจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย
ก่อนก้าวเท้ายาวๆ ไปทางห้องน้ำ รู้แน่ว่าตอนนี้เขาไม่อยากจะอยู่เห็นหน้าของเคนอีก ร่างสูงโปร่งหมายจะเดินเข้าไปขอหลบคิดอะไรบางอย่างในห้องน้ำแต่กลับรู้สึกได้ถึงแรงผลักจากทางด้านหลัง เด็กหนุ่มเซถลาไปด้านหน้าแต่โชคยังดีที่ยันตัวเองกับเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าหินอ่อน
“โอ้ย....เจ็บนะเว้ย เล่นอะไรวะ” จูนหันกลับไปต่อว่าอีกฝ่ายทันควัน แต่กลับต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ๆร่างสูงก็เข้ามาประชิดตัว เท้าแขนล้อมกรอบเขาเอาไว้กับพื้นผิวเย็นเฉียบของเคาท์เตอร์
“ใครกันแน่ที่ใจร้าย....” ซุ่มเสียงที่ถามกลับมานั้นเย็นเยียบ ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์บนใบหน้าของเคนแดงก่ำในแบบที่ไม่แน่ใจนักว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายดื่มเข้าไปเยอะหรือเป็นเพราะอารมณ์ที่มันปั่นป่วนอย่ข้างในกันแน่
“ใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว...ยั่วคนอื่นเขาให้คิดเตลิดไปถึงไหนต่อไหน”
“......ยั่ว?.....พี่พูดเรื่องอะไร”
“พี่ถามว่าแล้วใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว! ปากบอกไม่ได้ชอบ ไม่ได้รู้สึกดีด้วย แต่พอกอดจูบ ก็ยอมให้กอดให้จูบอยู่แบบนั้น”
ในหัวของเคนตอนนี้มีเพียงภาพของช่วงเวลาก่อนหน้านั้น ช่วงเวลาที่เขาดูเหมือนว่าเขาจะคิดไปเองฝ่ายเดียวว่าอีกฝ่ายคงยอมรับการกระทำของเขาบ้าง จูนคงไม่รู้กระมังว่าทุกการกระทำนั้นมันทำให้เขาดีใจแค่ไหน และเมื่อตอนนี้ที่ทุกอย่างมันกลายเป็นแบบนี้ไปแล้วเคนกลับรู้สึกว่าตัวเองโง่งมอย่างบอกไม่ถูก ส่วนหนึ่งรู้ว่าเป็นเขาที่ผิดเองแต่อีกส่วนหนึ่งก็รู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายหลอกเช่นกัน
“ทั้งๆที่ตัวเองก็กลัวเกินจะยอมรับว่ารู้สึกดี แต่ก็ยังยอมให้ทำ แบบนี้มันไม่เรียกว่ายั่วกันจะให้เรียกว่าอะไรได้”
“ผมไม่ได้ยั่วใคร.......เรื่องคืนนั่น.....ผมก็แค่ปลอบพี่ มันก็แค่ปฏิกิริยาของร่างกาย....พี่เองก็น่าจะรู้ดี” จูนตอบกลับอย่างไม่ยอมเช่นกัน เมื่อเจอย้อนด้วยคำพูดราวกับรู้ดีถึงความรู้สึกของเขาทำให้เคนหัวเราะขึ้นจมูกราวกับอยากจะเย้ยหยันท่าทีของอีกฝ่าย
“รู้ดี?.....” เคนขยับหน้าเข้าไปใกล้เสียจนเด็กหนุ่มต้องกลั้นลมหายใจ “แกคิดว่าแกรู้ดีใช่ไหม ว่าพี่คิดอะไร .... “
“ใช่...พี่ก็แค่อยากลองของแปลกไง พี่รู้ไหมยังมีเก้งกวางอีกตั้งหลายคนที่มหาลัยที่อยากให้พี่กอด ทำไมต้องเป็นผม...เพราะผมมันดูแหยสู้พี่ไม่ได้ใช่ไหม พี่ก็แค่เห็นผมเป็นของเล่นให้เล่นสนุกไปวันๆใช่ไหม”
เคนกระชากคอเสื้อของจูนเอาแล้วจับหมุน กระแทกเข้ากับบานประตูห้องน้ำจนปิดลง
“อึ่ก!! “ จูนหลับตาแน่นเพราะแรงกระแทก บวกกับแอลกอฮอลล์ที่ดื่มเข้าไปยิ่งทำให้รู้สึกคล้ายจะทรงตัวไม่อยู่
แต่แรงดึงที่คอเสื้อยังทำให้เขาพอที่จะมองหน้าคนตรงหน้าอยู่ได้บ้าง
“พูด ทำ ขนาดนี้ แกก็ยังคิดว่าพี่แค่เล่นๆกับแกสินะ.....เสียใจว่ะ” เคนแค่นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
“ได้ ถ้าคิดว่ามันเป็นแค่ปฏิกิริยาตอบสนอง...พี่ก็จะขอดูหน่อยนะว่าแกจะตอบสนองมากกว่าเมื่อคืนได้ไหม” ................... to be continued
(ตอนต่อจะมาลงในวันพรุ่งนี้ หรือ มะรืนค่ะ )