รักไม่ใช่เล่น - Listen! This is not a joke -(Ch:54 ผ้าปูที่นอน 21/3/18 up!)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักไม่ใช่เล่น - Listen! This is not a joke -(Ch:54 ผ้าปูที่นอน 21/3/18 up!)  (อ่าน 56561 ครั้ง)

shunlcpray

  • บุคคลทั่วไป
คือพี่เคนเห็นจุนเป็นแม่555555  :ling1:ทำไมพี่เคนละเมอได้ขนาดนี้
เหมือนจะเกิดเรื่องไม่ดีแน่ขึ้นเลย พี่โชติจะเป็นอะไรรึเปล่า :hao4:
พี่เคน ในฐานะที่เป็นแฟนคลับพี่ ขอพูดเถอะ ยัยนิดน่ะ เลิกเถอะ!!! :katai1:

ออฟไลน์ shiawase

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ทำไมรู้สึกถึงความดราม่าที่จะมาพร้อมทะเลพิโรธ  ไม่เอาได้มั้ยอะ  ฮือออออออออ

อีกอย่าง  ฉากโทรศัพท์นั่นมันบีบอารมณ์~~~  เริ่มไม่อยากอ่านตอนต่อไป  เครียด  กดดัน  ต้องร้องไห้แน่ๆเลย

ปล.อิพี่เคนอย่าเพ้อเยอะ น้องชุดส้มงามงดเสมอ!!  ไปหานิดเลยไป๊

ปลล.  เพิ่งรู้ว่าพี่โชติเคะ  orz  ไม่เคยแน่ใจpositionของพี่โชติมาก่อนหน้าเลย

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@ talk @@@
อัพนิยายส่งท้ายปี
ถือเป็นของขวัญปีใหม่ให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ของเรานะคะ
ขอให้มีปีใหม่ที่ดี เงินทองไหลมาเทมา สุขภาพแข็งแรง จะได้มาตามอ่านเรื่องของจูนกับพี่เคนให้จบนะคะ
(หวังว่าจะจบในปีหน้านะ มั้งนะ ฮา)


...................................................


 
29
ปลอบ



“เอาล่ะ เรียบร้อยแล้วพี่โชติ”


          จูนถอยออกมาเมื่อช่วยเติมเครื่องสำอางให้โชติอีกรอบ ดวงตารีเรียวนั้นมองผลงานอย่างภาคภูมิใจ เพราะเขาต้องปวดหัวอยู่ไม่น้อยกับการพยายามพรางส่วนที่ดูเป็น “ผู้ชายเกินไป” ของทั้งเขาและรุ่นพี่ร่างเล็กกว่าคนนี้ 
    
           ชุดว่ายน้ำที่พันอยู่รอบอกภายในต้องเสริมด้วยถุงเท้าที่ม้วนเป็นก้อนกลมเนื่องงจากไม่มีใครใจกล้าพอเดินไปหาซื้อฟองน้ำเสริมออกมาจากแถวแผนกชุดชั้นในสตรี ไหล่กว้างถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมตาข่ายเนื้อบางที่ช่วยพรางส่วนไหล่แต่ยังเผยให้เห็นผิวและชุดว่ายน้ำวับแวม ยิ่งอีกฝ่ายตัวสูงไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบแบบนี้คงดูออกยากนักถ้ามาองจากที่ไกลๆ เขาเองก็ใส่เสื้อผ้าคล้ายๆกันต่างก็เพียงสีสันและเนื้อผ้าเท่านั้น กางเกงท่อนล่างเปลี่ยนเป็นกางเกงยีนส์ขาสั้น...ที่สุดเท่าที่จะหาได้และมีไซส์พันผ้าผืนใหญ่ให้เป็นจุดดึงสายตาให้ห่างออกไปจากท่อนขา เพียงเท่านี้ “การแปลงโฉม” ครั้งนี้ ก็ถือว่าสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
 

              “ขอบใจว่ะ ..” โชติยิ้มเจื่อนๆ  เมื่อหันไปดูกระจกแล้วเห็นสภาพตัวเองที่เปลี่ยนแปลงไป
    
           
             “ผมรู้ ผมเก่ง พี่ไม่ต้องชมก็ได้” จูนชมตัวเองเสร็จสรรพ หวังว่ามุกตลกฝืดๆของเขาจะช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
    
 
             “ฮ่ะๆ...ยังไม่ทันชมเลย ไอ้บ้า ไปกัน พวกบ้านั่นรอแย่แล้ว” โชติตบบ่าจูนเบาๆ ก่อนจะเดินกลับออกมาจากบ้าน ตลอดทางจนถึงหาดนั้นได้ยินเสียงชาวต่างชาติที่อาจจะไม่ค่อยได้พบเจอ”ของแปลกๆ” แบบนี้จึงผิวปากแซวกันนัก



....................................



               ผืนทรายใต้ฝ่าเท้ายุบยวบ ทะเลตรงหน้าดูอย่างไรก็ยังไม่เป็นมิตร โชติยืนมองปลายเท้าของตัวเองที่ก่อนที่จะถูกคลื่นสาดเข้ามากระทบ ชายหนุ่มยกเท้าหลบคลื่นนั้นทันควัน


    ....ทำไมมันรู้สึกแย่ขนาดนี้เนี่ย....


          “แต่งตัวซะงามไข่ย้อย...ทำไมทำหน้างั้นวะ” เสียงแซวดังขึ้นจากตากล้องและพระเอกประจำช่วงบ่าย ถึงวันนี้จะดูเหมือนคนนอนไม่พอแถมไม่ได้แต่งหน้ามากเพราะจะมีถ่ายเพียงแค่ฉากตอนกระโดดลงไปช่วยดึงโชติขึ้นจากน้ำเท่านั้น แต่ยุทธ์ ชายหนุ่มขี้เล่นผมสีอ่อนตรงหน้าคนนี้ก็ยังคงดูดีอยู่ไม่น้อย
 

            “งามหยดย้อยเว้ย ไม่ใช่งามไข่ย้อย”
 
           “อ่ะเหรอ เห็นใส่ซะสั้นลงน้ำล่ะกลัวจะปลิ้นออกมาให้อุจาดตา”

          “........................................” แค่ได้ยินคำว่าลงน้ำก็นึกกลัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งที่ปรกติโชติว่ายน้ำแข็งแต่หัวใจในอกกลับรู้สึกหวิว ท้องไส้ปั่นป่วนจนรู้สึกคล้ายจะอ่อนแรงไปเสียหมด ทะเลเบื้องหน้าก็ทั้งคลื่นและลมแรง ความรู้สึกกระตือรือร้นเลยพลอยหดหายไปเสียหมด เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองนักว่าทำไมถึงรู้สีกแบบนี้ แต่เท่าที่รู้คือ...เขาไม่อยากลงไปในทะเลนั่นคนเดียวเลย
    
         “ไหวไหม...” เสียงยุทธ์ดังขึ้นในขณะที่ยกกล้องขึ้นถ่ายบรรยากาศรอบๆไปด้วย
    
        “ก็ไม่ไหวก็ต้องไหว...มึงอยากรีบถ่ายไม่ใช่รึไง”  โชติหันไปมองหน้าของอีกฝ่าย พลางยิ้ม
    
       “ไม่ต้องยิ้มประชดน่า...ตารางงานมึงก็เขียนมาทั้งนั้น กูแค่ทำตาม”ยุทธ์หัวเราะท่าทางชอบใจอยู่ไม่หยอกที่ในที่สุดกรรมก็สนองโชติเข้าใจได้
    
          “ใจร้ายชะมัด ”
 
           “ไม่ใจร้ายมึงคงเบี้ยวไม่ยอมถ่ายวันนี้ เอาน่า มึงเหนื่อยกูรู้ กูก็โดนปลุกแต่เช้าไอ้พวกนี้ก็เหมือนกัน...”ว่าพลางชี้ไปทางเคนและจูนที่ยืนคุยกันอยู่อีกทาง “ไม่ต้องกลัวน่า ...” ยุทธ์พูดดพลางตบไหล่ของติเบาๆโดยที่ไม่ได้หันไปมองหน้าของอีกฝ่าย
 
            “มึงรู้?.....” โชติเลิกคิ้วสูง เมื่อได้ยินคำพูดของยุทธ์
    
          “กูเป็นเพื่อนมึงนี่...”ยุทธ์ว่าพลางหันมายิ้มให้ “เพราะฉะนั้น เลิกปอดแหกแล้วก็เตรียมลงไปถ่ายได้แล้วสาด กูง่วง!”

             “ไอ้หน้าใสใจโหดสัด” โชติหุบยิ้มทันควัน พลางชูนิ้วกลางแบบเบิ้ลสองข้างให้ยุทธ์อีกต่างหาก
 

................................................................


    
           ลมพัดแรงคลื่นซัดน้ำทะเลเย็นเฉียบมากระทบที่หน้าขาเมื่อโชติยืนเกาะห่วงยางเอาไว้แน่น ท่ามกลางเสียงเชียร์ปนสั่งให้เดินลึกลงไปอีกเรื่อยๆ
    
        “ลงไปอีกสิ โชติ มึงจะกลัวอะไรวะ ห่วงยางก็มีว่ายน้ำก็เป็น “ เสียงยุทธ์ตะโกน  เมื่อเห็นว่าโชติหยุดอยู่ในจุดที่เขาคิดว่ามันใกล้เกินไป ก่อนหน้านี้ตอนถ่ายช็อตโคลสอัพนั้นพวกเขาถ่ายกันที่ริมหาดโชติยังมีท่าทีสบายใจและมั่นใจที่จะอยู่ในน้ำมากกว่านี้ แต่ในตอนนี้ไม่มีสีหน้าใดนอกจากความกลัวที่แสดงออกมาจากหัวหน้าชมรม

           “โอย..... พี่โชติจะไหวไหมเนี่ย... พี่ยุทธ์...นี่ไม่ได้แกล้งพี่เขาใช่ป่ะ”
    
          “เปล่านี่...แกคิดว่าไปตื้นๆแค่นี้แล้วมันดูน่าจะจมได้รึไงล่ะ ก็ต้องให้มันจริงจังหน่อยดิ่ เหมือนในละครทีวีนั่นไง” ยุทธ์ตอบหน้าตาเฉย
    
          “แต่นั่นเขามีสตั๊นท์นะพี่” จูนดูเป็นกังวลและเริ่มหงุดหงิดในเมื่อยุทธ์ยังไม่ยอมฟังเขาเลย เด็กหนุ่มหันไปมองหน้าของเคนคล้ายจะขอความคิดเห็น
   
           “ไม่เป็นไรหรอกน่า...พวกเราก็อยู่ตรงนี้นี่ไง” เคนหันไปมองหน้าของจูน เขารู้ดีว่าพูดแบบนั้นไปก็ไม่ได้คลายความกังวลให้อีกฝ่าย มิหนำซ้ำอีกฝ่ายจะยิ่งหงุดหงิดที่การประท้วงของตนเองไม่เป็นผลอีกและดูท่าจะเป็นเช่นนั้นเมื่อเด็กหนุ่มขมวดคิ้วแน่น เม้มริมฝีปากอย่างไม่พอใจ
    
           “พี่เคนนี่ พึ่งไม่ได้เล้ย....” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นเบาๆ
    
           “เอ่า...กูผิดซะงั้น....โอ๋ๆนะ...”เคนยกมือขึ้นจะตบลงบนบ่าของจูน แต่เด็กหนุ่มกลับขยับตัวหลบ ก่อนจะเดินไปสังเกตท่าทางของโชติที่กำลังเดินลึกลงไปในทะเลเรื่อยๆด้วยความเป็นห่วง
    
           “นี่ถ้าเป็นกูบ้างจะห่วงแบบนี้ไหมเนี่ย....” เคนบ่นเบาๆ 
    

................................................


           อีกด้านโชติจำใจจำทนก้าวลึกลงไปในทะเล คลื่นใต้น้ำแรงกว่าที่คิดแต่ก็พยายามทรงตัวให้อยู่ในห่วงยางอันใหญ่ถึงแม้มือจะลื่นแต่ก็พยายามจะจับเอาไว้ให้แน่น ขาเริ่มไม่ติดพื้นและตัวของเขาเริ่มโลงเคลงไปตามกระแสคลื่นพร้อมๆกับห่วงยางห่างจากชายฝั่งออกไปเรื่อย ความกลัวเพราะความไม่มั่นคงและคาดเดาลำบากของสภาพแวดล้อมเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่าง และเขาเริ่มจะทนความรู้สึกนี้ไม่ไหวแล้ว ชายหนุ่มร่างเล็กตะโกนออกไปสุดเสียง


             “ไอ้ห่ายุทธ์ มึงจะถ่ายได้รึยัง!!!”



           “เอ้อ.......................” ยุทธ์ตะโกน แต่ก็ยังนึกสนุก ชายหนุ่มหน้าสวยหัวเราะออกมาเบาๆพลางยกกล้องขึ้น ภาพของศีรษะของโชติที่พลุบๆโผล่ๆไปตามแรงคลื่นในทะเลยิ่งมองยิ่งชวนให้ขำ
    
         “แม่ง หัวคนหรือทุ่นลอยน้ำกันแน่วะ โคตรใหญ่....” ยุทธ์ส่ายหน้าเบาๆพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะหันมาสะกิดให้จูนเป็นคนควบคุมการถ่ายทำ
          “เดี๋ยวพอไอ้โชติปล่อยมือแล้วแกก็ถ่ายต่อจากพี่นะ...”
    
          “ครับ...” จูนรับคำเบาๆ ตาก็อยากจะจำว่าต้องถ่ายมุมไหนต่อ แต่ใจก็นึกห่วงรุ่นพี่ที่ลอยเท้งเต้งอยู่กลางทะเล ยุทธ์หรือก็แปลกคนทำไมวันนี้ถึงได้เคี่ยวกับโชตินัก ทั้งๆที่ดูท่าแล้วคงจะกลัวอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
    
           “ทำได้ใช่ไหม...”ยุทธ์ถามย้ำ
    
           “ได้ ครับ....” จูนพยักหน้าลงเบาๆ 
    
          “เยี่ยม...เก่งมาก” ยุทธ์ยิ้มพลางยกมือขึ้นขยี้ผมของเด็กหนุ่มเบาๆ  ยุทธ์เห็นเด็กหนุ่มตรงหน้ายิ้มเขินๆ “เอาล่ะไอ้โชติ จะถ่ายล่ะนะ ปล่อยมือได้!!”


            

           อีกด้าน

 
               “ไอ้บ้านี่ก็สั่งจังวุ้ย มันทำง่ายๆที่ไหน อุ๊บ...ถุย แม่งเค็มชิบ” โชติบ่นไปก็พยายามที่จะไม่กลืนน้ำทะเลเข้าปาก รู้ดีว่าถ้าไม่รีบปล่อยมือ รีบแสดง สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวอยู่ท่ามกลางความไม่มั่นคงของกระแสน้ำก็คงจะไม่มีวันจบ ยุทธ์เอาจริงอย่างที่พูดและคงไม่ปล่อยให้เขาขึ้นจากน้ำโดยที่ยังไม่เปื่อยไปเสียก่อนเป็นแน่ แต่ถึงในใจจะเต้นไม่เป็นจังหวะ ถึงแม้กระแสน้ำเบื้องล่างจะซัดแรงจนหวั่นใจ สิ้นเสียงตะโกนสั่ง แต่นักแสดงยังไม่เคลื่อนไหว โชติรู้สึกหวาดเสียวเกินกว่าจะปล่อยมือออก เศษอะไรบางอย่างใต้น้ำที่ลอยมาสัมผัสกับขาทำให้สะดุ้งอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ยังดีที่คงไม่ใช่แมงกะพรุนหรืออะไรจำพวกนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงร้องจ๊ากไปแล้วเป็นแน่  จนเมื่อมองย้อนกลับไปที่ชายฝั่งเห็นยุทธ์กำลังยกมือขยี้ผมของน้องเล็กประจำวงแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ


   ...ควรจะปล่อยมือสักทีสินะ....



            คิดไปแบบนั้นมือที่พยายามเหนี่ยวเอาห่วงยางอันเขื่องเอาไว้ก็ปล่อยให้ห่วงยางนั้นลอยออกไปพร้อมกับกระแสน้ำ ในขณะที่ตัวเองก็พยายามที่จะทรงตัวไว้ให้อยู่เหนือน้ำ ชายหนุ่มเหลือบมองท้องฟ้าด้านบน อยู่ๆกลุ่มก้อนเมฆสีเทาก็เคลื่อนมาบดบังแสงแดดที่สาดแสงมาตลอดตั้งแต่ตอนเที่ยงเสียมิด 
 
           “พี่โชติปล่อยมือแล้ว....” เสียงจูนว่าเมื่อมองผ่านเลนส์กล้อง
   
          “สักทีเหอะ....” ยุทธ์เอ่ย พลางทำมือให้โชติดำน้ำลงไป 
           “ดำลงไปสิ!! "     และเป็นไปตามที่ได้ให้สัญญานเอาไว้โชติพลุบหายลงไปในเกลียวคลื่นก่อนจะโผล่ขึ้นมาอีกครั้งพลางยกมือโบกไปมา

           “เยี่ยม...แบบนั้นล่ะดีมาก....” ยุทธ์ยิ้มอย่างพึงพอใจในผลงานการแสดงของเพื่อนสนิท
         “พอให้ทำก็ทำได้ดีนี่หว่า” ชายหนุ่มร่างเล็กว่าก่อนจะตลบเสื้อยืดที่ใส่อยู่ออกจากตัวเองแล้วยื่นให้จูนเก็บเอาไว้
         “เดี๋ยวแกถ่ายตามหลังพี่ก็แล้วกัน “
    
          “ครับ” เด็กหนุ่มยิ้มกลับ ดวงตารีเรียวที่มองยุทธ์นั้นคล้ายจะเป็นประกาย ทำให้ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไปนักได้แต่ทำเสียงจุปากอย่างขัดใจ พลันสายตาของนักมวยร่างใหญ่ก็เหลือบไปเห็นทุ่นลอยน้ำที่ชื่อโชติกำลังโบกมือ ทั้งตีน้ำทะเลไปมาอย่างแรง ปากก็ร้องตะโกนด้วยเสียงดังจนผิดสังเกต
 
              “นี่ ยุทธ์ ไอ้โชติมันรู้ใช่ป่ะว่าซีนนี้ไม่เอาเสียงน่ะ” เคนขมวดคิ้วก่อนจะขยับศอกสะกิดยุทธ์เบาๆให้หันไปมองทางโชติที่โบกมือตะเกียกตะกายอยู่กลางทะเล
    
            “รู้สิ....”ยุทธ์ว่าก่อนจะหันกลับไปมอง
 
               “แล้วมันจะแหกปากทำไมวะ หรือกลัวจนอึราดกลางทะเล”
    
            “ผมว่ามัน...ไม่ใช่แล้วล่ะพี่!! “ อยู่ๆจูนก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ ภาพที่เขาเห็นจากเลนส์กล้องที่ดึงภาพซูมนั้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่านั่นไม่ใช่การแสดง
         

              “พี่โชติจมน้ำ!”

 
              ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงของจูน ทั้งยุทธ์และเคนก็ออกวิ่งลงไปในทะเลแทบจะพร้อมๆกัน
 

              “พี่เคน!?  พี่ยุทธ์!!” จูนเองก็ทั้งตกใจและมึนงง เด็กหนุ่มยังยืนอยู่หน้ากล้องด้วยตกตะลึงกับเหตุการณ์ กล้องยังคงถ่ายทำภาพตรงหน้าต่อไปโดยที่มีเขาเป็นผู้เฝ้าดูด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึก เมื่อเห็นทั้งยุทธ์และเคนกระโจนลงทะเลที่มีคลื่นสูงลงไปพร้อมๆกัน

               ช่วงแขนยาวของเคนจ้วงลงไปในน้ำทะเล ดึงตัวเองไปข้างหน้าคลื่นที่ซัดเข้ามาทำให้ยากไม่น้อยที่จะไปถึงตัวโชติให้ได้เร็วกว่านี้มิหนำซ้ำยังรู้สึกเจ็บปลาบที่หน้าขาเหมือนจะโดนออะไรที่อยู่ใต้น้ำบาดเอาแต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
    

            “ยุทธ์!  เห็นไอ้โชติไหม” เพราะคลื่นลูกเมื่อครู่ทำให้เขาต้องหลับตาหลบกระแสน้ำ คลาดสายตาจากเพื่อนไป เมื่อลองทรงตัวมองหากลับไม่เห็นคนที่ควรจะอยู่แถวนั้น
    
             “..............................” ยุทธ์ไม่ตอบ เขาหันซ้ายขวาด้วยท่าทีเคร่งเครียด ก่อนที่อะไรบางอย่างที่ผิวน้ำห่างออกไปซักสามสี่เมตรจะดึงสายตาของยุทธ์เอาไว้ 
              “ไอ้โชติ!!!” ชายหนุ่มร่างเล็กร้องลั่นก่อนรีบว่ายน้ำเข้าไปหา มือเรียวดึงแขนของเพื่อนเข้ามาหาตัว
    
             “พยุงคอไว้นะมึง....” เคนรีบว่ายตามเข้าไปช่วย โชติดูคล้ายจะไม่มีสติที่น่ากลัวที่สุดคือไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้ไปนานเท่าไรแล้ว และยุทธ์เองก็ดูตื่นตกใจและเหนื่อยอ่อนอยู่ไม่น้อย ถ้าไม่รีบเข้าฝั่งน่ากลัวจะพาลหมดแรงจมน้ำตายกันทั้งหมดนี่เป็นแน่

               “ไหวไหมมึง ไป รีบขึ้นฝั่งได้แล้ว” ยุทธ์พยักหน้าทั้งที่ยังหอบและแทบจะสำลักน้ำทะเลที่ซัดเข้าปากเข้าคอจนแสบไปหมด ทั้งสองคนรีบช่วยกันพาโชติว่ายกลับเข้าฝั่ง พอถึงในระดับที่พอจะยืนได้ ยุทธ์พยายามจะพยุงโชติให้ยืนขึ้นแต่อีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะสลบไปแล้วนั้นทำให้ไม่ง่ายเลยที่เขาจะช่วยเพื่อน ยุทธ์ไม่มีแรงเหลืออีกแล้ว  เห็นแบบนั้นเคนรีบเข้าไปช้อนร่างของโชติขึ้นไปบนหาดทันที


                    “จูน!! เรียกรถพยาบาลเร็ว!!”  เสียงของเคนดังก้องแข่งกับเสียงของคลื่นเรียกความสนใจของนักท่องเที่ยวในบริเวณนั้นไม่น้อยเวียงผู้คนที่มารวมตัวกันในยามบ่ายเริ่มเซ็งแซ่

                     “อ่ะ...เอ่อ.....” เด็กหนุ่มผมสีอ่อนลนลาน ...รถพยาบาล...ใช่เขาควรจะรีบโทรเรียกรถพยาบาล จูนรีบควานหาโทรศัพท์มือถือที่ใส่ไว้ในเป้ทันทีรู้สึกได้ว่ามือไม้สั่นแต่ยังพยายามตั้งสติที่จะเรียกรถพยาบาล ระหว่างที่รอสาย สายตาของเขาก็หันกลับไปมองรุ่นพี่ทั้งสามคน
 
   ............................


 
            “โชติ โชติ มึงได้ยินกูไหม  กูขอโทษ กูจะไม่แกล้งมึงอีกแล้ว...ห่า ไอ้โชติมึงตื่นมาด่ากูก่อนดิ่”

           ยุทธ์วิ่งเข้ามาเขย่าแขนของโชติร้องไห้เหมือนเด็กเล็กๆด้วยสติที่ยากจะยับยั้งครองไว้ได้ เคนเห็นแบบนั้นก็รีบกระชากแขนของยุทธ์ให้ลุกขึ้นมามองหน้า


            “ไอ้ยุทธ์ มึงตั้งสติหน่อยสิวะ!!” เคนตะคอกใส่ยุทธ์ด้วยสียงเข้มก่อนจะผลักร่างเล็กนั่นให้ถอยห่างออกไป
         
            “ถอยไปเดี๋ยวกูดูเอง” นี่คงเป็นครั้งแรกที่ยุทธ์ยอมทำตามเสียงตะคอกของเคนโดยดี ร่างสูงปาดน้ำทะเลที่เกาะพราวอยู่บนหน้าผากออก เขามองดูอาการของโชติแล้วเห็นท่าจะไม่ดีจึงตะโกนถามจูนอีกครั้ง
    

            “จูน รถพยาบาลล่ะ!!”
    
             “กำลังมาพี่!!” เด็กหนุ่มตะโกนกลับมา ผู้คนเริ่มจะเข้ามามุงดู ยุทธ์ที่พอจะตั้งสติได้รีบกันคนออกไปทันที
     
              “อย่ามุงครับ อย่ามุง”
    
              “รถพยาบาลกว่าจะมา...   “ เคนพึมพำด้วยเสียงเครียด เขาจับโชติตะแคงตัวเล็กน้อยเพื่อเอาน้ำในท้องออกมาจนเมื่อรู้สึกว่าน้ำน่าจะออกมาจากท้องหมดแล้วจึงจับโชติลงนอนหงาน ก่อนจะก้มลงไปใกล้กับริมฝีปากของโชติเงี่ยหูฟังว่าอีกฝ่ายยังมีลมหายใจอยู่หรือไม่ เคนลองแตะที่แอ่งชีพจร คล้ายจะรู้สึกได้ถึงสัญญานชีพแต่ก็อ่อนเสียจนไม่มั่นใจ
    
              “ไอ้ห่าโชติ มึงห้ามตายนะเว้ย !!” เคนจับโชติให้นอนดีๆ ร่างสูงยืดตัวขึ้นเหนือร่างของเพื่อนพลางใช้สองมือใหญ่วางลงบนอกของโชติแล้วออกแรงกดลงไปอย่างแรงตามที่เคยได้เรียนและฝึกปฏิบัติมาในวิชาเรียนที่มหาวิทยาลัย ในขณะเดียวกันจูนที่เฝ้ามองอยู่นั้นก็คว้ากล้องที่ตั้งเอาไว้ขึ้นมาจับภาพนาทีชีวิตตรงหน้าเอาไว้ ในใจภาวนาเหลือเกินให้โชติฟื้นขึ้นมา
    
                 “ห่ายุทธ์ มึงจับไอ้โชติแหงนหน้าหน่อยสิ พอกูให้สัญญานมึงเป่าปากมันนะเว้ย เร็ว!!”  เสียงเคนสั่ง ยุทธ์วิ่งมาอีกด้านประคองศีรษะของติเอาไว้ตามที่เคนบอก ทั้งสองคนช่วยกันนับเมื่อพยายามนวดหัวใจลงไป ยุทธ์ก็ก้มลงประกบปากเป่าลมเข้าไป เคนลงมือนวดหัวใจอีกครั้ง
    
                  “ 1…. 2….. 3……12…..13…..14..…15   เอ้าเป่า!!”  สิ้นเสียงเคนสั่งยุทธ์ก็ทำตามทันที เป็นแบบนี้อยู่สองสามครั้งจนรู้สึกได้ว่าโชติขยับ จึงถอยออกมา หัวหน้าชมรมการแสดงสำลักเอาน้ำทะเลออกมาเล็กน้อยจนทั้งคู่ต้องช่วยกันจับตัวเพื่อนตะแคงเพื่อเปิดทางหายใจ เมื่อลองเงี่ยหูและจับชีพจนดูเห็นว่ามีชีพจรเต้นแรงขึ้นมาแล้วจึงถอยออกมา ประจวบกับเจ้าหน้าที่หน่วยปฐมพยาบาลวิ่งมาพร้อมกับเปลหามพอดี เคนจึงลุกขึ้นเปิดทางให้เจ้าหน้าที่พยาบาลเข้ามารับหน้าที่ต่อไป
    

                “เดี๋ยวกูไปกับโชติเอง” เพราะโชติยังไม่ได้สติดี ยุทธ์ยกมือขึ้นปาดน้ำตาปาดน้ำมูกออกจากหน้าก่อนจะเก็บของอาสาไปที่โรงพยาบาลพร้อมกับติและหน่วยกู้ภัย “ยังไงเดี๋ยวกูโทรหามึงก็แล้วกันนะเคน....มึงเก็บของพวกนี้กลับไปที่บ้านก่อน” ว่าพลางก็โยนกุญแจให้บ้านให้กับเคน
    
                  “เออ รู้แล้ว เดี๋ยวกูจัดการเอง มึงไปเหอะ” เคนว่า ก่อนจะหันหลังกลับไปเก็บของ ยุทธ์มองตามหลังของร่างสูงนั้นก่อนจะเอ่ยปากเรียกเคนเอาไว้
    
                 “เฮ้ย...เคน....”
    
                 “อะไร?..........” เจ้าของชื่อที่ยังเหนื่อยหอบและตัวเปียกโชกนั้นหันกลับมามองหน้าของอีกฝ่าย
    
                 “ขอบใจนะมึง” ยุทธ์เอ่ยพลางยิ้มให้กับอีกฝ่าย
    
                  “เออ.............” เคนเองก็พยักหน้าให้ก่อนโบกมือไล่ “มึงรีบพาไอ้โชติไปโรงบาลเหอะ “ ยุทธ์ไม่ตอบอะไรเพียงแค่พยักหน้าลงน้อยๆก่อนจะรีบวิ่งตามหน่วยกู้ภัยไป ปากก็เรียกชื่อของโชติตลอดเวลาหวังจะให้เพื่อนรู้สึกตัว
    
                 เมื่อหน่วยกู้ภัยบึ่งรถออกไป หมู่ไทยมุงฝรั่งมุงทั้งหลายก็ค่อยๆสลายตัวไปด้วย เคนหันหลังด้วยคิดว่าจะรีบเก็บของแต่ก็ต้องหยุดชะงัก ท่ามกลางความวุ่นวายเมื่อครู่ดูเหมือนเขาแทบจะลืมสมาชิกอีกคนของชมรมไปเลย จูนยืนอยู่ตรงหน้าเขามือยังถือกล้องสายตาเหม่อมองออกไปทางที่รถกู้ภัยวิ่งออกไป
 

           “จูน....จูน!” เสียงของเคนดังขึ้นเรียกให้เด็กหนุ่มได้สติ
    
          “อ่ะ ครับ!!” เด็กหนุ่มผมทองสะดุ้งโหยง
    
           “ไป เก็บของเข้าบ้านกัน อีกเดี๋ยวไอ้ยุทธ์คงโทรมาบอกว่าไปที่โรงบาลอะไร จะได้ขับรถตามไปดูไอ้โชติมัน” เคนยังคงทำเสียงเข้มร่างสูงช่วยเด็กหนุ่มรุ่นน้องเก็บข้าวของเดินกลับไปยังบ้านพักอย่างไม่รีรอ
    
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2013 00:35:02 โดย goldfishpka »

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
(ต่อ )


              ทั้งสองคนเดินกลับมายังบ้านพักด้วยใจที่เต็มไปด้วยคำถามในใจยังคงว้าวุ่น เมื่อไรยุทธ์ถึงจะโทรศัพท์กลับมา แล้วอาการของโชติจะเป็นอย่างไรบ้าง อยู่กันที่โรงพยาบาลไหน จะต้องโทรไปบอกพ่อกับแม่ของโชติหรือเปล่า พ่อแม่ของโชติจะว่าอะไรไหม คำถามมากมายที่ในตอนนี้ยังไร้ซึ่งคำตอบ
    
            จูนเดินตามเคนจะก้าวขาเข้าประตูบ้านในขณะที่กำลังถอดรองเท้าก็เห็นหยดเลือด หยดอยู่ที่หน้าประตู และเมื่อมองดูดีๆมันหยดเป็นทางยาวมาตั้งแต่ประตูใหญ่หน้าบ้าน ....และเลือดนั่นมาจากหน้าแข้งของเคนนั่นเอง
 

             “พี่เคน เลือดออกนี่!!”จูนร้องด้วยความตกใจ นี่เขาไม่ได้สังเกตอะไรเลยหรือยังไงถึงไม่เห็นเลือดไหลเยอะขนาดนี้
    
            “หะ...เออจริงด้วย ยังว่าทำไมเจ็บๆ” เคนก้มลงมองหน้าแข้งของตัวเองที่มีรอยบาดเป็นทางยาว เขามัวแต่สนใจเรื่องของโชติจนลืมสำรวจตัวเองไปเลย
            “แต่ก็ช่างเถอะ เดี๋ยวไปโรงพยาบาลอยู่แล้ว”  เคนไม่ได้สนใจทันที่วางของลงได้ เขาหันซ้ายเหลียวขวาหยิบผ้าขนหนูมาได้ผืนหนึ่งก็ฉีกออกพันเอาไว้เพื่อห้ามเลือด
    

              “พี่เคน! “ จูนประท้วงกับสิ่งที่ได้เห็น แต่ดูเหมือนเคนไม่คิดจะสนใจ ทันใดนั้นได้ยินเสียงโทรศัพท์ เคนรีบดึงโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูทันที
    
           “เออ... โรงพยาบาล.....ใช่ป่ะ เออ แล้วมันเป็นไง...หมอให้นอนค้างเหรอ มึงมีเงินจ่ายค่าหมอป่ะ เออ... จะโทรหาแม่มันไหม...เดี๋ยวมึงจัดการเองใช่ป่ะ เออ เดี๋ยวพวกกูตามไป” เคนรับคำด้วยเสียงเครียด ก่อนจะวางสาย

             “พี่โชติเขาเป็นไงมั่งอ่ะพี่” จูนเอ่ยถาม
    
          “หมอก็ว่าปลอดภัยแล้ว แต่ยังเพลียๆ หมอเลยให้มันแอดมินนอนโรงบาลดูอาการสักคืนนั่นล่ะ แต่เราต้องเอาเสื้อผ้าไปให้พวกมันด้วย งั้นเดี๋ยวแกไปเอาเสื้อผ้า ไอ้ยุทธ์ไอ้โชติมาละกัน ขอพี่....นั่งพักซักแป๊บ”
 
            “พี่....โอเคนะ....” จูนดูลังเลเล็กน้อยที่จะวิ่งขึ้นไปข้างบนเพื่อหาเสื้อผ้าให้กับโชติและยุทธ์ เพราะท่าทางของชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าก็ดูไม่ค่อยดีนัก เคนค่อยๆเดินไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่ มือแกร่งตลบเสื้อที่ยังเปียกชื้นออกจากตัว
    
           “รีบขึ้นไปเหอะน่า!” เคนทำเสียงเข้มดุ ทำให้จูนต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสอง คว้าเอาเสื้อผ้าของโชติกับยุทธ์ใส่กระเป๋า แต่ก่อนจะเดินลงมาเขาก็วิ่งเข้าไปในห้องของตัวเองแล้วคว้าเอาเสื้อกลับยืดสะอาดๆกลับมาให้เคนอีกตัว
    
          “นี่ของพี่....” เด็กหนุ่มพูดด้วยเสียงเรียบๆก่อนจะยื่นเสื้อให้กับเคนเมื่อวิ่งลงมาถึงข้างล่าง ชายหนุ่มร่างสูงนั่งพิงพนักโซฟาอย่างอ่อนแรง ผ้าขนหนูที่พันหน้าแข็งเอาไว้มีเลือดสีแดงสดย้อมให้เห็นเป็นวงกว้าง เคนยกมือมือทั้งสองข้างขึ้นตบหน้าของตัวเองแรงๆก่อนจะรับเสื้อยืดตัวที่จูนถือมาให้มาสวม
 
             “ขอบใจนะ “ชายหนุ่มพยายามยิ้มก่อนยกมือขึ้นขยี้ผมของเด็กหนุ่มตรงหน้าเบาๆ “ไป ไปโรงพยาบาลกัน” เคนเอ่ยก่อนจะเดินนำจูนออกจากบ้านไป ทั้งสองคนมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่โชติเข้ารับการรักษาอยู่ ยังดีที่เนวิเกเตอร์ในรถตู้ของยุทธ์นั้นทำงานได้ดีเกินคาดพวกเขาจึงไปถึงโรงพยาบาลได้โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับการหลงทางซักเท่าไรนัก


              เมื่อสอบถามกับทางพยาบาลจึงรู้ว่าโชติยังนอนอยู่ที่ห้องฉุกเฉินและกำลังจะย้ายไปที่ห้องผู้ป่วยรวม ทั้งเคนและจูนลองเดินไปดูอาการถึงพวกเขาจะไม่รู้เรื่องการแพทย์มากนักแต่จากสีหน้าแล้วก็ทำให้ทั้งสองคนพอจะวางใจ
    

        “นี่ สรุปมึงจะนอนเฝ้ามันที่นี่ใช่ป่ะ” เคนเอ่ยถามยุทธ์ มือหนึ่งก็วางลงบนปลายเตียงของโชติ
    
         “เออ ก็คงเป็นงั้น มันตื่นมาไม่เห็นใครเดี๋ยวจะโวยวายเปล่าๆ อีกอย่าง....กูว่าที่มันเป็นแบบนี้ก็เป็นความผิดกูด้วย มันกลัวจะตายยังบังคับให้มันลงน้ำไปอีก” ชายหนุ่มหน้าสวยถอนหายใจออกมาเบาๆ
           “กูแม่งโคตรงี่เง่าเลย ลูกชายเขาเป็นอะไรขึ้นมาแม่มันคงฆ่ากูแน่”
 

             “แต่ตอนนี้พี่โชติก็ปลอดภัยแล้วนี่พี่ยุทธ์ พี่ยุทธ์ก็สบายใจได้แล้วนะ” จูนเอ่ยมือเรียวแตะไหล่ของชายหนุ่มหน้าสวยเบาๆ
 
               “ขอบใจว่ะ...เอาเป็นว่าคืนนี้พวกแกสองคนกลับไปพักเหอะ...เออ...จูนให้หมอเขาดูขาเคนด้วยแล้วกัน นี่พยาบาลปล่อยให้เดินไปมางี้ได้ไงเนี่ย” ยุทธ์เอ่ยทักเมื่อเห็นสภาพการปฐมพยาบาลเบื้องต้นของเพื่อนร่างสูง
    
             “ครับ....เมื่อกี้พี่เคนมัวแต่ดื้อไม่ยอมให้พยาบาลดูให้ท่าเดียว ถ้าพี่โชติมีพี่ยุทธ์อยู่ด้วยก็ดี จะได้ไม่เป็นห่วง งั้นเดี๋ยวผมเอาพี่เคนไปทำแผลก่อนมานี่เลยมานี่.....” ไม่พูดเปล่าเด็กหนุ่มก็ดึงแขนของเคนให้เดินไปหาโต๊ะพยาบาลที่ห้องฉุกเฉินทันที

    

................................................................................................


          ยุทธ์ยืนยันที่จะนอนเฝ้าโชติที่โรงพยาบาล พอเคนทำแผลเสร็จทั้งจูนและเคนเลยอาสาไปซื้อของใช้เพิ่มเติมให้ก่อนจะกลับกันออกมา กว่าจะกลับมาถึงบ้านพักของยุทธ์ได้ก็ปาเข้าไปเย็นย่ำท้องฟ้าเป็นสีส้มแสดสาดแสงทาทับตัวบ้าน ด้านหนึ่งในขณะที่อีกด้านเงาจากต้นไม้ใหญ่ก็ทอดผ่านทำให้บ้านดูอึมครึมกว่าที่เคยเป็น  จูนมองบนพื้นระเบียงหน้าบ้านรอยเลือดของเคนเมื่อตอนบ่ายแห้งกรังนี่ถ้าไม่รีบทำความสะอาดคงแย่แน่  แต่วันนี้เขาเองก็แทบจะหมดแรงแล้วเหมือนกันจึงตัดสินใจว่าพรุ่งนี้เช้าเขาถึงจะมาทำความสะอาดให้
 

           “เอาล่ะ พี่เคนเหลือเราสองคนละ จะกินอะไรผมจะทำให้...” จูนเอ่ยเมื่อเปิดประตูบ้าน
    
         “ไปอาบน้ำก่อนไปเรื่องของกินจะเอายังไงค่อยว่ากัน “
 
             “อืม...” เคนยังคงออกคำสั่งจูนขมวดคิ้วเป็นรอบที่เท่าไรของวัน ถึงปรกติเคนก็เป็นมนุษย์จำพวกชอบออกคำสั่งคนอื่นอยู่แล้วแต่วันนี้ดูคล้ายจะบ่อยเกินไป เด็กหนุ่มยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดนำไปก่อน เขาหยิบเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นที่ใส่นอนเมื่อคืนมาได้ก็จะเดินสวนออกมา
    

          “พี่เองจะอาบน้ำก็ระวังผ้าพันแผลด้วยล่ะ หมอเขาบอกยังไม่ให้โดนน้ำนะ ระวังล้มล่ะ” ไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมาจากชายหนุ่มร่างสูงจูนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินมาลลงมาอาบน้ำที่ห้องน้ำชั้นล่าง

    
...............................................


             ที่ห้องนั่งเล่นไม่ได้เปิดทีวีทิ้งเอาไว้ จูนยืนอยู่ที่เคาท์เตอร์ที่ห้องครัวและกำลังหั่นผักเตรียมจะทำอาหารเย็น ท่ามกลางความเงียบนั้นมีเพียงเสียงมีดที่กระทบลงกับเขียงดังเบาๆเป็นจังหวะ ทำให้คนที่ค่อยๆเดินลงมาจากชั้นสองต้องหยุดยืนอยู่ตรงหน้าบันได
    

         “ทำอะไรน่ะ.....” เสียงทุ้มของชายหนุ่มเอ่ยถามคนที่ก้มหน้าก้มตาหั่นผักอยู่
    
         “ก็แค่หั่นคะน้าจะใส่ข้าวผัด กับว่าจะทำแกงจืดอ่ะ....กินได้ป่ะ ผมทำอะไรหรูๆไม่เป็นหรอกนะ” จูนตอบพลางกอบผักลงใส่จานนำเอาไปพักเอาไว้
 
              “เหรอ...มีอะไรให้ช่วยป่ะ” เคนถาม

              “ไม่มีหรอกพี่ ไปนั่งเหอะ...เดี๋ยวทำให้เอง” จูนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเด็กหนุ่มโบกมือไล่ ได้ยินเสียงอีกฝ่ายพึมพำเบาๆ ผ่านไปสักพักยังเห็นเงาร่างของร่างสูงเคลื่อนไหวไปมาที่หางตาทำให้ต้องวางมีดแล้วเงยหน้าขึ้นมามอง
    

             “พี่เคนหาอะไร?”  เด็กหนุ่มถามก่อนจะล้างมือแล้วเดินจากหลังเคาท์เตอร์ครัวมาดู
 

               “เอ้ย....พี่เคน!” ก่อนจะต้องร้องออกมาเมื่อเดินมาที่ห้องนั่งเล่นแล้วเห็นว่าผ้าพันแผลที่พยาบาลที่โรงพยาบาลอุตส่าห์พันมาให้อย่างดีนั้นหลุดลุ่ยและเจ้าตัวคนเจ็บก็กำลังแกะผ้าพันแผลออก
    

            “เออ...จูน” เคนเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ มีพวกผ้าพันแผลใหม่รึเปล่า...”


             “มีน่ะมี...แต่ช่วยหยุดแกะก่อนได้ป่ะ หยุดเลย หยุด” คราวนี้เป็นจูนที่ทำเสียงเข้มดุอีกฝ่ายบ้าง ร่างสูงโปร่งเดินไปเปิดตู้ในห้องครัว หลังจากที่ทำอาหารในห้องครัวเปิดนั่นนู่นนี่ดูมาหลายรอบทำให้เขาเป็นว่ามีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลอยู่ด้วย ประกอบกับมีผ้าพันแผลใหม่ที่ทางโรงพยาบาลให้มาพร้อมกับยาแก้อักเสบแล้วก็ยาแก้ปวดน่าจะใช้แก้ขัดไปได้
    

            “เอ้า คนป่วย ขยับตัวไปนั่งพิงโน่น แล้วเอาขามานี่มา...” เด็กหนุ่มสั่งให้อีกฝ่ายขยับตัวในขณะที่ตัวเองก็นั่งลงที่ปลายอีกด้านของโซฟาตัวใหญ่ เคนมองหน้าของจูนนิ่งด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาความรู้สึกช่วงขายาวยื่นมาให้จูนช่วยทำแผลให้อย่างว่าง่ายหากแต่กลับเบือนหน้าไปอีกทาง

               จูนก้มลงมองบาดแผลของคนตรงหน้า รอยบาดเป็นทางยาวอยู่ไม่น้อยโชคยังดีที่ไม่ต้องถึงกับเย็บ เขาถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะค่อยๆ ใช้น้ำเกลือชุบสำลีเช็ดรอบๆแผลพยายามอย่างยิ่งที่จะเบามืออย่างที่สุด
    

             “เจ็บไหม....” จูนเอ่ยถามเมื่อรู้สึกได้ว่าเคนเกร็งขาของตัวเองเล็กน้อย
    
              “ไม่...........” เคนตอบเสียงแข็ง ดวงตาที่มองมานั้นคล้ายหงุดหงิดที่เจอตั้งคำถามแบบนั้น จูนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะใช้สำลีชุบแอลกอฮอลล์เช็ดเบาๆรอบๆแผล
    
                “........................” เป็นอีกครั้งที่เคนเม้มริมฝีปากแน่น  จูนเห็นแบบนั้นยิ่งขมวดคิ้วเขารีบใส่ยาแล้วปิดแผลให้กับอีกฝ่าย ก่อนจะใช้มือจับหน้าขาของอีกฝ่ายตรงเหนือแผลนั้นเอาไว้แน่นจนจนเคนต้องร้องออกมา ช่วงขายาวถูกชักกลับแทบจะในทันที แต่ดูเหมือนจูนจะยังไม่ยอมปล่อยยังขยับตามเข้าไปจับขาของอีกฝ่ายเอาไว้
 

                 “ โอ้ย มันเจ็บนะ เล่นอะไร!” มือแกร่งดึงมือของจูนออก ดวงตาคมฉายแววไม่พอใจ
 

                   “ก็เพราะรู้ว่ามันเจ็บน่ะสิ....”จูนเอ่ย ก่อนจะหันมองไปรอบๆตัว
                “ ที่นี่ไม่มีใครสักหน่อย...พี่จะเก็กทำเท่ให้มันได้อะไร“ ดวงตาที่จ้องมองกลับมานั้นทำให้เคนชะงัก รู้สึกได้ว่ามือของตัวเองกำลังสั่นและใจที่เต้นอยู่ในอกก็กำลังเต้นรัว อันที่จริงเขาสั่นมาตั้งแต่ตอนที่โชติถูกส่งไปที่โรงพยาบาลแล้ว และเจ็บมาตั้งแต่ตอนนั้น


                “ถ้าพี่เจ็บก็บอกว่าเจ็บ ถ้าพี่กลัวก็บอกสิว่ากลัวสิ”


               เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่น ดวงตานั้นฉายแววเจ็บปวดราวกับว่ารับรู้ได้ถึงความรู้สึกในใจของเคนเป็นอย่างดี จูนค่อยๆละมือออกจากใบหน้าคมของชายหนุ่มร่างสูง ริมฝีปากคู่สวยนั้นเม้มแน่น ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้ง
 

                 “...พี่กลัวใช่ไหม...ผมก็กลัวเหมือนกัน... ในตอนนั้นพวกพี่วิ่งออกไป เหมือนไม่กลัวอะไร ปล่อยให้ผมยืนเหมือนไอ้โง่อยู่ที่หาด ...ผมไม่เข้าใจ”  พลันเบือนหน้าไปอีกทางสองมือเก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาลลงกล่องไปทีละชิ้นทีละชิ้น   
 
               “ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพวกพี่ถึงเก่งเรื่องทำให้ผมเป็นห่วงนัก ถ้าพวกพี่สามคนหายลงทะเลนั่นไปเลยผมจะทำยังไงล่ะ จะบอกพ่อแม่พวกพี่ว่ายังไงล่ะ....ผมก็กลัวเหมือนกันเว้ย”

               ยิ่งพูดเสียงของจูนยิ่งสั่นเช่นเดียวกับปลายนิ้วที่พยายามจะจัดขวดยาให้เข้าที่เข้าทางจนจูนต้องใช้มือข้างที่ว่างยึดมือข้างที่สั่นระริกนั่นเอาไว้ ไหล่ทั้งสองข้างสั่นระริกถึงจะมองไม่เห็นเพราะผมที่ปรกลงมาแต่ปลายจมูกโด่งนั้นแดงก่ำ เคนใจหายวูบมือแกร่งจับไหล่ทั้งสองข้างให้หันกลับมามองหน้าของตรงๆ
 
                 “จูน....” ถึงจะเรียกชื่อออกไปแต่เด็กหนุ่มกลับยิ่งก้มหน้าหลบ
    
              “อย่ามองดิ่...ผมร้องไห้อยู่” เสียงที่ดังขึ้นมานั้นสั่นเครือเจือเสียงสะอึกเบาๆ พลางยกมือขึ้นปัดแต่ไม่เป็นผลเมื่อสองมือแกร่งของเคนจับมือทั้งสองข้างที่พยายามปัดป่ายไปมาออกแล้วยึดเอาไว้จนแน่น


                   “เงยหน้าขึ้น....”
    
                  “ไม่เอา” จูนยังปฏิเสธ
 
                    “พี่บอกให้เงยหน้าขึ้นไง” น่าแปลกที่เสียงทุ้มของเคนกลับสั่นและแหบพร่าเช่นเดียวกับมือแกร่งของเคนที่สั่นระริก เด็กหนุ่มค่อยเงยหน้าขึ้นที่ดวงตาทั้งสองข้างมีน้ำตาคลอหน่วย และท่ามกลางภาพที่ขยับไหววูบเพราะหยาดน้ำตานั้นเขาเห็นดวงตาคมของเคนที่แดงก่ำ ริมฝีปากของชายหนุ่มตรงหน้าเม้มแน่น...เคนเองก็กำลังร้องไห้อยู่เช่นกัน
    
                    “พี่เคน?..เอ้ย!?...” คราวนี้เป็นคนที่ร้องไห้ออกมาก่อนที่ต้องแปลกใจ และต้องแปลกใจยิ่งขึ้นเมื่อมือแกร่งของเคนดึงตัวของเขาเข้าไปกอดแน่น จูนได้ยินเสียงเคนสูดลมหายใจเข้าปอดลึก
    
                     “....ตอนที่หาชีพจรไอ้โชติไม่เจอ...พี่กลัวชิบหายเลย...กลัว..กลัวว่าไอ้ห่าโชติมันจะตาย” เคนเอ่ยด้วยเสียงสั่น ทั้งไหล่กว้างช่วงแขนและปลายนิ้วของเคนสั่นไหวราวกับว่าชายหน่มร่างสูงคนนี้ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อทั้งร่างเอาไว้ได้อีกต่อไป มือแกร่งที่วางอยู่บนไหล่ของจูนนั้นยึดเอาไว้แน่นหากแต่ก็สั่นเทาจนหากสะบัดก็คงหลุดออกได้อย่างง่ายดาย แต่เด็กหนุ่มกลับเลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้น
    
                  “ไม่เป็นไรแล้ว....พี่โชติปลอดภัยแล้วไง ตอนนี้แค่นอนอยู่ที่โรงพยาบาล พี่ยุทธ์ก็ไปเฝ้าด้วย พี่ไม่ต้องห่วงพี่โชติแล้วนะ...พี่น่ะ ทำได้ดีที่สุดแล้ว”  จูนกระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพลางตบเบาๆลงบนไหล่กว้างของคนสูงวัยกว่าก่อนจะขยับตัวเข้าหาอีกฝ่ายอีกนิด หวังว่าจะช่วยยืนยันในคำพูดของตัวเอง
    

                    ความอุ่นจากร่างของเด็กหนุ่มทำให้เคนต้องหลับตาลลงหวังจะใช้ร่างกายของเขาสัมผัสความรู้สึกนี้เอาไว้ให้ได้ทุกอณู  จังหวะของหัวใจที่เต้นอยู่ในอกของเขากำลังสอดประสานเข้ากับจังหวะของหัวใจของจูน  ปลายจมูกได้กลิ่นแชมพูหอมระรื่น ทำให้รู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูกและยิ่งรู้สึกแบบนั้นน้ำตาก็ยิ่งไหลออกมา เป็นน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความโล่งใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

                  “.................” จูนขยับออกจากอ้อมแขนนั้นเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเขารู้ดีว่าเคนเองก็คงจะตกใจ และกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย เพราะแบบนั้นจึงไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องแบกความรู้สึกรับผิดชอบเอาไว้คนเดียว มือเรียวยกขึ้นแตะข้างแก้มของเคนที่ยังชื้นไปด้วยน้ำตาก่อนจะขยับเข้าไปใกล้อีกนิดให้หน้าผากของตัวเองชนกับหน้าผากของอีกฝ่าย

             
                   “ไม่เป็นไรแล้วนะ”
    



              คำพูดที่ดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ทำให้เคนต้องมองหน้าของจูนด้วยตาโต... เขายอมรับว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นการเสี่ยงอันตรายนั้นด้วยตัวเอง เขาไม่เคยต้องมากู้ชีวิตช่วยชีพใครแบบนี้มาก่อน และมันเขย่าขวัญอยู่ไม่น้อย ตลอดทั้งบ่ายเขาต้องรู้สึกหวาดหวั่นหนักอึ้งด้วยความคิดที่ว่า โชติจะตายหรือเปล่า จะปลอดภัยดีไหม แต่กระนั้นก็ยังไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองกังวล...และเขาไม่ได้ต้องการให้ใครมาถามว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า หรือมาชื่นชมคุณงามความดี ความจริงสิ่งที่ต้องการมาที่สุดแต่ไม่กล้าเอ่ยปากออกไป คงเป็นแค่คำปลอบใจเพียงคำเดียวจากคนที่เข้าใจความรู้สึกของเขาเพียงคำเดียวเท่านั้นก็ยังดี


                  “ขอบใจ......”
                 เสียงเคนที่ตอบกลับไปนั้นแผ่วเบาคล้ายเสียงละเมอในลำคอ ชายหนุ่มก้มหน้าลงเล็กน้อยแตะปลายจมูกกับข้างแก้มที่เปียกชื้นเพราะคราบน้ำตาของอีกฝ่าย ระยะห่างเพียงแค่นี้สามารถเห็นเลือดที่สูบฉีดอยู่ใต้ผิวแก้มนั้นอย่างง่ายดาย ริมฝีปากได้รูปของเคนขยับหาสัมผัสอุ่นจากริมฝีปากนุ่มของเด็กหนุ่มราวกับต้องการให้สัมผัสนั้นปลอบประโลมจิตใจของตนเอง    

                   “อื้ม....”
                จูนส่งเสียงออกมา ช่วงไหล่ของเด็กหนุ่มกระตุกขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ เจ้าของผมสีบลอนด์ที่นั่งอยู่แทบจะเรียกได้ว่าระหว่างช่วงขายาวของเคนนั้นพยายามจะถอนริมฝีปากออกเช่นเดียวกับมือเรียวที่พยายามดันตัวเองออกจากแผ่นอกหนา แต่เคนกลับใช้มือข้างหนึ่งจับมือของเขาเอาไว้ให้ทาบลงบนอก ในขณะที่มืออีกข้างก็ประคองด้านหลังคอเอาไว้ก็ทำให้ไม่อาจขยับหลบเลี่ยงสัมผัสอุ่นร้อนนั้นไปไหนได้ ริมฝีปากของเคนขยับตามติดคล้ายไม่อยากปล่อยให้หายไปไหน ริมฝีปากเอาแต่ใจนั้นขยับใกล้จนชิดส่งผ่านความอ่อนโยนหากแต่แฝงไปด้วยต้องการมายังเด็กหนุ่มจนขนลุกเกรียว
    
               “อืม... “
              เสียงครางออกมาจากคนที่อยู่เบื้องล่างทำให้จูนอยากจะละริมฝีปากออก แต่กลับยิ่งทำได้ลำบากในเมื่อริมฝีปากของเคนยังยึดยื้อหยอกเอินอยู่กับริมฝีปากของเขารสสัมผัสนุ่มนวลชวนให้เคลิบเคลิ้ม แขนที่พยายามดันออกในตอนแรกกลับไร้เรี่ยวแรง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคนจูบเขาแต่มันไม่เคยรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจนแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายขนาดนี้มาก่อน....
    
               ร่างสูงรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังโอนอ่อน มือแกร่งยอมปล่อยให้มือของจูนเป็นอิสระก่อนขยับไล่เรื่อยมาตามหัวไหล่สัมผัสได้ถึงโครงสร้างของกระดูกของเด็กหนุ่มผ่านผิวผ้าบางๆของเสื้อยืด กล้ามเนื้อที่สวยงามได้รูปในช่วงแผ่นหลัง ไล่เรื่อยลงมาที่บั้นเอว ชายเสื้อยืดที่เลิกขึ้นเล็กน้อยทำให้ปลายนิ้วของเขาสัมผัสกับผิวกายที่อุ่นจนร้อน ราวกับถูกดึงดูดมือแกร่งซุกซนสอดเข้าผ่านชายเสื้อไล้ลูบสีข้างของจูน
                ลำตัวหนาผิดจากลำตัวของหญิงสาวที่เคยอยู่ในอ้อมกอดก็จริงหากแต่ยังรู้สึกนิ่มมือชวนให้ลูบไล้ต่ออย่างเพลินใจ ปลายนิ้วขยับสงไล้เรื่อยจนพบตุ่มป้านเล็กๆที่ยอดอก โดยไม่ได้นึกคิดสิ่งใดปล่อยใจไปตามสิ่งที่กายกำลังปรารถนาปลายนิ้วสะกิดแผ่วเบาหวังได้รับปฏิกริยาตอบรับจากเด็กหนุ่ม เสียงครางเครือนั้นคงหวานหูอยู่ไม่น้อย เคนยิ้มน้อยๆแล้วปล่อยริมฝีปากของเด็กหนุ่มให้เป็นอิสระ 
 

                     “อ๊ะ....”
                  และเป็นไปตามคาด จูนร้องออกมาในทันที เสียงนั้นฟังดูแปลกหูไปบ้างหากแต่ก็ยั่วยวนใจอย่างประหลาด
    
                  “......................” ดวงตาที่เคยหลับพริ้มรับสัมผัสจากริมฝีปากของรุ่นพี่ตอนนี้กลับเบิกโพลง เห็นเพียงใบหน้าแดงก่ำกำลังหอบน้อยๆดวงตาของเคนดูฉ่ำชื้นคล้ายคนเพิ่งดื่มของมึนเมาหากแต่กลับมีความหมายแฝงอย่างประหลาด จูนยกมือข้างที่ไม่ได้ใช้รับน้ำหนักของตัวเองขึ้นปิดปากของตัวเอง ความสับสนแล่นเข้าจับใจ


                       ......เมื่อกี้มันเสียงใคร.....
    
                    ....เสียงเราเหรอ?....



                   “....ไม่........ “ เมื่อรับรู้ได้ถึงความจริงที่เพิ่งเกิด เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งพลางขยับตัวออกห่างจากชายหนุ่มร่างสูงแทบจะในทันที
             
                    “อ่ะ...จูน....” คำสั้นๆคำเดียวเหมือนฉุดให้เคนถลาตกลงจากหน้าผาสูงชัน มือแกร่งคว้ามือของเด็กหนุ่มเอาไว้
    
                   “ผม...ผม.....” สัมผัสอุ่นจากมือใหญ่ที่ตามมาหลอกหลอนทำให้จูนได้แต่อ้าปากพะงาบ เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองควรจะพูดว่าอะไรดี พลันเหลือบไปเห็นเค้าท์เตอร์ในห้องครัว ไม่ได้เปิดโอกาสให้เคนทักท้วงอะไรด้วยซ้ำ
    
                     “ผมยังทำกับข้าวไม่เสร็จ”

                      จูนพูดรัวเร็วเหมือนเช่นทุกครั้งเวลาตกใจ ร่างสูงโปร่งลุกพรวดพราดจากโซฟาสีเขียวตัวใหญ่ที่เมื่อครู่เขาแทบจะเอาตัวเองทับร่างของเคนไปทั้งร่าง เด็กหนุ่มเดินจ้ำๆหวังจะเดินไปให้ห่างจากรัศมีสายตาของเคนให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้


                         “โอ้ย!!! “    พลันเสียงร้องของเคนก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของจูนให้หมุนรอบตัวหันกลับมา

                         “พี่เคน! เป็นอะไร?!” จูนวิ่งกลับมาดูคนเจ็บในความดูแลของตัวเองแทบจะในทันที
    
                       “เจ็บ....” เคนทำหน้านิ่ว จูบแทบถลาเข้าไปดู

                          “พี่เจ็บแผลเหรอ ผมทำพี่เจ็บเหรอเมื่อกี้...” มือเรียวจับขาของเคนขึ้นมาดู
    
                        “แต่หายแล้ว.....” เคนตอบพลางยิ้ม
    
                       “อ้าว?.....” จูนปล่อยขาของเคนลงแทบจะทันที “อะไรกัน แกล้งกันเหรอเนี่ย “ เด็กหนุ่มชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ
 
                           “ก็แกบอกว่า ถ้าเจ็บให้บอก ....ตอนนี้เจ็บแล้วเลยบอกไง” เคนยิ้มอย่างยียวน
    
                          “บ้าไปละ อย่ามาล้อเล่นนะ อ่ะ....” จูนตกใจเมื่ออยู่ๆ ใบหน้าคมยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าก่อนมือแกร่งจะฉวยมือของเขาไปกอบกุมเอาไว้
    
                         “ขอบใจนะ....” ดวงตาคมสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบาๆให้ได้ยินกันเพียงสองคน ท่ามกลางห้องรับแขกกว้างกับพื้นหินอ่อนเย็นเฉียบ เห็นใบหน้าของจูนกลับแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
    
                         “อื้ม.....” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะดึงมือของตัวเองออก “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว...ผม...จะไปทำกับข้าวต่อแล้ว” จูนว่าพลางยันตัวลุกขึ้น เคนเองก็ลุกขึ้นตามมาติดๆ

                           “แล้วนี่พี่จะไปไหน...”
 
                            “ไปเข้าห้องน้ำ.....”ชายหนุ่มร่างสูงว่า
                         “พอดี.....มันค้างน่ะ” ไม่พูดเปล่าเอามือลูบเป้ากางเกงของตัวเองให้อีกฝ่ายดูอีกต่างหาก
 
                            “อุบาทว์ที่สุด ไปไกลๆเลย โอ้ย....เจออะไรอุจาดส่งท้ายปีแบบนี้ได้ไงเนี่ยเรา” จูนโวยลั่นเมื่อเจอเคนทำหน้าตาลามกใส่ ได้ยินเสียงร่างสูงหัวเราะดังหายเข้าไปในห้องน้ำ จูนเหลือบมองตามก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามลดจังหวะการเต้นของหัวใจของตนเองและตั้งสติสตางค์ให้มีมากพอจะจับมีดหั่นผักและทำกับข้าวที่อยู่ตรงหน้าต่อให้เสร็จ ...หวังไว้ในใจเป็นอย่างยิ่งว่าคืนก่อนคืนส่งท้ายปีแบบนี้ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี ...และตัวเขาอยู่กับเคนตามลำพังในบ้านได้อย่างอยู่รอดปลอดภัย


........................................... to be continued

and HAPPY NEW YEAR!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2013 00:42:31 โดย goldfishpka »

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1522
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ดีใจกะพี่เคน น้องจูนเริ่มเคลิ้ม
ขอให้พี่โชติปลอดภัย

asarigb

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ขุ่นพระ!!!!!!!!!!!!
ตอนนี้หลายอารมณ์สุดๆ
ตอนแรกห่วงพี่โชติมาก จะเป็นอะไรรึเปล่า ทุกคนเครียดและกดดัน :sad4:
แต่พอกลับมาบ้าน พี่เคนก็ดาเมจด้วยฉากจูบ!
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
คราวนี้แรงกว่าครั้งไหนๆ  :z3: พี่เคนทำน้องจูนใจละลายหมดแล้ว อ๊ากกกกกกกก // อิคนอ่านก็ละลายติดเก้าอี้แล้ว~

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@talk@@@
สุขสันต์สัปดาห์แห่งความรักค่ะ
เผลอแป๊บเดียวตอนที่สามสิบ
เท่ากับเขียนเรื่องนี้มาใกล้จะครบปี (เขียนก่อนโพสต์น่ะค่ะ)
จนป่านนี้ พระเอก นายเอก ยังไม่ไปถึงไหนเลย!! ขุ่นพระ
แต่ความรักมันต้องบ่มเพาะนะ ส่วนตัวเราคิดแบบนั้น
เรื่อยๆแบบนี้ล่ะ ดีแล้ว

.............................................

 
- 30 -
ละเมอ



          ห้องพักผู้ป่วยรวมในยามค่ำคืน ไม่ได้เงียบอย่างที่ใครต่อใครคิดกัน มีเสียงฝีเท้าของพยาบาลและเสียงพูดคุยกันอยู่ด้านนอก เสียงรถเข็นที่ใช้ขนสิ่งของ เสียงของเตียงผู้ป่วยที่ลั่นดังเอี้ยดยามที่ผู้ป่วยพลิกตัว ภายใต้แสงสลัวที่ลอดเข้ามาจากช่องแสง มีเสียงกระซิบกระซาบกันเบาๆ ของญาติผู้ป่วยที่มานั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงดังให้ได้ยินเป็นระยะ อากาศที่เต็มไปด้วยความเจ็บป่วยและกลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อทำให้รู้สึกแสบจมูกอยู่ไม่น้อยจนยุทธ์ต้องย่นจมูกเล็กน้อยพลางเหลือบตามองคนที่หลับไปตั้งแต่เย็นเพราะฤทธิ์ยาที่หมอให้เพราะอยากให้คนไข้ได้พักผ่อน มือเรียวหากแต่แข็งแรงนั้นจับท่อนแขนของเพื่อนเบาๆ
 

          “หลับสบายเลยนะมึง.....”บนใบหน้าของยุทธ์มีรอยยิ้มเจื่อนๆ “รีบๆตื่นมาก็ดีนะจะได้ตื่นมาฟังเรื่องที่กูอยากจะบอกมึงไง” ชายหนุ่มแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ
     
      “.....ขอน้ำกูกินก่อนได้ไหม ” เสียงแหบพร่าของโชติดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับร่างที่ค่อยขยับพลิกหันหน้ามาทางคนที่นั่งเฝ้าไข้อยู่
    
      “อ่ะ...โชติ มึงตื่นแล้วเหรอ” เพราะรู้ตัวว่าดึกดื่นแล้วยุทธ์จึงไม่ได้ส่งเสียงดังออกไป แต่ความดีใจในน้ำเสียงนั้นก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงไป ได้ยินเสียงยุทธ์รับคำในลำคอเบาๆ  พร้อมปลายนิ้วที่ชี้ไปทางเหยือกใส่น้ำ
      “อ่ะๆ โทษทีๆ” ยุทธ์กุลีกุจอรินน้ำพร้อมหยิบหลอดใส่แก้วยื่นให้กับอีกฝ่าย โชติค่อยๆดื่มน้ำนั้นทีละอึกทีละอึกจนหมดแก้ว ดูท่าทางว่าคนที่นอนหลับไปนานนั้นจะหิวน้ำจริงๆ  เสียงถอนหายใจเบาๆจากคนป่วย ก่อนจะเอนตัวลงนอนตามเดิม
 
         “ว่าแต่มึงอยากจะบอกอะไร...” เสียงที่ถามกลับมานั้นยังฟังดูอ่อนเพลีย
    
       “กูขอโทษ”
 
          คำพูดสั้นๆออกมาจากปากของคนที่ตามปรกติแล้วเห็นอะไรเป็นเรื่องเล่นเรื่องตลกไปเสียหมด เสียงของยุทธ์แหบพร่าแต่สื่อความในใจออกมาได้หมด ดวงตากลมโตนั่นไม่ยอมสบตากับคนที่นอนอยู่บนเตียงเสียด้วยซ้ำ
    
        “มึงจะขอโทษทำไม กูสิต้องขอบใจมึงอุตส่าห์ช่วยกู”โชติตอบริมฝีปากคลี่ออกคล้ายจะหัวเราะแต่ก็ไม่มีเสียงออกมาสักเท่าไร
       
         “ไม่....” ยุทธ์ส่ายหน้าทั้งๆที่ยังก้มอยู่อย่างนั้น มือที่จับมือของโชติเอาไว้กระชับแน่น
         “กูทำอะไรไม่ได้เลยต่างหาก...ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แรงก็ไม่มี จะดึงมึงขึ้นจากน้ำยังไม่ได้เลย ....มึงเกือบตายแล้วไอ้โชติ ถ้าไม่มีไอ้เคนอยู่ด้วยกูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากูจะได้มานั่งคุยกับมึงแบบนี้รึเปล่า”ยุทธ์ยิ่งพูดไหล่และมือที่จับมือของโชติเอาไว้ก็ยิ่งสั่น ยิ่งเขานึกภาพใบหน้าซีดเผือดของเพื่อนที่เห็นที่ริมหาดเมื่อตอนบ่ายยิ่งทำใจรับไม่ได้ ถ้าอีกฝ่ายเป็นอะไรขึ้นมาเขาจะทำอย่างไร
 
           “ใครจะช่วยกูขึ้นมามันไม่สำคัญเท่ากูตื่นขึ้นมาเจอใครนะ....กูดีใจที่มึงอยู่เป็นเพื่อนกู” มือของคนป่วยเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายเกาะกุมมือของยุทธ์เอาไว้ แม้จะอ่อนแรงแต่กลับมั่นคงอย่างยากจะอธิบาย
     
         “ โชติ....” ยุทธ์เงยหน้าขึ้นมองหน้าของอีกฝ่าย
    
         “เหนื่อยแล้ว...ขอนอนก่อนได้ไหม” คนป่วยตอบกลับ
    
        “ได้สิ....กูไม่กวนมึงละ”ยุทธ์ว่า เขาขยับตัวออกแต่มือของโชติกลับดึงมือของเขาเอาไว้ ดวงตาเล็กของเพื่อนสนิทนั้นสะท้อนแสงไฟที่สาดส่องจากภายนอก เป็นประกายท่ามกลางความมืด
    
        “มึงนั่งอยู่จนกว่ากูจะหลับอีกได้ไหม...กูขอ”

         คำพูดคล้ายจะอ้อนไม่ต่างจากเด็กแบบนั้นทำให้ยุทธ์อดจะหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้ ความหนักอึ้งในใจของเขาหายไปแทบปลิดทิ้ง โชติก็เป็นเสียแบบนี้ ถึงจะดูเป็นคนแข็งๆไปบ้าง แต่นั่นก็เพราะมีเรื่องที่จะต้องคิดอยู่ตลอดนานๆเห็นได้อ้อนแบบนี้ สำหรับโชติและแม้แต่ตัวเขาเองก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีอยู่ไม่น้อย
    
         “ได้สิ....” ว่าพลางก็ขยับตัวลงนั่งที่เดิน มือหนึ่งแตะท่อนแขนของคนป่วยเอาไว้เป็นเชิงบอกว่าเขาจะไม่เดินจากไปไหน ได้ยินเสียงโชติพึมพำออกมาเบาๆเมื่อพลิกตัวมาทางเขาแล้วซบหน้าลงกับหมอของโรงพยาบาล


           “....กูรักมึงนะ...”[/b]

 

           “.......................................” เสียงที่ได้ยินเพียงแค่เขาคนเดียวนั้นทำให้ยุทธ์ต้องเบือนหน้าไปอีกทาง เขารู้ว่าโชติหลับง่ายและคงไม่ผงกหัวมามองหน้าของเขาอีก นั่นอาจเป็นเรื่องดีที่อีกฝ่ายไม่ต้องมาเห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้
สีหน้าที่เจ็บปวดของเขาเอง ชายหนุ่มมองใบหน้าที่เหนื่อยอ่อนของเพื่อนอีกครั้ง

 
             .....กูรู้แล้ว....
                ....กูรู้ดีเลยล่ะ....



        เมื่อหันกลับมามองอีกครั้งโชติก็ดูคล้ายจะจมดิ่งลงสู่ความฝันไปแล้ว ชายหนุ่มร่างเล็กลุกขึ้นที่ข้างเตียง เขาหันซ้ายขวาก่อนก้มลงเบาๆแตะริมฝีปากลงบนผมของเพื่อนสนิท แล้วเดินออกไปด้านนอกในตอนนี้เขาอยากได้บุหรี่สักมวนที่จะช่วยกล่อมให้ความเจ็บปวดในใจของเขาเองหลับลงไปได้เช่นกัน

................................................

     
           “..................เช้าแล้ว”
    
          เสียงนุ่มของจูนพึมพำออกมาเบาๆ เมื่อเหลือบมองไปทางหน้าต่างเห็นแสงสว่างสาดส่องผ่านเข้ามา มันไม่ใช่เป็นเพราะเขาตื่นเช้า แต่เป็นเพราะข่มตานอนไม่หลับมาทั้งคืนน่าจะดีกว่า เด็กหนุ่มค่อยลุกชึ้นยืนพลางจัดเตียงให้เรียบร้อยหันไปมองคนที่ยังนอนอยู่ในผ้าห่มบนเตียงข้างๆ
    

        ....ท่านอนคนอมทุกข์อีกละ...

    
         จูนมองท่าทางของเคนที่นอนก่ายหน้าผากหลับสนิทก็อดจะถอนใจออกมาไม่ได้ ท่ามกลางห้องที่มีแสงสว่างเพียงเล็กน้อยเล็ดลอดเข้ามาระหว่างช่องว่างของผ้าม่านกับหน้าต่างนั้นยังพอได้ยินเสียงหายใจเบาๆจากอีกฝ่ายดังควบคู่ไปกับเครื่องปรับอากาศ จะให้ปลุกหรือก็คงจะยังเช้าเกินไป แถมอีกฝ่ายก็เพิ่งเจอกับเรื่องหนักหนาสาหัสมาเมื่อวานก็คงจะเพลียอยู่ไม่น้อย

       แต่คงไม่เท่ากับความอ่อนล้าทางใจ สีหน้าและท่าทางที่เขาเห็นเมื่อคืนนั้นเป็นปรกติคงไม่มีทางได้เห็นเป็นแน่...แต่ทำไมเขาถึงอยากให้อีกฝ่ายปลดปล่อยความรู้สึกพวกนั้นออกมา ทำไมจำเพาะจะต้องเป็นต่อหน้าตัวเอง ทำไมจะต้องไปใส่ใจความรู้สึกของคนที่ทำตัวเหมือนไม่ได้สนใจความรู้สึกของเขาเลยแบบนั้นด้วย มิหนำซ้ำยังไม่ต่อต้านสัมผัสของอีกฝ่ายด้วย


       ....อ๊ะ....


         เสียงที่เหมือนไม่ใช่เสียงของตัวเองยังดังก้องอยู่ในหัว ทั้งสัมผัสจากฝ่ามือของอีกฝ่ายที่คล้ายจะยังรู้สึกได้ที่ผิวเนื้อ...อุ่น...ร้อน... ริมฝีปากนั้นก็รุกล้ำและเอาแต่ใจ แต่ส่วนหนึ่งกลับทำให้เคลิบเคลิ้มรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด เพียงแค่คิดถึงแม้ในตอนนี้ก็ทำให้ใจเต้นแปลกๆ บนใบหน้ารู้สึกร้อนผะผ่าวจนจูนต้องรีบสะบัดความคิดนั้นออกจากหัวก่อนจะกลายเป็นว่าเขาฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ ร่างสูงโปร่งรีบหันหนีจากเพื่อนร่วมห้องที่นอนไม่รู้เรื่อง


   ...มันก็แค่ปฏิกิริยาของร่างกาย ...
    
     ...อย่ามางี่เง่าไปหน่อยเลย ไอ้จูน...


.....................................


   ...ครืด...



         เสียงผ้าม่านถูกดึงเปิดออก ปล่อยให้แสงแดดส่องผ่านเข้ามา จูนไม่อยากเดินเข้าไปปลุก เขาเลือกใช้วิธีธรรมชาติให้ลงโทษคนที่ยังนอนตื่นสาย ร่างสูงโปร่งยังพันด้วยผ้าขนหนู เส้นผมยังเปียกชื้นจูนเดินไปนั่งตรงหน้าปลั๊กไฟที่ต่อเอาไว้ก่อนใช้ไดร์เป่าผมที่ติดมาด้วยสำหรับการถ่ายทำมาเป่าผมของตัวเอง 
    
      เสียงไดร์เป่าผมดังอื้ออึงนั้นดังจนน่ารำคาญ เคนขยับตัวสะบัดหน้าไปมารู้สึกร้าวไปทั้งร่าง เขายังไม่พร้อมที่จะตื่น แต่เมื่อหันหน้ามาอีกด้านก็พบเจอกับแสงสว่างที่ทำเอาเคืองตา ร่างใหญ่ค่อยขยับลุกขึ้นจากเตียง เห็นใครบางคนนั่งก้มหน้าเอาผ้าขนหนูเช็ดผมไปพลางเป่าผมไปพลางอยู่ที่พื้น แผ่นหลังขาวจัดนั้นยังมีหยาดน้ำเกาะพราว
       
        ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆที่มุมขยับลุกจากเตียงให้เบาที่สุดและเมื่อเดินเข้าไปใกล้ปลายจมูกยิ่งได้กลิ่นของไอน้ำที่ระเหยขึ้นมาปะปนกับกลิ่นของสบู่และแชมพู กลิ่นนั้นคล้ายยั่วยวนให้เขาขยับเข้าไปใกล้ และใกล้ขึ้นอีก ต้นคอของอีกฝ่ายที่มองจากด้านหลังนั้นสวยงามด้วยรูปแบบของกล้ามเนื้อที่พอดีตัวไม่ได้เล็กบางอ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้หนาเสียจนน่าเกลียด...กำลังพอเหมาะเลยทีเดียว

       เคนยิ้มน้อยๆที่มุมปาก  ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปใกล้ยิ่งทำให้เห็นผิวเนื้อที่ต้นคอนั่นชัดมากขึ้น อีกฝ่ายคงไม่ทันรู้สึกตัวว่าเขาเข้ามาใกล้มากแค่ไหน ลมร้อนจากไดร์เป่าผมเป่ามาโดนหน้าแต่ไม่ใส่ใจเคนขยับเข้าไปอีกเล็กน้อย

        ......................................


         ริมฝีปากและลำคอแห้งผากจนเผลอกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้อีกนิด ลมหายใจที่สูดเข้าจนเต็มปอดมีแต่กลิ่นหอมระรื่นของกลิ่นแชมพู ก่อนที่จะแนบริมฝีปากลงกับด้านหลังต้นคอของอีกฝ่ายอย่างเผลอไผล...สัมผัสแผ่วเบาที่หลังต้นคอนั้นทำให้จูนสะดุ้งเฮือก
 

           “เฮ้ย....” เด็กหนุ่มร้องลั่น แต่ก่อนจะได้ขยับไปไหนกลับถูกริมฝีปากนั้นประกบปิดกั้นเสียงร้องจนขาดหาย มือเรียวเผลอปล่อยไดร์เป่าผมตกลงที่พื้นแผดเสียงลั่นน่ารำคาญ เคนขมวดคิ้วมุ่นก่อนละริมฝีปากออกไปจากอีกฝ่ายหันไปกระชากปลั้กไฟออกจากผนัง
 
          “พี่เคน!....อุ๊บ”  ไม่ทันจะได้ทักท้วงอะไรต่อริมฝีปากร้อนนั้นก็กลับมาประทับปิดปากอีกครั้งพร้อมกับร่างใหญ่ของเคนที่โถมเข้ามาหา กดร่างทั้งร่างของจูนลงกับพื้น ริมฝีปากได้รูปของเคนขยับชิดมือแกร่งแตะข้างแก้มบังคับให้อีกฝ่ายต้องเปิดริมฝีปากรับปลายลิ้นร้อนที่ส่งเข้ามาตักตวงราวกับกระหายอยาก
 
           “อื้อ...” สองหูคล้ายจะอื้ออึงได้ยินเพียงเสียงประท้วงเบาๆจากร่างของหนุ่มรุ่นน้อง รู้สึกได้ว่ามือข้างนึงนั้นพยายามทั้งผลักทั้งตีให้เขาถอยห่างออกไป แต่ในขณะเดียวกันมืออีกข้างก็ยังยึดกระชับปมผ้าขนหนูเอาไว้ไม่ให้คลายออกจากตัว ผิวเนื้อใต้ฝ่ามือที่เขาลูบไล้นั้นยังเย็นชื้นบ่งบอกได้ว่าจูนเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ยิ่งกลิ่นกายหอมอ่อนๆที่ปลายจมูกสัมผัสได้ยิ่งช่วยกระตุ้นให้หัวใจของเขาบีบตัวแรงกว่าการได้ออกกำลังกายเป็นไหน ๆ
    
        “ปะ ปล่อย....! “  เสียงเด็กหนุ่มประท้วงปะปนกับเสียงหอบหายใจเบาๆ  มือหนึ่งพยายามดันหน้าของเขาออกไปให้พ้นจากซอกคอ  แต่กลิ่นหอมหวานกับสัมผัสเย็นลื่นบนปลายลิ้นนั้นเย้ายวนเกินกว่าจะละออกห่าง เขาทาบทับลงไปจนอีกฝ่ายคงยิ่งรู้สึกอึดอัด ปลายนิ้วสัมผัสไล้ลงต่ำไปที่ต้นขา เขาอยากได้ยินเสียงนุ่มของอีกฝ่ายครางเครือให้เต็มสองหู



           ...........................


 

               “โอ้ย!!! “

               เคนร้องลั่นเมื่อเจอลมร้อนเป่าเข้าตามาเต็มๆ  ร่างสูงขยับตัวออกห่างแทบในทันที

    
           “อ้าว?... พี่เคน ตื่นแล้วเรอะ” จูนหันมามองหน้ารากับไม่ได้รู้เรื่องราวใดๆ ในตอนนั้นเองที่เคนรู้สึกตัวว่าที่เขาเห็น สัมผัส รู้สึกเมื่อครู่นั้นเป็นเพียงภาพของจินตนาการที่พยายามแล้วที่จะซ่อนมันเอาไว้ ....แต่ก็คงลำบากเต็มทน


    .....ห่าเอ้ย....
    ....นี่กูคิดอะไรไปวะเนี่ย....


    “อ่ะ.....เออสิ เสียงดังชิบ ไม่ตื่นก็คงไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว” เคนทำท่าโวยวาย กลบเหลื่อนใบหน้าแดงก่ำ

    “ขอโทษ....ผมไม่ได้ตั้งใจจะปลุกพี่” จูนรีบปิดเครื่องเป่าผม เด็กหนุ่มหลบสายตาเล็กน้อยเพราะรู้ดีว่าตัวเองนั้นตั้งใจจะปลุกอีกฝ่ายทางอ้อมอยู่แล้ว
  “แล้วนี่เข้ามาทำไมซะใกล้เนี่ย” จูนว่าพลางขยับถอย มือรวบผ้าขนหนูที่พันรอบเอวเข้าหากัน ดวงตาที่มองกลับมายังเคนนั้นแสดงเห็นความระแวงระวังอยู่ไม่น้อย

    “จะปิดอะไรวะ ก็มีเหมือนๆกัน”  เห็นท่าทางแบบนั้นก็อดจะหมั่นไส้ไม่ได้

    “ก็ป้องกันตัวเอง....ไม่ได้หรือไง ไม่ได้อยากปล่อยโทงๆเหมือนใครบางคนนี่” จูนวางมือลงตรงเหนือตัก พลางขยับขาเข้าหากันอีกนิด  เห็นท่าทางของจูนเคนก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ เพราะคำพูดมันช่างตรงกันข้ามกับร่างเกือบเปลือยตรงหน้านี่อย่างเห็นได้ชัด

    “กลัวพี่กระตุกรึไง”เคนยักคิ้วถามทีเล่นทีจริง พลางยื่นมือไปดึงชายผ้าขนหนูของอีกฝ่ายเบาๆ

    “ก็อย่างกับตัวเองน่าไว้ใจตาย...”จูนทำหน้าเบ้ เพราะอีกฝ่ายชอบแหย่เขาแบบนี้นี่เองถึงต้องระวังตัวแบบนี้
  “เมื่อคืนก็หนหนึ่งแล้ว...” เด็กหนุ่มอ้อมแอ้มตอบใบหน้าแดงก่ำ แต่ก็ยังพยายามซ่อนสีหน้านั้นเอาไว้ 

    คำพูดของจูนทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนย้อนกลับมาในความทรงจำ มันอาจจะเป็นจริงอย่างที่จูนว่าก็ได้เมื่อเขาฉวยโอกาสจากจิตใจที่ดีของเด็กหนุ่มตรงหน้า เมื่อคืนอีกฝ่ายเพียงแค่ต้องการปลอบเขาเท่านั้น แต่เขากลับฉวยโอกาสให้กับตัวเองและพยายามจะทำให้อีกฝ่ายโอนอ่อนตาม

   “พี่...ไม่น่าไว้ใจเหรอ” น้ำเสียงที่ถามออกมานั้นคล้ายจะน้อยใจอยู่ไม่น้อย

    “พี่ชอบแกล้งผมนี่...แกล้งทีก็มีแต่เรื่องแปลกๆ ผมป้องกันตัวเองก็ถูกแล้ว” เด็กหนุ่มตอบพลางก้มหน้าทำท่าเหมือนจะหันไปหาอะไรจากในกระเป๋าแต่เคนรู้ว่านั่นเป็นการแสร้งทำ 

    “เหรอ...” เคนพยักหน้ารับคำเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วลุกขึ้นยืน ที่อีกฝ่ายพูดมันไม่ได้ผิดไปจากสิ่งที่อยู่ในใจของเขาเลย ร่างสูงก้มลงจรดริมฝีปากลงบนเส้นผมแห้งหมาดๆของอีกฝ่าย นานพอที่จะให้อีกฝ่ายรู้สึกได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่อยากจะส่งไปให้ ความรู้สึกที่เขายังไม่สามารถรวบรวมความกล้าพูดออกไป...

    “ถ้าไม่น่าไว้ใจขนาดนั้น คุณมึงก็ก็ช่วยรีบๆแต่งตัวด้วยครับ เพราะนอกจากจะเสี่ยงเป็นหวัด แล้วมันเสี่ยงจะโดนปล้ำนะรู้ตัวเอาไว้ด้วย”  เคนว่าพลางใช้ปลายนิ้วผลักศีรษะของอีกฝ่ายจนโคลงไปอีกด้าน ร่างสูงรีบเดินไปเข้าห้องน้ำโดยไม่ได้หันกลับมามองอีก เพราะกลัวจะเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วตัวเองจะปราดเข้าไปทำอะไรอย่างใจคิดจริงๆ


................................. to be continued

zonixuta

  • บุคคลทั่วไป
4 คนนี้ golden bomber ใช่มั้ยคะ 5555 จูนน่ารักจังค่ะ

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
4 คนนี้ golden bomber ใช่มั้ยคะ 5555 จูนน่ารักจังค่ะ
อุ้ย ความแตก ใช่ค่ะ แรงบันดาลใจอย่างรุนแรงหนักหน่วงค่ะ
แต่ไม่ใช่แฟนฟิคนะคะ

asarigb

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดพี่โชติมากค่าาาาาาาาาา  :ling1:
ทำไมพี่ยุทธ์มีท่าทีแบบนั้นละ จริงๆแล้วรู้สึกยังไงกันแน่?
ส่วนอิพี่เคน อย่าฝันแบบนี้บ่อยๆสิ คนอ่านจะตายเว้ยยย อยากทำก็ทำเลย(?) ไม่ต้องอดทน :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@ talk @@@
มีตอนใหม่ มารับปีใหม่ (ไทย) ห่างหายไปสองเดือน เค้าขอโทษ
ยุ่งมาก  :katai4: และ แต่งไม่ออกเจรง เจรง  :katai1:


- 30 -
ตื่นเต้น


             “อะไรของมึงไอ้โชติ นี่หมอเขาเอาอะไรให้มึงกินวะ ถึงจะให้ถ่าหนังต่อเลยเนี่ย! จะลงน้ำอีกรึยังไง” เสียงเคนโวยลั่น ท่าทางของร่างสูงดูหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย เมื่อได้รู้ว่าโชติตั้งใจจะถ่ายหนังต่อทันทีที่น้ำเกลือหมดขวด ทั้งๆที่เมื่อวานเขาตกใจ กลัว และพยายามแทบตายในการช่วยชีวิตอีกฝ่ายแต่กลายเป็นว่าคุณเพื่อนตัวดีกลับอยากจะลงไปเสี่ยงอีกรอบ
 
            “เดี๋ยวๆ...... “ โชติยกมือข้างที่ยังมีสายน้ำเกลือเสียบติดอยู่ขึ้นโบกไปมา ถึงจะยังดูเหนื่อยแต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน
 
             “ก่อนมึงจะด่ากูเนี่ย ช่วยฟังกูอธิบายก่อนได้ป่ะ “ ในดวงตาเล็กๆคู่นั้นฉายแววไม่พอใจเล็กน้อย
          “กูอ่ะ เห็นที่ไอ้จูนมันถ่ายไว้แล้ว........” โชติกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ ภาพที่เขาเห็นมันทำให้เขารู้สึกสะเทือนใจอยู่ไม่น้อยแต่ก็ยังกัดฟันดูจนจบได้
          “กูว่ามันก็โอเค...ตัดต่อสักหน่อยคงใช้ได้ สมจริงเลยล่ะ”
    
          “แน่ล่ะ ของจริงนี่หว่า “ เคนยังคงบ่นพึมพำ
    
          “ที่จะถ่ายอ่ะ ไม่ใช่กู แต่เป็นมึงกับไอ้จูนต่างหาก”  โชติตอบ

    
           “หะ!!!”
            เสียงของจูน เคน และ ยุทธ์ ดังขึ้นแทบจะพร้อมๆกัน จนได้ยินเสียงญาติคนไข้จากเตียงข้างๆทำเสียงจุปากเล็กน้อยเป็นการปราม
    
           “เอาจริงดิ่พี่โชติ...พี่จะกำกับไหวเหรอ”จูนเอ่ยขึ้นมาเบาๆ คำพูดนั้นคล้ายจะเป็นห่วงหัวหน้าชมรมแต่ในใจจริงกลับรู้สึกเป็นห่วงตัวเองมากกว่าในเมื่อเขายังไม่ได้ทำใจว่าจะต้องถ่ายฉากของเขากับเคนภายในวันนี้เลย ยิ่งมีเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนด้วยแล้วยิ่งห่วงว่าตัวเองจะยังไม่สามารถทำใจมองหน้าของเคนในฐานะ “คนรัก” ตามบทละครที่โชติเขียนไว้ได้
    
          “พี่น่ะไหว หมอก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร แค่ให้น้ำเกลือนี่หมดก็กลับไปลุยต่อได้ละ”
    
          “ทำเป็นเก่ง....เอาให้แน่นะมึง” ยุทธ์ที่นั่งเท้าคางอยู่ข้างเตียงอดจะเอ่ยแซวอย่างอดไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดจะห้ามเพื่อน แต่สู้เหตุผลของโชติไม่ได้มากกว่า


               ....อยู่นาน ก็เสียเวลา...
 
                    ...อีกอย่าง ให้ไอ้สองคนนั้นมันอยู่ด้วยกัน...
    
                ...เดี๋ยวก็ได้ทะเลาะกันเผาบ้านมึงกันพอดี....


 
            ยุทธ์เหลือบมองใบหน้าของจูนเล็กน้อย จูนกับเคนน่ะหรือจะทะเลาะกันเสียจนจะเผาบ้านของเขา ทั้งสองคนไม่มีเรื่องให้ทะเลาะกันขนาดนั้นหรอกเขารู้ดี แต่สิ่งที่ห่วงมากกว่าไฟไหม้......ก็ใช่ว่าจะไม่มี
 

                “มันบอกว่าไหวก็คือไหวนั่นล่ะ...”ยุทธ์หันไปมองหน้าของจูน
            “เชื่อมันหน่อยก็แล้วกัน....แต่ถ้ารอบนี้เป็นลมล้มอะไรขึ้นมาล่ะก็กูไม่รับประกันนะเว้ยว่าไอ้เคนจะแบกมึงมาส่งถึงโรงพยาบาลได้อีกหรือเปล่า” ชายหนุ่มหน้าสวยผู้รับบทพระเอกของเรื่องหันไปยิ้มยียวนให้กับโชติ
    
            “เออ จริงของไอ้ยุทธ์มัน รอบนี้กูไม่ช่วยแม่งแล้วนะ เหนื่อยชิบหาย” เคนเอ่ยอย่างหัวเสีย
    
            “เอาน่าๆ คราวนี้กูคลานไปโรงบาลเองก็ได้ ส่วนจูน.....ระหว่างรอน้ำเกลือหมดนี่ช่วยเตรียมตัวเข้าบทไว้ด้วยนะ เพราะในบทแกกับเคนต้องรักกัน...มาก....เลยล่ะ”โชติไม่พูดเปล่าลากเสียงย้ำอีกด้วย
    
             “มาก? ขนาดไหนล่ะพี่” จูนโคลงศีรษะเล็กน้อยเขาพอจะจินตนาการได้อยู่แต่เมื่ออีกฝ่ายย้ำมาเสียขนาดนั้นก็อดจะถามเพื่อความมั่นใจไม่ได้

         
                 “ก็มากขนาดทำกันจนได้ลูกนั่นล่ะ”


................................................


                   “เฮ้อ ........ “

               เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆท่ามกลางพูดคุยของผู้คนในโถงทางเดินของโรงพยาบาล เขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองหน้าใครที่เดินผ่านไปมาเสียงด้วยซ้ำหลังจากถูกบอกแกมบังคับให้รีบกลับไปเอาอุปกรณ์และชุดใส่รถมาแต่งตัวที่โรงพยาบาล และมันไม่ง่ายเลยกับการเดินเข้าห้องน้ำชายไปในสภาพเด็กหนุ่มหน้าตาธรรมดา และกลับออกมาพร้อมวิกผม ชุดเดรสยาวและรองเท้าส้นสูง เด็กหนุ่มหยิบกระจกจากในกระเป๋าใส่อุปกรณ์ปต่งหน้าขึ้นมามองความเรียบร้อยอีกครั้ง ใบหน้าของเขาที่แต่งแต้มสีสันเรียบร้อย วิกผมยาวสีน้ำตาลที่ล้อมกรอบใบหน้าช่วยปิดบังโครงหน้าบางส่วน และเน้นให้ส่วนอื่นนั้นดูอ่อนหวานขึ้นมาได้มาก เขายอมรับว่าการติดตามเพื่อนไปตามงานประกวดคอสเพลย์ที่ทุกคนต้องพยายามอย่างมากเพื่อให้หน้าคล้ายคัวการ์ตูนที่ตัวเองชื่นชอบให้ได้นั้นก็เป็นประโยชน์อยู่ไม่น้อย เขาได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับการแต่งหน้ามามากโข
    

          แต่ไม่ว่าจะรู้สึกชินกับการแต่งหน้าขนาดไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องรู้สึกชินกับสายตาที่มองมา  หัวใจเต้นตึกอยู่ในอกจนรู้สึกได้ แขนขาเย็นไปหมดแต่กระนั้นก็ยังบังคับตัวเองให้เดินต่อไปจนถึงหน้าห้องผู้ป่วยรวมที่รุ่นพี่ทั้งสามกำลังรออยู่ที่ด้านหน้า โชติปลดสายน้ำเกลือออกแล้วแต่ดูท่าบุรุษพยาบาลจะยังไม่ยอมให้เดินเองถึงได้ยังนั่งรถเข็นอยู่ โดยมีเคนยืนถือของอยู่ไม่ห่าง

   
          “พี่...ยุทธ์ล่ะ “ จูนหลบสายตาของบุรุษพยาบาลมายืนอีกด้านของเก้าอี้รถเข็น รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจและคล้ายกำลังประเมินเขาไปด้วยในตัว
    
       “ไปจัดการเรื่องเอกสารนิดหน่อย เดี๋ยวมา....” โชติตอบพลางจับชายกระโปรงของจูนเบาๆ
        “สวยนะ”
    
        “โอย...พี่ อย่าแหย่ดิ่”  ใบหน้าที่แต้มสีนั้นยิ่งแดงระเรื่อเมื่อเจอกระเซ้า จูนขยับหนีแต่ก็ไปชนเข้ากับเคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไปจนได้
 
            “ระวังหน่อยสิ....” ร่างสูงเอ่ยเบาๆกลั้วเสียงหัวเราะ มือแกร่งประคองสองไหล่ของเด็กหนุ่มเอาไว้หลวมๆ ใบหน้าระยะประชิดของเคนทำให้จูนสะดุ้ง
    
          “ขอโทษครับ....รองเท้ามันเดินยาก” เคนเหลือบมองรองเท้านั่นก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
 
             “จริงจังเว่อร์อีกละ ลำบากนักก็ถอดออกก่อนไหม เดี๋ยวได้ล้มหน้าคว่ำก่อนหรอก” รุ่นพี่ร่างสูงว่าพลางยื่นมือคล้ายจะให้จูนใช้เป็นหลักเพื่อเปลี่ยนรองเท้า
    
          “........................”  แต่เด็กหนุ่มกลับรีบหันหน้าไปทางอื่น มองหาเก้าอี้นั่งแล้วเปลี่ยนรองเท้า เมื่อมองตามไปเห็นด้านข้างแก้มนั้นยังแดงอยู่เลย



             ......เว้ย ทำไมต้องงี่เง่าวันนี้ด้วยวะเรา....



             จูนได้แต่ต่อว่าตัวเองในใจ พลางดึงรองเท้าแตะที่ใส่ประจำออกมาจากกระเป๋าใบใหญ่ที่สะพายพะรุงพะรังไปหมด 
    ไม่นานยุทธ์ก็มาและทั้งสี่หนุ่มก็พร้อมที่จะออกเดินทางไปหาสถานที่ถ่ายทำฉาก “คู่รัก “ ของเคนและจูนต่อไป


............................................................
 

             ถนนในตัวเมืองหัวหินมีผู้คนพลุกพล่าน ผู้กำกับอย่างโชติหรือก็ดูจะโหดกับนักแสดงอย่างจูนและเคนอยู่ไม่น้อย เมื่อเขาเลือกบริเวณที่มีร้านขายของฝากที่มีทั้งร้านกาแฟซึ่งเป็นแหล่งรวมนักท่องเที่ยวชั้นดีมาเป็นฉากในการถ่ายทำ และเป็นอีกครั้งที่จูนโอดครวญเพราะสิ่งที่การแต่งหน้าและการรแต่งตัวไม่อาจช่วยได้เลย คงเป็นเรื่องของการแสดง จูนนึกว่าเขาจะมีเวลามากกว่านี้ในการ"เตรียมใจ" หากแต่คำขาดของโชตินั้นก็เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดเรื่องแบบนั้นระหว่างการถ่ายทำ หากจะต้องยืดเวลาการถ่ายทำออกไปนั้นคงไม่ดีต่อร่างกายของโชติเป็นแน่ถึงปากเจ้าตัวจะบอกว่าไม่เป็นไรก็ตาม


              “รักกันให้มากๆหน่อยนะ....เดินจับมือโอบเอว ชี้ดูร้านไปนั่นล่ะ” โชติว่าพลางขยับหมวกปีกกว้างของตัวเองเพื่อ                                      บังแดด ในขณะที่ยุทธ์เองก็ยืนตั้งท่าจะถ่ายด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย
 
             “รักมากๆอีกละ.....”จูนเบ้หน้าก่อนจะเหลือบไปมองใบหน้าคมของเคน ใบหน้าด้านข้างดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบเมื่อชายร่างสูงขมวดคิ้วพลางหยีตาเล็กๆเพราะแสงแดดยามบ่าย “นี่เราจับพี่เคนทาหน้าขาวไม่ได้เหรอครับ”
    
           “หะ จะจับพี่ทาหน้าขาวอีกรึไง คิดอะไรของแกวะ” เคนหันมามองหน้าของจูนทันควัน
           “นี่จะถ่ายกันอยู่แล้วนะ”

           ร่างสูงโวยวายเพราะเท่าที่จำได้การจะทาหน้าด้วยแป้งงิ้วกับสีทาหน้าทั้งหลายนั้นใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง และที่สำคัญสาเหตุที่ทำให้เขาจำเป็นต้องทาหน้าก็เป็นเพราะ.....ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อยอย่างพิจารณาเมื่อหันไปสบตากับเด็กหนุ่มผมทอง 


            “นี่ จนป่านนี้ยังเขินพี่อยู่อีกรึไง”
               “เปล่า “จูนตอบทันทีเมื่ออีกฝ่ายรู้ทัน
           “ก็แค่หมั่นไส้ คนอะไร ยืนเฉยๆสาวๆก็มองกันตาเป็นมัน “


           จูนไม่ได้โกหกเพราะเขาสังเกตเห็นท่าทางของเหล่านักท่องเที่ยวที่เดินสวนไปมาสักพักใหญ่ก็ได้ข้อสรุปว่า เคนนั้นดูโดดเด่นอยู่ไม่น้อยด้วยทั้งรูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อแบบนักกีฬาใต้เสื้อเชิ๊ตและเสื้อกล้าม ไหนจะใบหน้าคมนั่นอีก หากใครมองผ่านเลยไปได้ง่ายๆก็คงจะแปลกเต็มที
 
              “หึงเหรอ?” เคนกระเซ้าแหย่ แต่คำที่ตอบที่ได้กลับเป็นหมัดที่กระแทกเข้าที่ไหล่ซ้ายอย่างจัง
           “โอ้ย....อะไรวะ”
              “พูดจาไม่เข้าหู พอเลย นี่ถ้าแหย่ไม่เข้าเรื่องอีก พ่อจะเสยให้ร่วงเลย”   พูดพลางทำหน้าดุ แต่ในสายตาคนโดนดุอย่างเคนใบหน้าของจูนกลับยิ่งดูน่าเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก ถ้าไม่ติดว่าอยู่ท่ามกลางคนมากมายขนาดนี้คงอยากจะยื่นหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากได้รูปนั่นให้รู้แล้วรู้รอดไป


                “เอ้า พวกมึงจะอี๋อ๋อกันอีกนานไหม....รีบๆถ่ายจะได้รีบๆจบ” พลันเสียงของยุทธ์ดังขึ้น ใบหน้าสวยใต้กรอบแว่นตาดำที่ใส่กันแดดนั้นทำให้มองไม่ออกว่ากำลังจ้องมองมาด้วยสีหน้าแบบไหน แต่เพียงแค่ได้ยินเสียงก็พอจะรู้ได้ว่าอารมณ์ของตากล้องวันนี้ไม่ได้ดีเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น


                “โอเค ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพวกแกเดิน กันไปที่ร้านขนมตรงนั้นนะ ....” โชติชี้ไปทางร้านเบเกอร์รี่บรรยากาศดูน่านั่งที่อยู่ไม่ห่างออกไปนัก
            “ยุทธ์แพนกล้องมุมกว้างก่อนแล้วค่อยจับไปที่ทั้งสองคน โอเคนะ” ผู้กำกับที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่ทันครึ่งชั่วโมงเริ่มทำหน้าที่ของตัวเอง


                  “พร้อมนะ......”   จูนสูดลมหายใจเข้าลึก เขาต้องตั้งสมาธิ และพยายามไม่ให้สายตาของคนอื่นมาทำให้ตัวเองล่อกแล่ก สองมือจับวิกผมจัดชายกระโปรงให้เรียบร้อยรอฟังคำสั่งของโชติต่อไป


                  “แอคชั่น!“

 
 
                และเมื่อสิ้นเสียงสั่งของโชติมือแกร่งของเคนยื่นมาโอบเอวของจูนเอาไว้ แรงพอจะจะทำให้เซเข้าไปชนกับช่วงไหล่กว้าง
 
               “.............................” ระยะห่างที่ใกล้เพียงนิดทำให้ต้องกลืนเสียงของตัวเองลงไปจดหมด
    
            “จูน.......”   เคนเอ่ยชื่อของ “ตัวละคร” ออกมาเบาๆ พลางฉวยมือของจูนไปกุมเอาไว้ ดวงตาสีเข้มที่มองมานั้นเป็นประกายเช่นเดียวกับรอยยิ้มเปิดเผยเหมือนอย่างที่มีให้ทุกครั้ง ทำให้ชั่ววินาทีหนึ่งนักแสดงร่วมอย่างจูนรู้สึกได้ว่าใจของตัวเองเต้นแรงขึ้นจนทั้งที่ไม่ควรจะเก้อเขินให้มากใบหน้าก็แดงก่ำขึ้นมา

              “วันนี้ไปเดทกันนะครับ”
    
               “....อื้ม....”จูนพยายามตอบกลับด้วยท่าทีตามที่เขียนอธิบายเอาไว้ในบท เด็กสาวไร้เดียงสาที่หัวใจกำลังเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก  เด็กหนุ่มก้มลงมองมือแกร่งที่ยังกอบกุมมือของเขาเอาไว้


                     ......ถ้าในตอนนี้ แกคือ “จูน” เด็กสาวในบทละคร...
                          .....แกจะทำยังไงจูน....
                           ....แกจะต้องทำยังไง.....



                 ปลายนิ้วเรียวของเด็กหนุ่มกระชับตอบสัมผัสจากมือแกร่งที่เกาะกุมมือของเขาเอาไว้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับชายร่างสูงตรงหน้าอีกครั้ง ริมฝีปากที่เคลือบสีด้วยลิปกลอสเป็นประกายนั้นขยับแย้มเป็นรอยยิ้ม


           ...แค่เป็น “จูน”...เท่านั้นก็คงพอ... 




                 “คัท!!”


                เสียงของโชติที่ดังขึ้นทำให้จูนค่อยๆดึงมือของตัวเองออกจากมือของเคน เด็กหนุ่มขยับตัวออกห่างพลางยกมือขึ้นแตะที่ข้างลำคอเหมือนอย่างที่ทำทุกครั้งเวลาประหม่า


               “โอเค....ใช้ได้ ยุทธ์.....”โชติให้สัญญานกับยุทธ์ที่ยืนจับภาพอยู่ห่างออกไป “ขอดูภาพหน่อย....”
    
            “กูว่า.....สวย....แล้วล่ะ”ยุทธ์ว่า ยุทธ์ว่าพลางขยับแว่นตากันแดดที่ดันขึ้นไปไว้บนศรีษะเล็กน้อย ดวงตากลมมองร่างสูงโปร่งในชุดเดรสสีส้มอิฐของจูนพลางยิ้ม
    
            “เหรอ...แต่กูว่าน่าจะแก้อีกหน่อยนะ ไอ้จูนยังดูเกร็งอยู่เลย” โชติเอ่ยขึ้นมาทั้งๆที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจาหน้าจอ
    
            “เหรอ..... “คราวนี้กลับเป็นยุทธ์ที่ลากเสียงยาวขึ้นมาอีก
            “จับมือกันขนาดนี้ก็แล้ว กูว่าไม่ต้องแก้หรอกมั้ง รีบๆหาที่ถ่ายต่อดีกว่า.... อืม....เอาร้านนั้นละกัน เดี๋ยวกูไปขอเขาถ่ายเอง จะได้รีบๆถ่าย“ ยุทธ์สรุปเองเสร็จสรรพด้วยท่าทางหงุดหงิด


..................................................


            น้ำชาในแก้วสะท้อนแสงแดดเป็นประกาย ผู้คนมากมายคล้ายจะจับจ้องมา ท่ามกลางเสียงพูดคุยกันในร้านที่หอมอบอวนไปด้วยกาแฟ เสียงเพลงที่คลอเคล้าช่วยสร้างบรรยากาศ คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามดูประหม่าเล็กๆ จนนึกอยากจะหยอดคำหวานให้ผิวเนื้อใต้เครื่องสำอางสีสวยนั่นยิ่งแดงระเรื่อมากขึ้นไปอีก


            "ชิมนี่สิ " มือใหญ่ฉวยส้อมมาตัดเค้กก่อนจะยื่นให้กับอีกฝ่าย

            "อ่ะ....ไม่เอาน่า อายเขา"

            อีกฝ่ายยกมือขึ้นด้วยขัดเขิน ดวงตาสีเข้มที่ดูหวานขึ้นอีกเพราะชั้นขนตาปลอมที่แต่งเพิ่มเข้าไปนั่นหลบหันไปมองด้านข้างราวกับจะมองหาตัวช่วย แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครยอมเข้ามาช่วยสักเท่าไร จนสุดท้ายก็ยอมหันกลับมาด้วยจำใจ ริมฝีปากสวยเคือบด้วยกลอสสีสดเผยออ้ารับเอาเค้กชิ้นเล็กเข้าปากไปทั้งๆที่ใบหน้ายังแดงก่ำไปจนถึงใบหู


            "อร่อยไหม..." เคนถามพลางเท้าคางยิ้ม

           "อื้ม"    อีกฝ่ายรับคำอ้อมแอ้มขยับปากเคี้ยว ท่าทางเขินอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีแต่ก็ทำไม่ได้แบบนี้ย่ิงเห็นยิ่งทำให้ใจสั่นไหว รู้สึกเอ็นดูจนนึกอยากจะเอื้อมมือออกไปโอบกอดเอาไว้ทั้งที่รู้ว่ามันคงเป็นเพียงแค่การแกล้งสำหรับอีกฝ่าย...แต่ก็ยังอยากทำ


          ....การแกล้งคนนั้นอาจจะไม่ดี....
            ....แต่การแกล้งคนที่รู้สึกดีๆด้วยนั้น.....
            ....มันเป็นอีกเรื่องเลยทีเดียว.....



          "ถ้าจูบจูนตอนนี้คงหวานน่าดู"

          "........…!!?? แค่ก!!!  "


          คำพูดหวานหยดย้อยที่ไม่มีอยู่ในบททำเอานักแสดงร่วมถึงกับชะงักก่อนจะสำลักออกมา จูนทุบหน้าอกเพราะเค้กสุดหวานเมื่อครู่มันค้างอยู่ตรงนั้นและมันทำให้อึดอัดจนหายใจไม่ออก


         "อ่ะ เฮ้ย " เคนตกใจรีบยื่นแก้วน้ำให้กับรุ่นน้อง ซึ่งจูนก็รีบรับไปดื่มอึกใหญ่

          บทบาทการแสดงทุกอย่างแทบจะหยุดอยู่ตรงนั้น แต่มือแกร่งของเคนลูบหัวลูบหลังของจูนอย่างเป็นห่วง แต่เด็กหนุ่มก็ตวัดสายตามองอย่างเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย เคนชะงักก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง รอยยิ้มกว้างที่ทำให้รู้สึกเหมือนแสงแดดที่สาดส่องลงมานั่นกำลังทำให้ดวงตาพร่ามัว แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัน เด็กหนุ่มเผลอหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
 
         "หัวเราะแล้ว....." น้ำเสียงทุ้มนั้นเอ่ยแผ่วเบา สองมือใหญ่ของเคนประคองใบหน้าได้รูปของจูนเอาไว้ก่อนจะค่อยขยับเข้าใกล้จนหน้าผากของทั้งคู่ชนกัน จูนกดคางลงด้วยพยายามจะหลบแต่ก็ทำได้แค่นั้น เขาขยับต่อไม่ได้และใบหน้าของเคนก็ใกล้มากเสียจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
 

          "คัท!!! "


          พอโชติสั่งจูนก็รีบผละจากเคนแทบในทันที เด็กหนุ่มเอนตัวออกห่างพลางหันหน้าไปอีกทางพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองให้กลับสู่ภาวะปกติจากที่เมื่อครู่อยู่ในสภาวะ “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” รอยยิ้มและท่าทางจองเคนเมื่อครู่มันทำให้เขาใจเต้น จนทำให้อดคิดไปไม่ได้ว่า คนที่อยู่ตรงหน้า คือ “เคน” เด็กหนุ่มจากบทละครที่ทำให้ “จูน” ต้องช้ำใจเพราะมักจะนอกใจอยู่บ่อยครั้ง หรือเป็น “เคน” รุ่นพี่หนุ่มนักกีฬาที่ต้องการอะไรบางอย่างจากเขากันแน่


..........................................


ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a

           แต่การถ่ายทำไม่ได้จบอยู่แค่ที่ร้านกาแฟ ถึงแม้ยุทธ์จะบ่นมากกว่าคนที่เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลเสียด้วยซ้ำว่าทั้งเขาทั้งร้อนและเหนื่อย ในขณะที่โชติที่เป็นผู้กำกับกลับยืนกรานหนักแน่นว่าจะถ่ายฉากเลิฟซีนของทั้งจูนและเคนต่อให้ได้
 
             ห้องนอนอีกห้องถูกแปลงสภาพเป็นห้องนอนของตัวละครของเคนตามท้องเรื่อง แน่นอนว่าด้วยการตกแต่งมันดูหรูหรากว่าความเป็นจริงที่เคนเคยอยู่ที่หอพักอยู่ไม่น้อย ผ้าม่านถูกดึงปิดเสียจนแสงจากด้านนอกส่องเข้ามาไม่ได้ แสงไฟในห้องก็ถูกจัดจนมืดสลัว โคมไฟที่หัวเตียงส่องแสงนวลตา เตียงนอนทั้งสองเตียงถูกดึงมาชนกันจนกลายเป็นเตียงนอนขนาดใหญ่ในขณะที่บรรยากาศภายในห้องถูกเสริมสร้างขึ้นอีกเล็กน้อยด้วยทำนองเพลงแจ๊ซที่ดังคลอเบาๆ


              “พี่โชติ.... บรรยากาศมันไม่จริงจังไปหน่อยเหรอ “ จูนรู้สึกหนาวๆร้อนๆ แทบจะในทันทีที่ก้าวเข้ามาด้านในห้อง
    
           “ก็กลัวพวกแกจะไม่อิน” โชติว่าพลางยิ้ม “ต้องขอบใจยุทธ์ที่หาสถานที่นะเนี่ย สุดยอดจริงๆ”
    
          “แน่ล่ะ กูออกแบบเองกับมือ ปรับนิดหน่อยก็ใช้ได้”ยุทธ์ว่าพลางขยับกล้องให้อยู่ในมุมที่พร้อมจะถ่ายทำ
    
          “จัดฉากซะขนาดนี้ ถามจริง อาชีพเสริมพวกมึงนี่ถ่ายวีดีโออย่างว่า?” เสียงเคนดังขึ้นจากด้านหลังของจูนทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับสะดุ้งเฮือก รีบขยับตัวออกห่างจากเคนทันที
    
          “ถ้าใช่พวกมึงก็คงเป็นเป็นดาวดัง ขายดีในหมู่เกย์แน่” เสียโชติหัวเราะเบาๆ

             “อ้อ สรุปนี่ทำวีดีโอเกย์?”  เคนถามกลับท่าทางยียวน มือแกร่งคว้าแขนของจูนเอาไว้ทันควัน “แล้วจะหนีพี่ไปไหนล่ะเมียจ๋า”

             “ใครเป็นเมียอะไร ไม่ต้องเลย ออกไปห่างๆเลย” จูนขมวดคิ้ว บรรยากาศโดยรวมก็ทำเขาขนลุกขนพองมากพอแล้วอีกฝ่ายยังจะมาแหย่ด้วยถ้อยคำบ้าๆอีก แบบนี้เขาจะทำสมาธิได้อย่างไรกัน
    
          “ยังไม่เป็น เดี๋ยวก็เป็น....... จากนี้ เอ้ย ฉากนี้ล่ะวะ” เคนกระแอมไอเบาๆ  เรียกสายตาค้อนจากจูนได้ไม่น้อย
    

             ....ปึง! ….



            เสียงกระแทกดังขึ้นเรียกความสนใจของทุกคน ยุทธ์เพิ่งจะกระแทกเก้าอี้ลงกับพื้นด้านหลังขาตั้งกล้องอย่างแรง
    
         “พร้อมจะถ่ายกันได้หรือยัง จูน....ทำใจดีแล้วหรือยัง”
    
          “อ่ะ...ผม... ผม....” เด็กหนุ่มดูเหมือนลังเล
          “ผมขอเวลาอีกแป๊บนึง....” ร่างสูงโปร่งเดินไปที่มุมห้อง โชติมองตามหลังรุ่นน้องของตัวเองไปก่อนจะเดินเข้าไปอยู่ใกล้ๆ มือหนึ่งตบไหล่ของเด็กหนุ่มเบาๆ
    
          “ใจเย็นๆไอ้น้อง ตั้งสติ คิดซะว่านี่ไม่ใช่ตัวแก แล้วไอ้ที่ยืนทำหน้าเป็นควายถึกโง่ๆอยู่ตรงโน้น.....”
    
          “ไอ้ห่าโชติ กูได้ยินนะมึง”  เสียงเคนดังขึ้น แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงมือของโชติที่โชว์นิ้วกลางให้เท่านั้น
    
          “ไม่ต้องไปฟังมัน.... “โชติหันกลับมากระซิบที่ข้างหูของจูนอีกครั้ง
          “อย่าไปคิดอะไร ตอนนี้ ที่แกต้องคิด คือแกคือ ”จูน” เป็น”ผู้หญิง” ที่กำลังมีความรัก ทุกอย่างสวยงามความรักทำให้มีความสุขและพร้อมจะให้ทุกอย่างกับคนที่รัก เข้าใจไหม......” ผู้กำกับของชมรมค่อยเอ่ยอย่างใจเย็นมือพลางลูบไหล่ของจูนเบาๆหวังจะให้นักแสดงของตัวเองสงบลง

          “ตั้งสติจูน พี่รู้ว่าแกทำได้....แกทำได้ใช่ไหม ตอบพี่สิ”
    
          “..................... “ ไม่มีเสียงตอบรับมีเพียงแค่การพยักหน้าเบาๆจากเด็กหนุ่ม
    
          “ดีมาก............”

          ผู้กำกับร่างเล็กยิ้มน้อยๆ ก่อนจะขยับถอยออกมา โชติอยากจะปล่อยให้จูนสงบสติอารมณ์และกลับมาเข้าถึงบทบาทของตัวเองอีกครั้ง เขารู้ว่าจูนมีปัญหาเรื่องการแสดงให้เข้าถึงบทบาท สิ่งที่ผู้กำกับพอขะทำได้คงมีแค่ช่วยผลักดันให้นักแสดงของตัวเองไปถึงจุดที่ใกล้เคียงที่สุด แต่ทั้งนั้ทั้งนั้นคงขึ้นกับการทำความเข้าใจของตัวเด็กหนุ่มเองด้วย
    
          “เดี๋ยวผมขอไปอยู่ห้องโน้นแป๊บ......” เสียงจูนดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงโปร่งที่ใส่ชุดกระโปรงผู้หญิงมาทั้งวันและยังคงอยู่ในสภาพนั้น เดินออกจากห้องนอนนั้นไป  เขาแค่ต้องการที่สงบๆในการสงบจิตสงบใจก็เท่านั้น


....................................................


          ในห้องนอนของจูนและเคน เด็กหนุ่มหยุดยืนนิ่งอยู่ที่หน้ากระจกในห้องน้ำ เขายืนจ้องกระจกอยู่นอนก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกได้ว่าปลายนิ้วกำลังสั่นและเขาเองก็กำลังพยายามจะหยุดอาการนั้น


          “โธ่เอ้ย ไอ้จูน”


          จูนรู้สึกได้ว่าใจของเขากำลังสั่น อะไรบางอย่างในตัวของเขาทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นกับฉากเลิฟซีนเล็กๆและบทพูดสั้นๆ ทั้งๆที่มันก็เป็นแค่หนังสั้นนักศึกษาต้นทุนต่ำ เขาไม่น่าจะต้องจริงจังแต่อย่างใด ความจริงมันควรจะสนุกสนานและกลายเป็นเพียงแค่เรื่องขำขันหากไม่ใช่เป็นเพราะความรู้สึกบางอย่างของนักแสดงร่วมของเขาที่เปลี่ยนแปลงไป...เขารู้สึกได้ถึงแรงปรารถนาบางอย่างที่เคนส่งมา ความปรารถนานั้นอาจเป็นสิ่งที่โชติเองก็ต้องการให้เขาสื่อออกไปให้ได้เช่นกัน และนั่นทำให้เขากลัว...มากเหลือเกิน


        …..เรื่องแบบนั้น....
            .....จะไปทำได้ยังไง.....

 



......................................................


    อีกด้าน หลังจากที่จูนเดินออกไปแล้ว


              “เฮ้ย โชติ ถ้าน้องมันไม่ไหวก็พักก่อนป่ะ จะอยู่ต่ออีกสักวันสองวันคงไม่เป็นไรมั้ง” ยุทธ์คว้าแขนของโชติเอาไว้

              “ไม่เป็นไรหรอก มันทำได้เชื่อกูสิ”

              “................กูแค่ไม่อยากให้มันฝืนใจเล่น”  ยุทธ์พึมพำเบาๆเมื่อเห็นท่าทางมั่นใจแบบนั้นของเพื่อนสนิท

              “ตอนถ่าย มึงจะออกไปก็ได้นะ.... กูก็ไม่อยากฝืนใจมึงให้ต้องมาดู”

             “ไอ้โชติ.....” ยุทธ์เบนสายตากลับมามองหน้าของอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจก่อนประกายในแววตานั้นจะไหววูบเปลี่ยนเป็นมองหน้าของเพื่อนสนิทด้วยสายตากร้าว


             ....รู้ทั้งรู้แท้ๆ.... 



              “ชิ........” เสียงยุทธ์จุปากอย่างขัดใจก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง


    พลันบรรยากาศในห้องที่ถูกเช็ตให้เป็นฉากในการถ่ายทำก็เงียบลงทันตา โชติเดินเล็งมุมกล้องอยู่ทางหนึ่ง ในขณะที่ยุทธ์ก็เบือนหน้าหนีไปอีกทาง ในขณะที่เคนก็กำลังวิดพื้นรอที่จะเข้าฉากด้วยท่าทางกระตือรือร้น ยุทธ์เห็นพ่นลมหายใจออกมาอย่างนึกหมั่นไส้


             “จะฟิตกล้ามไปไหน หมีควาย แค่นี้ก็เสื้อจะแตกละ”

              “เสื้อไม่แตกเว้ย กล้ามกูแค่สวยพองาม ไม่ใช่ชายงาม” เคนหันมายักคิ้วใส่พลางถลกเสื้อโชว์หน้าท้องฟิตมีลอนกล้ามสวยงามให้อีกฝ่ายเห็น
             “ดูดิ่....... ดูดิ่........”
    
            “อุจาดลูกตา ใครจะอยากดูกล้ามมึงสาด” ยุทธ์แทบจะหาอะไรแถวนั้นขว้างใส่หัวของเคนแทบไม่ทัน

              “ด่าไปเหอะ กล้ามมัดใจหญิงสะท้านใจชายนะเว้ย” เคนยังไม่หยุดคุยโว

              “ชายไหนมันจะสะท้านกับมึงวะ” ยุทธ์หันไปถามอย่างหงุดหงิด เขาชักจะไม่อยากทนกับท่าทางกวนๆของเพื่อนหน่มนักกีฬาคนนี้เสียแล้ว

              “อันนี้ก็ต้องรอดู................” เคนเอ่ยริมฝีปากบางนั่นหยักเป็นรอยยิ้มเย็น ดวงตาคมคู่นั้นเป็นประกายและจับจ้องไปที่ด้านหลังทำให้ยุทธ์ต้องหันกลับไปมอง จูนยืนอยู่ตรงหน้าประตูท่าทางประหม่าแต่ก็ดูดีกว่าเมื่อครู่นี้มาก

               “..................พี่โชติ....ผมพร้อมละ”  แต่ก่อนที่จะได้มีใครพูดอะไรต่อ เสียงของจูนก็ดังขึ้นมาเรียกความสนใจให้ทุกคนกลับไปมองร่างสูงโปร่งนั้นยืดตรงต่างจากเมื่อครู่ที่ยังงอไหล่น้อยๆ เหมือนอย่างทีจูนมักจะทำทุกครั้ง

               “เห็นไหม...น้องมันพร้อมแล้ว ไอ้ยุทธ์แกก็ห่วงมันเกินไป โธ่เอ้ย ” ผู้กำกับร่างเล็กยิ้มเสียจนจะมองไม่เห็นตา ก่อนจะเดินไปอีกทาง

               “ดี งั้นเรามาถ่ายกันเลย” ดูเหมือนเคนจะเป็นคนเดียวที่เฝ้ารอคอยการถ่ายทำครั้งนี้อย่างที่เรียกได้ว่าตั้งตารอ ท่าทางที่เขาพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีนั้นทำให้ทั้งสามคนต้องหันไปมองอย่างระอา ก่อนจะพร้อมใจกันเมินท่าทางน่าหมั่นไส้อย่างไร้กาลเทศะของเคนอย่างเห็นได้ชัดจนร่างสูงต้องร้องประท้วง

               “เฮ้ย พวกมึง...เล่นเมินกูงี้เลยเหรอ”

               “เงียบๆไปเลย จะถ่ายแล้ว มึงเองก็จำบทให้ได้แล้วก็ให้มันอยู่ในบทด้วย “เคน “ในบทมันไม่กวนตีนเท่ามึงหรอกนะ” เสียงโชติเอ่ยปรามยิ่งทำให้เคนต้องเบ้หน้าก่อนจะเดินไปอีกทาง


               “เล่นดีขึ้นมามึงอย่ามาด่ากูก็แล้วกัน”




........................................................to be continued

ออฟไลน์ shiawase

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ฉากต่อไปพี่เเคนจะกลั้นใจไม่นอกบทได้มั้ยเนี้ย~~  น้องจูนหวั่นไหวแย่แล้วจะโดนหมีควายถึกขย้ำแล้ว~~

คุณผู้กำกับกับตากล้องนี่ก็ซับซ้อนเหลือเกิน  เค้าลุ้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

ว่าแต่  พี่โชติจะรีบถ่ายขนาดนี้ทำไม  ต้องการอะไร   ประชดพี่ยุทธ์??

ฉับฉน~~~


asarigb

  • บุคคลทั่วไป
มันช่างสะใจประโยคนี้
“จะฟิตกล้ามไปไหน หมีควาย แค่นี้ก็เสื้อจะแตกละ”  ฮ่าๆๆๆๆ :laugh:
พี่ยุทธ์ไม่เข้าใจหรอกค่ะ พี่ไม่มีกล้าม ฮ่าๆๆๆ
ส่วนน้องจูนก็หวั่นไหวตลอดตล๊อดๆ อิพี่เคนก็หยอดตลอดตล๊อด เล่นนอกบทตลอดตล๊อด // ยาวไป55555
ส่วนพี่โชติกับพี่ยุทธ์เนี่ยซับซ้อนนะ พวกพี่จะเอายังไงกัน
เหมือนหึง เหมือนหมั่นไส้
ตอนนี้ค้างงงงงงงงงงงงงง อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก  :katai4:

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@ talk @@@
เดี๋ยวนี้สปีดตก ...งานเยอะจริงๆขอโทษด้วยค่ะ
ปั่นได้เดือนละตอน แต่ก็หวังว่าจะเป็นตอนที่พอจะมีคุณภาพบ้าง
อย่างว่า เรื่องนี้ เนื้อหาเรื่อยๆ มันก็เหมือนกับความสัมพันธ์ของคนนั่นล่ะค่ะ
พีจังไม่เชื่อในรักรถไฟเหาะตีลังกา หวาดเสียวได้ทุกสามบรรทัด ลองมาอ่านนิยายแนวเรื่อยๆ
พักใจกันนะคะ

ป.ล. ขอคอมเม้นต์บ้างเถิด รักคนอ่านทุกคนค่ะ
.................................................

-32-
อะไรคือรัก 


                 “แอคชั่น!! “

              ถึงปากจะพูดไปอย่างมั่นใจในการแสดงของตัวเอง แต่ในใจตอนนี้กลับเต้นไม่เป็นส่ำ เคนถูมือที่เปียกชื้นกับกางเกงยีนส์ที่ใส่อยู่ ฉากเลิฟซีน “สั้นๆ” ของยุทธ์นั้นถึงจะเขียนด้วยความยาวเพียงแค่ไม่กี่บรรทัดตามที่เจ้าตัวเคยเอ่ยทีเล่นทีจริงไปเมื่อตอนบอกว่าจะเพิ่มบทแต่พอมาอ่านเข้าจริงๆ มันมีกิริยาท่าทางหลายอย่างที่แม้แต่ตัวเองยังไม่เคยจิตนาการมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการจูบกับ”จูน” ลูบไล้เบาๆที่แขนของ”จูน” ประทับริมฝีปากลงไปบนอกของ”จูน” หรือแม้แต่นอนกอดกับ”จูน”บนเตียงด้วยร่างที่เปลือยเปล่า



              ....อย่างน้อยก็ไม่เคยคิดจะกระทั่งเร็วๆนี้....

    
          ชายกระโปรงวับแวบขยับไหวเข้ามาในสายตา เคนค่อยเงยหน้าขึ้นมองจากล่างไล่เรื่อยขึ้นมาจนสบตากับ “จูน” ดวงนั้นเป็นประกายแปลกตา ไม่ได้มองมาอย่างระแวงระวัง หรือจ้องแต่จะต่อว่าตัดรอนเขาเหมือนทุกที ตรงกันข้ามกลับเป็นประกายด้วยความรู้สึก “รัก” อย่างเต็มเปี่ยม ขนตาหนานั้นขยับเบาๆดูเขินอายเล็กๆ ก่อนที่มือเรียวนั่นจะยื่นเข้ามาจับมือชื้นเหงื่อของเขาแนบลงที่ค้างแก้ม

              “รักจูนไหม....”  ไม่พูดเปล่าริมฝีปากสีสวยนั้นจูบลงมาเบาๆบนมือ
    
          “...... “   หนึ่งคำและหนึ่งสัมผัสนิ่มนวลนั้นแทบทำให้ลืมบทและลืมลมหายใจ หัวใจของหนุ่มนักกีฬาบีบตัวแรงเสียจนกลัวว่าไมค์ที่ใช้บันทึกเสียงนั้นจะจับเสียงอวัยวะที่สั่นระรัวอยู่ในอกได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องตั้งสติ! เพราะนี่มันคือ....สิ่งที่เขารอคอยมาตลอดไม่ใช่หรือไง!!


              “อื้ม.....” เคนพยักหน้ารับคำไปตามบทพลางก้มลงเล็กน้อยใช้หน้าผากชนกับหน้าผากของคนรักในบทเบาๆ ก่อนจะขยับเล็กน้อยเพื่อจูบแผ่วผ่านที่ปลายจมูกโด่งนั่นอย่างนึกเอ็นดู เขานอกบท...เหมือนอย่างทุกครั้ง และคิดว่าอีกฝ่ายคงทำหน้าหงิกด้วยความไม่พอใจเหมือนอย่างทุกทีแต่ก็หาได้เป็นแบบนั้นไม่ เด็กหนุ่มตรงหน้าเพียงแค่หัวเราะเบาๆด้วยท่าทีราวกับสาวน้อยที่กำลังเขินอาย ก่อนที่”จูน”จะยกมือข้างหนี่งมาโน้มคอของเขาลงไปอีก ริมฝีปากที่เคลือบสีอ่อนใสนั้นสัมผัสแผ่วผ่านหากแต่รับรู้ได้ชัดเจนถึงความนุ่มนวลนั้น
    
           ทันใดนั้นเองที่ใจของชายหนุ่มร่างสูงสั่นไหวแล้วสั่งให้สองมือยื้อใบหน้าได้รูปของอีกฝ่ายเข้ามามอบจูบที่จริงจังกว่าเดิมให้ เคนเม้มริมฝีปากลงบนริมฝีปากอ่อนนุ่มของจูน ผละออกเพียงเล็กน้อยก่อนจะประกบลงไปอีกครั้งและอีกครั้ง ได้ยินเสียงลมหายใจของนักแสดงคู่เริ่มติดขัดแต่ร่างกายของเขากลับยังไม่อยากจะหยุด!

            “คัท!”

            เสียงโชติสั่งคัทตัดอารมณ์ทุกอย่างของเพื่อนร่างสูงจนขาดสะบั้น เช่นเดียวกับสัมผัสนุ่มบนริมฝีปากที่ละออกห่างแทบจะในทันทีเมื่อสิ้นเสียงของผู้กำกับประจำกองถ่าย เคนจำเป็นต้องปล่อยมืออย่างนึกเสียดายจากเบื้องลึกของหัวใจ พอเหลือบมองเด็กหนุ่มในชุดกระโปรงที่อยู่ตรงหน้าก็เห็นเพียงแค่ร่างสูงโปร่งที่ค่อยถอยออกห่างซ่อนใบหน้าแดงก่ำเอาไว้ใต้วิกผมยาวที่ปรกลงมา

              “เล่นดีมาก....” โชติพอใจกับสิ่งที่นักแสดงทั้งสองของเขาแสดงออกมา เขารู้สึกใจเต้นตึกตักตามไปด้วยเมื่อตอนที่จูนถามว่าเคนรักไหม และท่าทีที่เคนแสดงตอบกลับนั้นก็สมจริงที่สุดเท่าที่มนุษย์จอมลืมบทคนหนึ่งจะแสดงออกมาได้
 

             “มากเกินพอ....” เสียงยุทธ์เอ่ยเสริมความทั้งๆที่ไม่มีใครถาม ใบหน้าที่มักมีรอยยิ้มชวนให้เข้าหานั่นดูบึ้งตึงราวกับไม่อยากจะนั่งอยู่ตรงนั้นสักเท่าไร
    
          “ให้มันน้อยๆหน่อย ยุทธ์ ไม่เห็นเหรอว่าพวกมันก็พยายามเต็มที่” โชติหันไปดุเพื่อนก่อนจะทำท่าให้ยุทธ์ถอยออกจากหลังกล้องเพื่อให้เขาได้เช็คภาพที่เพิ่งจะถ่ายไป
         
           “จูน เคน พวกแกจะเช็คที่ถ่ายไหม” โชติเงยหน้าขึ้นมาถาเมื่อเดินไปเช็คภาพที่เพิ่งจะถ่ายไปเมื่อครู่
    
       
        “มะ...ไม่ล่ะครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยพลางยกหลังมือขึ้นเช็ดริมฝีปากที่ฉ่ำชื้นของตัวเองหัวใจยังเต้นไม่เป็นส่ำ
        “ว่าแต่ใกล้จะ มะ...หมดรึยังอ่ะพี่โชติ “จูนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เขายังพยายามหายใจให้เป็นปรกติอยู่เลยแต่ก็พยายามทำให้ตัวเองสงบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขายังมีบทที่จะต้องเล่นต่อไปอีกถ้าหากเกิดเสียสมาธิไปเสียตอนนี้ทุกอย่างคงต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด....และเขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้นสักเท่าไร
    
     
          “ลืมบทหรือไง เหลืออีกเพียบเนี่ย..เดี๋ยวจะถ่ายตอน”จูน”ถอดเสื้อให้เคน แล้วเคนก็ถอดเสื้อให้จูนนะ แล้วยังมี
ซีนบนเตียงอีก” ผู้กำกับตอบพลางหยิบบทขึ้นมาดู ดูท่าตอนนี้จะไม่มีอะไรมาหยุดโชติจากการถ่ายทำครั้งนี้ได้อีกแล้ว สีหน้าท่าทางของโชติตอนนี้นั้นเอาจริงและดูมีความสุขเสียจนจูนไม่กล้าจะเอ่ยปากขึ้นขัด 

             “ครับ....” เด็กหนุ่มรับคำเสียงเบาก่อนเดินกลับไปยืนประจำที่ของตัวเองเหมือนเดิมสูดลมหายใจเข้าลึกและพยายามทำสมาธิอีกครั้ง
    
          “รอบนี้จะถ่ายใกล้นะ ไม่ต้องสนใจพวกกู ไม่ต้องสนกล้องพวกมึงเล่นตามบทยาวไปจนจบซีนเลยจะลองถ่ายแบบไม่สั่งคัทดู” โชติเดินเข้ามาอธิบายต่ำแหน่งของกล้อง การวางท่าทางอีกเล็กน้อย ซึ่งนักแสดงทั้งสองของเขาก็ดูจะพยักหน้ารับคำกันเป็นอย่างดี....
    
         
          ทั้งจูนและเคนยืนเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ชายหนุ่มร่างสูงสบตากับเด็กหนุ่มรุ่นน้องนิ่งก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม   
    

         “ไม่ต้องกลัวน่า ทำไปตามบท นึกเสียว่าไม่ใช่พี่ก็ได้....”
    
         
         ไม่มีคำตอบจากคนตรงหน้าจูนเพียงแค่พยักหน้าลงเบาๆ เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ปลายนิ้วกางออกก่อนเปลี่ยนเป็นกำมือแน่นสลับไปมา แม้จะไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าแต่เคนรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังประหม่าซึ่งก็คงจะไม่ต่างจากตัวเองเท่าไรนักหัวใจในอกตอนนี้ยังเต้นไม่เป็นจังหวะเช่นเดียวกัน


            “นักแสดงพร้อม...กล้องพร้อม.....แอคชั่น!”


           จูนค่อยเงยขึ้นมองหน้าของเคน ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อบางดูเบาสบายตัดกับเสื้อกล้ามสีเข้มที่สวมอยู่ด้านใน ดวงตาคมที่มองมานั้นมีความหมายแต่เด็กหนุ่มกลับไม่กล้าสบตา เขาขยับเข้าไปใกล้พิงหน้าผากลงบนช่วงไหล่กว้างของร่างสูง เมื่อสูดลมหายใจเข้าได้กลิ่นหอมอ่อนๆผสมกับกลิ่นกายแบบนักกีฬา สองมือโอบร่างสูงเข้าหาตัวปลายนิ้วลากเรื่อยจากแผ่นหลังของเคนลงมาที่ท่อนแขนแกร่งแผ่วเบาหากแต่ดูเย้ายวนซุกซนอย่างประหลาด แด็กหนุ่มประทับริมฝีปากลงบนอกกว้างส่งสัมผัสอุ่นจนเกือบร้อนผ่านผิวผ้าบาง ดวงตาคู่สวยเหลือบมองใบหน้าของเคนเล็กน้อยพร้อมมุมปากที่หยักยิ้ม ก่อนขยับปลายนิ้วที่สั่นเล็กๆเลื่อนลงที่กระดุมเสื้อเชิ๊ตของเคนออกอย่างอ้อยอิ่ง 
    
        “..........................” เป็นเคนเองที่สูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าท่าทางและดวงตาของคนที่อยู่ตรงหน้ากำลังทำให้ใจของเขาสั่นไหว ยิ่งเมื่อสองมือของจูนค่อยๆสอดเข้ามาปลดเสื้อเชิ้ตของเขาลงแม้เป็นเวลาไม่กี่อึดใจ แต่สำหรับเคนแล้วกลิ่นกายของเด็กหนุ่มนั้นก็ทำให้เวลาดูจะผ่านไปนานจนยากจะคาดเดา เขาตัดสินใจผละออกจากอีกฝ่ายเพียงเล็กน้อยเพื่อตลบชายเสื้อกล้ามตัวในขึ้นแล้วโยนไปอีกทาง
    
       
        ร่างสูงจะค่อยขยับเข้าไปจูบแผ่วเบาลงบนวิกผมของอีกฝ่ายมือแกร่งประคองทั้งสองไหล่ของจูนเข้าหาตัวก่อนที่มือแกร่งจะขยับลงไปตามแนวสันหลังค่อยๆปลดแนวกระดุมยาวที่ด้านหลังของชุดออกแต่ก็ปลดได้ไม่หด เพราะวิกนั้นยาวลงไปจนถึงกลางหลังเขากลัวว่ามันจะเข้าไปพันกับกระดุมเสียก่อน เคนจึงค่อยๆจับให้จูนหันหลังมือแกร่งรวบผมยาวไปอีกทางเผยให้เห็นต้นคอขาวเนียน และแผ่นหลังขาวที่ดูวับแวมเพราะชุดที่ปลดกระดุมไปได้เพียงครึ่ง เคนค่อยดันเม็ดกระดุมออกจากรังดุมทีละเม็ด ทีละเม็ด จนถึงเม็ดสุดท้ายที่บั้นเอว นึกอัศจรรย์ใจเล็กๆที่จูนใส่ชุดนี้เองได้โดยไม่เรียกให้เขาไปช่วยใส่...หรือบางทีจูนอาจจะให้โชติช่วยใส่...แต่ก็ช่างมันประไรเพราะในตอนนี้เขากำลังจะถอดมันออก
    

           เคนสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนสอดมือเข้าไปใต้ผิวผ้าของชุดเดรสสีส้มอิฐ  ค่อยๆมันปลดมันออกจากไหล่ที่มีกล้ามเนื้อได้รูปของเด็กหนุ่ม รู้สึกได้ว่าเจ้าของแผ่นหลังนั้นกำลังสั่นน้อยๆ ทำให้นึกเอ็นดูอย่างประหลาด ชายหนุ่มร่างสูงแตะริมฝีปากลงบนด้านหลังต้นคอของอีกฝ่าย
    
          ทุกอย่างเป็นไปตามบท เคนแสดงได้อย่างน่าทึ่งด้วยท่าทางที่หากพวกผู้หญิงได้เห็นคงพากันเคลิบเคลิ้มไปกับใบหน้านิ่งหากแต่ดูอบอุ่นอยู่ในทีเช่นนั้น ทั้งๆที่เนื้อแท้ข้างในใจของเคนกำลังกระโจนโลดแล่นด้วยแรงขับดันบางอย่าง
ว่าเขาจะต้องกอดจูน และต้องกอดอีกฝ่ายบนเตียงนี้เท่านั้น สองแขนแกร่งโอบร่างของเด็กหนุ่มเข้ามาหา อ้อมแขนแกร่งนั้นแทบจะกลืนเอาร่างของอีกฝ่ายเอาไว้กับอก ร่างสูงโปร่งตวัดยกร่างนั้นด้วยกำลังแขนเสียจนอีกฝ่ายตัวลอย
    

          “อ้ะ.....”
          เสียงจูนอุทานด้วยความตกใจ แต่เมื่อครองสติได้อีกครั้งมุมมองทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเสียแล้ว เขามองเห็นเพดานที่สะท้อนแสงไฟจากโคมไฟ ก่อนเงาดำใหญ่จะทาบทับลงมา และที่ลอยเด่นอยู่ต่อหน้าคือใบหน้าคมคายของเคน คิ้วได้รูปรับกับดวงตาคมเป็นประกาย จมูกโด่งเป็นสัน กรอบหน้าคมชัดและริมฝีปากบางที่หยักเป็นรอยยิ้มน้อยๆนั่นขยับใกล้เข้ามา และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจจากร่างสูงที่ขยับกายทาบทับ เด็กหนุ่มเผลอหลับตาแน่นทันที


             “คัท!!!”

 
          สิ้นเสียงสั่งคัทของโชติ จูนที่ถูกจับลงไปนอนกับเตียงรีบยกมือขึ้นดันให้เคนขยับถอยออกจากตัว ก่อนรีบเบี่ยงตัวหลบลงจากอีกฝั่งหนึ่งของเตียงนอน เมื่อก้มลงมองตัวเองอีกทีก็พบว่าชุดเดรสที่เพียรใส่มาทั้งวันนั้นเกาะอยู่กับตัวเขาเพียงแค่ครึ่งล่างเท่านั้น

 
              “...................” ไม่มีเสียงบ่นกระปอดกระแปดเหมือนทุกครั้งเพราะจูนมัวแต่นั่งหน้าแดงอยู่มุมหนึ่งของเตียง ในขณะที่อีกคนที่เพิ่งจะใช้แรงช้างสารยกนักแสดงร่วมด้วย”อารมณ์”ล้วนๆก็กำลังหันไปสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่เช่นกัน


              ยุทธ์และโชติมองดูภาพของนักแสดงทั้งสองที่นั่งกันอยู่คนละฝั่งเตียงนิ่ง มันน่าอึดอัดเกินไปท่ามกลางห้องนอนแคบๆที่มีผู้ชายสี่คนอยู่ในห้องกันอย่างสงบปากสงบคำ ไม่มีการบ่น ไม่มีคำต่อว่าเหน็บแนมเรื่องการแสดงกันเหมือนทุกครั้ง และไม่เลยที่จะมีใครหันไปสบตากัน บางทีทุกคนอาจจะกำลังคิดว่าการถ่ายทำหนังสั้นในครั้งนี้


              ....อะไรๆมันดูจะสมจริงเกิดเหตุไปหน่อยแล้ว....


              “จะพอก่อนไหมโชติ....” ในที่สุดยุทธ์ก็ตัดสินใจเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบ  “กูว่าไม่ไหวแล้วว่ะ แม่งเหนื่อยก็เหนื่อย ร้อนก็ร้อน เมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยหลับเท่าไร มึงเองก็ควรจะพักเหมือนกัน”
    
          “ชะ...ใช่ครับพี่โชติ ผมว่าพอก่อนเถอะ ไม่ไหวแล้วอ่ะ ห้องร้อนมาเลยเนี่ย เหงื่อออกวิกเปียกจนเชื้อราจะขึ้นหนังหัวแล้ว” ประหนึ่งเพิ่งจะตั้งสติได้จูนหันมาขอร้องรุ่นพี่ยาวเหยียด
    
          “อ่ะ....เอางั้นเหรอ.....” โชติเหลือบมองแอร์ในห้องที่เปิดเร่งจนสุดเสียจนแม้แต่ตัวเองยั่งขนลุก แต่น่าแปลกที่ทั้งยุทธ์กับจูนต่างพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่าห้องนั้นร้อน


                ....คนนึงก็ดูท่าจะร้อนใจ....
               .....อีกคนนึงก็ท่าจะร้อนกาย...

              โชติคิดก่อนจะเหลือยไปมองทางเคน ชายหนุ่มร่างเล็กถอนหายใจออกมาเบาๆ

           
              ....ไอ้นั่นก็ท่าจะร้อนเพราะตัณหากลับ....



              “เออ...วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้” หลังจากนิ่งอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดโชติก็ยอมตกลงที่จะยกเลิก ชายหนุ่มพับบทหนังวางไว้บนโต้ะข้างเตียง ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต้ะเครื่องแป้งอย่างอ่อนแรง ท่าทีที่ดูจะยอมง่ายๆให้กับคำขอของทั้งเพื่อนและรุ่นน้องทำให้ทั้งสามคนต้องหันไปมองหน้าผู้กำกับอย่างงงๆ


              “มองอะไรเล่า ไป จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรก็ไปกันสิ...จะได้ไปหาอะไรกินกัน”
     

            “งั้นผมไปเปลี่ยนเสื้อก่อน...” จูนเอ่ยพลางลุกพรวดขึ้นจากเตียง สองมือกอบเดรสกระโปรงผ้าเนื้อโปร่งที่ตกไปกองอยู่ที่บั้นเอวพลางก้าวยาวๆจะเดินออกไปจากห้องแต่เพราะความยาวของกระโปรงก็ทำให้สะดุดชายกระโปรงไปอีกสองสามเก้า


            “ฮึ่ย !!! “ เด็กหนุ่มร้องอย่างขัดใจแต่ก็รีบสาวเท้าเดินออกจากห้องไป


           “อะไรของมัน” โชติเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะทั้งๆที่เข้าใจดีว่าที่จูนดูเงอะงะงุ่นง่านแบบนั้นมันน่าจะเป็นเพราะอะไร...และเพราะใคร


................................................................



             “สุดท้าย คนที่เหนื่อยที่สุดก็คือเจ้าตัวนั่นล่ะนะ....”  เคนเอ่ยขึ้นเบาๆ

     
             กว่าโชติจะยอม เลิกเช็คภาพเลิกเก็บของหยุดกิจกรรมทุกอย่างก็ปาไปเย็นย่ำ พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปเสียแล้ว และคนที่บอกว่า  ‘จะได้ไปหาอะไรกินกัน’   กลับหน้ามืดลมจับแทบจะทันทีที่พยายามจะเดินออกจากบ้านไปหาอะไรกิน จนในที่สุดก็ต้องบังคับให้นอนพักกับเตียงที่ยังจัดเป็นฉากสำหรับกายถ่ายทำ ผลกรรมทั้งหลายเลยตกมาอยู่กับจูนและเคนที่ต้องเป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์กันออกมาหาเครื่องดื่มสำหรับมื้อเย็นที่ตั้งใจว่าจะทำอาหารทะเลปิ้งย่าง

              “อื้ม ไม่รู้อะไรทำให้อยากถ่ายให้เสร็จนัก....” จูนว่าพลางหยิบเครื่องดื่มลงใส่ในตระกร้า ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆเคนก็เอาคางมาเกยไหล่มองดูของที่อยู่ในมือและในตระกร้า
    
          “ออกมาซื้อทั้งทีกะจะกินแต่น้ำอัดลมรึไง....”
    
          “ละ...แล้วพี่จะกินอะไรล่ะ” จูนถามกลับทันควันโดยไม่ได้หันกลับไปมองหน้าของอีกฝ่าย อันที่จริงตั้งแต่หลังจากการถ่ายทำเขาก็ยังไม่กล้ามองหน้าของเคนตรงๆอีก มันเหมือนกับว่าหากสบตากับดวงตาคู่นั้นแล้วสัมผัสทุกอย่างที่รู้สึกได้ตอนเข้าฉากจะกลับมาอีกครั้ง และมันทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว......เขาไม่อยากจะรู้สึกแบบนั้น และเพราะเป็นอย่างนี้ตลอดทางที่นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์อีกฝ่ายมาถึงที่ร้านนี่ถึงได้ตอบแบบถามคำตอบคำมาตลอด
    
         “กินนี่ไง....” สัมผัสเย็นเฉียบจากขวดเบียร์แตะที่ข้างแก้มทำเอาจูนต้องถอยเท้าหนี
    
        “พี่เคน เล่นอะไร....” ดวงตารีเรียวตวัดมองหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจทันที
    
         “......... “ แต่เป็นคนที่เล่นพิเรนทร์เองที่ยืนนิ่งก่อนจะยิ้มน้อยๆ
         “แบบนี้สิค่อยเป็นแกหน่อย.....” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆก่อนจะฉวยตระกร้าในมือของจูนไปถือเสียเอง ร่างสูงเดินไปเปิดตู้ใส่เบียร์พลางหยิบเอาของมึนเมาออกมาใส่ในตระกร้า


               ‘พี่หมายความว่ายังไง....’ 
 
 
              จูนอยากจะถามออกไปแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้ถามเมื่อเหลือบไปเห็นว่าเคนกำลังจะกวาดเบียร์ทั้งชั้นลงมาใส่ตระกร้า
     
          “เอ้ย หยุดๆ พอเลย นี่คิดจะดื่มอะไรนักหนาพรุ่งนี้ก็มีถ่ายอีก”
    
         “นิดๆหน่อยๆเองน่า....คืนนี้กินนิดหน่อย พรุ่งนี้ค่อยกินเยอะๆไง” เคนยิ้มกว้างท่าทางอารมณ์ดีจนน่าประหลาด จูนเห็นแบบนั้นก็ทำได้แต่เบะปากอย่างเหนื่อยหน่ายกับท่าทีของผู้ชายตรงหน้า

            “จะทำยังไงก็เชิญเลย ช่วยกันถือกลับไปด้วยก็แล้วกัน” เด็กหนุ่มพูดพลางเดินไปอีกทางมองหาขนมสำหรับคืนนี้ และยอมเก็บคำถามเมื่อสักครู่เอาไว้ในใจ


   

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-05-2014 03:29:38 โดย goldfishpka »

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
(ต่อ )

          บ้านในสวนด้านลึกเข้าไปในซอยมีแสงส่องสว่างอยู่ที่ประตูรั้วเหล็กด้านหน้าบ้าน มองลึกเข้าไปด้านในท่ามกลางต้นไม้ที่ปลูกล้อมเอาไว้เห็นแสงเรืองจากบานหน้าต่างขนาดใหญ่ ยุทธ์อาจจะเป็นคนเดียวที่กำลังง่วนอยู่ที่ลานด้านหลังบ้านและโชติอาจจะกำลังพยายาทำน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดอยู่ก็เป็นได้ อย่างน้อยก็ถ้าโชติมีแรงพอจะลุกไหว ยุทธ์ก็คงจะยอมให้โชติทำได้อยู่แค่นั้น   เสียงมอเตอร์ไซค์คันเก่าของน้าพรที่เคนค่อยขี่อย่างระมัดระวังต่างจากทุกทีที่มักจะขี่เร็วเสียจนคนซ้อนท้ายรู้สึกหวาดเสียวพาทั้งสองคนมาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
    
        “ถึงสักที หนักนะเนี่ย....” จูนบ่นเบาๆเพราะเป็นคนหอบทุกอย่างเอาไว้ในมือด้วยกลัวว่าน้ำหนักของกระป๋องทั้งหลายจะทำเอาถุงขาดกลางทางไปเสียก่อน
    
         “มา....พี่ช่วยถือ” มือแกร่งยื่นมาฉวยถุงพลาสติกที่ซ้อนกันหลายชั้นจากร้านสะดวกซื้อ ก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายไปยังหน้าประตูบ้าน ปากก็คอยบอกให้จูนระวังทางเวลาเดินเพราะแสงจากหน้าบ้านนั้นส่องมาไม่ถึงทางเดินผ่านสวนเข้าไป
    
         “ระวังด้วย.....เดี๋ยวจะล้มหน้าคว่ำไปซะก่อนจะได้กิน”
 

             จูนส่งเสียงรับในลำคอเบาๆ เขาเหลือบมองตามแผ่นหลังกว้างของเคน ในใจของเขายังเปี่ยมไปด้วยความสงสัย ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงพูดกับเขาแบบนั้นตอนที่อยู่ในร้านสะดวกซื้อ และก็อดรนทนไม่ไหวเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงที่ดังพอที่คนสองคนจะได้ยิน

 
              “ ที่พี่พูดในร้าน เมื่อกี้ มันหมายความว่ายังไงเหรอ”
    
           “หืม? “ เคนรับคำเสียงสูงก่อนจะหันกลับมามอง เมื่อเดินเข้ามาใกล้ตัวบ้านแสงไฟสีส้มอ่อนกระทบลงบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม คิ้วที่กันจนได้รูปขมวดเข้าหากันน้อยๆ ปลายจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันเล็กๆด้วยความประหม่า และดวงตารีเรียวที่เป็นประกายยามเมื่อสะท้อนกับแสงไฟนั้นกำลังมองมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
       
        “ก็ที่พี่พูดว่า...ค่อยสมกับเป็นผมหน่อย มันหมายความว่ายังไง”  เด็กหนุ่มย้ำอีกครั้ง

           “....................” เคนสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกเหมือนใจตกวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม อีกฝ่ายไม่รู้และไม่เข้าใจจริงๆหรือว่าการกระทำเมื่อตอนถ่ายทำนั้นทำให้เขารู้สึกอย่างไร เขาทั้งดีใจ อิ่มเอม กับสัมผัสเหล่านั้นด้วยความนุ่มนวลทั้งหมดที่ได้ รับทำให้รู้สึกราวกับว่าเขาถูกหอบหิ้วออกไปไกลจากความเป็นจริง ความจริงที่เขาถูกกระชากกลับมาทันทีเมื่อสิ้นเสียงโชติสั่งคัตนั่นทำให้เขารู้ว่าสิ่งได้รับมาเป็นเพียงบทบาทการแสดงของจูนเท่านั้น และคงเป็นได้เพียงแค่นั้น พอความคิดนี้ลอยเด่นขึ้นมาในหัวก็อดที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆไม่ได้
    

         “พีก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่ามันคืออะไร ใจนึงพี่ชอบที่แกเล่นไปตามบท แต่อีกใจก็ไม่ชอบที่พอสั่งคัตแกก็ไม่ยอมมองหน้าพี่เลย ถึงพี่จะนอกบทสักกี่ครั้งแกก็ไม่ด่า ไม่ว่าพี่เลย แบบนั้นมันดูไม่ใช่แกเลยจูน มันเหมือนแกหายไปทั้งๆที่พี่ยังกอดแกอยู่....แต่เมื่อกี้ที่ร้านแกมองหน้าพี่ด่าพี่ ต่อว่าพี่แบบนั้นจะยังดีกว่าไม่งั้นพี่คงทนไม่ได้....” 
   
             คำพูดของเคนทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบในอก น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยออกมานั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกเศร้าจนพาลให้ใจของเขารู้สึกหม่นตามเพราะการกระทำของตัวเอง แต่เขาผิดด้วยหรือ จูนอดไม่ได้ที่จะถามตัวเอง
    
          “ใช่....ทุกอย่างมันเป็นแค่การแสดง พี่เข้าใจถูกแล้ว” ท้ายเสียงของเด็กหนุ่มแหบพร่า หัวใจบีบตัวแรงเมื่อรู้ว่ากำลังโกหกตัวเอง... เด็กหนุ่มหัวเราะเสียงขึ้นจมูกด้วยนึกขันตัวเอง....มันปฏิเสธได้ยากเมื่อเขารู้สึกคล้ายจะเพลิดเพลินกับสัมผัสนั้นเข้าจริงๆ 


             “ผมขอโทษถ้าผมแสดงได้ดีเกินไป แต่พอเถอะ เลิกซะสำหรับบทุกเรื่อง พี่อย่าทำแบบนี้เลย ให้มันจบได้เหมือนตอนแสดง สั่งคัตไปเสีย พี่เองก็จะได้ไม่ต้องมาคิดมาก”

          จูนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ เขาไม่สามารถยืนอยู่ต่อหน้าคนๆนี้ได้อีกต่อไป ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องแพ้ พ่ายแพ้ให้กับความรู้สึกหวามไหวที่เกิดขึ้นในอกทุกครั้งยามที่อีกฝ่ายเข้าใกล้ พ่ายแพ้ให้กับความอบอุ่นจนรู้สึกร้อนจากผิวกายนั้น พ่ายแพ้ให้กับรอยยิ้มที่สว่างสดใสเหมือนกับพระอาทิตย์ของผู้ชายตรงหน้า และเมื่อเขาแพ้เขาจะต้องตกลงไปอยู่ในวังวนที่พยายามตะเกียกตะกายหนีขึ้นมาอยู่ตลอด


            ‘.....ไอ้จูนมันชอบผู้ชาย..... ‘
    
        ‘…..ไอ้จูนมันเป็นเกย์.........’


            “ผมขอโทษ............” พูดด้วยน้ำเสียงดังเพียงกระซิบ เด็กหนุ่มซ่อนสีหน้าของตัวเองจากอีกฝ่ายก่อนเบี่ยงตัวหลบหมายจะเดินเข้าบ้าน


   เคร้ง!!


              เสียงกระป๋องน้ำอัดลมและเบียร์ในถุงพลาสติกกระทบกันดังเมื่อถูกเคนถุงนั่นลงกับพื้นชานหน้าบ้านด้วยแรงที่ไม่เบาเอาเสียเลย อยู่ๆข้าวของทุกอย่างในมือก็เกิดหนักอึ้งขึ้นมาเสียอย่างนั้น มือแกร่งคว้าข้อมือของจูนให้เดินหลบเข้าไปในความมืดของสวน

   
               “ปล่อย....” ด้วยความตกใจเด็กหนุ่มพยายามจะขืนมือออกแต่ก็ทำไม่ได้ มือแกร่งที่จับข้อมือของเขาเอาไว้นั้นบีบแน่นจนรู้สึกเจ็บ
    
           “หมายความว่ายังไงที่จะให้พี่เลิก” คราวนี้เป็นเคนที่ไม่เข้าในความหมาย ดวงตาคมเป็นประกายในความมืด ประกายของความสับสน

              “หมายความว่าให้พี่เลิกทำแบบนี้กับผม เลิกเข้ามายุ่งกับความรู้สึกของผม เลิกปั่นหัวผมสักที พี่ต้องการอะไรจากผมกันแน่ ผมไม่เข้าใจ ที่พี่ทำทั้งหมดนี่พี่ต้องการอะไร” จูนถามกลับด้วยความสับสนในใจไม่แพ้กัน เขารู้ว่ามันคือความอบอุ่น คือความเอาใจใส่ คือสิ่งที่อีกฝ่ายใช้คำเรียกอย่างไม่สนใจอะไรว่า “จริงจัง” แต่เขาไม่สามารถตอบกลับความ”จริงจัง”ของอีกฝ่ายได้ ทั้งๆที่บางส่วนในใจก็รู้สึกดี แต่หากตรองดูด้วยสติแล้ว.....มันเป็นไปไม่ได้
    
            “........ “ เคนถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินคำถามนั้น เขาเองก็อธิบายสิ่งที่กระทำกับอีกฝ่ายได้ไม่ถูกนัก ตัวเขาเป็นผู้ชายที่มีแฟนแล้ว แน่นอนว่าแฟนของเขาเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดคนหนึ่งของมหาวิทยาลัย เขาควรจะพอใจและรู้สึกพอกับสิ่งนั้น แต่เมื่อได้สัมผัสกับความนุ่มนวลของเด็กหนุ่มตรงหน้า ในตอนแรกสิ่งที่ดึงดูดเขาคือสัมผัสทางกาย เขาคิดว่าตัวเองคงจะเพี้ยนไปเสียแล้วแต่...เมื่อได้สัมผัสกับนิสัยใจคอ ท่าที และความคิดของจูนแล้วมันทำให้เขายิ่งหลงใหลอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก
    

              “จะให้พี่พูดตามตรงใช่ไหม....ไม่ต่อยพี่นะ?”
    

     เด็กหนุ่มไม่ได้ตอบหากแต่พยักหน้าลงเบาๆ มือก็ยังพยายามจะยื้อให้เป็นอิสระแต่ก็ไม่เป็นไปตามคาดเท่าไรนัก
      

            “พี่อยากดูแลแก... อยากเป็นมากกว่าพี่ที่ชมรม อยากเป็นคนพิเศษ อยากเป็นคนที่แกพึ่งพาไว้ใจได้ในทุกๆเรื่อง ตอนแรกก็คิดแค่นั้น แต่ตอนนี้มันมีมากกว่านั้น พี่ไม่อยากให้แกไปมองคนอื่น ไม่อยากให้คนอื่นอยู่ใกล้แก อยากให้แกเป็นของพี่ อยากกอด อยากจูบ อยากจะ......”
    

       “พอ! ผมไม่อยากฟัง.....แบบนั้นมันเรียกว่าเกย์ชัดๆ” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามเขาไม่อยากฟังคำพูดใดๆจากปากของอีกฝ่ายอีก
    
       “พี่ไม่รู้หรอก....ว่าคนอื่นเขาจะเรียกว่าอะไร แกอาจจะเรียกพี่ว่าบ้า หรือจะหาว่าพี่เป็นเกย์ก็ได้ แต่พี่ไม่เคยคิดแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อน ” เคนใช้มืออีกข้างจับมือข้างที่จูนยกขึ้นเอาไว้ รวบเอามือทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มเข้าไว้ด้วยกันก่อนจรดริมฝีปากลงบนปลายนิ้วที่สั่นระริกนั้นเบาๆ ดวงตาคมเหลือบมองสีหน้าของอีกฝ่ายเล็กน้อย ถึงแม้มันจะเกิดขึ้นเหมือนปุบปับแต่ความหมายของการกระทำทุกอย่างนั้นเด่นชัดในห้วงความคิดมาโดยตลอด


           “แต่พี่จะเรียกว่า “รัก” .....พี่รักแกนะจูน....”



            ถ้อยคำนั้นหวานซึ้ง สัมผัสนั้นอ่อนโยน หากแต่สำหรับคนฟังนั้นไม่ต่างอะไรจากกองไฟที่เผาไหม้ลุกลามเข้ามาเรื่อย ล้อมกรอบตัวเขาเอาไว้ให้จนมุมจนไปไหนไม่รอด


            “พี่มันบ้าไปแล้ว.....” จูนอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายคลายแรงจากมือออกผลักอกกว้างของร่างสูงออกห่าง ในดวงตาที่มองกลับมานั้นเป็นประกายในความมืด ประกายตาเพราะความฉ่ำชื้น จูนกำลังมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอหน่วย


            ......มันเจ็บ.....


             “จูน......” ร่างสูงขยับตามสองมือแกร่งประคองใบหน้าของเด็กหนุ่มขึ้นมาหมายจะจูบเบาๆลงที่ข้างแก้มนั้น


             ผั่วะ!


         เสียงหมัดลุ่นๆกระแทกเข้าที่ชายโครงของเคน ได้ยินเสียงร่างสูงดังขึ้นเบาๆเพราะความจุก


           “ผม.....ไม่.....”


              ………….ผมไม่ใช่เกย์! ……………….


            อยากจะกรีดร้องออกไปแบบนั้นแต่ทำไม่ได้ ถ้าเขาร้องเสียงดังขึ้นมาตอนนี้ยุทธ์หรือโชติอาจจะได้ยิน สถานการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้ ....เขาอยู่ตรงนี้ไม่ได้ คิดได้แบบนั้นสองขาออกวิ่ง จูนไม่สนใจว่าจะโดนกิ่งก้านของต้นไม้เกี่ยวเอาหรือไม่ ร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มวิ่งออกไปจากรั้วบ้านไป เคนเองก็รีบวิ่งตาม


            “จูน!!” 


           ช่วงหัวค่ำยังพอมีรถมอเตอร์ไซค์ของนักท่องเที่ยวที่พักอยู่ตามเกสต์เฮ้าส์วิ่งเข้าออกในซอย แต่จูนก็ดูคล้ายจะไม่อยากหยุดให้ใครหน้าไหน เด็กหนุ่มวิ่งไปตามซอยเล็กๆที่นำไปสู่ทางลงหาด ท้องทะเลสีดำสนิททอดกายอยู่เบื้องหน้า เขาก้าวเดินลงไปบนชายหาด มองไปด้านหนึ่งเห็นร้านอาหารใกล้ๆ ยังเปิดให้บริการกับนักท่องเที่ยวที่อยากรับลมทะเลยามค่ำคืน แต่เขาไม่อยากไปรบกวนความสุขของใคร เด็กหนุ่มหันหน้าเดินไปอีกด้านที่ดูจะเงียบสงบและไม่ค่อยมีแสงสว่างมากนัก ห่างออกไปอีกสักนิดถึงจะเป็นหาดของโรงแรมชื่อดัง ทางนั้นดูท่าจะเงียบสงบมากกว่า ถึงจะไม่ถึงกับเงียบสนิทแต่อย่างน้อยก็พอมีเสียงคลื่นเสียงลมกลบเสียงแห่งความสับสนที่มันดังก้องอยู่ในหัว


           “จูน............... “ แต่แล้วเสียงของใครบางคนก็ตามมาหลอกหลอน


            “อย่าเข้ามาใกล้ผมนะ....ขอผมอยู่คนเดียวบ้างไม่ได้หรือไง พี่จะตามผมมาให้ได้อะไร” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเด็ดขาดไม่แม้จะหันไปมอง สองมือกำแน่นอยู่ที่ข้างลำตัว
         “ผมไม่อยากต่อยพี่อีกหมัดหรอกนะ”
    

        “แกจะต่อยพี่อีกกี่หมัดก็ได้...” เสียงทุ้มนั้นคล้ายจะเอ่ยอย่างอ่อนใจ จูนได้ยินเสียงฝีเท้าดังเบาๆเมื่อผืนทรายยุบตัว ร่างสูงกำลังก้าวเข้ามาใกล้อีกครั้ง   
     
        “แต่พี่ต้องตามแกมา...”  ท่อนแขนแกร่งยื่นมาจากด้านหลังก่อนจะโอบรอบบ่านั้นเอาไว้ราวกับจะปลอบประโลม ลมหายใจอุ่นสัมผัสรดอยู่ที่ข้างหู จนทำให้อุณภูมิของร่างกายแปรเปลี่ยน ท่ามกลางเสียงลม เสียงคลื่น และเสียงครึกครื้นจากร้านอาหาร
จูนกลับได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองและเสียงหัวใจของอีกฝ่ายชัดเจนกว่าครั้งไหนๆ


             “เพราะพี่รักแก จูน รักจริงๆ นี่มันไมใช่เรื่องเล่นๆแล้วสำหรับพี่”


             จูนหลับตาแน่น รู้สึกได้ถึงหยดน้ำที่ค่อยทิ้งตัวลงจากหางตา เขาเจ็บปวด เขาไม่รู้ว่าทำไมแต่หัวใจของเขาพองโตราวกับว่าเขาโหยหาสัมผัสเช่นนี้มานาน และไม่มีสิ่งใดในสิ่งที่เรียกว่าสมองของเขาจะสั่งห้ามหัวใจของเขาได้ และนั่นยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก มือเรียวแตะที่ท่อนแขนแกร่งนั้นเบาๆก่อนจะค่อยหันตัวกลับไปเผชิญหน้ากับคนที่เขาวิ่งหนีมาเมื่อไม่กี่อึดใจก่อน เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองหน้าของเคน ชายหนุ่มร่างสูงเองก็หอบหายใจเบาๆเพราะอยู่ๆก็ต้องออกแรงวิ่งมาทั้งๆที่ขาก็ยังเจ็บอยู่ไม่น้อย


     “ถ้าการกระทำของพี่มันเรียกว่ารักแล้วการที่ผมไม่อยากให้พี่ทำผิดกับพี่นิดแบบนี้ มันเรียกว่ารักด้วยหรือเปล่า”




...........................................................................to be continued

p.s. ใครที่เข้ามาอ่านระหว่างโพสต์ขอโทษนะคะ เกิดลังเลว่าจะโพสต์ถึงไหน และชื่อตอนควรจะเป็นอะไร เลยแก้หลายรอบค่ะ

asarigb

  • บุคคลทั่วไป
 :hao7: ตอนที่แล้วว่าค้างงงงง ตอนนี้ยิ่งค้างงงงงง  :z3:
พี่เคน ไอ้พี่เลว คิดจะจับปลาสองมอเหรอหะ?!
น้องจูนที่สุดแสนบริสุทธ์ของเดี๊ยนร้องไห้แล้วเห็นไหม
ใจร้ายๆๆๆๆ รู้ว่าไม่เคยชอบผู้ชาย แต่ช่วยทำให้ถูกต้องด้วย
เสร็จงานครั้งนี้ไปเลิกกับยัยนิดซะ!  :fire:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1522
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
เคลียร์ตัวเองก่อนดีมั้ยพี่เคน

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@ talk @@@
แม้จำนวนตอนจะดูห่างไกล
แต่เนื้อเรื่องยังเชื่องช้าเช่นเคย
นิยายเรื่องนี้ เรื่อยๆ ก็อ่านกันเรื่อยๆนะคะที่รัก


Chapter 33 : เจ็บลึกๆ 



[ccenter]“ถ้าการกระทำของพี่มันเรียกว่ารักแล้วการที่ผมไม่อยากให้พี่ทำผิดกับพี่นิดแบบนี้ มันเรียกว่ารักด้วยหรือเปล่า”
[/center]


     “.........................” เคนนิ่งความรู้สึกผิดวิ่งเสียดเข้าไปในหัวใจ
    “พี่ตอบไม่ได้...... “เคนส่ายหน้า เขาแทบจะหลบสายตาไปอีกทาง


     “.....หึ...แน่ล่ะ พี่ตอบไม่ได้หรอก เพราะพี่เห็นแก่ตัวเกินไป” จูนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงขึ้นจมูกเล็กน้อยคล้ายจะเย้ยหยัน สองมือดันไหล่กว้างของเคนให้ถอยออกห่าง ก่อนเดินต่อไปตอนนี้อารมณ์ของจูนนั้นขุ่นมัวเกินกว่าจะเดินกลับบ้านไปได้ในเวลานี้ 


    “จูน.....เดี๋ยวสิ....” ร่างสูงปราดเข้าไปดึงแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ ในขณะที่มืออีกข้างยื่นไปรั้งใบหน้าของเด็กหนุ่มเข้าหา เขาอยากจะเห็นว่าจูนมีสีหน้าอย่างไร แต่ที่ชัดเจนตรงหน้ามีเพียงน้ำตาของอีกฝ่ายที่ไหลลงมาข้างแก้ม จูนเม้มริมฝีปากแน่นเหมือนไม่อยากให้มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา


    “พูดกับพี่สิ.....’ถ้าเจ็บก็ให้บอก’ ไม่ใช่เหรอ”เคนพูดออกไปด้วยความซื่อ มันอาจจะเป็นความคิดที่โง่เง่ามากที่นำเอาคำพูดที่อีกฝ่ายเคยใช้กับเขามาพูดในสถานการณ์แบบนี้ แต่สำหรับตัวเองในตอนนี้แล้วมันจะมีคำอื่นใดที่ทำให้ได้ยินความคิดของอีกฝ่ายมากกว่านี้อีกด้วยหรือ เขาเห็นสองไหล่ใต้เสื้อยืดตัวบางของเด็กหนุ่มสั่นไหวน้อยๆ เช่นเดียวกับสัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนเบาๆจากท่อนแขนที่อยู่ใต้ฝ่ามือของเขา


    “แล้วใครมันทำผมเจ็บล่ะ! “ จูนกระแทกฝ่ามือลงบนอกของอีกฝ่าย
 “.... ผมเป็นผู้ชายนะ ถึงผมจะบอกว่าผมชอบหน้าของพี่เท่าไรก็เถอะ แต่...จะให้ผม.... ผม  ไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่ ไม่ ไม่สักนิด” จุนพูดเสียงดังราวกับอยากจะให้เสียงของตัวเองดังกลบเสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวของตัวเอง

    
…………. ไม่ได้อยากจะรู้สึกแบบนี้เลยสักนิด................
[/i]

 

     “พี่เองก็ไม่ได้ขอให้แกเป็นในสิ่งที่แกไม่ได้เป็นจูน....” มือแกร่งของเคนยึดข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น
 “แต่พี่กำลังบอกรักแกอยู่นะ ช่วยฟังกันหน่อยได้ไหม” แรงบีบเบาๆเกิดขึ้นที่บริเวณข้อมือ เรียกร้องให้เด็กหนุ่มหันกลับมาสนใจฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด
    “ทั้งหมดที่พี่พูดไปคือสิ่งที่พี่คิดกับแกนะ แล้วแกล่ะ...คิดอะไรกับพี่บ้างไหม ”


    “...............................” จูนยิ่งเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะถอนหายใจออกมาราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมันหนักอึ้งเสียเหลือเกิน
 “.....ผมคิดแค่ว่าพี่ควรจะเลิกสับสน ระหว่างเรามันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น สิ่งที่พี่พูด คือความรู้สึกที่พี่คิดไปเองทั้งนั้น ...” จูนตอบ ในใจคิดว่าได้ตะโกนออกไปจนสุดเสียงแล้วแต่สิ่งที่ส่งออกไปกลับเป็นเสียงที่แหบพร่าอ่อนแรงเหลือเกิน


     “คิดไปเอง? “เคนถามเสียงสูง สองมือเลื่อนมาจับไหล่ทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มเอาไว้แน่น


   “อึ่ก..... “เพราะแรงบีบที่ไหล่ทำให้จูนร้องออกมาเบาๆ ดวงตารีเรียวนั้นเสมองไปอีกทาง  ลมทะเลที่พัดเข้าหาชายฝั่งทำให้เส้นผมสีอ่อนของเด็กหนุ่มปลิวลู่ตามลมยิ่งทำให้มองไม่เห็นใบหน้านั้นเข้าไปอีก สองหูในตอนนี้ได้ยินเต่เสียงของลม คนที่อยู่ตรงหน้าก็คล้ายจะรอคำตอบ แต่จะให้เขาตอบว่าอะไร.....



   “ Anywhere I’ll find you!!! Like my pulse is beating inside you!!...”



 ทันใดเสียงโทรศัพท์มือถือของเคนก็ดังขึ้น เสียงโทรศัพท์เป็นเอกลักษณ์นั้นทำให้รู้ได้ในทันที่ว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา จูนใชปลายนิ้วเกี่ยวเส้นผมที่ปรกหน้าปรกตาของตนเองขึ้นทัดที่ข้างหู ดวงตารีเรียวสบตากับร่างสูงนิ่ง 


    “นั่นไง...แฟนของพี่โทรมาแล้ว รับสิครับ แล้วบอกพี่นิดด้วยว่า คิดถึงมาก...”จูนเอ่ยด้วยเสียงสั่น ดวงตานั้นฉายแววตาที่ยากจะคาดเดาอารมณ์
    “รับสิครับ” พลางค่อยปลดมือที่ยังยึดไหล่ของเขาอยู่อออก
     “รับได้ตามสบาย เพราะผมจะไม่ขออยู่ให้พี่รู้สึก หรือคิดอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว” เด็กหนุ่มว่าพร้อมหันหลังกลับหมายจะเดินกลับไปยังบ้านพัก ป่านนี้ยุทธ์กับโชติคงนั่งคอยพวกเขากันนานแล้ว


    “..........................” เคนนิ่ง ขบกรามเข้าหากันแน่น ทั้งๆที่เขากำลังสารภาพรักแต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่มีทีท่าอยากจะฟังหรืออยากจะตอบอะไรแล้ว ยังพูดกับเขาแบบนี้ ความรู้สึกของเขามันทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ขนาดนั้นเลยหรือ
ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น ดวงตาที่สบตามองอีกฝ่ายนั้นวาวโรจน์ด้วยความไม่พอใจ มือแกร่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากำโทรศัพท์มือถือที่กำลังแผดเสียงดังอยู่ในกระเป๋ากางเกงของตัวเองแน่น  เคนดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขารู้ดีว่าปลายสายนั้นเป็นใคร และคนๆนั้นคงกำลังรอให้เขารับสายอย่างใจจดจ่อ แต่เขาก็ไม่อยากจะปล่อยให้จูนเดินหันหลังให้เขาอีกแล้ว....


 
   ...ตุ้บ.....



โทรศัพท์มือถือลอยละลิ่วลงไปตกอยู่กับพื้นทราย พร้อมกับร่างสูงที่กระโจนก้าวไปในทิศทางที่ใจของเขาสั่งการ   สองมือแกร่งรวบตัวของเด็กหนุ่มเอาไว้จากด้านหลัง เป็นครั้งที่เท่าไรของวันที่เขาต้องรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างนี้  สองหูได้ยินเสียงอีกฝ่ายขัดขืน แต่ปลายจมูกโด่งกลับฝังลงบนเรือนผมเหนือท้ายทอย สูดกลิ่นกลิ่นหอมจางๆจากความนุ่มนวลนั้น ริมฝีปากแตะไล่จากต้นคอมาจนถึงใบหูบาง


    “อึ่ก..พี่เคน...” เหมือนอย่างทุกทีที่เข้าใกล้ เพียงลมหายใจร้อนเป่ารดที่ข้างหู จูนก็ยักไหล่หลบทุกครั้ง แต่ในวันนี้คงไม่มีทางหลบไปไหนได้พ้นเมื่อปลายนิ้วของเคนบังคับให้เด็กหนุ่มหันหน้ากลับมาให้เขาช่วงชิงสัมผัสอุ่นจากริมฝีปากของจูน ประทับทุกความรู้สึกลงไปเหมือนที่ใจอยากทำมาโดยตลอด ในใจทีเคยมีคำถามว่าเพราะเหตุใด เพราะอะไรที่ทำให้ใจของเขาเรียกร้องหาแต่คนตรงหน้าในตอนนี้เหมือนจะหมดไป เพราะความนุ่มนวล เพราะความอ่อนโยนที่อีกฝ่ายมีนั่นเองที่ทำให้เขานึกเอ็นดู นึกรัก นึกปรารถนาในตัวเด็กหนุ่มตรงหน้าได้มากขนาดนี้...แม้จะรู้ดี...แม้จะเข้าใจดีว่าการกระทำนั้นผิดก็ตามที


    “ไม่...... “  มือของจูนข้างหนึ่งพยายามดันอกกว้างของเคนออก มืออีกข้างก็พยายามจะดึงมือแกร่งที่บังคับปลายคางของเขาออกแต่ก็ทำได้ยากเต็มทน ผืนทรายที่ยิ่งเหยียบยิ่งทรุดลงไม่ช่วยเป็นหลักในการยื้อตัวเองออกสักเท่าไร ริมฝีปากร้อนของเคนยังคงประทับลงมา อีกครั้งและอีกครั้งราวกับว่าไม่อยากให้เขามีอากาศได้หายใจเพิ่ม สัมผัสร้อนแรงที่ริมฝีปาก ปลายลิ้นร้อนที่รุกล้ำเข้ามากลับกระตุ้นทุกสัมผัสในร่างเสียจนกลบสัญชาตญานการเอาตัวรอดของจูนไปจนหมด และเสียงของหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะถี่รัวในอกนั้นต่างหากที่ดูจะชนะทุกสิ่งในเวลานี้ การต่อต้านของเด็กหนุ่มหยุดลงเหลือเพียงการยอมจำนนปล่อยให้อีกฝ่ายลิ้มรสริมฝีปากของตนเองต่อไปโดยไม่มีการตอบโต้ใดๆ เด็กหนุ่มเพียงแค่หลับตาลง รับสัมผัสที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของอีกฝ่าย....รอจนกว่าพายุอารมณ์ที่โหมเข้ามาของเคนจะสงบลง


     สัมผัสที่หยุดนิ่ง ไม่มีแล้วซึ่งแรงขัดขืนแต่ก็ไม่มีการตอบสนองกลับ  ทำให้คนที่กำลังเชยชมริมฝีปากสวยนั้นต้องหยุด ค่อยละริมฝีปากของตัวเองออกจากสัมผัสนุ่มเย้ายวน ดวงตาคมสบตามองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ    


    “.........จูน........? “   


    “พี่น่ะ ...... “ จูนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นระคนกับเสียงหอบหายใจเบาๆ คิ้วเรียวของเด็กหนุ่มขมวดมุ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เด็กหนุ่มยกมือขึ้นเช็ดริมฝีปากฉ่ำชื้นนั้นอย่างแรง จนเคนต้องยื่นมือไปคว้ามือของอีกฝ่ายเอาไว้แต่ก็ถูกสะบัดออกและหากจะให้เรียกให้ถูกคงต้องบอกว่าถูกอีกฝ่ายผลักออกมาน่าจะดีกว่า


    “พี่น่ะ....คิดถึงแต่ตัวเอง ใจตัวเอง ไม่อย่างนั้นพี่คงไม่มาพูดมาทำกับผมแบบนี้ทั้งๆที่มีพี่นิดอยู่ คนแบบพี่น่ะ ใจร้าย...เห็นแก่ตัว” ยิ่งพูดยิ่งได้ยินเสียงสูดลมหายใจ ยิ่งพูดน้ำเสียงของจูนยิ่งสั่นเครือ ยิ่งพูดยิ่งเห็นได้ว่าในดวงหน้าของเด็กหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยเจ็บปวดและความผิดหวังมากเพียงใด


     “....แล้วจะให้ผมตอบรักคนแบบนี้ได้ยังไง”
[/b]
    

ได้ยินน้ำเสียงที่เอ่ยด้วยอารมณ์ที่เจ็บปวดแบบนั้น ความรู้สึกเจ็บปลาบวิ่งเสียดเข้าที่หัวใจของชายหนุ่มร่างสูง มันไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าตัวเองผิด แต่เป็นเพราะรู้อยู่เต็มอก พยายามจะห้ามแล้วแต่ก็ห้ามใจตัวเองเอาไว้ไม่ได้ แล้วเขาควรจะทำอย่างไร


    “ใช่ พี่รู้ พี่เห็นแก่ตัว แต่มันไม่ได้หมายความว่าความรู้สึกของพี่มันไม่จริงนี!!” เคนยื่นมืออกไปอีกครั้งแต่คราวนี้จูนกลับไม่ปล่อยให้เขาแตะต้องได้ง่ายๆ เด็กหนุ่มก้าวขยับถอยรวดเร็ว ไม่มีคำอื่นตอบกลับมานอกจากสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าบนดวงตาคู่นั้น จูนไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแค่หันหลังให้เขาแล้วเดินจากไปเท่านั้น


    จูน....เฮ้ย เดี๋ยวสิ.....” ร่างสูงตั้งใจจะวิ่งตามไปแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เขาโยโทรศัพท์ทิ้งไปที่ไหนสักแห่งในความมืดนั้น จึงจำใจเดินกลับไปหาและทันทีที่ปลายนิ้วแตะกับตัวเครื่องได้ แสงจากหน้าจอก็สว่างวาบขึ้นที่หน้าจอ ตัวเครื่องทั้งสั่นทั้งร้องแผดเสียงลั่น จนเคนจำเป็นต้องกดรับ


    “.....นิด ขอโทษตอนนี้พี่ไม่มีอารมณ์จะคุยด้วยจริงๆ! “ เคนกรอกเสียงลงไปตามสายโดยที่ไม่ได้ระวังน้ำเสียงของตัวเองเหมือนอย่างทุกที เพราะในตอนนี้เขาหงุดหงิด และคงจะหงุดหงิดแบบนี้ต่อไปจนเช้าวันปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมง


    “ไม่ใช่นิด.......”

เสียงทุ้มต่ำนั้นมีพลังมากพอที่จะเรียกให้สติของเคนที่กำลังจะแตกกระสานซ่านเซ็นออกทะเลไปกลับคืนมา เขาไม่มีทางที่จะลืมเสียงนั้นได้อยู่แล้ว มันเป็นเสียงของคุณสุชาติ โปรโมเตอร์และเจ้าของค่ายมวยชื่อดังระดับจังหวัดอย่างค่าย “อุดรพยัคฆ์”  สุชาติเป็นชายสูงวัยรูปร่างใหญ่ ท่าทางดุและน่าเกรงขามที่ขึ้นชื่อทั้งในวงการมวยบนดินและวงการมวยใต้ดินว่ามีนักมวยฝีมือดีในสังกัดหลายต่อหลายคน และยังขึ้นชื่อเรื่องการจัดงานใหญ่ที่เป็นที่เชิดหน้าชูตา และแมทซ์การแข่งขันที่มีเงินพนันจำนวนมากจากผู้ชมจากหลายๆวงการ


   “พ่อ......”


..................................



เสียงถ่านในเตาปิ้งแตกดังเปรี้ยะเมื่อมันจากตัวกุ้งและหมูหยดลงไปด้านล่างในขณะที่กลิ่นหอมโชยขึ้นมาแตะจมูก ยุทธ์ค่อยๆผลิกกุ้งตัวโตกลับทีละตัวๆ ในขณะที่ใจของเขากำลังล่องลอยออกไปไกล ตั้งแต่เดินออกไปเพราะเสียงเอะอะที่ฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วก็พบแต่ถุงเบียร์และน้ำอัดลมวางกองอยู่ที่หน้าบ้าน  แค่นั้นก็ทำให้เขาคิดอะไรไปไกลถึงเรื่องที่โชติพูดกับเขาก่อนหน้านี้ ...



    “ก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไร..... ไม่ต้องมาดูก็ได้” เสียงโชติว่าพลางปัดมือของยุทธ์ออก เขาหน้ามืดล้มลงแทบจะทันทีหลังจากที่เลิกกอง โชคยังดีที่ยุทธ์อาสาอยู่ดูแลให้


    “ไม่ดูได้ไงวะ...ก็เพื่อนป่วยนี่หว่า” ยุทธ์ยืยันก่อนจับสองไหล่ไร้เรี่ยวแรงของเพื่อนกดลงบนเตียงแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมมิดจนถึงคอ แต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะสายตาที่มองมาของคนป่วย สายตาที่เหมือนจะรู้ถึงเรื่องราวทุกอย่างราวกับใช้ญานทิพย์มองเห็นเหมือนอย่างทุกที


    “มึงไม่ได้อยากมาอยู่ตรงนี้นี่...มึงก็แค่ “รับผิดชอบ” เหมือนทุกที ....”


    “โชติ...กู.....” ยุทธ์ลำบากใจกับท่าทางแบบนั้นของอีกฝ่าย ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ
“ไม่เอาน่า เลิกประชดกูสักที บอกมาว่าอยากให้กูทำอะไร...” ชายหนุ่มเท้ามือวางล้อมกรอบโชติเอาไว้
 

 “จูบกูสิ...” โชติตอบกลับด้วยรอยยิ้มยียวน ทว่าในสายตาที่มองมานั้นยุทธ์รู้ดีกว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย มันเป็นความ “รับผิดชอบ” ของเขามาตั้งแต่เมื่อปีก่อน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำให้โชติเป็น “แบบนี้” ก็ตามที ยุทธ์ถอนหายใจเบาๆอีกครั้ง ก่อนจะก้มลงเล็กน้อยเพื่อแตะริมฝีปากกับริมฝีปากของอีกฝ่าย ไม่รุนแรงหากแต่แนบแน่น ปลายลิ้นสอดกระหวัดชิมรสชาตจากริมฝีปากของอีกฝ่ายที่เผยอรับอย่างเต็มใจเบาๆแล้วถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง เขารู้ว่าโชติชอบให้ทำอย่างนี้เดาได้จากเสียงครางเครือเบาๆในลำคอ


    “เอาอีกไหม....”ยุทธ์เอ่ยชนหน้าผากได้รูปของตัวเองกับหน้าผากของอีกฝ่ายเบาๆ รู้สึกได้ถึงลมหายใจของเพื่อนที่ร้อนผะผ่าวรดอยู่บนใบหน้า


    “ถ้ากูขอ แล้วมึงจะให้อีกรึไง...” มือเล็กของโชติยกขึ้นโอบคอของยุทธ์ลงมาเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้คิดจะสัมผัสอีกฝ่ายแต่อย่างใด ราวกับรอดูว่าคนที่อยู่ตรงหน้าจะมีท่าทีอย่างไร แต่ยุทธ์ก็ไม่ได้ขยับหรือกระทำสิ่งอื่นใดต่อ มีเพียงดวงตากลมโตของยุทธ์ทที่มองมาอย่างเจ็บปวด...เหมือนทุกที 


    “ .....โชติ....” ยุทธ์เอ่ยพลางถอนหายใจ ขยับตัวไปนั่งที่ขอบเตียงไม่ได้หันกลับมามองหน้าของโชติเลยแม้แต่น้อย
“กูว่าเรา....เลิกทำแบบนี้กันเถอะ” น้ำเสียงนั้นแหบพร่า


    “แบบไหนล่ะ “โชติหัวเราะออกมาเบาๆ ท่าทางจะหัวเราะกลบเกลื่อนความหวาดหวั่นในใจของตัวเองเสียมากกว่า


    “กูจะเลิกมีเซ็กส์กับมึงทุกครั้งที่กูอยาก...ทุกครั้งที่มึงอยากแล้ว กูอยากให้เราเลิกมีอะไรกัน แบบนี้สักที กูว่ามันไม่แฟร์ “ยุทธ์หันกลับไปมองหน้าของอีกฝ่าย
“ที่กูมีอะไรกับมึงเมื่อปีทีแล้วเพราะกูเมา มึงเองก็ด้วย กูรู้ว่ามึงชอบกู กูเลยขอให้มึงยอม....กูขอโทษ”


ยุทธ์ก้มหัวให้กับอีกฝ่าย เพราะความมึนเมาโดยแท้ที่ทำให้เขาใช้ความรักที่โชติมีให้เป็นที่ระบายอารมณ์ของตัวเองในตอนนั้นด้วยความอยากรู้อยากลอง เขารู้สึกผิดต่อโชติ รู้สึกผิดมาโดยตลอดและนั่นกลายเป็นเหมือนสัญญาที่เขาต้องชดใช้ในส่วนความรักที่ไม่อาจมอบคืนให้กับโชติได้ ทุกอย่างมันควรจะเป็นเพียงแค่ชั่วครั้งคราวแต่...สำหรับโชติแล้วมันไม่ใช่ ความรู้สึกของเขายิ่งทำให้โชติอยากจะผูกมัดเขาไว้มากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ....


    “เพราะมึงชอบจูนสินะ... “ โชติถามกลับด้วยเสียงแผ่วเบา มันไม่ใช่ว่าเขามองไม่เห็นว่ายุทธ์รู้สึกอย่างไรกับจูน หากแต่ชัดเจนจนทำให้กลัวว่าหากปล่อยมือของอีกฝ่ายไปแล้ว...จะไม่มีทางได้ยุทธ์กลับคืนมาอีก

    “แปลกนะ...ทั้งๆที่ตอนแรกกูนึกว่ามึงบอกว่ามึงชอบผู้หญิงซะอีก คนแถวนี้เป็นอะไรกันไปหมดนะ อะไรๆก็จูน....” ถึงจะประชดประชันออกไปแบบนั้นแต่โชติเองก็เอ็นดูจูนอยู่ไม่น้อย รุ่นน้องของเขานิสัยดี เชื่อฟัง เข้าใจพูดจาและชื่นชมในผลงานของเขาในแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนความจริงใจที่แสดงออกมานั้นยิ่งทำให้พอเข้าใจได้และสามารถตอบคำถามของตัวเองได้เป็นอย่างดี


    “ถ้ามึงรู้แบบนั้น เราก็ควรจะหยุดเสียที....” ยุทธ์เอ่ยเบาๆ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งออกมาเมื่ออยู่ๆคนที่คล้ายจะหมดเรี่ยวแรงก็ผุดลุกขยับเข้าประชิดตัวของเขาโดนไม่ปล่อยช่องว่างให้ทันได้ขยับหนี ดวงตาที่มักมองผ่านเลนส์กล้องมานั้นเป็นประกายสะท้อนกับแสงไฟภายในห้อง มืออีกข้างยึดมือข้างหนึ่งของเขาเอาไว้แน่น


    “มึงนี่มันคิดอะไรเป็นเล่นๆได้ตลอดนะ ทั้งๆที่กูคอยเงียบไม่ให้ใครรู้เรื่องของมึงกับกูมาโดยตลอด ทั้งๆที่กูยอมจะรักมึงอยู่ข้างเดียวมาตลอด....เพราะกูคิดว่ามึงเป็นผู้ชายปกติมาตลอด แล้วนี่พอมึงเพิ่งสำเหนียกได้ว่ามึงชอบจูนมันมึงก็ตัดสินใจจะหยุดเรื่องพวกนี้ จะไปง่ายๆ จะให้หยุดอย่างนั้นเหรอ!? ....”


    “กูรู้ กูเข้าใจ แล้วก็รู้ด้วยว่ามึงรักกูมากขนาดที่ยอมกูได้ในวันนั้น...กูเห็นใจมึงนะ แต่กูไม่ได้รักมึงแบบนั้นโชติ” ยุทธ์ปฏิเสธแม้ในใจจะรู้ดีว่าในทุกครั้งที่กอดอีกฝ่ายเอาไว้มันไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาไม่ได้รับความสุขจากร่างกายนี้ ....แต่ทั้งหมดมันก็เป็นเพียงแค่เรื่องของร่างกาย....เท่านั้น


   โครม!!

 

    ร่างของยุทธ์หล่นลงจากขอบเตียงเพราะแรงผลักจากสองมือของโชติ...อย่างน้อยเขาก็คิดว่าน่าจะเป็นมือ และเมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าที่เจ็บปวดไม่ต่างกัน


    “แล้วมึงมาทำให้กูขนาดนี้ทำไม....ห่าเอ้ย...”

    “โชติ....... “ ยุทธ์เจ็บที่ตกลงมา แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไรนักที่อีกฝ่ายจะผลักเขาตกลงมาแบบนี้ เพราะสิ่งที่ทำลงไปมันแย่เสียยิ่งกว่าบังคับขืนใจอีกฝ่ายเสียอีก


   ....ที่ทำลงไปเพราะความสงสาร.... 



    “กูจะไม่อวยพรอะไรให้มึงหรอกนะ...คนที่ทำเรื่องแบบนี้ให้คนอื่นเพราะความสงสารน่ะ มันน่าสงสารเสียยิ่งกว่าอะไรเสียอีก...และมันคงไม่ง่ายนักหรอกที่มึงจะสมหวังนะ กูขอบอกมึงไว้เลย..... ” โชติชี้หน้าของเขาก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วหันหน้าไปอีกทาง ถึงจะไม่ได้พูดอะไรต่อแต่ก็พอเข้าใจได้ท่ามกลางห้องที่เงียบสงัดนั่นว่าเขาควรจะออกไปจากห้องนอนนั้นเสีย


    “กูจะลงไปเตรียมมื้อเย็นข้างล่าง มึงรู้สึกดีขึ้นแล้วค่อยตามลงไปละกัน”



..................................................


“หอมจัง....พี่ยุทธ์”


    “.....จูน? ....กลับมาตั้งแต่เมื่อไร.... “ เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้พ่อครัวจำเป็นที่ยืนเหม่อยู่หน้าเตาถึงกับสะดุ้งเฮือก


    “ก็เมื่อกี้ล่ะ” จูนตอบในน้ำเสียงนั้นขึ้นจมูกเล็กๆ นัยน์ตาแดงก่ำ ยุทธ์วางที่คีบลงข้างเตาพลางเพื่อหันกลับไปมองหน้าของจูนได้อย่างถนัด 


    “แล้วนี่ไปไหนมา...พี่เดินไปหน้าบ้านเห็นแต่มอเตอร์ไซต์กับถุงเบียร์ถุงขนมวางอยู่ตรงหน้าประตู” ชายหนุ่มร่างเล็กว่าพลางหันมองซ้ายขวา
“ ...ไอ้เคนล่ะ มันหายไปไหน หอบซื้อเบียร์มาเยอะแยะขนาดนี้มันต้องรับผิดชอบด้วยนะ”


    “....ช่างเขาเถอะ คนแบบนั้น”จูนพยายามเอ่ยให้ดูเหมือนว่ามันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่ในอกหัวใจของเขายังเต้นรัวจนตัวเองยังรู้สึกกลัวว่ายุทธ์จะได้ยินหรือเปล่า


    “ว่าแต่นี่สุกยัง ผมจะกินละนะหิวแล้ว...โอ้ย! ”  เพราะอุตริหยิบกุ้งร้อนๆจากเตาจนต้องร้องออกมาปล่อยกุ้งตัวเขื่องลอยละลิ่วตกลงบนพื้นไปอย่างน่าเสียดาย  “เฮ้ย กุ้งตก....” แต่ยังไม่วายที่จูนจะตามลงไปเก็บ


    “เฮ้ย จูน....เดี๋ยวก็ลวกนิ้วอีกหรอก กุ้งมันตายแล้วมันไม่เจ็บหรอก” ยุทธ์คว้ามือของอีกฝายเอาไว้


    “ก็...มันเสียดายนี่” เด็กหนุ่มทำปากยื่น


    “รู้แล้ว แต่มีอีกตั้งเยอะ ไม่เป็นไรหรอกน่า ....” ท้ายเสียงของยุทธ์ขาดหาย เพราะเมื่อสังเกตดีๆจะเห็นได้ว่าอีกฝ่ายดวงตาแดงก่ำ จมูกแดงและที่ข้างแก้มยังคล้ายมีรอยน้ำตา 


    .“นี่แก...... “ มือเรียวยกขึ้นแตะข้างแก้มของจูนเบาๆ


   ........ร้องไห้มาเหรอ....
 


       
    “ควันเข้าตาเหรอ “ ทั้งๆที่อยากจะถามอีกคำถามนึงออกไป แต่ก็ทำได้แค่ถามเลี่ยงๆไปเท่านั้น


    “อ่ะ เอ่อ...คงงั้นล่ะ ..” เด็กหนุ่มตอบพลางเบือนหน้าไปอีกทางแล้วยันตัวลุกขึ้น      


    “ก็ เอ่อ...ตรงนี้มันร้อน ควันก็เยอะ...พี่ว่าแกเข้าบ้านไปตามไอ้โชติ แล้วช่วยยกจานชาม มาได้ป่ะ” ท่าทางที่เหมือนจะหลบหน้านั้นยิ่งตอกย้ำว่าความคิดของยุทธ์ถูกต้อง ในเมื่อเป็นแบบนั้นก็คงจะดีกว่าที่จะไม่ถามอะไรให้วุ่นวาย ยุทธ์ยืนมองจนอีกฝ่ายเดินหายเข้าไปในบ้าน ในใจรู้สึกปวดร้าวลึกๆ


    “เฮ้อ........”


    ชายหนุ่มร่างเล็กถอนหายใจยาว พลางเสยเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าของตัวเอง พลางมองอาหารสดที่เตรียมไว้สำหรับปิ้งย่างต่อในคืนนี้ มันน่าเชื่อว่าเขาสามารถเตรียมของทุกอย่างนี่ได้ด้วยตัวเองทั้งๆที่ปกติแล้วเป็นคนไม่ถูกโฉลกกับการทำกับข้าวสักเท่าไรนัก อาจจะเป็นเพราะคำพูดของโชติกับการหายไปของจูนและเคนก็ได้ที่ทำให้เขาอยากจะหนีทุกอย่างไปให้ไกลได้ถึงขนาดนั้น


....................................



    คืนส่งท้ายวันปีใหม่ที่ใครต่อใครคงกำลังมีความสุข แต่บรรยากาศการทำบาร์บีคิวกันในสวนด้านหลังบ้านของทั้งสี่หนุ่มกลับไม่เป็นไปอย่างสนุกสนานเหมือนอย่างบ้านข้างเคียง แม้จะมีเสียงเพลงเปิดดังไม่แพ้กัน แต่คนในบ้านกลับฉลองกันแบบต่างคนต่างอยู่เสียมากกว่า


    “เคร้ง!! ….”


เสียงกระป๋องเบียร์ลอยละลิ่วข้ามโต้ะไปตกลงในถังขยะที่ตั้งไว้ เคนหัวเราะเบาๆกับฝีมือของตัวเองก่อนคีบเนื้อย่างเข้าปากไปเคี้ยวตุ้ย พอเขาเดินกลับมาถึงก็มีอาหารรออยู่ตรงหน้าด้วยความอารมณ์ขุ่นมัวหลังจากรับโทรศัพท์และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับจูนระคนปนกับความหิวจึงคว้าทั้งเบียร์ทั้งเนื้อมาใส่เข้าปาก ดวงตาคมเหลือบมองจูนที่นั่งคุยกับยุทธ์อยู่อีกทาง


   ....นั่นไง พอมีคนอื่นอยู่หรือก็ยิ้มหน้าระรื่น....
             ....แต่ก็บอกว่าตัวเองแสดงไม่เก่ง....
 


   
    แสงไฟสะท้อนกับเบียร์ในแก้วที่กำลังจะหมดของจูน ทั้งๆทีดื่มไม่ค่อยได้ และเขาเองก็รู้ตัวดีแต่วันนี้อยากจะดื่มเข้าไปให้เยอะ ถ้าเมาและหลับไปได้เสียคงไม่ต้องมารู้สึกขุ่นข้องอะไรกับความรักที่หนักอึ้งที่ใครบางคนพยายามจะหยิบยื่นให้โดยที่เขายังไม้พร้อมหรือเต็มใจที่จะรับมันเอาไว้ ...อย่างน้อยก็ในตอนนี้

 
    “วันนี้ตอนเย็น...ไปซื้อของกันกลับมาแล้วแกกับไอ้เคนออกไปไหนกันอีกเหรอ พี่ลงมาก็เห็นของวางอยู่หน้าบ้าน” ยุทธ์เอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางของจูนมีบางอย่างกำลังกวนใจคนตรงหน้าอยู่อย่างเห็นได้ชัด


    “อ่ะ...เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่ ไปเดินดูทะเล....นิดหน่อย” จูนเอ่ยเบียงสายตาลงจับที่ขอบแก้วใส


    “เหรอ...ดูแกไม่ค่อยสบายใจนะ กินซะขนาดนี้...มีอะไรรึเปล่า” มือของยุทธ์วางลงบนบ่าของเด็กหนุ่มเบาๆ แต่
จูนกลับเม้มริมฝีปากแน่นแล้วส่ายหน้ารัวๆ ราวกับไม่อยากจะพูดหรือนึกถึง


    “..............เฮ้อ........ ปากแข็งจังนะ”ยุทธ์ถอนหายใจยาว หัวเราะขึ้นจมูกเบาๆ ไม่ใช่เพราะรู้สึกขบขันกับท่าทีของอีกฝ่ายแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเขานึกขันตัวเองเหลือเกิน ทั้งๆที่คนที่รู้สึกห่วงใยกำลังมีเรื่องไม่สบายใจอยู่จรงหน้าแท้ๆ แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย และไม้ว่าจะรู้สึกห่วงมากแค่ไหนเขาก็ไม่อาจจะแสดงออกไปมากกว่านี้ได้ถ้าอีกฝ่ายยังไม่เปิดปากพูด และถ้าอีกฝ่ายยังไม่เปิดปากพูด.....ความรู้สึกของเขาก็คงไม่อาจส่งออกไปได้เฉกเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาซึ่งนั่นทำให้รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยเลยทีเดียว


    “พี่แค่..... กินเหล้ากับผมก็พอ” เสียงแหบพร่าของเด็กหนุ่เอ่ยขึ้นเบาๆพร้อมกับแก้วเบียร์ที่กระทบกับแก้วเบียร์ของยุทธ์เบาๆ รอยยิ้มที่มอบให้ แม้จะดูฝืนแต่คงดีกว่าการจินตนาการว่าจูนกำลังร้องไห้อยู่ตรงหน้าเป็นแน่...ยุทธ์ไม่อยากเห็นภาพแบบนั้นอีกแล้ว



............................. to be continued


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-06-2014 00:12:00 โดย goldfishpka »

ออฟไลน์ smile_aex

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • mgAmuptUF
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
    • meet sexy women near you
ทำไมเรื่องนี้มันมีแต่คนเลวๆมาหลงรักจูนกันจัง ไม่น่าดีใจเลยนะถ้าเจอแบบสองคนนี้เข้าหา
มีแต่พวกเห็นแก่ตัว ไม่น่าเชียร์เลยซักคน หาใหม่เถอะ หรือไม่ก็อยู่เป็นโสดไปเลยดีกว่านะ
มีแฟนแล้วเจอแต่พวกไม่ดีอย่ามีมันเลยซะจะดีกว่า เป็นเรื่องที่อ่านแล้วไม่จิ้นไม่ฟินให้คู่ใครเลย
อยากให้จูนอยู่คนเดียว โสดแบบสวยๆไปเลยจะดีกว่า

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
โห ไม่เห็นเรื่องนี้ไปได้ยังไง .... เพิ่งมาอ่าน ชอบค่ะ
แต่ที่ไม่ชอบมาก คือ เคน ตกลงคือแกเห็นแก่ตัวไปนะ
ไม่ใช่ซื่อ หรือโง่ แต่เห็นแก่ตัวมากอ่ะ รอตอนต่อไปนะ

asarigb

  • บุคคลทั่วไป
 :katai4: คืออิพี่เคนมันเห็นแก่ตัวที่สู๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
แต่ประเด็นหนึ่งที่เข้ามาแล้ว"แรงงงงงงงงงง"เนี่ย คงเป็นยุทธ์กับโชติ  :ling3:
ความจริงเปิดเผย!
จริงอยู่ที่พี่เคนเลว(อัพเวลให้) เพราะชอบโดยที่มียัยนิดอะไรนั้นด้วย(ซึ่งไม่รู้ได้เสียกันรึยัง?)
แต่คุณพี่ยุทธ์! คุณพี่ช่างกล้าทำแบบนี้กับโชติตัวน่อยตัวนิดของเดี๊ยนนนนนนน  :katai1:
ทำไมทำแบบนี้ละคะ TT^TT เดี๊ยนมองพี่เป็นคนดีมาตลอด แต่ทำกับพี่โชติแบบนี้
แล้วดันมาชอบน้องจูนของเดี๊ยนอีก คืออะไรรรรรรร  :mew4:
แล้วทิ้งโชติไว้ข้างหลังน่ะเหรอ? ทำแบบนี้เกินไปแล้ว
ยุติความสัมพันธ์แบบนี้งั้นเหรอ? ถ้าไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ก็ไม่ควรทำตามคำขอร้องของโชติแต่แรก
ใจร้ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :ling1:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1522
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ความรักไม่ใช่เรื่องล้อเล่นจริงๆน่ะแหละ ถ้ารู้ว่าตัวเองไม่พร้อมก็ไม่น่าดึงใครมาเจ็บกับเรา

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@ talk @@@
อัพรับวันหยุดยาว


  พังทลาย 1/2



      “เราเลิกทำแบบนี้กันเถอะ”


      เสียงของยุทธ์ยังคงดังอยู่ในหัว ถึงจะเอ่ยปากไล่แต่สุดท้ายแล้วก็มีแต่ตัวเองที่เจ็บ จะไปโทษยุทธ์ตั้งแต่แรกคงไม่ได้ มันผิดที่เขาเองที่ไม่หักห้ามใจ รู้ทั้รู้แท้ๆว่าในตอนนั้นที่เขากับยุทธ์มีอะไรกันครั้งแรกนั้นเป็นเพราะยุทธ์เมา มนุษย์ปากเสียแบบนั้นก็คงพูดทีเล่นทีจริงเพราะความเมานั่นเอง เขายังจำได้อยู่เลยว่าคืนนั้นยุทธ์เมามากแค่ไหน พูดจาอ้อแอ้แทบจะไม่เป็นคำอยู่แล้ว แต่สายตานั้นก็ดูฉ่ำชื้นดูเย้ายวนใจอย่างประหลาด เพียงเพราะสัมผัสจากปลายมือร้อนจัดนั้นแต่ที่แขนของเขา พร้อมกับพูดว่า
   

          "ถ้านี้มึงเป็นเกย์นะ กูจะทำให้มึงเป็นคนแรกเอง"


        เขารู้ดีว่านั่นเป็นคำพูดของเพื่อน ที่มีให้กับเพื่อน เป็นคำพูดล้อเล่นที่มีให้กันเหมือนทุกทีแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในวินาทีที่ยุทธ์เอ่ยคำนั้นออกมาเขาก็แทบจะยอมทุกอย่างให้กับอีกฝ่ายแล้ว

          ค่ำคืนเร่าร้อน หากแต่เป็นไปด้วยความสับสนและหวาดหวั่น โชติไม่อาจหยุดตัวเองไม่ให้จินตนาการไปถึงตอนที่ยุทธ์สร่างเมาได้ แม้ร่างกายจะอ่อนล้าเพียงใด แต่ความรู้สึกนั้นกลับไม่ยอมให้เขาข่มตานอน เขาขืนตัวเองให้นั่งมองคนที่หลับสนิทอยู่ข้างๆเอาไว้จนรุ่งเช้าด้วยกลัวว่ายุทธ์จะตื่นขึ้นมาแล้วตกใจกับสิ่งทีทำลงไปจนต้องรีบเก็บผ้าผ่อนหนีไป..แต่ยุทธ์ก็ไม่หนี ตรงกันข้ามกลับจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดีและก้มหัวขอโทษเขาหลายต่อหลายรอบ


          "กูสัญญาว่ากูจะชดใช้ให้มึง ไม่ว่ามึงจะพูดอะไร....ขอแค่บอกกูจะทำให้"


          ยุทธ์พูดแบบนั้นอย่างพลางบีบมือของเขาเอาไว้สองไหล่สั่นระริก นั่นเป็นไม่กี่ครั้งที่เขาเห็นยุทธ์ดูสับสนและอ่อนแอแบบนั้น พวกเขากอดกันและกันเอาไว้ โชติไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เขาจะขอให้ยุทธ์ทำให้จะเป็นเรื่องอะไร เพียงในตอนนั้นเขาแค่อยากให้ยุทธ์หยุดตกใจจึงตอบไปสั้นๆว่าแล้วจะบอก โดยไม่คิดว่า มันจะกลายเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวที่สุดเท่าที่เคยทำมา


          เขาขอให้ยุทธ์นอนด้วยทุกครั้งที่เขาต้องการ
          และเขาขอให้ยุทธ์มาหาเขาทุกครั้งที่ยุทธ์ต้องการเช่นกัน


        เขาเป็นคนใช้ประโยชน์จากร่างกายของยุทธ์  เช่นเดียวกัน ยุทธ์ก็ใช้ประโยชน์จากร่างกายของเขา  พวกเขาเรียกร้องสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จากกันและกันอย่างไม่มีใครเกรงใจใคร  เขาต้องการความรัก ที่ยุทธ์ไม่เคยมีให้และยุทธ์เองก็ต้องการเพียงมิตรภาพและความผูกพันธ์ทางกายที่ไม่ผูกมัด...
    
          เพราะเหตุนั้นยุทธ์ถึงมีสีหน้าอึดอัดใจทุกเวลาที่อยู่กับเขา และเมื่อหงุดหงิดเข้ามากๆก็ทำร้ายเขาด้วยคำพูด แน่นอนว่าเขาเองก็ตอบโต้  เพราะมันชดใช้กันได้ไม่หมด ไม่จบไม่สิ้นและคงไม่มีคำว่าพอ และเขาก็คิดมาตลอดว่าตราบใดที่ยุทธ์ยังไม่มีใคร ยุทธ์คือของๆเขาคนเดียว จนถึงตอนนี้.....ที่ยุทธ์ตั้งใจจะ "ไป" จากเขาจริงๆ มันจบลงแล้ว....คงจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ


              “โชติ...สรุปมึงจะกินไหมเนื้อนั่นน่ะ ถ้าไม่กินกูขอ” เสียงทุ้มของเคนดังขึ้นดึงให้โชติกลับคืนสู่ความเป็นจริง เสียงเพลงที่เปิดยังดังอยู่เช่นเดียวกับเนื้อย่างที่ยังอยู่บนจานกระดาษกับเคนที่ดูจะหงุดหงิดมากจนเอาทกอารมณ์ไปลงกับของกินและเบียร์ที่อยู่รอบตัว

              “เออ จะกินก็กินไปสิ แล้วมึงเป็นห่าอะไร แดกเอาแดกเอา ....พรุ่งนี้ยังมีถ่ายอีกนะเว้ย”
 
             “ก็ไม่มีอะไร ....แค่หงุดหงิดนิดหน่อย...” เคนเบะปากพลางยกเบียร์ขึ้นดื่มไม่ได้ใส่ใจที่โชติเตือนนักปกติเขาก็ไม่ใช่คนที่เมาง่ายๆอยู่แล้วกินแค่นี้ ไม่ถือว่าหนักหนาอะไรนัก
    
          “แล้วไอ้ที่หงุดหงิด...มันเรื่องอะไร เรื่องไอ้จูน?” โชติทายถามได้แม่นอย่างกับตาเห็น ทำเอาคนถูกถามถึงกับสำลักออกมา

             “.....แค่ก....แค่ก.....ห่า พูดเรื่องอะไร”
    
          “เรื่องที่มึงกับกูก็รู้ๆกันอยู่....เห็นนะที่ทำตอนถ่ายน่ะแบบนั้นเรียกอารมณ์ล้วนๆ ไม่ใช่การแสดง”
     
          ได้ฟังคำตอบแบบนั้นเคนต้องเสตามองไปทางอื่น มือไม้เริ่มไม่รู้จะวางตรงไหนในเมื่อโชติพูดไม่ผิดไปจากความจริงที่เกิดขึ้นเลย

              “อ่ะ...เออ...กูก็พิสูจน์ให้มึงเห็นแล้วไงว่ากูจำบทได้ดี แล้วก็ไม่ได้เล่นแข็งเป็นท่อนไม้ด้วย” เคนหัวเราะเสียงขึ้นจมูกน้อยๆก่อนจะยกเบียร์ขึ้นดื่มอีก...
    
          “ก็ดี...เล่นให้ได้แบบนี้ไปเรื่อยๆก็แล้วกัน” โชติตบบ่าของเพื่อนเบาๆ ในใจนึกตื่นเต้นนักว่าจะมีใครเต้นผางๆจากบทบาทของจูนและเคนหรือไม่...บางทีคำตอบนั้นก็ชัดเจนอยู่แล้ว       
 
            “ก็ถ้าอีกคนเขายังเล่นด้วยอ่ะนะ...” เคนมองหันมองข้ามไหล่ของตัวเองไปยังคนที่กำลังเก็บขยะลงใส่ถุงดำ ก่อนที่ร่างสูงโปร่งนั้นจะเดินโซเซกลับเข้าไปในบ้าน ในใจยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บที่ยังคงเสียดแทงเข้ามาข้างในอก...มันติดค้างอยู่ข้างใน... มีคำพูดอีกหลายคำเหลือเกินที่อยากจะพูดกับอีกฝ่าย
    
          “เดี๋ยวกูมา...” เคนเอ่ยขึ้นเบาๆแล้วผุดลุกขึ้นทันควัน
    
          “ไปไหนอ่ะ.....”
    
          “ไปขี้....” เคนหันมาขมวดคิ้วใส่โชติก่อนจะสาวเท้าเร็วๆเดินเข้าบ้านไปด้วยท่าทีเหมือนจะไปทำธุระอย่างที่อ้างจริงๆ


.................................................

 
             เสียงโทรทัศน์ในห้องรับแขกนั้นเปิดดังพอจะแข่งกับเสียงเพลงที่อยู่ด้านนอก จูนได้ยินเสียงจากผู้ประกาศข่าวที่รายงานสถานการณ์สดจากสถานที่เค้าท์ดวน์ทั่วประเทศไปว่าใกล้จะอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ปีใหม่ เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเปิดประตูตู้เย็น ไอเย็นที่เข้ามาปะทะใบหน้าที่ร้อนผ่าวเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ เด็กหนุ่มยิ้มน้อยๆก่อนจะคว้าขวดน้ำเปล่าที่แช่จนเย็นเฉียบอยู่ด้านในขึ้นมาแตะที่ข้างลำคอ
    

          “เฮ้อ........”

          ความเย็นช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่จะยกขวดน้ำนั้นขึ้นดื่มลงไปอึกใหญ่ ความเย็นของน้ำที่ไหลผ่านลำคอลงไปนั้นพอจะช่วยให้ในหัวที่กำลังมึนงงนั้นรับรู้สิ่งรอบๆตัวได้ดีขึ้นบ้าง เด็กหนุ่มก้าวช้าๆไปที่โซฟาสีเขียวตัวใหญ่กลางห้องรับแขก ก่อนจะทิ้งตัวลงอย่างหมดเรี่ยวแรง ดวงตารีเรียวเหลือบไปมองบรรยากาศคึกคักในทีวี นึกสงสัยในใจว่าทำไมหนอความคึกคักนั้นถึงไม่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้บ้าง ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด....ทุกอย่างรอบตัวของเขาเหมือนถูกครอบงำด้วยความสับสน และตัวเขาเองก็เช่นเดียวกัน
    
          เด็กหนุ่มดึงโทรศัพท์มือถือที่ไม่ได้สนใจมาพักใหญ่ขึ้นมาเปิดเช็คข้อความต่างๆในสังคมออนไลน์ บางภาพเป็นภาพของเพื่อนสนิทที่กำลังปาร์ตี้กันอย่างสุดเหวี่ยงในคืนสิ้นปี บางภาพเป็นภาพของญาติที่กำลังทำความสะอาดบ้านเพื่อเตรียมต้อนรับวันใหม่ เห็นแบบนั้นก็อดคิดถึงแม่ขึ้นมาไม่ได้ เด็กหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ป่านนี้หรือคุณแม่ของเขาคงเข้านอนไปแล้วเป็นแน่
    
           “....พรุ่งนี้ค่อยโทรไปสวัสดีปีใหม่ทีเดียวก็แล้วกัน...” จูนถอนหายใจออกมาเบาๆ
 สองมือยกขึ้นก่ายหน้าผากก่อนจะหลับตาลงช้าๆ อยู่ๆความง่วงงุนก็แทรกเข้ามาครอบงำร่างทั้งร่างกาย แต่ในขณะที่คล้ายจะล่องลอยไปสู่ห้วงแห่งความฝัน แรงสั่นสะเทือนเบาๆในฝ่ามือและเสียงโทรศัพท์ที่แผดเสียงลั่นก็ดึงความรู้สึกทั้งหมดให้กลับเข้าสู่ความเป็นจริง เด็กหนุ่มผวาเฮือกลุกขึ้นมามองดูโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ ชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอทำให้ต้องเบิกตากว้าง


               .... พี่นิด .....
     



             ในหัวยังไม่มีเสียงสวรรค์มาให้คำตอบว่าควรจะทำอย่างไรดี เขาแลกเบอร์กับนิดไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แต่เพราะไม่มีธระอะไรจะต้องคุยด้วยกันนักเลยไม่คิดจะกดเบอร์ไปโทรหาแล้วอยู่ๆนิดจะอยากโทรหาเขาขึ้นมานั้นเป็นเพราะเหตุใดกันนั้นจูนเองก็ออกจะสับสนอยู่ไม่น้อย ทันใดก็เห็นร่างสูงของใครบางคนเดินพรวดพราดเข้ามาจากทางหลังบ้าน ในวินาทีนั้นจูนไม่แน่ใจนักว่าในหัวใจของเขากำลังรู้สึกอย่างไร ที่แน่ๆอารมณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่อารมณ์ในทางบวกอย่างที่อยากจะรู้สึกเป็นแน่ เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงไปยังอีกฝ่ายทันที


               “พี่เคน! โทรศัพท์”

           ไม่พูดเปล่าสมาร์ทโฟนราคาแพงลอยละลิ่วจากปลายนิ้วของเด็กหนุ่มด้วยความเร็วไม่น้อย หากเป็นคนอื่นคงกระโดดหลบหรือทำโทรศัพท์ตกไปแล้วแต่เพราะจูนรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นใครจึงจงใจโยนโทรศัพท์ให้และเคนก็รับได้อย่างไม่มีพลาด
    
           “หะ....อะไร.....”
    
           “โทรศัพท์ พี่นิดโทรมา....” พูดเสร็จก่อนทำท่าจะเลี้ยวขึ้นบันไดไปที่ชั้นบนของบ้าน แต่กลับเจอมือใหญ่ของเคนดึงเอาไว้ ท่าทางของคนที่ถือโทรศัพท์อยู่นั้นดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจการกระทำของเขาสักเท่าไร
    
           “พี่นิดโทรมา...รับโทรศัพท์ซะ ผมเมาแล้วจะขึ้นไปอาบน้ำข้างบน” จูนตอบเพราะอยากจะตัดปัญหานี้ออกไปให้พ้นตัวเสียทีร่างสูงโปร่งดึงมือของตัวเองออกก่อนจะก้าวขึ้นบันไดไปด้านบน
    
        “เฮ้ย จูน! เดี๋ยวสิ! นี่มันอะไรกัน” ด้วยความไม่เข้าใจร่างสูงใหญ่ของเคนนรีบเดินตามขึ้นไปด้านบนทั้งๆที่โทรศัพท์ยังร้องดังอยู่ในมือ จูนเดินเข้าห้องพักไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่เร็วพอที่จะปิดประตูไว้เบื้องหลังเพราะเคนได้ดันร่างใหญ่ของตัวเองเข้ามาข้างในห้องเสียแล้ว บานประตูห้องนอนปิดดังปังด้วยอารมณ์ของคนที่เดินตามหลังเข้ามา


           “นี่มันอะไร!” เคนถามเสียงดังพลางยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้กับจูนทั้งๆที่ยังไม่ได้รับอยู่แบบนั้น
    
      “โทรศัพท์ แฟนของพี่โทรมา...ผมเดาว่าคงเป็นเรื่องพี่ ก็เลยคิดว่าพี่ควรจะรับ” จูนตอบทั้งๆที่ไม่ได้หันหน้าไปมองหน้าของเคนเสียด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวกับเสื้อนอนมาทำท่าเหมือนจะอาบน้ำอย่างที่ว่า ไม่ได้สนใจท่าทางของเคนเลยแม้แต่น้อย
    
       “............... “ เคนกัดฟันกรอด
      “หันมามองหน้ากันสิ อยากให้พี่ทำอะไร..... ก็บอกกันมาตรงๆ “ ร่างสูงเดินเข้าไปดึงไหล่ของเด็กหนุ่มให้หันกลับมามองหน้า
    
       “ก็บอกแล้วไง ว่าให้รับโทรศัพท์ ถ้าพี่ไม่รับล่ะผมจะรับให้พี่เอง! จะได้คุยกับแฟนให้หายคิดถึง ให้หายบ้าไง” จูนว่าพลางเดินเข้าไปแย่งโทรศัพท์จากมือของเคนมากดรับสายทันที 
    

               “ครับ?”
     
             “จูนเหรอคะ พี่นิดเองนะคะ”


    เสียงหวานดังขึ้นที่ข้างหูทำเอาจูนรู้สึกขนลุกวาบไปทั้งตัว มันเป็นเสียงที่หวานหากแต่สดใสที่พอได้ยินแล้วทำให้รู้สึกผิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
     

    “ครับ....พี่นิด มีอะไรรึเปล่าครับ?” เด็กหนุ่มเอ่ยถามพยายามตะปรับโทนเสียงให้เป็นปรกติที่สุด
     

   “อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ พอดีพี่โทรหาพี่เคนแล้วไม่รับเลย นี่ไม่รู้ไปซุ่มซ่ามลืมโทรศัพท์ไว้ที่ไหนหรือเปล่า จูนเห็นพี่เคนไหมคะ ขอพี่คุยกับพี่เคนหน่อยได้ไหม”


    คำถามนั้นทำให้จูนรู้สึกอึดอัดจนอยากจะวางสาย แต่ก็รู้ดีว่านิดไม่ได้มารับรู้เรื่องราวชวนหนักอกอะไรกับเขาด้วย
 

      “สักครู่นะครับ...ผมว่าผมเจอเจ้าตัวแล้ว”  เด็กหนุ่มเอ่ยก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้กับคนที่อยู่ตรงหน้า
             “พี่เคน ....โทรศัพท์” จูนย้ำ
    
   “...............”
 
    เคนมองหน้าของจูนนิ่งเด็กหนุ่มกำลังมองหน้าเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกอารมณ์ที่ขุ่นมัว อันที่จริงเขาเดินตามจูนเข้ามาเพราะอยากจะขอโทษที่จูบจูนไปที่ชายหาด ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้แต่ก็อยากจะทำให้อีกฝ่ายเลิกมองเขาด้วยสายตาแบบนั้นเขาฉวยโทรศัพท์มาจากมือของเด็กหนุ่ม

       “...แกอยู่นี่...อย่าเพิ่งไปไหนล่ะ....”  เคนเอ่ยเบาๆด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยจนยากจะคาดเดาอารมณ์

    
   ร่างสูงรับโทรศัพท์แต่ก่อนที่จูนจะได้หันหน้าหนีไปไหนอีกมืออีกข้างของเคนก็ยึดข้อแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ ในขณะที่ลดโทรศัพท์ลงแล้วกดเปิดเสียงลำโพง


      “ครับ....นิด”  เคนกรอกเสียงลงไปทั้งๆที่ยังไม่ละสายตาจากเด็กหนุ่ม
    
  “พี่เคนคะ นี่ทำไมไม่รับโทรศัพท์นิดคะ นี่นิดโทรหาตั้งหลายรอบเลยนะ นี่ไปซุ่มซ่ามลืมโทรศัพท์ไว้ที่ไหนหรือเปล่าคะเนี่ย”

      “พอดีโทรศัพท์มันตกแถวชายหาดน่ะ....” เคนกลืนน้ำลายก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่า
    
  “นั่นไง ว่าแล้วเชียวพี่เคนก็แบบนี้ทุกทีเลย นี่คงไม่ได้กำลังฉลองกับที่ชมรมอยู่ใช่ไหมคะ ได้ยินเสียงเพลงด้วย อย่าดื่มให้มากนะคะ แล้วอย่าให้รู้นะว่ามีสาวๆคนไหนไปด้วย ไม่งั้นนิดเอาเรื่องแน่ รู้แล้ว...เดี๋ยวนิดจะบอกจูนให้คอยเช็คพี่อย่างดีเลยคอยดู”

   น้ำเสียงของหญิงสาวที่เอ่ยออกมานั้นจริงจังอยู่ไม่น้อยจนทำให้คนที่ถูกเอ่ยถึงต้องถลึงตามองหน้าของเคน เป็นเชิงว่าให้ปล่อยมือของเขาเดี๋ยวนี้   แต่เคนก็ยังยึดแขนของจูนเอาไว้ในตอนนี้เสียงที่ได้ยินมีเพียงเสียงเจื้อยแจ้วของนิดที่พยายามจะเล่าเหตุการณ์ปาร์ตี้ที่เธอกำลังไปกับเพื่อนให้เคนฟัง มันน่าขันที่ในขณะที่เธอกำลังบอกเขาว่าอย่าดื่มให้มากเธอเองก็กำลังออกไปฉลองปีใหม่กับเพื่อน บอกได้จากเสียงเพลงที่ดังเบาๆจากในลำโพงนี่คงหลบเข้ามาโทรในห้องน้ำหรืออะไรแบบนั้น และมันน่าขัน...น่าขันเสียจนน่าหงุดหงิด

 
       “นิด.... ฟังพี่นะ เราก็คบกันมาพักนึงแล้ว พี่ว่าเราน่าจะเลิก.....”
   เคนค่อยๆเอ่ยออกมาทีละคำจนคำสุดท้ายดวงตาคมเหลือบมองใบหน้าของจูน เด็กหนุ่มดูตกใจกับประโยคที่ได้ยิน มือเรียวข้างที่ว่างยกขึ้นปิดปากของเคนทันควัน ใบหน้าได้รูปนั้นขยับประชิดจนแทบจะติดกับหน้าของร่างสูง
    
   “พี่จะพูดอะไรน่ะ!” เสียงกระซิบลอดไรฟันออกมา ดวงตารีเรียวที่มองมานั้นจ้องราวกับจะคาดคั้น
    
   “จะพูดในสิ่งที่จะทำให้แกยอมฟังพี่ซักทีไง” เคนตอบและทำให้จูนรู้ได้ว่าสิ่งที่เคนหมายถึงนั้นคืออะไร


       ....คิดจะบอกเลิกพี่นิดอย่างนั้นเหรอ....


             “อย่า......แม้แต่จะคิด ถ้าพี่พูดออกมาล่ะก็ ผมไม่เอาพี่ไว้แน่” คราวนี้เป็นจูนเองที่กัดฟันกรอด คนตรงหน้าคิดจะทำอะไร บอกเลิกกับหญิงสาวทางสายโทรศัพท์อย่างนั้นหรือ ในหัวอดที่จะตั้งคำถามไม่ได้ว่าทำไมถึงเลือกวิธีการนี้...ทำไมถึงต้องดิ้นรนขนาดนี้
 
             “มันเรื่องของพี่.....” เคนตอบมือแกร่งข้างที่ถือโทรศัพท์อยู่ดันอกของเด็กหนุ่มให้ถอยออกไป ได้ยินเสียงของนิดถาม
‘ฮัลโหล ฮัลโหล’ ดังออกมาจากลำโพง เคนมองหน้าของจูนนิ่ง หัวใจเหมือนจะแตกไปเป็นรอบที่เท่าไรของคืนนี้เพราะคำว่า “อย่า แม้แต่จะคิด” ของอีกฝ่ายมันบอกอะไรหลายอย่างให้กับเขาเหมือนกัน
    
   
         “ครับนิด ...” ชายหนุ่มหันกลับไปกรอกเสียงใส่โทรศัพท์อีกครั้ง
    
         “เมื่อกี้พี่เคนจะพูดว่าอะไรนะคะ” 

           “เปล่าครับ พี่แค่จะบอกว่านิดไว้ใจพี่ได้เสมอ พี่ไม่มีผู้หญิงคนอื่นหรอก อีกอย่าง....ไอ้จูน...มันก็ดูพี่แทนนิดอย่างดีเลย นี่จะทำตัวเป็นแม่พี่อีกคนแล้ว” เคนยังกล่าวติดตลกตรงกันข้ามกับคนที่ยืนฟังอยู่ตรงหน้าที่ดูไม่มีท่าอยากจะขำด้วย
 
     “ฮ่ะๆ...พี่เคนก็ไปว่าน้อง...”   

           “เดี๋ยวจะเค้าท์ดาวน์แล้ว นิดคงอยากไปเค้าท์ดาวน์กับเพื่อน...พี่ไม่กวนนิดดีกว่า”เคนเอ่ย “สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะครับ ขับรถกลับหอดีๆล่ะ” ชายหนุ่มบอกลาหญิงสาวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มหูจนคนที่ยืนฟังอยู่ยังต้องเบือนหน้าหนี
    

           “ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ สวัสดีปีใหม่เหมือนกันค่ะพี่เคน...”   


           สิ้นเสียงหวานของหญิงสาวร่างเล็ก ลำโพงของโทรศัพท์ก็ไม่ได้เปล่งเสียงใดๆออกมาอีกทิ้งให้ในห้องมีเพียงแค่ความเงียบและเสียงลมหายใจแผ่วๆจากร่างของเด็กหนุ่มร่างสูง
    
     
           “ทีนี้....พี่พอจะทำให้แกพอใจได้หรือยัง”

         เคนพูดด้วยน้ำเสียงที่ยากจะคาดเดาอารมณ์แล้วโยนโทรศัพท์มือถือของจูนไปบนเตียงที่อยู่ข้างๆ
 
             “พี่คิดจะทำอะไรกันแน่....” จูนมองหน้าของอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ  ใบหน้าของเด็กหนุ่มร้อนผะผ่าว   
    
          “พี่ว่าจะบอกเลิกนิด....” เคนเองก็ไม่ได้หลบสายตา
    
          “พี่จะบอกเลิกพี่นิดทำไม...” เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายเข้าไปกระชากทั้งสองไหล่ของร่างสูงเอาไว้
      “พี่ผิดนิดตรงไหน ทำไมไม่พูดกันให้รู้เรื่องล่ะ ทำไมพี่จะต้องบอกเลิกพี่นิดด้วย” จูนเขย่าไหล่ของเคนราวกับอยากจะให้เคนรู้สึกตัวเสียทีหากที่เขาเห็นทั้งหมดนั่นเป็นเพียงแค่การทำไปโดยไม่ได้คิดเหมือนทุกครั้ง


              “...............” เคนสบตาของเด็กหนุ่มนิ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา


              ....ตอบไปอีกฝ่ายก็คงไม่เข้าใจ....
    ....เพราะมันไม่เคยมีความสมบูรณ์ในความสัมพันธ์ใดๆ....



             “ใช่...นิดไม่ผิด...พี่นี่ล่ะผิด ผิดที่พี่ไปหลงรักคนอื่นแล้ว...และพี่ไม่อยากรักและตกหลุมรักคนสองคนพร้อมๆกัน” เคนตอบสบดวงตารีเรียวที่เต็มไปด้วยความสับสนนั่น ริมฝีปากหยักเป็นรอยยิ้มเศร้าพลางยกหลังมือแตะที่ข้างแก้มของเด็กหนุ่ม
    
          “พี่ตัดสินใจแล้ว….”
    
          “ไม่....ไม่ได้...พี่ไม่ได้เกย์ และผมก็ไม่ใช่เกย์ ....”จูนเอ่ยด้วยเสียงสั่นเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา

             “แล้วมันสำคัญนักหรือไงว่าอีกคนจะต้องเป็นเพศอะไร!” คราวนี้เป็นฝ่ายของเคนที่จับไหล่ของเด็กหนุ่มเอาไว้บ้าง มือแกร่งบีบลงบนเนื้อของเด็กหนุ่มด้วยแรงที่หากเป็นนิดคงร้องไห้ออกมาแล้ว แต่กับจูนนั้นไม่ใช่...
             “พี่บอกแกแล้วว่าความรู้สึกของพี่มันจริง พี่อาจจะทำอะไรช้า เพราะมัวแต่กลัว...กลัวว่าถ้าปล่อยมือจากนิดแล้วพี่จะผิดหวัง แต่ตอนนี้พี่ไม่กลัวแล้ว.....เพราะพี่รู้สึกว่าแกหักอกพี่ได้ทุกๆห้านาทีในหนึ่งวัน....แต่ถึงแบบนั้นพี่ก็ยังยอมรับความรู้สึกของตัวเอง แล้วแกล่ะจูน....แกคิดอะไร” 
    

          “............................” เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนัก มันน่าตกใจที่เคนจะสามารถตัดสินใจและพูดความรู้สึกออกมาได้ตรงแบบนั้น มันตรงเสียจนน่ากลัว เด็กหนุ่มเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
            “.....ผมไม่ได้รักพี่” เสียงนั้นเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาจนแทบจะไมได้ยิน หัวใจที่เต้นอยู่ในอกของจูนบีบตัวแรงเสียจนรู้สึกเจ็บ

           “............................นั่นแกพูดจริงเหรอ”  แรงจากมือแกร่งที่บีบลงบนไหล่ทั้งสองข้างนั้นเพิ่มมากขึ้นโดยที่เคนเองก็ไม่รู้ตัว

           “ใช่”  คำตอบสั้นๆพร้อมกับสายตาที่มองมาอย่างขุ่นเคืองนั้นคล้ายจะตอกย้ำในคำตอบนั้นได้เป็นอย่างดี
   
        “พี่ถามว่าแกคิดอย่างนั้นจริงๆใช่ไหม”  เคนขบกรามแน่นก่อนจะถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่คล้ายกำลังคำรามอยู่ในลำคอ
    
        “ใช่ .... พี่มันใจร้าย เห็นแก่ตัว ดีแต่หาเรื่องให้คนอื่นเขาไปวันๆ ทำให้คนอื่นเขาสับสน เจ็บปวด มีอะไรดีบ้างไหม มีอะไรให้ผมต้องรู้สึกรักพี่บ้าง...เข้าใจไหม ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่เลย!” คำพูดมากมายพรั่งพรูมออกมาริมฝีปากของเด็กหนุ่ม สิ่งที่จูนพูดนั้นคล้ายจะย้ำเตือนความคิดบางอย่างของตัวเองมากกว่า เด็กหนุ่มรุ่นน้องดึงตัวเองออกมาจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย
ก่อนก้าวเท้ายาวๆ ไปทางห้องน้ำ รู้แน่ว่าตอนนี้เขาไม่อยากจะอยู่เห็นหน้าของเคนอีก ร่างสูงโปร่งหมายจะเดินเข้าไปขอหลบคิดอะไรบางอย่างในห้องน้ำแต่กลับรู้สึกได้ถึงแรงผลักจากทางด้านหลัง เด็กหนุ่มเซถลาไปด้านหน้าแต่โชคยังดีที่ยันตัวเองกับเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าหินอ่อน

            “โอ้ย....เจ็บนะเว้ย เล่นอะไรวะ” จูนหันกลับไปต่อว่าอีกฝ่ายทันควัน แต่กลับต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ๆร่างสูงก็เข้ามาประชิดตัว เท้าแขนล้อมกรอบเขาเอาไว้กับพื้นผิวเย็นเฉียบของเคาท์เตอร์
    
       “ใครกันแน่ที่ใจร้าย....” ซุ่มเสียงที่ถามกลับมานั้นเย็นเยียบ ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์บนใบหน้าของเคนแดงก่ำในแบบที่ไม่แน่ใจนักว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายดื่มเข้าไปเยอะหรือเป็นเพราะอารมณ์ที่มันปั่นป่วนอย่ข้างในกันแน่
         “ใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว...ยั่วคนอื่นเขาให้คิดเตลิดไปถึงไหนต่อไหน” 
    
       “......ยั่ว?.....พี่พูดเรื่องอะไร”
    
       “พี่ถามว่าแล้วใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว! ปากบอกไม่ได้ชอบ ไม่ได้รู้สึกดีด้วย แต่พอกอดจูบ ก็ยอมให้กอดให้จูบอยู่แบบนั้น” 

        ในหัวของเคนตอนนี้มีเพียงภาพของช่วงเวลาก่อนหน้านั้น ช่วงเวลาที่เขาดูเหมือนว่าเขาจะคิดไปเองฝ่ายเดียวว่าอีกฝ่ายคงยอมรับการกระทำของเขาบ้าง จูนคงไม่รู้กระมังว่าทุกการกระทำนั้นมันทำให้เขาดีใจแค่ไหน และเมื่อตอนนี้ที่ทุกอย่างมันกลายเป็นแบบนี้ไปแล้วเคนกลับรู้สึกว่าตัวเองโง่งมอย่างบอกไม่ถูก ส่วนหนึ่งรู้ว่าเป็นเขาที่ผิดเองแต่อีกส่วนหนึ่งก็รู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายหลอกเช่นกัน
    
       “ทั้งๆที่ตัวเองก็กลัวเกินจะยอมรับว่ารู้สึกดี แต่ก็ยังยอมให้ทำ แบบนี้มันไม่เรียกว่ายั่วกันจะให้เรียกว่าอะไรได้” 
    
       “ผมไม่ได้ยั่วใคร.......เรื่องคืนนั่น.....ผมก็แค่ปลอบพี่ มันก็แค่ปฏิกิริยาของร่างกาย....พี่เองก็น่าจะรู้ดี” จูนตอบกลับอย่างไม่ยอมเช่นกัน    เมื่อเจอย้อนด้วยคำพูดราวกับรู้ดีถึงความรู้สึกของเขาทำให้เคนหัวเราะขึ้นจมูกราวกับอยากจะเย้ยหยันท่าทีของอีกฝ่าย

          “รู้ดี?.....” เคนขยับหน้าเข้าไปใกล้เสียจนเด็กหนุ่มต้องกลั้นลมหายใจ “แกคิดว่าแกรู้ดีใช่ไหม ว่าพี่คิดอะไร .... “
    
      “ใช่...พี่ก็แค่อยากลองของแปลกไง พี่รู้ไหมยังมีเก้งกวางอีกตั้งหลายคนที่มหาลัยที่อยากให้พี่กอด ทำไมต้องเป็นผม...เพราะผมมันดูแหยสู้พี่ไม่ได้ใช่ไหม พี่ก็แค่เห็นผมเป็นของเล่นให้เล่นสนุกไปวันๆใช่ไหม”
 
       เคนกระชากคอเสื้อของจูนเอาแล้วจับหมุน กระแทกเข้ากับบานประตูห้องน้ำจนปิดลง
 
         “อึ่ก!! “ จูนหลับตาแน่นเพราะแรงกระแทก บวกกับแอลกอฮอลล์ที่ดื่มเข้าไปยิ่งทำให้รู้สึกคล้ายจะทรงตัวไม่อยู่
 แต่แรงดึงที่คอเสื้อยังทำให้เขาพอที่จะมองหน้าคนตรงหน้าอยู่ได้บ้าง
    
     “พูด ทำ ขนาดนี้ แกก็ยังคิดว่าพี่แค่เล่นๆกับแกสินะ.....เสียใจว่ะ” เคนแค่นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ


         “ได้ ถ้าคิดว่ามันเป็นแค่ปฏิกิริยาตอบสนอง...พี่ก็จะขอดูหน่อยนะว่าแกจะตอบสนองมากกว่าเมื่อคืนได้ไหม”


................... to  be continued
(ตอนต่อจะมาลงในวันพรุ่งนี้ หรือ มะรืนค่ะ )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2014 16:49:08 โดย goldfishpka »

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
คำเตือน
ตอนต่อไปนี้อาจมีเนื้อหาทางเพศ
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 17 ปีขึ้นไป (NC-17)
ป.ล. กรุณาเตรียมเลือดและทิชชู่ไว้พอประมาณ




   “ได้ ถ้าคิดว่ามันเป็นแค่ปฏิกิริยาตอบสนอง...พี่ก็จะขอดูหน่อยนะว่าแกจะตอบสนองมากกว่าเมื่อคืนได้ไหม”
[/b]


พูดจบ เคนก้มลงเล็กน้อยปิดปากได้รูปที่ดีแต่จะต่อว่าเขาด้วยริมฝีปากของตัวเอง ปลายลิ้นร้อนล่วงล้ำอย่างถือดี
    
     “อื้อ...ไม่.....”

     เด็กหนุ่มหลับตาแน่น ความร้อนจากปลายลิ้นที่รุกเข้ามานั้นทำให้สะดุ้งเด็กหนุ่มยักไหล่ขึ้น สองมือพยายามดันไหล่ทั้งสองข้างของอีกฝ่ายออกไป แต่มือแกร่งกลับดึงมือของจูนออกกดไว้กับบานประตูห้องน้ำ ในขณะที่มืออีกข้างสอดผ่านชายเสื้อเข้าไปสัมผัสกล้ามเนื้อบนหน้าท้องแบนราบก่อนเลื่อนไปจับเอวของอีกฝ่ายให้ขยับเข้ามาใกล้ ต้นขาสอดแทรกระหว่างโคนขาด้านในของเด็กหนุ่ม ร่างสูงเบียดตัวเข้าไปชิดเสียจนจูนต้องสะดุ้งออกมาอีกครั้ง ริมฝีปากผละออกจากการรุกล้ำของร่างสูงด้วยตกใจจนต้องอุทานออกมา
    

     “จะทำอะไร....ไม่เอา!” เด็กหนุ่มยิ่งดิ้นหนักเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายใช้ริมฝีปากร้อนงับเบาๆเข้าที่ใบหู ปลายลิ้นเล็มเลียยั่วยุ พาลให้รู้สึกสั่นไหวไปทั้งร่าง
     
     “อ๊ะ...ปล่อย….” เด็กหนุ่มร้องแต่เสียงที่ออกมานั้นเบาหวิวเมื่อเคนเบียดช่วงสะโพกเข้ามาเสียจนชิด โคนขาใต้กางเกงยีนส์เนื้อหนาของเคนแทรกเข้ามาสัมผัสเสียดสีกับผิวกายของเขาผ่านกางเกงขาสั้นเนื้อบางที่ไม่ช่วยปกป้องอะไรอย่างอุกอาจ จูนพยายามจะขยับตัวหลบไปทางด้านหลังแต่ก็ทำไม่ได้
    
     “อึ๊ก.........” จูนเม้มริมฝีปากแน่น ดูเหมือนเบียร์ที่ดื่มเข้าไปจะช่วยกระตุ้นสัมผัสในการรับรู้ของเขามากเหลือเกิน จูนได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นระรัวอย่างห้ามไม่ได้  ร่างที่กดให้แนบติดประตูนั้นเกร็งแน่น มือที่พยายามจะดันแผ่นอกกว้างของอีกฝ่ายออกเปลี่ยนเป็นขยุ้มอกเสื้อของเคนเอาไว้ ในตอนนี้ความกลัวกับความรู้สึกหวามไหวนั้นระคนกันจนสับสนไปหมด
    

     “เป็นอะไรครับ...ร่างกายให้คำตอบแล้ว?”   
    
     “มะ...ไม่....ปล่อ....อุ๊บ!”
     

     ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อริมฝีปากของร่างสูงก็แนบลงกับริมฝีปากที่ดีแต่จะเถียงของเด็กหนุ่มอย่างร้อนแรงและเอาแต่ใจ เคนนึกอยากโกง แอบปรือตามองเล็กๆ ภาพที่มองเห็นตรงหน้าคือใบหน้าของจูนที่แดงก่ำและขนตาที่สั่นระริก สองหูได้ยินเสียงหอบหายใจระคนกับเสียงช่ำชื้นยามปลายลิ้นสัมผัสได้ถึงความหวานหอม ความนุ่มนวลของเด็กหนุ่มที่พยายามจะหลีกหนี เคนสัมผัสได้ถึงความกลัวของเด็กหนุ่ม พียงแค่นั้นก็ทำให้ใจของเขาอ่อนยวบ


             .....ทั้งๆที่เคยคิดว่าจะไม่ทำให้กลัวแล้วเชียว.....


            แต่ทั้งๆคิดแบบนั้นก็หาได้ถอยปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระไม่ แต่ก็ยังนึกอยากจะปลอบประโลมจากในคราแรกที่สัมผัสเร่งเร้ากลับค่อยผ่อนเช่นเดียวกับมือใหญ่ที่เลื่อนขึ้นมาประคองแผ่นหลังของเด็กหนุ่มเอาไว้ราวกับอยากทะนุถนอม  ปลายนิ้วสัมผัสเพียงผ่านก่อนแตะไล้เบาๆ จากบนไล่ลงไปด้านล่างเรียกแรงสั่นไหวจากผิวกายใต้เนื้อผ้าบางนั่นไม่น้อย แล้วเลื่อนมือมากอบกุมเนื้อตรงสะโพกแน่นให้สัมผัสแนบชิดกับตัวเองให้ได้มากที่สุด ตรงหน้าขารู้สึกได้ถึงแรงต้านเบาๆผ่านผิวผ้าเนื้อบางของกางเกงขาสั้น เคนละริมฝีปากออกพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ
    

     “ หืม?.....ไหนว่า ‘ไม่’ ไง”
     ชายหนุ่มกระซิบชิดริมฝีปากของเด็กหนุ่ม คราวนี้ยอมละมือจากข้อมือของเด็กกหนุ่มลูบไล่จากกล้ามเนื้อใต้วงแขน แผ่นอกแบนเรียบลงมาที่เอวกางเกง ปลายนิ้วไล้เบาๆที่เอวยางยืดด้านหน้าก่อนเกี่ยวดึงขอบกางเกงและกางเกงชั้นในของอีกฝ่ายเอาไว้ ใช้หลังนิ้วเกลี่ยเบาๆบนผิวหน้าท้องแบนราบที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกนิ่มมือนักแต่ก็ชวนให้ขยับลงไปค้นหากับสัมผัสที่เริ่มแข็งขืนนั่นอยู่ไม่น้อย
    

     “อย่าจับนะปล่อยผม .....” เสียงจูนพยายามประท้วงมือก็พยายามดึงข้อมือของเคนออกแต่ก็ต้องอุทานออกมาเมื่ออุ้งมือใหญ่ร้อนนั้นค่อยทาบลงมาสัมผัสร่างกายของเขาผ่านผิวผ้าการสัมผัสโดยตรง แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเด็กหนุ่มจะไม่รู้สึกอะไรเลย
    
     “ไม่....!!”  เด็กหนุ่มผวาเฮือกหลับตาแน่น รู้สึกได้ถึงความชื้นของน้ำตาที่ค่อยทิ้งตัวลงจากหางตา 
    
     "จูน.... " เสียงของเคนแหบพร่า ชายหนุ่มกระซิบแผ่วเบาที่ข้างใบหูของเด็กหนุ่ม น้ำเสียงนั้นคล้ายจะปลอบแต่การกระทำกลับตรงกันข้ามฝ่ามือแกร่งขยับเบาๆอย่างหยอกเย้า ก่อนจะฝังปลายจมูกโด่งลงที่ซอกคอ สูดกลิ่นกายของอีกฝ่ายเข้าเต็มปอด ได้กลิ่นควันปะปนกับกลิ่นเบียร์จางๆ ยิ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัว ริมฝีปากแตะชิมผิวกายนั้นอย่างแรงเสียจูนต้องร้องออกมา
    

     “อ๊ะ! .....”   เด็กหนุ่มหลับตาแน่น ทั้งสัมผัสที่ซอกคอทั้งสัมผัสเบื้องล่าง ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นเรื่องของธรรมชาติแต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่านั่นเป็นเสียงของเขาเอง จูนรู้ดีว่าหากยังดิ้นออกจากการรุกรานของอีกฝ่ายไม่ได้ต่อไปร่างกายของเขาก็จะชนะ มันไม่ใช่เรื่องยากนักที่เขาจะพ่ายแพ้ในเมื่อส่วนตัวเขาเองแล้วไม่ได้สัมผัสตัวเองในเชิงปลดปล่อยเลย.....ถ้าเป็นแบบนั้นเคนจะใช้มันมาเป็นข้ออ้าง...ข้ออ้างให้เขายอมจำนนอีก คิดได้แบบจึงรวบรวมสติกับเรี่ยวแรงเท่าที่เหลือผลักอีกฝ่ายออกห่าง
    

         “ปล่อย....!!”

 
    
         ร่างสูงเซถอยออกมาเมื่อถูกผลัก และจูนก็กำลังจะฉวยโอกาสเปิดประตูห้องน้ำออกไป สองแขนแกร่งรวบเอาร่างของเด็กหนุ่มเอาไว้ มือหนึ่งสอดเข้าใต้เสื้อยืดรั้งแผ่นหลังของจูนให้ติดกับแผ่นอกของตัวเอง
    
     เด็กหนุ่มยังคงดิ้น มือทั้งสองข้างของจูนพยายามขืนออก แต่เมื่อมือแกร่งตะโบมเฟ้นลงบนอก ขยี้แรงปลายนิ้วลงบนตุ่มป้านเล็กๆบนหน้าอก เช่นเดียวกับอีกมือที่เลื่อนลงต่ำกอบกุมและสัมผัสผ่านผิวผ้าอย่างโหยหาก็ทำเอาร่างทั้งร่างสั่นสะท้านสองขาอ่อนแรงทรงตัวเอาไว้แทบไม่อยู่ จูนทรุดตัวลงกับพื้นหินเย็นเฉียบของห้องน้ำโดยที่มีเคนยังคงกอดเขาเอาไว้จากด้านหลัง ทั้งสองคนหอบหายใจแรงด้วยทั้งเหนื่อยจากการยื้อยุดและจากแรงปรารถนาในหัวใจที่ค่อยเพิ่มสูงขึ้น สองหูอื้ออึงไม่ได้ยินเสียงเฮฮาใดๆที่ดังมาจากบ้านข้างเคียงเมื่อเวลาผันผ่านเข้าสู่วันใหม่ของปีใหม่
    

         “พี่โกรธผมมากเหรอ...ถึงต้องทำกับผมแบบนี้....”

      เสียงของเด็กหนุ่มแหบพร่าเมื่อพยายมจะเค้นเสียงออกมาถามความรู้สึกของอีกฝ่ายทั้งที่ยังหายใจติดขัด คำถามที่ได้รับทำให้เคนยิ่งรู้สึกเจ็บในใจ


             .....ต้องให้ทำมากกว่านี้ใช่ไหม ถึงจะได้ยินแกพูดคำอื่น.....



         “โกรธ....โกรธที่แกไม่เข้าใจพี่สักที คิดเหรอว่าพี่จะทำแบบนี้กับใครก็ได้น่ะ!!”     มือแกร่งล้วงลึกลงไปใต้ผิวผ้าของเด็กหนุ่มสัมผัสกับส่วนที่แข็งขืนขึ้นเพราะแรงอารมณ์นั้นอีกครั้ง ต่างกันเพียงในตอนฝ่ามือของเขากำลังสัมผัสกับผิวกายร้อนจัดของเด็กหนุ่มโดยตรง
    

     “ไม่เอา....อย่าจับ....”
     
 
     แม้ได้ยินเสียงร้องห้ามแต่ก็ไม่คิดจะหยุด ถึงจะเป็นร่างกายของคนอื่นแต่การกระตุ้นนั้นคงไม่แตกต่างจากวิธีการที่ปลุกเร้าตัวเองสักเท่าไร ฝ่ามือแกร่งเริ่มเคลื่อนไหวตามเคยชิน

         “อ๊ะ...อ๊า....."  คนที่อยู่ในอ้อมแขนของรุ่นพี่ร้องครางออกมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ แขนที่พยายามจะผลักไสตลอดตอนนี้กลับคว้าไหล่ของเคนเอาไว้เป็นหลักยึด ใบหน้ามนนั้นพิงซบกับไหล่ของร่างสูง ดวงตาทั้งสองข้างปิดแน่นภาพตรงหน้าทำให้ไม่อยากจะมอง แต่ในใจนั้นกลับมีความสุขแล่นลามขึ้นมาจากเบื้องล่าง
    
     “เด็กดี.....ใจเย็นๆนะ....”    เคนกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของอีกฝ่าย ก่อนจูบลงบนซอกคอที่เมื่อครู่เขาเพิ่งทิ้งรอยแดงเอาไว้บนผิวขาวแบบเชื้อจีนของรุ่นน้องผมทอง โดยที่มือข้างที่ว่างก็ยังไม่ละจากยอดอกของอีกฝ่าย ยิ่งเห็นจูนมีอาการตอบรับ ตัวเขาเองก็ยิ่งมีอารมณ์ร่วมไปด้วย ความเปลี่ยนแปลงเริ่มเกิดขึ้นในร่างกายจนแม้กางเกงยีนส์เนื้อหนาก็ไม่อาจปกปิดเอาไว้ได้ซ้ำร้ายยิ่งทำให้รู้สึกทรมานมากขึ้นไปอีก ชายหนุ่มผลักร่างของจูนให้ลงไปนอนราบกับพื้น พลางดึงกางเกงขาสั้นที่เกาะอยู่อย่างหมิ่นเหม่ที่บั้นเอวนั้นลงไปอีก เผยให้เห็นร่างกายทุกสัดส่วนของเด็กหนุ่มให้เห็นเต็มตา แม้จะเคยเห็นมาบ้างแล้ว แต่ไม่ใช่แบบนี้และไม่ใช่ด้วยอารมณ์เช่นนี้
     
     “..................................” จูนเม้มริมฝีปากแน่น เบือนหน้าที่แดงก่ำนั้นไปอีกทาง เขาไม่อยากสบตากับอีกฝ่าย ตอนนี้ร่างกายของเขามันไม่ฟังคำสั่งอะไรแล้ว มีเพียงความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นเมื่อรู้ว่าเคนกำลังใช้สายตาสำรวจไปทั่ว ยิ่งเมื่อเคนเท้าแขนกรอบล้อมเขาเอาไว้ยิ่งทำให้รู้สึกเกร็งมากขึ้นไปอีก


         “เขิน พี่เหรอ...............”
    
     “ก็......ก็ลอง....ถูกทำขนาดนี้....ไม่เขินก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว....ออกไป ผม...ผม....จะได้จัดการตัวเอง”
    
     “ไม่ออก......ออกให้โง่” เคนยิ้มกับคำพูดนั้น ยิ่งอีกฝ่ายถลึงตามองแล้วกำลังจะอ้าปากด่าเขาด้วยยิ่งต้องรีบฉวยทุกโอกาสนี้ไว้ ชายหน่มก้มลงจูบริมฝีปากนุ่มที่ฉ่ำชื้นนั่นอีกครั้ง ก่อนละมือขึ้นมาตลบชายเสื้อของจูนขึ้นไปเหนืออก จูบเม้มหยอกเอินบนผิวเรียบเนียนนั่นอย่างหลงใหลราวกับว่าไม่เคยต้องการสัมผัสนุ่มของกายผู้หญิงคนไหนมาก่อน ในใจมีแต่ความรักที่อยากจะส่งผ่านไปให้อีกฝ่ายรู้
    
     “อ๊ะ... .” เสียงอุทานเบาๆดังขึ้นพร้อมกับแผ่นอกที่แอ่นขึ้นรับสัมผัสอย่างช่วยไม่ได้
    
     “ดีไหม.....” เคนกระซิบถามติดผิวเนื้อของอีกฝ่าย ปลายลิ้นยังลากเล่นแผ่วเบา ฝ่ามือยังเร่งเร้าที่เบื้องล่าง
    
     “ไม่...ไม่รู้” เด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมา เขายกมือขึ้นปิดใบหน้าแดงก่ำของตัวเองเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นสีหน้าที่น่าอายของตัวเองในตอนนี้ จูนรู้สึกปั่นป่วนไปด้วยความสุขเสียจนอยากจะสำลักเอาความรู้สึกทุกอย่างออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
    
     “เป็นเสียขนาดนี้.... ยังไม่รู้อีกเหรอ” เคนหัวเราะเบาๆ พลางสูดลมหายใจเข้าลึก เมือก้มลงมองความร้อนในมือของตัวเอง
    
     “....อึ๊ก.....” แต่มีเพียงแค่เสียงคล้ายสะอึกเมื่อจูนพยายามจะกลั้นเสียงร้องของตัวเองเอาไว้ ริมฝีปากฉ่ำชื้นที่สูดลมหายใจเข้าช้าๆ ยิ่งเคนเห็นภาพเช่นนั้นหัวใจในอกยิ่งเต้นรัวยิ่งกว่ากลองกระเดื่องคู่ในเพลงที่ชอบฟัง ชายหนุ่มร่างสูงยืดตัวขึ้นสูงคร่อมเหนือร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ พลางตลบเสื้อกล้ามออกให้พ้นตัวแล้วโยนไปอีกทาง มือแกร่งจับมือของเด็กหนุ่มขึ้นมาแตะที่กลางลำตัวผ่านผ้ายีนส์เนื้อหนา เคนเห็นดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกโพลง มือเรียวนั้นดึงขืนออกแต่เคนก็ยึดเอาไว้
    

     “จับสิ....พี่จะเป็นขนาดนี้ไหมถ้าแค่อยากลองเฉยๆ ...แค่นึกถึงแก....พี่ก็เสร็จไปถึงไหนต่อไหนแล้ว” เคนเอ่ย เขาเองในตอนนี้ก็แทบจะทนไม่ไหวแล้ว ปลายนิ้วแกะกระดุมกางเกงยีนส์ออกพลางค่อยๆปลดซิปลงเผยให้อีกฝ่ายเห็นร่างกายทั้งหมดของเขาบ้าง


         “พี่มันบ้า.....โอย” จูนร้องออกมาทั้งที่ก่อนหน้าพยายามกัดฟันแน่น เด็กหนุ่มอยากจะดึงมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย ร่างกายของเขาสั่นระริก ในตอนนี้เป็นเขาเองมากกว่าที่อยากจะสัมผัสตัวเอง แต่เพราะอีกฝ่ายยังกดมืออีกข้างของเขาเอาไว้กับพื้นมันเลยทำให้เขาไม่สามารถทำตามความต้องการของตัวเองได้
 

        “ทนไม่ไหวเหรอ.....” ร่างสูงก้มลงกระซิบติดหูของเด็กหนุ่ม เบียดตัวเองเข้าหาเด็กหนุ่ม ได้ยินเสียงครางเครือเมื่อความร้อนของทั้งสองคนสัมผัสกัน แต่เด็กหนุ่มส่ายหน้ารัว เห็นแบบนั้นยิ่งทำให้เคนยิ่งกดน้ำหนักลงไปที่สะโพกให้มากขึ้นไปอีกมือแกร่งรวบความต้องการพวกเขาเข้าไว้ด้วยกัน ปลายนิ้วไล้รูดไม่ต่างจากการกระทำให้ตัวเองหากแต่ในครานี้ความรู้สึกสุขสมนั้นกลับมีเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ยิ่งได้ยินเสียงลมหายใจติดขัดจากร่างของเด็กหนุ่มด้วยแล้วมันยิ่งทำให้เขาอยากจะได้ยินเสียงวอนขอจากอีกฝ่ายมากขึ้น 


          “บอกพี่สิ........”
    

     “อ๊า...............” จูนผวาเฮือกกอดร่างของอีกฝ่ายเข้ามาหาพ่นลมหายใจร้อนจัดรดที่ต้นคอของอีกฝ่าย ปลายนิ้วจิกลงบนแผ่นหลังด้วยอยากหาที่ระบายอารมณ์ทั้งหมดให้ออกไปให้พ้น ขยับสะโพกเข้าหาตามแรงอารมณ์แม้ในใจจะอยากปฏิเสธมากสักเพียงไร
    

    แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้นยิ่งเหมือนเคนจะยิ่งยั่ว ฝ่ามือร้อนขยับเชื่องช้าหากแต่เน้นหนัก ความชื้นฉ่ำที่อยู่บนฝ่ามือนั้นก่อให้เกิดเสียงที่น่าอาย แต่ก็ไม่อาจส่งไปถึงโสตประสาทของเด็กหนุ่มได้แล้วในตอนนี้  มีเพียงแค่ความร้อนที่วาบหวามและทำให้สั่นสะท้านไปทั้งร่างเท่านั้นที่เขาต้องการจะหลีกหนีไปให้พ้น
    
     “ดีไหม.....” เคนยังคงแหย่ด้วยน้ำเสียงแหบพร่า สะโพกแกร่งยังขยับเบาๆเสริมความเร่าร้อนในสัมผัส เหงื่อกาฬเริ่มไหลจนหยดลงบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม เส้นผมสีทองนั่นก็เปียกชื้นไปเพราะความร้อนของร่างกายไม่ต่างกัน จูนอยากจะปฏิเสธคำถามนั้น ความรู้สึกแต่เขาก็ทำไม่ได้ มันเป็นความสุขที่มากเสียจนกำลังจะทำให้เขาเป็นบ้า  เด็กหนุ่มรั้งใบหน้าของของอีกฝ่ายลงมาด้วยสองมือ
    

     “เลิกถามคำถามบ้าๆ แล้วทำให้มันจบไปซักที!” เด็กหนุ่มร้องออกมา ก่อนเป็นฝ่ายจูบเคนก่อน ปลายลิ้นสอดประสานรับสัมผัสร้อนเข้ามา ก่อนจะผละออกมาพร้อมเสียงร้องครางอย่างสุดกลั้น
    
     เคนตกใจกับสัมผัสที่อาจหาญของจูนแต่ก็ไม่ได้ทำให้ทุกการกระทำจบลง เขาเพียงแค่ยิ้มน้อยๆจูบซับเม็ดเหงื่อที่ซึมออกมาจากหน้าผากมน
    
         “งั้น.....ให้พี่....ทำให้นะครับ”
    
         พูดไม่ทันจบดีฝ่ามือแกร่งของรุ่นพี่ร่างใหญ่เริ่มขยับอีกครั้ง คราวนี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการของคนที่กอดเขาอยู่เท่านั้นแต่ยังเป็นการตอบสนองความต้องการของตัวเองด้วย ระหว่างทั้งสองคนมีเพียงเสียงหอบหายใจแรงกับความรู้สึกที่คล้ายจะประสานเป็นหนึ่งเดียว
     ร่างของทั้งสองสั่นเทิ้มเกร็งแน่นเมื่อสารแห่งความสุขวิ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง หลังม่านตาที่ปิดสนิทได้ยินเพียงเสียงของลมหายใจที่สอดประสานและดวงไฟของความต้องการที่แตกกระสานซ่านเซ็น   ความร้อนจากแรงอารมณ์กระจายอยู่บนหน้าท้องและแผ่นอกของทั้งคู่ เคนเหลือบตามองเห็นจูนยังหลับตาแน่นพลางหอบหายใจรุนแรง เขาขยับตัวถอยออกมาเล็กน้อยเพียงเพื่อจะมองภาพตรงหน้าให้เต็มตา
         ร่างกายขาวแบบเชื้อจีนของจูน บัดนี้แดงก่ำด้วยเลือดที่สูบฉีดไปทั่วร่าง แผ่นอกแบนราบที่มีกล้ามเนื้อพอได้รูปนั้นขยับขึ้นลงตามแรงหอบสะท้าน แสงไฟในห้องน้ำทำให้หยาดเหงื่อที่เกาะพราวอยู่บนร่างและของเหลวที่ติดอยู่ที่หน้าท้องและบางส่วนที่หน้าอกนั้นยิ่งดูน่ามากขึ้นไปอีก
    
 
     “จูน..... " เคนยื่นมือแกร่งออกไป หมายจะลูบศรีษะของอีกฝ่าย
    
     “อย่า......” แต่คำตอบที่ได้คือเสียงแหบพร่าของเด็กหนุ่มที่เอ่ยออกมาคล้ายคนละเมอ จูนดึงขาของตัวเองหลบพลางพลิกตัวไปอีกทาง เขาไม่มีแรงแม้แต่จะดึงกางเกงหรือเสื้อของตัวเองให้เข้าที่ด้วยซ้ำรู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ยังไม่อยากให้อีกฝ่ายมาแตะต้อง เจ้าของเรือนผมสีทองที่เปียกชื้นยังหอบหายใจยังไม่อยากเชื่อว่าตอนนี้ในกายคล้ายจะเต็มตื้นไปด้วยความสุขที่อีกฝ่ายกระตุ้นเร้า .... ไม่อยากเชื่อแม้แต่ตอนที่หัวใจของเขาเต้นโครมครามเพียงเพราะคำพูดน่าอายที่เคนกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู
    
     “อ่ะ ขอโทษ”  เคนดึงมือกลับเมื่อเห็นว่ามือของเขายังเปรอะเปื้อนไปด้วยสิ่งที่ร่างกายของเขาและอีกฝ่ายผลักดันออกมาเพราะแรงอารมณ์
 
        “จูน คือพี่..................”  เคนคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้เขาควรจะพูดอะไรบางอย่าง อยากจะบอกอีกฝ่ายว่าเขารู้สึกอย่างไร อยากจะถามอีกฝ่ายว่ารู้สึกอย่างไร


             ก๊อกๆ!!!

 
    
         “เคน...จูน ....ทำอะไรกันวะ ปีใหม่แล้วนะมึง!” เสียงโชติดังอู้อี้จากอีกฝั่งของประตู

         เมื่อได้ยินเสียงเคาะที่หน้าประตูห้อง  ร่างสูงสะดุ้งเฮือก
    
     “อ่ะ...เอ่อ....อะไรนะโชติ กูไม่ได้ยิน แป๊บนึง”

     เคนรีบลุกขึ้นยืนดึงกางเกงขึ้นสวมเรียบร้อย โดยไม่ลืมที่จะล้างมืออย่างลวกๆก่อนจะวิ่งออกไปที่ประตู เขาพยายามยืนบังประตูเอาไว้ไม่ให้เพื่อนร่างเล็กมองเข้าไปด้านใน โชติเดินมาถามหลังจากที่เห็นเขากับจูนหายไปนานไม่ยอมมาช่วยกินเบียร์ต่อ เคนก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆแล้วก็บอกไปว่าจูนนั้นเมาจนอ้วกใส่เขาแล้วเมาหลับไปแล้ว และเขาก็เพิ่งจะเก็บกวาดทุกอย่างเสร็จ ดูท่าทางคล้ายโชติจะไม่ปักใจเชื่อสักเท่าไร แต่ก็บอกว่าไม่เป็นไรก่อนจะเดินโซเซเข้าห้องไป ทำให้พอเข้าใจได้ว่าตัวโชติเองก็คงจะเมาอยู่ไม่น้อย  ส่วนยุทธ์ที่ไม่ขึ้นมาด้วยอาจเป็นเพราะฟุบหลับอยู่ที่โซฟาข้างล่างก็เป็นได้

         “เฮ้อ.... "

         เคนปิดประตูไว้ที่เบื้องหลังโดยไม่ลืมที่จะล็อคกลอนห้องนอน เขาเดินกลับมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังมีอีกคนที่น่าเป็นห่วงอยู่ในห้องน้ำ เมื่อเดินกลับมาเห็นจูนนั่งพิงผนังห้องน้ำอยู่ มือวางพาดอยู่บนหน้าท้องอย่างไม่มีเรี่ยวแรง กางเกงถูกดึงขึ้นมาเกาะที่สะโพกอย่างหมิ่นเหม่
     
        “จูน........ ไหวไหม” และพอยื่นมือไปจะเขย่าไหล่ของอีกฝ่ายจึงเห็นได้ว่าเด็กหนุ่มเจ้าของชื่อนั้นผล็อยหลับไปเสียแล้ว อาจเป็นเพราะความอ่อนเพลียจนถึงขีดสุดของตัวเองแล้วก็เป็นได้
    
     “โธ่เอ้ย.............” เคนรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่สะท้อนเข้ามาในอก

     ชายหนุ่มทรุดตัวลงข้างๆของร่างที่ไม่ได้สติ จูบลงบนเส้นผมสีอ่อนนั่นแผ่วเบาหากแต่ยาวนาน ก่อนที่จะค่อยประคองให้อีกฝ่ายเอนเข้ามาพิงที่อก ก้มลงมองใบหน้าที่กำลังหลับถึงลมหายใจจะเป็นปกติแล้วแต่ยังดูอ่อนแรงเหลือเกิน จูนไม่ได้เด็กหนุ่มร่างเล็ก ช่วงแขนขายาวกล้ามเนื้อตามธรรมชาตินั้นดูสวยงามหากแต่เจ้าตัวกลับไม่ค่อยชอบใช้ เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาธรรมดาติดไปทางจืดชืด แต่เคนไม่เข้าใจว่าทำไมในตอนนี้ถึงดูบอบบางอย่างน่าประหลาด ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะช้อนร่างของเด็กขึ้นด้วยแขนทั้งสองข้าง แม้จะทุลักทุเลไปบ้างเพราะเขาเองก็หมดแรงไปไม่น้อย แต่เคนก็พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวตื่น
    
     รุ่นพี่ร่างสูงเป็นฝ่ายหาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดทำความสะอาดร่างของคนที่หลับไม่รู้เรื่องเสียจนสะอาด จัดการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้เสียจนเรียบร้อย ผ้าห่มถูกดึงขึ้นคลุมให้อย่างเบามือ เคนมองท่าทางของคนที่นอนหลับก่อนจะถอนหายใจออกมา ในหัวนึกถึงคำพูดของพ่อจากบทสนทนาเมื่อหัวค่ำ .....     


              “พ่อ......”     

              “เออ พ่อมึงเอง..... หายหัวไม่กลับบ้านกลับช่องเลยนะไอ้เคน....เรื่องเรียนเป็นไง”
    
          “ก็ดี....” เคนตอบแกนๆ “ว่าแต่พ่อโทรมามีไรรึเปล่า พอดีผมไม่ค่อยว่าง.....”
    
             “มึงก็ไม่ค่อยว่างกับกูตลอดนั่นล่ะวะ ธุระเยอะเพราะเที่ยวไล่ฟันผู้หญิงอยู่รึไง "
    
          “อ้าวพูดแบบนี้ไม่สวยนะพ่อ พ่อนั่นล่ะเคลียร์เรื่องสาวๆในสต๊อกพ่อหรือยัง แล้วนี่โทรมามีอะไร ผมรีบอยู่เนี่ย”
 
                “รอโทรศัพท์แฟนรึไง” ไม่วายคุณสุชาติยังก่อกวนลูกชายผ่านโทรศัพท์

            “พ่อ มีอะไรก็พูดมาสิ จะใช้อะไรผมอีก “เคนรู้ทุกครั้งที่พ่อของเขาโทรมานั้นหมายความว่าอย่างไร


             .....คงไม่พ้นเรื่องใช้งานลูกทุกทีไป....
 

                 “มีงาน เขาอยากได้นักมวยตัวใหญ่ๆไปต่อยกับฝรั่ง เป็นคู่เปิด พอจะไหวไหม”

              “ไม่รู้ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ซ้อม.... ถ้าให้เวลาฟิตหน่อยก็คงไหวอ่ะ....ต่อยมวยไทย? “ เคนตอบอย่างหัวเสียทันทีที่ได้ยินคำว่า “มีงาน”
 
                 “เออ...มันมีรายการทีวีจากมาเลย์ฯมาถ่ายด้วยนะเว้ย เผื่อลูกพ่อจะได้ออกทีวีไง”
    
          “จะเอาหน้าตัวเองไปออกกล้อง แล้วรอดูผมโดนน็อคล่ะไม่ว่า......พ่อ แต่ละรอบของพ่อเนี่ย ผมเจ็บทุกรอบนะครับ” 
          เคนเอ่ยถึงเขาจะชินกับการใช้กำลังเพราะเรื่องเรียน แต่หากพูดถึงเรื่อง “งาน” ในฐานะนักมวยคนหนึ่งของค่าย หน้าตาของพ่อมักมาเหนือความเจ็บทางกายของลูกชายอย่างเขาเสมอ
    
             “แกก็อย่าให้มันน็อคสิวะ ตกลงตามนั้นหมดวันหยุดปีใหม่นี่ก็ให้กลับบ้านด้วย จะให้พวกศักดิ์มันเป็นคู่ซ้อมให้”
    
          “แล้วเรื่องเรียนผมล่ะ....” เคนท้วงเพราะเขาก็ยังมีหน้าที่ที่ต้องกลับไปเรียนด้วยเช่นกัน
    
             “เดี๋ยวจะโทรไปบอกครูให้ อาจารย์ที่ปรึกษาของแกก็รุ่นน้องพ่อทั้งนั้น แกจะกลัวอะไร...”
          เสียงคุณสุชาติหัวเราะร่วนด้วยความชอบใจ อำนาจและความกว้างขวางของพ่อของเคนนั้นแทรกซึมไปได้ทุกที่ทุกวงการ จนบางครั้งก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้ว่าผู้ชายที่เข้าไปพัวพันกับอะไรมากมายคนนี้จะถูกสิ่งเหล่านั้นวกกลับมามัดคอตัวเองจนขาดใจเข้าตอนไหน
    
          “ถ้าพ่อว่าอย่างนั้น ....แต่ขอผมเคลียร์เรื่องของผมก่อน....” เคนเอ่ยพลางถอนหายใจเบาๆ
          น้ำเสียงเหนื่อยอกเหนื่อยใจแบบนั้นไม่บ่อยนักที่จะได้ยินบ่อยนักจากลูกชายคนนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะเลี้ยงอีกฝ่ายมาแบบไม่ค่อยได้ใส่ใจเท่าไรนัก เพราะก็มัวแต่ทำงานเพื่อที่จะหาเงินมาจุนเจือค่ายมวยเล็กๆของตัวเองจนได้ดิบได้ดีมาจนทุกวันนี้ แต่ก็ไม่บ่อยครั้งที่จะได้ยินเสียงของเคนเป็นแบบนั้น
 
                 “มีอะไรหนักใจรึไง”  คำถามที่ยิงมานั้นราวกับว่าคนเป็นพ่อกำลังยืนอยู่ตรงหน้า
    
          “ไม่...แค่...เขาไม่ยอม...เอาเหอะ เดี๋ยวผมหาทางของผมเองก็ได้”
    
            “ไม่ยอมก็ปล้ำเลยสิ” พ่อสุชาติยังกล่าวติดตลก
    
         “จะพูดว่าเขาไม่ยอมฟังต่างหาก พ่ออย่าเดามั่วจะได้ไหมเนี่ย”  เคนตอบกลับทันควัน
    
             “ไม่ฟังก็ต้องทำให้รู้ ปล้ำแม่ง.....วิถีชายไทย ไม่เคยเห็นในละครรึไง ปล้ำซะ ถ้าเขารักเขาชอบเดี๋ยวก็ยอมเอง ผู้หญิงเขาต้องมีฟอร์มเว้ย เดี๋ยวโดนหาว่าง่าย” เสียงหัวเราะชอบใจจากปลายสาย
    
          “พ่อ!!!”
    
             “เอาเถอะ จะคุยให้รู้เรื่อง หรือจะปล้ำก็เอาสักอย่าง จัดการให้เรียบร้อยแล้วรีบกลับมา พ่อแกต้องรีบใช้คนเข้าใจไหม!”


         
           ………………………………………


               คำพูดของพ่อยังงสะท้อนอยู่ในหัว และเพราะอารมณ์เท่านั้นที่ทำให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้น
    
            “ก็......ทำไปแล้ว...แล้วมันจะเป็นยังไงต่อล่ะ.....”

          เคนพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่ข้างเตียงของเด็กหนุ่ม เขาไม่มั่นใจนักว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความรู้สึกของเขาที่มีต่ออีกฝ่ายนั้นยังไม่เปลี่ยนแปลง....แต่ความรู้สึกของอีกฝ่ายล่ะจะเป็นอย่างไรกัน...ในใจรู้สึกหวาดหวั่นอย่างที่ไม่เคยเป็น อาจจะเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ให้ความสำคัญกับใครมากขนาดนี้ เคนฟุบหน้าลงกับท่อนแขนของตัวเอง ความกลัวคือสิ่งเดียวที่รู้สึกและหากปีใหม่นี้จะมีพรพิเศษอะไรที่เขาอยากได้ ก็อยากจะขอเหลือเกิน ว่าอย่าให้อะไรต่อมิอะไร มันพังทลายไปมากกว่านี้เลย..


to be continued......

@@@ talk @@@

ในที่สุด! NC ที่รอคอย  :sad4:
คนเขียนไม่อยากบอกว่า เขียนมาขนาดนี้ มันเหนื่อยใจแค่ไหนที่หาที่ลง NC เหมาะๆไม่ได้
ส่วนตัวไม่ชอบเขียนเท่าไร เพราะไม่เก่ง และ....รู้สึกว่ามันไม่จำเป็น ไม่ว่าจะด้วยกรณีใด
คิดว่าพระเอกหากจะทำให้รู้ว่ารัก หรือ แค้น มีอีกหลากหลายทางที่จะทำได้
เราน่ะ เป็นพวกชอบความเจ็บปวดทางคำพูดมากกว่านะ (โรคจิต) ดังนั้นกว่า NC จะออกได้แต่ละฉากจึงยากเย็นนัก
ยิ่งตอนนี้กระแสสังคมมากมายเหลือเกิน ยังคิดอยู่ว่าพล็อตจะเปลี่ยนไหม เพราะส่วนตัวก็ไม่สนับสนุน
แต่เชื่อว่าตัวละครของตัวเองมีเหตุผลมากพอที่จะทำอะไรเช่นนี้
และจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ของตัวละครต่อไปในอนาคต (ซึ่งก็จะขอให้ติดตามกันต่อไป)

ฝากเชียร์ความสัมพันธ์อันเอื่อยเฉื่อยของทั้งสี่คนต่อไปด้วยนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2014 13:50:07 โดย goldfishpka »

asarigb

  • บุคคลทั่วไป
หลายอารมณ์มากตอนนี้ อ่านแล้วรู้สึกสงบจิต สงบใจยังไม่รู้นะ55555555
คือพี่เคนเริ่มไม่ทน น้องจูนไม่ยอมรับความจริง
ยุทธ์โชติก็เจ็บปวดดดดดดดดดดดดดด  :z10: หลากหลายอารมณ์มาก
ยิ่งเจอ NC ชะนีช็อค! เลือดหมดตัว เขินนนนนน :jul1:
พี่เคนค่ะ ถ้าจะทำต่อแล้วไม่เป็น หาในเน็ตนะ5555555555555555555555555

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

meili run

  • บุคคลทั่วไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด