@@@talk@@@
หายไปนาน ไม่ได้โพสเลย งานยุ่งมากถึงมากที่สุด ต้องขอโทษคนอ่านด้วย
ตอนนี้ อาจจะมีข้อมูลอะไรที่ คนเขียนเองก็ไม่สันทัด ผิดพลาดประการใด
ก็อยากให้คนอ่านช่วยชี้แนะด้วยนะ บทที่ 22
- ธรรมชาติผู้ชาย -
.....สรุปพวกแกสองคนนี่ยังไง....
เสียงของปิ๊กยังดังอยู่ในความคิด จูนได้แต่ถอนหายใจในเมื่อตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถจำกัดความสถานะของตัวเองและผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนรอเขาอยู่ตรงสุดทางเดินได้
...ทำแบบนี้ มันก็เหมือนจะยอมรับที่คนเขาว่ากันไม่ใช่รึไงไอ้จูนเอ้ย...
จูนคิดและอดคิดแทนเคนไม่ได้ว่าได้เฉลียวใจคิดหรือไม่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้ควรจะเรียกว่าอะไร แต่ดูจากสีหน้าของคนที่สบตากลับมาแล้วผู้ชายตัวใหญ่คนนั้นคงจะไม่ได้คิดอะไรนอกจากทำตามใจของตัวเองเป็นแน่
“จูน...สอบเสร็จแล้วเหรอ ไปกินข้าวกัน” ไม่พูดเปล่ามือจับสายกระเป๋าสะพายของจูนทำท่าเหมือนจะดึงไปถือแต่เจ้าของชื่อกลับยื้อเอาไว้ด้วยความตกใจ
“พี่ทำอะไรอ่ะ...”แต่เคนกลับตอบกลับด้วยสีหน้างุนงงพลางเลิกคิ้วสูง
“ถือให้ไง” รุ่นพี่เอกพลศึกษาตอบหน้าตาเฉย
“........” จูนใช้เวลาประมวลผลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะดึงกระเป๋าของตัวเองกลับ
“ผมถือเองได้” เด็กหนุ่มว่าพลางเบือนหน้าไปอีกทางรู้สึกแปลกๆเพราะไม่เคยมีใครมาเสนอตัวทำอะไรแบบนี้ให้
“อ่ะ...เหรอๆ อยากกินไรอ่ะวันนี้ ก๋วยเตี๋ยว ข้าว อะไรดี” เคนถามพลางยิ้มดูเหมือนจะมีความตื่นเต้นซ่อนอยู่ในท่าทีสบายๆแบบนั้น
“ข้าวแกงโรงอาหารหน้าหอชายก็ได้มั้งพี่ ง่ายๆ“
“เออ แบบนั้นก็ดี...จะได้ไกลหน่อย” เคนพยักหน้าหงึกหงัก บ่นพึมพำเบาๆ แต่จูนก็เข้าใจความหมายนั้นได้ไม่ยาก คำว่าไกลก็คงหมายถึงกลายจากคณะของเขาที่เป็นแหล่งรวมของนักศึกษาจากหลายๆคณะรวมถึงคณะวิทยาการจัดการของนิดด้วย
“ถ้ามันจะยากนักนะพี่เคน....” ยังไม่ทันเด็กหนุ่มจะได้พูดจบมือแกร่งคว้ามือของเด็กหนุ่มให้เดินตามไปที่รถมอเตอร์ไซค์อย่างรวดเร็ว
..............................................
โรงอาหารหน้าหอชายช่วงกลางวันยังคนแน่นเหมือนเช่นทุกที เสียงพูดคุยกันจอแจสัมผัสได้ถึงอากาศแห้งของฤดูหนาวที่พัดผ่านโครงอาหารเปิดโล่ง จูนสั่งก๋วยเตี๋ยวมานั่งทานไปเงียบๆผิดกับอีกคนที่ดูจะยิ้มหน้าบานลืมอาหารตรงหน้าไปเสียอย่างนั้น
“พี่จะยิ้มอะไรนักหนา” จูนอดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมด้วยความหมั่นไส้
“ไม่รู้สิ...ก็ยิ้มตลอดไม่ได้?”
“เหมือนคนเมายา”
“เมายา ไม่อ่ะ...เมาอย่างอื่นมากกว่า...” เคนทำท่าจะพูดต่อแต่จูนยกมือห้ามเสียก่อน
“พอ ถ้าจะพูดอะไรชวนเลี่ยนขนาดนั้นก็เงียบแล้วกินๆเข้าไปเหอะกระเพราะไข่เยี่ยวม้าของพี่อ่ะ”
“เออๆ...รู้ทันแล้วดุอีก “รุ่นพี่ร่างสูงหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะยกนิ้วขึ้นเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก
”เออนี่ พรุ่งนี้แกว่างป่ะ...มิดเทอมเสร็จแล้วนี่” จูนเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อยคอนแทคเลนส์สีน้ำเงินเป็นประกายชวนมอง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยมือที่จับตะเกียบหยุดนิ่ง
“รู้กระทั่งวันสอบนี่ ยังถามอีกนะว่าว่างไหม” เด็กหนุ่มอดจะสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายไปสืบไปค้นเรื่องอะไรของเขามาอีกบ้าง
“เอ้า ก็ถามให้มันแน่ใจ...สรุปว่างนะ?” เคนสรุปเองเสร็จสรรพ
“ไอ้ว่างน่ะ มันก็ว่างอยู่หรอก แต่พี่จะทำไม” จูนถามกลับด้วยความสงสัย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มเขินๆที่ดูไม่ชินตาเอาเสียเลย เคนทำท่ากระแอมไอเบาๆก่อนจะเอนตัวมาด้านหน้า
“ไปดูพี่สอบปฏิบัติไหม”
“หะ?” จูนอุทานด้วยไม่อยากจะเชื่อหู “ชวนไปดูพี่สอบปฏิบัติเนี่ยนะ?...พี่จะสอบอะไรอ่ะ แล้วผมไปดูได้ด้วยเหรอ จะช่วยอะไรได้ไหมเนี่ย” จูนพูดกลั้วหัวเราะ มันฟังดูงี่เง่ามากเกินกว่าจะเชื่อหูของตัวเอง
“สอบกระบี่กระบองอ่ะ ถึงจะไม่ได้มาช่วยสอบ ก็ช่วยมาเป็นกำลังใจหน่อยได้ไหมล่ะ”
“กำลังใจอะไร....พูดอะไรพิลึกอีกละ” เด็กหยุดหัวเราะทันควัน จูนบ่นเบาๆพลางเบือนหน้าไปอีกทาง
“เออน่า...พรุ่งนี้สิบโมงที่โรงยิมนะ” ว่าพลางยกมือแกร่งขึ้นขยี้ผมของอีกฝ่ายเบาๆ จนจูนต้องเบี่ยงตัวหลบ
“รู้แล้วน่า...เมื่อไรจะเลิกเล่นผมเนี่ย”
“ช่วยไม่ได้...มันนิ่มดีนี่หว่า” เคนยิ้มตาหยี ดูท่าทางพอใจไม่น้อยที่จูนตอบรับว่าจะไปดูเขาสอบในวันพรุ่งนี้
........................................................
ในห้องพักของหอพักกลางเก่ากลางใหม่ เสียงพัดลมหมุนไปมาดังเอียดอาด เคนที่เพิ่งกลับจากขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งจูนทิ้งตัวนอนลงกับเตียง สายตาเหม่อมองเพดาน ในห้วงความคิดยังนึกถึงหน้าของจูนที่ยิ้มแหยๆ เมื่อกำชับให้มาดูเขาสอบปฏิบัติพรุ่งนี้ ท่าทางที่เหมือนไม่พอใจแต่ในท้ายที่สุดก็ตอบรับด้วยเสียงแผ่วเบาโดยไม่หันมาสบตา ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงหัวใจเต้นแรงเพราะท่าทางแบบนั้น ความต้องการในใจของเขากำลังเร่งเร้าบางสิ่งบางอย่างที่ไม่มั่นใจนักว่าคืออะไร แต่ตอนนี้เขาควรจะพอใจกับสิ่งที่มีในตอนนี้ไม่ใช้หรืออย่างไร....เพราะเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะทำอะไรมากไปกว่านี้เลยแม้แต่น้อย เคนได้แต่ย้ำเตือนตัวเองเช่นนั้น
ชายหนุ่มทอดถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนดึงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ปลายนิ้วเลื่อนหน้าจอหารายชื่อของคนที่คุ้นเคย แล้วกดโทรออกได้ยินเสียงสัญญานดังแผ่วๆ ก่อนจะมีเสียงตอบรับจากปลายสาย
“พี่เคน...มีอะไรคะ...” เสียงของนิดยังสดใสหวานหู
“พี่โทรมากวนเวลาอ่านหนังสือรึเปล่า...”เคนเอ่ยออกไปด้วยเสียงแผ่วเบา น่าแปลกที่ตอนนี้เพิ่งจะมีความรู้สึกผิดแล่นปรี่เข้ามาจับที่ใจ
“ไม่ค่ะ นิดว่าจะนอนแล้ว ...”
“เหรอ...เอ่อ...นิด” เคนลังเลเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะเข้านอนแล้ว ทั้งๆที่เมื่อหันไปมองเวลาก็ยังไม่ได้ดึกอะไรนักจนอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไม แต่เขาก็คงต้องถามสิ่งที่คิดเอาไว้ก่อน “พรุ่งนี้ 10 โมง นิดว่างไหม...พอดีพี่มีสอบปฏิบัติอยากมาดูไหม”
“เอ๊ะ สิบโมงเหรอคะ นิดไม่ว่างแล้วค่ะ จะไปดูหนังกับพวกต่ายวันนี้เพิ่งสอบเสร็จพรุ่งนี้เลยว่าจะไปดูหนังกัน”เสียงเด็กสาวตอบทันควัน ไม่มีคำถามเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสอบอะไร
“อ้าว เหรอ...” ส่วนหนึ่งในใจของเขารู้สึกดีใจ แต่อีกใจก็รู้สึกปวดหนึบ บางครั้งนิดมาหาเขาที่สนามก็จริงแต่เกือบทุกครั้งเป็นเพราะเขาสัญญาว่าจะพานิดไปซื้อของ หรือไปดูหนังถึงแม้จะเหนื่อยจนไม่อยากจะทำอะไรต่อ แต่ก็ต้องทนลากตัวเองไปกับนิดและเพื่อนให้ได้ทุกครั้ง
“ ถ้าแบบนั้นก็...ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่กวนแล้ว ฝันดีนะครับ”
“....พี่เคนไม่ได้โกรธใช่ไหมเนี่ย” ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายฟังเสียงของเขาออกหรืออย่างไรจึงได้ถามออกมาแบบนั้น
“ไม่นี่...” เคนตอบกลับไปพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ “จะไปโกรธนิดได้ยังไงกัน”
“แน่นะ...”
“ครับ ไปนอนเถอะ ฝันดีนะครับนิด ดูหนังให้สนุกนะ” ชายหนุ่มเอ่ยคำหวานก่อนจะตัดสายโทรศัพท์
ร่างสูงถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาตัดสินใจถูกแล้วหรือไม่ที่โทรไปชวนนิดด้วย ทั้งๆที่ส่วนหนึ่งในใจก็คาดเดาคำตอบได้อยู่แล้ว แต่ถ้าหากไม่เอ่ยปากชวนออกไปตรงๆ ก็คล้ายกับจะต้องสรรค์สร้างปั้นคำโกหกต่อไปอีกเรื่อยๆ ...เขาไม่ได้อยากจะโกหก เพียงแต่บางครั้ง ความจริงที่เป็นอยู่ก็ยากเกินกว่าจะเข้าใจ และยากเกินกว่าจะบอกใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็น “แฟน” ของเขาเอง
..............................
แสดงแดดสะท้อนหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลบนข้อมือบอกเวลา 9 นาฬิกา 45 นาที จูนเลือกที่จะมาถึงก่อนเวลาเพราะไม่เคยมาดูใครสอบปฏิบัติวิชาพละมาก่อนเลยไม่ค่อยมั่นใจนักว่าอยู่ๆจะเดินเข้าไปหาที่นั่งตามสะดวกได้ เด็กหนุ่มลังเลเล็กน้อยแต่โรงยิมที่นี่ก็มีอยู่ที่เดียว ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดอีกทั้งได้ยินเสียงปี่แตรดังออกมาจากด้านในโรงยิมทำให้ตัดสินใจเดินเข้าไปด้านใน
....แล้วทำไมต้องบอกให้มาดูด้วยวะ....
...ก็แค่ถือไม้รำไปมา....
ถึงจะคิดแบบนั้นแต่พอก้าวเข้าไปด้านในโรงยิมก็ต้องสะดุ้งเฮือกกับเสียงตะโกนดังลั่นของนักศึกษาชายที่อยู่ๆก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของทั้งสองคนที่กระโจนเข้าหากันโดยที่มีดาบไม้หวายอยู่ทั้งสองมือ พวกเขาพลัดกันฟาดฟันขยับไล่ต้อน ขยับตั้งรับอย่างรวดเร็วจนมองตามแทบไม่ทันว่าใครกำลังได้เปรียบเสียเปรียบ
“.............................โห.....” เด็กหนุ่มอดที่จะอุทานออกมาไม่ได้กับภาพที่เห็น นี่เป็นการสอบกระบี่กระบองในแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน “นี่ให้ลองแข่งกันจริงๆเลยรึไงเนี่ย” เด็กหนุ่มพึมพำพลางค่อยๆก้าวไปหาที่นั่งบนด้านหนึ่งของอัฒจันทร์ที่เขาคิดว่าคงไม่สะดุดตาใครมากนัก
"อ้าว...มาแล้วเหรอจูน” เสียงทุ้มของเคนดังขึ้นที่ด้านล่างของอัฒจรรย์ ใบหน้าคมมีเหงื่อเกาะพราวพลางอหอบหายใจเล็กๆ
“อื้ม...นี่พี่ให้ผมมาดูพวกพี่ตีกันเหรอ” เด็กหนุ่มถาม
“ไม่ได้ตีกันเว้ย เรียกให้มันถูก เขาสอบปฏิบัติต่างหากล่ะ อาจารย์เขาอยากให้ใช้งานได้จริง ไม่ใช่ แค่ ย่อ ยก ชิด จ้วง แทงน่ะ....เท่ใช่ไหมล่ะ” ท้ายประโยคยังคงทิ้งท้ายด้วยความกวนพร้อมยักคิ้วน้อยๆ
“คนอื่นทำล่ะก็นะ....คงเท่มาก แต่ถ้าพี่ทำนี่ผมว่าคงโดนเขาฟาดแสกหน้าตายตั้งแต่ยังไม่ทันไหว้ครูเสร็จอ่ะ” เห็นแบบนั้นก็นึกหมั่นไส้จูนย้อนกลับไปอย่างนั้น
“เหอ... ปากดีนักนะ คอยดูก่อนเถอะ ...” เคนว่าพลางชี้หน้าอีกฝ่ายคล้ายจะเตือน แต่เด็กหนุ่มกลับทำปากยื่นอย่างยียวน
“เฮ้ย เคน...มาซ้อม...เดี๋ยวตามึงกับกูแล้วนะเว้ย” เสียงต้าร์เพื่อนในเอกของเคนตะโกนเรียกร่างสูงหันตามไปก่อนพยักหน้ารับ
“พี่ไปก่อนนะ....” ไม่พูดเปล่ามือแกร่งยื่นขึ้นมาด้านบนฉวยปลายนิ้วของจูนไปรวบเอาไว้หลวมๆ
“เฮ้ย....” เด็กหนุ่มอุทานด้วยตกใจแต่เคนก็หาได้ปล่อยไม่ ร่างสูงกลับก้มหน้าก้มตาทั้งๆที่มือยังจับมือของจูนเอาไว้
“โอม.....เอชัวร์ เอชัวร์ เอชัวร์ๆ” ได้ยินคาถาประหลาดๆ จูนหัวเราะพรืดออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ฮ่ะๆๆ คาถาอะไรน่ะ เพี้ยนไปแล้วแน่เลย หัวโดนไม้ฟาดหนักไป?”
“คาถาเรียกเอ .... เขาว่ายิ่งถ้าได้หอมแก้มคนมาดูด้วยนี่จะยิ่งได้ผลดีนะ” ไม่พูดเปล่าดึงมือของจูนลงมาอย่างแรงจนเด็กหนุ่มต้องโน้มตัวลงมาด้วย แต่เคนก็ไม่ได้ทำจริงๆ เขาแค่อยากเห็นจูนหลับหูหลับตาทำหน้าแดงก่ำแบบนั้นก็พอใจแล้ว
“ล้อเล่นน่า....” ไม่พูดเปล่ามือแกร่งขยี้ผมของเด็กหนุ่มเบาๆ “คอยดูพี่สอบละกัน....” เสียงทุ้มดังเบาๆที่ข้างใบหูก่อนร่างสูงจะเดินไปหาเพื่อนที่วอร์มร่างกายรออยู่ก่อน....
“ใครวะ เคน....” ต้าร์ เพื่อนสนิทในเอกของเคน ถามพลางบิดตัวยืดเส้นสาย
“น้องที่ชมรม....” เคนตอบด้วยเสียงเรียบๆ
“อ๋อ....คนที่เมิงไปจูจุ๊บดูดปากมันบนเวทีจนเขาลือกันให้แซ่ดว่าเมิงเบิกทางสู่ความเป็นเกย์ไปแล้วเรียบร้อยนั่นอ่ะนะ”
“...........จะพูดอะไรก็ช่างมันดิ่” เคนยักไหล่ไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดของเพื่อนแค่อย่างใด ทำเอาคนฟังถึงกับเลิกคิ้วสูงอ้าปากค้าง
“เฮ่ย สรุปว่ามึงยอมรับจริงดิ่....” ท้ายเสียงกระซิบประซาบเหมือนไม่อยากให้ใครได้ยิน สายตาเลิกลั่กมองซ้ายขวาก่อนจะชี้ไปทางจูนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโรงยิมมองดูรอบๆไปด้วยท่าทางสนใจ “กับหมอนั่นอ่ะนะ...”
“เกย์?...กูไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคนนะเว้ย” เคนตอบทำเสียงเข้ม ท่าทางคล้ายไม่พอใจที่เจออีกฝ่ายพูดใส่แบบนั้น ก่อนจะมองไปทางจูนพลัน ริมฝีปากเผลอคลี่เป็นรอยยิ้ม
“....แต่กูอยากได้คนเนี้ยะ” ไม่พูดเปล่ามือชี้ไปทางจูนที่นั่งอยู่อีกฝั่งด้วย
“อะโห...ด้านได้ไม่อายปากเลยนะมึง”คำพูดตรงๆไม่มีปิดบังทำเอาคนฟังถึงกับสะดุ้งเฮือกเป็นรอบที่สอง “....แล้วนิดล่ะ” ต้าร์ถามเพราะรู้ว่าเพื่อนคนนี้กำลังคบแฟนสาวสวยที่อยู่คณะวิทยาการจัดการอยู่
“.............................................” ยังไม่ทันจะมีคำตอบใดจากปากของเคน เสียงอาจารย์ประจำวิชาก็ดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงนกหวีด
เคนและต้าร์เดินเข้าไปที่กลางสนาม นั่งลงวางดาบหวายไขว้กันไว้ตรงหน้าก่อนเริ่มรำไหว้ครู ท่วงท่าแข็งแกร่งหากแต่ดูงดงามทำให้ใจในอกของคนที่เข้ามานั่งดูเต้นเป็นจังหวะรัวไปตามเสียงกลอง เสียงปี่ที่เปิดคลอไปด้วย ดวงตาใต้คอนแทคเลนส์ของจูนยังจับจ้องอยู่ที่รุ่นพี่ร่างสูงคนนั้นอย่างไม่กระพริบตา สีหน้าและแววตาของเคนนั้นดูจริงจังอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เคยเห็นเคนทำอะไรแบบนี้มาก่อน
…… ทำอะไรแบบนี้ก็ได้ด้วย.......
.......ปรกติเห็นแต่ตลกไร้สาระไปวันๆ.....
นักกีฬาทั้งสองกลับมาประจำที่เดิม ยกอาวุธพร้อมมือขึ้นไหว้คู่ต่อสู้ตตรงหน้าตนก่อนลุกขึ้นแล้วเริ่มออกเดิน
ปลายเท้าก้าวย่างอย่างช้าหากแต่สายตายังจับจ้องท่วงท่าของกันและกันเพื่อดูเชิงหมุนดาบไม้ที่อยู่ในมือเล็กน้อย
ก่อนที่เคนจะเป็นฝ่ายเริ่มบุกร่างสูงใหญ่พร้อมอาวุธในเมื่อพุ่งเข้าใส่เพื่อน ทั้งสองแลกดาบกันอย่างดุเดือดเรียกเสียงฮิอฮาจากเพื่อนๆที่นั่งดูอยู่ข้างสนามได้ไม่น้อย ต้าร์ขบฟันกรามหน้าแดงก่ำเมื่อต้องรับแรงปะทะจากเคน มือที่จับด้ามดามเริ่มชาทั้งๆที่เพิ่งประกันไปได้ไม่เท่าไร จนต้องมองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัย
....นี่มึงเอาจริงดิ่....
แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือ เคนที่ยิ้มมุมปากพร้อมยักคิ้วน้อยๆให้อย่างยียวนก่อนจะฟาดดาบไม้ลงมาอีกครั้งและอีกครั้ง เสียงไม้กระทบกันดังจนคนที่ดูด้วยความไม่คุ้นเคยถึงกับสะดุ้งเฮือก ต้าร์ยังคงเป็นฝ่ายป้องกันดาบนั้นของเพื่อนเอาไว้ก่อนฉวยจังหวะฟันตอบกลับอย่างรวดเร็ว ทำเอาจูนที่นั่งมองอยู่ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกด้วยนึกใจหายเมื่อเห็นว่าดาบนั่นแหวกอากาศเฉียดคอหอยของเคนไปมากแค่ไหน เคนหลบหลีกรวดเร็วก่อนอาศัยจังหวะที่ต้าร์รุกฟันเข้ามาอย่างมุ่งมั่นตอบกลับด้วยการจ้วงแทงสวนกลับไป ต้าร์หลบแต่ก็พลาดให้กับช่วงขายาวที่ยันเข้ากลางอกจนล้มลงไปก้นจ้ำเบ้า
“ห่าเคนนี่ เดี๋ยวเว้ย....”
เสียงต้าร์โวยวายพลางยกดาบขึ้นกันเคนที่บุกเข้ามาอีกระลอกแต่เมื่อเห็นว่าเสียงโวยวายยังไม่เป็นผล มือของต้าร์เริ่มสั่นเพราะแรงปะทะที่ประเดประดังเข้ามาเรื่อยๆ จนเริ่มไม่แน่ใจว่าจะถือดาบต่อได้อีกนานไหม แต่อาจจะต้องลองดูสักตั้งต้าร์นับจังหวะลงดาบของเคนก่อนฉวยโอกาสแทงกลับเมื่อพบช่องโหว่เพื่อให้เคนถอยออกไป และดูเหมือนจะได้ผลต้าร์ลุกขึ้นยืนตั้งหลักอีกครั้ง ก่อนเริ่มเป็นฝ่ายบุกฟันเข้าไปบ้าง
“ตากูล่ะมึง....”
“เข้ามาเลย....” เคนขยับหลบอย่างยียวน ใบหน้ายิ้มเยาะด้วยความสนุกกับความท้าทายตรงหน้า ร่างสูงยังคงยกดาบขึ้นตั้งรับได้อย่างดีเยี่ยมเช่นเดียวกับพลังที่ใช้ในการสวนกลับที่รวดเร็วรุนแรง ยิ่งเคนเป็นคนที่มีพื้นฐานด้านแม่ไม้มวยไทยอยู่แล้ว การนำเอาลูกเตะถีบแบบมวยไทยมาใช้ร่วมด้วยจึงมีมากกว่าเพื่อนอยู่ใช่น้อย เมื่อต้าร์พยายามบุกเข้ามาอีกครั้งแต่กลับเปิดช่องว่างตรงกลางอกเอาไว้จนเห็นชัด เคนยกเท้าขึ้นยันและส่งแรงถีบต้าร์จนล้มกลิ้งไปอีกรอบ ดาบไม้หลุดกระเด็นไปอีกทางเสียงไม้กระทบกับพื้นของโรงยิมดังก้อง
ในคราวนี้แทนที่เคนจะกระโจนเข้าไปพร้อมสองดาบในมือ ร่างสูงกลับเดินเข้าไปช้าๆชี้ปลายดาบลงเหนือร่างของเพื่อนเป็นสัญญานบอกให้อีกฝ่ายยอมแพ้ ดวงตาคมที่มองหน้าของเพื่อนเป็นประกายใบหน้าคมของร่างสูงชื้นเหงื่อแต่เปื้อนรอยยิ้มของผู้ชนะ ต้าร์เองก็ยิ้มเช่นกันในเมื่อการสอบวันนี้ดูเหมือนจะเป็นไปได้ดีกว่าที่คิด...เว้นเสียตรงที่เคนดูจะเอาจริงเกินคาดจนนึกสงสัยระคนหมั่นไส้ไม่ได้ว่าจะเอาจริงจังอะไรหนักหนา
“เอ้า พอ...“ เสียงนกหวีดของอาจารย์ก็ดังขึ้นอีกครั้งเรียกเสียงโห่เฮจากเพื่อนๆได้ไม่น้อย
“ไอ้สองตัวนี่แม่งกะเอชัวร์”
“มันส์ชิบหาย”
“จริงจังไปม้ายยยยยยย....เหลือคะแนนให้พวกกูบ้าง สาดดดดด”
เคนดูเหมือนจะไมได้สนใจเสียงโห่ร้องของเพื่อนๆ เขาคุกเข่าลงก่อนยกมือไหว้ต้าร์ เช่นเดียวกับต้าร์ที่ยกมือรับไหว้ ทั้งสองคนลุกขึ้นยกมือไหว้อาจารย์อีกรอบ ก่อนจะกอดคอกันเดินออกจากสนาม ไม่วายที่ต้าร์จะบ่นพลางยกมือขึ้นลูบอกของตัวเองเบาๆ
“ห่า ถีบมาได้ กูจุกนะเว้ย....โอย.....แม่ง ไม่ได้คะแนนเต็มนี่กูจะฆ่ามึงไอ้เคน”
“เฮ้ย ไอ้หนุ่ม ชื่อเคนใช่ไหม...มาหาครูหน่อยสิ” เสียงอาจารย์หยุดเคนที่กำลังจะเดินออกจากสนามไปให้หันกลับมา
“ครับอาจารย์..... เฮ้ย ไอ้ต้าร์มึงไปบอกไอ้จูนให้กูหน่อยว่าเดี๋ยวกูตามไป” ไม่พูดเปล่าชี้บอกเพื่อนให้เดินไปคุยกับจูนก่อน
“เออ...ใช้เพื่อนเลยนะมึง” ต้าร์แทบงัดนิ้วกลางใส่ด้วยความหมั่นไส้ หันซ้ายมองขวาเห็น “จูน” รุ่นน้องของเคนนั่งอยู่ห่างออกไปบนอัฒจันทร์
ต้าร์มองหน้าของจูนอย่างพิจารณา ดูอย่างไรแล้วเด็กหนุ่มคนนี้ก็เป็นเด็กหนุ่มธรรมดาๆ แม้สีผมจะสะดุดตาไปบ้างแต่ก็ไม่ได้จัดว่าหน้าตาหล่อเหลาอะไร ดูท่าทางการนั่งการแต่งตัวก็ไม่ได้ดูตุ้งติ้ง ต่างจากกระเทยกล้ามโตบางคนในชั้นปีของตัวเองยิ่งทำให้สงสัยเข้าไปใหญ่
“หน้าตาก็เฉยๆ มีอะไรนักหนาให้เพื่อนกูเป็นไปได้ขนาดนี้วะเนี่ย” ต้าร์ส่ายหัวเขาไม่ค่อยเข้าใจเข้าใจความคิดของเคนนัก แต่เขาคิดว่าเขาคงไม่อยากจะเข้าไปเอี่ยวอะไรมากไปกว่านี้ ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆก่อนเข้าไปทำหน้าที่เพื่อนที่แสนดีตามที่โดนใช้งานมา
“เอ่อ...น้องๆ...จูนใช่ป่ะ”
“ครับ” จูนหันมามองหน้าตาเหลอหลา
“พี่ชื่อต้าร์ เป็นเพื่อนไอ้เคนมัน ...มันบอกให้รอแป๊บ เดี๋ยวมันมา” ต้าร์ว่าพลางเดินขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์ขั้นถัดจากที่จูนนั่งลงมาขั้นหนึ่ง “โอย..... “ แต่ก็ต้องร้องโอยเมื่อยังรู้สึกเจ็บไม่หาย
“พี่เป็นอะไรมากป่ะ เห็นพี่เคนยันซะแรงเลย” จูนเห็นท่าทางอีกฝ่ายไม่ค่อยดีเลยชะโงกหน้าลงมาถาม
“ฮ่ะๆ...ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง พวกพี่ชินละ ซ้อมกันมาเยอะรับแค่นี้ไม่ไหวก็ไม่รู้จะว่ายังไง......... “ต้าร์เห็นท่าทางอีกฝ่ายดูสนอกสนใจ เลยหันกลับไปถาม “เคยเล่นป่ะ กระบี่กระบอง...” เด็กหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ
“ที่โรงเรียนผมไม่ได้สอนอ่ะ...แต่พวกพี่เล่นก็ดูเท่ดีนะ อย่างกับพวกสตั้นท์แมนเลย” จูนว่าพลางยิ้ม อาจเป็นเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนของเคนก็ได้เลยไม่ได้รู้สึกเก้อเขินหากจะพูดคุยอะไรออกไป
“โอ้ย ไม่ขนาดนั้นหรอก พอดีวันนี้บางคน...”ต้าร์เน้นเสียงหนักก่อนจะเหลือบมองข้ามไหล่ให้แน่ใจว่าเพื่อนร่างสูงจอมบ้าพลังคนนั้นยังไม่เดินมา “มันเอาจริงไปหน่อย”
“ผมล่ะหวาดเสียวแทนจริงๆ “จูนที่ไม่ค่อยชื่นชอบการออกกำลังกายสักเท่าไรถึงกับนึกขนพองสยองเกล้าเขาไม่อยากจินตนาการเลยว่าถ้าหากพลาดขึ้นมาจะเป็นอย่างไร “นี่เกิดพลาดขึ้นมา ผมไม่ต้องมาเห็นเลือดอาบหัวคนเหรอเนี่ย บรื๋อส์...คนชวนก็ชวนไม่ห่วงใจคนดูเล้ย...จะชวนมาทำไมเนี่ย”
ต้าร์เหลือบมองท่าทางของจูนก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะจูนพูดเร็วรัวแล้วก็บ่นอะไรพึมพำอยู่คนเดียวอยู่อย่างนั้น แต่ก็ยังพอจับใจความได้เล็กว่าเป็นห่วงเพื่อนของเขาอยู่ไม่น้อย
“ก็นะ....” ต้าร์ถอนหายใจคล้ายโล่งอก แล้วกหันกลับไปมองโรงยิมอีกครั้งการสอบของคู่ต่อไปกำลังจะเริ่มและเคนก็กำลังจะเดินมาทางนี้ ร่างสูงใหญ่นั้นเดินกลับมา โบกมือให้กับคนที่อยู่ข้างหลังของเขาพร้อมรอยยิ้ม ต้าร์เหลือบหันหลังกลับไปมองก็เห็นจูนพยักหน้ารับแกนๆ เขาพอจะมองเค้าร่างลางๆของความสัมพันธ์นี้แล้ว
“แม่ง....ไอ้เคนเอ้ย แกนี่มันจะพยายามแมนในเรื่องไม่เป็นเรื่องจริงๆ” ต้าร์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ไอ้เคนมาล่ะ พี่ไปล่ะ ไว้เจอกันนะน้อง”
“อ่ะ ครับพี่...” จูนรับคำพลางก้มหัวให้อีกฝ่ายเล็กน้อยถึงแม้จะไม่เข้าใจคำพูดของอีกฝ่ายนัก แต่ก็ไม่ได้คิดอยากจะถามอะไร
“รอนานไหมจูน.....” เสียงทุ้มของเคนเอ่ยขึ้นเมื่อเดินกลับมา ใบหน้าคมและผมสีเข้มชื้นเหงื่อแต่ก็ยังดูดีในแบบของผู้ชายที่เพิ่งเล่นกีฬามา
“ไม่อ่ะ....เมื่อกี้พี่อะไรนะ พี่คนนั้นน่ะเขามาคุยด้วย”
“ไอ้ต้าร์น่ะเหรอ...คุยอะไรกัน” ท้ายเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย
“ก็คุยธรรมดา “จูนตอบไปตามความจริง “ว่าแต่...มาดูพี่สอบแล้วเนี่ย ผมกลับได้หรือยัง”จูนไม่ได้อยากให้ใครเอาไปพูดลับหลังอีกว่า “กระเทยคนนั้นมานั่งเฝ้าพี่เคนเอกพละตอนสอบ”
“แกจะรีบไปไหน เหงื่อพี่ขนาดนี้แกจะไม่ให้พี่ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเลยรึไง” มือแกร่งคว้าแขนของจูนเอาไว้ทันทีพร้อมกับรอยยิ้มกว้างอย่างยียวน
“ก็ไปล้างหน้าสิครับ หมดเรื่องของผมแล้ว “ตรงกันข้ามจูนกลับเบ้หน้าแล้วดึงผ้าพันขนหนูที่พาดอยู่บนคอของอีกฝ่ายมาคลุมบนศีรษะของเคน มือเรียวผลักศีรษะของเคนจนหน้าแทบหงายยังดีที่มือของเขายังยึดแขนของจูนเอาไว้ช่วยให้ยังทรงตัวเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นคงหงายหลังลงจากอัฒจันทร์เป็นแน่
“เหวอ......โอเคๆไม่รั้งไว้ก็ได้ ...ทำไมต้องผลักกันด้วย แต่ก่อนไปนะช่วยตอบคำถามพี่ก่อน....โอเค?” เคนดึงผ้าขนหนูที่คลุมหน้าของตัวเองออก ดวงตาคมจ้องหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง ทำเอาคนถูกมองรู้สึกกระอักกระอ่วน
“อะไร?......”
“เมื่อกี้พี่เท่ป่ะ...”เคนยิ้มท่าทางภูมิใจกับการสอบวันนี้อยู่ไม่น้อย จูนเสมองไปอีกทางแล้วเอ่ยเบาๆ
“ก็.... เท่กว่าที่คิด“ อาจจะต้องยอมรับว่าการรำไหว้ครูเมื่อครู่นั้นสวยงามอยู่ไม่น้อย
“แน่นอน คงไม่มีใคร เท่ หล่อ แบบนี้อีกแล้วล่ะ” ร่างสูงหัวเราะอย่างได้ใจ จูนเห็นเคนยิ้มอย่างภูมิใจเสียจนน่าหมั่นไส้ก็ต้องเบ้หน้า เห็นทีคงต้องสะกัดความมั่นใจนั้นเสียก่อนที่เคนจะยิ่งได้ใจไปมากกว่านี้
“แต่พี่คนเมื่อกี้ก็เท่เหมือนกัน อืม.... จะว่าไปพี่เขาก็หน้าตาดีเหมือนกันนะ อาจจะเท่กว่าพี่เคนก็ได้” จูนยิ้มเยาะเมื่อเห็นเคนมองกลับมาอย่างไม่พอใจนัก
“พี่ไม่ได้หล่อเท่ที่สุดในสามโลกหรอกนะ” เด็กหนุ่มยิ้มเยาะ มือเรียวฉวยโอกาสดึงผ้าขึ้นคลุมศรีษะของเคนอีกรอบ ช่วงขายาวก้าวลงจากอัฒจันทร์ ไม่ได้รอให้คนที่กำลังมืดบอดเพราะผ้าที่คลุมจนมองอะไรไม่เห็นตามได้ทัน
“ไปล่ะ ผมต้องไปเก็บกระเป๋าเตรียมเดินทางอีก คืนนี้นะพี่เคน ถ้าเก็บของไม่เรียบร้อย ตื่นไม่ทันรถออกล่ะก็ พี่โชติจะโวยเอา” พูดเสร็จจูนก็เดินฉับๆออกจากโรงยิมไป
เคนมองตามร่างสูงโปร่งของจูนไปพลางส่ายหน้าเบาๆ เขาเองก็รู้ตัวดีว่าไม่ได้เป็นคนที่หล่อเลิศเลออะไรนัก แต่ที่อยากให้จูนมาดูวันนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งก็เป็นได้
...ผู้ชายน่ะนะ...ก็แค่สิ่งมีชีวิตที่อยากจะดูเท่ที่สุดในสายตาคนที่ชอบก็เท่านั้นล่ะ...
................................to be continued