รักไม่ใช่เล่น - Listen! This is not a joke -(Ch:54 ผ้าปูที่นอน 21/3/18 up!)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักไม่ใช่เล่น - Listen! This is not a joke -(Ch:54 ผ้าปูที่นอน 21/3/18 up!)  (อ่าน 47958 ครั้ง)

ออฟไลน์ shiawase

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
“อะไร.....เซอร์วิสไปไหนคนเรา” จูนอดไม่ได้ที่จะแขวะ

 “ก็หวังผลนี่.....” เคนพูดขึ้นมาลอยๆ


ไอ้ประโยคแบบนี้หน่ะ...พอนิดมารู้เรื่องก็ไขว้เขวแล้วก็จะมาทำร้ายใจน้องจูน
หยุดทำแบบนี้เลยนะไอ้หมีควายบ้าพลัง ฮือๆๆๆๆๆๆๆ  :ling1:  ถีบเลย :z6:

น้องจูนนนนนน  อย่าไปหลงหน้าตา(อันนี้ไม่น่าจะทัน)คารมและเซอร์วิสของไอ้พี่เคนหมีควายนะ  เข้มแข็ง!! ฮึ้ยๆๆ  :fire:


ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
จะมาจริงจังไม่เล่นๆกะจูน แต่ตัวยังมีพันธะเป็นนิดตัวโตๆเลยนะเคน   ทำแบบนี้ไม่มีใครมีความสุขหรอกนะเนี่ย

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@ talk @@@
ไม่ได้มาอัพเสียนาน งานเยอะมาก :ling1:
อ้อ ไปเข้าวัดมาด้วยค่ะ เอาบุญมาฝากทุกคนนะคะขอให้มีแต่สิ่งดีๆกันถ้วนหน้า

อัพตอนนี้ถือเป็นครึ่งแรกของตอนก่อนนะคะ
จะรีบมาต่อในเร็ววัน (ช่วงวันหยุดนี่ล่ะ เวลาดี ฮ่าๆ)
..................................


- บทที่ 20 หนีกับลืม -
"หนี"



 
                 สายตาเหลียวซ้ายแลขวา ร่างสูงโปร่งรีบเดินออกไปทางด้านข้างคณะ ถ้าหากเดินผ่านจะมีทางเดินเชื่อมต่อไปยังคณะวิทยาศาสตร์และเดินตรงออกไปยังถนนหลักของมหาวิทยาลัยได้ ขอแค่มีรถประจำทางผ่านมาเขาก็เดินทางกลับหอได้อย่างสบายๆ อาจจะเป็นเพราะคำขู่ของเคนก็เป็นได้ที่ทำให้เขาอยากรีบกลับหอไปเสีย ไม่อยากจะอยู่เตร็ดเตร่ในมหาวิทยาลัยเหมือนอย่างทุกที ถึงเพื่อนจะชวนให้ไปหาอะไรทานด้วยกันหลังเลิกเรียนก็แล้วแต่ก็ต้องปฏิเสธไป ....ขอโทษนะ...ไม่ว่างน่ะต้องไปชมรม.... คำโกหกคำโตหลุดออกจากปากไปอีกครั้ง เขารู้ดีว่าสักวันกลุ่มเพื่อนสาวของเขาคงต้องระอาจนถ้าไม่สนใจเขาอีกก็คงจะเรียกเขาซักฟอกจนกว่าความจริงจะหลุดเป็นแน่จะโกหกไปเพื่ออะไร

     
                   “จูน!!...”

                อยู่ๆก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองดังลั่นมาจากทางด้านหลัง เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก หันไปมองดูด้านหลังก็เห็นร่างสูงโปร่งของเคนยืนอยู่ใกล้กับที่จอดรถไม่ห่างออกไปนัก  จูนรีบยกหนังสือเรียนขึ้นบังหน้าพลางสาวเท้ารีบเดินไปอีกทางทันที
 
                   “อ้าวเฮ้ย....เรียกไม่หันวะ...จูน!”เคนใช้เสียงที่ดังขึ้น ร่างสูงใหญ่วิ่งเหยาะตามอีกฝ่ายไปแต่ก็ดูเหมือนว่าจูนจะยิ่งเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีก คิ้วคมขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
                “จูน...เฮ้อ...ไอ้เด็กนี่.....” เคนเร่งฝีเท้าเต็มพิกัดถึงเขาจะไม่ถนัดเรื่องการวิ่งหรือกีฬาอื่นๆเมื่อเทียบกับกีฬาพวกศิลปะป้องกันตัวแต่เพราะต้องวิ่งทุกวันอย่างไรแล้วฝีเท้าของเขาคงดีกว่าคนที่ปรกติจมกองหนังสือกับกองซีดีอย่างจูนเป็นแน่   
    
                “จะรีบเดินไปตามควายที่ไหนวะ” มือแกร่งดึงแขนของเด็กหนุ่มเอาไว้ได้ในไม่กี่อึดใจ คนที่เขาคว้าแขนเอาไว้หยุดเดินทันที มือที่ยกหนังสือเอาไว้สูงเมื่อครู่นั้นลดลง ทำให้เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายชัดเจนมมากขึ้น คิ้วคมของชายหนุ่มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “ทำไมทำหน้างั้น...”

                  “เดินหนีควายถึกไม่พ้นเลยเซ็งน่ะครับ” จูนตอบด้วยสีหน้าที่ไม่ต้องถามอะไรต่อก็พอจะเข้าใจ
    
               “รู้งี้ปล่อยให้เดินหนีต่อไปดีกว่า เจอหน้าเซ็งไม่พอด่าพี่อีก...” เคนหัวเราะเบาๆ “หิวรึเปล่า ไปหาอะไรกินกัน”
    
               “หิวครับ แล้วก็ง่วงมากด้วย เลยว่าจะกลับหอแล้ว” เด็กหนุ่มผมทองตอบไม่ได้มองหน้าของอีกฝ่าย ใจของเขายังเต้นระรัวที่ต้องจ้ำอ้าวเดินหนีอีกฝ่ายเหมือนจะโดนควายไล่ขวิดอย่างไรอย่างนั้น
    
              “ถ้าอย่างนั้นก็ให้พี่ไปส่งสิ...จะมาเดินหนีกันแบบนี้ทำไม” เคนหัวเราะพลางยกมือขยี้ผมของจูนเบาๆ
 
                “ก็.....” จูนอึกอัก เห็นอีกฝ่ายยิ้มกว้างก็รู้สึกแสบตา ผู้ชายแบบเคนถึงบางครั้งจะตัดสินใจอะไรได้สิ้นคิดแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนตรงหน้าเป็นเหมือนพระอาทิตย์ส่องแสงสว่างจ้าที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย.....แต่บางครั้งก็แลดูแสบตาจนน่ารำคาญ
              “ก็พี่วิ่งตามมา ผมตกใจนึกว่ากระทิงตกมัน ....ก็เท่านั้น”
 
                “โธ่เอ้ย จะว่าพี่เป็นควายก็พูดมาเหอะ ไม่ต้องไปเปลี่ยนสายพันธ์ให้มันหรูหรอก”เคนพลิกข้อมือเป็นเขกศีรษะของอีกฝ่ายเบาๆ “ไปชมรมกันไหม....”
 
                “ถ้าชมรมล่ะก็ ผมไปเองได้นะ เดินไปแป๊บๆก็ถึงแล้ว....” จูนมีท่าทีลำบากใจมือเรียวชี้ไปทางทิศที่ตึกชมรมตั้งอยู่
    
             “ก็จะไปส่ง จะเดินไปทำไมให้เมื่อย...” เคนถามพลางถอนหายใจ “ทุกทีก็ว่าง่าย ทำไมวันนี้ดื้อจัง”

                “ผมเปล่านะ แค่คิดว่าถ้าจะไปชมรมมันก็เดินไปก็ได้นี่” เด็กหนุ่มบ่นพึมพำเบาๆ
    
             “เอ้า ไอ้นี่...ไหนว่าตอนแรกง่วงจะกลับหอไง สรุปจะเอาไงกันแน่เนี่ย ”เคนขมวดคิ้ว “คนจะได้ขี่รถไปส่งได้ถูก”
 
               “ก็ไม่ต้องไปส่งแต่แรกนั่นล่ะ จะได้ไม่ต้องงง” จูนปั้นรอยยิ้มใส่อีกฝ่าย

               เห็นรอยยิ้มแห้งแล้งไม่จริงใจแบบนั้นมือแกร่งของนักกีฬาร่างใหญ่ยิ่งกระชับรอบแขนของอีกฝ่ายมากขึ้นพลางดึงเข้ามาใกล้เมื่อเห็นว่าระยะห่างระหว่างทั้งสองคนกำลังจะห่างกันออกไป
    
             “พี่จะตอบแกอีกรอบนะว่าพี่จริงจัง...” เคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่สังเกตเห็นใบหน้าของคนตรงหน้าหลุบลงต่ำ 
    
             “มันเป็นคำตอบของพี่คนเดียว.... “เด็กหนุ่มผมสีอ่อนส่ายหน้าน้อยๆ ยกมือที่ถือหนังสืออยู่ดันอกของอีกฝ่ายให้ออกห่าง
            “ไม่ใช่คำตอบของผมสักหน่อย...”
           
              “เหรอ..ถ้าอย่างนั้นแกเดินหนีพี่ทำไม นั่นแปลว่าแกกำลังตอบพี่อยู่ไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงของเคนอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเขาไม่เคยพูดกับใครด้วยน้ำเสียงเช่นนี้มาก่อนไม่แม้แต่กับนิด ไม่เคยถามด้วยความใคร่อยากรู้ใจของใครมากเท่านี้มาก่อน 
     
             “บางทีมันอาจจะผิดตั้งแต่ตอนที่พี่ตั้งคำถามแล้วก็ได้”จูนว่าดวงตาเรียวจ้องกลับมา “แทนที่พี่จะตั้งคำถามว่า ผมจะทำยังไง บางทีพี่อาจจะต้องตั้งคำถามใหม่ อย่างเช่น พี่ชอบผู้หญิงไม่ใช่รึไง พี่ไม่รู้สึกว่ามันแปลกเลยรึยังไง... แล้ว...พี่จะมาทำแบบนี้ให้มันได้อะไร ”
            จูนตั้งคำถามกลับไป คำถามที่คงมีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่จะตอบได้ ท่าทางเหมือนลำบากใจที่จะพูดออกมาสังเกตได้จากท่าทางที่เด็กหนุ่มเม้มปากน้อยๆอยู่ตลอด

           “พี่เคนช่วยทำเหมือนเดิมไม่ได้รึไง แบบนี้ผมว่าผมลำบากใจนะ” เด็กหนุ่มทำหน้ายุ่งเขาพูดความรู้สึกของตัวเองออกไปตามตรง แต่ที่ลำบากใจยิ่งกว่าการกระทำของเคนคงจะเป็นจูนเองที่ยังไม่กล้าแม้จะคิดหาคำตอบให้ตัวเอง สิ่งที่เขาทำได้ดีคงมีแค่สองอย่างหนึ่งในนั้นคือการหนี แต่เขาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าการหนีนั้นทำเอาเหนื่อยอยู่ไม่น้อยร่างสูงโปร่งยังยืนหอบหายใจเบาๆ
    
           “พี่ทำอะไรไม่เหมือนเดิมตรงไหน มารับแก ไปชมรม ก็เหมือนเดิมนั่นล่ะ”
    
           “เจตนาพี่มันไม่เหมือนเดิมนี่...”จูนตอบไปตามตรงรู้สึกได้ถึงความรู้สึกร้อนผะผ่าวบนใบหน้า
    
          “แล้วมันไม่ดียังไง” เคนถามกลับตีหน้าซื่อ จนจูนรู้สึกคล้ายจะเวียนหัวเพราะเขาพูดไปขนาดนี้แล้วอีกฝ่ายยังตอบกลับมาแบบนี้ได้
    
          “โอ้ย...ผมพูดไปพี่ก็คงจะสบสันกับการแสดงจนหัวพี่ไม่ทำงานแล้วล่ะ...เอาแบบนี้...ผมขอร้อง” เด็กหนุ่มยกมือพนมขึ้นตรงหน้าร่างสูง
         ”ผมขอนะ ขอให้พี่หยุดก่อนอะไรก็ตามที่พี่คิด พี่ต้องตั้งสติส่วนผมเองจะลืมไปว่าเมื่อคืนนี้ผมถามอะไรพี่ไป ถือเสียว่าพี่ไม่เคยตอบอะไรผมมาก็แล้วกัน”
    
         “จะบอกว่าไม่ซินะ....”  เสียงของเคนที่เอ่ยออกมานั้นแหบพร่าเขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกจากที่สูงทั้งที่ตัดสินใจแล้วว่าจะกระโดดข้ามฝากไปยังอีกด้านของตึกด้วยกำลังขาของตนเองแต่ท้ายที่สุดก็คงต้องตกลงมาตายอย่างช่วยไม่ได้
    
        “ตอนนี้พี่กำลังทำให้ผมกลัว...”  จูนตอบด้วยเสียงเบาเมื่อเห็นว่ามีคนกำลังจะเดินผ่านมาทางนี้ เด็กหนุ่มขยับถอยห่างออกจากเคนเล็กน้อย “ผมเลยขอให้พี่หยุดตั้งสติให้ดีก่อน...ผมไม่ได้อยากจะหนีแต่ถ้าพี่ยังทำให้ผมกลัวแบบนี้ ถ้าผมไม่หนีมีอีกวิธีคือเราต้องลืมเรื่องที่คุยกันนี่ไปสักระยะ”
     
        “พี่อาจจะหัวไม่ดีเท่าแกนะจูน แต่พี่ว่าพี่ก็คิดมาหนักแล้ว แกห้ามพี่ไม่ได้หรอกนะ...” มือแกร่งยกขึ้นแตะข้างแก้มของเด็กหนุ่มไม่ได้สนใจว่าใครที่กำลังจะเดินผ่านมาจะเห็นหรือไม่
    
       “งั้นพี่ควรจะคิดให้หนักกว่านี้...”จูนตอบเขาก้าวถอยหลังปลายนิ้วแกร่งของเคนแตะผิวแก้มของเขาได้เพียงแผ่วผ่าน สายตาที่มองกลับมาของเคนนั้นยากที่จะคาดเดาความรู้สึกแต่เคยไม่เคยมองเขาด้วยสายตาที่ดูผิดหวังขนาดนี้มาก่อน
        “ผม.....” เสียงของจูนสั่นในใจรู้สึกหวั่นไหวกับสายตานั้นแต่รู้ดีว่าตัวเองต้องหนักแน่นให้มากเข้าไว้
        “ผมว่าวันนี้ผมต้อกลับหอก่อนจริงๆนั่นล่ะ คงไม่ได้ไปชมรมแล้ว พี่ไม่ต้องไปส่งนะ ผมกลับเองได้แล้วเจอกันพรุ่งนี้” จูนพูดรัวเร็วก่อนจะหันหลังก้าวเดินยาวๆไปยังจุดรอรถประจำทาง
    
         เคนมองแผ่นหลังได้รูปของเด็กหนุ่มค่อยๆเดินห่างออกไป มือแกร่งกำแน่นเขาไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจ แต่คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกอยากจะพยายามให้มากกว่านี้
        
      “ถ้าแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้แข่ง มันก็ไม่แฟร์นะไอ้หนู....และคนอย่างเคนถ้าลงสังเวียนก็ต้องชนะน็อคเท่านั้น”




...................................  to be continued


@@@ talk @@@
หลังแต่งตอนนี้จบ อยากบอกพี่เคนว่า
"พี่คะ...พี่โดนปรับแพ้ฟาล์วตั้งแต่ตอนไปชั่งน้ำหนักเทียบรุ่นแล้วอ่ะ"
ผั่วะ ตบพระเอกซักทีจะได้ไหม

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
-บทที่ 20 หนีกับลืม-
- ลืม -


                เสียงลงส้นเท้าหนักๆดังขึ้นไปตามบันไดแคบๆของตึกชมรมเก่าคร่ำคร่า ร่างสูงใหญ่ของเคนพาตัวเองขึ้นไปถึงชั้นสองได้ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ เขาหงุดหงิดแต่ก็ไม่ถึงกับกระฟัดกระเฟียดหรือพร้อมจะพังข้าวของรอบข้างแต่อย่างใด มันเป็นความหงุดหงิดไปตามสถานการณ์คล้ายอารมณ์ในตอนที่เกมการแข่งขันไม่เป็นไปอย่างใจเสียมากกว่าเขาเปิดประตูชมรมเข้าไปรู้ดีว่ามันไม่ได้ล็อคเพราะฟืนไฟในห้องนั่นเปิดสว่าง มองเขาไปเห็นเงาร่างของใครบางคนอยู่

        
           ....ถ้าไม่ไอ้ยุทธ์ก็ไอ้โชติล่ะมั้ง......


        นักกีฬาร่างสูงถอนหายใจก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน


       “อ้าว ยุทธ์มึงเองเหรอ....”

       “เออ...กูเอง ” เสียงยุทธ์ตอบกลับมา ร่างเล็กนอนเหยียดอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่กลางห้อง เคนเห็นชุดเสื้อผ้าสำหรับใส่ในการแสดงวางกองอยู่อีกทาง

        “มึงมาลองเสื้อเหรอ”

       “แนวๆนั้นแค่ลองไซส์อ่ะ อย่างกูใส่อะไรก็หล่อ แต่งหญิงกูก็สวยอ่ะนะ เอาอะไรให้ใส่ก็ดูดีหมดล่ะ” ยุทธ์ว่าไม่ได้เงยวางการ์ตูนแล้วหันมาคุยแต่อย่างใด “แล้วมึงอ่ะ มาทำอะไร ...”

        “หงุดหงิดนิดหน่อยเลยยังไม่อยากจะกลับ เซ็งๆเดี๋ยวจะเปลี่ยนเสื้อไปซ้อมวิ่งให้มันหายหงุดหงิดซักหน่อย” เคนตอบพลางถอดตลบเสื้อยืดที่ใส่มาออกไปให้พ้นตัว ร่างสูงนั่งลงที่อีกด้านของห้องชมรมพื้นกระเบื้องของห้องทำให้รู้สึกเย็นอยู่ไม่น้อยเมื่อเข้าช่วงเดือนธันวา เคนนั่งมองยุทธ์ที่ยังนอนอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่อย่างสบายอารมณ์

       “เฮ้ย ยุทธ์ กูถามมึงหน่อยเหอะ อย่างมึงเคยจีบใครแล้วเขาวิ่งหนีมึงบ้างไหม” เคนถามสิ่งที่คล้ายจะโพล่ขึ้นมากลางใจ ภาพแผ่นหลังของจูนที่เดินจากไปนั่นยังเด่นชัด...และน่าหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย

        “หืม?....” ยุทธ์ลดหนังสือการ์ตูนลงแล้วหันมาสนใจเคนเป็นครั้งแรก “นึกยังไงถึงถามวะ”

       “ก็แค่อยากรู้...” เคนยักไหล่ ไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายรู้อะไรมากจนเกินไปนักแต่อีกฝ่ายก็ดูไม่ได้สนใจอยากรู้อะไรอยู่แล้ว

        “ให้พูดตามตรง...”ยุทธ์เปลี่ยนจากนอนเหยียดมาตะแคงข้างมองหน้าของเคน “ปรกติแล้วกูไม่จีบใคร....” คำตอบของคำถามนั้นทำให้เคนขมวดคิ้ว

        “แล้วมึงหาแฟนได้ไงวะ....”

        “มาเอง....” คราวนี้เป็นฝ่ายยุทธ์ที่ยักไหล่บ้าง “ส่วนใหญ่กูเป็นฝ่ายโดนจีบซะมากกว่า กูไม่ชอบไปรุกจีบใคร...มันเหมือนเอาสีเอาน้ำเอาก้อนอิฐก้อนหินไปปาใส่ชาวบ้านเขา...”

        “ขนาดนั้นเลยอ่ะ?...”เคนเลิกคิ้วสูง ช่วงขายาวขยับขัดสมาธิเขาชักสนใจความคิดของเพื่อนร่างเล็กคนนี้ขึ้นมาอีกนิด

       “ใช่...อีกอย่างกูอาจจะเป็นพวกรักสบายไปหน่อย กูชอบให้มีคนมาเอาใจ แต่กูไม่ชอบให้คนมาเข้าใกล้กูมากเกินไป มันน่ารำคาญ และถ้ามีใครจะมาจีบกูกูจะดูว่าเขาก้าวล้ำเส้นกูหรือเปล่า...” ว่าพลางก็ยกนิ้วทำท่าขีดเป็นเส้นตรงบนอากาศ “อาจจะไม่เหมือนมึงหรอก...แฟนสวยซะขนาดนั้น”

       “ไม่...อันที่จริง...กูก็ไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนหรอก...”เคนนิ่งไปครู่หนึ่งราวกับกำลังพยายามเรียบเรียงความทรงจำ “..บังเอิญเจอกัน บังเอิญได้คุยกัน รู้ตัวอีกทีก็คิดว่าเป็นแฟนกันก็น่าจะดี...” เคนถอนหายใจพลางเอนไปด้านหลัง

     “เฮ้อ...ไม่ใช่ว่ากูไม่เคยเริ่มก่อนนะ แต่มันไม่เคยยาก...” เคนเหม่อมองดูเพดานกระดำกระด่างของห้องชมรม
        
     “เจอยากๆเข้าเลยงงอ่ะดิ่....” ยุทธ์แซวด้วยเสียงสูง “ว่าแต่ เฮ้ย...อย่าบอกนะว่ามึงมีกิ๊กอ่ะ...”ยุทธ์แทบคลานสี่ขามาเข้ามามองหน้าของเคน “โหย....ไอ้พี่เคน ทำแบบนี้แฟนจับได้นี่ไม่โดนตอนเลยเหรอมึง”
    
        “สาด หุบปากไปเลยมึง....”เคนแทบยกเท้าขึ้นยันอีกฝ่ายเอาไว้ “ความเห็นบางเรื่องไม่ได้ถามก็ไม่ต้องตอบ” คิ้วคมขมวดเข้าหากันแน่น มือแกร่งขยี้ผมของตัวเองเบาๆอย่างขัดใจ
       
     “โห...ท่าจะหงุดหงิดจริงวุ้ย เจอของยากนี่มันน่าหงุดหงิดขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ก็ดูเข้ากับมึงดีว่ะ”ยุทธ์ยังคงดูอารมณ์ดีเห็นเพื่อนอายุมากกว่าคนนี้ทำหน้าหงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจนี่ทำให้ชวนขำอย่างบอกไม่ถูก


      ....หน้าตาเหมือนควายปวดท้องขี้.....


            “เออๆ กูหงุดหงิดมันไม่เป็นอย่างใจคิด กูก็ว่า ถ้ากูจริงจังแล้วทุกอย่างมันน่าจะจบ แต่ก็ไม่ กูโดนหนีหนีไม่พอบอกว่าจะลืมที่กูพูดด้วย คนนะเว้ยไม่ใช่คอมพิวเตอร์ นึกจะลบอะไรก็ลบง่ายๆ? ....แม่ง ยากว่ะ ต่อยมวยคงง่ายกว่า น็อคก็คือน็อค”
       
        “กูก็ไม่ชอบวิธีการตื๊ออะไรนักหรอกนะ ....แต่นั่นมันกรณีของกู ที่มึงเปิดเรื่องมาคงคิดจะถามใช่ป่ะว่าถ้าเป็นกูกูจะทำยังไง ถ้าเขาบอกแบบนั้นมากูคงหยุดว่ะ แต่ถ้าในกรณีมึงก็สุดแล้วแต่มึงเถอะ เห็นว่าอะไรดีก็ทำไป” ยุทธ์พูดยาวพลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดพ่นควันสีขาวลอยขึ้นไปบนเพดาน
       
      “เออ....กูว่ากูก็คงจะทำตามแบบของกูนี่ล่ะ” คำพูดของเคนทำให้ยุทธ์หัวเราะออกมาเบาๆ จนเคนต้องยกเท้าเขี่ยอีกสักรอบ “ตลกนักรึไง”
       
     “มึงนี่ล่ะนะ มีคำตอบอยู่แล้วจะมาทำท่าทางเหมือนปรึกษาไปทำอาวุธอะไรวะ....เอาเหอะมึงอยากทำอะไรก็ทำไป แค่เตรียมรับผลให้ดีละกัน”
       
     “ไอ้นี่แม่งก็แช่งกูจัง ...”เคนหัวเราะเบาๆ “ไหน การ์ตูนมึงอ่ะยืมอ่านหน่อย....” พูดพลางยื่นมือไปขอการ์ตูนหนึ่งเล่มจากในกองหนังสือการ์ตูนข้างๆตัวอีกฝ่ายมา ยุทธ์ก็ยื่นให้ ทั้งสองคนนั่งอ่านการ์ตูนไปเงียบๆราวกับว่าหัวข้อที่เคนหยิบขึ้นมาพูดเมื่อสักครู่นั้นไม่เคยได้รับการเอ่ยถึง ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มเปลี่ยนสีเคนหันไปมองก่อนจะลุกขึ้นยืน
     
        “อ้าว..จะกลับแล้วเหรอ?”
 
           “เออ...เดี๋ยวกูว่ากูไปวิ่งก่อนดีกว่า...เผื่อหัวจะโล่งขึ้นมาหน่อย” ว่าพลางก็ปลดกางเกงยีนส์ออกเปลี่ยนเป็นกางเกงวอร์มสีดำ แล้วคว้าเสื้อยืดตัวเดิมมาใส่
       
      “เออ...แล้วเจอกันพรุ่งนี้ละกัน เดี๋ยวไอ้โชติมันคงพูดอีกทีแต่ที่จะไปถ่ายหนังกันก็คงหลังมิดเทอมอาทิตย์หน้า...พรุ่งนี้มาประชุมสรุปกันให้เรียบร้อยสอบเสร็จแล้วก็จะเดินทางกันเลย เอารถตู้ที่บ้านกูไป มึง กูแล้วก็ไอ้โชติสามคนผลัดกันขับไป โอเค?”  เคนรับคำด้วยเสียงในลำคอ ร่างสูงคว้ากระเป๋าเป้กำลังจะเปิดประตูออกจากห้องชมรมไป
       
      “เฮ้ย เคน....” เสียงของยุทธ์เรียกเคนเอาไว้จากด้านหลัง 
        
      “อะไรวะ...” เคนหันกลับไปมอง เห็นยุทธ์ลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิมองหน้าเขาด้วยท่าทางสงสัย
    
        “มึง...มีกิ๊กจริงอ่ะ”
       
      “กิ๊กเหรอ? ไม่ใช่หรอก แค่มันเป็นความรู้สึกที่กูเก็บไว้ไม่ได้ก็เท่านั้นก็เลยบอกกับเขาไป” เคนตอบไปตามตรงบนใบหน้าคมมีรอยยิ้มเจื่อน
       
     “ไม่ใช่...คนที่กูรู้จักใช่ป่ะ” ยุทธ์ถามพลางยกมือขึ้นขยี้หัวของตัวเองเบาๆ แต่ดวงตากลมที่มองกลับมานั้นจริงจังอยู่ไม่น้อย

       “........... “เคนนิ่งดวงตาคมหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา “...มึงจะอยากรู้ไปทำไม”

       “เปล๊า...ไม่มีอะไร” ยุทธ์ปฏิเสธเสียงสูง

       “เออ..... กูไปล่ะ” ร่างสูงตอบกลับเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องชมรมไป


..........................................


             การประชุมของชมรมครั้งสุดท้ายก่อนเปิดกล้องถ่ายหนังสั้น จูนยืนสูดลมหายใจอยู่ที่หน้าประตูบานเก่าของห้องชมรมแต่ก็ยังทำใจเปิดเข้าไปด้านในไม่ได้เสียที อาจเป็นเพราะความกลัวที่ทำให้เขาไม่กล้าเอื้อมมือไปคว้าลูกบิดประตู ดวงตาสีน้ำเงินเพราะคอนแทคเลนส์จับจ้องลูกบิดประตูนิ่ง ใช่แล้วมันคือความกลัว กลัวว่าหากเจอหน้าเคนแล้วตัวเองยังทำไม่ได้ตามที่ปากได้ลั่นวาจาเอาไว้ แต่ก็คงไม่มีทางอื่นนอกจากต้องพยายาม เพราะถ้าไม่รีบทำตามที่พูดเอาไว้เคนคงไม่ยอมถอยง่ายๆอย่างน้อยเขาก็คิดว่าเคนน่าจะฟังและถอยให้เขาบ้าง
        
       “เหม่ออะไร เรา....” 

ทันใดเสียงทุ้มก็ดังขึ้นจากด้านหลังจูนสะดุ้งโหยงรีบหันหลังกลับไปมองต้นเสียงทันที เคนยืนอยู่ห่างจากเขาไปไม่กี่นิ้ว ใบหน้าคมคายนั้นแสดงความประหลาดใจกับท่าทีของเขาก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะคลี่เป็นรอยยิ้มกว้าง มือแกร่งยกขึ้นในระยะที่เขามองเห็นก่อนจะยื่นมาขยี้ผมของเขาเบาๆ
       
      “ตกใจเหรอ ขอโทษนะ”
        
       “พี่เคนอย่ามาเงียบๆดิ่...”จูนโวยออกมาพยายามทำทุกอย่างให้เหมือนที่ “เคย” เป็น  “อยู่ๆก็โผล่มาเป็นผีรึไงตกใจหมด เฮ้อ...เข้าไปข้างในดีกว่า” เด็กหนุ่มพูดรัวเร็วเหมือนเช่นทุกครั้งที่รู้สึกประหม่า ร่างสูงโปร่งหันหลังให้กับเคนก่อนทำท่าจะเปิดประตูแต่ก่อนที่จะได้หมุนลูกบิดประตูเปิดห้อง มือแกร่งข้างหนึ่งของเคนโอบดึงเอวของเขาเอาไว้

       “ทีแบบนี้ล่ะรีบนะ...”

       “พี่เคน ทำอะไรอ่ะ” จูนสะดุ้งเฮือกอีกระลอกจะดันอีกฝ่ายออกมือแกร่งก็ยิ่งรั้งเขาเข้าหา มาดอะไรก็ตามที่พยายามสร้างไว้เป็นเกราะกำบังเกือบพังทลายแต่กระนั้นเด็กหนุ่มก็ยังพยายามแสร้งทำหน้าหงุดหงิดใส่อีกฝ่าย

       “ไม่ปล่อย....อ้อยเข้าปากช้างแบบนี้ใครจะอยากปล่อย” เสียงทุ้มกระซิบเบาๆข้างหูทำเอาขนลุกเกรียว

       “อ้อย บ้าอะไร...พี่พูดอะไรผมไม่รู้เรื่องด้วยหรอกนะ” จูนเอ่ยเบาๆ

       “....แกก็รู้ว่าพี่พูดเรื่องอะไร” เคนยิ้มได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากผมของอีกฝ่ายแบบนี้ทำให้รู้สึกดีอยู่ไม่น้อย

       “....ผมไม่รู้...” เสียงที่ตอบกลับมาของจูนนั้นแหบพร่า “วันนี้พี่เคนเมาสปอนเซอร์มาใช่ป่ะ พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”
จูนขยับตัวเล็กน้อยหันมาฉีกยิ้มกว้างให้กับอีกฝ่ายและถามกลับด้วยถ้อยคำและท่าทีราวกับว่าคืนนั้นเขาไม่เคยถามคำถามใดๆ และเคนเองก็ไม่เคยให้คำตอบอะไรกลับมา “เข้าไปข้างในกันเหอะพี่ เดี๋ยวไม่ได้ประชุมนะ ฮ่ะๆ” จูนหัวเราะเบาๆพยายามจะแกะมือของร่างสูงออกจากการเกาะกุม เคนขขมวดคิ้วกับท่าทางไม่เป็นธรรมชาตินั่น

       “จูน...นี่จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม” ร่างสูงเอ่ยถามมือแกร่งที่โอบเอวของเด็กหนุ่มเอาไว้ยังไม่ปล่อยให้จูนเดินไปไหน

       “เล่นบ้าอะไร มันจักกระจี้ ปล่อย”เด็กหนุ่มหันมาสบตาอีกฝ่ายนิ่งก่อนจะโวยวายออกมา มือเรียวคว้าลูกบิดประตูบิดให้เปิดออก ไฟด้านในสว่างและเขาเห็นว่าทั้งโชติทั้งยุทธ์มากันแล้ว เด็กหนุ่มเหยีบเท้าเคนเต็มเปาจนอีกฝ่ายร้องโอยด้วยความเจ็บก่อน ฉวยโอกาสนั้นสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายได้ก็รีบวิ่งแจ้นเข้าไปหารุ่นพี่ทั้งสองทันที

       “พี่โชติ พี่ยุทธ์ช่วยด้วย พี่เคนแกล้งผม” จูนร้องออกมาด้วยน้ำเสียงราวกับว่าเสียงทุ้มของเคนที่กระซิบข้างหูเขาเมื่อครู่ไม่ได้สะท้อนเข้าไปในอกของเขาเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างกลับไปเป็นแค่การหยอกล้อเล่นกันเหมือนอย่างที่ “เคยเป็น”
    เคนมองตามร่างสูงโปร่งของจูนเข้าไปด้านใน เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ในอกรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก


       .....เล่นงี้เลยนะ....
       ....แต่อาจจะดีกว่าวิ่งหนีไปเลยก็ได้..... 
       


“พระเอกมาแล้ว...” เสียงเคนดังขึ้นที่หน้าห้องชมรมร่างสูงที่ก้าวผ่านประตูตามหลังจูนเข้าไปติดๆ ”ประชุมกันเลยไหมเรา...”

“อะไรวะ มาปุ๊บก็จะประชุมเลยไปแดกยาบ้าที่ไหนมา?รึเปล่า...หรือแดกสเตรียรอยด์เกินพิกัด”ยุทธ์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวด้วยความหมั่นไส้ แต่ไหนแต่ไรมาเคนไม่เคยมีท่าทีอยากจะประชุมมาก่อน การให้คนพลังงานเยอะอย่างงเคนนั่งฟังอะไรนิ่งๆนานนั้นเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้

“ห่านี่ กูนักกีฬาไทยใจใสไม่โกงเว้ย กล้ามนี่ก็เพราะความพยายามล้วนๆ ...” ร่างสูงพูดพลางเบ่งกล้ามโชว์

“กล้ามเป่าลม สุดท้ายใช้งานจริงไม่ได้รึเปล่าวะ” ยุทธ์ยิ้มเยาะเขาเห็นมาเยอะแล้วกับที่มีกล้ามสวยงามแต่สุดท้ายก็ต่อยตีแพ้คนที่โดนหาว่าตัวเล็กแบบเขาอยู่ดี
 
“ดูถูกเรอะ ใช่งานได้แน่นอน เมื่อวันก่อนยังอุ้ม จูนจนตัวปลิว ไม่เชื่อถามมันได้”

   “อ่ะ “ ทำเอาคนที่ถูกเอ่ยถึงสะดุ้ง จูนหันไปมองหน้ายุทธ์ที่ดูประหลาดใจอยู่ไม่น้อย “อื้ม...”เด็กหนุ่มพยักหน้ารับคำน้อยๆ “ก็....ก็ไม่ได้เอาแรงคนยกนี่ แรงหมีแรงควายชัดๆ”

   “จูน หลอกด่าพี่อีกแล้วเดี๋ยวเจอดี.... “ เคนเดินเข้ามาแต่เจ้าของรีบขยับหนี ไปหลบด้านหลังยุทธ์กับโชติทันที 
 
“พอๆไม่ต้องแกล้งแล้วพอๆ...”

“เคน...มึงนี่ก็แกล้งไอ้จูนได้ตลอดเลย...พอได้แล้ว พร้อมจะประชุมกันรึยัง” โชติเอ่ยปรามเมื่อเห็นทำท่าจะเดินเข้าไปแกล้งจูนอีก

“เออๆ....หยุดละๆ “ เคนทำท่าอารมณ์เสียก่อนจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับจูนที่ดูท่าว่าคงไม่ขยับออกห่างจากยุทธ์แน่ถ้าเขายังไม่ยอมถอยออกมา

..............................


การประชุมดำเนินไปอย่างราบรื่นเพราะส่วนใหญ่ทุกคนวางใจให้โชติเป็นคนจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย ส่วนเรื่องสถานที่กับโลเกชั่นตต่างๆนั้นก็ให้ยุทธ์ช่วยดูแลอีกรอบเนื่องจากอยู่ใกล้บ้านตากอากาศของครอบครัว จูนเองก็จัดการเรื่องเสื้อผ้าและพวกอุปกรณ์เล็กๆน้อยๆในการแต่งองค์ทรงเครื่องทั้งหลายส่วนใหญ่ก็มีเก็บอยู่ในห้องชมรมอยู่แล้วพอใกล้วันก็ยกไปทั้งลังน่าจะไม่เป็นปัญหาอะไรนัก

       “ยุทธ์...มั่นใจนะว่าป๊ามึงเต็มใจออกตังงค์ให้เนี่ย “ เคนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว “เด็กบ้านรวย” อย่างยุทธ์

       “เออๆ ออกให้แน่ล่ะ เลิกแซวได้ยัง”

       “แค่ไม่ต้องจ่ายค่าน้ำมันกันเองนี่กูก็เลิกแซวมึงละ” เคนหัวเราะออกมาเบาๆ เขาเหลือบไปเห็นจูนเองก็หัวเราะเพราะยุทธ์โดนแซวเหมือนกัน เคนเลยหันไปยิ้มน้อยๆให้จูนหนึ่งที แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการเบือนหน้าหนีไปอีกทางของจูน เคนรีบหันกลับมาสนใจบทสนทนาของโชติอีกครั้ง ในใจรู้สึกผิดที่ผิดทางอย่างบอกไม่ถูกเขาไม่เคยต้องทำอะไรเก้อแบบนี้มาก่อน

      “งั้นทุกอย่างก็น่าจะโอเค ช่วงนี้คงไม่ได้นัดเข้ามาที่ชมรมแล้ว แต่กุญแจก็เก็บไว้ที่เดิมนั่นล่ะ ใครจะมาใช้ก็เปิดห้องเอาละกัน” โชติว่า “เดี๋ยวกูว่าจะอยู่เช็คอุปกรณ์ต่ออีกหน่อย”

       “เหรอ เยี่ยม งั้นผมกลับนะ” จูนยิ้มร่าพลางลุกขึ้นคว้ากระเป๋า “พี่โชติ พี่ยุทธ์ พี่เคน หวัดดี” ร่างสูงโปร่งโบกมือให้รุ่นพี่ทั้งสามคนก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องชมรม

       “เฮ้ย จูน เดี๋ยวดิ่พี่ไปส่ง” เคนรีบลุกตามไปทันที โชคยังดีที่บันไดของตึกชมรมที่ทั้งชั้นและสูงแถมไม่มีไฟส่องช่วยชะลอความเร็วของฝีเท้าของจูนให้ได้บ้าง

       “จูน พี่บอกว่าจะไปส่งไง” เคนก้าวยาวๆตามลงไปคว้าแขนของอีกฝ่ายไว้ทำเอาคนทีเดินมาก่อนเกือบจะเสียหลักบนขั้นบันไดนั้น

       “เหวอ พี่เคนเล่นอะไรมันอันตรายนะ” เด็กหนุ่มหันมาต่อว่ารุ่นพี่ร่างสูงทันที 

       “อ่ะ...ขอโทษ” มือแกร่งค่อยๆปล่อย ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายจนลงไปถึงข้างล่าง “แต่ก็ให้พี่ไปส่งนะ.....” เคนยังไม่เลิกที่จะเสนอตัว

       “ไม่ต้องหรอกฮะ...เดี๋ยวผมว่าจะไปอ่านหนังสือกับเพื่อนน่ะ ที่โรงอาหารกลางดึกๆง่วงนอนเมื่อไรเดี๋ยวขอนอนห้องเพื่อนเองล่ะ” ว่าพลางก็ชี้ไปทางโรงอาหารกลางที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก ที่นั่นเป็นแหล่งรวมนักศึกษาจากหลากหลายคณะในยามค่ำคืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาก่อนสอบจนเรียกได้ว่าแทบไม่มีใครกลับห้องหับไปอาบน้ำอาบท่ากันเลยทีเดียว

       “อ่ะ...เหรอ...อืม งั้นพี่เดินไปด้วยได้ป่ะ”

       “........” คำถามนั้นทำให้จูนนิ่ง เพราะมืดทำให้ช่วยซ่อนดวงตาใต้กรอบแว่นเอาไว้ได้เป็นอย่างดี “พี่เคนจะไปซื้อของเหรอ...”

        “อื้ม ใช่ ใช่ พี่จะไปซื้อของ” ทั้งๆที่ไม่ได้คิดจะซื้ออะไรติดไม้ติดมือกลับหอขนาดนั้นแต่ปากก็รีบตอบกลับไป เขารู้ว่าจูนกำลังจะบอกอะไร



      .....”แต่ถ้าจะไม่ซื้อของก็กลับไปเถอะ” ....คงอยากจะพูดแบบนั้นสินะ....
       



“.........ถ้าแบบนั้นก็เดินไปด้วยกันละกัน...” จูนตอบกลับมาเบาๆ ร่างสูงโปร่งค่อยเดินผ่านเคนไป


       เสียงใบไม้ที่ร่วงลงมาอยู่บนพื้นดังกรอบแกรบยามที่ทั้งสองคนก้าวเท้าผ่าน เคนเดินไปข้างๆจูนอย่างเงียบๆ มีเพียงเสียงรถราที่แล่นไปมาดังให้ยิน ตลอดเส้นทางแม้ไม่ได้ไกลมากแต่สำหรับเคนกลับเหมือนมันยาวนานเขานึกถึงคืนนั้นที่เขาฉวยจับมือของจูนเอาไว้หัวใจในอกมันเต้นไม่ต่างกัน


        “จูน พี่.....”


       “ผมว่าพวกเราไปถ่ายหนังด้วยกันรอบนี้คงสนุกนะครับ วางแผนกันมาตั้งนานแล้ว งานหนักหน่อย...แต่ต้องสนุกแน่เลยเนอะ” เด็กหนุ่มหันมายิ้มให้กับเคน รอยยิ้มเหมือนเดิมแบบที่เคยเห็นหากแต่ดูแห้งแล้งกว่าที่จำได้ 


        ....เบือนหน้าหนี.....
       ... ปั้นหน้าใส่....
       ...จะลืมจริงๆสินะ...




        “อืม....”เคนรับคำเขารู้ดีว่าเสียงที่เขาเปล่งออกไปนั้นมันช่สงแหบพร่าเหลือเกิน “นั่นสิ ต้องสนุกแน่ล่ะ จะได้เห็นเจ้ายุทธ์มันแบกเจ้าโชตินี่นา...” ร่างสูงหัวเราะออกมาเบาๆ

     “อื้ม....” จูนยิ้ม ทั้งสองคนเดินมาถึงโรงอาหารกลาง แสงสว่างจากร้านสะดวกซื้อท่ามกลางความมืดยามค่ำคืนนั้นสว่างเสียจนต้องหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเดินเข้าไปใกล้  เสียงนักศึกษาที่มานั่งรวมตัวกันดังอื้ออึงโรงอาหารกลางที่สะท้อนเสียงได้เป็นอย่างดี เคนเดินตามจูนไปติดๆ เมื่อจูนเดินเข้าไปมองหากลุ่มเพื่อนของตนเอง
 
   
    “เฮ้ย จูน ทางนี้ๆ มานั่งนี่เลยมึง...” เสียงปิ๊กสาวห้าวประจำกลุ่มยืนโบกไม้โบกมือเมื่อหันมามองเห็นเด็กหนุ่มผมทองเดินเด่นมาแต่ไกล

    “มาแล้วๆ...ขอโทษที่ช้าว่ะ พอดี...ไปชมรมมานิดหน่อย” จูนยิ้มแห้มๆให้เพื่อนรู้สึกผิดไม่น้อยที่มาสาย

    “นิดหน่อยอะไร ไม่หน่อยเลย...มาช้าลงโทษไปซื้อขนมมาเลี้ยงเพื่อนเดี๋ยวนี้เลย” ปิ๊กโวยวายเป็นตัวตั้งตัวตีหันไปมองหน้าเพื่อนๆในกลุ่มที่เหลือให้มองจูนด้วยสายตาออดอ้อน พวกเธอนั่งอยู่ที่นี่มาพักใหญ่ยังไม่มีขนมตกถึงท้องเลยสักคำ

    “นะค้า.....” เกิดเสียงโหยหวนดังขึ้นเมื่อเพื่อนสาวจอมป่วนของจูนรวมตัวกันลากเสียงยาวออดอ้อน

    “นี่พวกแกกะปล้นสะดมกันใช่ปะ” จูนส่ายหน้า

    “ช่ายแล้ว....” เสียงสาวๆประสานเสียง ทำเอาร่างสูงที่ยืนอยู่ๆห่างๆอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

    “พี่ไปซื้อให้เอาไหม...” เคนเสนอตัวเข้าไปช่วย “อยากกินอะไรกันครับสาวๆ” ร่างสูงที่อยู่ๆก็ก้าวเข้ามาอยู่ด้านหลังของจูนกับมือแกร่งที่วางลงบนไหล่ของเด็กหนุ่มทำเอาเพื่อนๆของจูนทั้งกลุ้มอ้าปากค้าง

    “ว้าย...พี่เคน?.... “

    “พี่เคนจะเลี้ยงเหรอคะ” เสียงหนึ่งร้องถาม เคนยิ้มและพยักหน้าลงน้อยๆ ทำเอาจูนต้องล็อคคอเคนหันหลังให้กับอีกฝ่ายทันที

    “พี่เคน.... ไปพยักหน้ากับพวกนั้นได้ไงอ่ะ นั่นมันฝูงแร้งเลยนะ” จูนป้องปากกระซิบเบาๆ ใบหน้ามนที่ขยับเข้ามาใกล้ทำให้เคนยิ้มที่มุมปาก

    “ไม่เป็นไรหรอก...ยังไงแกก็ต้องกินด้วยนี่ งั้นเดี๋ยวพี่มา” เคนขยิบตาให้จูนโค้งให้กับเด็กสาวในกลุ่มเล็กน้อยก่อนกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังร้านสะดวกซื้อที่อยู่ไม่ไกลออกไป ทำเอาสาวๆในกลุ่มมองตามกันจนคอแทบเคล็ดก่อนจะตามมาด้วยคำถามมากมายที่ยิ่งตรงมาจากทุกริมฝีปากของกล่มเด็กสาวไม่ต่างจากกระสุนที่พุ่งออกมาจากปากกระบอกปืนกล

    
    “จูน...เมื่อกี้มันอะไรวะ ทำไมพี่เคนมา”

    “ทำไมพี่เขาเลี้ยงอ่ะ”

    “มีซัมติงอะไรกันรึเปล่าแก....”

       “เอ่อ....เอ่อ....” เด็กหนุ่มผมสีทองอึกอักไม่รู้จะหันซ้ายหรือหันขวาเพื่อฟังเพื่อนก่อนดี
   “ไม่มีอะไรหรอก คงถูกหวยมั้ง”  จูนโบ้ยไปเรื่องฉลากกินแบ่งรัฐบาลเสียอย่างนั้น ทำเอาเพื่อนทั้งกลุ่มหรี่ตามองอย่างไม่เขื่อ
    

      “จูน....ยังไม่ถึงวันที่สิบหกสักหน่อย” ปิ๊กดักคอเอาไว้ ทำเอาจูนต้องเงียบอีกครั้ง
    

        “โอ้ย อะไรวะ...อยากรู้ไปถามเองดิ่ เดินมาโน่นละ”

       
  ไม่นานเคนก็เดินกลับมาพร้อมกับหอบขนมพะรุงพะรังเต็มสองมือประหนึ่งไปกวาดของมาทั้งชั้นวางของ จูนแทบจะตบหน้าผากตัวเอง เด็กหนุ่มรีบลุกไปรับของมาจากเคน
 
      “พี่เคน จะทำอะไรเนี่ย ของเยอะแยะขนาดนี้จะซื้อมาถมที่รึไง” จูนถามรัวเร็วมือก็ค้นของในถุงไปพลางโวยวายไปดูท่าทางเคนคงจะหยิบทุกอย่างมาโดยไม่คิดจริงๆ

       “เอาน่า...นานๆทีจะมีสาวๆมากรี้ด พี่ก็ต้องทำคะแนนหน่อย” เคนยิ้มก่อนจะเบี่ยงตัวหลบจูนไปอีกทางเพื่อเอาของไปส่งให้กับกลุ่มเพื่อนๆของจูน เห็นสาวๆรุ่นน้องกรี้ดกร้าดแบบนั้นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ดวงตาคมเหลือบมองท่าทีของจูนที่ยืนทำหน้ายุ่งอยู่อีกทาง เขาเดินกลับมาทำท่าจะเดินไปอีกทางแต่ถูกจูนขยับตัวมาขวางเอาไว้

       “พี่ไม่อยู่กวนเวลาอ่านหนังสือแกหรอกนะ” เคนยิ้มกว้างพลางยกมือขึ้นขยี้ผมของอีกฝ่าย

       “พี่ทำแบบนี้ทำไม..........” ดวงตาสีน้ำเงินเหลือบมองคนตัวสูงกว่าด้วยท่าทีไม่วางใจ

       “เตือนความจำคนขี้ลืม....” เคนตอบสั้นๆพร้อมกับรอยยิ้ม “ตั้งใจอ่านหนังสือนะ พี่กลับล่ะ” ฝ่ามือแกร่งอุ่นนั้นวางลงบนเส้นผมสีทองของจูนเบาๆ ก่อนที่ช่วงขายาวจะก้าวเดินต่อไป



to be continued.......

ออฟไลน์ shiawase

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
พี่ยุทธ์~~~  ไปถามไอ้หมีควายโง่ๆตรงๆแบบนั้นมันเผลอตอบความจริงออกมาจะเป็นยังไง๊~~

จูนจ๋า  หนีอะไรอยู่หน่ะ...ลืมได้จริงๆหรอ?  แต่อิพี่เคนหมีควายนี่ก็หน้าด้านหน้าทนจริงๆ  เมิงจะทำให้น้องลำบากใจเพื่อ~~  :fire:

ว่าแต่  เป็น "กิ๊ก" กันแล้วจริงๆหรอ???  การกระทำแบบก้ำกึ่งแบบนี้คือเป็น "กิ๊ก" จริงๆหรอ  อ๊ากกกกกกก  :angry2:

ไม่เอาๆๆๆๆ  พี่ยุทธ์สู้ๆ  มาแย่งน้องจูนไปจากอิหมีควายเร็วๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
สงสารชะนีน้อยนิสัยดีอย่างนิด

เฮ้อ  แต่ในฐานะที่เราเป็นสาววายเพราะฉะนั้น  พี่เคนก็รุกให้สุดตัวไปเลยนะค้าาาา 5555
+1 ให้จ้าา  ชอบมากเลยมาต่อไวๆน้า

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
- 21 -
=สัญญา=


           การสอบกลางภาคของภาคเรียนที่สองกำลังจะเริ่มในอีกไม่ถึงสัปดาห์ พวกนักศึกษาทั้งหลายต่างก็เตรียมตัวเพื่อการสอบครั้งสำคัญก่อนที่จะได้ไปเริงร่ากับช่วงวันหยุดยาวของเทศกาลปีใหม่ จูนและกลุ่มเพื่อนยังคงปักหลักอยู่ที่โงอาหารกลางทุกเย็นพวกเขาจะไปจับจองที่นั่งอ่านหนังสือกันที่นั่น แต่วันนี้แตกต่างไปจากทุกวันเมื่อเก้าอี้ตัวที่เคยนั่งกันเป็นประจำกลับมีกระเป๋าและหนังสือวางด้วยลักษณะคล้ายจะจับจองที่นั่งตรงนั้นเอาไว้
       
       
          “อะไรกันวันนี้มีคนมาจองที่ไว้แล้วเหรอ แล้วจะนั่งกันที่ไหนล่ะ” ทั้งกลุ่มหน้าเสีย
       
         “ไม่เป็นหรอกไปหาที่นั่งตรงอื่นกันก็ได้” จูนเสนอแล้วเริ่มมองหาที่นั่งที่อื่นทันใดก็เห็นร่างสูงใหญ่ของใครบางคนเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อและดูท่าว่าจะสังเกตเห็นว่าเขาและเพื่อนยืนอยู่แล้วด้วย รุ่นพี่ร่างสูงคนนั้นโบกมือทักทายมาแต่ไกล วันนี้เคนใส่ชุดวอร์มสีดำดูทะมัดทะแมงในมือถือถุงจากร้านสะดวกซื้อติดมือมาด้วย 
       
         “มาอ่านหนังสือกันใช่ไหม”  ไม่ได้ถามเพียงแค่จูนคนเดียว เคนยิ้มให้กับทั้งกลุ่มพร้อมกับคำถามนั้น
       
        “ค่า พี่เคนก็มาอ่านหนังสือเหรอคะ” แพรสาวหน้าหมวยท่าทางเรียบร้อยยิ้มให้กับรุ่นพี่ร่างสูง
    
           “อืม...ยังไงดีนะ พี่แค่แวะมาน่ะ อ้อ...นี่กระเป๋าพี่เอง พวกเรานั่งตรงนี้กันใช่ไหมล่ะพี่จำได้นะ” เคนว่าพลางเดินไปหยิบกระเป๋ากับหนังสือของตัวเองออก “นั่งสิ พี่จะไปนั่งตรงโน้นน่ะเดี๋ยวเพื่อนพี่มา” เคนชี้ไปยังเก้าอี้อยู่ไม่ไกลออกไปดวงตาคมมองหน้าของจูนเล็กน้อยก่อนจะยื่นถุงพลาสติกให้กับเด็กหนุ่มร่างสูง
        
         “เอ้า พี่ให้” เคนยิ้มกว้าง
       
         “หะ? อะไรอีกละเนี่ย” จูนเลิกคิ้วสูง รับถุงพลาสติกมาเปิดดูข้างในมีนมถั่วเหลืองแบบขวดอยู่หนึ่งขวด “นม? พี่ซื้อนมให้ผมทำไมเนี่ย”
       
         “วิตามินเยอะ บำรุงคนอ่านหนังสือ” เคนตอบพร้อมรอยยิ้มน้อยๆมือแกร่งยกขึ้นให้จูนเห็นก่อนจะขยี้ผมของอีกฝ่ายเบาๆ  ทำให้หัวใจของจูนเต้นรัวและใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เด็กหนุ่มใช้เวลาอยู่อึดใจหนึ่งกว่าจะขยับริมฝีปากได้
       
         “ขอบคุณครับ”  คำขอบคุณดังขึ้นเบาๆจากเด็กหนุ่มที่มีท่าทีขัดเขินที่จะเอ่ยคำๆนั้นออกมาทำให้เคนเผลอยิ้ม เขาละมือออกจากเส้นผมของอีกฝ่ายเมื่อสังเกตว่ากำลังเป็นเป้าสายตา สาวๆที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไปกำลังมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
       
          “ไปล่ะ....ไปก่อนนะน้องๆ” เคนยิ้มกว้างให้กลุ่มเพื่อนของจูนอย่างอารมณ์ดี ดวงตาคมเป็นประกายนั่นสบตาของเด็กหนุ่มเล็กน้อย จูนเองก็ได้แต่ผงกหัวลงเท่านั้นมองเห็นแผ่นหลังกว้างเดินห่างออกไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกล ดูท่าทางคงจะมาอ่านหนังสือที่นี่เช่นเดียวกัน
 
           เด็กหนุ่มค่อยๆนั่งลงพร้อมวางของกับโต๊ะ พร้อมถอนหายใจออกมาเบาๆ หัวใจเขาเต้นรัวเกินไปแต่ก็รู้สึกโล่งใจเล็กๆที่อีกฝ่ายเดินไปนั่งห่างออกไป แน่นอนว่าท่างแบบนั้นไม่อาจรอดพ้นสายตาของกลุ่มสาวๆไปได้
        

         “จูน...”ทั้งกลุ่มนั่งล้อมวงเข้ามาใกล้ แถมจ้องเขม็งหวังว่าจะได้คำตอบ
       
        “ไหนบอกว่า ไม่มีอะไรไง มีของบำรุงให้กันด้วย?”
       
        “อ่ะ...ก็ไม่มีอะไรน่ะสิ ก็แค่นมถั่วเหลือง พวกแกจะจิ้นอะไรนักหนาเนี่ย”จูนปฏิเสธทันควัน แต่พวกสาวๆยังไม่มีท่าทีอยากจะเชื่อสักเท่าไร
       
         “จะไม่ให้จิ้นได้ยังไงจูน....” แพรสาวน้อยหน้าหมวยว่าพลางทำหน้าจริงจัง ก่อนจะเหลือบมองไปทางเคนที่นั่งเหยียดช่วงขายาวกดโทรศัพท์อยู่ห่างออกไป  “พี่เขาจัดมาเต็มขนาดนี้”
       
        “ไม่ให้จิ้น เพราะกูไม่มีอะไรจะให้จิ้นเว้ย...พวกแกนี่ก็อะไร พอๆ อ่านหนังสือกันได้แล้ว เสียเวลาเป็นบ้า” จูนทำหน้ายุ่งแล้วเอาหนังสือขึ้นมากางบนโต๊ะทำท่าเหมือนจะอ่านหนังสือแต่ก็ยังเหลือบไปมองขวดนมถั่วเหลืองที่เคนซื้อมาฝาก ก่อนจะมองเลยไปยังคนที่ยังก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ไม่ได้มีท่าว่าจจะอ่านหนังสือหรือจะมีเพื่อนมานั่งด้วยเหมือนอย่างที่พูดไว้


      ....บอกว่าจะอ่านหนังสือ แต่ก็เล่นโทรศัพท์....
       ...บอกว่าจะรอเพื่อน แต่ก็ไม่เห็นเพื่อนจะมา...
       .... สรุปมาทำอะไรกันแน่.....
     



   ยิ่งเผลอมองในสมองยิ่งเต็มไปด้วยคำถาม กว่าจะรู้สึกตัวก็เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมองกลับมา เคนโบกมือให้น้อยๆเด็กหนุ่มจึงได้หลุบสายตาลงก้มหน้าอ่านหนังสือเหมือนอย่างที่ตั้งใจหัวใจในอกเต้นแรง ท่าทีและสายตาที่มองมาของเคนก็ยังคงแฝงความหมายเหมือนเช่นคืนนั้น และมันทำให้เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ยังไม่ถอยทั้งๆที่... เขาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องคืนนั้นมาหลายครั้งแล้ว


        “จูน.... จูน....”  เสียงของปิ๊กที่เรียกพร้อมนิ้วที่สะกิดเบาๆ ทำให้จูนออกมาจากความคิดของตนเอง

       “อะไรเหรอ ปิ๊ก...”

       “กูถามจริงนะ...” ปิ๊กทำหน้าจริงจังทำเอาจูนต้องเลิกคิ้วกับท่าทางของอีกฝ่าย
   “มึงแน่ใจนะว่า พี่เคนเขาไม่ได้มานั่งเฝ้ามึงอ่านหนังสืออ่ะ นี่นั่งมาสองชั่วโมงกว่าแล้วนะเว้ย ไม่เห็นลุกไปไหนเลย” ว่าพลางก็ทำมือชี้ไปทางเคน จูนเผลอมองตามเคนที่ในตอนนี้เปลี่ยนจากเล่นโทรศัพท์เป็นอ่านหนังสือแทน ช่วงขายาวเป็นเป็นยกยันขอบโต๊ะเอาไว้ ภาพนั้นทำให้เด็กหนุ่มต้องรีบกลับมาสนใจปิ๊กที่กำลังพูดอยู่
    
   “อ่า...ไม่มั้ง ก็คงจะมาอ่านหนังสือนั่นล่ะ เพื่อนไม่มาก็นั่งอ่านคนเดียวไปไม่เห็นจะแปลกเลย”  จูนเฉไฉไปเรื่อยทั้งๆที่สิ่งที่ปิ๊กพูดก็ดูคล้ายจะเข้าเค้า แต่ถ้าเขาคิดแบบนั้นก็อาจจะเป็นการคิดเองเออเองไปอีก


              ....คงไม่มีผู้ชายที่ไหนบ้ามานั่งเฝ้าผู้ชายด้วยกันอ่านหนังสือหรอก....



           แต่หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป สิ่งที่จูนคิดในใจในคืนนั้นได้ยืนยันให้รู้ว่าเขาได้ประเมินความบ้าของเคนต่ำเกินกว่าความเป็นจริง เพราะสิ่งที่เคนทำตลอดช่วงสอบของจูนคือการมาจองที่นั่งอ่านหนังสือให้กับทั้งกลุ่มให้ โดยไม่ลืมที่จะซื้อนม หรือนมถั่วเหลืองสักขวดมาส่งให้กับจูนทุกวัน และถ้าไม่ต้องรีบกลับออกไปเพราะมีใครบางคนโทรศัพท์เข้ามาหา ทุกครั้งเคนจะใช้เวลาไปกับการนั่งอยู่ที่โต๊ะไม่ห่างออกไปเพื่ออ่านหนังสือสลับกับเล่นโทรศัพท์มือถือ บางครั้งเคนก็อยู่จนกว่ากลุ่มของจูนจะเลิกอ่านหนังสือ และเดินเข้ามาอาสาที่จะเป็นคนไปส่งจูนที่หอเอง แต่จูนก็ปฏิเสธทุกครั้งโดยให้เหตุผลว่าเขากลับกับเพื่อนที่หออยู่ทางเดียวกันก็ได้


               “พรุ่งนี้สอบแต่เช้า...คืนนี้อ่านกันแค่นี้เหอะว่ะ รีบไปนอนดีกว่า...” จูนว่าพลางบิดขี้เกียจ
       
          “อื้มจริง กลับหอกันดีกว่าเรา...” แพรตอบพลางหาวก่อนจะหันไปตบไหล่ปิ๊กที่ฟุบหลับไปเมื่อครู่ เหลือบมองดูเวลาก็ปาเข้าไปใกล้จะเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว แต่ยิ่งดึกคนในโรงอาหารกลางก็ยิ่งเยอะ ราวกับว่านัดกันมาช่วงเวลานี้โดยเฉพาะ เสียงพูดคุยดังไม่ได้ศัพท์ดังอื้ออึงไปทั่ว จูนขยับลุกเก็บของพร้อมกับเพื่อนๆ วันนี้เขาก็ยังตั้งใจว่าจะกลับกับปิ๊กเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา แต่เมื่อมองไปร่างสูงที่นั่งไม่ห่างออกไปนั้นก็ขยับลุกแล้วกำลังจะเดินมาเช่นกัน


              “ปิ๊ก เดี๋ยวกูลงไปรอข้างล่างนะ...รีบๆเก็บของล่ะ” พูดโดยไม่รอฟังคำตอบร่างสูงโปร่งของจูนรวบชีทกับหนังสือยัดลงในกระเป๋าสะพายของตัวเองร่างสูงโปร่งก้าวยาวๆออกจากบริเวณนั้นทันที เด็กหนุ่มได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวยาวๆเดินตามมา แต่ก็ไม่คิดจะหยุด เขารู้ว่าเขาต้องรอปิ๊ก ยังไงก็หนีไม่พ้นแต่หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี่อีกฝ่ายที่แสดงความใส่ใจอย่างไม่ปิดบังมาโดยตลอดจนยิ่งทำให้เขากลัวทุกครั้งที่จะเผชิญหน้า จะให้เขาพูดหรือตอบอะไรอีกฝ่ายได้ เพียงแค่คิดก็คล้ายจะมืดแปดด้านจึงจงใจที่จะลืมและไม่คิดมาโดยตลอด


               “จูน...จะกลับแล้วเหรอ ให้ไปส่งไหมวันนี้”  เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง
       
           “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมกลับกับปิ๊ก”จูนว่าพลางเดินมาจนถึงด้านหน้าของโรงอาหารกลาง แสงสว่างจากทั้งในตัวอาคารและไฟจากร้านสะดวกซื้อทำให้เคนเรียกจูนเอาไว้อีกครั้ง
       

           “อ่ะ...จูนเดี๋ยวหยุดก่อน”
       
          “พี่เคนกลับหอไปเถอะ ไม่ต้องตามผมหรอก”
       
           “พี่บอกให้หยุดก่อนไง “ มือแกร่งคว้าแขนของจูนเอาไว้ให้เด็กหนุ่มหยุดหันมามองหน้าเขา
       
          “พี่เคน ผมบอกแล้วไง....อ่ะ.....” แต่ก็ไม่อาจจะเอ่ยคำใดต่อได้ จูนเห็นร่างสูงใหญ่ของเคนก้มลงตรงหน้า 
       
          “เชือกรองเท้าแกหลุด....” เคนเอ่ยพลางคุกเข่าลงไปทำเอาจูนตกใจจนต้องชักเท้าออกทันใดมือแกร่งคว้าข้อเท้าของเขาเอาไว้

               “เฮ้ย พี่เคน....” จูนร้องออกมาด้วยความตกใจได้ยินเสียงเคนจุปากคล้ายจะดุดวงตาคมเข้มนั้นสะท้อนแสงไฟเป็นประกายที่ทำเอาจูนต้องหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่าง
       
         “เดินๆไปซุ่มซ่ามสะดุดเชือกรองเท้าล้มหน้าคว่ำขึ้นมาจะว่ายังไง เดี๋ยวได้เสียฟอร์มหนุ่มญี่ปุ่นสุดหล่อกันพอดี” ปลายนิ้วยาวของร่างสูงเกี่ยวเชือกรองเท้าที่หลุดออกจากกันพันผูกจนเป็นปมสวย เคนหยุดมองผลงานของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืนตรงหน้าของจูน ใบหน้าของเด็กหนุ่มแดงก่ำก่อนรีบเบือนหน้าไปอีกทางเหมือนไม่อยากให้มอง
    
            “ขอบคุณครับ....” เสียงนุ่มเอ่ยออกมาเบาๆ
    
            “เปลี่ยนจากคำขอบคุณ เป็นให้พี่ไปส่งสักวันจะได้ป่ะ...รู้สึกว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกับแกยังไงก็ไม่รู้” เคนหลีกเลี่ยงการใช้คำว่าเขากับจูนนั้น”ห่างเหิน” กันไป
        
          “อืม...ช่วงสอบ ยุ่งๆกัน ก็คงแบบนี้ล่ะมั้ง”เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนจะทำเสียงคล้ายตกใจเมื่อหันไปเห็น
ปิ๊กยืนอยู่ตรงนั้น เขาไม่แน่ใจว่าเพื่อนเห็นการกระทำของเคนเมื่อครู่หรือเปล่า แต่ที่นี่คือโรงอาหารกลางคงจะมีคนเห็นเคนก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้เขาอยู่ไม่น้อย


                  ....พี่ทำลงไปได้ยังไง.....
 


               “สรุปคำตอบคืออะไร....” เคนยิ้มกว้าง น่าแปลกทั้งที่เป็นเวลากลางคืนแต่รอยยิ้มของเคนกลับชวนให้รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก จูนอยากปฏิเสธตัวเองแต่ก็คงทำไม่ได้หนักแน่นนักในเมื่อเขาชอบรอยยิ้มของอีกฝ่ายจริงๆ
       
          “จูน....จะกลับกันยัง” ปิ๊กส่งเสียงก่อนจะเดินเข้ามาตบไหล่ของจูนดังอึกทำเอาเด็กหนุ่มยิ่งอึกอัก 
       
         “เอ่อ....” เขาหันไปมองหน้าของเพื่อน สูดลมหายใจเข้าลึกคล้ายจะตัดสินใจ “แกกลับไปเหอะ เดี๋ยววันนี้กูกลับกับพี่เคนอ่ะ ...เอ่อ...เรื่องหนังสั้น เดี๋ยวสอบเสร็จนี่ก็ต้องไปถ่ายกันแล้วเลยอยากคุยอะไรกันหน่อยอ่ะ”
       
         “.........”    ปิ๊กเหลือบมองเคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไปกับท่าทางของเพื่อน สาวห้าวยิ้มพลางทำหน้าคล้ายเข้าใจอะไรบางอย่าง
        “อ้อ......งั้น....ไว้เจอกันนะแก พรุ่งนี้แปดโมงครึ่งนะเว้ย ไปให้ทัน”  ก่อนจะหันมาก้มหัวให้เคนเล็กน้อย “งั้นไปก่อนนะพี่เคน ฝากเพื่อนหนูด้วยนะ”
 

          “ครับ บายๆนะปิ๊ก” เคนเองก็โบกมือให้กับปิ๊กเช่นกัน ทั้งสองคนยืนมองปิ๊กเดินกึ่งวิ่งลงไปตามบันได


         ความเงียบกลับมาเยือนระหว่างคนทั้งสองคนอีกครั้ง เคนยืนล้วงกระเป๋าเสื้อวอร์มอยู่พลางเหลือบตามองคนตรงหน้าราวกับจะถามย้ำในคำถามเดิม สายตาที่ทำให้เด็กหนุ่มต้องเม้มริมฝีปากแน่น
    

           “...พี่จะไปส่งไม่ใช่เหรอ” จูนกระแอมไอออกมาเบาๆ
 
             “ไป....”เคนยิ้มกว้างดึงมือแกร่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อวอร์มก่อนจะยื่นมือมาข้างหน้า จูนมองมือแกร่งตรงหน้าก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
    
           “เกินไปละให้มันน้อยๆหน่อยเหอะ....” เด็กหนุ่มผมทองว่าก่อนจะขยับถอยออกมาเล็กน้อย “พี่จอดรถไว้ไหนล่ะ”
เห็นท่าทางแบบนั้นเคนยิ่งยิ้มกว่างไม่ต่างจากเด็กที่ได้ขนม
 
              “ทางนี้...” เคนพยักเพยิดก่อนจะเดินนำจูนไปยังที่ที่เขาจอดรถเอาไว้
 

………………………………



               ระยะทางเท่าเดิม ความเร็วไม่ต่างออกไป เคนขี่รถอย่างอารมณ์ดีและพยายามชวนจูนคุยเรื่องการสอบไปตลอดทางไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ แต่สิ่งที่แปลกออกไปอาจจะเป็นหัวใจของทั้งสองคนที่เต้นระรัวดังควบแข่งกับเสียงลมหวีดหวิวที่ดังเมื่อรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของเคนแล่นผ่านความมืดไปตามถนน
    

             “ขอบคุณที่มาส่งครับ” จูนเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายอย่างสุภาพพลางยื่นหมวกกันน็อคสีชมพูหวานส่งคืนให้กับเคน
 แต่แทนที่เคนจะรับหมวกกันน็อคคืนมามือแกร่งกลับจับมือของรุ่นน้องเอาไว้
 
                “ขอคุยด้วยได้ไหม...”

               “มีอะไรครับ............” เด็กหนุ่มทำหน้าเหมือนไม่รู้เรื่อง แต่ใจจริงนั้นตกใจกับสัมผัสร้อนจากมือของอีกฝ่ายแทบตาย เคนส่ายหน้า

               “ไม่เอาแบบนี้...พี่อยากคุยกับแกจริงๆ” เคนยืนยันเสียงหนักแน่นเช่นเดียวกับสัมผัสบนข้อมือของจูน
    
              “คุย...พี่อยากคุยอะไรก็คุยมาสิ” จูนตอบเสียงสั่น ปลายเท้าก้าวถอยหลัง
 
                “ไม่ทำอะไรแปลกๆหรอกน่า แค่...แค่อยากคุย แป๊บเดียว” รุ่นพี่ร่างสูงว่าก่อนจะปล่อยมือของอีกฝ่ายท่าทางแบบนั้นจูนคงนึกกลัวเขาอยู่จริงๆ
    
                “แป๊บเดียวนะ พรุ่งนี้ผมมีสอบเช้าอ่ะ” จูนทำหน้ามุ่ย แต่กลับเป็นเคนที่ยิ้มกว้าง มือแกร่งยกขึ้นขยี้ผมของจูนเบาๆ
    
               “ทำหน้ามุ่ยปากยื่นเป็นปากเป็ดอีกแล้ว...พี่ทำให้แกหนักใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
     
               “ก็...นิดหน่อย...” จูนพึมพำออกมาเบาๆ ดวงตาสีน้ำเงินหลุบลงต่ำไม่กล้าสบตากับอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ได้หลบเลี่ยงสัมผัสของเคนออกแต่อย่างใด
                “ก็พี่มานั่งเฝ้าอยู่ได้ทุกวัน...แถมยังส่งนมมาให้ แล้วยังเรื่องเมื่อกี้อีก”พูดไปพลางหน้าก็ร้อนผ่าวจูนยกมือขึ้นแตะข้างลำคออย่างที่เผลอทำทุกครั้งเมื่อรู้สึกประหม่า “ผมทำตัวไม่ถูก”
    
               “ทำตัวไม่ถูก แสดงว่ายังไม่ลืมที่พี่พูดใช่ไหม” เคนถามบนสีหน้านั้นระบายด้วยรอยยิ้มเหมือนเด็กๆ
    
               “..............ลองมีผู้ชายที่มีแฟนแล้วมาพูดกับพี่แบบนี้บ้างพี่จะทำยังไงล่ะ” เมื่อถูกต้อนจนจนมุมเด็กหนุ่มจำเป็นต้องตอบไปตามความเป็นจริง คำตอบที่ได้ยินทำให้เคนถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาพอเข้าใจได้ว่าทำไมจนถึงไม่อยากจะรับรู้ถึงการกระทำของเขา มันคงทำให้อีกฝ่ายลำบากใจที่จะตอบอะไรกลับมา
 
                  “ยังไม่มีคำตอบใช่ไหม?...” เคนเอ่ยถามอีกครั้งแต่เด็กหนุ่มตรงหน้าได้แต่นิ่งงัน มือแกร่งคว้ามือของจูนมากุมเอาไว้หลวมๆ
               “พี่ไม่ว่าอะไรหรอกนะที่แกทำเป็นจะลืมให้ได้ แต่จูนพี่จะบอกให้แกรู้นะว่า คนแบบพี่ไม่ได้หัวดีอะไร พี่อาจจะจำตัวหนังสือยาวๆยากๆไม่ได้ แต่สิ่งที่พี่ทำได้ดีคือทำบ่อยๆทำจนกว่าร่างกายของพี่จะจำได้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นคืออะไร เรียกว่าอะไร และควรจะทำแบบไหนถึงจะดี” เคนก้าวเข้าไปประชิดตัวของจูน ใบหน้าคมก้มลงเล็กน้อยเพียงเพื่อจะมองหน้าคนที่งุดหน้าลงต่ำ
               “สิ่งที่พี่ทำให้แกคือสิ่งที่พี่คิดว่าจะใช้ร่างกายของพี่จำว่าพี่อยากจะเทคแคร์แกแบบไหน และต่อให้แกตั้งใจจะลืม พี่ก็จะทำจนกว่าตัวแกจะจำได้เอง”
 
                   “...........” น่าแปลกที่คำพูดของเคนทำให้จูนทั้งเจ็บและรู้สึกอบอุ่นในหัวใจไปในคราวเดียวกัน เขาควรจะตอบอย่างไรดีกับการกระทำแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสำหรับเคนแล้ว “การกระทำ” คือทุกอย่าง มันเป็นธรรมชาติของคนๆนี้ แต่การกระทำที่เป็นไปเพราะอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดนี้มันดีแล้วจริงหรือถ้าเขาจะปล่อยให้มันเป็นไป เขาควรจะบอกให้อีกฝ่ายใช้สติในการกลั่นกรองการกระทำมากกว่านี้ไหม
 
                “พี่พูดแบบนี้ออกมามันจะดีเหรอ...”  จูนถามออกไป แต่ยังก้มหน้าเขาไม่กล้าสบตาของอีกฝ่ายในตอนนี้ เดาได้เลยว่าดวงตาคมคู่นั้นจะเป็นประกายอย่างมั่นใจ หากแต่เว้าวอนอย่างโหยหาอยู่เป็นแน่....เหมือนกับคาดหวัง รอคอยในคำตอบ
    
              “มันจะดีถ้าแกตอบพี่สักที ว่าจะให้พี่จริงจังกับแกได้ไหม” เคนก้มลงไปอีกนิด เสียงทุ้มต่ำกระซิบแผ่วเบาสะท้อนเข้าไปในอกทำให้ใจของเด็กหนุ่มสั่นไหว
    
              “ผม........ “จูนรู้สึกคล้ายว่าเขาเดินมาจนพบอุโมงค์ที่ปากทางเข้ามองเห็นเห็นเพียงความดำมืดของอนาคตที่คาดการณ์ไม่ได้เลยว่าที่ปลายทางนั้นจะมีสิ่งใดรออยู่ มันอาจเป็นทางตันหรือมีแสงสว่างเรืองรองรออยู่ที่อีกฝั่ง แต่ในตอนนี้เขาเหมือนถูกห้อมล้อมด้วยกองไฟ หากไม่หาที่หลบภัยแล้วคงถูกไฟร้อนเผาให้ตายอยู่ตรงนี้เป็นแน่
    
              “ผมให้พี่มารับผมก็ได้....แบบนี้โอเคไหม” เด็กหนุ่มหลับหลับตาตอบกลับไป
    
               “............” แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจนจูนต้องลืมตาขึ้นมามองหน้าของอีกฝ่าย
    
               “พี่เคน?..” ภาพที่เห็นคือรุ่นพี่ร่างใหญ่กำลังทำหน้าประหลาดใจ

                   “จริงนะ!   “ ก่อนจะร้องออกมาเสียงดัง จนจูนต้องตะปบปากของอีกฝ่ายไว้ดังป้าบ
    
                  “ชู่ว์ เสียงเบาๆสิ อายคนเขา”
    
                “จริงใช่ไหมล่ะ...” เสียงเคนกระซิบเบาๆดังผ่านฝ่ามือที่ป้องปิดปากของเขาอยู่ เด็กหนุ่มหลบสายตาก่อนพยักหน้าลงเบาๆ

                  “อืม....ผมแค่ไม่อยากซ้อนมอไซค์คันเล็กของไอ้ปิ๊กมันก็เท่านั้นล่ะ...แล้วก็...สัญญานะว่า ถ้า...ถ้าพี่นิดจะให้พี่ไปรับพี่ต้องไปรับพี่นิด” ถึงตอนที่พูดถึงเพื่อนจะพูดด้วยเสียงอ้อมแอ้มแต่ตอนท้ายกลับฟังดูจริงจังจนเคนรู้สึกเจ็บแปลบในใจ


                       .....ใช่......
     
                     ....ยังมีนิดอยู่เสมอ....



                   “อื้ม พี่สัญญา...” เคนรับคำเสียงเบา “..........แต่ขอค่าทำสัญญาหน่อยนะ”ไม่พูดเปล่ามือแกร่งจับมือของจูนออกจากปากของเขา ส่วนมืออีกข้างรีบประคองที่ด้านหลังศีรษะของเด็กหนุ่มแล้วขยับเข้าไปแตะริมฝีปากกับอีกฝ่าย แผ่วเบาหากแต่นานพอจะรับรู้ถึงกลิ่นของนมถั่วเหลืองที่เจือจางอยู่บนริมฝีปากสวยคู่นั้น และก่อนจูนจะได้ขัดขืนมือแกร่งค่อยปล่อยอีกฝ่ายออกจากอ้อมแขนอย่างนึกเสียดาย...ใช่เขาชอบริมฝีปากของอีกฝ่ายจริงๆ
    
                  “อืม....วันนี้กินนมที่พี่ให้ด้วยสินะ” เคนยิ้มเจ้าเล่ห์ ตรงกันข้ามกับจูนที่ยืนหน้ามุ่ยยกหลังมือขึ้นเช็ดปากของตัวเองอยู่แบบนั้น

                      “อุบาทว์ที่สุดเหอะ เล่นทีเผลอนี่หว่า เดี๋ยวพ่อยกเลิกสัญญาเลยนี่”
 
                      “ถ้ายกเลิกสัญญาจะมีค่ายกเลิกสัญญาหนักกว่านี้อีกสิบเท่านะ พร้อมไหมล่ะ” เคนขู่ร่างสูงเดินเข้าไปหามือแกร่งดึงเอวอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ไม่ได้คิดจะอายหากมีใครจะเดินผ่านไปมา แต่ดึกขนาดนี้ที่หอพักของจูนไม่มีใครเข้าออกแล้ว
    
                   “ไม่......ปล่อยเลย เกินไปละ” จูนหน้าแดงก่ำก่อนจะขืนตัวเองออกจากอ้อมแขนของอีกฝ่าย
                   “พอ ผมจะไปนอนละ ห้ามทำแบบนี้อีกนะ ไม่งั้นผมต่อยพี่คว่ำแน่”
     
                   “ก็พร้อมจะให้ต่อยนะ” เคนหัวเราะเบาๆ เขายอมปล่อยให้อีกฝ่ายเดินจากไป และก่อนที่จูนจะถึงประตูหอพักจึงตัดสินใจตะโกนถามอีกครั้ง “พรุ่งนี้กี่โมง” เห็นเด็กหนุ่มหยุดกึกที่หน้าประตู ก่อนจะหันกลับมา
    

                      “....................เจ็ดโมง”    
     

..........................................    to be continued


@@@talk@@@

แต่เค้าอยากเห็นค่ายกเลิกสัญญาสิบเท่านะ   :hao5:

ออฟไลน์ shiawase

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
สติครบถ้วนแล้วมาตอบดีกว่า  :mew1:

พี่เคนเริ่มปฏิบัติการจู่โจมแบบโคตรจริงจังแล้ว...น้องจูนเอ๋ยมิรอดเป็นแน่แท้

เหมือนจะรู้สึกไม่ชอบอิพี่เคนหมีควายขึ้นมาซะงั้น   :z6:

“อืม....ผมแค่ไม่อยากซ้อนมอไซค์คันเล็กของไอ้ปิ๊กมันก็เท่านั้นล่ะ...แล้วก็...สัญญานะว่า ถ้า...ถ้าพี่นิดจะให้พี่ไปรับพี่ต้องไปรับพี่นิด” ถึงตอนที่พูดถึงเพื่อนจะพูดด้วยเสียงอ้อมแอ้มแต่ตอนท้ายกลับฟังดูจริงจังจนเคนรู้สึกเจ็บแปลบในใจ


                       .....ใช่......
     
                     ....ยังมีนิดอยู่เสมอ....


น้องจูนก็เจ็บไม่แพ้คนได้ยินหรอก..คงเป็นความรู้สึกที่สับสนน่าดูสำหรับเด็กที่ใจดีแบบจูน...

คงจะรู้สึกว่าตัวเองกำลังหักหลัง"พี่นิด"อยู่แน่ๆ  :เฮ้อ:

รอชมอาการรุกฆาต หวานซึ้ง ของอิพี่เคนหมีควายต่อไป

ปล. ค่ายกเลิกสัญญา..ทำก่อนไม่ยกเลิกสัญญาได้มั้ยอ่ะ???  :hao6:

ออฟไลน์ Rywzaki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สนุกมากกกกค่า นี่อ่านรวดเดียว

หนูจูนใจอ่อนกับพี่เคนเร็วๆนะ

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@talk@@@
หายไปนาน ไม่ได้โพสเลย งานยุ่งมากถึงมากที่สุด ต้องขอโทษคนอ่านด้วย
ตอนนี้ อาจจะมีข้อมูลอะไรที่ คนเขียนเองก็ไม่สันทัด ผิดพลาดประการใด
ก็อยากให้คนอ่านช่วยชี้แนะด้วยนะ



บทที่ 22
- ธรรมชาติผู้ชาย -



       .....สรุปพวกแกสองคนนี่ยังไง....



             เสียงของปิ๊กยังดังอยู่ในความคิด จูนได้แต่ถอนหายใจในเมื่อตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถจำกัดความสถานะของตัวเองและผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนรอเขาอยู่ตรงสุดทางเดินได้

       
           ...ทำแบบนี้ มันก็เหมือนจะยอมรับที่คนเขาว่ากันไม่ใช่รึไงไอ้จูนเอ้ย...



                จูนคิดและอดคิดแทนเคนไม่ได้ว่าได้เฉลียวใจคิดหรือไม่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้ควรจะเรียกว่าอะไร แต่ดูจากสีหน้าของคนที่สบตากลับมาแล้วผู้ชายตัวใหญ่คนนั้นคงจะไม่ได้คิดอะไรนอกจากทำตามใจของตัวเองเป็นแน่
    

            “จูน...สอบเสร็จแล้วเหรอ ไปกินข้าวกัน” ไม่พูดเปล่ามือจับสายกระเป๋าสะพายของจูนทำท่าเหมือนจะดึงไปถือแต่เจ้าของชื่อกลับยื้อเอาไว้ด้วยความตกใจ
       
          “พี่ทำอะไรอ่ะ...”แต่เคนกลับตอบกลับด้วยสีหน้างุนงงพลางเลิกคิ้วสูง
       
         “ถือให้ไง” รุ่นพี่เอกพลศึกษาตอบหน้าตาเฉย
       
        “........” จูนใช้เวลาประมวลผลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะดึงกระเป๋าของตัวเองกลับ
       
     “ผมถือเองได้” เด็กหนุ่มว่าพลางเบือนหน้าไปอีกทางรู้สึกแปลกๆเพราะไม่เคยมีใครมาเสนอตัวทำอะไรแบบนี้ให้
       
     “อ่ะ...เหรอๆ อยากกินไรอ่ะวันนี้ ก๋วยเตี๋ยว ข้าว อะไรดี” เคนถามพลางยิ้มดูเหมือนจะมีความตื่นเต้นซ่อนอยู่ในท่าทีสบายๆแบบนั้น
       
     “ข้าวแกงโรงอาหารหน้าหอชายก็ได้มั้งพี่ ง่ายๆ“
       
     “เออ แบบนั้นก็ดี...จะได้ไกลหน่อย” เคนพยักหน้าหงึกหงัก บ่นพึมพำเบาๆ แต่จูนก็เข้าใจความหมายนั้นได้ไม่ยาก คำว่าไกลก็คงหมายถึงกลายจากคณะของเขาที่เป็นแหล่งรวมของนักศึกษาจากหลายๆคณะรวมถึงคณะวิทยาการจัดการของนิดด้วย
       
      “ถ้ามันจะยากนักนะพี่เคน....” ยังไม่ทันเด็กหนุ่มจะได้พูดจบมือแกร่งคว้ามือของเด็กหนุ่มให้เดินตามไปที่รถมอเตอร์ไซค์อย่างรวดเร็ว


       ..............................................


                โรงอาหารหน้าหอชายช่วงกลางวันยังคนแน่นเหมือนเช่นทุกที เสียงพูดคุยกันจอแจสัมผัสได้ถึงอากาศแห้งของฤดูหนาวที่พัดผ่านโครงอาหารเปิดโล่ง จูนสั่งก๋วยเตี๋ยวมานั่งทานไปเงียบๆผิดกับอีกคนที่ดูจะยิ้มหน้าบานลืมอาหารตรงหน้าไปเสียอย่างนั้น

                 “พี่จะยิ้มอะไรนักหนา” จูนอดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมด้วยความหมั่นไส้
    
               “ไม่รู้สิ...ก็ยิ้มตลอดไม่ได้?”
       
            “เหมือนคนเมายา”
       
          “เมายา ไม่อ่ะ...เมาอย่างอื่นมากกว่า...” เคนทำท่าจะพูดต่อแต่จูนยกมือห้ามเสียก่อน
       
           “พอ ถ้าจะพูดอะไรชวนเลี่ยนขนาดนั้นก็เงียบแล้วกินๆเข้าไปเหอะกระเพราะไข่เยี่ยวม้าของพี่อ่ะ”
        
            “เออๆ...รู้ทันแล้วดุอีก “รุ่นพี่ร่างสูงหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะยกนิ้วขึ้นเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก
               ”เออนี่ พรุ่งนี้แกว่างป่ะ...มิดเทอมเสร็จแล้วนี่” จูนเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อยคอนแทคเลนส์สีน้ำเงินเป็นประกายชวนมอง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยมือที่จับตะเกียบหยุดนิ่ง

               “รู้กระทั่งวันสอบนี่ ยังถามอีกนะว่าว่างไหม” เด็กหนุ่มอดจะสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายไปสืบไปค้นเรื่องอะไรของเขามาอีกบ้าง

                “เอ้า ก็ถามให้มันแน่ใจ...สรุปว่างนะ?” เคนสรุปเองเสร็จสรรพ
       
           “ไอ้ว่างน่ะ มันก็ว่างอยู่หรอก แต่พี่จะทำไม” จูนถามกลับด้วยความสงสัย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มเขินๆที่ดูไม่ชินตาเอาเสียเลย เคนทำท่ากระแอมไอเบาๆก่อนจะเอนตัวมาด้านหน้า
       
        “ไปดูพี่สอบปฏิบัติไหม”
       
        “หะ?” จูนอุทานด้วยไม่อยากจะเชื่อหู “ชวนไปดูพี่สอบปฏิบัติเนี่ยนะ?...พี่จะสอบอะไรอ่ะ แล้วผมไปดูได้ด้วยเหรอ จะช่วยอะไรได้ไหมเนี่ย” จูนพูดกลั้วหัวเราะ มันฟังดูงี่เง่ามากเกินกว่าจะเชื่อหูของตัวเอง

            “สอบกระบี่กระบองอ่ะ ถึงจะไม่ได้มาช่วยสอบ ก็ช่วยมาเป็นกำลังใจหน่อยได้ไหมล่ะ”
 
            “กำลังใจอะไร....พูดอะไรพิลึกอีกละ” เด็กหยุดหัวเราะทันควัน จูนบ่นเบาๆพลางเบือนหน้าไปอีกทาง
       
       “เออน่า...พรุ่งนี้สิบโมงที่โรงยิมนะ” ว่าพลางยกมือแกร่งขึ้นขยี้ผมของอีกฝ่ายเบาๆ จนจูนต้องเบี่ยงตัวหลบ
       
       “รู้แล้วน่า...เมื่อไรจะเลิกเล่นผมเนี่ย”
       
        “ช่วยไม่ได้...มันนิ่มดีนี่หว่า” เคนยิ้มตาหยี ดูท่าทางพอใจไม่น้อยที่จูนตอบรับว่าจะไปดูเขาสอบในวันพรุ่งนี้


........................................................



               ในห้องพักของหอพักกลางเก่ากลางใหม่ เสียงพัดลมหมุนไปมาดังเอียดอาด เคนที่เพิ่งกลับจากขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งจูนทิ้งตัวนอนลงกับเตียง สายตาเหม่อมองเพดาน ในห้วงความคิดยังนึกถึงหน้าของจูนที่ยิ้มแหยๆ เมื่อกำชับให้มาดูเขาสอบปฏิบัติพรุ่งนี้  ท่าทางที่เหมือนไม่พอใจแต่ในท้ายที่สุดก็ตอบรับด้วยเสียงแผ่วเบาโดยไม่หันมาสบตา ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงหัวใจเต้นแรงเพราะท่าทางแบบนั้น ความต้องการในใจของเขากำลังเร่งเร้าบางสิ่งบางอย่างที่ไม่มั่นใจนักว่าคืออะไร แต่ตอนนี้เขาควรจะพอใจกับสิ่งที่มีในตอนนี้ไม่ใช้หรืออย่างไร....เพราะเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะทำอะไรมากไปกว่านี้เลยแม้แต่น้อย เคนได้แต่ย้ำเตือนตัวเองเช่นนั้น
       
            ชายหนุ่มทอดถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนดึงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง  ปลายนิ้วเลื่อนหน้าจอหารายชื่อของคนที่คุ้นเคย  แล้วกดโทรออกได้ยินเสียงสัญญานดังแผ่วๆ ก่อนจะมีเสียงตอบรับจากปลายสาย
 

                “พี่เคน...มีอะไรคะ...” เสียงของนิดยังสดใสหวานหู
       
            “พี่โทรมากวนเวลาอ่านหนังสือรึเปล่า...”เคนเอ่ยออกไปด้วยเสียงแผ่วเบา น่าแปลกที่ตอนนี้เพิ่งจะมีความรู้สึกผิดแล่นปรี่เข้ามาจับที่ใจ
       
           “ไม่ค่ะ นิดว่าจะนอนแล้ว ...”
       
            “เหรอ...เอ่อ...นิด” เคนลังเลเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะเข้านอนแล้ว ทั้งๆที่เมื่อหันไปมองเวลาก็ยังไม่ได้ดึกอะไรนักจนอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไม แต่เขาก็คงต้องถามสิ่งที่คิดเอาไว้ก่อน “พรุ่งนี้ 10 โมง นิดว่างไหม...พอดีพี่มีสอบปฏิบัติอยากมาดูไหม”

              “เอ๊ะ สิบโมงเหรอคะ นิดไม่ว่างแล้วค่ะ จะไปดูหนังกับพวกต่ายวันนี้เพิ่งสอบเสร็จพรุ่งนี้เลยว่าจะไปดูหนังกัน”เสียงเด็กสาวตอบทันควัน ไม่มีคำถามเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสอบอะไร
     
            “อ้าว เหรอ...” ส่วนหนึ่งในใจของเขารู้สึกดีใจ แต่อีกใจก็รู้สึกปวดหนึบ บางครั้งนิดมาหาเขาที่สนามก็จริงแต่เกือบทุกครั้งเป็นเพราะเขาสัญญาว่าจะพานิดไปซื้อของ หรือไปดูหนังถึงแม้จะเหนื่อยจนไม่อยากจะทำอะไรต่อ แต่ก็ต้องทนลากตัวเองไปกับนิดและเพื่อนให้ได้ทุกครั้ง
         “ ถ้าแบบนั้นก็...ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่กวนแล้ว ฝันดีนะครับ”
       
           “....พี่เคนไม่ได้โกรธใช่ไหมเนี่ย” ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายฟังเสียงของเขาออกหรืออย่างไรจึงได้ถามออกมาแบบนั้น
       
           “ไม่นี่...” เคนตอบกลับไปพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ “จะไปโกรธนิดได้ยังไงกัน”
    
              “แน่นะ...”
    
              “ครับ ไปนอนเถอะ ฝันดีนะครับนิด ดูหนังให้สนุกนะ” ชายหนุ่มเอ่ยคำหวานก่อนจะตัดสายโทรศัพท์

             ร่างสูงถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาตัดสินใจถูกแล้วหรือไม่ที่โทรไปชวนนิดด้วย ทั้งๆที่ส่วนหนึ่งในใจก็คาดเดาคำตอบได้อยู่แล้ว แต่ถ้าหากไม่เอ่ยปากชวนออกไปตรงๆ ก็คล้ายกับจะต้องสรรค์สร้างปั้นคำโกหกต่อไปอีกเรื่อยๆ ...เขาไม่ได้อยากจะโกหก เพียงแต่บางครั้ง ความจริงที่เป็นอยู่ก็ยากเกินกว่าจะเข้าใจ และยากเกินกว่าจะบอกใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็น “แฟน” ของเขาเอง


..............................


              แสดงแดดสะท้อนหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลบนข้อมือบอกเวลา 9 นาฬิกา 45 นาที จูนเลือกที่จะมาถึงก่อนเวลาเพราะไม่เคยมาดูใครสอบปฏิบัติวิชาพละมาก่อนเลยไม่ค่อยมั่นใจนักว่าอยู่ๆจะเดินเข้าไปหาที่นั่งตามสะดวกได้ เด็กหนุ่มลังเลเล็กน้อยแต่โรงยิมที่นี่ก็มีอยู่ที่เดียว ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดอีกทั้งได้ยินเสียงปี่แตรดังออกมาจากด้านในโรงยิมทำให้ตัดสินใจเดินเข้าไปด้านใน


....แล้วทำไมต้องบอกให้มาดูด้วยวะ....
       ...ก็แค่ถือไม้รำไปมา....



              ถึงจะคิดแบบนั้นแต่พอก้าวเข้าไปด้านในโรงยิมก็ต้องสะดุ้งเฮือกกับเสียงตะโกนดังลั่นของนักศึกษาชายที่อยู่ๆก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของทั้งสองคนที่กระโจนเข้าหากันโดยที่มีดาบไม้หวายอยู่ทั้งสองมือ พวกเขาพลัดกันฟาดฟันขยับไล่ต้อน ขยับตั้งรับอย่างรวดเร็วจนมองตามแทบไม่ทันว่าใครกำลังได้เปรียบเสียเปรียบ


           “.............................โห.....” เด็กหนุ่มอดที่จะอุทานออกมาไม่ได้กับภาพที่เห็น นี่เป็นการสอบกระบี่กระบองในแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน “นี่ให้ลองแข่งกันจริงๆเลยรึไงเนี่ย” เด็กหนุ่มพึมพำพลางค่อยๆก้าวไปหาที่นั่งบนด้านหนึ่งของอัฒจันทร์ที่เขาคิดว่าคงไม่สะดุดตาใครมากนัก

         "อ้าว...มาแล้วเหรอจูน” เสียงทุ้มของเคนดังขึ้นที่ด้านล่างของอัฒจรรย์ ใบหน้าคมมีเหงื่อเกาะพราวพลางอหอบหายใจเล็กๆ

       “อื้ม...นี่พี่ให้ผมมาดูพวกพี่ตีกันเหรอ” เด็กหนุ่มถาม

       “ไม่ได้ตีกันเว้ย เรียกให้มันถูก เขาสอบปฏิบัติต่างหากล่ะ อาจารย์เขาอยากให้ใช้งานได้จริง ไม่ใช่ แค่ ย่อ ยก ชิด จ้วง แทงน่ะ....เท่ใช่ไหมล่ะ” ท้ายประโยคยังคงทิ้งท้ายด้วยความกวนพร้อมยักคิ้วน้อยๆ

        “คนอื่นทำล่ะก็นะ....คงเท่มาก แต่ถ้าพี่ทำนี่ผมว่าคงโดนเขาฟาดแสกหน้าตายตั้งแต่ยังไม่ทันไหว้ครูเสร็จอ่ะ” เห็นแบบนั้นก็นึกหมั่นไส้จูนย้อนกลับไปอย่างนั้น

         “เหอ... ปากดีนักนะ คอยดูก่อนเถอะ ...” เคนว่าพลางชี้หน้าอีกฝ่ายคล้ายจะเตือน แต่เด็กหนุ่มกลับทำปากยื่นอย่างยียวน

       

        “เฮ้ย เคน...มาซ้อม...เดี๋ยวตามึงกับกูแล้วนะเว้ย” เสียงต้าร์เพื่อนในเอกของเคนตะโกนเรียกร่างสูงหันตามไปก่อนพยักหน้ารับ


        “พี่ไปก่อนนะ....” ไม่พูดเปล่ามือแกร่งยื่นขึ้นมาด้านบนฉวยปลายนิ้วของจูนไปรวบเอาไว้หลวมๆ

        “เฮ้ย....” เด็กหนุ่มอุทานด้วยตกใจแต่เคนก็หาได้ปล่อยไม่ ร่างสูงกลับก้มหน้าก้มตาทั้งๆที่มือยังจับมือของจูนเอาไว้

        “โอม.....เอชัวร์ เอชัวร์ เอชัวร์ๆ” ได้ยินคาถาประหลาดๆ จูนหัวเราะพรืดออกมาอย่างช่วยไม่ได้

       “ฮ่ะๆๆ คาถาอะไรน่ะ เพี้ยนไปแล้วแน่เลย หัวโดนไม้ฟาดหนักไป?”

        “คาถาเรียกเอ .... เขาว่ายิ่งถ้าได้หอมแก้มคนมาดูด้วยนี่จะยิ่งได้ผลดีนะ” ไม่พูดเปล่าดึงมือของจูนลงมาอย่างแรงจนเด็กหนุ่มต้องโน้มตัวลงมาด้วย แต่เคนก็ไม่ได้ทำจริงๆ เขาแค่อยากเห็นจูนหลับหูหลับตาทำหน้าแดงก่ำแบบนั้นก็พอใจแล้ว 
       “ล้อเล่นน่า....” ไม่พูดเปล่ามือแกร่งขยี้ผมของเด็กหนุ่มเบาๆ “คอยดูพี่สอบละกัน....” เสียงทุ้มดังเบาๆที่ข้างใบหูก่อนร่างสูงจะเดินไปหาเพื่อนที่วอร์มร่างกายรออยู่ก่อน....


            “ใครวะ เคน....” ต้าร์ เพื่อนสนิทในเอกของเคน ถามพลางบิดตัวยืดเส้นสาย
    
        “น้องที่ชมรม....” เคนตอบด้วยเสียงเรียบๆ
    
        “อ๋อ....คนที่เมิงไปจูจุ๊บดูดปากมันบนเวทีจนเขาลือกันให้แซ่ดว่าเมิงเบิกทางสู่ความเป็นเกย์ไปแล้วเรียบร้อยนั่นอ่ะนะ”

        “...........จะพูดอะไรก็ช่างมันดิ่” เคนยักไหล่ไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดของเพื่อนแค่อย่างใด ทำเอาคนฟังถึงกับเลิกคิ้วสูงอ้าปากค้าง

        “เฮ่ย สรุปว่ามึงยอมรับจริงดิ่....” ท้ายเสียงกระซิบประซาบเหมือนไม่อยากให้ใครได้ยิน สายตาเลิกลั่กมองซ้ายขวาก่อนจะชี้ไปทางจูนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโรงยิมมองดูรอบๆไปด้วยท่าทางสนใจ “กับหมอนั่นอ่ะนะ...”

         “เกย์?...กูไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคนนะเว้ย” เคนตอบทำเสียงเข้ม ท่าทางคล้ายไม่พอใจที่เจออีกฝ่ายพูดใส่แบบนั้น ก่อนจะมองไปทางจูนพลัน ริมฝีปากเผลอคลี่เป็นรอยยิ้ม “....แต่กูอยากได้คนเนี้ยะ”  ไม่พูดเปล่ามือชี้ไปทางจูนที่นั่งอยู่อีกฝั่งด้วย   

         “อะโห...ด้านได้ไม่อายปากเลยนะมึง”คำพูดตรงๆไม่มีปิดบังทำเอาคนฟังถึงกับสะดุ้งเฮือกเป็นรอบที่สอง  “....แล้วนิดล่ะ” ต้าร์ถามเพราะรู้ว่าเพื่อนคนนี้กำลังคบแฟนสาวสวยที่อยู่คณะวิทยาการจัดการอยู่

          “.............................................” ยังไม่ทันจะมีคำตอบใดจากปากของเคน เสียงอาจารย์ประจำวิชาก็ดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงนกหวีด


          เคนและต้าร์เดินเข้าไปที่กลางสนาม นั่งลงวางดาบหวายไขว้กันไว้ตรงหน้าก่อนเริ่มรำไหว้ครู ท่วงท่าแข็งแกร่งหากแต่ดูงดงามทำให้ใจในอกของคนที่เข้ามานั่งดูเต้นเป็นจังหวะรัวไปตามเสียงกลอง เสียงปี่ที่เปิดคลอไปด้วย ดวงตาใต้คอนแทคเลนส์ของจูนยังจับจ้องอยู่ที่รุ่นพี่ร่างสูงคนนั้นอย่างไม่กระพริบตา สีหน้าและแววตาของเคนนั้นดูจริงจังอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เคยเห็นเคนทำอะไรแบบนี้มาก่อน


            …… ทำอะไรแบบนี้ก็ได้ด้วย.......
       .......ปรกติเห็นแต่ตลกไร้สาระไปวันๆ.....



               นักกีฬาทั้งสองกลับมาประจำที่เดิม ยกอาวุธพร้อมมือขึ้นไหว้คู่ต่อสู้ตตรงหน้าตนก่อนลุกขึ้นแล้วเริ่มออกเดิน
ปลายเท้าก้าวย่างอย่างช้าหากแต่สายตายังจับจ้องท่วงท่าของกันและกันเพื่อดูเชิงหมุนดาบไม้ที่อยู่ในมือเล็กน้อย
         
          ก่อนที่เคนจะเป็นฝ่ายเริ่มบุกร่างสูงใหญ่พร้อมอาวุธในเมื่อพุ่งเข้าใส่เพื่อน ทั้งสองแลกดาบกันอย่างดุเดือดเรียกเสียงฮิอฮาจากเพื่อนๆที่นั่งดูอยู่ข้างสนามได้ไม่น้อย ต้าร์ขบฟันกรามหน้าแดงก่ำเมื่อต้องรับแรงปะทะจากเคน มือที่จับด้ามดามเริ่มชาทั้งๆที่เพิ่งประกันไปได้ไม่เท่าไร จนต้องมองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัย


                ....นี่มึงเอาจริงดิ่....


             แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือ เคนที่ยิ้มมุมปากพร้อมยักคิ้วน้อยๆให้อย่างยียวนก่อนจะฟาดดาบไม้ลงมาอีกครั้งและอีกครั้ง เสียงไม้กระทบกันดังจนคนที่ดูด้วยความไม่คุ้นเคยถึงกับสะดุ้งเฮือก ต้าร์ยังคงเป็นฝ่ายป้องกันดาบนั้นของเพื่อนเอาไว้ก่อนฉวยจังหวะฟันตอบกลับอย่างรวดเร็ว ทำเอาจูนที่นั่งมองอยู่ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกด้วยนึกใจหายเมื่อเห็นว่าดาบนั่นแหวกอากาศเฉียดคอหอยของเคนไปมากแค่ไหน เคนหลบหลีกรวดเร็วก่อนอาศัยจังหวะที่ต้าร์รุกฟันเข้ามาอย่างมุ่งมั่นตอบกลับด้วยการจ้วงแทงสวนกลับไป ต้าร์หลบแต่ก็พลาดให้กับช่วงขายาวที่ยันเข้ากลางอกจนล้มลงไปก้นจ้ำเบ้า

     
             “ห่าเคนนี่ เดี๋ยวเว้ย....”

         เสียงต้าร์โวยวายพลางยกดาบขึ้นกันเคนที่บุกเข้ามาอีกระลอกแต่เมื่อเห็นว่าเสียงโวยวายยังไม่เป็นผล มือของต้าร์เริ่มสั่นเพราะแรงปะทะที่ประเดประดังเข้ามาเรื่อยๆ จนเริ่มไม่แน่ใจว่าจะถือดาบต่อได้อีกนานไหม แต่อาจจะต้องลองดูสักตั้งต้าร์นับจังหวะลงดาบของเคนก่อนฉวยโอกาสแทงกลับเมื่อพบช่องโหว่เพื่อให้เคนถอยออกไป และดูเหมือนจะได้ผลต้าร์ลุกขึ้นยืนตั้งหลักอีกครั้ง ก่อนเริ่มเป็นฝ่ายบุกฟันเข้าไปบ้าง
    
       
           “ตากูล่ะมึง....”
       
         “เข้ามาเลย....” เคนขยับหลบอย่างยียวน ใบหน้ายิ้มเยาะด้วยความสนุกกับความท้าทายตรงหน้า ร่างสูงยังคงยกดาบขึ้นตั้งรับได้อย่างดีเยี่ยมเช่นเดียวกับพลังที่ใช้ในการสวนกลับที่รวดเร็วรุนแรง ยิ่งเคนเป็นคนที่มีพื้นฐานด้านแม่ไม้มวยไทยอยู่แล้ว การนำเอาลูกเตะถีบแบบมวยไทยมาใช้ร่วมด้วยจึงมีมากกว่าเพื่อนอยู่ใช่น้อย เมื่อต้าร์พยายามบุกเข้ามาอีกครั้งแต่กลับเปิดช่องว่างตรงกลางอกเอาไว้จนเห็นชัด เคนยกเท้าขึ้นยันและส่งแรงถีบต้าร์จนล้มกลิ้งไปอีกรอบ ดาบไม้หลุดกระเด็นไปอีกทางเสียงไม้กระทบกับพื้นของโรงยิมดังก้อง
       
         ในคราวนี้แทนที่เคนจะกระโจนเข้าไปพร้อมสองดาบในมือ ร่างสูงกลับเดินเข้าไปช้าๆชี้ปลายดาบลงเหนือร่างของเพื่อนเป็นสัญญานบอกให้อีกฝ่ายยอมแพ้ ดวงตาคมที่มองหน้าของเพื่อนเป็นประกายใบหน้าคมของร่างสูงชื้นเหงื่อแต่เปื้อนรอยยิ้มของผู้ชนะ ต้าร์เองก็ยิ้มเช่นกันในเมื่อการสอบวันนี้ดูเหมือนจะเป็นไปได้ดีกว่าที่คิด...เว้นเสียตรงที่เคนดูจะเอาจริงเกินคาดจนนึกสงสัยระคนหมั่นไส้ไม่ได้ว่าจะเอาจริงจังอะไรหนักหนา 


          “เอ้า พอ...“ เสียงนกหวีดของอาจารย์ก็ดังขึ้นอีกครั้งเรียกเสียงโห่เฮจากเพื่อนๆได้ไม่น้อย

 
        “ไอ้สองตัวนี่แม่งกะเอชัวร์”
   
        “มันส์ชิบหาย” 

        “จริงจังไปม้ายยยยยยย....เหลือคะแนนให้พวกกูบ้าง สาดดดดด”


         เคนดูเหมือนจะไมได้สนใจเสียงโห่ร้องของเพื่อนๆ เขาคุกเข่าลงก่อนยกมือไหว้ต้าร์ เช่นเดียวกับต้าร์ที่ยกมือรับไหว้ ทั้งสองคนลุกขึ้นยกมือไหว้อาจารย์อีกรอบ ก่อนจะกอดคอกันเดินออกจากสนาม ไม่วายที่ต้าร์จะบ่นพลางยกมือขึ้นลูบอกของตัวเองเบาๆ


          “ห่า ถีบมาได้ กูจุกนะเว้ย....โอย.....แม่ง ไม่ได้คะแนนเต็มนี่กูจะฆ่ามึงไอ้เคน”
 
           “เฮ้ย ไอ้หนุ่ม ชื่อเคนใช่ไหม...มาหาครูหน่อยสิ” เสียงอาจารย์หยุดเคนที่กำลังจะเดินออกจากสนามไปให้หันกลับมา

           “ครับอาจารย์..... เฮ้ย ไอ้ต้าร์มึงไปบอกไอ้จูนให้กูหน่อยว่าเดี๋ยวกูตามไป” ไม่พูดเปล่าชี้บอกเพื่อนให้เดินไปคุยกับจูนก่อน

           “เออ...ใช้เพื่อนเลยนะมึง” ต้าร์แทบงัดนิ้วกลางใส่ด้วยความหมั่นไส้ หันซ้ายมองขวาเห็น “จูน” รุ่นน้องของเคนนั่งอยู่ห่างออกไปบนอัฒจันทร์ 


         ต้าร์มองหน้าของจูนอย่างพิจารณา ดูอย่างไรแล้วเด็กหนุ่มคนนี้ก็เป็นเด็กหนุ่มธรรมดาๆ แม้สีผมจะสะดุดตาไปบ้างแต่ก็ไม่ได้จัดว่าหน้าตาหล่อเหลาอะไร  ดูท่าทางการนั่งการแต่งตัวก็ไม่ได้ดูตุ้งติ้ง ต่างจากกระเทยกล้ามโตบางคนในชั้นปีของตัวเองยิ่งทำให้สงสัยเข้าไปใหญ่

         “หน้าตาก็เฉยๆ มีอะไรนักหนาให้เพื่อนกูเป็นไปได้ขนาดนี้วะเนี่ย”  ต้าร์ส่ายหัวเขาไม่ค่อยเข้าใจเข้าใจความคิดของเคนนัก แต่เขาคิดว่าเขาคงไม่อยากจะเข้าไปเอี่ยวอะไรมากไปกว่านี้ ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆก่อนเข้าไปทำหน้าที่เพื่อนที่แสนดีตามที่โดนใช้งานมา


       “เอ่อ...น้องๆ...จูนใช่ป่ะ”

      “ครับ” จูนหันมามองหน้าตาเหลอหลา

       “พี่ชื่อต้าร์ เป็นเพื่อนไอ้เคนมัน ...มันบอกให้รอแป๊บ เดี๋ยวมันมา” ต้าร์ว่าพลางเดินขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์ขั้นถัดจากที่จูนนั่งลงมาขั้นหนึ่ง   “โอย..... “ แต่ก็ต้องร้องโอยเมื่อยังรู้สึกเจ็บไม่หาย 

      “พี่เป็นอะไรมากป่ะ เห็นพี่เคนยันซะแรงเลย” จูนเห็นท่าทางอีกฝ่ายไม่ค่อยดีเลยชะโงกหน้าลงมาถาม

     “ฮ่ะๆ...ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง พวกพี่ชินละ ซ้อมกันมาเยอะรับแค่นี้ไม่ไหวก็ไม่รู้จะว่ายังไง......... “ต้าร์เห็นท่าทางอีกฝ่ายดูสนอกสนใจ เลยหันกลับไปถาม “เคยเล่นป่ะ กระบี่กระบอง...”  เด็กหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ

     “ที่โรงเรียนผมไม่ได้สอนอ่ะ...แต่พวกพี่เล่นก็ดูเท่ดีนะ อย่างกับพวกสตั้นท์แมนเลย” จูนว่าพลางยิ้ม อาจเป็นเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนของเคนก็ได้เลยไม่ได้รู้สึกเก้อเขินหากจะพูดคุยอะไรออกไป

     “โอ้ย ไม่ขนาดนั้นหรอก พอดีวันนี้บางคน...”ต้าร์เน้นเสียงหนักก่อนจะเหลือบมองข้ามไหล่ให้แน่ใจว่าเพื่อนร่างสูงจอมบ้าพลังคนนั้นยังไม่เดินมา “มันเอาจริงไปหน่อย”

      “ผมล่ะหวาดเสียวแทนจริงๆ “จูนที่ไม่ค่อยชื่นชอบการออกกำลังกายสักเท่าไรถึงกับนึกขนพองสยองเกล้าเขาไม่อยากจินตนาการเลยว่าถ้าหากพลาดขึ้นมาจะเป็นอย่างไร  “นี่เกิดพลาดขึ้นมา ผมไม่ต้องมาเห็นเลือดอาบหัวคนเหรอเนี่ย บรื๋อส์...คนชวนก็ชวนไม่ห่วงใจคนดูเล้ย...จะชวนมาทำไมเนี่ย”


      ต้าร์เหลือบมองท่าทางของจูนก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะจูนพูดเร็วรัวแล้วก็บ่นอะไรพึมพำอยู่คนเดียวอยู่อย่างนั้น แต่ก็ยังพอจับใจความได้เล็กว่าเป็นห่วงเพื่อนของเขาอยู่ไม่น้อย


     “ก็นะ....” ต้าร์ถอนหายใจคล้ายโล่งอก แล้วกหันกลับไปมองโรงยิมอีกครั้งการสอบของคู่ต่อไปกำลังจะเริ่มและเคนก็กำลังจะเดินมาทางนี้ ร่างสูงใหญ่นั้นเดินกลับมา โบกมือให้กับคนที่อยู่ข้างหลังของเขาพร้อมรอยยิ้ม ต้าร์เหลือบหันหลังกลับไปมองก็เห็นจูนพยักหน้ารับแกนๆ เขาพอจะมองเค้าร่างลางๆของความสัมพันธ์นี้แล้ว


    “แม่ง....ไอ้เคนเอ้ย แกนี่มันจะพยายามแมนในเรื่องไม่เป็นเรื่องจริงๆ”  ต้าร์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ไอ้เคนมาล่ะ พี่ไปล่ะ ไว้เจอกันนะน้อง”

    “อ่ะ ครับพี่...” จูนรับคำพลางก้มหัวให้อีกฝ่ายเล็กน้อยถึงแม้จะไม่เข้าใจคำพูดของอีกฝ่ายนัก แต่ก็ไม่ได้คิดอยากจะถามอะไร

    “รอนานไหมจูน.....” เสียงทุ้มของเคนเอ่ยขึ้นเมื่อเดินกลับมา ใบหน้าคมและผมสีเข้มชื้นเหงื่อแต่ก็ยังดูดีในแบบของผู้ชายที่เพิ่งเล่นกีฬามา

    “ไม่อ่ะ....เมื่อกี้พี่อะไรนะ พี่คนนั้นน่ะเขามาคุยด้วย”

    “ไอ้ต้าร์น่ะเหรอ...คุยอะไรกัน” ท้ายเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย
 
    “ก็คุยธรรมดา  “จูนตอบไปตามความจริง “ว่าแต่...มาดูพี่สอบแล้วเนี่ย ผมกลับได้หรือยัง”จูนไม่ได้อยากให้ใครเอาไปพูดลับหลังอีกว่า “กระเทยคนนั้นมานั่งเฝ้าพี่เคนเอกพละตอนสอบ” 

    “แกจะรีบไปไหน เหงื่อพี่ขนาดนี้แกจะไม่ให้พี่ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเลยรึไง” มือแกร่งคว้าแขนของจูนเอาไว้ทันทีพร้อมกับรอยยิ้มกว้างอย่างยียวน

    “ก็ไปล้างหน้าสิครับ หมดเรื่องของผมแล้ว “ตรงกันข้ามจูนกลับเบ้หน้าแล้วดึงผ้าพันขนหนูที่พาดอยู่บนคอของอีกฝ่ายมาคลุมบนศีรษะของเคน มือเรียวผลักศีรษะของเคนจนหน้าแทบหงายยังดีที่มือของเขายังยึดแขนของจูนเอาไว้ช่วยให้ยังทรงตัวเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นคงหงายหลังลงจากอัฒจันทร์เป็นแน่

     “เหวอ......โอเคๆไม่รั้งไว้ก็ได้ ...ทำไมต้องผลักกันด้วย แต่ก่อนไปนะช่วยตอบคำถามพี่ก่อน....โอเค?” เคนดึงผ้าขนหนูที่คลุมหน้าของตัวเองออก ดวงตาคมจ้องหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง ทำเอาคนถูกมองรู้สึกกระอักกระอ่วน

     “อะไร?......” 

     “เมื่อกี้พี่เท่ป่ะ...”เคนยิ้มท่าทางภูมิใจกับการสอบวันนี้อยู่ไม่น้อย จูนเสมองไปอีกทางแล้วเอ่ยเบาๆ 

     “ก็.... เท่กว่าที่คิด“ อาจจะต้องยอมรับว่าการรำไหว้ครูเมื่อครู่นั้นสวยงามอยู่ไม่น้อย

     “แน่นอน คงไม่มีใคร เท่ หล่อ แบบนี้อีกแล้วล่ะ” ร่างสูงหัวเราะอย่างได้ใจ จูนเห็นเคนยิ้มอย่างภูมิใจเสียจนน่าหมั่นไส้ก็ต้องเบ้หน้า เห็นทีคงต้องสะกัดความมั่นใจนั้นเสียก่อนที่เคนจะยิ่งได้ใจไปมากกว่านี้

     “แต่พี่คนเมื่อกี้ก็เท่เหมือนกัน อืม.... จะว่าไปพี่เขาก็หน้าตาดีเหมือนกันนะ อาจจะเท่กว่าพี่เคนก็ได้” จูนยิ้มเยาะเมื่อเห็นเคนมองกลับมาอย่างไม่พอใจนัก

    “พี่ไม่ได้หล่อเท่ที่สุดในสามโลกหรอกนะ”  เด็กหนุ่มยิ้มเยาะ มือเรียวฉวยโอกาสดึงผ้าขึ้นคลุมศรีษะของเคนอีกรอบ ช่วงขายาวก้าวลงจากอัฒจันทร์ ไม่ได้รอให้คนที่กำลังมืดบอดเพราะผ้าที่คลุมจนมองอะไรไม่เห็นตามได้ทัน

    “ไปล่ะ ผมต้องไปเก็บกระเป๋าเตรียมเดินทางอีก คืนนี้นะพี่เคน ถ้าเก็บของไม่เรียบร้อย ตื่นไม่ทันรถออกล่ะก็ พี่โชติจะโวยเอา” พูดเสร็จจูนก็เดินฉับๆออกจากโรงยิมไป


       เคนมองตามร่างสูงโปร่งของจูนไปพลางส่ายหน้าเบาๆ เขาเองก็รู้ตัวดีว่าไม่ได้เป็นคนที่หล่อเลิศเลออะไรนัก แต่ที่อยากให้จูนมาดูวันนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งก็เป็นได้


...ผู้ชายน่ะนะ...ก็แค่สิ่งมีชีวิตที่อยากจะดูเท่ที่สุดในสายตาคนที่ชอบก็เท่านั้นล่ะ...
 



................................to be continued

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






asarigb

  • บุคคลทั่วไป
'โอม...เอชัวร์ เอชัวร์ เอชัวร์'//แดดิ้นตาย น่ารัก :ling1:
เดี๋ยวไปถ่ายหนังต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่  :impress2:
ไม่ชอบเลยเวลามีใครพูดถึงนิด แล้วพี่เคนก็เงียบ เงียบทำไม ทำอะไรสักอย่างเซ่!

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ทำไมไม่เลิกกะนิด ในเมื่อรู้แล้วว่าไม่ใช่

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@ talk@@@

กลับมาแล้วค่า ไม่พูดพล่ามทำเพลง ก็...โพสต์ตอนใหม่เลยละกัน!
[/color]



-23-
ออกเดินทาง



       “จูน ช้าแล้วเว้ยจะลงมาได้ยัง” เสียงโชติกรอกไปตามสายโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเข้มเมื่อเขา ยุทธ์และเคนนั่งรถตู้คันใหญ่มาถึงหน้าหอพักของจูน และไม่ต้องบอกก็พอจะเดาออกว่าเด็กหนุ่มเจ้าของชื่อกำลังกระวีกระวาดเก็บของอยู่


       “.....เดี๋ยวกูไปดูมันเอง” เคนที่นั่งอยู่ด้านหลังอาสาทั้งๆที่ยังไม่มีใครขอร่างสูงเปิดประตูบานเลื่อนของรถตู้เดินไปไปยังประตูเข้าหอพักของจูนทันที


       ด้านล่างของหอพักของจูนแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนของสำนักงานและส่วนของโถงลิฟท์ ซึ่งทั้งสองส่วนนั้นจำเป็นจะต้องเดินอ้อมเข้าจากทางด้านที่จอดรถใต้หอพัก เคนเองก็เดินอ้อมไปเช่นกัน แต่แทนที่จะไปรอที่หน้าลิฟท์ร่างสูงของชายหนุ่มกลับนึกสนุกยืนหลบรออยู่ที่ด้านหน้าประตูทางออก กลางคืนแบบนี้ไม่ค่อยมีคนเดินเข้าเดินออกสักเท่าไรนักและส่วนของสำนักงานก็ปิดไปนานแล้ว จึงเหมาะมากกับการแกล้งใครสักคนก่อนจะออกเดินทาง


       เคนได้ยินเสียงลิฟท์ดังก่อนประตูลิฟท์จะเปิดออกพร้อมยินเสียงบ่นพึมพำมาแต่ไกลคงไมใช่ใครอื่นนอกจากจูนเป็นแน่ มือแกร่งคว้าหมับทันทีที่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่ม


       “ช้า.....”

       “..................................” ไม่มีเสียงตอบกลับจูนเหมือนแทบจะหยุดการเคลื่อนไหวแม้แต่การหายใจนิ่งอยู่ตรงนั้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

       “เฮ้อ........... พี่เคน! ตกใจหมดนึกว่าผีซะอีก”

       “ผีบ้านแกสิหล่อขนาดนี้” เคนเขกหัวของจูนแทบจะทันที

        “ชักช้าโอ้เอ้อยู่ได้....โห แล้วนั่นกระเป๋าอะไรของแกวะ” เคนต้องอุทานออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าสัมภาระของจูนมีทั้งกระเป๋าเป้ที่อัดจนแน่น และกระเป๋กระสอบใบใหญ่ถือติดมือมาด้วย

       “ก็จะ ให้เป็นอะไรเสียอีกละ ทั้งเตารีด กล่องเสื้อสำอาง ไม้แขวนเสื้อ ผมรู้ว่าพี่กำลังจะบอกว่าผมจุกจิก แต่นี่มันสำหรับคอสตูมตอนถ่าย ผมไม่ยอมให้พวกพี่ใส่เสื้อผ้ายับๆที่ยัดๆม้วนๆกันมาในกระเป๋าเข้าฉากหรอกนะ” เด็กหนุ่มอธิบายยาวเหยียด

       “ยังไม่มีใครว่าอะไรเลยนี่....” ร่างสูงยิ้มน้อยๆ เพราะได้คนดูแลเสื้อผ้าหน้าผมแบบจัดเต็มขนาดนี้เองทำให้การแสดงของชมรมการแสดงที่มีสมาชิกกันอยู่แค่สี่คนถึงมีคนพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นชุดสวยๆ เท่ๆ หรือชุดตลกหลุดโลกจูนก็สรรหามาให้ได้อยู่ตลอด

       “แต่มาช้าแบบนี้เดี๋ยวก็เจอไอ้โชติมันโกรธเอา...มาพี่ช่วยถือ” ว่าพลางยื่นมือออกไป

       “ไม่เป็นไร ผมถือเองได้แค่นี้เอง” จูนตอบพลางกระชับมือกับหูกระเป๋ากระสอบหนักอึ้งนั่นป็นการยืนยันในคำตอบของตัวเอง เด็กหนุ่มเดินต่อเขารู้ว่าโชติและยุทธ์กำลังรออยู่ข้างนอกและอาจจะกำลังบ่นว่าเขาทำให้ทุกคนช้า

       “อยากถือเองก็ได้ พี่ก็แค่เดินมาตาม..แค่นี้ไม่เห็นต้องทำหน้าบูดเลย ” เห็นท่าทางอีกฝ่ายที่มองกลับมาอย่างไม่พอใจแบบนั้นทำเอาเคนอดที่จะหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้

        “หน้าบูด...ปากเป็ด...น่ะ มันน่าจูบนะรู้ตัวบ้างไหม” 

       “หะ...เหวอ..” จูนขาอ่อนสะดุดอิฐกั้นรถบนลานจอดรถทำเอาหน้าเกือบคว่ำ

       “ไอ้พี่เคน......” จูนหันควับมามองหน้าของรุ่นพี่ร่างสูง สองขาก้าวยาวๆกลับไปหาคนที่เดินตามมายกมือชี้หน้าอีกฝ่ายราวกับจะเตือน

        “ห้ามพี่พูดแบบนั้นให้พวกพี่โชติ พี่ยุทธ์ได้ยินนะ....ไม่อย่างนั้นผมจะไม่คุยกับพี่อีกเลย” ดวงตาที่สะท้อนแสงไฟของลานจอดรถเป็นประกายจริงจัง ผิดกับคนฟังที่ยังยิ้มกว้างเหมือนทุกครั้งแล้วจับมือที่ชี้หน้าของเขาเอาไว้ ดึงปลายนิ้วนั่นเข้ามาใกล้

       “มันก็ขึ้นอยู่กับค่าปิดปากนะ...” ไม่พูดเปล่าจูบปลายนิ้วของเด็กหนุ่มแผ่วเบา ดวงตาคมที่มองกลับมานั้นมีความหมาย

       “อ่ะ.....อ่ะ.......”จูนได้แต่อ้าปากค้าง ความร้อนผ่าวนั้นราวจะแล่นลามจากสัมผัสเล็กๆที่ปลายนิ้วขึ้นไปยังใบหน้าของตัวเอง



 
       “เฮ้ย! มัวแต่ทำอะไรกันอยู่วะ! “ เสียงยุทธ์ดังขึ้นจากด้านหลังทำเอาจูนสะดุ้ง



       “พี่ยุทธ์!?? .........ตกใจหมด มะ...มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง” จูดเอ่ยถามเสียงสั่น รุ่นพี่ร่างเล็กของเขามายืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไรกันที่สำคัญยุทธ์เห็นและได้ยินสิ่งที่เคนพูดและทำเมื่อครู่หรือเปล่า

       “ก็พวกแกช้า....ไอ้โชติมันบ่นใหญ่แล้ว” ยุทธ์ขมวดคิ้วมองหน้าของทั้งเคนและจูนนิ่ง “แล้ว...ทำอะไรกันอยู่”

       “เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอก  ไปกันเหอะ เดี๋ยวพี่โชติเทศน์หูชา” เด็กหนุ่มอึกอัก ก่อนจะคว้าแขนของยุทธ์ให้เดินไปด้วยกัน ไม่ได้คิดจะรอเคนที่เดินมาตามตัวเองเลยแม้แต่น้อย



...............................................


       ทั้งสี่คนออกเดินทางโดยรถตู้มุ่งหน้าไปตามถนนหลวง ยามดึกดื่นเช่นนี้คงมีแต่พี่รถบรรทุกคันโตวิ่งทำเวลาประเภทอยากเหยียดสุดคันเร่งไปให้ได้เร็วที่สุด เคนที่รับหน้าที่เป็นสารถีผลัดแรกเองก็อยากจะไปให้ถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วที่สุดเช่นกัน ทั้งที่รู้ดีว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ 


       “เฮ้ย พี่ชาย ค่อยๆขับก็ได้...เรากะเวลาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ”  โชติตบไหล่หนาของเคนเบาๆ พลางยื่นกระป๋องกาแฟสำเร็จรูปกินเหลือให้กับคนขับรถที่ดูเหมือนว่ากำลังหงุดหงิดงุ่นง่านเหมือนหมีที่อดอยากอะไรมาหลายต่อหลายวัน

        “อ่ะ...อืม จะไปตามนั้นก็แล้วกัน” เคนรับคำเบาๆก่อนจะยกกระป๋องกาแฟขึ้นดื่ม “ห่า...กาแฟไม่เย็น ไม่ร้อน ไม่อะไรเล้ย...”

       “ช่วยไม่ได้ของเหลือนี่หว่า.....”

       “โชติ เบาเพลงหน่อยก็ได้....เดี๋ยวพวกนอนสบายข้างหลังมันจะตื่นกันซะก่อน” ปลายนิ้วเคาะเบาๆที่เครื่องเสียงที่ติดตั้งเอาไว้เพราะเมื่อเหลือบมองไปด้านหลังดูเหมือนทั้งจูนและยุทธ์จะหลับไปแล้ว

       “หงุดหงิดเพราะเจอจูนมันงอนอีกอ่ะดิ่ ไปทำอะไรไอ้จูนมันวะ.... เดินมาหน้าบูดไม่พูดไม่จาเอาของใส่รถ ไปนั่งกับไอ้ยุทธ์อยู่ข้างหลังโน่น “โชติเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ดวงตาช่วยมองถนนหลวงยามค่ำคืนให้เพื่อน

 ตั้งแต่ออกจากมหาวิทยาลัยมาเคนก็ขับรถอยู่คนเดียวมาไม่ได้หยุดพักมาสองชั่วโมงเข้าไปแล้วแถมเหยียบจนแทบจะมิดคั่นเร่งขนาดนี้ก็อดจะเป็นห่วงไม่ได้ ถึงจะอยากหลับบ้างแต่ก็ข่มตาหลับไม่ลงเลยจริงๆ


       “มึงนี่ก็ท่าจะมีตาทิพย์จริงนะโชติ รู้ไปหมด”

        “รู้เช่นเห็นชาติมึงอ่ะ....ไปแกล้งหลอกผีมันล่ะสิ” โชติหัวเราะออกมาเบาๆ ลางสังหรณ์ของเขาไม่เคยผิดสักครั้ง

       “รู้แล้วจะถามเพื่อ?” เคนหัวเราะเบาๆ “ช่วยไม่ได้นี่หว่า ไอ้จูนมันน่าแกล้ง”

       “มันน่าแกล้ง? มึงนี่ก็ประสาทนะ ไปแกล้งอะไรมันนักหนาเล่นเป็นเด็กไปได้”

       “ขอโทษที่เด็ก....” เคนตอบกลับเบาๆคำพูดของโชติเหมือนตอกย้ำ เขานึกเสียใจว่าไม่น่าจะแกล้งจูนแบบนั้นเลยถ้ารู้ว่าผลมันจะออกมาเป็นแบบนี้ จูนหนีไปนั่งข้างหลังกับยุทธ์และต้องมาทนเห็นทั้งสองคาดเดาบทสนทนาที่เขาไม่อาจได้ยินแบบนั้นมันน่าหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย 

                 
       “มึง....... มึง........ “ เสียงงัวเงียดังขึ้นจากด้านหลัง พร้อมกับหน้าง่วงๆของยุทธ์ที่ยื่นมา “กูปวดฉี่ แวะปั๊มให้หน่อยดิ่ หิวด้วย ฉี่ด้วย...”

       “ตื่นมาแม่งก็ร้องจะฉี่ จะกิน....ใครเด็กกว่ากันวะโชติ” เคนพยักเพยิดให้ดูสภาพเพื่อนสนิทของตัวเองยุทธ์ที่ปรกติจะดูดีอยู่เสมอตอนนี้หัวฟูหน้าง่วงแถมยังงอแงไปต่างกับเด็กๆ

       “ฮ่ะๆ....เออว่ะ เอาเป็นว่าแวะปั๊มหน้าหน่อยละกัน กูก็ปวดฉี่ละ” โชติว่า

       “เอาปั๊มมีเซเว่นนะมึง กูอยากกินไส้กรอก”  ยุทธ์ส่งเสียงขึ้นมาอีกรอบ ทำเอาสารถีอย่างเคนอยากจะหันไปพาลฟาดปากเพื่อนเสียที

       “เรื่องเยอะอีก เดี๋ยวให้แดกไส้ตัวเองไปก่อนเลยนี่....เออๆ เดี๋ยวแวะให้”

       “ชู่ว์...เบาๆหน่อยสิ เดี๋ยวไอ้จูนมันตื่น...” ยุทธ์จุปากใส่เคนเมื่อหันไปมองแล้วเห็นว่าจูนยังนั่งกอดเข่าหลับสนิทอยู่บนเบาะนั่งข้างๆกัน ท่านั่งแปลกๆแบบนั้นนึกว่าจะหลับไม่สบายแต่จูนกลับหลับลึกได้อย่างน่าประหาด

       “เออ.............” ได้ผลเคนเงียบเสียงโวยวายลงทันควัน เขาไม่อยากจะเสียงดังจนปลุกจูนตื่น



        ไม่นานก็มาถึงปั๊มน้ำมันที่มีพร้อมทั้งร้านกาแฟและร้านสะดวกซื้อตามที่ยุทธ์เรียกร้อง เคนกระโดดลงจากรถแทบจะในทันทีที่จอดรถดีแล้ว การขับรถนานๆนี่มันเมื่อยมากกว่าที่คิด และการขับรถด้วยอารมณ์ ขุ่นมัวล้วนๆ ก็ทำเอาปวดหัวมากกว่าที่คิดเช่นกัน


       “เฮ้ย เคน เดี๋ยวรอบนี้กูขับเอง....”ยุทธ์เองก็ลงมารถมาตบไหล่เคนเบาๆ ก่อนจะวิ่งฉิวไปทางห้องน้ำ เคนถอนหายใจเบาๆเขาเองก็อยากจะพักแล้วเหมือนกัน

       “โชติ มึงไปเซเว่นปะ....ฝากซื้อขนมกับลิโพหน่อยนะ เผื่อรอบหน้าจะลุกมาขับต่อ...” ร่างสูงบิดซ้ายขวาก่อนจะยื่นกุญแจรถให้เพื่อน

       “เออๆ มึงไปนอนเหอะ....เดี๋ยวกูซื้อขนมมาฝากพวกมึงเอง ไอ้จูนมันยังไม่ตายใช่ป่ะนั่น หลับไปตื่นเนี่ย”

       “อืม....คงงั้น” เคนยักไหล่เขายังไม่ได้เข้าไปเช็คแต่ดูท่าแล้วจูนก็คงยังไม่ตื่นจริงๆ  “ไปล่ะ...ไม่ไหวละ....” เคนโบกมือด้วยท่าทางเนือยๆ เมื่อกลางวันเขาก็เพิ่งจะใช้แรงอย่างหนักมาแล้วยังต้องมาขับรถอีกนี่เขาคงเข้าใกล้จุดที่เรียกว่า ...แบตหมด...เต็มที
     

    ร่างสูงเดินกลับเข้าไปในรถตู้เห็นร่างของใครบางคนนั่งขดอยู่ที่เบาะด้านหน้า เคนค่อยๆเลื่อนประตูปิดแล้วนั่งลงข้างๆจูน ทั้งรถมีเพียงเขาสองคนได้ยินเสียงรถจากถนนและเสียงจากประตูร้านสะดวกซื้อดังเพียงแผ่วเบาตรงกันข้ามที่ได้ยินเด่นชัดคือเสียงลมหายใจช้าๆของจูนที่นอนหลับสนิท  เห็นจูนยกมือขึ้นกอดเข่าแบบนั้นก็กลัวอีกฝ่ายจะหนาว รุ่นสูงหันไปด้านหลังคว้าเอาเสื้อวอร์มของตัวเองที่โยนไว้ด้านหลังตั้งแต่ตอนขึ้นรถมาเอามาห่มให้กับอีกฝ่าย แต่แทนที่จะถอยกลับออกมา มือแกร่งกลับยกขึ้นแตะผมสีอ่อนที่ปรกแก้มของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาก่อนขยับตัวเข้าไปมองใกล้ๆ ริมฝีปากได้รูปนั่นเผยอเล็กน้อยสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นจากร่างของเด็กหนุ่ม  เคนเผลอยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้


       “...หลับลึกไม่ได้ระวังตัวเล้ย...”   


       เคนเท้าแขนล้อมกรอบร่างของคนที่ไม่ได้สติเอาไว้แล้วขยับตัวเข้าไปใกล้ ริมฝีปากแตะเบาๆบนเส้นผมของอีกฝ่าย ปลายจมูกโด่งสูดลมหายใจเข้าลึกได้กลิ่นแชมพูหอมสดชื่นจากเรือนผมนั้น ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไรแต่เพียงเท่านี้ก็เหมือนได้กำลังกลับคืนมาเยอะจนอดสงสัยไม่ได้ว่าหัวใจของเขากำลังเล่นตลกอะไรอยู่กันแน่ ทั้งๆที่อยากจะให้อีกฝ่ายหันมามอง แต่ก็ดันแกล้งจนอีกฝ่ายไม่พอใจจนเดินหนีอยู่หลายต่อหลายครั้ง


       “...ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งจนแกโกรธเลยจริงๆ...”  ชายหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงที่แหบพร่า ถ้าอีกฝ่ายตื่นอยู่คงทำแบบนี้ไม่ได้เป็นแน่ เคนตัดสินใจฉวยจูบเบาๆลงบนเส้นผมของอีกฝ่ายอีกครั้ง

 
       ....ครืด!!....


       ทันใดบานประตูเลื่อนของรถตู้ก็เปิดออก พร้อมกับร่างเล็กของใครบางคนที่ยืนค้างนิ่งอยู่อย่างนั้น เคนรีบหันกลับไปมอง ดวงตาคมเป็นประกายวาววับเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ที่นั่น


       “มึงทำอะไร....” เสียงยุทธ์เอ่ยขึ้นคล้ายไม่พอใจนักกับภาพที่เห็น

       “เปล่า เห็นไอ้จูนมันนอนเหมือนจะหนาวเลยเอาผ้ามาห่มให้”

       “เหรอ......” ยุทธ์ถามคิ้งเรียวขมววดเข้าหากันเหมือนไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน เขาชะโงกหน้าเข้าไปด้านในเล็กน้อย เห็นรุ่นน้องของตัวเองยังหลับสนิทพร้อมกับเสื้อวอร์มของเคนที่คลุมร่างอยู่ 

       “มีอะไร”เคนต้องถามกลับเพราะทั้งในน้ำเสียงและแววตานั้นมันมีความรู้สึกอื่นนอกเหนือจากความสงสัยแฝงอยู่ด้วย

       “เปล่า....หยิบกระเป๋าตรงนั้นให้หน่อย กูจะเอาบุหรี่”  ยุทธ์ตอบพลางชี้ไปทางกระเป๋าที่วางอยู่ไม่ห่างจากที่เคนนั่งอยู่เท่าไรนัก เคนแทบจะโยนกระเป๋าให้กับอีกฝ่ายก่อนขยับตัวมาจะปิดประตูรถ ดวงตาคมมองหน้าของยุทธ์นิ่ง

       “เอาไปเลย...กูจะนอนละ”

       “มันอาจจะกว้างกว่าถ้าแกไปนอนข้างหลัง...” ยุทธ์ว่าพลางชี้ไปทางที่นั่งที่อยู่ด้านหลังทียังว่างอยู่ เคนมองตามก่อนจะหันกลับมายิ้ม

       “ไม่เป็นไร กูว่าตรงนี้ก็สบายดีละ....”  เคนปฏิเสธก่อนจะเลื่อนประตูปิดลงตรงหน้าของอีกฝ่าย


     ร่างสูงขยับตัวนั่งข้างๆจูนร่างสูงเอนหลังลงพิงกับเบาะยกแขนซ้ายขึ้นต่างหมอนในขณะที่มืออีกข้างก็วางลงบนมือของจูนที่ตกลงมาอยู่กับเบาะ ถึงแม้จะรู้ว่าด้านนอกนั่นยุทธ์ยังยืนมองเข้ามาแต่เพราะความมืดของฟิมล์ติดกระจกรถทำให้เขาไม่คิดที่จะยกมือของตัวเองออกแต่อย่างใด ชายหนุ่มหันหน้าไปมองคนที่ยังหลับอยู่ 

      ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ไม่ต่างจากคนที่กำลังคิดจะออกเดินทางไปหาสิ่งที่ตนต้องการ มือข้างหนึ่งยื่นออกไปข้างหน้าอยากจะไขว่คว้าวิ่งตามคนที่เขาอยากจะให้มายืนอยู่ข้างๆกัน แต่ในขณะที่สองขาอยากจะวิ่งออกไปแบบนั้น ก็กลัวเหลือเกินว่าหนทางข้างหน้านั้นจะเป็นอย่างไร กลไกของสมองและจิตใจที่จำต้องป้องกันตนเองจึงสั่งให้ร่างกายยึดเหนี่ยวสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้เอาไว้ให้มั่น ไม่กล้าที่จะปล่อยมือจากไปจนในที่สุดก็เหมือนกับร่างกำลังจะต้องฉีกออกเป็นสองส่วน จนยากที่จะใช้สมองมาคิดต่อได้ว่าสิ่งที่ควรจะทำต่อไปคืออะไร ปล่อยมือก่อน หรือคว้าเอาสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเอาไว้ก่อนกันแน่


       “....กว่าจะถึงคงอีกนานล่ะมั้ง.....” เคนถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหลับตาลง คืนนี้เขาเองก็เหนื่อยเต็มทีแล้วเหมือนกัน


       ...................................



         “พี่เคน....พี่เคน...ตื่นๆ ตาพี่ขับแล้ว” เสียงนุ่มดังขึ้นพร้อมกับแรงปะทะที่ข้างแก้มจนเจ้าของชื่อสะดุ้งตื่น

       “หะ?...จูน?....โอย นี่แกตบพี่เรอะ”

       “เออดิ่ ไม่ตบจะตื่นเหรอไปล้างหน้าล้างตาซะ เดี๋ยวจะได้ตื่นมาขับต่อ อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้วล่ะ” เด็กหนุ่มว่าพลางลงจากรถ

       “แล้วนั่นแกจะไปไหน...”เคนงัวเงียขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองด้านนอกฟ้ายังไม่สว่างเลย

       “อ่ะ...ก็...ไปนั่งข้างหน้า...พี่มาขับนะจะได้ให้พี่โชติกับพี่ยุทธ์ไปนอนข้างหลัง” เด็กหนุ่มว่าพลางยิ้มทำเอาเคนมึนงงกับท่าทางของจูน ดูท่าการได้นอนหลับลึกเต็มอิ่มคงทำให้ใครบางคนหายโกรธหายงอนเขาแล้วแน่ๆ รุ่นพี่หนุ่มยิ้มกว้างก่อนจะก้าวลงจากรถไปล้างหน้าล้างตาตามที่จูนแนะนำ


        “นี่เราถึงไหนแล้วเนี่ย....” เคนเดินกลับมาจากห้องน้ำก็ถามออกมาเมื่อเห็นโชติกับยุทธ์เดินกลับออกมาจากร้านสะดวกซื้อ

       “อีกชั่วโมงนึงก็น่าจะถึงละ คงจะไปถึงหัวหินเช้าพอดี เอาเป็นว่าเดี๋ยวมึงขับไปตามเนวิเกเตอร์ก็แล้วกัน....”ยุทธ์ว่า  แต่เห็นทำท่างงๆ ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
    “แต่ถ้ามึงไม่เชื่อเทคโนโลยี กูเอาแผนที่ให้ไอ้จูนไว้ละ...มึงเข้าเขตหัวหินเมื่อไรมึงค่อยปลุกกู กูจะบอกทางต่อเอง พ่อกูให้คนไปเตรียมบ้านไว้ให้ละ”

       “อะโห มีคนเตรียมบ้านให้ด้วย...พ่อมึงนี่ท่าจะรวยเนอะ” ด้วยความเคยชินเคนก็แซวออกไปโดยไม่ได้คิดอะไร

       “อย่าเริ่ม...กูหงุดหงิด ขับรถแม่งเมื่อย เครียด กูง่วงด้วยจะไปนอนละ” ยุทธ์ชี้หน้าก่อนจะเปิดประตูรถตู้เดินไปนอนที่ด้านท้ายของรถ โชติก็ได้แต่ยักไหล่

       “มันหงุดหงิดห่าอะไรของมันก็ไม่รู้....ขับซ้ายปาดขวารถจอดเปลี่ยนกันได้นี่กูแทบอยากกระโดดลงมาอ้วก มึงหลับลงไปได้ไงวะ  เคน”

       “อ่ะเหรอ....ไม่รู้เหมือนกันกูเหนื่อยนี่หว่า.....ว่าแต่ไอ้จูนมันเพิ่งตื่นเหมือนกันเหรอ” เคนพยักเพยิดไปทางคนที่ขึ้นไปนั่งข้างคนขับเรียบร้อย

       “เปล่า มันก็ลุกพรวดขึ้นมาตอนมึงหลับไปแล้วนั่นล่ะ”

       “เหรอ....เออๆ “ เคนรับคำเบาๆ อดนึกหวั่นในใจไม่ได้ว่าจูนจะรู้สึกตัวตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้วหรือเปล่า
       

       ....คงไม่รู้ตัวมั้ง ถ้ารู้ป่านนี้กูคงโดนด่าหูชาไปแล้ว....

       “เอาเถอะ มึงไปนอนไป เดี๋ยวกูขับไปถึงหัวหินเมื่อไรแล้วจะปลุกละกัน” เคนตบไหล่เพื่อนเบาๆก่อนจะรับกุญแจรถมาจากโชติแล้วกลับไปทำหน้าที่สารถีผลัดสุดท้าย จะแตกต่างจากเดิมก็ตรงที่ในหนนี้มีจูนมานั่งอยู่ข้างๆก็เท่านั้นเอง
 
      
       ถนนมุ่งหน้าสู่หัวหินจำนวนรถบรรทุกเริ่มบางตานั่นทำให้พอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาได้บ้าง เคนเปิดปากหาวเล็กน้อย ก่อนจะขยับกระจกมองด้านหลัง ทั้งโชติและยุทธ์เอนเบาะหลับคร่อกกันไปอย่างรวดเร็ว
 

       “ไอ้พวกนั้นก็ท่าจะเหนื่อยจริง....” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ

       “ปรกติขับกันใกล้ๆอยู่ๆให้มาเหยียบกันคนละสองสามร้อยกิโล ถึงจะไม่เหนื่อยตัวก็คงเหนื่อยประสาทกันบ้างล่ะ” จูนเอ่ยออกมาเบาๆ พลางหยิบขนมเข้าปาก 

       “ แล้วแกล่ะ เหนื่อยไหมหลับสนิทขนาดนั้น....” เคนอดที่จะแหย่ไม่ได้      

       “จะบอกว่าผมนอนมากจนน่าจะเหนื่อยก็บอกมาเถอะ....” จูนหันไปค้อนด้วยสายตาแต่ก็ยังใจดีส่งขนมให้กับรุ่นพี่ “กินป่ะ...”

       “ป้อนสิแล้วจะกิน.....” เคนหันมายิ้มมีเลศนัย

       “งั้นก็อดไปซะเถอะ แม่งเรื่องมาก” จูนชักขนมกลับทันที เคนเหลือบมองท่าทางแบบนั้นเล็กน้อยก่อนจะยอมแบมือให้จูนเทขนมใส่มือเขาดีๆ เขาเพิ่งสังเกตเห็นแขนเสื้อวอร์มสีคุ้นตาเพราะเมื่อครู่มัวแต่คุยกับโชติเลยไม่ทันสังเกต แต่ตอนนี้แสงไฟที่สาดมาจากรถที่สวนทางมาทำให้เห็นได้เต็มตา

       “อุ่นไหม.......” เสียงทุ้มเอ่ยถามแผ่วเบา ไม่ได้อยากให้ยุทธ์หรือโชติได้ยิน

       “อ่ะ อื้ม....... “ จูนอ้อมแอ้มตอบ หลุบสายตาลงต่ำมองเสื้อวอร์มที่เขใส่อยู่ตอนนี้  เขาตื่นขึ้นมาก็เจอเสื้อตัวนี้คลุมทับอยู่โดยมีอีกฝ่ายนอนอยู่ข้างๆ มือข้างหนึ่งกุมมือของเขาเอาไว้ นั่นทำให้รู้สึกเขินจนทำตัวไม่ถูก จึงได้รีบลุกขึ้นมานั่งคุยกับพวกโชติและยุทธ์อยู่นานสองนาน 

        “แต่กลิ่นไม่ไหวนะ....ซักหน่อยเหอะ”

       “กลิ่นไม่ไหวนะ?....แล้วใครใช้ให้เอาไปใส่ล่ะ หรือจริงๆก็ชอบกลิ่นพี่” เคนอดไม่ได้ที่จะแหย่  เขารู้ว่าเสื้อมันไม่ได้มีกลิ่นขนาดนั้นในเมื่อเขาเพิ่งจะซักเสื้อวอร์มตัวนี้เมื่อวานก่อนและยังไม่ได้ใส่เลย จะมีก็คงมีแต่กลิ่นของน้ำยาปรับผ้านุ่มเท่านั้นและจูนเองก็คงรู้ดี

       “พูดอะไรบ้าๆ....ใครจะทนนั่งดมกลิ่นน้ำมันมวยพี่ได้ล่ะ” จูนหันไปตบไหล่ของคนขับรถดังอัก

       “ก็ถึงบอกไงว่า ใครใช้ให้เอาไปใส่.....” เคนหัวเราะออกมาเบาๆ

       “ก็........................” จูนหมดคำพูด หลักฐานมันคาตัวเขาอยู่แท้ๆ ทั้งๆที่ในกระเป๋าก็มีเสื้อฮู๊ดกันหนาวของตัวเองติดมาด้วย แต่ก็ไม่ได้คิดจะไปหยิบมาใส่ ส่วนเสื้อนี่เขาก็ไม่ได้คิดจะคืนให้กับเจ้าของ สิ่งเดียวที่คิดได้เมื่อรู้สึกว่ามีเสื้อวอร์มตัวนี้คลุมกายอยู่คงมีแค่ความรู้สึกเดียวเท่านั้น ...

       “ก็มัน.....อุ่นดีนี่” เด็กหนุ่มตอบพลางยกมือขึ้นแตะข้างลำคอถูเบาๆเมื่อรู้สึกร้อนขึ้นมาถึงข้างแก้ม


       “ตัวแสบเอ้ย...... “ เคนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ผมของอีกฝ่ายเบาๆ “อุ่นก็ใส่ไปละกัน....แล้วก็นอนต่อซะ เดี๋ยถึงหัวหินแล้วจะปลุก”

       “แล้วจะไม่หลงเหรอ.....” จูนถามไม่ค่อยอยากจะเชื่อเคนสักเท่าไร “ไม่เอาแผนที่แน่นะ?” 

       “ถึงพี่จะไม่ไฮเทคแบบไอ้ยุทธ์ แต่ก็ไม่ได้โลว์เทคขนาดนั้นหรอกนะ แค่ไปตามไอ้เนวิเกเตอร์อะไรนี่ก็โอเคแล้วใช่ไหมล่ะ  นอนเหอะ ถ้าหลงแล้วจะบอก” 

       “อะโห....พูดซะน่าหลับลงมาก...อ่ะ” จูนลากเสียงยาว

       “เออน่า....นอนๆไปเหอะ..หนาวไหม จะได้ลดแอร์ให้....” ว่าพลางยื่นมือไปจะลดแอร์ให้กับอีกฝ่ายแต่จูนส่ายหน้า 

       “ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้โอเคละ” เด็กหนุ่มยิ้ม รอยยิ้มแบบที่ทำให้เคนต้องเบือนหน้าหนีเล็กน้อย


       .....เวร....
       ....คนขับรถอยู่เว้ย.....
       ....อย่ามาทำหน้าน่ารักตอนกูทำอะไรมึงไม่ได้จะได้ไหมวะ....



       “โอเค....แล้วแค่นี้ โอเคไหม” เคนกระแอมไอเบาๆ ก่อนจะละมือออกจากพวงมาลัยมาวางลงบนมือของอีกฝ่าย จูนมองมือแกร่งนั่นสลับกับหน้าของคนขับรถพลางทำตาโต คราวนี้เป็นฝ่ายของจูนเองที่ต้องเบือนหน้าหนีออกไปมองวิวข้างทางที่ยังมีแต่ความมืด

       “ไม่รู้........ผมจะนอนแล้ว ห้ามกวนนะ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่จูนก็ไม่ได้ดึงมือออกแต่อย่างใด ชีพจรใต้ผิวเนื้อนั้นเต้นแรงจนเขาก็ไม่แน่ใจนักว่าเคนจะรู้สึกได้หรือไม่ แต่ที่สร้างความประหลาดใจให้กับตัวของเขามากคงเป็นความรู้สึกพึงพอใจในสัมผัสอุ่นที่ได้รับจากอีกฝ่ายนั่นเอง



      .....บ้าไปแล้วเรา......

       ....แต่ทุกครั้งมันก็...อุ่น....

       ....และ...ถ้ามันจะอุ่นนแบบนี้.....

       ....ถ้ายอมบ้าไปสักพักจะเป็นอะไรไหมนะ.....




................................................ to be continued...

asarigb

  • บุคคลทั่วไป
 :impress2:
พี่เคนกับน้องจูนคุยกันกระนุงกระนิงไปมั้ย อร๊ายยยย-//////- น่ารักที่สุด(ถ้าไม่ติดพี่เคนมีแฟนแล้ว) เอายัยนิดออกไปปปป :katai1:
พี่ยุทธ์หึงแหละ ต๊ายตายจะเกิดศึกชิงนายรึเปละ โฮะ โฮะ โฮะ :laugh:
ติดตามค่าาาา :katai2-1:

ออฟไลน์ shiawase

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
จูนจ๋า...หิ้วทุกอย่างไปสมเป็นแม่บ้านผู้เตรียมพร้อมจริงๆ

อิพี่เคนนี่ก็อะไร เอะอะแต๊ะอั๋งเดี๋ยวตีมือหักเลย :beat:  (แต่จริงๆเค้าชอบให้พี่เคนแต๊ะอั๋งน้องนะ  :-[)

พี่ยุทธ์จ๋า  พี่ยุทธ์จะลงสนามแย่งชิงน้องจูนมั้ยอ่ะ  ถ้าลงเค้าจะเชียร์พี่ยุทธ์นะ  เค้าหมั่นไส้อิพี่เคน :z3:

  “....กว่าจะถึงคงอีกนานล่ะมั้ง.....” เคนถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหลับตาลง คืนนี้เขาเองก็เหนื่อยเต็มทีแล้วเหมือนกัน

นายก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง  ยังไม่กล้าตัดสินใจ   ทำแบบนี้น้องมันก็เหนื่อยมันก็เครียดนะโว้ย!!!!!!  :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
-24-
ชิงชัย


ท้องฟ้าเปลี่ยนสีเมื่อแสงแรกของวันค่อยๆสาดแสงแหวกผ่านหมู่เมฆออกมา จูนขยี้ตาเล็กน้อยด้วยรุ้สึกเคือง ความปวดเมื่อยแล่นลามไปทั่วตัว การนั่งคุดคู้อยู่ที่เบาะหน้าเป็นระยะเวลานานๆทำให้เมื่อยได้อยู่ไม่น้อย เมื่อหันไปข้างๆ เห็นยุทธ์เปลี่ยนมาขับรถแทนเคนแล้ว


       “พี่ยุทธ์?.....”

       “ตื่นแล้วเหรอ....” เสียงยุทธ์ถาม ใบหน้าสวยได้รูปกับแสงแดดยามเช้าทำให้จูนนึกอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ


      ....โห....
       ...ขนาดนอนน้อยยังหน้าตาดีอ่ะคนเรา...




      “เป็นอะไร....ทำหน้าเหมือนคนปวดฉี่...ทนหน่อยเลี้ยวข้างหน้านี่ก็ถึงแล้วล่ะ” ยุทธ์แหย่รุ่นน้องเล็กน้อย มือเรียวยื่นไปขยี้ผมของอีกฝ่ายเบาๆ จูนหัวเราะ

       “ใครปวดฉี่กัน....ว่าแต่จะถึงแล้วใช่ป่ะพี่”

       “อื้ม เนี่ย....บ้านรั้วไม้สีเขียวเนี่ย เดี๋ยวแกลงไปกดออดให้หน่อยนะ” ว่าพลางชี้มือไปยังบ้านรั้วไม้สีเขียวที่อยู่ทางซ้าย มองจากด้านนอกดูร่มรื่นเพราะมีต้นไม้ขึ้นใหญ่ขึ้นครึ้มไปหมด เด็กหนุ่มกระโดดลงจากรถ จะไปกดออด แต่ก่อนจะได้ก้าวไปไหนสายตากลับมองเลยตามถนนเล็กๆหน้าบ้านที่ดูเหมือนถนนส่วนบุคคลของคนแถวนี้เลยลงไปจนสุดถนน  เห็นประกายระยิบระยับของแสงแดดยามเช้าที่สะท้อนกับผืนน้ำ

       “พี่ยุทธ์ ทะเลล่ะ ทะเล!” จูนร้องพลางงกระโดดขึ้นอย่างดีใจ จนคนขับรถขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้

       “มาหัวหิน คิดว่าจะไม่เจอทะเลรึไง ไอ้บ้า....เฮ้ย พวกมึงดูน้องมึงดิ่ เกิดมาไม่เคยเจอทะเลรึไงวะนั่น”

       “เออ จริง....” โชติเองก็หัวเราะ

       “สงสัยมันนั่งรถมากจนเพี้ยน” เคนเองก็ลุกขึ้นมาชะโงกดูก่อนจะเปิดประตูเดินลงไป “รีบๆกดออดสิจูน”

       “อ้อๆ...ลืมไป” จูนหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะกดออด



   ............ปิ๊ง ป่อง..................



        “มาแล้วค่า มาแล้ว.....” เสียงหญิงสูงวัยดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กเดินก้าวเร็วๆมาที่ประตูพร้อมกุญแจพวงใหญ่ในมือ

       “สวัสดีครับ “จูนยกมือไหว้หญิงสูงวัยทันทีที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้

       “สวัสดีค่ะ เหนื่อยไหมคะทุกคน อ่ะ คุณยุทธ์ขับมาให้เหรอคะ” หญิงสูงวัยเอ่ยทักทายอย่างอารมณ์ดี

       “ครับ.... ให้พวกผมช่วยเปิดนะครับคุณน้า” เคนยิ้มหวานให้หญิงสูงวัยก่อนจะช่วยเธอเปิดประตูเหล็กเมื่อเห็นว่ากุญแจถูกปลดออกแล้ว

       “ขอบใจนะจ้ะ เดี๋ยวพวกหนูเข้าไปข้างในเลยก็นะคะ น้าเปิดบ้านไว้ให้แล้วล่ะ”

       “ครับ ขอบคุณครับ....งั้นเดี๋ยวพวกผมรอเอารถเข้าละกันครับจะได้ขนของลงทีเดียว” จูนยิ้มก่อนจะหลีกทางให้ยุทธ์เอารถเข้ามาด้านใน พวกเขาเดินตามรถตู้คันใหญ่นั่นไปช้าๆ


        อากาศยามเช้าทำให้รู้สึกสดชื่นได้ไม่หยอก จูนสูดลมหายใจเข้าลึกได้กลิ่นอายของเกลือทะเลลอยมาแตะจมูก มองผ่านร่มไม้เข้าไปด้านในเห็นบ้านหลังสวยสไตล์โมเดิร์นซ่อนตัวเองอยู่ท่ามกลางต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบ ประตูบานกระจกนั่นเปิดกว้างตอนรับคล้ายจะเชื้อเชิญ ในใจนึกสนุกอยากจะออกไปเดินให้สุดปลายถนนนั่นเสียจริงๆด้วยอยากรู้ว่าจะเดินลงหาดไปได้เลยหรือเปล่า


       “เก็บอาการหน่อยก็ได้...”

       “อะไร.....” จูนหันควับ แต่เคนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อมีเพียงแค่รอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้า พร้อมกับมือแกร่งที่ดันเบาๆที่ด้านหลังให้เขารรรีบเดินไปเพื่อช่วยยุทธ์กับโชติขนของลงจากรถตู้


      เมื่อเข้าไปด้านในบ้านหลังนี้กว้างขวางกว่าที่เห็นจากภายนอก ประตูกระจก และหน้าต่างกระจกบานใสประกอบกับการตอแต่งที่ภายในเน้นสีขาวและสีเขียวอ่อนทำให้ดูสว่างเย็นตา โซฟาสีเขียวหัวเป็ดชุดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้องรับแขกทั้งสี่คนถูกหญิงวัยกลางคนผู้ดูแลบ้าน “ต้อน” ให้ไปนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก และกำลังเดินเอาน้ำเย็นใส่แก้วมาเสิรฟ


       “อุ่ย น้าอรครับไม่ต้องเสริฟน้ำก็ได้ แหม่  แค่นี้พวกผมก็มากวนน้าอรจะตายอยู่แล้ว” น่าแปลกที่ยุทธ์ซึ่งปรกติเป็นคนที่เหมือนไม่ค่อยจะมีมารยาท แต่กับหญิงสูงวัยที่อีกฝ่ายเรียกว่า “น้าอร”นั้นท่าทีของยุทธ์ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ยุทธ์ดูนอบน้อมและคล้ายจะอ้อนน้าอรเล็กๆด้วย


       “พูดแบบนี้ได้ยังไงคะ คุณยุทธ์ไม่ได้มาเที่ยวที่หัวหินนี่ตั้งนานแล้ว น้าละดีใจจะตายไป นานๆจะได้เจอกันเสียที แหม...นอกจากจะโตเป็นหนุ่มหล่อแล้วเพื่อนๆที่พามายังมีแต่หล่อๆแบบนี้ นี่ถ้าป้ารับรองไม่ดีเดี๋ยวเพื่อนคุณยุทธ์จะว่าน้าได้นะคะ ดีไม่ดีคุณป๊ารู้เรื่องจะตามมาดุน้าอีกคน” 


       “ฮ่ะๆ...ผมว่าไม่เห็นจะเกี่ยวเลย แต่ยังไงก็ขอบคุณน้าอรมากนะครับ ช่วงจะปีใหม่แท้ๆยังต้องมาทำความสะอาดบ้านให้อีกคงงานหนักแย่”


       “โอ้ย ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ช่วงนี้ไม่มีคนมาเช่าบ้าน น้าก็ต้องเข้ามาทำมาดูแลกันทุกๆเดือนอยู่แล้ว นี่คราวนี้ทำความสะอาดทั้งบ้านเลยด้วย เอาเป็นว่าคุณยุทธ์ไม่ต้องกลัวเรื่องจะแพ้ฝุ่นนะคะ”


      “น้าอร!.....” ยุทธ์ร้องลุ่นอยากจะเข้าไปปิดปากอีกฝ่ายเสียจริง แตคงไม่ทันเสียแล้ว


       “เห...แพ้ฝุ่น อย่างเจ้ายุทธ์เนี่ยนะครับ?”  โชติชะโงกหน้ามาสอดอย่างรวดเร็ว ดูจากพฤติกรรมของเพื่อนเขาแล้วช่างไม่เข้ากับคำว่าแพ้ฝุ่นเลยจริงๆ


       “ค่ะ สมัยก่อนนะ หน้าตาน่ารักอย่างกับเด็กผู้หญิง แต่ซนเป็นลิงเชียวละ น่าสงสารตรงที่ไปวิ่งซนกลับมาทีไรผื่นขึ้นเต็มตัวทุกทีเพราะว่าแพ้ฝุ่นน่ะค่ะ” น้าอรเริ่มเล่าเรื่องราวในอดีตของยุทธ์ให้อีกสามคนฟัง


       “โอย น้าอรพอเถอะครับ...” ยุทธ์อายเสียจนหน้าแดง ได้ยินเสียงพวกโชติ เคน และจูนนั่งหัวเราะคิกคัเพราะอดขำไม่ได้ ถึงเขาจะหันไปมองก็แล้วแต่ทั้งสามคนก็ยังไม่หยุด 


       “เออใช่ น้าซื้อโจ๊ก กับปาท่อโก๋แล้วก็น้ำเต้าหู้เอาไว้ให้ เผื่อจะหิวกันนะคะ แล้วในตู้เย็นก็มีพวกของสดกับเครื่องปรุงนะคะ เห็นคุณป๊าโทรมาบอกว่าจะมาอยู่กันหลายวันคงอยากทำอะไรกินกันเอง เอาเป็นว่าน้าไม่กวนก็แล้วกันค่ะ อยู่กันดีๆนะคะ อย่าเสียงดังมากล่ะแถวนี้เป็นย่านที่อยู่อาศัยแต่ดั้งแต่เดิม เป็นคนในพื้นที่ทั้งนั้นเขาจะอยู่กันเงียบๆหน่อยน่ะค่ะ ถ้าอยากเฮฮาหรือเที่ยวกันนี่อาจจะต้องเดินกันอีกสักหน่อย แต่เอามอเตอร์ไซค์น้าไว้ใช้ได้เลยนะเติมน้ำมันไว้ให้แล้ว เอารถตู้มาบางทีมันหาที่จอดไม่สะดวกเท่าไร   ถ้ามีปัญหาอะไรล่ะก็โทรหาน้าได้ บ้านน้าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นักหรอก” น้าอรพูดยาวเหยียด ก่อนจะยื่นกุญแจบ้านกับกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ให้กับยุทธ์


 “งั้นน้าไปก่อนนะคะ” ว่าพลางก็เดินไปหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กๆของตัวเอง น้าอรดูเป็นคนอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อยทำให้พวกโชติรู้สึกคุ้นเคยได้แค่ไม่กี่นาที


       ยุทธ์เดินไปส่งน้าอรที่หน้าประตู เขายืนมองดูหญิงสูงวัยร่างเล็กเดินฉับๆออกไปที่หน้าปากซอยจนเมื่อร่างนั้นเดินลับตาไปจึงเเดินกลับมาพร้อมถอนหายใจเบาๆ



       “เป็นอะไรโดนเผานิดหน่อยนี่ถึงกับถอนหายใจเลยเรอะ” โชติตบหลังเพื่อนพลางหัวเราะ

       “ก็หวั่นๆตั้งแต่มาถึงแล้วล่ะ” ยุทธ์ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินไปนอนที่โซฟา โดยมีตักของจูนเป็นหมอน

        “ขอนอนก่อนได้ป่ะ....”

       “อ่ะ เฮ้ย พี่ยุทธ์ เล่นอะไร” ถึงจะท้วงไปแบบนั้น แต่จูนก็ไม่ได้ขยับหนี...อันที่จริงแล้วเขาหนีไม่ทันเสียมากกว่า

       “ง่วงไง จะนอนไม่ได้เรอะ” ยุทธ์เอ่ยอย่างเอาแต่ใจพลางเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของตักเล็กน้อย เด็กหนุ่มก็ได้แต่ทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะเอามือไม้ไปไว้ที่ไหน จะเล่นหัวหรือก็รู้สึกแปลกๆ  ตรงกันข้ามกับเคนที่ดูเหมือนจะรู้ดีทีเดียวว่าควรจะทำอย่างไรกับเพื่อนตัวแสบของตัวเอง


       “อยากนอนไปนอนที่ห้องดีกว่าไหมสาด....” เคนเดินมาดึงขาของเพื่อนให้ตกลงมาจากโซฟา “อย่าเพิ่งมานอนตรงนี้ เอาของเก็บก่อนดีกว่าไหม จะให้พวกกูนอนที่ไหน อย่าตัดช่องน้อยแต่พอตัว” ร่างสูงใหญ่ของเคนที่ยืนค้ำหัวอยู่นั่นทำให้ทั้งยุทธ์และจูนต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างช่วยไม่ได้


       “เออๆ.... ขัดกูจังวุ้ย” ยุทธ์ลุกขึ้นอย่างเสียไม่ได้ ดวงตากลมโตนั่นมองหน้าของเคนอย่างไม่พอใจ ก่อนจะลากคอเสื้อของโชติให้เดินไปทางห้องครัว “มานี่ จะพาไปดูห้องครัว”


       “พี่เคนอ่ะ ทำพี่ยุทธ์โกรธเลย” จูนหันมาดุเคนเล็กน้อย ซึ่งร่างสูงก็ได้แต่เบือนหน้าไปอีกทาง


        “ช่วยไม่ได้ มันทำตัวน่าหมั่นไส้นี่หว่า”



       ....กูจะจับไอ้จูนยังต้องขอก่อนเลย ทำไมมันนอนตักได้วะ....




       “น้าอรเขาเคยเป็นพี่เลี้ยงของกูตอนกูเด็กๆ แล้วแกก็ลาออกมาแต่งงาน หลายปีก่อนโน้นที่บ้านแกมีปัญหาเรื่องเงินเลยขายที่ดินนี่ให้ป๊ากู แกบอกว่าดีกว่าให้พวกนายทุนมาเอาไปทำโรงแรมแล้วไม่เก็บต้นม้งต้นไม้ไว้ให้แกเลย... แต่ก่อนตรงนี้เป็นบ้านไม้ แต่ป๊ากูก็เพิ่งมาทำบ้านใหม่เมื่อไม่กี่ปีที่แล้วนี่ล่ะ เผื่อจะเอาไว้ให้ฝรั่งมันเช่าบ้านแต่ ช่วงนี้ไม่มีคนเช่า กูเลยขอมาใช้...”

ยุทธ์อธิบายพลางเดินนำเข้าไปในห้องครัว เพื่อนทั้งสามคนเองก็เดินตาม ภายในครัวมีถุงโจ๊กกับปาท่องโก๋วางเอาไว้ให้ที่เคาท์เตอร์กลาง ครัวก็เป็นครัวฝรั่งที่มีอุปกรณ์ครบครัน ได้ยินเสียงโชติร้องอู้หูอ้าหาพึมพำในความสวยงามของเครื่องครัว


       “เย็นนี้ไปหาอะไรมาทำกินกันดีกว่าว่ะเฮ้ย....” โชติว่า

       “มึงเปิดตู้เย็นดูก่อนเหอะ ในนั้นก็คงจะตกมาทับมึงตายได้แล้วล่ะ” ยุทธ์ชี้ไปที่ตู้เย็นเขารู้ดีว่า น้าอรเป็นคน “เยอะ” ในทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องของเขาอดีตพี่เลี้ยงของเขาคนนี้มักจะใส่ใจมากเป็นพิเศษด้วยความเอ็นดูอยู่เสมอ

       ได้ยินยุทธ์พูดแบบนั้นทั้งโชติทั้งจูนก็มองหน้ากันก่อนจะลองเปิดประตูตู้เย็นขนาดใหญ่ดู ก่อนจะต้องอ้าปากค้างอีกเมื่อมีทั้งของสด ขนมนมเนย เครื่องปรุงต่างๆ ใส่ไว้ให้เต็มตู้


       “นี่น้าเขาคิดว่าพวกเรามากันสามสิบคน หรือจะอยู่กันสักปีหรือยังไงเนี่ย”

       “กูก็บอกแล้วว่าอย่าเยอะ....น้าเขาเยอะตลอดเลยไม่รู้จะว่ายังไงเหมือนกัน ถ้าเหลือเดี๋ยวเขาคงจัดการเองล่ะ”ยุทธ์พูดอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก ก่อนจะเดินไปหยิบจานชามมาให้เพื่อน

        “เอ้า กินๆกันซะ แล้วใครจะแยกย้ายไปอาบน้ำ ก็ไปอาบได้นะ ข้างบนมีห้องนอนอยู่สองห้อง มีห้องน้ำในตัว ข้างล่างมีห้องน้ำอีกหนึ่งเดี๋ยวจะได้ไปทำงานกัน”


..............................................................


       ทะเลหัวหินในวันอากาศดีมองจากไกลๆเห็นเป็นสีฟ้าสดทำให้ใจที่เหนื่อยจากการเดินทางของโชติสดชื่นขึ้นมาอยู่ไม่น้อย


       “เอาล่ะ!!! มาถ่ายหนังกันเถอะพวกเรา!!”  โชติตะโกนออกมาเสียงดังลั่น


       “...หึหึหึ ...” ได้ยินแต่เสียงของสมาชิกชมรมการแสดงทั้งสามคน กำลังพยายามแล้วที่จะกลั้นหัวเราะกันจนไหล่สั่น


       “หัวเราะอะไรกันวะ....” โชติหนกลับไปมองหน้าเพื่อน

       “ก็ดูสภาพมึงดิ่ เนี่ยนะผู้กำกับ” ยุทธ์หัวเราะออกมา เขารับไม่ได้กับเซนส์ทางแฟชั่นของอีกฝ่าย โชติใส่แว่นกันแดดเรย์แบนด์รุ่นพ่อกับเสื้อยืดย้วยเก่าสีขาวขมุกขมัว กางเกงขาสั้นสีดำรองเท้าแตะหูคีบ แต่ที่ดูจะโดดเด่นเตะตาคงเป็นหมวกสานปีกกว้างที่ไม่รู้ว่าไปสรรหามาจากไหน 

       “ช่วยไม่ได้ วันนี้กูไม่ได้เข้าฉากนี่หว่า เป็นมึงคนเดียวเลย เดี๋ยวจะให้วิ่งหล่อขึ้นลงๆทะเลนี่ล่ะ เอาแบบ ผมหนุ่มหล่อมาดแมนมาเล่นน้ำทะเลน่ะ โอเคไหม”

       “ถ้าเรื่องหล่อเฉยๆ แค่นี้กูทำได้อยู่แล้ว งานถนัด” ยุทธ์ยืดอกตอบไม่ได้มีถ่อมตนเลยแม้แต่น้อย “ว่าแต่รองพื้นอะไรนี่มันลงน้ำได้เหรอจูน” ว่าพลางก็หันมาหาช่างแต่งหน้าประจำกอง

       “เอ....เขาก็ว่างั้นนะผมก็ยังไม่เคยลองจริงๆเหมือนกันว่าจะทนน้ำได้ขนาดไหน....”  ไม่พูดเปล่าจูนเข้าไปใกล้พลางดึงหน้าของยุทธ์เข้ามาพิจารณาใกล้ๆอีกรอบ เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาลงรองพื้นเป็นอย่างดีตามแนวทางที่ “กูรู”ในอินเตอร์เน็ตเขาว่ากันไว้ว่าจะไม่หลุดไม่ลอกท้าฟ้าท้าฝน

“ ไม่งั้นลองถ่ายฉากที่จะเปิดตัวพี่ยุทธ์ก่อนไหมล่ะ แล้วเดี๋ยวให้พี่เคนไปเล่นเป็นตัวประกอบเป็นเพื่อนพี่ยุทธ์อ่ะ””


       “เออ.....ให้วิ่งๆกันจนเหงื่อออกดูก่อนละกัน ถ้าหน้ามันลอกค่อยว่ากัน ไหนๆทะเลก็อยู่แค่นี้จะถีบยุทธ์ลงน้ำแล้วค่อยถ่ายตอนมันขึ้นมาก็คงไม่ลำบากอะไร .....ว่าแต่แดดแรงนะวันนี้ มีใครพกกันแดดมาบ้างป่ะ” โชติว่าพลางขยับปีกหมวกของตัวเองทำเอาทั้งสามคนต้องมองหน้าอย่างเช็งๆ
 

          .....นี่ล่อหมวกปีกกว้างเท่ากระด้งแล้วยังอยากได้กันแดดอีกเรอะ.....



       “ผมมีๆ.....” จูนว่าพลางโยนขวดครีมกันแดดที่เขาเตรียมมาถึงสองขวดให้กับโชติและยุทธ์ “ทาไว้ด้วย เดี๋ยวดำ”

       “อ้าวเฮ้ยแล้วพี่ล่ะ.....” เคนชี้มือเข้าหาตัวเองทันที

       “อ้าว...พี่เคนไม่ได้อยากดำเหรอ” จูนเลิกคิ้วสูง “นึกว่าเป็นเทรนนักกีมวย แบบต้องดำๆทาน้ำมันเยิ้มๆอะไรแบบนี้” จูนอดไม่ได้ที่จะแหย่

       “พูดอะไรของแก ใครจะอยากเอาตัวเองมาปิ้งกลางแดดขนาดนี้....” เคนยกมือขึ้นเขกหัวของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะชี้ไปที่ขวดครีมกันแดดที่อยู่ในมือของจูน “ทาให้ด้วยดิ”

       “เรื่องอะไร? ทาเองสิ....” เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว ผมสีอ่อนที่สะท้อนกับแสงแดดนั้นดูคล้ายจะเปร่งประกายชวนให้แสบตา


ท่าทางยียวนกวนประสาทนั้นทำให้เคนขมวดคิ้ว หนุ่มรุ่นพี่ยอมรับเลยว่าเขาหงุดหงิดกับท่าทางของยุทธ์มาตั้งแต่เมื่อคืน แล้วยังเมื่อเช้าจนสายก็แล้วยังนังหน้าระรื่นให้จูนช่วยแต่งหน้าให้อีกแบบนั้นมันเกินจะทน ร่างสูงตลบเสื้อยืดออกเผยให้เห็นแผ่นอกแกร่งและช่วงไหล่กว้างดูแข็งแรง ก่อนจะดึงครีมกันแดดมาจากมือของจูนเปิดฝาขวดบีบลงบนมือปริมาณไม่น้อยก่อนจะเริ่มทาครีมลงบนแผ่นอกของตัวเองทั้งๆที่ยังมองหน้าของจูนอยู่แบบนั้น สายตานิ่งเฉยแต่มีพลังมากพอจะทำให้ใจในอกของจูนเต้นแรงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


       “ทาแล้ว...แต่ไม่ถึงข้างหลัง...ทาหลังให้หน่อยได้ป่ะ” เคนเอ่ยอย่างยียวนแล้งส่งขวดครีมกันแดดคืนให้กับอีกฝ่าย

       “......เอาจริงอ่ะ....ไม่อายชาวบ้านเขาเลยใช่ป่ะ” จูนว่าพลางหันซ้ายหันขวา ไม่ห่างออกไปนักก็มีนักท่องเที่ยวนั่งจับกลุ่มกันอยู่

       “แกคิดว่าพี่ยังเหลือความอายอยู่อีกรึไงตั้งแต่อยู่ชมรมนี่มาเนี่ย อีกอย่างนะ แกคงไม่อยากให้มีนักแสดงหลังกระดำกระด่างโผล่อยู่ในจอใช่ไหมครับ คุณเมคอัพอาร์ตติส” 

       “แค่ทาให้ก็พอใช่ไหมล่ะ โธ่เอ้ย วันนี้แสดงแทบไม่ต้องเห็นหน้าด้วยซ้ำ ทำไมเรื่องมากได้ขนาดนี้นะ” จูนกรอกตาอย่างเอือมระอาก่อนจะค่อยทาครีมกันแดดลงบนมือแล้วทาลงบนหลังของอีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจนัก


       “อืม.....อา......อูว.....เยี่ยมไปเลย”


       “จะครางหาบิดาพี่เรอะ!” เด็กหนุ่มฟาดมือลงไปเต็มแรงทิ้งรอยแดงเอาไว้บนหลังของร่างสูง เมื่อเคนนึกทะเล้นทำเสียงครางออกมาเสียงดัง 

       “โอ้ย....เจ็บชะมัด อ้าว จะไปไหนอ่ะจูน..... “

       “ไปเป็นตากล้องนะสิ” จูนตะโกนกลับมา เด็กหนุ่มเดินไปฟังยุทธ์อธิบายการใช้งาน และบอกเรื่องมุมกล้องที่เขาอยากได้

       “เดี๋ยวถ่ายแบบนี้นะ...มุมนี้ไล่จากเส้นขอบฟ้าแล้วไปทางซ้ายเรื่อยๆจนเห็นพี่กับเจ้าเคนทางนั้น.......เฮ้ย เคนไปยืนตรงนั้นให้หน่อย” ยุทธ์ชี้มือให้เคนเดินไปอีกทาง เคนต้องยอมทำตามอย่างช่วยไม่ได้ 

       “มุมนี้อ่ะเหรอ....” เด็กหนุ่มจับกล้องให้จับภาพของเคนที่ยืนทำหน้ามุ่ยอยู่ห่างออกไป

       “ไม่....สูงกว่านั้นอีกหน่อย “ ยุทธ์ส่ายหน้าใช้มือประคองแขนของจูนให้สูงขึ้นอีกเล็กน้อย “ขยับซ้ายอีกนิด เห็นไหม” ยุทธ์เอ่ยเบาๆที่ข้างหูของเด็กหนุ่มทำเอาจูนต้องยักไหล่ขึ้นเล็กน้อยมันจักกระจี้อยู่ไม่น้อยแต่เขาต้องตั้งสมาธิกับสิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้ มากกว่าเรื่องอื่นๆ

       “อื้ม...แบบนี้นะ แล้วยืนให้นิ่งเอาไว้พวกพี่จะวิ่งเข้ามาหากล้องแล้ววิ่งเลยไปเอง โอเค?”

        “อ่ะ...ครับ” จูนพยักหน้าลงน้อยๆรู้สึกดีใจไม่อยากที่ช่วยเหลืองานของยุทธ์ได้

       “โชติ แกโอเคนะ ถ่ายแบบนี้....” ยุทธ์หันไปหาโชติที่จ้องตรงมา แว่นกันแดดรุ่นพ่อกับหมวกปีกกว้างนั่นทำให้มองไม่ค่อยเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายสักเท่าไรนัก

       “อ่ะ อื้ม เดี๋ยวลองถ่ายดูก่อน ถ้ามือจูนไม่นิ่งเดี๋ยวกูถ่ายเอง เอาแค่ที่น้องมันทำได้ก็พอ” โชติว่าพลางตบมือกับบทที่ถืออยู่ในมือ


       การถ่ายทำเริ่มขึ้นด้วยฉากเปิดตัวของยุทธ์ตามที่ได้วางแผนกันไว้ การเดินในระยะสั้นๆ ยุทธ์ทำได้ดีกับใบหน้าที่ระบายด้วยรอยยิ้มชวนให้รู้สึกสดใสตามไปปด้วย ถึงแม้คู่สนทนาปลอมๆในบทอย่างเคนจะทำหน้าคล้ายบอกบุญไม่รับก็ตามที  โชติพิถีพิถันกับภาพที่ออกมามากถึงแม้จะต้องถ่ายเก็บไว้สี่ห้าเทคเขาก็ยอมเสียเวลาเพื่อให้ได้ภาพที่คิดว่าน่าจะดีที่สุด


       “เอ้า... เดี๋ยวจะให้วิ่งแข่งกันนะ วิ่งให้เต็มที่เหมือนแข่งกันจริงๆนะ โอเคไหม” โชติตะโกน ท่ามกางแดดร้องเปรี้ยงและอุณหภูมิที่เริ่มระอุขึ้น ทั้งๆที่ในตอนแรกต่างยินดีว่าพวกเขามาทะเลกลางหน้าหนาวแบบนี้ก็กลัวว่าอากาศจะขมุกขมัวแต่พออากาศสดใสจนจะเข้าขั้นร้อนเหงื่อตกขนาดนี้ก็เริ่มรู้สึกเสียใจอยู่เล็กๆ


       “เอ้อ......” ยุทธ์ยกมือเป็นสัญญานว่าเขาได้ยินที่อีกฝ่ายพูดแล้ว เมื่อมองนาฬิกาก็เห็นว่าใกล้เที่ยงเข้าไปเต็มที่ นักท่องเที่ยวที่มานั่งทานอาหารก็มีมากขึน พวกเขาไม่อยากมาแสดงอะไรให้คนอื่นๆตกใจมากนักถ้าจบฉากนี้ก็อยากจะกลับเข้าไปที่บ้านพักกันเสียหน่อย


       “หิวข้าวแล้วว่ะ คืนนี้จะนอนกับใครก็ยังไม่รู้ แกว่ามีห้องนอนอยู่สองห้องใช่ป่ะยุทธ์” เคนเอ่ยถามขึ้นมาเบาๆ

       “อืม...เตียงคู่ทั้งสองห้องนั่นล่ะ” 

       “เหรอ...จะห้องไหนก็เหอะ กูว่าจะนอนกับไอ้จูนนะคืนนี้” เคนเอ่ยออกมาเบาๆ

       “แย่หน่อย กูก็ว่าจะนอนกับไอ้จูนเหมือนกัน พอดีไอ้โชติมันนอนกัดฟัน” ยุทธ์ตอบกลับมาก่อนจะหันไปมองหน้าของเคน
   “มึงก็รู้.............”
    
   “เออ...กูรู้....แย่หน่อยที่มีห้องแค่สองห้อง” เคนยืนกอดอกต่อหน้าของอีกฝ่ายดวงตาคมที่มองหน้าของยุทธ์นั้นมีความหมาย และเขาก็รู้ดีว่าความหมายที่สื่อออกมาในสายตาของยุทธ์นั้นคืออะไร

       “จะให้ทำยังไงล่ะ “ยุทธ์เองก็หันมามองหน้าของเคนนิ่ง

       “วิ่งสิ ใครไปถึงกล้องก่อนได้คนนั้นก็ชนะ...แล้วจะเลือกนอนห้องไหนกับใครก็ตามใจ” ถึงความเร็วของเขาจะไม่ได้มีมากขนาดจะเป็นนักกีฬากรีฑาได้แต่ก็เชื่อว่าตัวเองคงจะวิ่งได้เร็วกว่ายุทธ์เป็นแน่

       “ได้.....” ยุทธ์พยักหน้ารับคำ บนใบหน้ามีรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปากอย่างมั่นใจ
       


       “เฮ้ย เดินกล้องแล้วนะ ....ซีน 3 เทค  1 แอคชั่น!!” เสียงโชติตะโกน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2013 09:42:14 โดย goldfishpka »

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a



       ทั้งยุทธ์และเคนเหลือบมองกันเล็กน้อย ก่อนจะเบนสายตากลับไปมองจุดที่จูนถือกล้องยืนอยู่ นิ่ง และ นานจนคนที่ถือกล้องและตัวผู้กำกับเองยังรู้สึกว่าผิดปรกติ


       “นับสาม...” เคนเอ่ยขึ้นมาเบาๆ


       “หนึ่ง........”



       “สอง........”



       “สา..........เฮ้ย!!


ยังไม่ทันจะได้นับครบสามร่างเล็กของยุทธ์ชิงออกตัวไปก่อน เคนรู้สึกหัวเสียและไม่มีอะไรมากกว่าอารมณ์ฉุนเฉียวที่ผลักดันให้เขาก้าวขาวิ่งออกไปข้างหน้า พื้นทรายร้อนและยุบยวบต่างจากสนามกีฬาหรือพื้นถนนคอนกรีตที่เคยวิ่ง แต่เขาจะมัวแต่ใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆแบบนั้นไม่ได้ ระยะห่างเพียงแค่ไม่กี่สิบเมตร ช่วงขาของเขาน่าจะยาวพอจะไล่ตามยุทธ์ที่นำไปไม่กี่ก้าวได้ทัน


       ยุทธ์ไม่ได้แม้แต่จะเหลือบไปมองเขารู้แค่ว่ามียักษ์ใหญ่ที่กำลังโกรธกำลังวิ่งไล่ตามหลังมาและหน้าที่เดียวที่เขาจะต้องทำคือวิ่งหนีให้พ้นสองขาเร่งสปีดและเป้าหมายของเขานั้นก็ใกล้แค่เอื้อม มือเรียวยื่นออกไปเมื่อระยะห่างระหว่างเขาและเคนทิ้งห่างในขณะที่ระยะห่างของเขาและจุดที่ตั้งกล้องนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


       “โห....มาแล้วๆ เร็วมาก...เหวอ...หยุด ...หยุดดิ่” เสียงจูนร้องโวยเมื่อเห็นทั้งยุทธ์และเคนพุ่งตรงมา ไมได้จะเดินเลยไปเหมือนอย่างที่ถ่ายมาในหลายๆฉากก่อนหน้านั้น
   “เหวอ !!!!”  จูนร้องลั่นเมื่อยุทธ์พุ่งเข้ามาหา กล้องวิดีโอที่ถืออยู่ในมือนั้นลอยละลิ่ว

       “เฮ้ย..... “ โชติเองก็ต้องตะโกนด้วยความตกใจ เมื่อเห็นกล้องลอยขึ้นไปอยู่บนอากาศ ด้วยสัญชาตญานของผู้กำกับและเจ้าของกล้อง ร่างเล็กของโชติกระโดดรับกล้องเอาไว้ได้อย่างสวยงาม และเมื่อเงยหน้าขึ้นมาได้ก็เห็นยุทธ์ล้มใส่จูนอย่างจัง


       “โอย......จุก”


       เสียงจูนครางเบาๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมองเห็นเพียงท้องฟ้าสดของหัวหิน ภาพที่เห็นในตอนนี้ต่างจากเมื่อครู่แบบเก้าสิบองศา ก่อนที่ฟ้าสีครามจะมีเงาดำมาทาบทับใบหน้าเล็กของยุทธ์อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่นิ้ว ดวงตากลมโตนั่นมองมาด้วยความเป็นห่วงจนในใจของเด็กหนุ่มอดคิดทบทวนไม่ได้ว่าเพิ่งจะเกิดอะไรขึ้น ยุทธ์ดึงให้เขาล้มลงไปด้วยกัน มันไม่ใช่แค่การวิ่งชนเพราะหยุดไม่ทัน แต่เหมือนกับว่าอีกฝ่ายยื่นแขนมาคว้าตัวของเขาเอาไว้มากกว่า
 

       “เฮ้ย..จูน เป็นอะไรรึเปล่า พี่ขอโทษ...” ยุทธ์ว่าพลางพยุงให้จูนลุกขึ้นนั่ง

       “มะ...ไม่เป็นไรครับพี่....”จูนหันมองซ้ายขวา “แล้วกล้องล่ะ กล้อง?”

       “กล้องอยู่นี่....ปลอดภัยดี” โชติชูกล้องให้อีกฝ่ายดู เขาเปิดเช็คแล้วและภาพที่ได้ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เป็นใบหน้าของยุทธ์ที่วิ่งเข้ามาหากล้องอย่างเอาเป็นเอาตายในขณะที่มีสีหน้าผิดหวังสุดๆของ “ตัวประกอบ” ตามหลังมาติดๆ
 “เป็นไงล่ะเคน จ๋อยเลย นักกีฬาวิ่งแข่งแพ้เด็กอาร์ตเนี่ย” โชติหันไปแหย่เคน แต่สายตาที่มองกลับมานั้นทำให้ต้องร้องอุทานออกมาเบาๆ



      .....นี่ท่าจะอารมณ์เสียจริงๆวุ้ย.......



       “พวกพี่จริงจังเกินไปรึเปล่าเนี่ย?” จูนหันไปมองทั้งหน้าของเคนและหน้าของยุทธ์

       “ขอโทษ...พี่น่าจะวิ่งหลบไปอีกทาง”  ยุทธ์ว่าพลางลุกขึ้นพร้อมๆกับพยุงให้จูนลุกขึ้นตามทันใดเห็นเงาของร่างสูงมาทาบทับพร้อมกับมือแกร่งที่จับแขนอีกข้างของจูนเอาไว้มั่น

       “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เคนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ตรงกันข้ามกับแรงบีบที่ข้อแขนทำให้จูนต้องหันไปมองด้วยความไม่เข้าใจ 

         “ครับ? ไม่เป็นไรครับ...”

       “เออ ก็ดีแล้วที่ไม่เจ็บอะไร คนบางคนมันวิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือน่ะ มาเถอะ ไปช่วยไอ้โชติเก็บของกัน” 

       “ครับ.... “ถึงจะไม่เข้าใจสีหน้าและท่าทางของเคนนัก แต่เด็กหน่มจำต้องเดินตามเคนไปเพราะรู้สึกว่าโชติกำลังเก็บของอยู่คนเดียว 


       .............................................



       
       มื้อเที่ยงผ่านไปด้วยความเงียบเชียบ ไม่มีใครพูดอะไรกันมากนักอาจเป็นเพราะต่างคนต่างก็เหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไรนอกจากตักข้าวผัดหมูที่จูนกับโชติช่วยกันทำเข้าปากเคี้ยวไปอย่างเงียบๆก็เป็นได้


       “บ่ายนี้คงให้พักกันเนอะ.....”โชติสรุปเมื่อช่วยจูนล้างจานเสร็จ หันกลับมาที่ห้องนั่งเล่น เห็นทั้งเคนและยทธ์นั่งกันอยู่คนละด้านของโซฟา ท่าทางเหมือนไม่อยากจะคุยอะไรกันมากนัก ท่ามกลางความเงียบนั้นมีความตึงเครียดเล็กๆลอยอยู่ระหว่างคนทั้งสองคน


       “พวกพี่ไม่มีอะไรแล้วใช่ป่ะ.....” เสียงจูนถามขณะที่เดินออกมาจากห้องครัว เห็นท่าทางของร่นพี่ทั้งสามคนก็ได้แต่โคลงศีรษะเล็กๆ “งั้นผม...ขอไปจัดของเข้าห้องหน่อยนะ” ว่าพลางก็เดินขึ้นไปข้างบน ตอนเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเขาอาบน้ำข้างล่างยังไม่ได้ขึ้นไปดูห้องด้านบนเสียด้วยซ้ำ 


       ร่างสูงโปร่งเดินขึ้นบันไดไม้สีอ่อนขึ้นไปจนสุดปลายบันไดมีทางเดินแยกออกทั้งซ้ายและขวา บานประตูไม้สีอ่อนเรียงกันสองบาน ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามกันนั้นก็เหมือนจะมีอีกห้องที่ยุทธ์บอกว่าห้องหนุ่งเป็นห้องเก็บของ เด็กหนุ่มเดินไปเปิดประตูห้องทางด้านซ้ายของทางเดินก่อน เป็นห้องตกแต่งด้วยโทนสีฟ้าขาวดูสะอาดตา พื้นห้องเป็นพื้นไม้ มีโต๊ะหัวเตียง ตู้เสื้อผ้าและบานกระจกเล็กๆตั้งไว้พร้อมอยู่  เตียงแฝดวางคู่กัน มีผ้าปูที่นอนปูทับตึงเปรี้ยะ พอดินเข้าไปเปิดผ้าม่านและหน้าต่าง ปล่อยให้แสงจากด้านนอกสาดส่องเข้ามาก็มองเห็นต้นไม้ใหญ่ที่พวกเขาเดินผ่านมาจากทางหน้าบ้าน
พอเงี่ยหูฟังดูจะได้ยินเสียงทะเลดังแว่วมาจากที่ไกลๆ


       “โห...ห้องอย่างดี นึกว่าต้องมาปูเสื่อนอนซะแล้วเรา” จูนเดินเข้าไปสำรวจพร้อมวางกระเป๋าลงบนเตียง

       “เห็นฉันเป็นคนแบบไหนถึงจะให้พวกแกมานอนเสื่อ หะ....”  เสียงยุทธ์ดังขึ้นที่ด้านหลัง จูนหัวเราะเบาๆ 

       “ก็คนแบบนั้น ไม่ใช่เหรอฮะ” เด็กหนุ่มหันมายิ้ม

       “ถ้าชอบจะนอนห้องนี้ก็ได้ หรือจะไปดูอีกห้องก่อนก็ได้นะ” ยุทธ์ว่า “แต่ก็คล้ายๆกันนั่นล่ะ เปลี่ยนแค่สี”

       “งั้นอีกห้องสีอะไรอ่ะ” จูนถามทันควัน

       “เอ่อ.....มาดูเองก็แล้วกัน” ยุทธ์ว่าพลางเดินไปเปิดอีกห้องที่เป็นโทนสีเขียวน้ำตาลดูขรึมเป็นผู้ใหญ่พร้อมด้วยเตียงแฝดวางคู่กัน


       “ป๊าแกก็เข้าใจแต่งห้องนะ” โชติที่เดินตามขึ้นมาตอนไหนก็ไม่แน่ใจเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ทำเอายุทธ์สะดุ้งโหยง ก่อนเดินเข้าไปดูด้านในห้องสีเขียดูท่าทางเขาสนใจไม่น้อย เมื่อมองไปรอบตัวเห็นว่าเฟอร์นิเจอร์หลายๆอย่างนั้นถูกเลือกสรรค์มาเป็นอย่างดี...อาจจะเรียกได้ว่าดีเกินกว่าจะเป็นบ้านให้เช่าพักธรรมดาๆ


       “ใครว่า....พวกนี้กูแต่งเองเว้ย ดีไซน์บายยุทธ์ทั้งนั้น” พูดพลางก็ยืดอกด้วยภูมิใจกับผลงานตัวเองอยู่ไม่น้อย

       “ว่าไงจูน แกจะนอนห้องไหน” โชติว่าพลางหันไปถามจูน

       “ผมนอนห้องนั้น....”  จูนว่าพลางชี้ไปทางห้องสีฟ้าที่อยู่อีกด้าน

       “เออ งั้นพี่ก็.......” ยุทธ์กำลังจะเดินเอาของของตัวเองไปวางไว้เช่นเดียวกันแต่ยังไม่ได้ก้าวไปไหน ก็มีแรงดึง บางอย่างมาดึงกระเป๋า จากมือของเขาไป

       “มึงมานอนกับกูนี่มา....จบเรื่อง” โชติเอ่ยทำท่าคล้ายจะตัดปัญหา 

       “อ่ะ อ้าว เฮ้ยไอ้โชติ แต่เมื่อกี้กูกับไอ้เคนตก......”

       “หะ?” โชติเอียงหูมาเหมือนได้ยินไม่ถนัดหู “แกว่าอะไรนะ”

       “ปะ....เปล่า “ยุทธ์ปฏิเสธทันควัน “ไม่มีอะไร แค่จะบอกว่า กูกับไอ้เคนยังไม่ทันได้เลือกเลย”

       “ให้มึงเลือกก็กว่าจะจบวันจบเรื่อง กูเลือกให้นี่ล่ะดีละ” โชติทำเสียงเข้มไม่ได้ฟังคำทักท้วงของยุทธ์สักเท่าไรนัก

       “ว่าตามนั้น” เคนยืนยิ้มกว้างอยู่ที่บันได เขาได้ยินอะไรบางอย่างที่เขาจะอารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้างแล้ววันนี้ ร่างสูงเดินหิ้วสัมภาระของตัวเองผ่านยุทธ์ไปยังห้องนอนสีฟ้าที่จูนเข้ายึดครองห้องไปเป็นที่เรียบร้อย



....................................................to be continued

@@@talk @@@

โอ๊ะโอ๋ ดูเหมือนจะมีคนประกาศศึกกันแล้วนะคะ
ชิงนาย??
หรือใครจะชิงใคร???
ต้องคอยติดตามนะคะ

by p.k.a

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@@ talk @@@
ตอนนี้มาสั้นๆง่ายๆ ได้ใจความค่ะ ฮ่ะๆ
ลองอ่านกันดูนะคะ ....ถูกใจ ไม่ถูกใจ
ตรงไหนทิ้งคอมเม้นต์ไว้ได้นะคะ



บทที 25
-- อย่าตื่นนะลูกพ่อ--



  ไฟจากโคมไฟในห้องน้ำสว่างจ้า แต่ก็ยังเห็นแสงสว่างส่องเข้ามาจากหน้าต่างระบายอากาศ เคนนั่งนิ่งอยู่บนชักโครก เขาไม่แน่ใจนักว่าตัวเองควรจะคิดอะไรต่อไป เท่าที่รู้มีเพียงในตอนนี้หัวมองของเขามันว่างเปล่า ความง่วงงุนคืบคลานเข้ามาอีกครั้งทั้งๆที่เพิ่งจะกินข้าวเที่ยงไปเมื่อไม่นาน


           “นี่กูท่าจะเป็นเอามากจริงๆ.....”  เคนพึมพำ


เขารู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะกระทำลง ทั้งที่คิดว่าจะรอได้และคงจะห้ามใจห้ามร่างกายตัวเองเอาไว้ให้อยู่ เขามองไปที่ประตูห้องน้ำยังไม่แน่ใจนักว่าจะเปิดประตูออกไปตอนไหนดี แต่ที่แน่ๆคงยังไม่พร้อมจะเปิดประตูออกไปเจอเพื่อนร่วมห้องของตัวเองในตอนนี้


   ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า....



    จูนขนกระเป๋าเข้าไปในห้องนอนแล้ว เคนเองก็เดินถือกระเป๋าตามมาหยุดที่หน้าประตู เตียงแฝดวางเคียงคู่กันอยู่กลางห้อง จึงตัดสินใจเอ่ยถามออกไปว่ารุ่นน้องของเขาจะนอนเตียงไหน


       “จะนอนไหน...ซ้าย ชวา...” เคนว่าพลางชี้ไปทางเตียงที้งสอง


       “อืม......เอาไงดีล่ะ “จูนดูนึกไม่ออก เขาชอบที่จะนอนใกล้หน้าต่างแต่ก็อยากรู้ความเห็นของคนที่จะนอนด้วยคินนี้ “พี่ล่ะจะนอนไหน?”


   “เตียงไหนก็ได้ หรือ....เอางี้ไหม เอาเตียงมาติดกันแล้วนอนด้วยกัน” เคนแหย่พลางเดินเข้าไปใกล้


       “อืม ก็ดีนะ.....พี่จะบ้าเหรอ ไม่เอาหรอก เอ้อ...พูดอะไรแปลกๆ “จูนประชดทั้งๆที่ใบหน้าร้อนผ่าว “ผมเอาเตียงนี้ละกัน” ว่าพลางก็วางกระเป๋าจองเตียงด้านขวาติดริมหน้าต่าง ดึงเสื้อผ้าของตัวเองออกมาจากกระเป๋า เสื้อผ้าที่จะใช้ในการแสดงเองก็เอาออกมาวางไว้เช่นเดียวกัน


       “จะรีดเลยเหรอ...” เคนวางกระเป๋าลงบนเตียงฝั่งที่เขาไม่ได้เลือก


       “ยังหรอก หมดแรงละ” จูนทิ้งตัวลงนั่งกับปลายเตียงอย่างหมดแรง “แค่เอาออกมาวางไว้เฉยๆจะได้รู้ว่าจะใช้อะไรตอนไหนน่ะ” ว่าพลางก็เปิดกระเป๋าเอาเสื้อผ้าที่จะใช้ในการถ่ายทำไปไว้อีกด้านหนึ่งของพื้นห้อง ในขณะที่เสื้อผ้าของตัวเองก็เอาไปแขวนใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้า


       “ก็น่าจะหมดแรงหรอก ยืนกันกลางแดดแปรี้ยงๆขนาดนั้น....ไม่เป็นลมแดดตายกันก็บุญแล้ว...”เคนหัวเราะเบาๆพลางยกแขนยืดตัวขึ้นพยายามจะบิดตัวเพื่อให้คลายความปวดเมื่อยแต่กลับกลายเป็นว่าความปวดยิ่งแล่นลามมากกว่าเดิมจนเคนคิดว่าเอนหลังลงไปนอนกับเตียงน่าจะดีกว่า


       “โอย ไม่ไหวว่ะ ปวดหลังจริงๆ “


       “พี่เคนเป็นอะไร ปวดหลังเหรอ”  จูนที่กำลังนั่งพับผ้าอยู่หันมาถามด้วยความสงสัย


       “อืม...เหนื่อยด้วย เมื่อยด้วย วิ่งกันเมื่อกี้ก็ไม่ได้วอร์ม....โอย....” แต่แทนที่จะได้รับคำปลอบใจกลับได้ยินเสียงจูนหัวเราะเบาๆ “หัวเราะไรวะ”


       “หัวเราะพี่นั่นล่ะ บ่นเป็นตาแก่.....”


       “หนอย คำก็แก่สองคำก็แก่นะไอ้ตัวแสบ มันน่านัก... “ไม่พูดเปล่าทำท่าจะลุกขึ้นมาขย้ำคอจูนจริงๆ แต่ก็ต้องลงไปนอนอีกรอบ “โอย...ไม่ไหว...ปวดหลังชิบหาย....”


       “นวดให้ไหมล่ะ” อยู่ๆจูนก็นึกสนุกเสนอตัวขึ้นมาพร้อมลุกขึ้นเดินมาหยุดที่ข้างเตียงของเคน ทำมือขยับคล้ายจะขยำอะไรบางอย่าง ทำเอาเคนยิ้มแหยๆ พลางโบกมือปฏิเสธ


       “เหอ...ไม่ดีกว่า แม่งท่า พิลึกนวดเป็นจริงรึเปล่าเนี่ย”


       “เอาน่า... นวดเป็นนวดไม่เป็น เวลาอยู่บ้านก็นวดให้แม่ตลอดอ่ะ...แม่ยังชมเลยว่านวดเก่ง” มือเรียวส่งมาให้อีกฝ่ายจับเอาไว้ “เอ้าลุก นั่งดีๆจะนวดให้”  เด็กหนุ่มดูจริงจังจนเคนต้องยอมทำตามอย่างช่วยไม่ได้ เคนขยับลุกขึ้นนั่งกับเตียง


       “ถอดเสื้อด้วย” จูนออกคำสั่ง


        “หะ...ต้องถอดด้วย? “เคนทำท่าเหมือนจูนจะมาลวนลามตัวเองอย่างไรอย่างนั้น


       “อื้ม ไม่เคยเห็นเหรอ ตามแบบสปาไง” จูนตอบหน้าตาเฉย ทำเอาอีกฝ่ายขมวดคิ้ว


       “แล้วแกเคยไปสปาเหรอ”


       “ไม่อ่ะ จูนยักไหล่....เอาน่าจะได้กดได้ถูกจุดไง ถอดๆๆ” จูนยังตื้อไม่เลิก จนเคนต้องยอมตลบชายเสื้อยืดออกไปให้พ้นตัวเผยให้เห็นแผ่นอกกว้าง แต่จูนก็ไม่ได้สนใจจะมองเพราะเด็กหนุ่มมัวแต่หันไปหยิบยาหม่องออกมาจากกระเป๋า


       “ของแบบนี้ก็ยังเอามาด้วย?” เคนเลิกคิ้ว


       “พวกพี่น่ะ เล่นกันแรงจะตายจะพลาดรึเปล่าก็ไม่รู้....หัวปูดขึ้นมาจะได้มีไว้ทาถู ทาถูกไง” จูนเอ่ยพลางขยับนิ้วคล้ายจะบอกให้อีกฝ่ายหันหลัง


      เคนได้ยินเสียงผ้าปูที่นอนดังสวบเมื่อเด็กหนุ่มขยับลงนั่งซ้อนที่ด้านหลัง รู้สึกได้ถึงมือเรียวที่ค่อยๆวางลงบนไหล่ก่อนจะมีแรงกดส่งผ่านจากปลายนิ้วมานวดคลึงบนไหล่ไล่เรื่อยขึ้นไปที่ต้นคอ ค่อยๆเฟ้นไปทีละจุด เมื่อสูดลมหายใจเข้าลึกได้กลิ่นของยาหม่องที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากเลยทีเดียว


        “โห....เส้นแข็งไปไหนเนี่ย....” จูนบ่นเบาๆ เสียงนุ่มที่ดังอยู่ข้างหูทำเอาเคนขนลุกเผลอเกร็งไหล่ขึ้นมาอีก
       

     “นี่พี่จะเกร็งทำไมเนี่ย” ไม่พูดเปล่าจูนตีไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆ
       

     “ขอโทษๆ ทำไมดุจังวะ...”
    

       “ก็ดื้อเองนี่นา....” จูนพูดขึ้นเบาๆก่อนจะกดปลายนิ้วให้แรงขึ้นอีก ได้ยินเสียงซูดริมฝีปากเบาๆจากรุ่นพี่ร่างสูง
     “ถ้าดื้อฝืนล่ะก็มันจะเจ็บหนักกว่านี้นะรู้รึเปล่า”
       

      “อ่ะ....อื้ม” คำพูดหยอกเย้าของจูนนั้นทำให้เคนรู้สึกแปลกๆ ในอก แต่กระนั้นเคนก็ยังพยายามจะนั่งให้ผ่อนคลายที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชายหนุ่มหลับตาลงรู้สึกถึงปลายนิ้วของจูนที่ค่อยๆนวดเฟ้นจากต้นคอไล้ลงมาที่สองไหล่ ไล่เรื่อยลงมาถึงกลางหลัง จนเมื่อจูนกดลงมาโดนจุดที่เขากำลังปวดสุดๆก็ต้องร้องครางออกมาอย่างช่วยไม่ได้
       

    “อืม......ตรงนั่นล่ะ....ดีจัง....” 
       

       “ดีใช่ไหมล่ะ....ชอบแบบนี้ล่ะสิ” แม้ถ้อยคำจะฟังดูแปลกไปเสียหน่อย แต่เขาชอบที่จะนวดให้กับคนอื่นเพราะอีกฝ่ายจะมีปฏิกริยาคล้ายๆกันแบบนี้ ไหล่ห่อเกร็งก่อนจะค่อยผ่อนคลาย เสียงสูดริมฝีปากเบาๆ ปนกับเสียงคราง
       
 
      “อ่ะ...อื้ม ดีตรงนั้นล่ะ กดแรงอีกหน่อยได้ไหม” 
       

     ได้ยินเสียงเคนร้องขอแบบนั้นคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังก็ยิ้มน้อยๆที่มุมปาก เคนที่ดูเปป็นหนุ่มนักกีฬาร่างกายแข็งแรงทำอะไรบ้าๆห่ามๆอยู่ตลอดกลับร้องขอเบาๆแบบนั้นน่าขันอยู่ใช่ย่อย สองมือเลื่อนลงมาตามผิวเนื้อของร่างแกร่ง สัมผัสใต้ฝ่ามือนั้นเริ่มร้อนกล้ามเนื้อแข็งแรงที่อยู่ตรงหน้าเริ่มคลายตัว
       

     “ดีป่ะ พี่ เห็นไหมผมบอกแล้วว่าผมเก่ง...” จูนชะโงกหน้าข้ามไหล่ของอีกฝ่ายไม่มองหน้าของเคน แต่ดูเหมือนว่าเคนจะไม่ได้ตั้งใจฟังแล้ว ดวงตาคมปิดสนิทริมฝีปากเผยอน้อยๆ เสียงสูดลมหายใจเข้าริมฝีปากดังแผ่วๆ
จูนค่อยไล่นิ้วกดลงไปเบาๆให้อีกฝ่ายผ่อนคลายให้ได้มากที่สุดซึ่งก็เป็นเช่นนั้น
       
   
     เคนชอบสัมผัสจากปลายนิ้วของจูน เขารู้สึกดีทุกครั้งทั้งตอนที่จูนแต่งหน้าให้ ในช่วงเวลานั้นปลายนิ้วของจูนจะแผ่วเบานุ่มนวลพอๆกับฟองน้ำที่แตะลงบนผิวแต่รู้สึกอ่อนโยนกว่านั้น และในตอนนี้ปลายนิ้วของจูนกลับแข็งแรงและให้สัมผัสอุ่นจนแทบจะเรียกได้ว่าร้อน แต่นั่นกลับทำให้รู้สึกผ่อนคลายและวางใจได้อย่างน่าหลาด หัวใจของเขากำลังเต้นโครมครามอยู่ในอกเพราะสัมผัสนั้น ได้ยินเสียงนุ่มของเด็กหนุ่มที่คอยไต่ถามและนั่นมันทำให้รู้สึก.......บางอย่าง
       
     “อ่ะ........” จู่ๆเคนก็สะดุ้งขึ้นสุดตัว จนคนที่กำลังเพลิดเพลินกับการนวดเฟ้นผิวกายของรุ่นพี่ร่างสูงก็ต้องสะดุ้งไปตามๆกัน
 
      
     “พี่เคน?....เป็นอะไร”  จูนชะโงกหน้ามาดูหน้าของเคนแต่รุ่นพี่กลับขยับหนี       

       
    “ป่ะ....เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร” มือใหญ่ของเคนยกขึ้นห้ามไม่ให้จูนขยับเข้ามาใกล้ไปมากกว่านี้ ในขณะที่มือแกร่งอีกข้างก็คว้าหมอนใบใหญ่มากอดเอาไว้


       “จะไม่เป็นอะไรได้ไง หน้าแดงด้วย ร้อนเหรอ...ห้องก็เปิดแอร์นี่ แล้วหลังไม่ปวดแล้วเหรอ”จูนขมวดคิ้วไม่ค่อยเข้าใจท่าทางของเคนนัก


       “เปล๊า ไม่ได้ร้อนแค่แกไม่ต้องนวดแล้ว พี่หายแล้ว...เอ้ย ได้ยินป่ะ เสียงไอ้ยุทธ์เรียกแน่ะ”  เคนปฏิเสธเสียงสูง


       “ห่ะ? พี่พูดอะไร ผมไม่เห็นได้ยินอะไรเลย” จูนหันไปทางประตูห้องนอนที่ปิดอยู่ แตก็ไม่ได้รู้สึกว่าได้ยินเสียงใครเรียกเขาเลยแม้แต่น้อย


       “เออน่า....ไอ้ยุทธ์มันเรียก แกลงไปหามันไป”เคนพูดตัดบทพลางลุกขึ้น มือแกร่งข้างหนึ่งจับแขนของจูนไว้แน่นกึ่งลากกึ่งกระชากให้อีกฝ่ายเดินออกจากห้องไป


       “อะ...อะไรกันเล่า ผมนวดไม่ดีเหรอ พี่เคน เดี๋ยวสิ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย” เด็กหนุ่มเองก็พยายามยื้อเขาแค่ต้องการคำอธิบายเท่านั้น ...นี่เขานวดให้อีกฝ่ายไม่ดีหรือยังไงจึงได้ทำท่าทีคล้ายกับโกรธเขามากขนาดนี้


        “เออน่า ลงไปหาไอ้ยุทธ์ ไปเล่นกับไอ้ยุทธ์ไอ้โชติมันก่อนไปเดี๋ยวพี่ตามลงไป “ เคนกัดฟันแน่นพลางดันเด็กหนุ่มออกไปจากห้องทั้งๆยังถือหมอนบังส่วนกลางลำตัวเอาไว้ไม่ปล่อย



      ปึง !!



       “เอ้อ อะไรของเขา” จูนได้แต่เกาหัวแกรก ก่อนจะเดินลงมาตามบันได เห็นยุทธ์กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ตรงโซฟาสีเขียวที่ห้องนั่งเล่น จึงเดินเข้าไปหา “พี่ยุทธ์เรียกผมเหรอ?”


       “เปล่านี่....มีอะไร?”  ยุทธ์เลิกคิ้ว มือยื่นถุงขนมให้กับจูน “กินไหม?”


       “อ่ะ ก็เมื่อกี้พี่เคนบอกว่า.....พี่เรียกผม?”


       “เรียก?.....”ยุทธ์เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ก่อนจะเหลือบมองขึ้นไปตามบันได “แล้วเมื่อกี้อยู่ข้างบนทำอะไรกัน? “


       “ไม่มีอะไรฮะ ก็แค่จัดของกัน แล้วพี่เคนเขาบอกว่าเหนื่อยๆ แล้วก็เมื่อยๆเลยนวดให้ แล้วเป็นไงมาไงก็ไม่รู้พี่เขาก็ไล่มาเนี่ย”  จูนทำปากยื่นแล้วนั่งลงข้างๆยุทธ์อย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก มือเรียวหยิบขนมเข้าปากมาเคี้ยวตุ้ยๆ “อะไรของเขาก็ไม่รู้”  ตรงกันข้ามกับยุทธ์ที่เหมอนจะปะติดปะต่ออะไรบางอย่างได้


       “อืม...เข้าใจๆ “ ยุทธ์หัวเราะออกมาเบาๆ มือเรียวยกขึ้นขยี้หัวของจูนเบาๆ



      .....จูนเอ้ย เมื่อไรจะประสีประสาให้มันเหมือนคนอายุเท่าๆกันสักทีวะ....



        “ว่าแต่พี่โชติอ่ะ....” จูนถามพลางหันมองซ้ายขวา


       “จัดของเสร็จก็เห็นว่าอยากไปถ่ายบรรยากาศแถวนี้น่ะ เลยเอามอเตอร์ไซค์ออกไปซิ่งน่ะ”


       “อ้อ..... “


       “ดูทีวีกันดีกว่าเรา เดี๋ยวพวกมันกลับมาเป็นผู้เป็นคนกันเมื่อไรก็มากันเองล่ะ”



          เป็นคำพูดที่ฟังดูแปลกหู แต่ถึงจะไม่เข้าใจนักแต่จูนก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไป เขาจึงทำตามที่ยุทธ์ว่า เด็กหนุ่มหยิบหมอนอิงแถวนั้นมากอดแล้วหันไปสนใจกับรายการโทรทัศน์ที่ยุทธ์กำลังดูอยู่



    ..............................................




ในขณะเดียวกัน



       “เฮ้อ......” เคนถอนหายใจยาว เมื่อในที่สุดก็ดันจูนออกไปจากห้องจนได้


     ร่างสูงทรุดลงนั่งกับพื้นห้อง หมอนใบใหญ่ตกลงข้างลำตัว ในร่างกายของเขากำลังเกิดความร้อนรุ่มบางอย่างที่ในตอนนี้ยากจะสกัดกลั้น  และเมื่อก้มลงมาตรงกลางลำตัวของตัวเองเคนก็ต้องเอาหลังศีรษะโขกกับประตูอย่างแรง เขาเพิ่งจะพ่ายแพ้ แพ้ต่อธรรมชาติที่บางครั้งบางทีก็ยากนักที่จะเข้าใจได้ของร่างกายมนุษย์นั้นเรียกร้อง เคนจำต้องพาตัวเองเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับความรู้สึกผิด เขาไม่ควรจะรู้สึกเช่นนี้ในตอนนี้ ถ้าจูนรู้เข้าคงไม่ยอมมองหน้าเขาอีกเป็นแน่ เขาคงถูกหาว่าเป็นไอ้หื่นที่ไม่รู้จักระงับอารมณ์ใดๆ ทั้งๆที่จูนก็เพิ่งจะวางใจให้เขาอยู่ใกล้ได้แล้วแท้ๆ


         “โอ้ย....ลูกพ่อ ทั้งๆที่เหนื่อยแทบตายขนาดนี้แล้วแกจะแรงดีจะมาตื่นอะไรเวลานี้วะ เจ้าเคนน้อย!!”


......................................... to be continued



@@ talk 2 @@
หมีเคน สงบสติอารมณ์หน่อยยยย น้องมันไม่รู้เรื่องงงงง :laugh:

ออฟไลน์ shiawase

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
กุรี้ดดดดดดด  หมีหื่นนนนนนนนนน น้องจับนิดจับหน่อยทำเป็นบอบบางของขึ้น!! ชิส์!!

ถ้าจูนแกล้ง(โดยไม่ตั้งใจ)บ่อยหมีควายจะขาดใจตายก่อนมั้ยน้อ~~

ปล. พี่ยุทธ์สบโอกาสแล้ว ทำแต้มโล้ดดดดดดดดด

asarigb

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ด~~~~~~  :haun4:
เดี๊ยนอยากเห็นเคนน้อยเต็มๆจัง :hao3: (โรคจิต!)
นี่มันอะไรกันคะพี่เคน น้องมันแค่นวด(ยังไม่ได้ยั่ว) พี่ก็ตื่นซะแล้ว :katai2-1:
เป็นหลักฐานที่ดีมากว่าตอนนี้คิดไปไกลกับน้องจูนขนาดไหนแล้ว หุหุหุ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






asarigb

  • บุคคลทั่วไป
วาดมาให้ค่าาา :impress2:
น้องจูนงง "พี่เคนเป็นไรอ่ะ"
"ปะ...เปล่า"
เปล่าไดไงว่ะ เกร็งทั้งตัวเลย -*-

[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
-26 -
พี่ยุทธ์



         “พี่เคนหายไปเลยแฮะ หลับคร่อกไปแล้วมั้งป่านนี้...พี่โชติก็ไม่เห็นกลับมาสักที”  จูนเอ่ยขึ้นหลังจากดูหนังกับยุทธ์มาได้พักใหญ่เป็นหนังฝรั่งแนวสืบสวนพล็อตเรื่องซับซ้อนถึงจะไม่ได้รู้สึกถูกใจนักแต่ก็ไม่รู้จะดูอะไรจึงได้แต่นั่งดูกับยุทธ์ไปเงียบๆ
    
      “จะไปรู้เหรอ...เฮ้อ หนังก็งง....ง่วงด้วย ขอยืมตักหน่อยได้ไหม” โดยไม่ได้รอคำตอบยุทธ์ขยับเข้ามายืมตักของจูนต่างหมอนอีกครั้ง
    
      “ฮ่ะๆ จนได้อ่ะพี่ยุทธ์ ถามจริงนอนตักผู้ชายมันมีอะไรดี” จูนหัวเราะออกมาเบาๆยุทธ์มักยืมตักเขาหนุนนอนแทนหมอนอยู่เสมอ
    
      “เฮ่ย ไม่ได้เที่ยวนอนตักทุกคนสักหน่อย ตักแกต่างหาก” คำพูดในตอนท้ายนั้นทำให้หมอนจำเป็นอย่างจูนต้องหัวเราะแห้งๆ เพราะไม่เพียงแค่คำพูดเท่านั้นแต่กลับเป็นสายตาของอีกฝ่ายที่มองมาด้วย
 
         “หะ...พี่ก็พูดแปลกๆ...”
       
       “จริง...ก็มันสูงกำลังดีนี่หว่า ไม่นิ่มไม่แข็งไป นอนสบายออก”ชายหนุ่มร่างเล็กว่าพลางหลับตา “นอนล่ะ”
    
       “ครับๆ อยากนอนก็นอนไปเหอะ”จูนไม่ได้ว่าอะไร นึกสนุกก็ยกมือขึ้นลูบผมก็อีกฝ่ายเบาๆ “จะให้ร้องเพลงอะไรกล่อมไหมล่ะ” เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นกับสัมผัสเบาๆบนเส้นผมทำให้ยุทธ์ลืมตาขึ้นมอง ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยช้ำจางๆที่ท่อนแขนของหนุ่มรุ่นน้อง
    
       “นี่ไปโดนอะไรมา...” มือเรียวจับแขนของจูนให้อยู่นิ่งๆเพื่อจะดูให้ถนัดตา
    
       “ไหน อ่ะ ....คงตอนล้มที่หาดล่ะมั้ง”จูนเองก็พลิกแขนมองเห็นรอยช้ำจางๆอยู่ที่แขน ของตัวเองเขานึกทบทวนเล็กน้อยก่อนจะตอบไป
   
          “เจ็บไหม...ต้องทำแผลรึเปล่า?”
    
        “ไม่นะ ไม่รู้สึกด้วยซ้ำ ถ้าพี่ไม่ทักผมก็ไม่รู้ตัวหรอก” จูนยิ้ม
    

          “.......ขอโทษนะ ที่เล่นอะไรแบบนั้น แกเลยเจ็บตัวเลย” รุ่นพี่ร่างเล็กเอ่ยสีหน้าที่มักเปื้อนรอยยิ้มกวนๆ ดูเศร้าด้วยรู้สึกผิด
         “งั้น.....เป่าเพี้ยงหาย”


         ไม่ทันขาดคำยุทธ์จับแขนของเด็กหนุ่มมาเป่าลมใส่เบาๆ ลมร้อนที่สัมผัสแผ่วผ่านบนผิวเนื้อทำเอารู้สึกจักกระจี้อย่างบอกไม่ถูก เด็กหนุ่มดึงแขนของตัวเองออกช้าๆ ได้ยินเสียงบ่นพึมพำว่า ทำไมชอบแกล้งเขากันนักหนา พาลทำให้ยุทธ์นึกถึงคำพูดของใครบางคนขึ้นมา

    ‘.....แกล้งกูเนี่ย....มึงสนุกนักใช่ไหม ไอ้โชติ.....’


    เขาเอ่ยถามเมื่อเดินเข้าไปในห้องนอนสีเขียว มองดูด้านหลังของเคนช่างแกล้งอย่างโชติด้วยความไม่พอใจสักเท่าไรนัก


   ‘ให้พูดตามตรงป่ะ.....’  โชติหันกลับมามองพร้อมรอยยิ้ม ‘สนุกมาก’

    ‘เหอะ...’  ยุทธ์ทำเสียงขึ้นจมูกเล็กน้อยก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงในห้องที่เขาไม่ได้เป็นคนเลือก และที่น่ารำคาญใจยิ่งกว่าคือทั้งๆที่เขาเป็นคน “ชนะ” กลับมีคนอื่นมาแย่งที่ของเขาไป
    
‘ชีวิตเศร้าแท้กูเจอหมีควายโกงไม่พอ ยังเจอคนใจร้ายแกล้งอีก’ ยุทธ์ตัดพ้อโชคชะตาของตัวเองเบาๆก่อนจะหันมามองหน้าของโชติ ‘มึงมันใจร้าย’

    ‘แต่ภาพมันฟ้องว่ามึงโกงไอ้เคนมันนก่อนนะ ...’ ไม่พูดเปล่าโชติเปิดคลิปที่จูนถ่ายไว้มายื่นให้ดู ยุทธ์มองค้อนตาเขียว

    ‘ ไอ้โหดร้าย....’

    ‘ลองถามตัวเองดูก่อนเถอะว่าใครโหดร้ายกว่ากัน..... รู้ทั้งรู้แท้ๆ’ เสียงโชติตอบกลับมาด้วยโทนเสียงที่แตกต่างจากคำพูดก่อนหน้าที่เจือด้วยอารมณ์ขัน ยุทธ์หยุดเขาสูดลมหายใจเข้าลึก รู้อยู่แล้วอีกอีกฝ่ายคงจะต้องพูดอย่างนี้

    ‘เออ กูมันเลือดเย็น โหดร้าย...แต่ถ้ามึงรับไม่ได้ ก็เงียบไปซะไม่ต้องมาพูดประชดกันแบบนี้....มันไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้นมาหรอก “ร่างเล็กลุกขึ้นมามองหน้าของโชติ สายตาของยุทธ์นั้นบ่งบอกความรู้สึกภายในใจได้ดี

    “................................เออ”  โชติรับคำห้วนๆ ก่อนจะเงียบไป เขาก้มลงมองกล้องวิดีโอที่อยู่ในมือ

    “เดี๋ยวกูออกไปข้างนอกนะ จะไปเก็บภาพนิ่งในเมืองสักหน่อย...ยืมมอไซต์น้าพรหน่อยละกัน กุญแจอยู่บนโต๊ะใช่ป่ะ” เพื่อนผมฟูหันมาถาม

    “เออ..... “ ยุทธ์รับคำอย่างไม่ใส่ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของโชติดังออกนอกประตูไป



    ...............................................



     “ พี่ยุทธ์? หลับไปแล้วเหรอ ”เสียงนุ่มของจูนดังขึ้นเบาๆ เรียกให้ยุทธ์ตื่นจากภวังค์

    “หืม....ไม่นี่ ยังไม่หลับ มีอะไรเหรอ”ยุทธ์เหลือบขึ้นมองใบหน้าของเจ้าของตักที่เขายืมใช้ต่างหมอน

    “เห็นพี่เหม่อ...ทำหน้าเครียดด้วย เลยสงสัยอ่ะ เป็นไรมากป่ะ” จูนถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

    “ไม่นี่....ฮ่ะๆ”ยุทธ์หัวเราะเห็นฟันขาวเหมือนทุกที ก่อนจะยื่นมือไปจิ้มแก้มของจูนด้วยปลายนิ้ว  “ทำหน้าแบบเนี้ยะ รู้เปล่าว่ามันน่ารักน่ะ”

    “หะ? “ จูนเลิกคิ้ว เขาคงได้ยินอะไรผิดไป “พี่ว่าอะไรนะ”
 
    “บอกว่าดูน่ารัก” ยุทธ์ย้ำคำที่พูดด้วยท่าทีสบายๆมีรอยยิ้มเปื้อนน้อยๆบนใบหน้า

    “ฮ่ะๆ ตลกละ อย่างพี่ต่างหากเรียกว่าน่ารัก” จูนยิ้มเขินๆ  ก่อนจะหันไปมองวิวของสวนนอกประตูกระจก “อย่างผมจะไปมีออะไร หน้าตาก็งั้นๆ ความสามารถอะไรก็ไม่มี ไม่เห็นมีอะไรดีเด่นเล้ย”  จูนพูดพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ 


     .... ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพี่เคนมันเอาอะไรตรงไหนคิด...
    ...ถึงได้เป็นแบบนี้....



    “ไม่เอาน่า จูน” ยุทธ์ทำเสียงคล้ายรำคาญเล็กๆ พลางลุกขึ้นมามองหน้าของอีกฝ่าย “แกเป็นหนุ่มหน้าตาดีสไตล์ญี่ปุ่นเกาหลีพิมพ์นิยมขนาดนี้ เป็นเด็กดีพี่หลอกอะไรก็เชื่อแบบนี้ใครจะไม่ชอบ” 


    “.....เดี๋ยวนะ เมื่อกี้พี่จะชมหรือพี่จะด่าผมวะ” จูนนิ่งคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะถามกลับ


    “ก็ชมสิ...”ยุทธ์สบตาของเด็กหนุ่ม “รู้อะไรไหม แกต้องพูดถึงเรื่อ่งดีๆของตัวเองบ้าง แล้วก็หัดรับคำชมจากชาวบ้านบ้าง เพราะคนเรามักจะมองเห็นตัวเองคนละแบบกับที่คนอื่นมอง” สองมือยกขึ้นจับไหล่ของเด็กหนุ่มเอาไว้มั่น ดวงตากลมโตนั่นมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เขาร฿ดีว่าอีกฝ่ายคงจะไม่เข้าใจ



    “....เพราะบางที เขาอาจจะมองแกในแบบที่แกไม่เคยรู้เลยก็ได้....”



    “พี่นี่ชอบพูดให้กำลังใจผมจังเลย ขอบคุณครับ” จูนรู้สึกคล้ายมีความร้อนวูบวิ่งแล่นมาจับที่ใบหน้า “ผิดกับผู้สูงอายุบางคนเนอะ”ว่าพลางจูนก็เหลือบมองไปทางบันได

    “เจอเคนแกล้งบ่อยหรือไงเรา....” ยุทธ์หัวเราะมือเรียวยกขึ้นขยี้ผมของจูนเบาๆ น้องเล็กของชมรมดูอึกอัก

    “ก็...ไม่เชิง...แต่ผมว่าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็ทำใจชินมาสักพักละ” จูนตอบแต่กลับหลุบสายตาลงต่ำ



   ....จะเว้นก็แต่ไอ้พฤติกรรมที่มันเป็นอยู่ตอนนี้ที่ไม่ค่อยชินเท่าไร....


    ท่าทางของคนตรงหน้า กับสิ่งที่เห็นเมื่อคืนยิ่งทำให้ยุทธ์รู้สึกกังวล ชายหนุ่มร่างเล็กเอียงหน้าเข้าไปใกล้เพื่อที่จะมองหน้าของอีกฝ่ายให้ถนัดตายิ่งขึ้น


    “จูน...ถ้ามีใครแกล้งแกอีก มาบอกพี่ก็ได้นะ ”

    “พี่จะไปเคลียร์ให้รึไง” จูนเลิกคิ้ว อดไม่ได้ที่จะขำ เพราะยุทธ์ดูไม่น่าจะไปใช้กำลังกับใครได้เลย

    “อืม “หนุ่มรุ่นพี่พยักหน้าลงทันที  “ไม่อยากเห็นใครบางคนมานั่งปาดน้ำตาป้อยๆไปแดกเหล้าฟรีไปแบบนั้นอีกแล้วนี่หว่า” ท่าทางที่พูดประโยคนั้นออกมาชายหนุ่มร่างเล็กดูเขินอยู่ไม่น้อย


ได้ยินรุ่นพี่พูดแบบนั้นจูนก็ยิ้มออกมา มือของยุทธ์ไม่ใช่มือท่ใหญ่เท่ากับมือของเคน ไม่ใช่มือที่อุ่นจนร้อนแบบมือของเคน แต่ตรงกันข้าทกลับทำให้เขารู้สึกสงบไปพร้อมๆกับถ้อยคำที่อ่อนโยนนั่นทุกครั้ง


    “แบบนี้ถึงได้บอกไงล่ะว่า...พี่น่ารัก” จูนยิ้มพลางยกมือขึ้นตบหน้าอีกฝ่ายเบาๆอย่างนึกสนุก จนเมื่อสบตาของยุทธ์ที่มองมา ดวงตานั้นเป็นประกายรับกับแสงแดดยามบ่ายที่สาดเข้ามาทางผนังกระจกบานใหญ่

    “อ่ะ...ขอโทษ ลามปามอีกแล้ว” เด็กหนุ่มว่าพลางจะชักมือกลับ แต่กลับต้องชะงักเมื่อยุทธ์จับมือของเขาเอาไว้ให้แตะลงไปทีแก้มอีกครั้ง


    “น่ารัก?....ก็ถ้ามีคนมารักบ้างคงไม่ต้องโสดแบบนี้หรอกมั้ง” 

    ทันใดหัวใจของเด็กหนุ่มพาลเต้นโครมครามขึ้นมาจนไม่อาจจะห้ามเอาไว้ได้จูนคงถอยไปจนสุดขอบโซฟาเป็นแน่หากไม่มีมือของยุทธ์ที่ยังยึดมือของเขาเอาไว้อยู่อย่างนี้



.....................................................to be continued

ออฟไลน์ shiawase

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
โอ้ยตายแล้ววววววววววววววว  พี่ยุทธ์แอทแทคเปา~~~~~

อย่าปลอบจูนแบบนี้บ่อยมากนะพี่ยุทธ์   คือตอนนี้แบบว่าใจเต้นระรัวตามน้องจูนไปแล้ว  or

ประเด็นพี่โชติพี่ยุทธ์นี่มันยังไงกันนนนนนนน  ตกลงอะไรกันไว้หนะพี่ๆ!!!!

ปล. ถ้าเปาบอกรักพี่ยุทธ์  พี่ยุทธ์จะโอเคมั้ย???  โคตรจะตรงสเป็กเลย ฮือออออออออ อยากได้แบบพี่ยุทธ์~~

asarigb

  • บุคคลทั่วไป
พี่ยุทธ์ทำแต้มสุดอ่าาาา อะไรกัน ไอ้ความน่ารักน่าหยิกของพี่เนี่ย o18
แต่เดี๊ยนรู้สึกว่า เนี่ยคือคำสารภาพรัก
"เป็นเด็กดีพี่หลอกอะไรก็เชื่อแบบนี้ใครจะไม่ชอบ"
ชอบ บอกว่าชอบไปแล้ววววว กรี๊ดดด :hao7: หมายความว่าไงคะ!
แล้วที่พี่โชติบอกพี่ยุทธ์ใจร้าย เหมือนคำพูดนั้นมีอะไรแอบแฝง  :ling2:
จริงๆแล้วพี่โชติต้องชอบพี่ยุทธ์อยู่แน่ๆ :katai4:

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
@@ talk @@
งานยุ่งมาก จนไม่ได้แต่งต่อมานาน คิดไม่ออกมุกตัน  :ling1:
แต่สุดท้าย ก็เข็นออกมาจนได้ ไปอ่านกันต่อเลยนะคะ

27
อดทน



   “น่ารัก?....ก็ถ้ามีคนมารักบ้างคงไม่ต้องโสดแบบนี้หรอกมั้ง” 


    ทันใดหัวใจของเด็กหนุ่มพาลเต้นโครมครามขึ้นมาจนไม่อาจจะห้ามเอาไว้ได้จูนคงถอยไปจนสุดขอบโซฟาเป็นแน่หากไม่มีมือของยุทธ์ที่ยังยึดมือของเขาเอาไว้อยู่อย่างนี้""""

 ............................................



    “ฮ่ะๆ...”หลังจากที่นิ่งอยู่หลายอึดใจจูนเค้นเสียงหัวเราะแห้งๆออกมา  “ไม่เชื่อหรอก อย่างพี่ยุทธ์เนี่ยนะจะโสด สาวๆเพียบแต่ไม่เคยเอามาโชว์ล่ะสิไม่ว่า “จูนรีบดึงมือออก เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงชีพจรที่เต้นอยู่ใต้ผิวเนื้อ ยุทธ์หัวเราะพลางยักไหล่น้อยๆ

“ไอ้มีมันก็มี แต่...เราก็ไม่อยากจะถูกใครมาผูกมัดเอาไว้ใช่ไหมล่ะ”

“ก็หมายความว่า มีอยู่แล้วแต่ไม่อยากได้คนนี้ อยากได้คนอื่นงั้นเหรอ” จูนขมวดคิ้วเล็กน้อยน้ำเสียงที่เขาถามออกไปสั่นเล็กๆ เขาไม่แน่ใจนักว่าเขารู้สึกอย่างไรกับแนวความคิดแบบนี้ อันที่จริงเขากับยุทธ์ไม่ค่อยได้คุยกันในหัวข้อสนทนาแบบนี้สักเท่าไรนัก

“ขมวดคิ้วอีกละ....ซีเรียสไปรึเปล่า” เห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วยุทธ์ยื่นหน้าเข้าไปพลางใช้นิ้วจิ้มที่หัวคิ้วของเด็กหนุ่มเบาๆ

“โอย ไม่ได้ซีเรียสสักหน่อย แล้วหน้ายื่นมาแบบนี้เดี๋ยวจับหอมแก้มเลยนี่” จูนรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยชอบให้เขาเล่นแบบนี้สักเท่าไรจึงได้ขู่ออกไปแบบนั้น

“ก็หอมสิ...” ยุทธ์ตอบกลับทันควัน

“เฮ่ย” เป็นอีกครั้งที่จูนต้องสะดุ้งเฮือก คำตอบนั้นไม่ใช่อะไรที่คาดการณ์เอาไว้เลยแม้แต่น้อย

“พูดจริงนะ ถ้าเป็นแกพี่ไม่ถือหรอก” ยุทธ์ใช้ถ้อยคำของจูนกลับมาย้อนใส่ตัวของจูนเอง

 ร่างเล็กกว่าขยับจากอีกด้านของโซฟาเข้าไปหาหนุ่มรุ่นน้องดวงตากลมโตคู่สวยนั่นฉายแววในแบบที่จูนไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้ มือของยุทธ์ยกขึ้นแตะข้างแก้มของเด็กหนุ่มเบาๆในขณะที่ยืดลำตัวขึ้นสูงเหนือคนที่ถอยหลังไปจนชิดพนักอีกด้านของโซฟา


“..........จูน........” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเป็นชื่อของเด็กหนุ่มทำให้เจ้าของชื่อต้องกลินน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่

“ค.....ครับ...... “

“พี่น่ะ...........”  ดวงตาของยุทธ์มองลึกเข้ามาในดวงตาของเด็กหนุ่ม

“.....................” จูนไม่แน่ใจนักว่าตัวเองกำลังคิดหรือคาดหวังจะได้ยินคำพูดแบบใดออกจากปากของยุทธ์จึงทำได้แค่สูดลมหายใจเข้าลึก

“พี่........ง่วงละ ยืมตักหน่อยละกัน” จู่ๆยุธ์ก็พูดขึ้นแบบนั้นก่อนจะขยับตัวลงนอนโดยมีตักของจูนเป็นหมอนอีกครั้ง ทำเอาจูนงง ยุทธ์มักเป็นแบบนี้เสมอทำให้เขาแปลกใจได้ทุกครั้งท่าทีเหมือนเอาแต่ใจตัวเองแต่ก็อ้อนเล็กๆทั้งที่อีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ แต่ในอีกแง่ก็ทำให้รู้สึกเหมือนมีคนที่อยากจะให้เขาดูแลแบบนี้มันก็...สนุกดี

“ครับ...ถ้าแบบนั้นก็นอนเหอะ...อ่าว.... “ยังไม่ทันจะพูดจบประโยคยุทธ์ก็หลับตานิ่งไปเสียแล้ว “เออ...แปลกคน”  จูนหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะหันมองรอบตัว


 บ้านกว้างแสงสว่างส่องถึงรอบด้านแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกร้อน ตรงกันข้ามกลับเย็นสบาย หากเงี่ยหูฟังดีๆจะได้ยินเสียงนกที่เกาะอยู่บนกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ที่คอยเป็นร่มเงาอยู่รอบด้าน ใจที่เต้นโครมครามเมื่อครู่กลับมาเต้นในจังหวะเดิมๆที่คุ้นเคย ยิ่งมีสัมผัสนิ่มๆจากเส้นผมของรุ่นพี่อยู่ในมือแบบนี้แล้วยิ่งทำให้รู้สึกสงบขึ้นมาอย่างประหลาด จูนยิ้มน้อยๆ เมื่อก้มลงมามองที่ตักเห็นรุ่นพี่ของเขาคล้ายจะหลับไปจริงๆ


   ...อยู่กับพี่ทีไร..เหมือนโลกผมหยุดหมุนทุกที....
    ...ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันดีหรือไม่ดี...
    ...แต่บางครั้งการไม่ต้องคิดอะไรเลยนี่มันก็ดีเหมือนกัน...
[/i]



......................................................................


เสียงรถมอเตอ์ไซค์แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน เสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงดังกรอบแกรบของถงพลาสติกบานประตูถูกเลื่อนเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กกับผมพองๆของโชติที่เดินกลับเข้ามาด้านในบ้าน


"กลับมาแล้ว...." โชติเอ่ยก่อนที่ท้ายเสียงจะขาดหายไปเมื่อหันไปมองที่ห้องรับแขกแล้วเห็นใครบางคนนอนอยู่
ดูจากสีผมบลอนด์ซีดนั้นแล้วคงไม่ต้องทายเพิ่มเติมว่าต้องเป็นจูนอย่างแน่นอนที่นอนพิงพนักโซฟาคอพับคออ่อนอยู่แบบนั้น

"เมื่อยคอตายห่า..." โชติว่าก่อนจะเดินเข้าไปหมายจะปลุกรุ่นน้องแต่แล้วก็ต้องผงะเมื่อท่ามกลางห้องรับแขกที่เริ่มมืดสลัวเพราะไม่มีใครเปิดฟืนไฟอะไรนั้นเขาเห็นขาอีกข้างห้อยออกมาจากโซฟาด้วย


"เฮ่ย....ไอ้จูนมีสามขา?"


จนเมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆอีกอย่างกล้าๆกลัวๆ จึงได้เห็นว่ามีอีกคนที่ใช้ตักของจูนต่างหมอนอยู่

"ห่ายุทธ์เอ้ยตกใจหมดแม่ง..." แทบนึกอยากเขกหัวของเพื่อยสนิทสักที แต่ก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่สิ่ที่เห็นไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติที่หาคำมาอธิบายไม่ได้แต่อย่างใดไม่อย่างนั้น เขาคงได้ติดต่อ กับ เจนญานทิพย์จริงๆ อย่างที่ใครต่อใครมักแซวเล่นเป็นแน่


"จริงๆเล้ย ไอ้พวกนี้ อย่าบอกนะว่า นอนกันยันเย็นเนี่ย...." ทันใดก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลงมาตามบันได

"เคนเหรอ...." โชตติตัดสินใจเอ่ยถามออกไป

"เออ..... " เสียงทุ้มของเคนรับคำ โชติหันไปมองสภาพของอีกสองคนที่นอนอยู่ที่โซฟาจึงรีบเดินไปเปิดสวิทซ์ไฟจนสว่างจ้า


"เอ้าเฮ้ย ตื่นๆ! นอนกันจนเย็นบ้านช่องไฟไม่เปิดจนกูนึกว่าเห็นผีจริงๆแล้วนะเนี่ย"


เสียงของโชติที่ดังโวยวายช่วยปลุกให้คนทั้งสองที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่บนโซฟาสะดุ้งตื่น


"หะ....อ้าว พี่โชติกลับบมาแล้วเหรอครับ" จูนงัวเงียลืมตาขึ้นมองหน้าของรุ่นพี่อย่างยากเย็นเมื่อแสงสว่างในห้องนั้นทำให้ตาพร่าอยู่ไม่น้อย

"อืม กลับมาแล้ว จูนแกไปล้างหน้าล้างตาไปแล้วเดี๋ยวมาช่วยพี่ทำกับข้าว"

"เห มื้อกลางวันก็ทำแล้วมื้อเย็นด้วยเหรอ" จูนโอดครวญเล็กๆ

"หรือจะรอให้ไอ้เคนกับยุทธ์มันทำล่ะ "ว่าพลางก็ชี้ไปทางคนที่เดินตึงๆลงมาตามบันไดกับอีกคนที่งัวเงียนั่งกระทืออยู่ที่โซฟา
จูนมองตามก่อนจะถอนหายใจอย่างปลงๆ

"กลางวันข้าวผัด เย็นจะกินอะไรกันล่ะพี่ๆทั้งหลาย" ว่าพลางก็ลุกขึ้นทำเอายุทธ์ที่ทำท่าจะเอนตัวลงมาอีกรอบหล่นปุลงกับโซฟา

"อะไรก็ได้ที่ไม่ต้องทำเอง " ทั้งเคนและยุทธ์ แทบจะตอบขึ้นมาพร้อมกัน

"อย่ากินแรง ไปหุงข้าวเลยไป....” โชติว่าพลางชี้หน้าของยุทธ์ “ส่วนเคนไปช่วยไอ้จูนหั่นหมูหั่นผักไป”

“แล้วสรุปจะทำอะไรกินเนี่ย” เคนเลิกคิ้วเมื่อดูเหมือนจะต้องกลายเป็นมือมีดไปโดยปริยาย

 “ผัดผัก... แกงจืด...อะไรอีกดีวะจูน” โชติหันไปถามน้องเล็กชองชมรม

“ไข่เจียวดีไหมพี่ ” จูนเสนอพลางเหล่มองรุ่นพี่ร่างสูงที่ยืนอย่ไม่ห่างออกไปนัก “ไหนๆก็มีมือสับหมูแรงช้างอยู่ทั้งคน หมูคงนิ๊ม นิ่มอ่ะ”

“เออ คำก็ช้าง สามคำก็ควาย...เดี๋ยวเจอหมูบะช่อขั้นเทพจะมาออดอ้อนกอดขาให้กูทำให้กินอีก” มือแกร่งยกขึ้นขยี้ผมของจูนโดยไม่ได้ให้ตั้งตัวก่อนเด็กหนุ่มตวัดตามองค้อนทันควัน

“เหอะ.....”

“เลิกทะเลาะแล้วไปเอาหมูออกมาจากตู้เย็นไป” เสียงผู้กำกับประจำชมรมการละครปรามเพื่อน เขาเองก็หิวอยู่ใช่ย่อยและร้ดีว่าถ้าหากยังทะเลาะต่อปากต่อคำกันอยู่แบบนี้คงไม่มีอะไรตกลงถึงท้องเป็นแน่...


.......................................


 คงเป็นภาพที่น่าขำหากแต่ก็น่ารักอยู่ในทีที่เห็นผู้ชายสี่คนง่วนหันผักสับหมูตีไข่กันอยู่ในห้องครัวโดยมีโชติยังคงทำหน้าที่เสมือนกัปตันนำทางเรือลำน้อยไปสู่จุดหมายปลายทางที่มีชื่อว่า “มื้อเย็น”   และโชคยังดีที่การเดินทางไปสู่ “มื้อเย็น”ในครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีใครได้รับอันตรายใดๆแม้จะมีกระทบกระทั่งฝีปากกันบ้างแต่ก็ยังไม่มีใครคว้ามีดมาปาดคอกันเล่น ...


ไม่นานมื้อเย็นง่ายๆก็วางพร้อมอยู่บนโต๊ะ ทั้งสี่คนยืนมองผลงานของตัวเองอย่างภูมิใจ ข้าวหุงออกมาสวย เช่นเดียวกับผัดผักที่กรอบอร่อย ไข่เจียวง่ายๆและ ต้มจืดผักกาดใส่หมูบะช่อ


    “เป็นไงล่ะหมู นิ๊มนิ่มใช่ไหมล่ะ” เคนอดจะเอ่ยแซวไม่ได้เมื่อเห็นจูนตักหมูในต้มจืดเข้าปากไปเคี้ยวตุ้ยๆ 
    
  “ก็....งั้นๆล่ะ “จูนตอบไม่ได้หันไปมองหน้าของเคนแม้แต่น้อย ได้ยินแค่เสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ ของคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างออกไป
 
    “ข้าวของพี่ล่ะ” ยุทธ์ได้ทีก็อยากถามความเห็นของจูนบ้าง 

    “อร่อยครับ” จูนหันไปตอบทันควันราวกับจะประชดคนที่อยู่ไม่ห่างออกไป

  เคนเห็นท่าทางแบบนั้นก็ทำเสียงจุปากด้วยขัดใจกับสิ่งที่ได้เห็น จูนมัก ”อี๋อ๋อ” กับยุทธ์เสมอ ไม่เคยมองยุทธ์ด้วยแววตาระแวดระวังเหมือนอย่างที่มองเขาเลยสักครั้ง เข้าใกล้ได้โดยไม่เคยขัดสักคำ...ในขณะที่กับเขานั้นกลับไม่เป็นแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย ...และนั่นก็ทำให้เขาหงุดหงิดอยู่ใช่ย่อย


   ....ทั้งๆที่เขาเองก็อยากจะทำแบบเดียวกันแท้ๆ!!...



    “ก็แค่หุงข้าว ทำเป็นอวด” โชติกระทุ้งศอกกับท้องของยุทธ์เบาๆ

    “โอ้ย...อะไรวะ คนหุงข้าวสวยงามแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆนะเว้ย”

    “ใช่ๆ ก็แค่หุงข้าว ทำเป็นอวด” ได้ทีเคนเข้าผสมโรงด้วย

    “แล้วเมิงหุงเป็นรึเปล่าล่ะ” ยุทธ์ทำหน้าล้อเลียน

    “เก่งกว่ามึงล่ะกัน ไอ้เตี้ย”

    “ใครเตี้ยวะ”

    “พอๆเลย พวกมึง...รีบๆแดกไปเลย เดี๋ยวจะได้มาสรุปบทพรุ่งนี้ต่อแล้วจะได้ไปนอนกัน พรุ่งนี้หกโมงใครยังไม่ตื่นกูจะปลุกถึงเตียงเลย จูนอย่าลืมรีดชุดด้วยนะ”  โชติหันไปดุยุทธ์เล็กน้อยก่อนจะหันไปกำชับจูนว่าอย่าลืมทำหน้าที่ เด็กหนุ่มก็พยักหน้ารับคำเบาๆ 

    เมื่อทานอาหารกันเสร็จทั้งสี่คนจึงมานั่งล้อมวงสรุปฉากที่จะถ่ายทำต่อ วันรุ่งขึ้นจะเริ่มถ่ายฉากของจูนและโชติซึ่งคงต้องเริ่มถ่ายกันให้ระวังมากขึ้นเพราะที่หาดคงมีคนมาเที่ยวอยู่ไม่น้อยเพราะใกล้หยุดวันปีใหม่ เกิดไปรบกวนคนที่เขามาพักผ่อนโดนเขาไล่ออกมาจะกลายเป็นว่ามาเสียเที่ยวเสียเปล่าๆ  สุดท้ายแล้วก็อยู่คุยกันจนเกือบสี่ทุ่มจึงได้แยกย้ายกันเข้าห้องนอน 

................................................


     “จูน...ไปอาบน้ำไป...”  เสียงทุ้มของเคนดังขึ้นเมื่อเดินออกจากห้องน้ำหลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้ว แต่พอเงยหน้าขึ้นมามองก็ต้องส่ายหน้าเมื่อเพื่อนร่วมห้องเฉพาะกิจของเขานั่งกอดหมอนอิงอยู่ที่เตียง และดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะโต้ตอบอะไรได้อีกต่อไป อาจจะเป็นเพราะยังเพลียจากการเดินทาง การถ่ายทำ ไหนยังจะต้องมาทำกับข้าวกันให้วุ่นวายแล้วยังคุยงานกันจนดึกดื่นแบบนี้อีกที่ทำให้เด็กหนุ่มหลับคอพับอยู่กับหมอนอิงไปแบบนั้น

    “จะนั่งหรือจะนอนก็ไม่เอาสักอย่างแบบนี้...จะดีเร้อ” เคนหัวเราะในลำคอเบาๆ ชายหนุ่มโยนผ้าขนหนูไปไว้บนเตียงของตัวเอก่อนจะหันกลับมาตรวจสอบคนที่ดูคล้ายจะหลับไปแล้วอย่างจูน 

    “นี่ ไอ้หนูจะนอนก็นอนให้มันดีๆสิ....”เขาเอ่ยๆเบาพลางเขย่าแขนของจูนเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สติไปเสียแล้ว เคนถอนหายใจออกมาเบาๆ

“เฮ้อ...ให้มันได้งี้สิ....” ว่าพลางใช้แขนข้างหนึ่งประคองให้จูนเอนตัวไปทางด้านหลังเปิดช่องว่างให้เขาดึงหมอนออกมาให้อีกฝ่ายได้ แขนข้างที่ว่างสอดเข้าใต้ข้อพับของท่อนขาเปลือยเปล่าที่โผล่พ้นชายกางเกงขาสั้นที่อีกฝ่ายใส่อยู่แล้วค่อยยกด้วยความระมัดระวังเพียงเพื่อจะให้ฝ่ายเอนตัวลงไปนอนได้อย่างสบายขึ้น


 เคนเหลือบมองด้วยกลัวว่าจูนจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน ร่างสูงค่อยถอยออกห่างในใจอีดคิดไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงต้องมาคอยทำตัวลับๆล่อๆแบบนี้ด้วย เคนถอนหายใจยาวเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงนั้นยังหลับสนิท


    “อือ....” เสียงครางเครือดังขึ้นเบาๆ ทำเอาเคนสะดุ้งโหยงอีกรอบ

    “เฮ่ย “  แต่เมื่อมองไปก็ต้องสูดลมหายใจกลับเข้าไปใหม่

มือของเด็กหนุ่มเหวี่ยงหมอนไปอีกทาง แล้วสอดมือลึกเข้าไปในเสื้อ ใต้แสงไฟที่ยังเปิดสว่างอยู่นห้องนั้นทำให้เห็นผิวเนื้อขาวกับกล้ามเนื้อกได้รูป สายตาของเคนเผลอไผลซุกซนไล่เรื่อยลงมายังช่วงเอวขอบกางเกงขาสั้นนั่นเกาะอยู่อย่างหมิ่นเหม่  ร่างสูงแทบจะทึ้งหัวของตัวเอง เขาเริ่มคิดไม่ออกว่าควรจะทำอย่างไรกับสายตาของตัวเอง มันครั้งที่เท่าไรของวันแล้วที่เขาทำตัวลับๆล่อๆแบบนี้ 


    …ล้อกูเล่นใช่ป่ะเนี่ย ...


    แต่ทั้งที่จะหันหลังให้ก็ได้แต่ก็คิดได้แค่ว่าควรจะทำอะไรกับภาพตรงหน้าเสียก่อน ร่างสูงค่อยๆเดินเข้าไปยืนที่ข้างๆเตียง จูนยังคงหลับสนิท ดวงตาหลับพริ้มยิ่งมองยิ่งนึกขำเพราะเวลาที่ไม่มีอายไลน์เนอร์เข้มๆรอบดวงตาแบบนี้แล้วก็ดูแปลกตาไปอีกแบบ จมูกโด่งได้รูปกับริมฝีปากสวยที่เผยอน้อยๆ นั่นเขายังจำสัมผัสนั้นได้ดีว่านุ่มนวลเพียงใด ชายหนุ่มก้มตัวลงมาใกล้....


    “นอนไม่ห่มผ้าเดี๋ยวได้เป็นหวัดกันพอดี”  มือแกร่งจับผ้าห่มขึ้นมาห่มให้จนถึงคอ  แต่ก็หาได้ถอยกลับออกมาไม่ ส่วนหนึ่งในใจของเขายังคงต่อสู้กับภาพ “พี่ชายที่แสนดี” ที่สร้างขึ้นมาโดยหวังจะให้อีกฝ่ายสบายใจ ในขณะที่ส่วนหนึ่งอีกใจนั้นอยากจะสัมผัสริมฝีปากคู่นี้อีกครั้ง อยากจะครอบครองให้รู้กันไปว่าคนๆนี้คือ “คนของตัวเอง”  สองมือแกร่งเท้าลงกับเตียงล้อมกรอบเด็กหนุ่มเอาไว้ในขณะที่เขาค่อยๆก้มลงไปหา ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย ริมฝีปากของเคนขยับเข้าใกล้กับริมฝีปากของเด็กหนุ่มมากขึ้นอีกนิด หัวใจในอกเต้นระรัวขึ้นมานั้นช่วยยืนยันความแข็งแรงของร่างกายของเขาได้เป็นอย่างดี ยิ่งได้มองใกล้ๆเช่นนี้ เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองจะอดทนต่อไปได้อีกสักกี่อึดใจ


     
   “...อย่ามาทดสอบความอดทนชาวบ้านเขาจะได้ไหม....”
[/b]


เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาจนคล้ายจะเป็นเสียงลมหายใจที่ถูกกลืนหายไปเสียมากกว่า เมื่อริมฝีปากของชายหนุ่มร่างสูงเลื่อนลมาใกล้จะแทบจะแตะกับริมฝีปากของเด็กหนุ่ม แต่ทันใดชายผ้าห่มก็เลื่อนขึ้นมาบังใบหน้าของจูนไปกว่าครึ่ง เห็นเพียงดวงตารีเรียวที่จ้องกลับมาเป็นประกายสะท้อนกับแสงไฟ

    “....................” ไม่มีคำพูดใดจากจูนมีเพียงสายตาที่จ้องมองกลับมาอย่างคาดเดาความหมายไม่ได้เท่านั้น

    “อ่ะ...ยังไม่หลับเหรอ “ เคนได้แต่ยิ้มแหยๆ เขาอยู่ใกล้เกินกว่าจะหาข้ออ้างอื่น

    “.....................” เห็นครึ่งหน้าของจูนพยักหน้าลงน้อยๆ “สะดุ้งตอนพี่ดึง....” เสียงนั้นอู้อี้อยู่ใต้ผ้าห่ม

    “แล้วนอนดิ้นต่อ สภาพนั้นอ่ะนะ” เคนเลิกคิ้ว

    “ก็คิดว่าพี่จะไปปิดไฟ...” จูนยังไม่ลดผ้าห่มลง

    “ขอโทษ...พี่เปลี่ยนใจ “ เคนเบือนสายตาหนี อีกฝ่ายคงคิดว่าเขากำลังจะฉวยโอกาสหรืออะไรสักอย่าง...ซึ่งเขารู้ดีว่าเขาควรจะยอมรับ
  “ทีหลังตื่นก็บอกว่าตื่นสิ...นอนแบบนั้นมัน....เอ่อ...” หลังจากหลายต่อหลายครั้ที่เคยทำให้จูนน่าแดงและหมดคำพูด ในคราวนี้เป็นเคนเองที่ใบหน้าแดงก่ำเมื่อเสียงในใจของตัวเองได้ตอบคำถามนั้นไปหมดเรียบร้อย ชายหนุ่มกรอกตาเล็กน้อย ก่อนจะยกขึ้นขยี้ผมของอีกฝ่ายเบาๆ
 
   “มัน...จะเป็นหวัดเอา หัด...ระวังตัวซะบ้าง...” รุ่นพี่ร่างสูงรีบลุกจากเตียงหันหลังเดินไปปิดไฟในห้องนอนจนมืดสนิท  “พี่เป็นห่วง”  ท้ายเสียงนั้นฟังดูอ่อนโยนไม่น้อย


     “ถ้าพี่เป็นห่วง ก็เลิกทำแบบนี้น่าจะดีกว่า[/i] “


 เสียงของจูนดังขึ้นท่ามกลางความมืด ก่อนจะได้ยินเพียงเสียงของผ้าห่มที่ถูกดึงให้ห่อร่างเอาไว้ยามที่เด็กหนุ่มพลิกตัวหันไปอีกทาง ในใจของจูนรู้สึกอบอุ่นหากแต่มันเป็นความอบอุ่นที่เจ็บปวด เขาควรจะปฏิเสธคำพูดเหล่านั้นของเคนไปเสียให้หมด อีกฝ่ายไม่ควรจะต้องมารู้สึกต้อง “อดทน”   กับเขาแบบนี้ เคนไม่ควรรู้สึกแบบนี้ …และบางทีเขาเองก็ไม่ควรรู้สึกแบบนี้เช่นกัน 


to be continued....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2013 09:52:31 โดย goldfishpka »

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
อู้ยยยยยไม่ได้เข้ามาอ่านนาน เคนจูนอึมครึมมาก
กลายเป็นยุทธ์มาทำน้องจูนเราหวั่นไหวหรอ
โชติเอายุทธ์ไปเก็บกร้ากกกกกก

asarigb

  • บุคคลทั่วไป
ดูเหมือนน้องจูนจะเริ่มไม่สบายใจกับการกระทำของไอ้พี่เคน  :z3:
แล้วไอ้พี่เคนก็ไม่ได้สำนึก! มีแฟนอยู่แล้วววว มาจีบเขาทำไมมมมมม :hao7:
พี่ยุทธ์ค่ะ เอาน้องจูนไปเลยค่ะ พี่เคนมันหลายใจ :angry2:

ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a
28
-กังวล-
[/b]


            เสียงกระบอกฉีดน้ำดังฟืด ฟืด พร้อมเสียงฮัมเพลงในลำคอเบาๆ กับกลิ่นอายหอมโชยมาแตะจมูกชวนให้คิดถึงบ้านอย่างประหลาด เสียงของผ้าชื้นๆเมื่อโดนกับความร้อนจากเตารีดทำให้คนที่กำลังนอนอยู่บนเตียงค่อยๆลืมตาตื่น ดวงตาที่ยังพร่ามัวทำให้มองเห็นภาพตรงหน้าไม่ชัดเจน แผ่นหลังตรงหน้ามีผมยาวสยายช่วงไหล่ขยับไหวไปมาเล็กๆจนเคนต้องเอื้อมมือออกไปเพียงเพราะต้องการจะสัมผัสให้รู้ว่าคนตรงหน้านั้นมีตัวตนจริงๆหรือเขายังหลับฝันไม่ตื่น


“.....แม่.....”


          ไหล่นั้นหยุดกึกก่อนจะค่อยๆหันกลับมา ดวงตารีเรียวนั้นผิดไปจากคนในความทรงจำ เคนขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ตาเบาๆ ก่อนจะหรี่ตามองหน้าของอีกฝ่ายอย่างมีคำถาม


“อ่ะ....จ...จูนเหรอ” 

“พี่เคน?.....ตื่นแล้วเหรอ ตกใจหมด”  เด็กหนุ่มว่าพลางวางเตารีดลง ก่อนจะหันกลับมามองหน้าของอีกฝ่าย  “เมื่อกี้พี่ละเมอด้วยล่ะ....”

“หะ?....ละเมอว่าอะไร” เคนลุกขึ้นพลางตบหน้าของตัวเองเบาๆไล่ความง่วงงุนออกไป

“พี่ละเมอเรียก...แม่...อ่ะ” จูนตอบเบาๆ  “คิดถึงคุณแม่ หรือ แม่คุณเนี่ย” ก่อนจะแหย่พลางหัวเราะเบาๆ

“........ไม่มีอะไรหรอก แค่นานๆจะได้ยินเสียงคนรีดผ้าเลยคิดถึงแม่ที่ตายไปแล้วขึ้นมาน่ะ” เคนตอบพลางขยับตัวลงจากเตียงมานั่งลงบนพื้นตรงหน้าของจูนดวงตาคมมองหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะเอื้อมมือไปจับเส้นผมสีอ่อนของคนตรงหน้าเบาๆ สิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่คงเป็นเพียงภาพซ้อนของอดีตครั้งเยาว์วัย

 “แม่พี่ชอบรีดผ้าตอนเช้ามืดก่อนจะไปทำกับข้าวแล้วไปส่งพี่ที่โรงเรียน”


“ผม...ขอโทษ ผมไม่รู้....” เด็กหนุ่มหลบสายตาของอีกฝ่าย สายตาของเคนที่มองมาเป็นประกายแปลกตาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายเพิ่งจะตื่นหรือเปล่าถึงได้เล่าอะไรแบบนี้ให้เขาฟังปรกติไม่เคยเห็นเล่าเรื่องที่บ้านหรือครอบครัวให้เขาฟังเลยสักครั้ง


“แล้วนึกยังไงมานั่งรีดผ้าแต่เช้าเนี่ย”


“ก็...เมื่อคืนไม่ได้รีดนี่นา” เด็กหนุ่มตอบยังไม่กล้าสบตาของรุ่นพี่ มือแกร่งที่ไล้ปอยผมที่ตกลงมาข้างกรอบหน้าของเขายังไม่ละไปไหน ยิ่งทำให้สงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายได้ยินสิ่งที่เขาพูดไปเมื่อคืนหรือไม่ถึงได้ตื่นมาแล้วยัง”ใกล้ชิด”กับเขาได้ขนาดนี้ เคนจะรู้หรือไม่ว่าในใจของเขารู้สึกอย่างไร ความกระอักกนะอ่วนในใจนี้มันยากนักที่จะเอ่ยออกไป


“ชอบรีดผ้ารึไง เห็นรีดไปฮัมเพลงไป“

“อื้ม...ก็รีดแล้วมันมีสมาธิดี....” จูนตอบไปตามตรงนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่อยู่ๆอีกฝ่ายก็ถามออกมาแบบนี้

“แบบนี้ใครได้เป็นแม่บ้านคงโชคดีตาย” เคนยิ้มก่อนจะเลื่อนมือไปขยี้ผมของอีกฝ่ายเบาๆ ร่างใหญ่ของเคนยังนั่งประจันหน้ากับจูนอยู่อย่างนั้นสองขาที่ยกชันขึ้นคล้ายจะล้อมกรอบให้อีกฝ่ายอยู่ในอาณัติของตัวเอง   

“พูดอะไรของพี่ ผมไม่ใช่ผู้หญิงซักหน่อย” ดวงตาของจูนตวัดมองกลับมา ในใจยิ่งรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกทั้งๆที่สิ่งที่อีกฝ่ายพูดถึงคือการรีดผ้าที่เขาชอบ แต่เมื่อได้ยินแบบนี้กลับทำให้รู้สึกอยากจะเลิกไปเสียอย่างนั้น

“ผมก็แค่...ทำแบบที่แม่บอก เป็นลูกผู้ชายอยู่คนเดียวกะอีแค่รีดผ้าถ้ายังทำไม่เป็นก็ไม่ต้องไปคิดฝันไปหาเจ้าสาวเข้าบ้านหรอก” เด็กหนุ่มว่าพลางขยับถอยออกมาเล็กน้อย

“หึ.... “เสียงเคนหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะยกมือแกร่งขึ้นขยี้ผมของจูน ดวงตาสีเข้มที่สะท้อนกับแสงสว่างจากด้านนอกนั้นเป็นประกายแปลกประหลาดในยามเช้า “คุณแม่สอนมาดีจังนะ...พี่น่ะไม่มีคนสอน ที่รีดได้นี่ก็เพราะพ่อพี่ไม่ทำ เลยต้องฝึกเอาเอง  ยังคิดอยู่ว่าอยากได้ใครมาช่วยทำบ้างแต่ชาตินี้คงไม่มีคนเอาล่ะมั้ง”

“หาเจ้าสาวเข้าบ้านเลยสิ จะได้มีคนช่วยทำ” จูนอดจะเบ้ปากไม่ได้ อย่างเคนหรือจะหาเจ้าสาวไม่ได้

“เจ้าสาวเหรอ ก็มีคนอยากเป็นอยู่นะ” เคนยิ้มอย่างยียวน ก่อนจะก้มหน้าลงเข้าไปใกล้
“แต่ไม่อยากได้เจ้าสาว พี่อยากได้เจ้าบ่าวหน้าตาตี๋ๆ จมูกโด่งๆปากนิ่มๆสักคนเนี่ย แกจะมาเป็นให้พี่ได้ไหม” เคนคว้าข้อมือของเด็กหนุ่มเอาไว้เมื่อเห็นว่าจูนกำลังจะถอยหนี เด็กหนุ่มก้มลงมองมือแกร่งร้อนที่จับมือของเขาเอาไว้


“อันที่จริงผมก็อยากจะมีเจ้าสาวนะ ขอแค่แฟนก่อนก็ได้ ผู้หญิงน่ารัก นิสัยดีแบบพี่นิดก็คงจะดี” 

“นิดนะเหรอ สเปคแก...” เคนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ เขาไม่เคยได้ยินว่าจูนเคยพูดถึงสเปคผู้หญิงของตัวเองมาก่อน

“ยิ่งคราวก่อนพี่นิดก็บอกว่าจะแนะนำสาวๆให้ด้วย....” จูนพูดพลางยิ้ม ท่าทางเหมือนมีแผนกรุ้มกริ่มในใจ ท่าทางที่ทำให้เคนรู้สึกรุ่มร้อนในอกอยู่ไม่น้อย มือแกร่งเผลอบีบมือเรียวของจูนอย่างช่วยไม่ได้ แรงบีบนั่นทำให้จูนต้องสบตาคนที่อยู่ห่างจากเขาไม่ถึงศอกอีกระลอก ริมฝีปากได้รูปนั้นคลี่เป็นรอยยิ้ม

“...............พี่นี่คิดอยู่แค่เรื่องนี้สินะ” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า รู้สึกปวดหนึบในอกแต่เช้าพลางดึงมือของตัวเองอออกจากมือของอีกฝ่าย

“แล้วจะให้พี่คิดเรื่องไหน ....” เคนขมวดคิ้วเข้าหากัน

“คิดโทรหาพี่นิดเป็นไง....ตั้งแต่พี่มาผมยังไม่เห็นพี่โทรหาแฟนพี่เลยสักครั้ง” เด็กหนุ่มพูดพร้อมรอยยิ้มก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นที่เตรียมมาพร้อมด้วยผ้าขนหนูและแปรงสีฟันยาสีฟัน
“ผมจะลงไปอาบน้ำข้างล่าง พี่ก็รีบจัดการตัวเองเข้านะเดี๋ยวพี่โชติไม่เห็นใครลงไปสักทีจะของขึ้นอีก”


 เคนเหลือบไปมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่วางชาร์จแบตอยู่บนหัวเตียง ตั้งแต่คืนที่เดินทางจนกระทั่งตอนนี้ไม่เพียงแต่จะไม่มีสายโทรออกจากเขาไปถึงนิดแล้ว ก็ไม่มีสายโทรเข้าจากนิดมาหาเขาเช่นเดียวกัน

“ถ้าพี่โทรหานิดแล้ว แกจะดีใจใช่ไหม”


“ครับ....ผมจะสบายใจกว่านี้มาก” จุนตอบกลับโดยไม่ได้หันกลับไปมองร่างสูงโปร่งเดินออกมาจากห้อง ได้ยินเสียงของปลั๊กสายชาร์จโทรศัพท์ถูกกระชากออกจากกำแพงอย่างแรง เด็กหนุ่มหลับตาลงราวกับแรงกระชากนั้นได้ดึงเอาสิ่งที่อยู่ในอกของเขาให้หลุดหายออกไปด้วย


..........ก็ไม่รู้ว่าพี่จะเข้าใจผมไหม........
........แต่ไม่ว่ายังไงผมก็คงต้องพูดแบบนั้นกับพี่อยู่ดี.... 



....................................................


หลังมื้ออาหารเช้าทั้งยุทธ์และเคนต้องหอบหิ้วกล้องและอุปกรณ์ประกอบฉากมายืนรออยู่กลางหาดที่ยังไม่ค่อยมีผู้คน เช้าวันนี้ไม่เหมือนกับเมื่อวานที่ท้องฟ้าดูขะมุกขมัวและคลื่นลมทะเลก็แรงอยู่ไหมน้อย เสียงคลื่นที่สาดกระทบเข้ากับชายฝั่งนั้นดังอื้ออึงแข่งกับลมที่พัดแรง

ยุทธ์ทรุดตัวลงนั่งยองๆกับพื้นทรายท่าทางอ่อนแรงอยู่ไม่น้อย อันที่จริงเขาไม่ค่อยถูกโรคกับการตื่นเช้ามาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งบวกกับลมทะเลในหน้าหนาวแบบนี้แล้วยิ่งไปกันใหญ่


“ปลุกมาแต่เช้า แล้วยังมาสายอีก ไอ้โชติกับไอ้จูนมันมัวทำอะไรอยู่วะ จะแข็งตายแล้วนะ” เสียงยุทธ์บ่นอย่างอ่อนแรง ปากสั่นระริก ใบหน้าได้รูปสวยนั้นเห็นได้ชัดถึงความอ่อนล้า เมื่อคืนเขาเข้านอนค่อนข้างดึกถึงแม้ว่านั่นจะไม่ค่อยมีปัญหานักสำหรับคนที่ต้องปั่นโปรเจ็คส่งอาจารย์กันหามรุ่งหามค่ำ แต่ถ้าไม่ได้นอนก็จะไม่นอนเป็นกันแบบนั้นแล้วค่อยหลับทีเดียว แต่ให้นอนดึกแล้วรีบตื่นนั้นมันแทบขาดใจเลยทีเดียว


    “ขอโทษทีว่ะ ไอ้จูนมันแต่งหน้านานไปหน่อย”  เสียงโชติดังขึ้นเรียกความสนใจของทั้งสองคน ได้ยินแบบนนั้นยุทธ์ก็เงยหน้าขึ้นพร้อมโวยขึ้นมาทันที

    “นานเป็นบ้าเลย ...”  แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรต่อยุทธ์กลับต้องอ้าปากค้างเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นโชติที่ใส่ชุดเสื้อยืดแขนยาวเนื้อเบาติดระบายที่คอเสื้อเว้าลึก เสื้อที่ใส่อยู่ด้านในนั้นมีสายขึ้นมาคล้องที่คอ ทรงผมที่ปรกติมักจะจัดทรงจนพองฟูกลับดูแปลกตาเมื่อมีผ้าคาดผมสีอ่อนพริ้วคาดเอาไว้พรางตากับผมปลอมถักเปียที่ต่อลงมาทั้งสองข้าง ใบหน้าที่ปรกติเป็นคนตาเล็ก สไตล์ลิสต์และเมคอัพอาร์ตติสประจำกองถ่ายก็บรรจงแต่งจนดูตากลมโตหน้าหวานขึ้นมากจนน่าตกใจ


    “สวยใช่ไหมล่ะ มองกันตาค้างเลย” โชติยิ้มพลางกอดอกยืดตัวท่าทางภูมิใจอยู่ไม่หยอก

    “สวยอ่ะใช่ แต่มึงโกนขนหน้าแข้งด้วยเหรอ” ยุทธ์ถามพลางเอามือลูบขาของโชติที่โผล่พ้นชายกางเกงขาสั้นลง
มาเบาๆ จนเจ้าตัวรีบกระโดดหนี

    “เอ้ย จะมาจับทำไมเนี่ย...” โขตินกขาหลบ ก่อนจะหันไปทางเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลัง “ไอ้จูนนั่นล่ะบังคับกู”

    “ก็จะปล่อยให้ขนหยุบหยับแบบนั้นได้ที่ไหนเล่า...พี่ใส่ขาสั้นนี่นา”  เด็กหนุ่มว่ายิ้มน้อยๆในขณะที่ยกมือขึ้นจับเบาๆที่ต้นคอ


เคนเผลอมองตามอาจเป็นเพราะรูสึกแปลกตากับวิกผมยาวสยายที่เคยเห็นเพียงแค่ครั้งเดียวในคืนนั้น แต่รอบนี้กลับต่างออกไปท่ามกลางแสงแดดยามเช้า เด็กหนุ่มในชุดแมกซี่เดรสสีส้มอิฐ ชายกระโปรงที่เป็นผ้าโปร่งขยับไหวแนบเนื้อยามต้องลมทะเล


    “........แมลงวันทะเลบินเข้าปากไปสามรอบแล้วสาด” ยุทธ์เหลือบมองหน้าของเคนก่อนจะเคาะเบาๆที่ปลายคางของชายหนุ่มร่างสูง

    “ไม่ต้องยุ่งได้ป่ะ” เคนจุปากมองหน้าของยุทธ์อย่างไม่พอใจนัก ก่อนจะหันหน้ามาหาทั้งโชติและจูน “เอาล่ะ คนสวยของเราทั้งสองคน วันนี้จะถ่ายตั้งแต่ตรงไหนดี”

    “เดี๋ยวจะถ่ายฉากสาวสองคนเขาเดินริมหาดกัน แล้วก็ตอนจูนปรึกษาเรื่องแฟน ....ว่าแต่ร้านริมหาดวันนี้เขาเงียบๆนะว่าป่ะ ....จะมีเปิดให้ไปขอถ่ายกันไหมเนี่ย....” โชติว่าพลางเหลียวซ้ายแลขวา ดูเหมือนชายหาดวันนี้ไม่ค่อยมีคนอย่างที่คิด

    “นั่นสิ เสร็จตรงนี้จะถ่ายฉากว่ายน้ำจมน้ำด้วยสิ ว่าจะไปยืมห่วงยาง...ไม่งั้นไปถามร้านตรงโน้นป่ะ” ยุทธ์ว่าพลางชี้มือไปยังร้านให้เช่าห่วงยางและขายอาหารที่อยู่ไม่ไกลออกไป

    “เออ งั้นไปกัน...ยุทธ์มึงไปกะกู” โชติว่าไม่รอช้าสองขารีบเดินไปยังเป้าหมายทันที

    “หะ? เฮ้ยมึงจะไปทั้งสภาพนั้นอ่ะนะ ...”เห็นโชติเดินลิ่วๆไปแบบนั้นก็กลัวว่าคนในร้านจะตกอกตกใจไปเสียก่อนจึงได้รีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว

    “อ้าวพี่ แล้วพวกผมอ่ะ” จูนตะโกนตามไป

    “รออยู่นี่ล่ะ เดี๋ยวพี่มา...” เสียงยุทธ์ตะโกนแข่งกับลมทะเลตอบกลับมา

    “ก็ใช่ว่าจะวิ่งตามไปง่ายๆนี่หว่า....” จูนได้แต่ยืนมองรุ่นพี่สองคนเดินจากไปพลางพึมพำเบาๆ สองมือจับชายกระโปรงผ้ายาวกรอมเท้าของตัวเองให้อยู่นิ่งๆเมื่อเจอลมทะเล  “ลมแรงทะเลก็ซะขนาดนี้จะได้ถ่ายไหมเนี่ย”

    “ถ่ายได้แต่กลัวจะกลายเป็นหนังปลุกใจเสือไปเสียก่อน ลมมันลามกนะจะบอกให้” เคนเอ่ยพลางยิ้ม เห็นท่าทางของอีกฝ่ายแบบนั้นแล้วยิ่งทำให้ใจกระตุกไหว “ใส่กางเกงไว้ข้างในรึเปล่าเนี่ย”

    “แน่ล่ะ....”จูนไม่ปฏิเสธ “ใครจะไปใส่กระโปรงตัวเดียวกันล่ะ...กระโปรงเปิดขึ้นมาแม่งได้ฟ้าผ่าตายโหงกันพอดี...ยิ่งมาแต่งตัวพิเรนทร์ๆกันแบบนี้เจ้าที่เจ้าทางไม่ถูกใจเข้าจะว่ายังไง” เด็กหนุ่มไม่ได้หันมามองหน้าของเคนร่างสูงโปร่งยังมองดูว่าเมื่อไรโชติและยุทธ์จะเดินกลับมาเสียที

    “เหรอ...”เคนรับคำพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย “พี่ว่าท่านน่าจะถูกใจนะ...ออกจะเซ็กซี่” ไม่วายช่วงขายาวยื่นมาหมายจะเกี่ยวชายกระโปรงของเด็กหนุ่มขึ้น แลเห็นท่อนขาขาวเนียนผิวปรกติ

    “นี่เราก็โกนขนหน้าแข้งกับเขาด้วย?  อย่าบอกนะว่าโกนขนจั้กกะแร้ด้วยน่ะ“ เคนถามเสียงสูง

    “ก็ตอนลงทะเลต้องใส่ชุดว่ายน้ำนี่.....ให้ดูเป็นผู้หญิงหน่อยก็คงต้องทำอย่างนี้” เห็นอีกฝ่ายอ้อมแอ้มตอบพลางเอาสองมือจับประโปรงปิดแบบนั้นก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

    “ทุ่มเทกับการแสดงจริงๆเล้ย.....”

    “ผมก็ทุ่มเสมอนั่นล่ะ.....แล้วไอ้คำว่าเซ็กซี่เนี่ยถึงจะบอกว่าชมผมก็ไม่ดีใจหรอกนะ พี่เลิกแซวได้แล้ว” จูนขยับถอยห่างออกจากเคนอีกเล็กน้อย


ส่วนตัวเขาคิดว่าวันนี้ทุ่มเทมากทีเดียวเพราะต้องมานั่งทำอะไรที่ไม่เคยทำอย่างโกนขนหน้าแข้งโกนจนรักแร้ของตัวเองจนล้านเลี่ยนเตียนโล่งจนรู้สึกแปลกๆใต้วงแขนอยู่ไม่น้อยยังดีที่ตอนนี้อีกฝ่ายยังไม่เห็นแต่ถ้าเกิดเห็นขึ้นมาละก็คงได้ขำจนน้ำตาเล็ดน้ำตาไหลเป็นแน่

    
อีกด้านหนึ่งของหาด


    ทั้งโชติและยุทธ์ค่อยเดินไปหาร้านชายของที่มีห่วงยางให้เช่าด้วย ใต้ร่มชายหากคันใหญ่มีชายแก่คนหนึ่งนั่งสูบบุหรี่พ่นควันด้วยท่าทางสบายอารมณ์ท่ามกลางบรรยากาศชายทะเล ห่างออกไปเห็นนักท่องเที่ยวสองสามครอบครัวกำลังเดินลงหาดมาประเมินจากสายตาในตอนนี้คงยังไม่มีคนมากสักเท่าไรนัก ชายชราคนนี้จึงยังมีเวลาว่างมานั่งสูบบุหรี่อยู่อย่างนี้

    “ลุงครับ ห่วงยางนี่เช่าเท่าไรครับ” 

    “ไม่แพงๆ ...จะเอาอันไหนล่ะเลือกเอา” ลุงตอบทั้งๆที่ไม่ได้หันมามองหน้า ชายชราลุกขึ้นก่อนจะหันมาแล้วผงะเล็กน้อยเมื่อเสียที่ได้ยินกับภาพที่เห็นนั้นแทบจะสวนทางกัน  “เฮ่ย....”

    “เฮ้ย....” ทั้งโชติและยุทธ์เองก็ผงะไม่แพ้กัน “ลุงจะตกใจทำไมเนี่ย”

    “อ้าวก็ลุงนึกว่าเป็นเด็กผู้ชาย....นี่พวกหนูจะมายืมห่วงยางเรอะ เป็นหวัดสินะเสียงแหบเชียว” ทั้งโชติและยุทธ์หันมองหน้ากันงงๆ จะว่าไปโชติวันนี้ก็แต่งตัวเป็นผู้หญิงในขณะที่ยุทธ์ก็หน้าหวานอยู่แล้ว....ก็ไม่แปลกถ้าชายชราที่หยีตายืนมองหน้าพวกเขาอยู่ตรงนี้จะมองเห็นเป็นเด็กผู้หญิง ในคราวนี้เป็นสองหนุ่มเองที่ต้องหัวเราะออกมาพร้อมกัน

    “ฮ่ะๆ...ลุงครับพวกผมผู้ชาย ดูดีๆ ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย”

    “อ้าว เรอะ.....เออว่ะ “ชายชราหัวเราะ เมื่อเพ่งตามองให้ดียิ่งขึ้น “อ้อ...แต่งสวยนะ นี่จะลงทะเลกันใช่ไหม” ถามพลางก็หันหยิบห่วงยางส่งให้กับโชติ

    “อ่าครับ ก็ว่าจะลงเล่นน้ำกันน่ะครับ” ยุทธ์ยิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนจะยื่นเงินให้กับชายชรา

    “ทะเลวันนี้ คลื่นแรงนะไอ้หนู....เมื่อวานยังฟ้าใสแท้ๆ ไม่รู้ทะเลโกรธอะไร จะเล่นก็ระวังตัวกันหน่อยละกัน
ว่าคลื่นสูงแล้ว คลื่นใต้น้ำมันแรงกว่าที่เห็นเยอะนะ” ลุงคนนั้นว่าพลางเหม่อมองออกไปยังทะเลที่อยู่เบื้องหน้า ทั้งโชติและยุทธ์ไม่เข้าใจนักกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดแต่ก็พยักหน้ารับคำไปเช่นนั้น

    “ครับลุง...ขอบคุณนะครับ เดี๋ยวเอาห่วงยางมาคืนนะครับ” โชติยิ้มแหยๆ ก่อนจะเดินถอยออกมาโดยไม่ลืมดึงชายเสื้อยืดของยุทธ์ให้รีบเดินตามมาด้วย


    “ไอ้ยุทธ์ แกว่าลุงเมื่อกี้เขาพูดอะไรแปลกๆรึเปล่า”  โชติทำหน้ามุ่ยในใจรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกกับคำพูดของชายชรา

    “ไม่นี่” ยุทธ์ตอบหน้าตายสองแขนหิ้วห่วงยางสีดำขนาดใหญ่เดินตามโชติกลับมาหาทั้งจูนและเคนที่ยืนรออยู่ 
 

    ทั้งสี่คนกลับมาเตรียมการถ่ายทำของวันนี้ ในฉากที่ทั้งแสงน้อยไปเสียหน่อย เคนเลยต้องเป็นคนทำหน้าที่จัดการเรื่องแสงไปโดยปริยาย โชติกับจูนที่วันนี้เป็นผู้ถูกถ่ายดูจะขัดเขินกันอยู่ไม่น้อยเพราะกลายเป็นเป้านิ่งให้คนจับจ้อง


     “เอ้าจะยืนบิดกันอีกนานไหมสาวๆ รีบๆเข้าที่ทำอารมณ์เข้าเผื่อจะได้รีบถ่าย”

    “ใครสาววะแม่ง....” โชติหันกลับมาทันควันพลางคว้ามือของจูนมาชูนิ้วกลางใส่หน้าเคนทันที

    “อ้าว เฮ้ย ไหงทำงี้อ่ะพี่โชติ...”เด็กหนุ่มโวยวาย แต่อีกฝ่ายกลับยักไหล่

    “ไม่อยากยกเองมันเสียมือ” ชายหนุ่มผมเปียร่างเล็กหัวเราะเบาๆ

    “ชิ....” เสียงเคนจุปากอย่างหมั่นไส้ “เสียมือ...พูดมาได้ กูก็ไม่ได้อยากได้มือมึงนักหรอกวะ” เคนว่าพลางก้มลงหยิบไมค์ช่วยบันทึกเสียงขึ้นมาก่อนจะหันไปมองหน้าจูนที่รีบเดินตามโชติไป

แผ่นหลังได้รูปในชุดเดรสสีน้ำตาล เขายังจำแนวกระดุมยาวเหยียดลงมาจนแทบถึงบั้นเอวนั่นได้ และน่าแปลกที่ยังจำสัมผัสของผิวเนื้อตอนที่ริมฝีปากของเขาแตะลงไปได้เป็นอย่างดี


   ....ที่อยากได้น่ะ...คือคนนั้นต่างหาก....


     มันเป็นเพียงความคิดที่ต่อให้พยายามจะแสดงออกอีกกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ภาพที่อีกฝ่ายจะรับความรู้สึกของเขาเอาไว้นั้นก็ดูเลือนลางราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้นเหมือนอย่างในตอนเช้า ทั้งที่เมื่อช่วงอาทิตย์ก่อนหน้านี้ท่าทางโอนอ่อนของจูนยังทำให้ใจของเขาปริ่มไปด้วยความสุขอยู่แท้ๆ เมื่อเช้าเขาจำต้องลากปลายนิ้วไปบนหน้าจอโทรศัพท์ด้วยอารมณ์ที่มีทั้งความโกรธมีทั้งความสับสนเพราะไม่เคยมีใครให้ความหวังและปฏิเสธเขาไปพร้อมๆกันแบบนี้มาก่อน

 แน่นอนว่านิดรับสายถามเขาหลายๆเรื่อง ทั้งการเดินทาง ทั้งที่พัก อาหารการกิน ยังบอกเสียด้วยซ้ำว่าถ้ามาด้วยได้ก็อยากจะมา เขารู้สึกดีใจที่นิดพูดแบบนั้น อย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้สึกว่าได้รับการใส่ใจจากอีกฝ่ายบ้าง แต่ก็น่าแปลกเหลือเกินที่ในตอนนี้ใจของเขาไม่ขออะไรมากไปกว่าการใส่ใจจากจูน ซึ่งดูแล้วคงยากเกินกว่าจะเป็นจริง


    “ถ้ามองเสร็จแล้วก็เช็ดน้ำลายด้วย...มองเป็นแมวหิวปลาย่าง อุบาทว์ชิบ” เสียงของยุทธ์ดังขึ้นเรียกสติของเคนให้ตื่นจากภวังค์ ใบหน้าคมเปลี่ยนสีหน้าทันควันพลางหันไปมองยุทธ์อย่างเอาเรื่อง “ไม่ใช่เรื่องของมึง อย่ายุ่งได้ป่ะ”

    “ถ้ายุ่งแล้วมันเตือนสติมึงได้กูก็จะยุ่งไปงี้ล่ะ....เดี๋ยวจะถ่ายช็อตไกลก่อนมึงรีบเซ็ทเรื่องเสียงเข้าซะ...”

    “อย่างมึงจะมาเตือนสติอะไรกูวะ ไอ้เตี้ย....” เคนไม่ได้รับคำหากแต่ถามด้วยท่าทียียวนกวนฝ่าเท้า

    “อย่างน้อยกูก็มีสติยั้งคิดกว่ามึงก็แล้วกัน  ไอ้ควายถึก” ยุทธ์ว่าพลางยกนิ้วกลางใส่หน้าของเคนไปเสียทีแล้วเดินถือกล้องไปเลือกหามุมที่เหมาะสมสำหรับการถ่ายทำ
 
...............................................


    ทะเลตรงหน้ายังคงซัดคลื่นสูงเข้าฝั่งลมทะเลที่พัดมากระทบหน้าแรงอยู่ใช่ย่อย สีหน้าของโชติดูเป็นกังวล ความรู้สึกหวาดหวั่นที่สรรหาคำอธิบายไม่ได้กำลังก่อตัวประหนึ่งเงาเมฆดำครึ้มตรงขอบฟ้าที่ห่างออกไป ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจที่อยู่ๆก็รู้สึกเช่นนี้...หากจะให้พูดตามตรงน่าจะเป็นตั้งแต่ตอนที่ไปยืมห่วงอย่างจากชายชราท่าทางแปลกๆที่อยู่ริมหาดคนนั้นแล้ว

    “พี่โชติ เป็นไรป่ะ หน้าซีดเลยอ่ะ” จูนที่ยืนอยู่ข้างๆสังเกตเห็นท่าทางที่แปลกไปของรุ่นพี่จึงเอ่ยถาม

    “มะ..ไม่เป็นไร แค่...เมื่อคืนคงจะนอนน้อยไปหน่อยน่ะ” โชติโคลงศรีษะเล็กน้อยเขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่าควรจะอธิบายสิ่งที่รู้สึกอยู่ตอนนี้ออกไปอย่างไรดี แต่ความรู้สึกนี้ก็มีผลกับสภาพจิตใจของเขามากทีเดียว


     .... กลัว ? .....
    ....แต่อยู่ๆจะมากลัวอะไร....



    “จะถ่ายแล้วนะ....เดี๋ยวถ่ายช็อตไกลก่อนนะ” ทันใดเสียงของยุทธ์ก็ดังขึ้นปลุกให้โชติตื่นจากภวังค์ ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก ก่อนจะหันไปรับคำ

    “โอเคๆ!!! “ โชติรับคำก่อนจะตบไหล่จูนเบาๆ ให้เข้าที่เพื่อถ่ายทำ


    ....................................................




ออฟไลน์ goldfishpka

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-0
    • twitterของp.k.a

              “คัท!!! “ เสียงสั่งคัททำเอาจูนสะดุ้งในเมื่อคนที่สั่งคัทกลับเป็นโชติเสียเองเมื่อมาถึงบทบาทที่พวกเขาทั้งสองคนจะต้องนั่งปรึกษาปัญหาความรักหนักอกของ “จูน” ที่แฟนหนุ่มอย่าง “เคน” นอกใจไปมีผู้หญิงคนใหม่อยู่หลายครั้งหลายคราจนต้องตัดสินใจบอกเลิกและหนีมาเที่ยวทะเลย้อมใจกันถึงที่หัวหิน

              “คัทไมอ่ะ พี่โชติ” ใบหน้าที่แต่งแต้มจนสวยของเด็กหนุ่มเริ่มมุ่ยเพราะอากาศก็เริ่มร้อน แถมลมทะเลที่พัดพาไอเกลือเข้ามาก็ทำเอารู้สึกเหนียวตัวไปหมด
    
         “แกยังเล่นแข็งอยู่เลย เมื่อกี้”โชติว่า เขาอยากขยี้หัวของตัวเองแรงๆถ้าไม่ติดว่ามีผมเปียต่อติดหัวอยู่อย่างนี้
        “อารมณ์ว่าไม่อยากจะให้อภัยน่ะ เจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นความเจ็บปวดมากกว่าความโกรธ ลองแสดงออกให้มากกว่านี้ดูจะได้ป่ะจูน” น่าแปลกที่ในครั้งนี้โชติไม่ได้มีท่าทีจะอารมณ์เสียหรือหงุดหงิดเท่าที่เคยเป็นตรงกันข้ามกลับอธิบายอย่างใจเย็น เด็กหนุ่มพยักหน้าลงช้าๆ ก่อนจะเหลือบมองหน้ารุ่นพี่ทั้งสามคน
    
      “ครับ...จะลองอีกรอบละกัน” เด็กหนุ่มรับคำ เป้าหมายของเขาคือไม่อยากจะเป็นตัวถ่วงให้ใคร และเขาควรจะทำให้ได้ จูนหลับตาลงได้ยินเสียงของคลื่นที่ซัดสาดเข้ามา ลมพัดหวีดหวิวรุนแรง

        เขาจิตนาการถึงอารมณ์ความเจ็บปวดผิดหวัง และเศร้าเสียใจของ”หญิงสาว”ที่ชื่อว่าจูน ตัวละครของเขา มันจะเป็นอย่างไรกันหากถูกคนรักนอกใจ เขาจะมองหน้าคนที่นอกใจตนเองได้ไหม จะรู้สึกผิดหวังเพียงใด ความปั่นป่วนในจิตใจคงไม่ต่างจากท้องทะเลในยามที่คลื่นลมไม่สงบ ดวงตาสีเข้มที่ในวันนี้ไม่มีคอนแทคเลนส์สีน้ำเงินปิดบังเปิดขึ้นมองผ่านช่วงไหล่ของตากล้องอย่างยุทธ์เลยไปยังคนที่ดูแลเรื่องการอัดเสียงอยู่ไม่ห่างออกไป คนๆนั้นเองก็คงจะทำให้แฟนสาวรู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน


                          “ ....’ ก็ไม่ใช่ไม่รักแล้ว....แต่มันทำใจไม่ได้ มองหน้ากันแล้วให้รู้สึกเหมือนเดิมก็คงไม่ได้
                      ทั้งที่เคยอยู่ข้างๆกันมาตลอด แล้วกลับเป็นแบบนี้ จะให้ทำยังไง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่
                      ปากก็พูดว่า รัก แต่มือที่ว่างก็เที่ยวไปคว้าใครเอาไว้แบบนั้น....ยังไง ก็ยกโทษให้ไม่ได้หรอก”
     

      ดวงตาที่มองตรงมานั้นทำให้เคนต้องกลืนน้ำลายลงคอ บางอย่างในน้ำเสียงและนัยน์ตาคู่นั้นทำให้เขารู้สึกผิดไปตามบทที่จูนกำลังแสดงออกมา มันเหมือนกับว่าบทที่ได้ยินจูนพร่ำท่องพร่ำซ้อมมาหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่ก่อนที่ความรู้สึกของเขาที่มีต่อจูนจะ”เปลี่ยน”ไปนั้นมันเป็นบทที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ
 

        “.................คัท!! โอเค......” คราวนี้เป็นยุทธ์เองที่สั่งคัต “ใช้ได้ๆ ....”ผู้กำกับจำเป็นสรุปเองเสร็จสรรพ ก่อนจะยื่นมือให้จูนที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่พื้นทราย
     “เอ้าลุกได้แล้ว เดี๋ยวไปหาอะไรกินกัน จะได้มาถ่ายฉากตอนบ่ายต่อ” แต่แทนที่จะจับมือข้างนั้นไว้กลับจับมือของยุทธ์ให้ยื่นไปทางโชติแทน 
 
   “ไม่เป็นไรพี่ ผมลุกเองได้ พี่ดูพี่โชติเหอะ เป็นอะไรไม่รู้นั่งหน้าซีดมาตั้งแต่ก่อนถ่ายแล้ว” ว่าพลางก็หันไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ “ปวดหัวตัวร้อนหรือก็ไม่นะ” มือเรียวยื่นไปจับหน้าผากของรุ่นพี่เบาๆแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะมีไข้แต่ประการใด

    “ลุกเองได้หรอกน่า แข็งแรงจะตายไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” โชติยิ้มกว้างก่อนจะลุกขึ้นโดยไม่ต้องใช้ตัวช่วย

    “ง่วงล่ะซิ่ เมื่อคืนแม่งก็ไม่ยอมหลับยอมนอนท่องบทอยู่นั่นล่ะ เขียนเองแท้ๆเสือกจำไม่ได้” ยุทธ์หัวเราะออกมาเบาๆพลางตบหัวของโชติจนโคลง “ไป ไปหากาแฟกินไปจะได้ตื่นๆ”

    “โอ้ย กูตื่นอยู่แล้วน่า...” โชติหันมามองอย่างไม่พอใจที่ทั้งถูกแซวแล้วโดนแกล้งแบบนี้ ร่างเล็กนั่นเดินสาวเท้าเดินไปอีกทาง  ทำเอาจูนต้องรีบวิ่งตามไป

  ในขณะที่ผู้ก่อเหตุยังยืนหัวเราะอยู่เช่นนั้น จนเมื่อเห็นทั้งสองคนเดินไกลออกไปจึงหยิบกล้องขึ้นมาเช็คช็อตเมื่อครู่ ดวงตากลมโตของชายหนุ่มหน้าสวยจ้องมองหน้าจอเล็กๆนั้นนิ่ง ความรู้สึกร้อนระอุแล่นลามเข้าไปในอก พร้อมคำถามที่ไม่แน่ใจนักว่าเมื่อไรจะได้พูดออกไป

    “จ้องตาจะหลุดแล้ว...” เสียงทุ้มของเคนเอ่ยขึ้นเบาๆที่ด้านหลัง ยุทธ์แทบปิดคลิปวีดีโอนั่นแทบไม่ทัน

    “ห่าน ยุ่งอะไรฟะ”

    “ทำไมจะยุ่งไม่ได้ล่ะ ทีมึงยังยุ่ง”เรื่องของกู” อยู่เรื่อย....”ร่างสูงใหญ่นั้นขยับเข้ามาใกล้ น้ำเสียงที่ใช้เน้นย้ำทำไมยุทธ์จะไม่รู้ว่าเคนกำลังพูดถึงอะไร

    “แปลกนะ ทั้งๆที่ปกติจินตนาการก็ไม่ค่อยจะมี ดีแต่ใช้กำลังอย่างมึง มาคราวนี้กำลับคิดอะไรเองเออเองไปเสียหมด....เรื่องมันยังไม่จบหรอกนะ...สำหรับมึงอ่ะคงอีกนาน” ยุทธ์มองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนที่ริมฝีปากนั่นจะขยับยิ้มหยันก่อนจะเก็บกล้องลงกระเป๋าแล้วเดินตามทั้งโชติและยุทธ์ไปโดยไม่ลืมที่จะหันกลับมาชี้นิ้วสั่งให้เคนรีบเก็บของเดินตามไป

.............................................


    ระหว่างมื้อเที่ยง ทั้งสี่คนเข้าไปนั่งกินข้าวกันในร้านบริเวณริมหาดและไม่ลืมที่จะขอถ่ายทำในสถานที่ด้วย สุดท้ายอาหารที่สั่งมาประกอบฉากก็กลายเป็นมื้อกลางวันของทุกคน แต่อาหารทะเลสดๆที่ถูกนำมาปรุงหลากเมนูตรงหน้านั้นกลับไม่ได้ชวนให้โชติรู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อย หัวหน้าชมรมการแสดงและผู้กำกับของหนังสั้นในคราวนี้ได้แต่เหม่อมองทะเลที่อยู่ตรงหน้า

     “พี่โชติ นี่จะไม่กินข้าวกินอะไรหน่อยเหรอพี่ หมึกไข่นี่อร่อยนา กินๆ ไม่ต้องกลัวเมคอัพหรอกน่าเดี๋ยวผมแต่งให้อีก” จูนกำลังอร่อยกับหมึกไข่ย่างตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมองหน้าของโชติพลางขยับจานหมึกไข่ให้

    “....ไม่อ่ะ...” โชติยกมือเป็นเชิงปฏิเสธ “ไม่ค่อยหิวว่ะ”

    “ไปห่วงเขา แกก็ยัดๆเข้าไปเนี่ย เลอะหมดแล้ว” ถึงจะรู้สึกแปลกๆเหมือนกันที่อยู่ๆโชติก็ไม่อยากจะกินขึ้นมาเสียแบบนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เคนเองก็ได้แต่ถอนหายใจก่อนจะยื่นมือไปใช้นิ้วโป้งปาดคราบมันที่ติดอยู่เหนือริมฝีปากของจูนออก จนเด็กหนุ่มต้องโวยวายออกมา

    “ฮึ่ย ทำอะไรเนี่ย!” จูนพลักไหล่เคนออกอย่างแรงด้วยความตกใจ

    “ก็มันเปื้อนนี่...” เคนตอบหน้าตายไม่พอยกปลายนิ้วขึ้นเลียเบาๆ

    “อุบาทว์เหอะ...” จูนชูนิ้วกลางใส่ ก่อนจะตักข้าวเข้าปากเคี้ยวกร้วมๆอย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไรนัก ใบหน้าแดงก่ำเพราะทั้งยุทธ์และโชติก็นั่งอยู่นี่ถ้าเขาไม่ได้กำลังอร่อยกับของกินตรงหน้าอยู่คงถลกกระโปรงยันคนข้างๆให้ล้มกลิ้งล้มหงายไปไกลแล้ว

    “จูน กินนี่ดิ่ กุ้งเผาๆ” ยุทธ์ว่าพลางยื่นกุ้งเผาให้จูน

    “ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มยิ้มรับไม่ได้มีท่าทีจะสนใจท่าทางของคนที่นั่งอยู่ข้างๆเลยแม้แต่น้อย

    “...................” เคนนิ่ง ก่อนจะหันไปหยิบกุ้งตัวโตส่งให้กับโชติ “มึงก็กิน ...ไม่ต้องทำหน้าเป็นตูด ถ้ามึงยังไม่กินอีก กูจะเอากุ้งยัดคอมึงเดี๋ยวนี้ล่ะ ตอนบ่ายมีแต่ฉากออกแรง แม่งลงน้ำไปทั้งที่ไม่มีแรงจมน้ำตายห่าขึ้นมาว่าไง”

    "พี่เคน ไหงพูดเป็นลางแบบนั้นอ่ะ ไม่ดีเลย” จูนหันไปดุเคนทันควัน ทำเอาเคนขมวดคิ้ว

    “....อะไรวะ วันนี้นี่ขยันดุกูจัง....”

    “ก็พี่เคนปากไม่ดี...”

    “คือน้องมันจะบอกว่ามึงปากหมาอ่ะ” ยุทธ์เสิรมแต่เจอเคนตอบกลับด้วยสายตาจนต้องเงียบไป

    “เอาน่าพวกมึง เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูกินนี่ก็พอใช่ไหมล่ะ....รีบกินซะเดี๋ยวจะได้ไปถ่ายฉากต่อไป เดี๋ยวต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกอะไรอีก”โชติตัดบทตัวปัญหาด้วยการเริ่มลงมือแกะกุ้งเคี้ยวเข้าปากไปทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกอยากจะกินมากขนาดนั้น ดวงตายังคงมองไปยังทะเลด้วยสายตาเป็นกังวล  อยู่ๆ ทะเลสดสวยตรงหน้าก็ดูน่ากลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก


..........................................to be continued

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
น่ากลัวจัง จะเกิดอะไรไม่ดีหรือเปล่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด