ตอนที่ 13 ของมีค่า…ราคาเหลือครึ่งเดียว
ตอนเช้าวินก็ตื่นไปเรียนตามปกติ รู้สึกแปลกนิด ๆ เป็นการส่วนตัว คนอื่นอาจจะไม่เป็น
เหมือนวินก็ได้....วินรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนเดิมยังไงก็ไม่รู้ วินจะได้ไปเจอเพื่อน ๆ ที่คุ้นเคย
กับวินในภาพของนักเรียนม.ปลายอารมณ์ดี ฮา ๆ ....วินคนเดิมที่อารมณ์แตกต่างออกไป
ใครจะคิดอะไรมั้ยเนี่ย ถ้ารู้ว่าวินคนนี้ก็มีประสบการณ์กับเขาบ้างแล้วนะ....วินรู้สึกว่า
ตัวเองไม่ใช่เด็ก ๆ เหมือนที่เคยรู้สึกอีกแล้วยังไงก็ไม่รู้.....รู้สึกอะไรอย่างนี้......เว่อร์จริง ๆ
วินพบกับอั้มขณะรอเข้าแถวเคารพธงชาติ
“วิน...” อั้มเดินเข้ามาทัก สีหน้ายิ้มแย้ม ทำให้วินรู้สึกดีใจที่อั้มไม่ได้โกรธอะไรวินเรื่อง
ที่ทิ้งเธอไปดูหนังเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
“อั้ม...” วินทักตอบไป
“เป็นไงมั่งเมิง...กับไอดารานั่น” อั้มถามถึงฟิว
“ไม่รู้หว่ะอั้ม.....เสาร์ – อาทิตย์ที่ผ่านมานี้มีแต่เรื่องยุ่ง ๆ” วินตอบ
“อะไรว้ะวิน ?” อั้มคงเห็นสีหน้าเหนื่อย ๆ ของวิน จึงเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“ไม่รู้จะเริ่มยังไงเหมือนกัน - - เดี๋ยวค่อยว่ากันตอนพักละกัน” วินตอบ
“เห้ยวิน...เป็นไงมั่งแก” ปุ้ยตรงดิ่งเข้ามาหาวิน
“ได้คุยกับฟิวรึยัง - - เราให้มันแอ๊ดแกไปเมื่อวานนี้เอง” ปุ้ยพูดต่อ....อ๋อ ปุ้ยนี่เองที่
เป็นคนส่งมอบอีเมลของวินให้ฟิวไป
“เราขอโทษนะเว่ย...มันคะยั้นคะยอจนรำคาญอ่ะ เลยให้ ๆ ไป” ปุ้ยกล่าวต่อ
“เออไม่เป็นไร” อย่างที่บอกว่าปุ้ยเป็นเพื่อนที่ดี ยากมากที่วินจะต่อว่าปุ้ยกับเรื่องแค่นี้
วินและอั้มกลับมาคุยกันตามปกติ และทุกอย่างก็ดำเนินไปดังเดิมเหมือนทุก ๆ วัน
ในที่สุดวินก็ไม่ได้เล่าเรื่องเมื่อวานนี้ให้อั้มหรือใครได้ฟังเลย และก็เก็บมันไว้จนมาถึงวันนี้
ถึงวันศุกร์แมทก็มารับวินเหมือนเคย โดยที่ไม่มีเพื่อนคนไหนติดสอยห้อยตามไปด้วย
โดยที่ในระหว่างสัปดาห์ฟิวไม่ได้โทรหาวินเลย แต่ส่ง sms วันละ 4 เวลา เช้า กลางวัน
เย็น และก่อนนอน เป็นอย่างนี้จนถึงวันศุกร์ เป็นข้อความทั่วไปบ้าง จีบบ้าง ยียวนบ้าง
อวยพรให้ฝันดีบ้าง เวลาผ่านไปประมาณ 2 – 3 ศุกร์เห็นจะได้...วินก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ ๆ
คงจะยังไม่ถึงเดือน พอมาถึงวันศุกร์ของสัปดาห์นี้ แทนที่วินและแมทจะไปเดินห้างฯ กัน
เหมือนทุกครั้ง แต่แมทกลับขอเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง
“วิน.....วันนี้ไปบ้านแมทกันเถอะ” แมทเอ่ยขึ้น
“ทำไมหละ - - มีอะไรที่บ้านหรอ” วินถาม
“เปล่า....เบื่อเดอะมอลล์แล้ว เดินทุกศุกร์เลย” แมทให้เหตุผล
“อืมก็ได้....วินไม่ได้เจอคุณแม่นานแล้วเหมือนกัน” วินที่ลืมเรื่องราวต่าง ๆ ไปจนเกือบ
จะหมดแล้ว ตอบตกลง
“ดีเลย....แม่ก็บ่นคิดถึงวินอยู่เหมือนกัน” วินรู้สึกดีใจ หวังลึก ๆ ว่าให้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ
แมทดึงมือวินไปวางไว้บนตัก และกุมไว้ตลอดทางที่จะไปบ้านของเขา วันนี้แมทดูยิ้มแย้ม
และให้ความอบอุ่นกับวินดีขึ้นกว่าปกติ ทั้ง ๆ ที่แมทไม่เคยจับมือวินขณะขับรถมาก่อน
วินแปลกใจเล็กน้อย แต่ความรู้สึกดี ๆ มันมีมากกว่า เลยไม่ได้คิดอะไร
เมื่อถึงบ้านของแมท พี่แสงเดือนก็ออกมาเปิดประตู โดยที่วินขอลงจากรถเพื่อไปทักทาย
พี่แสงเดือนก่อน
“พี่แสงเดือน เป็นไงบ้าง” วินเอ่ยทัก
“สบายดีค่ะ....กะหรี่ปั๊บอร่อยมากเลยคุณวิน” นี่วินลืมไปแล้วนะเนี่ยเรื่องกะหรี่ปั๊บ
เกือบจะเดือนนึงแล้ว พี่แสงเดือนยังจำได้ และมาตอบคำถามของวิน
“วินบอกแล้วไง...เรียกน้องวิน ดีกว่าเยอะ” วินเตือนสติพี่แสงเดือน
“ค่า....” พี่แสงเดือนเอนตัวมาจับมือของวินอย่างเอ็นดู
“แสงเดือนมากไปแล้วนะเธอ” คุณแม่เอ่ยขึ้น วินไม่ได้สังเกตว่าคุณแม่เดินมาขณะนั้น
พี่แสงเดือนหน้าเจื่อน ปล่อยมือวินทันที
“คิดถึงจังเลยลูก...” คุณแม่เข้ามาสวมกอดวิน หลังจากที่วินยกมือไหว้สวัสดีคุณแม่
“เข้าไปเตรียมน้ำมาให้คุณแมทกับคุณวินสิ” คุณแม่พูดกับพี่แสงเดือนที่ยังยืนหน้าจ๋อย ๆ
อยู่ตรงนั้น
“ค่ะ” พี่แสงเดือนรับคำ เอามือประสานสำรวมไว้ข้างหน้า ก้มตัวผ่านวินและคุณแม่เข้า
บ้านไป....วินสงสารพี่แสงเดือนนิดหน่อยที่ทำท่าอย่างนั้น พี่แสงเดือนเป็นคนตัวเล็ก ๆ
ตัวเตี้ยกว่าวินเสียอีก หน้ากลม ๆ ทำท่าแบบนี้แล้วดูน่าสงสารยังไงก็ไม่รู้
“เข้าบ้านดีกว่าครับวิน” แมทที่เพิ่งเอารถไปจอดเดินเข้ามาพอดี
“ไปลูก” คุณแม่โอบวินเดินเข้าบ้าน ทั้งสองดูมีสีหน้าปิติยังไงบอกไม่ถูก
“วินวันนี้อยู่ทานข้าวเย็นกับแม่ได้มั้ยลูก” คุณแม่หันมาถามก่อนจะเข้าตัวบ้าน
“น่าจะได้ครับคุณแม่” วินตอบ
“วินโทรไปบอกที่บ้านไป.....ว่าจะกลับซัก 2 – 3 ทุ่ม” แมทหันมาบอก
“อืม ๆ เดี๋ยววินลองขอดู” วินรับคำโดยไม่ลังเลเท่าไรนัก
เราทั้งสามเข้าไปในบ้าน และนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก โดยมีพี่แสงเดือนกำลังนั่งคุกเข่า
เสิร์ฟน้ำบนโต๊ะ วินยิ้มให้พี่แสงเดือนเล็กน้อย แต่พี่แสงเดือนดูเหมือนจะต้องแอบยิ้ม
กลับมาให้วิน
“วินลูก….. ปล่อยให้แสงเดือนปีนเกลียวกับลูกอย่างนั้นได้ยังไง” คุณแม่เอ่ยถาม
หลังจากพี่แสงเดือนออกไปจากรัศมีเสียงของคุณแม่
“ยังไงคุณแม่” แมทถาม ทำสีหน้าแปลกใจ
“ก็เมื่อกี๊...แม่เห็นยืนจับมือลูกวิน แกว่งไปแกว่งมา เหมือนเพื่อนเล่นอย่างนั้นแหละ”
คุณแม่ตอบลูกชายของท่าน
“ไม่เป็นไรหรอกคุณแม่...พี่แสงเดือนคงเอ็นดูวิน ก็เลยเล่นด้วย” วินตอบตามความคิด
ของตัวเองออกไป
“ไม่ได้นะลูก...อีกหน่อยไม่ลูบหัวลูกหรอจ๊ะ” คุณแม่ทำสีหน้าตกอกตกใจกับคำตอบของ
วินเมื่อครู่ เอ่ยค้านขึ้นมา
“วิน...คนใช้ก็คือคนใช้สิ...อย่าไปเล่นด้วยมาก” แมทใช้คำแรงมากสำหรับวิน วินไม่เคย
เรียกคนที่บ้านว่า ‘คนใช้’ แม่แต่ครั้งเดียว เราจะเรียกว่า ‘เด็ก’ หรือ ‘แม่บ้าน’ ตลอด
“แมท - - เรียกพี่เค้าว่าแม่บ้านสิ….เพราะกว่าคนใช้เยอะเลย” วินหันไปพูดกับแมทเบา ๆ
“เอาเถอะลูกวิน....จะคำไหนก็ช่าง....ก็คือคนทำงานบ้าน....เราจะไปลดตัวอย่างนั้น
ไม่ได้....ที่บ้านวินไม่มีคนใช้หรอลูก” คุณแม่ยังคงใช้คำเดียวกับลูกชายของท่าน ซ้ำยังใช้
คำว่า ‘ลดตัว’ เพิ่มเข้ามา ทำเอาวินอึ้งเล็กน้อย
“ก็มีฮะคุณแม่” วินตอบเสียงอ่อย ๆ
“แล้วคุณพ่อคุณแม่วินไม่ได้สอนเรื่องนี้หรอลูก” คุณแม่ถาม
“ท่านก็พูดบ้าง...แต่วินเห็นว่าพี่แสงเดือนเค้าเป็นคนน่ารัก วินคุยด้วยแล้วสนุกดี อีกอย่าง
วินคิดว่าแค่จับมือ คงไม่เป็นอะไร....ถ้าจับหัว วินก็อาจจะคิดอีกที” วินตอบ
“นี่วินคุยอะไรกับพี่แสงเดือนมากมายหรอ” แมทหันมาถาม
“นั่นสิ....” คุณแม่ก็ดูฉงนไปด้วย
“ก็ - - คุยไม่มากหรอกแมท คุยไปเรื่อย พี่แสงเดือนเป็นคนคุยสนุกดี เท่านั้นเอง” วินตอบ
“อย่าไปคุยเล่นมากนะลูก เดี๋ยวจะปีนเกลียว” คุณแม่ตบท้ายก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
(เปลี่ยนเสียที นี่ทำอย่างกับวินทำอะไรผิดมากมาย ถ้าเป็นเรื่องฟิวแล้วมาสอบสวนวิน
อย่างนี้จะไม่งงเลย)
“แมทพาวินไปดูทีวีที่ห้องก็ได้นะลูก ... จะได้ไม่เบื่อ - - เดี๋ยวอาหารเย็นพร้อมแล้วแม่จะให้
แสงเดือนขึ้นไปเรียก” คุณแม่กล่าว
“ครับ...ไปวิน....ขึ้นไปเล่นเกมกัน” แมทชวน.....แมทจ๋า.... วินเล่นเกมไม่เป็น -*-
ขอเป็นมาริโอ หรือเทตริสได้มั้ย (Mario / Tetris)
พอถึงชั้นสามแมทก็เดินไปที่เกมเพลย์สเตชั่นในห้องเล่นเกมของเขา
“วินอยากเล่นอะไร” แมทเอ่ยถาม
“ขอวินดูหน่อย...มีเกมอะไรบ้าง” วินตอบ .....ในใจอยากจะบอกว่าไม่เคยเล่น แต่ขอดู
เสียหน่อย เผื่อมีอะไรที่เคยผ่านมือมาแล้วบ้าง
“ชอบอันนี้มั้ยวิน” แมทยกแผ่นเกมขึ้นมา เป็นรูปอะไรก็ไม่รู้ แดง ๆ เละ ๆ ไม่น่าอภิรมย์
เอาเสียเลย ถ้าไม่บอกว่าเกม วินคงนึกว่าหนังสยองขวัญ
“ไม่เอาอ่ะ อะไรก็ไม่รู้” วินตอบไปตามความคิด
...........ในที่สุดวินก็หามาริโอ หรือเทตริสไม่เจอ.....นี่แมทไม่รู้จักซื้อเกมพวกนี้มาเล่นบ้าง
หรือยังไงเนี่ย.......เชยจริง ๆ บ้านวินยังมีเลย เดี๋ยวจะเอามาให้ยืมเล่น (หวังว่าเครื่อง
เพลย์ฯ ของแมท จะเล่นเกมตลับของวินได้นะ)
“ไม่เห็นมีอะไรน่าเล่นเลย...เถื่อน ๆ ทั้งนั้น” วินเอ่ยขึ้นหลังจากพิจารณาดูทั้งหมดแล้ว
.....ไม่มีแต่รูปปืน ก็รถแข่ง หรือไม่งั้นก็มีแต่รูปผี ตัวเดียวมั่ง เป็นฝูงมั่ง (นี่แมทเล่นตอน
กลางคืนบ้างรึเปล่าเนี่ย...จะได้มาช๊อคเป็นเพื่อน)
“บ้าหรอ...ออกจะสนุก” แมทพูดขึ้น
“สนุกกะผีอ่ะสิ” วินเถียง (ก็ผีทั้งนั้นเลยอ่ะแมท)
“ให้สอนมั้ย....สนุกนะวิน เล่นแข่งกัน” แมทกล่าว....เกมผีเนี่ยนะ....มีแข่งกันด้วย ?
แข่งกันตายหรือนี่ ??
“ไม่เอาอ่ะ...ไม่เห็นน่าหนุกเลย” วินตอบ
“อ๋อ...ชอบหนุก ๆ ก็ไม่บอก” แมทลุกขึ้นมาเข้าใกล้วิน ที่นั่งอยู่ วินผลักแมทออก...ไม่เบา
เท่าไหร่นะ แมทกระเด็นเสียหลักไปอยู่เหมือนกัน (ขอเล่นตัวนิดนึง)
“โอโห...อะไรเนี่ย ทำไมต้องถีบกันด้วย” แมทหัวเราะ
“อ้าว.....กะแค่ยันเบา ๆ เอง” วินหยอกกลับ
“นะ ๆ ..... ขอเหอะ” แมททำหน้าตาละห้อย
“อะไร ๆ” วินเริ่ม ๆ เขิน..........ว่าแล้วแมทก็เข้ามาจูบ....เห้อ....วินชักติดใจแล้วนะ -*-
และเราทั้งสองก็ลงเอยด้วยการมีอะไรกันอีก (ในห้องแมทนะ ไม่ใช่ตรงนั้น) เป็นครั้งที่ 3
จากนั้นวินก็โทรขอที่บ้านว่าจะกลับบ้านค่ำ โดยได้รับคำอนุมัติจากคุณแม่ที่แสนดี
และวินก็นั่งแช่แอร์อยู่บนเตียงกับแมทในห้องนอน ดูหนังกันอยู่สองคนจนจบ
(จำชื่อเรื่องไม่ได้แล้ว แต่จำได้ว่าสนุกมาก....สนุกเสียจนแมทกับวินแทบไม่พูดกันสักคำ)
ไม่นานพี่แสงเดือนก็มาเคาะเรียกที่หน้าห้อง บอกว่าให้ลงไปทานอาหารเย็นได้แล้ว
“มาเร็วลูก...กำลังร้อน ๆ“ คุณแม่เอ่ยปากชักชวน
“หิว ๆ ๆ ๆ” แมทถูมือไปมา
อาหารมื้อนั้นอร่อยไม่แพ้มื้อแรกเมื่อ 2 – 3 สัปดาห์ก่อนเลย พี่แสงเดือนนี่สุดยอดแม่ครัว
เสียจริง ๆ......ไม่น่ากลับอิสานเลย น่าจะมาอยู่กับวินให้หายคิดถึง
“วินลูก...” หลังจากทานอาหารเสร็จไม่นาน คุณแม่ก็เรียกพร้อมยิ้มให้วิน
วินหันไปมองคุณแม่แล้วยิ้มตอบ
“ดูนี่ - - ชอบมั้ย” คุณแม่ยื่นกล่องกำมะหยี่สี่เหลี่ยมสีขาวมาให้วิน....ในใจก็พอเดาออก
แล้วว่าอะไรอยู่ในกล่องนั้น....วินเปิดออกหลังจากรับมา
“ดูด้านในแหวนสิครับ” แมทบอก
วินได้รับแหวนทองคำขาว ที่ตรงขอบด้านในของแหวน (ส่วนที่หันเข้าหานิ้วของเราเมื่อ
สวมแล้ว) สลักตัวย่อ ‘M.W.’
“มาแมทใส่ให้” แมทเอ่ยขึ้น แล้วสวมแหวนให้วิน วินเขินคุณแม่อยู่เล็กน้อย
“อ่ะสวมให้แมทสิลูก” คุณแม่ยื่นอีกกล่องมาให้วิน โดยวงนี้สลักคำย่อ ‘W.M.‘
วินสวมแหวนวงนั้นให้แมท วินยิ้มดีใจตามความรู้สึก แต่ลึก ๆ ก็คิดว่านี่เรารับของ
เขามาราคาหลายอยู่เหมือนกันนะ ...แล้วไหนจะนาฬิกาอีก
“วินจะเป็นแรกและคนเดียวที่แมทรักที่สุดนะ...แมทคุยกับคุณแม่เรื่องนี้มาทั้งอาทิตย์เลย
ขอให้คุณแม่สั่งทำแหวนให้ สองวงนี้ไม่เหมือนที่ไหนนะ ไม่ได้มีขายอยู่ตามร้านทั่วไป
คุณแม่สั่งทำพิเศษขึ้นมาสองวง และก็ให้เค้าสลักให้ด้วย” แมทพูดเสียงซึ้ง
“วงที่สลัก M.W. หมายถึง แมทรักวิน ซึ่งแม่ให้วินใส่ ส่วนอีกวงคือวินรักแมท อันนั้น
แมทก็เป็นคนใส่…..อันนี้แม่คิดเองเลยนะ” คุณแม่ยิ้มแย้มให้เราสองคน วินรู้สึกดีใจมาก
ความคิดที่ว่าวินสู้พี่กอล์ฟไม่ได้ และที่เคยคิดว่าคุณแม่ชอบพี่กอล์ฟมากและคุณแม่คง
ชอบวินไม่เท่าพี่กอล์ฟแน่ ๆ .........มาถึงตอนนี้วินรู้สึกมั่นใจขึ้น และดีใจขึ้นมาก ๆ
แต่แล้วความดีใจนั้นก็หาได้อยู่คงทนถาวรกับวินไม่ อะไรดลใจแมทก็ไม่ทราบให้ต้อง
ปวดท้องจู๊ด ๆ ขึ้นมาเดี๋ยวนั้น (รอวินกลับก่อนก็ไม่ได้) ทำให้วินอยู่กับคุณแม่สองคนบน
โต๊ะอาหารในที่สุด
“วิน...” คุณแม่น้ำเสียงเปลี่ยนเล็กน้อย วินเองก็งงเล็กน้อย
“ที่แม่ทำแหวนให้...เพราะแมทขอ...แต่ก็ใช่ว่าแม่ไม่อยากทำนะ - - แต่วินต้องเข้าใจ
ว่าแม่ยังไม่มั่นใจในตัววินนัก...แม่เองก็ไม่รู้ว่าแมทจะรักวินจริงรึเปล่า - - แต่แม่เอง
ก็ไม่อยากขัดลูกของแม่....ฉะนั้นพิสูจน์ตัวเองให้แม่เห็น...ว่าวินซื่อสัตย์กับแมทจริง ๆ
และแม่จะไม่รู้สึกเสียดายเรื่องแหวนสองวงนี้เลย” คุณแม่พูดเสียงเรียบ ๆ และดู
ไร้อารมณ์มาก ๆ ต่างกับเมื่อสักครู่ราวกับคนละคน แต่วินตายไปพร้อมกับประโยคของ
คุณแม่ตั้งแต่ที่ว่า ‘แม่เองก็ไม่รู้ว่าแมทจะรักวินจริงรึเปล่า’ แล้ว
นี่คุณแม่เห็นวินไม่มีหัวใจหรืออย่างไร...วินรู้สึกว่าแหวนนี้มันไร้ค่าไปเลยครึ่งหนึ่ง
(อีกครึ่งหนึ่งก็มาจากความตั้งใจของแมทเท่านั้น) วินได้แต่ถามคุณแม่ในใจว่าทำไมถึง
ได้ใจร้ายกับวินจัง….ถ้าจะโกรธวินเรื่องฟิว วินก็ขอโทษ และได้รับปากกับคุณแม่ไปแล้ว
ตั้งแต่ที่โรงงาน และเรื่องมันก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว ทำไมคุณแม่ยังไม่ชอบใจวินอยู่อีก
วินได้แต่เงียบ ไม่พูดอะไร คุณแม่ก็มองหน้าวินอยู่อย่างนั้นเกือบ ๆ 1 นาที โดยที่วินมอง
หน้าคุณแม่บ้าง มองไปที่โต๊ะอาหารบ้าง (ไม่กล้าสบตา) คุณแม่ไม่ยิ้ม ไม่มีสีหน้าโกรธ
แต่มองวินเฉย ๆ เหมือนคุณแม่จ้องอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่แฟนของลูกคุณแม่ วินไม่เคย
พบเคยเห็นกับสายตาแบบนี้ วินกลัวมาก จนรู้สึกเหมือนตัวจะสั่นเสียด้วยซ้ำ วินไม่รู้
ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น (อย่างที่บอกว่าตอนนั้นวินยังไม่รู้ว่าท่านป่วยทางจิต)
“ใส่เอาไว้ตลอดหละ - - จะได้เป็นเครื่องเตือนสติ....ถ้าเราจะทำอะไรผิด หรืออะไรที่
ถือว่าเป็นการไม่ซื่อสัตย์กับแมท” คุณแม่เอ่ยขึ้น เหมือนเมื่อครู่ยังไม่หนักพอ คุณแม่
ยังปรามาสวินล่วงหน้า ว่าวินจะไปทำอะไรที่ผิดต่อแมทต่ออีก
“คุณแม่...” วินที่สีหน้าสลดไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น - - ฟังอย่างเดียวก็พอ.....แม่เป็นผู้ใหญ่แล้ว รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร”
คุณแม่เอ่ยขึ้นอีก
“เราสองคนก็แค่เด็กม.6 อนาคตยังอีกยาวไกล แมทอาจจะไปเจอใครที่ถูกใจกว่านี้
ที่มหาวิทยาลัยก็ได้ ที่จุฬาฯ เด็กหน้าตาดี เพียบพร้อมเยอะแยะ แมทอาจจะไปเจอ
อะไร ๆ ที่ดีกว่าที่นั่น” คุณแม่ยิงบาซูก้าใส่วินไม่หยุดหย่อน......คุณแม่ปลื้มมหาวิทยาลัย
นี้มาก และหวังว่าลูกชายของท่านจะเข้าได้ในที่สุด (แต่คุณแม่ก็ต้องผิดหวัง และยังโทษ
อีกด้วยว่า ‘มันเป็นความผิดของวิน’ ...... แต่มันก็อาจจะจริงก็ได้มั้ง)