[เรื่องจริง] รักครั้งแรก...แสนสาหัส (เจ็บแล้วจำคือคน...เจ็บแล้วทนคือกรู)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องจริง] รักครั้งแรก...แสนสาหัส (เจ็บแล้วจำคือคน...เจ็บแล้วทนคือกรู)  (อ่าน 106424 ครั้ง)

MaWin

  • บุคคลทั่วไป
คุงแม่ไม่เห้นโหดร้ายเยยอะ  :a5:

มาต่อด่วนๆๆๆคับพี่วินนี่  :oni2:

ปล.มาลงเรื่องต่อ หลังจากคอมเม้นผมทุกทีเยย เลยมะทันได้อ่าน  :o12:


ไม่ได้น้อยใจจนวิ่งหนีไปจริง ๆใช่ม้ะ

ปล.ถึงผู้อ่านทุกท่าน........
เรื่องร้าย ๆ มั่งเริ่มต้นเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอ
แล้วทุกท่านจะรู้ซึ้งถึงคำว่า "หน้ามือ เป็นหลังเท้า"

MaWin

  • บุคคลทั่วไป
^
^
มั่ง = มัก

MaWin

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 6 ค้างที่นี่นะ...คืนนี้

เมื่อพี่แสงเดือน (พี่แม่บ้านคนนี้ภายหลังมีบทบาทในชีวิตวินมาก) จัดอาหารเสร็จ เราทั้ง
สาม จึงไปนั่งที่โต๊ะกัน   คุณแม่นั่งที่หัวโต๊ะ แมทนั่งตรงข้ามวิน เกิดมาวินไม่เคยนั่งกินข้าว
บรรยากาศแบบนี้มาก่อน โต๊ะมันใหญ่มาก โล่ง ๆ พิลึก  (แล้วนึกดูว่าถ้าไม่มีวิน เขาก็จะ
กินกันสองคน)

คาดว่าหลาย ๆ คนคงนึกถึงฉากในละครที่มีการตักอาหารให้กันใช่ม้ะ วินเองก็คิดเช่นนั้น
แต่วินบอกแล้วว่าแมทเป็นคนตรง ๆ ไม่แสร้ง หรือแกล้งทำอะไรให้เพื่อดูดี หรือสร้าง
บรรยากาศโรแมนติกขึ้นเองโดยไม่เป็นธรรมชาติ หรือแมทก็อาจจะไม่อยากทำให้เหมือน
ในละครก็เป็นได้ (อิอิ)
ฉากแบบนั้นจึงไม่เกิดขึ้น มีแต่ใช้ส้อมชี้แล้วพูดว่า “วินกินนี่ดิ” แค่นั้น
ฝีมือในการเข้าครัวของคุณแม่ และลูกมืออย่างพี่แสงเดือน ทำให้กับข้าวมื้อนั้นอร่อยมาก
พี่แสงเดือนทอดไข่เจียวหมูสับได้อร่อยเหมือนร้านอาหารเลย ทำให้วินได้เคล็ดลับการ
เจียวไข่ให้ฟู อร่อยมาด้วยตอนนั้น เวลาทอดไข่ก็ไม่มีตอนไหนที่ไม่นึกถึงคนบ้านนี้  (อีกแล้ว)

เวลาแห่งความสบายใจในชีวิตวินตั้งแต่มีฟิว มักสั้นลงเสมอ ระหว่างที่เรากำลังจะจัดการ
กับอาหารมื้อนั้นเสร็จ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น   ไม่ขึ้นชื่อผู้โทรแต่ขึ้นเบอร์ วินจำได้ทันทีว่าเป็นฟิว
จากเลขลงท้าย 777 ที่ส่ง sms มาเมื่อกลางวัน เพียงแต่วินยังไม่ได้เซฟชื่อลงเครื่องเท่านั้น
วินรีบรับเพื่อให้ดูเป็นปกติ ไม่รีรอนานเกินไปให้แมทสงสัยจากอาการได้

“ฮัลโหล” น้ำเสียงเรียบเฉยของวินส่งไปตามสาย
“วิน - - อยู่ไหน” ฟิวส่งเสียงค่อนข้างเริงร่า (เดาจากน้ำเสียงเอา)
“อยู่บ้านแมท...มีอะไรรึเปล่า”
วินกดน้ำเสียงให้เหมือนคุยกับเพื่อน ๆ เหมือนเวลาอั้มโทรมา
“โทรมาหาเฉย ๆ อยากรู้ว่าถึงบ้านรึยัง - - แต่ถ้ายังอยู่บ้านแฟนก็แค่นี้ก่อนก็ได้”
ฟิวน้ำเสียงธรรมดามาก วินแปลกใจที่ฟิวสามารถทำท่าทีหรือแสดงอาการไม่รู้ร้อนหนาว

เช่นนี้ได้อย่างไรกัน
“อืม โอเคๆ” วินรีบตัดบท
“งั้นไว้โทรหาใหม่นะ” ฟิวบอกก่อนจะวางสายไป โดยที่วินยังไม่ได้ทันได้พูดตอบอะไร
“อิ่มมั้ยวิน” แมทถาม วินพยักหน้าตอบ (อย่างที่วินบอกว่าแมทให้เกียรติวินเสมอ
ไม่เคยถามว่าใครโทรมา หรือซอกแซกอะไรแต่อย่างใด)
วินพยักหน้า และยัดโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋ากางเกงก่อนจะลุกไปช่วยทุกคนเก็บจาน
“ไม่เป็นไรลูก...วิน เดี๋ยวให้เดือนเค้ามาเก็บ - - แมทพาวินไปเดินเล่นที่สวนสิ หรือพาทัวร์
บ้านก็ได้ลูก” คุณแม่เอ่ยขึ้น
“วินไปดูห้องแมทดีกว่า…จะพาไปดู” แมทดึงมือวินขึ้นบันไดไป
“อีก 10 นาทีลงมาทานผลไม้กับขนมหวานกันนะลูก” เสียงคุณแม่แมทพูดตามหลังมา
“ครับ” วินเป็นฝ่ายตอบรับแทนเราสองคน
นี่เป็นครั้งที่วินได้เห็นทุก ๆ ส่วนของบ้านแมท เป็นบ้านที่สวยมาก หรูมาก เฟอร์นิเจอร์
ราคาแพงทั้งสิ้น  บ้านวินเป็นบ้านสองชั้นธรรมดาทั่วไป เก่าแก่ 20 กว่าปีแล้ว อยู่มาตั้งแต่
รุ่นตารุ่นยายกันแล้ว พอเห็นอะไรแบบนี้ก็ตื่นตาตื่นใจ

“บ้านสวยมากอ่ะแมท” วินเอ่ยขึ้น
“อืม...แต่ไม่อบอุ่นเท่าบ้านวินหรอก....หลังใหญ่ หรือสวยมากแค่ไหนก็เท่านั้นแหละ
ถ้าขาดสมาชิกในครอบครัวไป” คำพูดของแมททำเอาวินน้ำตาซึมไม่รู้ตัว วินสงสารแมท
จับใจกับคำพูดของแมทอยู่เสมอ ๆ (แต่สุดท้ายวินกลับใช้ข้อด้อยนี้ของแมททำร้ายแมท
กลับเช่นกัน . . . บาปกรรมที่สุด!)

แมทพาวินขึ้นไปชั้นสาม และเข้าไปดูในห้องนอน เราเดินดูกันทุกอย่างไม่ว่าจะห้องน้ำ
ตู้เสื้อผ้า ตอนนั้นรู้สึกอย่างกับว่าจะย้ายมาอยู่กันเลยทีเดียว   ครู่นึงแมทก็พาวินนั่งลงที่
ปลายเตียง ที่นอนนุ่มสุด ๆ ผ้าคลุมเตียงเป็นผ้านวมสีเลือดหมู อย่างกับในหนังราชวงศ์
ฝรั่ง อย่าง Princess’s Diaries

“วินค้างด้วยกันเหอะ” แมทยิ้มทำหน้าอ้อนวอน
“จะบ้าหรอแมท ... แมทก็รู้ว่าที่บ้านวินเป็นไง” วินตอบไปทั้งที่ในใจลึก ๆ ก็อยากลองนอน
ในคฤหาสห์หลังนี้เสียจริง ๆ (ไม่ได้คิดเรื่องอะไรนอกจากนี้จริง ๆ นะ   วินอินโนเซนส์สุด ๆ
แล้วม.6 ในตอนนั้น ไม่รู้เรื่องอะไรที่สุดในสายชั้นแล้วมั้ง...อิอิ)
“ไม่ลองไม่รู้นะวิน ลองขอดูก่อน - - พรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวสระบุรีกัน” แมทอ้อนต่อ
“โรงงานอยู่ที่นั่นหรอ” วินถาม
“อืมจริง ๆ อยากให้อยู่ใกล้ ๆ แถวรังสิตเนี่ยแหละ แต่ไม่รู้ว่าโซนนิ่งยังไง กระเถิบไปถึงนู่น”
ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกว่าแมทหมายถึงอะไร แต่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้อะไรมากอยู่ดีเหมือนมีการจัด
โซนที่ตั้งของโรงงานแต่ละประเภทอะไรประมาณนั้น (มั้งนะ)
“นะ - - นะ ๆ ๆ วินนะ ... นะคร๊าบบ นะนะ ...นะครับ” แมทพูดมาแบบนี้
แล้วคนแพ้คนพูดเพราะอย่างวินก็ใจอ่อนในที่สุด
“นอนยังไงอ่ะแมท เสื้อผ้าอะไรก็ไม่มี” วินแอบตกลงเป็นเชิง (อิอิ)
“ชุดแมทไง วินใส่ได้อยู่แล้ว” วินกับแมทตัวพอ ๆ กัน ตอนนั้นแมทสูง 172 วินสูง 170
เห็นจะได้ แต่แมทจะตัวใหญ่กว่าวินเล็กน้อย ตอนนั้นวินเอว 26 เอง ^^ ส่วนแมท 29 มั้ง
“จริงดิ....” วินครุ่นคิด เพราะไม่กล้าจะโทรไปขอที่บ้าน นี่เป็นครั้งแรกที่วินจะขอที่บ้านเพื่อ
ไปค้างบ้านเพื่อน (แต่ในใจก็อยากค้างนั่นแหละ ไม่ได้ขัดข้องอะไร อีกอย่างมันก็เริ่มดึก
แล้วหละน่าจะสักประมาณ 3 ทุ่มเกือบ ๆ 4 ทุ่มเห็นจะได้)
แต่ในที่สุดความต้องการก็ชนะความหวาดหวั่น วินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรไปที่บ้าน
จนได้
“ว่าไงลูก” เสียงคุณพ่อวินรับมาอย่างอารมณ์ดี ทำให้วินค่อยใจชื้นขึ้น
“พ่อ - - - - - วินขอนอนบ้านเพื่อนได้มั้ยวันนี้” วินทำเสียงเรียบ ๆ ถามไป
“ถามแม่ละกัน….อ่ะ - - เดี๋ยวนะ” ในบ้านอำนาจตัดสินใจสูงสุดมักจะตกอยู่ที่แม่ของวิน
พ่อยื่นโทรศัพท์ให้แม่ทันที โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
“ว่าไง” เสียงเข้ม ๆ ของแม่มาตามสาย
“แม่ - - - - - - - วินจะขอนอนบ้านเพื่อนอ่ะ” วินรวบรวมความกล้ามากพอแล้วถามไป
“ที่ไหน?”  คุณแม่ถาม
“ในหมู่บ้านเราเนี่ยแหละ” วินตอบไปด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเล็กน้อย
“ตรงไหนหละ ในหมู่บ้านเราอ่ะ” คุณแม่สุดที่รักยังคงถามต่อไปเสียงแข็ง ๆ
“วินก็บอกไม่ถูกอ่ะแม่ มันคนละสายกัน อยู่หลังโรงเรียน ‘xxxx’ อีกทีนึง”
วินอธิบายไม่ถูกแต่นึกขึ้นได้ว่ามีโรงเรียนที่มั่นใจว่าคุณแม่รู้จักอยู่แถวนั้นจึงบอกไป
“อ๋อ . . . อย่าโกหกแม่นะวิน เกิดแม่ไปแถวนั้นแล้วไม่เจอหละน่าดู”
คุณแม่วินเป็นเช่นนี้เสมอ แต่จริง ๆ ท่านไม่ใช่คนชอบจับผิด ท่านแค่ต้องการอบรม
ลูกก็เท่านั้น ซึ่งก็ได้ผลดี วินถือได้ว่าเป็นที่รักของญาติพี่น้องในเรื่องของการวางตัว
การพูดการจา แม้ว่าวินจะโดนทางลุง ทางป้าแซวเรื่องลุค (Look) ที่เรียบร้อยนุ่มนิ่ม
อยู่บ่อย ๆ วินก็เก็บอาการและทำเป็นตลกได้เสมอ ข้อนี้คุณแม่บอกว่าภูมิใจที่สุด
ที่ลูกแม่ไม่เคยแสดงท่าที่หยาบคายใด ๆ เลย
พูดถึงลุง - ป้า ที่ชอบแซว ทุกครั้งที่วินโดนแซว สีหน้าของคุณพ่อจะไม่พอใจอยู่เสมอ
แต่ด้วยคุณพ่อเป็นน้องสุดท้อง และเป็นคนไม่ชอบมีปากเสียง (ข้อดีตรงนี้วินก็ได้
มาจากพ่อ) คุณพ่อจะนิ่ง ๆ เงียบ หรือก้มหน้าไป บางทีก็ลุกไปทำอย่างอื่นเลย
วินนึกก็สงสารพ่อ แต่ถ้าถามวินจริง ๆ เหมือนหลาย ๆ คนเคยโดนถามว่า
‘ถ้าเลือกได้จะเป็นเกย์มั้ย’ วินก็ไม่รู้นะ วินตอบไม่ถูก วินไม่เคยอยากเป็นผู้หญิง
แต่วินก็ไม่ได้อยากเป็นผู้ชาย วินอาจจะพอใจในความเป็นตัวเองของวิน
ซึ่งวินบอกตัวเองเสมอว่า ไม่ว่าวินจะเป็นอย่างไร วินจะไม่ทำให้พ่อแม่ต้องอับอาย
ซึ่งปัจจุบันนี้เมื่อคุณแม่รับรู้แล้ว แต่เราก็ยังคงไม่พูดกันตรง ๆ เท่าไรนัก  คุณแม่
เคยพูดกับวินบนรถว่า ‘จะเป็นอะไรก็เป็นเถอะลูกแม่อ่ะ  แต่เป็นคนดี แล้วทำให้แม่
ภาคภูมิใจก็พอ ... อย่าทำให้แม่เสียใจแล้วกันนะลูก’ แต่นั้นมาวินก็ไม่เคยทำอะไร
ให้แม่ต้องเจ็บช้ำน้ำใจเลย

กลับมาถึงตอนที่คุณแม่รับรู้ว่าวินอยู่ตรงไหน คุณแม่ก็ไม่ว่าอะไร แล้วบอกว่า จะมาเอา
เสื้อผ้าไปรึเปล่า หรือจะให้พ่อเค้าเอาไปให้ (เห็นมั้ยว่าคุณแม่ท่านใจดีแค่ไหน ไม่ว่า
อย่างไร ท่านจะแทรกความเป็นห่วงอยู่เสมอ และมักบริการลูก ๆ เช่นนี้ตลอดมา
ไม่ว่าจะกับวิน หรือโดยเฉพาะยัยน้องสาวที่วินรักมันสุดใจเช่นกัน แต่เธอทำอะไร
ไม่ค่อยจะเป็นเลย)
“เออ...แม่ - - พรุ่งนี้วินขอไปเที่ยวกับที่บ้านเพื่อนด้วยนะ คงกลับบ่าย ๆ”
วินได้คืบจะเอาศอก
“ไปถึงไหนหละ แล้วเสื้อผ้ามีหรอ” คุณแม่ยังคงเป็นห่วงวินต่อ ...วินลืมบอกไปว่า
คุณแม่วินเองก็วัยรุ่นไม่เบา แต่ด้วยหน้าที่การงานที่มีตำแหน่งค่อนข้างสูง
และอาวุโส ท่านจึงมีมาดที่น่าเกรงขามอยู่มาก แต่เมื่ออยู่กับครอบครัว คุณแม่เป็น
คนอารมณ์ขัน และแต่งตัวเก่งที่สุดในโลก (สำหรับวิน) ท่านแต่งตัวเหมาะสมกับโอกาส
และแสดงความเป็นตัวท่านอย่างเหลือเชื่อ ท่านจึงได้ถามวินเรื่องเสื้อผ้าที่จะใส่
เพราะท่านให้ความใส่ใจในบุคลิกของลูกทั้งสองของท่านมาก
“ใส่ของวันนี้แหละแม่ ... ไม่เป็นไรหรอก วันนี้เดินแต่ห้าง อยู่กับแอร์ทั้งวัน”
แท้จริงวินจะใส่เสื้อของแมทต่างหาก แต่วินกลัวไปเองว่ามันดูไม่ดี
“ตามใจ ๆ กลับมาให้ทันอาหารเย็นนะ” คุณแม่จะซีเรียสกับวันอาทิตย์มาก ซึ่งต้องยก
ให้เป็นวันของครอบครัว โดยเฉพาะเวลาทานข้าวต้องพร้อมหน้า พูดคุยกัน
“ฮะแม่” บอกแล้ววินไม่ค่อยพูดครับอย่างเต็มปากเท่าไรนัก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

ในที่สุดวินก็ได้ค้างกับแมทสมใจทั้งวิน และทั้งบ้านแมท (รึเปล่า?)  อย่างที่วินเกริ่นไว้
ตั้งแต่ในตอนที่3 แล้วว่า เดือนที่ 2 ย่างเข้าเดือนที่ 3 นี้ ความสัมพันธ์เราจะคืบหน้า
จริง ๆ ไม่อยากจะเล่า เพราะก็เป็นเรื่องส่วนตัว ใคร ๆ คงไม่อยากจะมารู้นักหรอก
แต่ต้องเล่าสักนิดพอเป็นน้ำจิ้ม   เพราะมันคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้แมทแสดงท่าที
เป็นเจ้าเข้าเจ้าของ และทำตัวเหมือนรู้จักวินไปเสียทุกอย่าง และเรื่องราวก็ตึงเครียด
ขึ้นเรื่อย ๆ แต่นั้นมา

“แม่ให้ด้วยหรอ” แมทยิ้ม น้ำเสียงแทบจะสกัดความดีใจไว้ไม่อยู่
“อืม” วินยิ้มตอบ    “พรุ่งนี้ไปกับแม่แมทได้ด้วย” วินพูดต่อ
“โอ้ยยย....ดีอ่ะ” แมทโผเข้ากอดวินทั้งที่นั่งอยู่บนเตียง แล้วหอมวินตรงบริเวณที่ใต้หู
(แมทหอมตรงนี้บ่อยมาก มันทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกจริง ๆ)
“ตัวหอมจัง” แมทพูดขึ้นหลังจากหอมวิน   “น้ำหอมอะไรอ่ะวิน - - เปลี่ยนใหม่หรอ”
แมทถามถึงยี่ห้อน้ำหอมนั้น
“ดาวิดอฟ” วินตอนสั้น เพราะวินไมได้เปลี่ยนกลิ่นน้ำหอม ใช้มาเป็นปีแล้วด้วยซ้ำ
และแมทก็เคยได้กลิ่นน้ำหอมนี้อีกต่างหาก ทำเอาวินงง และไม่รู้ว่ากลิ่นนั้นมันเปลี่ยนไป
อย่างไร
“จริงหรอ - - วินใช้มานานแล้วนี่...กลิ่นไม่เหมือนเดิม” แมทตอบกลับ
วินตกใจมาก นึกถึงช่วงเวลาในห้องน้ำกับฟิว  หรือว่านี่เราจะใกล้ชิดกันขนาดนั้น จนทำ
เอาน้ำหอมเปลี่ยนกลิ่น วินคิดไปไกลมาก
“ไม่นะแมท - - ก็เหมือนเดิม” สีหน้าวินคงดูตกใจมาก
“ไหนหอมใหม่ซิ” แมทเข้ามาหอมอีก
แล้วแมทก็จับไหล่ทั้งสองของวินให้เอนตัวลงนอนบนเตียง    ที่แท้มันเป็นมุขของแมท
ทำเอาวินอกสั่นขวัญแขวนไปหมด
“แมทรักวินจัง - - วินไม่ใช่คนแรก...แต่จะเป็นคนสุดท้ายแน่ ๆ” วินไม่คิดเลยว่าแมทจะ
หมายความว่าเช่นนั้นจริง ๆ
วินได้แต่ยิ้ม เพราะตกใจกับการกระทำของแมท อกแมททับอกวินอยู่ตรงนั้น วินรู้สึกถึง
อัตราการเต้นของหัวใจของแมท และคิดว่าแมทก็คงรู้สึกของวินเช่นกัน
แมทก้มหน้าลงมาช้า ๆ แล้วเอาปากประกบกับปากของวิน แล้วจุ๊บเหมือนที่เคยทำ
แมทจุ๊บไปยิ้มไป จุ๊บไปยิ้มไปอยู่ 5 – 6 ครั้ง (แมทตอนนั้นตัวก็หอมมากเช่นกัน บอกแล้ว
ว่าแมทเป็นคนเนี๊ยบ สะอาดสะอ้าน) หลังจากนั้นทุกอย่างเริ่มเป็นเรื่องใหม่สำหรับวิน
เรา French Kiss กันในที่สุด   นั่นคือครั้งแรก วินรู้สึกทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ปล่อยให้แมท
ดำเนินการไป วินก็ได้แต่อยู่เฉย ๆ เราอยู่ในฉากนั้นร่วมนาที แล้วแมทก็เอาหน้าออกมา
แล้วมองวินโดยใช้สายตาสีน้ำตาลอ่อน (อ่อนมากจริง ๆ)ที่หวานมากมองวินอย่างรักใคร่
“ลงไปกินขนมกันดีกว่าครับที่รัก ... จะได้บอกแม่ด้วยว่าพรุ่งนี้วินจะไปกับเรา”
แมทเป็นคนที่รู้จักจังหวะในการจู่โจม รู้ว่าตอนไหนควรเริ่ม และตอนไหนควรหยุด
และเว้นช่วงไว้ก่อน (เรียกง่าย ๆ ว่าทำเป็นนั่นเอง) เพราะยังไงคืนนี้เราก็จะอยู่ด้วยกัน
ทั้งคืนอยู่แล้ว
ใจวินเต้นรัวจนเจ็บหน้าอก นึกว่าเป็นโรคหัวใจเสียแล้วตอนนั้น แมทฉุดวินให้ลุกขึ้น
“จัดเสื้อผ้าให้เรียบก่อนวิน” แมทผู้เนี๊ยบสะอาด พินิจวินแค่ชั่วครู่ก่อนจะเตือนให้จัดเสื้อ
“เดี๋ยวแม่เค้าจะรู้ว่าเรา......” แมททิ้งช่วงไป และเปลี่ยนเป็นร้อยยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย
วินชักรู้สึกว่า แมทคนนี้ที่เรารู้จัก ยังมีอะไรที่ต้องรู้จักให้มากกว่านี้แน่ ๆ


NEXT :

ตอนที่ 7 ความสัมพันธ์...ขยับขยาย

Yurameki

  • บุคคลทั่วไป
 :o8: 


แมททททททท   หวานซ้าาาาาาาา หวานซ้าาาาา

แต่เราจะเชียร์ฟิว คิๆ

รุสึกชอบวิธีขอเบอร์ของพี่ท่านมาก   เราชอบแบบนั้นอะ กร๊ายยย  :m1:

 :oni1:

ตามมาช่วยดันกราทู้ด้วยแหละฮับ แร้วนี่พี่วินนี่ไปไหนง่า  ไปเทียวกะแฟนอยู่เหรอ  :oni2:




MaWin

  • บุคคลทั่วไป
:o8: 


แมททททททท   หวานซ้าาาาาาาา หวานซ้าาาาา

แต่เราจะเชียร์ฟิว คิๆ

รุสึกชอบวิธีขอเบอร์ของพี่ท่านมาก   เราชอบแบบนั้นอะ กร๊ายยย  :m1:

 :oni1:

ตามมาช่วยดันกราทู้ด้วยแหละฮับ แร้วนี่พี่วินนี่ไปไหนง่า  ไปเทียวกะแฟนอยู่เหรอ  :oni2:





อยู่เนี่ยแหละ ยูระ
รอคนมาอ่าน 555
ปล.กระทู้เกือบตกแล้วเชียว

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ตามมาอ่านแล้วจ้า  :oni1: :oni1: :oni1:

MaWin

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 7 ความสัมพันธ์...ขยับขยาย

ขณะที่ลงมาจากชั้นสามซึ่งเป็นชั้นของแมท   แมทเดินอยู่ข้าง ๆ และโอบวินจากด้าน
ข้างตลอดเวลา  เราสองคนเดินลงมาอย่างช้า ๆ ถ้าเร็ว ตกบันไดแน่ ๆ เล่นกอดกัน
เดินลงมาอย่างนั้น  วินรู้สึกอบอุ่นที่สุดในชีวิต (ไม่นับความรักที่ได้จากครอบครัวนะ)
แมทเป็นคนหุ่นดีประมาณนึงและตัวใหญ่กว่าวิน แค่กอดเบา ๆ ก็ทำให้วินรู้สึกดีได้ไม่น้อย

พอจะถึงบันไดชั้นสุดท้ายเพื่อจะลงไปยังชั้น 1 แมทจึงปล่อยวิน และเดินลงไปด้วยกัน
ตามปกติ
“แม่บอก 10 นาทีไงแมท - - เร็วเข้าขนมเย็ชืดหมดแล้วลูก” คุณแม่แมทเอ่ยขึ้น
เราสองคนหายไปเกือบครึ่งชั่วเห็นจะได้ อยู่ในห้องนอนแมทก็เกือบ 10 นาทีเข้าไปแล้ว
แต่ความรู้สึกระหว่างตลอดเกือบครึ่งชั่วโมงนั้น วินรู้สึกว่ามันไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ
ยิ่งสิ่งที่เกิดในห้องนอนแมทเมื่อครู่ เหมือนเพียง 1 นาทีเท่านั้น
“แม่ - - วินนอนที่นี่ได้มั้ยครับ” แมทถามแม่ สีหน้ายิ้มแย้ม
“อ่าว ก็แม่เพิ่งให้ลูกชวนวินเค้านี่ - - ไว้วันไหนที่บ้านปล่อยวินมากกว่านี้ ก็มานอนได้
ทุกเมื่อเลยนะลูก” คุณแม่ที่ตามมุขลูกชายไม่ทันเอ่ยตอบ
“วันนี้แหละครับแม่” แมทเฉลย
“หรอลูก...”เหมือนคุณแม่จะพูดต่อ แต่คงไม่รู้จะพูดอะไร ก็ได้แต่ยิ้มต้อนรับวินเต็มที่
“แล้วพรุ่งนี้แมทขอขับรถไปคนละคันนะ - - ให้อาตู่ขับให้แม่ละกันนะครับ”
แมทจัดแผนการเดินทางในวันรุ่งขึ้นเสร็จสรรพ ทั้งที่วินเองก็ไม่รู้มาก่อนว่าแมทจะขับไป
กับวินอีกคันหนึ่ง ซึ่งปกติแมทจะเป็นคนขับให้คุณแม่ (ตอนนั้นคุณแม่ยังขับรถไม่เป็น)
“วินไปได้จริง ๆ หรอลูก - - งั้นก็ตามใจลูกสิ.... แต่ค่าน้ำมัน หักจากค่าขนมนะ”
คุณแม่ตอบพลางยิ้มเยาะ
“แม่ทำไม่ลงหรอก   แมทรู้” สองแม่ลูกหยอกกันอย่างน่ารัก
“วินชอบทานอะไรลูก - - เลือกก่อนเลย”
คุณแม่แมทให้วินเลือกขนมในถ้วยเซรามิกสีขาวทรงกลมขอบทองก่อนว่าชอบถ้วยไหน
จำได้แต่ว่าวินเลือกอะไรไป แต่อีกสองถ้วยที่เหลือลืมไปแล้วว่าเป็นอะไร รู้แต่ว่าทาน
ไม่เป็น
“สาคูแล้วกันครับแม่ - - อันอื่นวินไม่เคยทานเลย” วินยิ้มเขิน ๆ ที่กล้าเอ่ยปากเลือก
“รู้มั้ย...นี่ของโปรดแมทเลย - - เด็ก ๆ กินบ่อยมาก ...เค้าจะแซะกินแต่มะพร้าวอ่อน
กับข้าวโพด” คุณแม่รำลึกความหลังสมัยเด็กของแมทให้ฟัง
“แมทชอบจริง ๆ นะ - - แม่ไม่ได้พูดเอาใจ” แมทเสริม ย้ำให้วินรู้ว่าเราชอบเหมือนกัน

คุณแม่แมท และวินนั่งลงที่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง ยกเว้นแมทที่ย้ายมานั่งทางด้านซ้ายของวินแทน (คุณแม่อยู่หัวโต๊ะ ทางขวาของวิน)
“กินด้วยคนนะ” แมทหยิบช้อนจากถ้วยขนมอีกถ้วยหนึ่งที่เหลือตกเป็นของแมท หลังจาก
วินและคุณแม่เลือกถ้วยกันแล้ว ถ้าวินจำไม่ผิดถ้วยของแมทคืนนั้นน่าจะเป็นข้าวเหนียว
ดำราดกะทิหรืออย่างไรนี่แหละ
“แมท น่าเกลียด - - แย่งวินเค้า” คุณแม่ปราม
“ไม่เป็นไรหรอกครับแม่” วินหันไปยิ้มให้คุณแม่
“เห็นมั้ยครับ” แมทเอ่ยกับแม่ของเขา และยิ้มน่ารัก ๆ
เราทั้งสามจัดการกับขนมกันหมดภายใน 10 นาที ส่วนถ้วยของวินหมดก่อนคุณแม่ประมาณ 3-4 นาทีแล้ว เพราะมีแมทช่วยจัด (วินเชื่อแล้วว่าแมทชอบจริง ๆ)
พอวินเงยหน้ามองแมท แทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ วินไม่เคยเห็นแมทลุคนี้เลยจริง ๆ
น้ำกะทิ ติดอยู่ที่หนวดของแมทเป็นแนว (แมทไม่ยอมโกนหนวดจนถึงตอนนั้น แต่ก็เป็นแค่
หนวดเส้นอ่อน ๆ เห็นไม่ชัดมากถ้าไม่อยู่ใกล้ ๆ แต่มันก็ไม่ได้หรอมแหรมหรอกก็มีอยู่ทั้ง
แนวปาก  ซึ่งดูเท่ห์ไปอีกแบบ)
“แมท...ลูก”  คุณแม่ยื่นกระดาษทิชชู่ให้แมท หน้ายิ้มๆ
“จริงหรอแม่...หัวเราะทำไม..ทำไมไม่บอกหละ...ฮึ ๆๆๆ” แมททำเป็นเอามือมาบีบคอวิน
แววตาเขินอาย เรื่องแค่นี้จริง ๆ วินไม่คิดอะไรหรอก แต่แมทมักอยากดูดีเสมอต่อหน้าวิน
“วิน... เดี๋ยวแม่ต้องขอตัวแล้วหละลูก  เราสองคนก็เดี๋ยวต้องไปนอนแล้วนะ พรุ่งนี้ 6 โมง
เช้าแม่จะปลุกนะ อย่านอนดึกกันหละ - - แมทไม่เล่นเกมนะลูกคืนนี้”
ว่าแล้วคุณแม่ก็ลุกขึ้น และเอานิ้วชี้มาเขี่ยแก้มวินเบา ๆ
“แก้มใสจริง ๆ” คุณแม่ก้มลงมาหอมแก้มวินฟอดใหญ่
ลึก ๆ วินทั้งอึ้ง ทั้งตกใจ งงงวย ไม่คิดว่าคุณแม่จะเป็นมิตร (ขนาดนี้) แต่ก็ดีใจที่คุณแม่
ไม่ได้รังเกียจวินแม้แต่น้อย และต้อนรับวินอย่างดี วินไม่รู้ว่าคุณแม่แมท รู้มานานแค่ไหน
ว่าแมทเป็นเกย์ แต่ท่าทีของคุณแม่ที่แสดง ทำให้มันเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาทั่ว ๆ ไป
อย่างมาก จะว่าไปคุณแม่ทำเหมือนวินเป็นลูกเขย (หรือไม่ก็สะใภ้) คนนึงเลยทีเดียว

“แม่แมทไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลยนะ...แฟนคนเก่าก็ไม่เคย” แมทพูดขึ้น
“จริงหรอ - -แล้วทำไมแม่แมท ....” วินถามแมทต่อ  แต่ไม่จบประโยค
“ก็แมทไม่เคยพาใครมาบ้านไง” แมทแทรกขึ้น
“แมทก็ไม่ได้พาวินมานี่ ... วินขอแมทมาเอง” วินบอก
“อย่าพูดงั้นสิ แมทอยากให้วินมานะ” แมทกล่าว ทำหน้าหวานซึ้ง
“เปล่า....ก็หมายถึงว่าวินมาเอง แมทไม่ได้พามาไง” วินเสริม
จู่ ๆ แมทก็พุ่งตัวเข้ามาจูบวินอยู่ประมาณ 5 วินาทีได้ วินก็ผละออกมา
“แมท เดี๋ยวแม่หรือพี่แสงเดือนมา” วินทำสีหน้าจริงจัง
“ก็แมทบอกวินแล้วไง  ว่าอย่าพูดอย่างนั้น” แมทเถียง
วินนิ่งไปครู่หนึ่ง เพราะรู้สึกแปลก ๆ ที่แมททำอะไรแบบนี้  วินเริ่มคิดมากขึ้นว่าแมท
ที่วินรู้จักก่อนหน้านี้ 7 - 8 เดือน และระยะเวลาที่เราเริ่มคบกันตลอดเกือบ 3 เดือนที่
ผ่านมาไม่เคยทำอะไรเช่นนี้มาก่อน
“วิน . . . โกรธหรอ...” แมทจับไหล่ซ้ายของวินแล้วเอ่ยถามขึ้น
“เปล๊า” วินพยายามทำน้ำเสียงเล่น ๆ กลบเกลื่อน
“ไม่จริงอ่ะ - - แมทขอโทษน้า...นะคร๊าบ น้า...นะ...นะครับวิน” ทันทีที่แมทพูดคำว่า ‘ครับ’
ที่หนักแน่นกว่าคำว่า ‘คร๊าบ’  วินก็คลายความรู้สึกไม่ดีออกไป
“เปล่าจริง ๆ - - วินขออาบน้ำก่อนแมทนะ ง่วงแล้ว” วินพูดพลางลุกขึ้นจากที่นั่ง
“พี่แสงเดือน ... เก็บโต๊ะทีนะ” แมทตะโกนด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่ไม่มีคำว่า ‘ครับ’
(วินมารู้ทีหลังว่าแมทและคุณแม่ค่อนข้างแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจนมาก)

เราสองคนเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสาม วินเริ่มตระหนักขึ้นมาว่า วินอยู่ที่นี่ทุกวันไม่ได้แน่ ๆ
หรือต้องรอให้ชินเสียก่อน ถึงจะไต่บันไดของบ้านนี้จนถึงชั้นสามได้ บันไดบ้านแมทเป็น
บันไดลักษณะตีโค้งกว้าง ๆ ยาว ๆ เพื่อลดความลาดชัน แต่ระยะทางจะยาวขึ้นมาก

“อาบด้วยกันมั้ยครับ” แมทพูดติดทะลึ่ง แต่มีคำว่าครับ ทำให้ประโยคนี้ดูสุภาพแบบ
พิกล ๆ    เพราะแมทพูดเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดา ๆ ที่เกิดขึ้นได้เพียงเอ่ยปาก
“ไม่เอา...จะบ้าหรอ” วินไม่ยอมแน่นอนในความรู้สึกนั้น วินไม่มีทางทำอะไรแบบนั้น
มันน่าอายกว่ามีอะไรกันเสียอีก  เวลาอาบน้ำไม่ใช่เวลามาทำเรื่องของหัวใจต้องการ
วินคิดแบบนั้นจริง ๆ
“เหอะหน่า...นะครับ นะนะนะน นะครับ” เอาอีกแล้ว แมทเหมือนจะจับจุดวินได้ว่าวิน
จะใจอ่อนกับคำว่า ‘ครับ’ ของเขา....แต่เสียใจครั้งนี้มันไม่ทำให้วินใจอ่อนแม้แต่น้อย
วินรู้สึกอาย และไม่ชอบมากเกินกว่าจะยอมอ่อนให้กับคำพูดออดอ้อนนั้น
“ไม่เอาแมท... ไม่งั้นวินกลับบ้านละนะ” วินฉุนขึ้นมา รู้สึกว่าทำไมรุกกันเยอะขนาดนี้
“โห... อะไรกันอ่ะ - - ไม่อาบด้วยก็ได้ งั้นคืนนี้แมทไม่อาบน้ำแล้วกัน ขี้เกียจ”
แมทกอดอกทำหน้าบึ้ง
“กว่าวินจะอาบเสร็จ แล้วแมทอาบต่อก็กว่าจะเสร็จ - - ออกมาวินหลับพอดี” แมทพูดต่อ
วินเริ่มฉลาดตามทันคำพูดของแมทบ้างแล้วครั้งนี้ ว่าแมทหมายถึงอะไร
“อาบเหอะ - - ก็อย่าอาบนานสิ. . . แมทวินอาบหละ เดี๋ยวดึก” วินหยิบชุดนอนลายหมี
สีฟ้า (ของแมท) กับผ้าเช็ดตัวอย่างดีผืนใหญ่ที่พี่แสงเดือนเตรียมไว้ให้ขณะพวกเรากำลัง
ทานของหวานกันอยู่ เดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่รอฟังคำตอบใด ๆ
“เร็ว ๆ นะครับที่รัก” คำพูดนี้ทำให้วิน อาบเสร็จภายใน 10 นาที
“นานมาก” แมทเอ่ย ทันทีที่วินเปิดประตูออกมา
“นี่เร็วที่สุดแล้วแมท” วินยิ้มแล้วตอบ
ตอนนั้นวินยังตัดรองทรงสูงตามระเบียบของโรงเรียนรัฐบาล เลยไม่มีความจำเป็นใดต้อง
ใช้ครีมนวด แค่สระ ๆ ก็พอแล้ว ส่วนแมทโรงเรียนอนุญาตให้ไว้ผมยาวได้มากกว่าวิน
แต่ก็ไม่ยาวมาก แมทเลยมักใช้ครีมนวดผม เลยน่าจะเป็นสาเหตุทำให้แมทผมนิ่มรึเปล่า
ก็ไม่รู้   แมทใช้เวลาอาบน้ำสั้นกว่าวินนิดหน่อย แต่ก็เดินหอมฟุ้งออกมา  ราวกับว่าใช้สบู่
ครั้งละก้อนในการอาบน้ำอย่างนั้นเลย

แมทใส่ผ้าคลุมอาบน้ำแบบผูกเชือกตรงเอว ออกมาจากห้องน้ำ  แล้วเดินเข้าไปในห้อง
เสื้อผ้า  ส่วนวินนอนดู UBC (ที่ตอนนั้นบ้านวินยังไม่มีเลย) อยู่บนเตียงในชุดนอนลายหมี
สีฟ้า ตัดกับเตียงสีเลือดหมูซะไม่มี   เพียงไม่ถึง 1 นาที แมทก็เดินออกมาจากห้องเสื้อผ้า
โดยนุ่งกางเกงเลสีดำมาเพียงตัวเดียว    วินค่อนข้างอึ้ง ๆ ที่ชุดนอนของเราสองคน
มันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ซึ่งก่อนหน้านี้วินคาดว่าชุดนอนของแมทก็คงไม่ต่างอะไร
จากของวินมานัก เพราะที่วินใส่อยู่มันก็คือของแมทนี่นา   แมทเป็นคนหุ่นดีอย่างที่เห็น
จากภายนอกจริง ๆ ถึงจะไม่ได้ดีอะไรมากมายขนาดนายแบบ (อย่างฟิว) แต่ก็ถือว่าใช้ได้
วินมองแมทตอนเดินออกมาเพียงแป๊บเดียว แล้วทำทีหันไปสนใจทีวีต่อ
“เรื่องอะไรครับ” แมทถามพลางสวมเสื้อคอกลมสีขาว ที่ถือติดมือมา
“ไม่รู้อ่ะ...ไม่ได้ดูตั้งแต่แรก” วินตอบ
“ก็ดูแมกกาซีนสิครับ” น้ำเสียงหวาน ๆ และคำพูดสุภาพ ๆ เริ่มมีให้วินได้ยินอีกครั้ง
“แมกกาซีนอะไร” หลาย ๆ คนคงรู้ว่าแมทหมายถึงอะไร (แมกกาซีนรายชื่อหนังที่จะฉาย
ของแต่ละช่อง) แต่วินไม่รู้เลย แอบนึกไปว่าเป็นพวกนิตยสารคลีโอ, เซเว่นทีนด้วยซ้ำ
“เห้อ.....เหนื่อยจัง” แมทไม่ได้ตอบคำถามของวิน แล้วก็กระโดดขึ้นเตียงแบบทิ้งตัวลงมา
พอทำให้วินสั่นสะเทือนไปด้วย
“อื้มมมม......วันนี้ไม่เหมือนวันไหน ๆ เลย แมทไม่ได้นอนคนเดียวในรอบกี่ปีก็ไม่รู้”
แมทเอื้อมมากอด และเอาหน้าซบที่หน้าท้องวิน (ที่สมัยนั้นแบนราบ) ที่กำลังกึ่งนั่งพิงกึ่ง
นอน โดยเอาหมอพิงกับหัวเตียงไว้   วินเล่นผมแมทที่นอนอยู่  ผมแมทชื้น ๆ มันช่างนิ่ม
มาก และตรงแหน่ว
แมทพลิกตัวหันหน้าเข้าหาท้องวินและมองหน้าวินแทนจากเดิมที่ดูทีวีอยู่
“ขอบคุณนะวิน.....” แมทเอ่ย
“เรื่องอะไร” วินถาม
“สำหรับทุกอย่าง - - ที่คบกับแมท....ทำให้แมทมีความสุข....ถึงแมทจะไม่มีพ่อ...แต่วินก็
ถือเป็นส่วนเติมเต็มชีวิตให้แมท” แมทสาธยาย ทำหน้าหวานซึ้งกินใจสุด ๆ
“แมท . . วินก็ไม่ได้ดีอะไรดีขนาดนั้นหรอกนะ. . . ถึงแมทจะไม่ได้พร้อมทางครอบครัว - -
แต่แม่ของแมทเค้าก็พยายามจะเติมเต็มชีวิตให้แมทอย่างเต็มที่....วินเชื่องั้นนะ”
วินก้มหน้ามองแมทแล้วกล่าวขึ้น
“แม่และวิน คือสิ่งมีค่าและสำคัญที่สุดในชีวิตแมท - - วินอย่างทิ้งแมทไปก็แล้วกัน”
วินรู้สึกดีมาก.... โดยที่ไม่คิดเลยว่าคำพูดเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนต่าง ๆ มากมาย
 “แต่ก่อนแมทมีแต่แม่ก็จริง - - สิ่งที่แมทขาดไม่ได้คือแม่....แต่ตอนนี้คือแม่และวิน”
(แมทหมายความตามนั้นทุกประการ)
“พอเหอะ...จะลอย” วินตัดบท  เพราะวินไม่ค่อยชอบฟังเรื่องราวดราม่าของใครนาน ๆ

เรานั่งมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง แมทลุกขึ้นโดยที่หน้าของเราทั้งสองอยู่ใกล้กันอีกครั้ง
“แมท . . . วินกลัว”  วินไม่ได้หมายความตามนั้น แต่วินเป็นคนที่ขี้เขินเอามาก ๆ รู้สึก
แต่ว่าต้องพูดอะไรแก้เขินหน่อย
แต่แมทเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของวินแม้แต่น้อย แมทยังคงทำตาหวานซึ้ง มองวินไม่ลดละ
และฉากใหม่ก็เริ่มขึ้น  จูบครั้งที่ 2 วินเริ่มเป็นขึ้นมาบ้างแล้ว
“เก่งนะเนี่ย” แมทพูดขึ้นแผ่ว ๆ จนดูเหมือนแทบไม่ได้ขยับปาก
น้ำเสียงที่ไม่คุ้นเคย ถ้าเป็นเดี๋ยวนี้วินคงเรียกน้ำเสียงนั้นว่า ‘หื่น’ เพียงแต่ตอนนั้นเคย
ได้ยินแต่คำนี้ในหนังสือพิมพ์
วินใจเต้นแรงมาก (ครั้งแรกนี่) วินอยู่แต่กับบ้าน และเป็นลูกติดแม่เสมอมา ถึงแม้วินจะ
เป็นผู้ชาย ไม่มีอะไรจะเสีย วินไม่ท้อง แต่อย่างไรภาพหน้าพ่อแม่ก็ลอยเข้ามา และความ
รู้สึกนึกคิดก็ตีกันไปมาอีกครั้ง (ตั้งแต่วินมีแมทและฟิว ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นแทบทุกวัน)
ความรู้สึกที่ว่า ‘เราไม่ควรทำ’ กับ ‘นี่คือสิ่งที่เราต้องการ’ คงมีคนอยู่ไม่น้อยที่ฝืนความต้อง
การของตนเองไม่ได้ และวินก็คือ 1 ในนั้น    แมทดึงตัววินให้นอนลงบนหมอน และแมท
ประคองหัวไหล่วินไว้ เหมือนในละครไม่มีผิด มันช่างสวยงามไปเสียหมดทุกอย่างใน
เวลานั้น  แมทถอดเสื้อคอกลมของเขา และจับมือวิน ไปคล้องคอของเขา เหมือนเต้นลีลาศเลย และการปะทะ Kiss ก็เกิดขึ้น และยาวนานกว่าครั้งไหน ๆ
และทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เป็นเรื่องใหม่ทั้งหมด วินไม่รู้สึกขัดเขิน หรืออะไรอีกแล้ว
ขณะนั้นมีเพียงแสงไฟจากทีวีเท่านั้น (วินต้องขอบอกก่อนว่า เราลึกซึ้งกันเหมือนคนทั่ว ๆ
ไป  แต่สิ่งที่วินเว้นไว้ และเว้นไว้จนถึงปัจจุบัน ในคืนนั้นแมทไม่ได้ทำอะไรที่วินต้องเจ็บตัว
หลาย ๆ คนคงคิดว่าการลึกซึ้งของชาย – ชาย ก็คือการมีอะไรกันในส่วนที่เค้าไม่ได้มีไว้
เพื่อให้มีอะไรกัน   ดังนั้นวินจึงไม่เคยยอมให้ใครทำให้วินต้องเจ็บตัวในส่วนที่เค้ามี
ไว้เพื่อการอื่นเลย . . . นี่คือสิ่งที่วินทำแตกต่างไปจากหลาย ๆ คนมาจนถึงปัจจุบัน
และแมทก็เป็นคนที่ดีเสมอมา แม้ว่าแมทจะเคยร้องขอหลายครั้ง เมื่อวินปฏิเสธ โดยให้
เหตุผลว่า ‘วินให้ทุกอย่าง ขอแค่อย่างเดียว วินให้ไม่ได้’ แมทก็เข้าใจเสมอ และไม่เคย
บ่นแม้แต่คำเดียว) ทุกอย่างสิ้นสุดลง โดยวินเองก็ไม่รู้ว่ามันใช้เวลาไปเท่าไหร่
แมทหอมที่แก้มบริเวณใต้หู ก่อนที่จะปิดทีวีนอน วินนอนหันหลังให้แมท โดยมีแมทนอน
กอดวินอยู่ตลอดทั้งคืน    แม้กลางดึก  วินจะลุกไปเข้าห้องน้ำ เมื่อกลับมา แมทก็จะ -
พลิกตัวมากอดไว้อีกครั้ง กระทั่งตอนเช้า.......


_____________________________________________________________





ตัวอย่าง "บางช่วง" ของตอนต่อไป (ทำเป็นไฮโซ) :

ตอนที่ 8 สระบุรี...กับคุณแม่ (เริ่มร้าย)

...................
อย่างที่วินบอกไว้ว่า แต่นี้ต่อไปเวลาแห่งความสุขของวินมักสั้นเสมอ  ระหว่างที่เรากำลัง
เดินเพื่อไปหาคุณแม่ของแมทนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ xx-xxx-x777” เบอร์ใหม่ที่เริ่มคุ้นเคย ปรากฏขึ้น  ตั้งแต่เมื่อวานหลังจากวางสายฟิวไป
วินลืมนึกถึงเขาไปเสียสนิท  วินรับสายของฟิว ในขณะที่แมทก็ไม่ได้หันมามองแต่อย่างใด
“สวัสดีครับ...คนน่ารัก”

............................

“ใคร” เสียงเข้ม ๆ ถามมาสั้น ๆ จากแมท (อย่างที่บอกแมทจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว)
“เพื่อน....” วินเอาโทรศัพท์ลงมาแนบกับอก แล้วกระชิบตอบเบา ๆ
“เพื่อน ? แล้วทำไมต้องกระซิบด้วย” แมทถามต่อ...เอาแล้วไง นี่เราเผลอเรออะไรขนาดนี้
“ไหน...”  แมทดึงโทรศัพท์ออกจากหูวิน

.............................

“วินรักแมทมากนะคุณแม่”  วินตอบคุณแม่ไปแบบตัวชา ๆ
“แม่ไม่สนว่าวินจะรักมากแค่ไหน รักได้ ก็เลิกรักได้ - - แม่ต้องการแค่ให้วินรับปากกับแม่
ว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก - - และวินก็ต้องไม่ทิ้งแมทไปไหน” คุณแม่พูดต่อไป
คำพูดเหล่านี้ทำให้ความรู้สึกของวินที่มีต่อคุณแม่เปลี่ยนไปจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง


............................................



ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ทำไมอ่านๆ ไปยังนึกไม่ออกว่า คุณแม่กับแมทจะร้ายกับวินได้มากแค่ไหน  :m13: :m13:

ออฟไลน์ LingNERD*

  • จบแล้ว...รักที่เคยมี *
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
โอ้ว คุงแม่จะร้ายแล้วหรอเนี่ย

สู้ๆๆๆๆคับ

ออฟไลน์ duchess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
 :m29:

รู้มั้ยคับ

อ่านแร้วนึกถึงอะไร

 o7

สงครามนางฟ้ดชัดๆ เรย

ฮือๆๆๆ สงสารวินนะ

ไอ้แมท บ้า

 o12

ป.ล.นี่ดีนะที่ตัวร้ายเปนแม่แมท ไม่มีเชอร์รี่

ไม่งั้นคงต้องวอนโดนตบแน่นอน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






MaWin

  • บุคคลทั่วไป
:m29:

รู้มั้ยคับ

อ่านแร้วนึกถึงอะไร

 o7

สงครามนางฟ้ดชัดๆ เรย

ฮือๆๆๆ สงสารวินนะ

ไอ้แมท บ้า

 o12

ป.ล.นี่ดีนะที่ตัวร้ายเปนแม่แมท ไม่มีเชอร์รี่

ไม่งั้นคงต้องวอนโดนตบแน่นอน

ถูกต้องแล้วที่คิดถึงเรื่องนี้ 555+
เพราะแรงบันดาลใจให้เขียนเรื่องนี้
เพราะชีวิต (เกือบ ๆ )รันทด
เหมือนพี่แอร์กี่งายยย

MaWin

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 8 สระบุรี...กับคุณแม่ (เริ่มร้าย)

ด้วยความที่วินเป็นคนนอนแปลกที่ทางแล้วจะนอนไม่ค่อยหลับ วินจึงหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่
เกือบจะทั้งคืน เลยทำให้วินตื่นก่อนแมท และคุณแม่เล็กน้อย เพราะดูที่นาฬิกา เวลาก็
ใกล้จะ 6 โมงเช้าแล้ว  วินจึงลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำและแปรงฟัน โดยใช้แปรงของแมท
ที่เจ้าตัวอนุญาตไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว (วินรู้สึกได้ด้วยจิตสำนึกเลยว่า นี่ความสัมพันธ์ของ
เราทั้งสองไม่เหมือนเมื่อวานนี้อีกต่อไป)    วินไม่เคยใช้แปรงสีฟันร่วมกับใครมาก่อน
แต่วินก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ หรือรู้สึกว่าต้องล้างแปรงจนสะอาด วินเพียงเปิดน้ำใส่หัวแปรง
แล้วบีบยาสีฟัน แปรงไปตามปกติ
แมทคงได้ยินเสียงน้ำ และเสียงใช้ห้องน้ำของวิน จึงมาเคาะที่หน้าประตูห้องน้ำ

“ตื่นแล้วหรอครับวิน” แมทพูดขึ้นแหบ ๆ แบบคนงัวเงียเพิ่งตื่นนอน
“อืม”  วินส่งเสียงตอบได้ไม่มาก เพราะยาสีฟันยังเต็มปากอยู่
“เปิดให้แมทเข้าไปหน่อย...แมทปวดฉี่”  วินไม่รู้สึกตกใจหรืออึ้งอะไรกับสิ่งเหล่านี้อีกแล้ว
รู้สึกด้วยตัวเองด้วยว่า  เราโตขึ้นจากเมื่อวานไม่มากแต่ก็ไม่น้อย และเหมือนเรา
สามารถทำอะไรร่วมกันได้มากขึ้น  วินจึงเปิดประตูให้แมทเข้ามาโดยไม่ลังเล
แมทเอี้ยวตัวมาหอมที่แก้มวินที่กำลังยืนแปรงฟันอยู่ และยิ้มมุมปากให้วินผ่านในกระจก
แล้วจึงเดินไปทำธุระของเขา
“เสร็จแล้ววินบีบยาสีฟันให้แมทไว้หน่อยนะครับ” สิ่งที่ยังเหมือนเดิมคือความสุภาพของ
แมทที่มีต่อวิน
“อืม” ยาสีฟันยังคงเต็มปากวินอยู่
เสร็จธุระ  แมทก็ปิดฝาส้วม และนั่งรอวินแบบงัวเงีย ๆ พลางเอามือขยี้ตา (ที่วินจำได้
เพราะเป็นภาพของแมทที่วินไม่เคยเห็นมาก่อนในตอนนั้น แมทในเสื้อคอกลม กับ
กางเกงเล ที่ดูธรรมดา ๆ และท่าทีแบบไม่ต้องวางฟอร์มใส่กัน)
วินล้างแปรงอย่างสะอาด และบีบยาสีฟันตามที่แมทบอกเมื่อสักครู่ และหันไปยื่นให้แมท
แมทลุกขึ้น และคว้าต้นคอวินเข้าไปหา และหอมที่คอวิน 1 ครั้ง ทำเอาวินขนลุก

“วินไปรอข้างนอกก่อนนะครับ แมทเตรียมชุดไว้ให้แล้ว” แมทบอก
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่วินต้องแต่งตัวนอกห้องน้ำ เพราะปกติวินเป็นคนขี้อาย ไม่มีทางที่
ใครจะได้เห็นมังสาของวิน         แต่วินก็เข้าไปแต่งตัวในห้องเสื้อผ้าของแมทเสร็จก่อนที่
แมทจะเดินออกมา  ถึงแม้จะผ่านเรื่องราวตลอดเมื่อคืนมา วินก็ยังอายแมทอยู่ดี จึงต้อง
รีบ ๆ แต่งตัว    แมทออกมาโดยมือถือเสื้อคอกลมของเขาอยู่ในมือ  พอเจอวิน แมทโยน
เสื้อของเขาใส่วิน จนคลุมหัววินไว้
“อับดุลเอ๊ย” แมทเล่นมุขแต่เช้า และหัวเราะชอบใจ
วินเอาเสื้อออกแล้วหัวเราะกับมุขตลกของเขาไปด้วย  วินมีความสุขเหลือเกินในเช้าวันนั้น
ไม่รู้สึกง่วงหรือปวดหัวแต่อย่างใด ซึ่งปกติถ้าวินตื่นเช้า ทั้งที่เมื่อคืนนอนดึก อารมณ์วินจะ
ไม่ค่อยดีไปเกือบตลอดวัน
“แมทแต่งตัวก่อนนะครับ” แมทใช้นิ้วโป้งเขี่ยแก้มวินเบา ๆ  ไม่รู้ว่าทำไมทุกอย่างมันถึงได้
ดูดี และสวยงามไปหมดเช่นนี้
ไม่นานคุณแม่แมทก็มาเคาะที่ประตูห้อง และก็เปิดเข้ามา  ทำเอาวินตกใจมาก นี่เมื่อคืนนี้
แมทไม่ได้ล๊อคห้องอย่างนั้นหรือ  ถ้าเป็นที่บ้านวินเมื่อวินเคาะห้องคุณพ่อคุณแม่ วินจะรอ
ให้ท่านตอบก่อนจึงจะเข้าไปได้  แต่วินก็ไม่ได้รู้สึกแปลกหรือเอะใจอะไรทั้งนั้น เพราะมันก็
เป็นเรื่องปกติ นี่บ้านของท่าน และนี่ก็ห้องลูกชายสุดที่รัก วินจึงคิดเรื่องนี้อยู่เพียงวูบเดียว
เท่านั้น เหลือแต่ความตะลึงที่ตลอดเมื่อคืนนี้ห้องนอนของแมทไม่ได้ล๊อค
“ครับแม่...เสร็จพอดีเลย  - - พอดีวินตื่นก่อนเวลาอีก แมทเลยเสร็จเร็วไปด้วย” แมทตอบ
“ขอบใจวินนะลูก....แหมมีวินเข้ามาในบ้านเรานี่อะไร ๆ คงดีขึ้นเนอะ“
คุณแม่ยิ้มให้วินอย่างเอ็นดูเป็นครั้งแรกของวัน  แต่จริง ๆ ถ้าวินมาค้างที่บ้านนี้จนชินที่
ชินทางแล้ว คงตื่นสายกว่าแมทเสียอีก
“ตู่...วันนี้คุณแมทจะเอารถออก . . . และเธอก็มาขับรถให้ชั้นด้วยนะวันนี้”
คุณแม่ที่เพิ่งออกไปจากห้องนอนแมทได้สักครู่ ตะโกนขณะลงบันไดไป  ร้องเรียกคนขับรถ
เราสองคนเดินลงมาถึงชั้นล่าง โดยที่คุณแม่กำลังยืนดูอาตู่ (คนขับรถ) เช็ดรถของแมทอยู่
“อาตู่ - - ไม่ต้องเช็ดดีอะไรมากหรอกครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยเช็ดก็ได้ ก่อนแมทไปเรียน”
แมทบอกอาตู่ เพราะคงกลัวว่าเดี๋ยวยังไงก็ต้องไปเผชิญฝุ่น และพรุ่งนี้ก็ต้องเอารถไปเรียน
อยู่ดี เลยไม่อยากให้เช็ดอะไรมากมาย
“ครับ คุณแมท” อาตู่ตอบ 
“งั้นไปเลยตู่ - - เดี๋ยวรถจะติด” คุณแม่พูดกับคนขับรถ
“แม่ครับ ยังไม่เจ็ดโมงเลย และวันนี้ก็วันอาทิตย์...รถไม่ติดอะไรซะหน่อย - - แล้วทุกครั้ง
ที่เราไปสระบุรี เราก็ขึ้นโทลเวย์จนถึงรังสิตเลยนี่ครับ - - ไม่ต้องรีบนะอาตู่ ขับดี ๆ”
แมทสาธยาย แสดงความเป็นลูกผู้ชายคนเดียวในบ้าน จนวินรู้สึกได้

“วินเงียบเลยลูก - - เมื่อคืนเพลียหรอ” วินค่อนข้างแปลกใจกับคำพูดบวกกับสีหน้าของ
คุณแม่  วินไม่สามารถเดาได้ว่าท่านหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ท่านหมายความเช่นนั้น
จริง ๆ หรือต้องการแซวเรื่องของเราที่ ‘อาจ’ เกิดขึ้นได้เมื่อคืนในสายตาของท่าน  แต่วินก็
ยังคงกดความรู้สึกตัวเอง และเบี่ยงประเด็นในความคิดที่คิดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนว่า ‘ท่านมี
ความเป็นวัยรุ่น…และไม่หัวโบราณ’ และวันนั้นคุณแม่แมทก็แต่งตัวได้วัยรุ่นมาก กางเกง
ผ้ายืดรัดเข้ารูปสีขาว เสื้อสีครีมออกเหลือง ๆ เข้มขัดชาแนลสีดำ หัวสีเงินเงาวับ และห้อย
กระเป๋าหลุยส์ วิทตองไว้ที่แขบพับ นาฬิกาสายดำไม่รู้ยี่ห้อ และยังทัดแว่นตากันแดดกุชชี่
ไว้เหมือนที่คาดผม (วินนี่ช่างสังเกตจริง ๆ) คุณแม่ผัดเพียงแป้งฝุ่นและทาลิปมันเท่านั้น
ท่านเป็นคุณแม่ที่ดูดีเสียจริง ๆ
“คุณแม่....” แมททำเสียงแผ่ว ๆ ใส่คุณแม่ ขณะที่วินได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ อยู่ข้าง ๆ
ท่านยิ้มเล็กน้อย แล้วเอาแว่นตากันแดดลงมาสวมไว้ที่ตา และเข้าไปในรถที่อาตู่เปิดรอไว้
วินาทีนั้นวูบหนึ่ง วินนึกถึงท่าทางของตัวร้ายในฉากหนึ่งของละครขึ้นมาในความคิด
“วิน...” แมทจับตัววินที่กำลังทึ่ง ๆ อึ้ง ๆ อยู่นานตั้งแต่มายืนอยู่ตรงนี้
“ฮึ . . .” วินตอบ
“ง่วงรึเปล่า - - หลับบนรถก็ได้นะ” แมทเอี้ยวตัวมามองหน้าวิน ที่สีหน้าคงไม่สู้ดีนัก
“ไม่ ๆ - - ไม่ง่วง” วินตอบไป
“ปะ...งั้นเราไปกันเหอะครับ” แมทเดินอ้อมไปที่ฝั่งคนขับ (แหมนึกว่าจะเปิดประตูให้เรา
ซะอีก  บอกแล้วแมทเป็นคนตรง ๆ ไม่ทำอะไรเพื่อเอาใจโดยที่ตัวเองไม่ได้รู้สึกเด็ดขาด)
วินเปิดประตูลงไปนั่งในรถ รู้สึกอึดอัดขึ้นมาด้วยเหตุอันใดก็ไม่รู้  รู้สึกคิดผิดที่จะไปเที่ยว
สระบุรีในวันนี้   เราพูดคุยกันนิดหน่อย แต่วินคุยไม่มากนักตลอดทางจนถึงแถวดอนเมือง

“วินมีเศษเงินมั้ย - - แมทมีแต่แบงค์ร้อย” แมทหันมาถามก่อนจะถึงตู้จ่ายค่าโทลเวย์
“แมท - - วินลืมกระเป๋าตังค์ไว้ที่บ้านแมทอ่ะ” วินเอ่ยหลังจากจับที่กระเป๋ากางเกงตัวเอง
“สงสัยยังติดอยู่ในกางเกงตัวเมื่อวาน” วินบอกต่อ
“ไม่เป็นไรครับ - - ให้แบงค์ร้อยเค้าไปก็ได้” แมทยิ้มให้ แสดงสีหน้าให้รู้ว่าไม่เป็นไรจริง ๆ
ก่อนจะเขยิบหยิบกระเป๋าสตางค์ในกระเป๋าหลังกางเกงตัวเอง (แมทชอบเอากระเป๋า
สตางค์ไว้ที่กระเป๋าหลัง   ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน)

ภายใน 5 นาทีเราก็ลงจากโทลเวย์มาถึงรังสิต วินไม่รู้ว่าแมทขับรถเร็ว
หรือว่าเพราะรถไม่ติด

“เนี่ยวิน โรงกษาปณ์ ... ที่ผลิตเหรียญ” แมทชี้ให้วินดูโรงกษาปณ์ทางขวามือ
“หรอ” วินหันไปมอง รู้สึกสนใจ  แมทรู้อะไรเยอะดี ตอนนั้นวินเหมือนกบในกะลา
รู้อะไร ๆ น้อยมาก

เราคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้กันตลอดเกือบ 2 ชั่วโมงจนเกือบจะถึงที่หมาย แล้วโทรศัพท์ของ
แมทก็ดังขึ้น

“ครับแม่” แมทรับโทรศัพท์
“หรอแม่ . . . แมทเลยมาแล้วอ่ะครับ” วินไม่รู้ว่าแมทกับคุณแม่พูดเรื่องอะไรกัน
“แม่ทานคนเดียวได้มั้ย - - หรือจะให้แมทเลี้ยวกลับไป” แมทตอบ
“ครับ ๆ - - ครับ....เจอที่โรงงานเลยแล้วกันนะครับ” แมทวางสายไป
“แม่บอกให้แวะกินข้าวกันที่ ‘ชื่อร้าน’ “   วินลืมชื่อร้านไปแล้ว จำได้ว่าชื่อแปลก ๆ
“อ่าวเพิ่งเลยมาตะกี๊เองนี่” ร้านอยู่ริมถนน พอทำให้วินมองเห็นชื่อร้าน ที่เราผ่านเมื่อสักครู่
“อืม - - แมทนึกว่าแม่จะถึงโรงงานแล้วนะเนี่ย” แมทกล่าว
“ไม่มีที่ให้เลี้ยวกลับหรอแมท” วินถาม ในใจไม่อยากให้คุณแม่ต้องเสียความตั้งใจ และ
ต้องนั่งทานมื้อเช้าเพียงลำพัง
“ช่างเถอะ . . . แม่ไม่ว่าอะไรหรอก”   .....เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็ดีสิแมท
“หรอ…อืม ๆ” วินตอบ

เราสองคนมาถึงที่โรงงานในที่สุด โรงงานของที่บ้านแมท ไม่ใช่โรงงานใหญ่โตมากนัก
แต่ก็ไม่ใช่โรงงานเล็ก ๆ อยู่ดีสำหรับวิน

“แมทถึงแล้วนะครับแม่” แมทหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอนไหนก็ไม่รู้
“ครับ” แมทวางโทรศัพท์ไป
“แม่ยังอยู่ที่ร้านอยู่เลยวิน...ไปเดินดูโรงงานกันมั้ย”
แมทหันมาถามวินหลังจากวางโทรศัพท์ไป
“เอาสิ ๆ”   วินรู้สึกอยากเดินดูกิจการของบ้านแฟนเหมือนกัน
“จุ๊บทีนึง” แมทยื่นหน้าเข้ามา  และวินก็สนองตอบโดยจุ๊บแมทไป 1 ที
“ไปดูกัน ว่ากิจการของเราสองคนในอนาคตเป็นยังไง” แมทยิ้มหวานให้ก่อนจะดับเครื่อง
และเปิดประตูออกจากรถ ไปพร้อม ๆ กับวิน

อากาศตอน 8 โมงนิด ๆ ที่สระบุรีสดชื่น และมีลมเย็น ๆ เป็นบรรยากาศที่ดี ที่กรุงเทพฯ
ของเรานั้นไม่ค่อยมีให้สัมผัสนัก

“ดีค๊า...น้องแมท” พนักงานสาวสวย ตัวเล็ก ๆ เดินดิ่งเข้ามาทักแมท
“สวัสดีค่ะ....” พนักงานคนเดิมหันมาพยักหน้าทักวินอย่างสุภาพ
“นี่วินครับ - - เพื่อนแมท” แมทเอามือล้วงกระเป๋า ในเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงยีนส์สีดำ
ทำให้แมทดูภูมิฐานมากในตอนนั้น
“เรียนที่เดียวกันหรอค่ะน้องวิน” พนักงานสาวคนนั้นถามต่อ
“เปล่าครับพี่ไอริน - - คนละที่กัน” แมทตอบแทน

พนักงานชื่อสวยสมกับหน้าตาเสียจริง ๆ   หลังจากแมทตอบพี่ไอรินก็ทำหน้าแปลก ๆ
หลุดออกมาให้เห็นชั่วครู่ เหมือนคิดว่า ‘แล้วรู้จักกันได้ไง’ แล้วหันไปคุยกับแมทต่อ

“คุณแม่หละน้องแมท - - แล้วทำไมวันนี้มาคนละคันกันละคะ” พี่ไอรินถาม
“ทานข้าวอยู่เลยครับ พอดีแมทมาเร็วกว่า ตอนคุณแม่โทรมาชวน แมทก็เลยมาแล้ว”
แมทอธิบาย แต่ไม่ได้ตอบคำถามพี่ไอรินว่าทำไมแยกมาคนละคัน
คนรอบตัววินในตอนนั้น ดูจะฉลาดเสียเหลือเกิน พี่ไอรินทำหน้ากรุ้มกริ่มมองหน้าวิน
แปลก ๆ  วินยิ้มตอบเป็นมารยาท ทั้งที่คิดในใจว่า ‘นี่แกคิดอะไรของแกอยู่ฮึ !?’

“งั้นเข้ามานั่งรอข้างในกันนะคะ” พี่ไอรินชวน
“ไม่เป็นไรครับพี่ไอริน....แมทว่าจะพาวินเดินดูโรงงานอ่ะครับ”
แมทพูดจบ พี่ไอรินยิ่งมีสีหน้าที่ฉงน สงสัยกับการมาครั้งนี้ของวิน
“ไป...วิน เดินเล่นกัน” แมทหันมาพูดกับวิน    วินคิดว่าพี่ไอรินจะเดินกลับเข้าไปตั้งแต่
แมทปฏิเสธที่จะเข้าไปนั่งรอ   แต่พี่เธอกลับยืนฟังบทสนทนาของแมทที่พูดกับวิน
ซึ่งแมทเองก็ดูเหมือนว่าไม่มีทีท่าจะใส่ใจกับพี่ไอรินที่กำลัง ‘มอง ’ และ ’ฟัง’ อยู่ตรงนั้น

“พี่ไอริน...จะไปทำอะไรก็เชิญนะครับ” แมทพูดขึ้น  วินรู้สึกอยากปรบมือให้แมทเสีย
ตรงนั้น  ถ้าไม่ติดที่บังเอิญรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
“ค่ะ” พี่ไอรินตอบสั้น ๆ   ผู้หญิงคนนี้ในตอนนี้วินรู้สึกกับเธอแตกต่างไปจากแรกพบ
อย่างสิ้นเชิง   เธอไม่ได้ทำอะไรให้วินหรอก อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัว (ที่ไม่ค่อยดีนัก)
ของวินก็เท่านั้นเอง  วินเพียงไม่ค่อยชอบใจที่เธอมีท่าทีใคร่รู้ และยืนฟังที่เราคุยกัน
“นี่ถ้าแมทไม่ไล่ให้พี่เค้าไป เค้าคงจะไปเดินกับเราเลยมั้ยเนี่ย”  วินแสดงความไม่พอใจ
ออกมาเสียเฉย ๆ ไม่รู้นิสัยรู้จักเก็บอาการหายไปไหนหมด
“ทำไมอ่ะวิน - - เป็นอะไร” แมทดูงง ๆ (ก็จะไม่ให้งงได้ไงหละ)
“เปล่าหรอก . . . วินแค่ไม่ชอบที่พี่เค้ามายืนฟังที่เราคุยกัน - - แล้วเมื่อกี๊เค้าก็ซักนู่นซักนี่
ว่าแม่แมทอยู่ไหน   ทำไมไม่มาด้วยกัน และก็ทำหน้าแปลก ๆ ตอนที่แมทบอกจะพาวินไป
เดินเล่น...ก็เลยไม่พอใจนิดหน่อย”   อ่าวนี่วินเป็นอะไรไป แต่มันเกิดจากความรู้สึกที่ว่า
ไม่อยากให้ใครมองเราสองคนด้วยสายตาทำนองนั้นแค่นั้นเอง
“จริงหรอ - - ทำไมวินไม่บอกแมท” แมทถาม (แล้ววินจะบอกได้ไงหละ ถ้าวินบอกแมท
วินพูดกับพี่เค้าเองตรง ๆ ไม่ดีกว่าหรอ) วินลดความรู้สึกเมื่อสักครู่ลงทันที  เมื่อดูเหมือน
ว่าแมทจะทำเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่วินทำอยู่
“บ้าหรอแมท...ไม่ได้อะไรซะหน่อย” วินตอบ

จากนั้นแมทดึงมือวินเข้าทางเดินที่จะนำเราไปสู่บริเวณรอบ ๆ โรงงาน      แม้วินจะรู้สึกว่า
มันประเจิดประเจ้อไปหน่อย แต่ก็ไม่รู้สึกมากพอที่จะเอามือออกจากมือของแมท ได้แต่
ปล่อยให้แมทจูงวินเดินต่อไป      (อย่างที่เกริ่นไว้ว่าแมทเริ่มแสดงท่าทีที่มากขึ้นหลังจาก
เมื่อคืนนี้ และก็จะมากขึ้นเรื่อย ๆ ต่อไป)
เราเดินกันอยู่เกือบ 20 นาที โดยที่แมทก็ชี้ให้ดูโน่นนี่ และอธิบายว่าอะไรเป็นอะไร
อะไรอยู่ตรงไหน  มีไว้ทำไม ฯลฯ  พี่ไอรินก็เดินเข้ามาจากไหนไม่รู้ พอที่จะเห็นว่าแมทจูง
มือวินอยู่  โดยวินเป็นฝ่ายเอามือออกจากแมทเอง และทำหน้าบอกไม่ถูก ในขณะที่แมท
ดูเหมือนจะไม่รู้สึกอะไร

“คุณแม่มาแล้วคะ” พี่ไอรินบอก มองหน้าวินด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเช่นเคย
“ครับ - - ไปวิน” แมทยังคงยื่นมือมา เพื่อให้วินจับมืออีกครั้ง   แล้วมีหรือที่พี่ไอรินจะหัน
กลับไป
“อ่าว . . ไปสิครับ” แมทเสียงแข็งใส่พี่ไอริน อาจจะเป็นเพราะรับรู้เรื่องราวจากปากของวิน
ก่อนหน้านี้       พี่ไอรินหน้าทำหน้าหักเล็กน้อยและเดินนำไป
“ไปครับ” แมทหันกลับมายื่นมือให้วินอีกครั้ง
“เราเดินเฉย ๆ ไปดีกว่าแมท - - คนอื่นเห็นมันไม่ดีเท่าไหร่นะ เราไม่ใช่ผู้หญิง – ผู้ชาย”
วินบอกกับแมท      แมทดึงมือกลับไปและหันหน้าเดินนำวินไปข้างหน้า  ตอนนั้นวินไม่รู้
เลยว่าคำพูดนั้นจะทำให้แมทไม่พอใจ 

อย่างที่วินบอกไว้ว่า แต่นี้ต่อไปเวลาแห่งความสุขของวินมักสั้นเสมอ  ระหว่างที่เรากำลัง
เดินเพื่อไปหาคุณแม่ของแมทนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ xx-xxx-x777” เบอร์ใหม่ที่เริ่มคุ้นเคย ปรากฏขึ้น  ตั้งแต่เมื่อวานหลังจากวางสายฟิวไป
วินลืมนึกถึงเขาไปเสียสนิท  วินรับสายของฟิว ในขณะที่แมทก็ไม่ได้หันมามองแต่อย่างใด
“สวัสดีครับ...คนน่ารัก” น่าแปลกที่ไม่เคยมีใครชมวินว่าหล่อเลย ทั้ง ๆ ที่อยากหล่อจะแย่
ไม่ว่าแมท พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือใคร ๆ มีแต่คนพูดว่า ‘แกแค่น่ารัก ไม่ถึงกะหล่อหรอก’
ว้า....ก็อยากหล่อมั่งอ่ะ ทำไงดี...
“อืม...หวัดดี” วินตอบรับเสียงทักเมื่อครู่ ด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“หวังว่าตอนนี้คงอยู่บ้านแล้วนะ” ฟิวไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้ วินไม่ได้กลับบ้าน
“เปล่า” วินตอบไปเพียงสั้น ๆ
“ไปเที่ยวไหนกะที่บ้านหรอ” ฟิวถามต่อไป
“อยู่กับแมท” คำตอบนั้นเองทำให้แมทหันมามองวิน
“ใคร” เสียงเข้ม ๆ ถามมาสั้น ๆ จากแมท (อย่างที่บอกแมทจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว)
“เพื่อน....” วินเอาโทรศัพท์ลงมาแนบกับอก แล้วกระชิบตอบเบา ๆ
“เพื่อน ? แล้วทำไมต้องกระซิบด้วย” แมทถามต่อ...เอาแล้วไง นี่เราเผลอเรออะไรขนาดนี้
“ไหน...”  แมทดึงโทรศัพท์ออกจากหูวิน
ฟิวผู้ไวเป็นกรด คงได้ยินเสียงดุเข้มของแมท ชิ่งวางไปแล้วเรียบร้อย และโชคดีแค่ไหน
ที่วินไม่ได้เซฟชื่อของฟิวไว้
“ฮัลโหล - - - ฮัลโหล” แมทเปล่งเสียง
“วางไปแล้ว....” แมทมองหน้าจอโทรศัพท์แล้วเอ่ยขึ้น
“ใครวิน - - เพื่อนชื่ออะไร” เราหยุดเดินกันตั้งแต่แมทแย่งโทรศัพท์ไป และยังคงถามวินต่อ
วินไม่อยากจะเชื่อ  พี่ไอรินคนสวยก็หยุดยืนฟังอยู่ด้วย วินาทีนั้นใครไม่รู้ว่าเราอารมณ์เสีย
ต่อกันก็แย่แล้ว  วินไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ตอบไปตามตรง
“ฟิว....เพื่อนปุ้ย” วินตอบ
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย - - - อย่าโกหกนะ”  เนื่องจากชื่อฟิวก้ำกึ่งเหมือนทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
แมทจึงถามขึ้น แต่ประโยคคำสั่งต่อท้ายของแมท ทำให้วินต้องตอบแทบจะทันที
“ผู้ชาย...” วินมองตาแมทที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ด้วยสายตาอ้อนวอนขอชีวิต
“เพื่อนที่ไหน ที่ xxx หรอ” แมทเอ่ยชื่อโรงเรียนที่วินเรียนอยู่
“ป่าว...” วินตอบสั้น ๆ แทบทุกประโยค
“แมท ......ลูก” คุณแม่เดินเข้ามาพอดี ในขณะที่พี่ไอริน ก็ยังยืนอยู่ห่างจากเราสองคน
ประมาณ 4 ก้าว   เธอยืนฟังอย่างตั้งใจ ราวกับว่าจะเป็นผลดีกับอาชีพการงานของเธอ
แมทไม่ตอบ และยังยืนหันหลังให้คุณแม่ตัวเองที่กำลังเดินเข้ามา
“คุณแม่....” วินเอ่ยทักอย่างสุภาพ
“มีอะไรกันลูก....เป็นอะไรรึเปล่า” คุณแม่ไม่ได้ถามวิน และมองหน้าวินอยู่เพียงครู่ ขณะที่
จับหลังของลูกชายตน และอ้อมมามองหน้าแมท
“มีผู้ชายโทรมาหาวินครับ - - และวินก็บอกว่าเพื่อน แต่กระซิบบอกแมท เหมือนจะไม่ให้
คู่สายได้ยิน”  แมทตอบคุณแม่ทั้งที่ตายังจ้องมองวินราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทีแบบนี้
ทำวินตกใจมาก นี่วินเป็นคนนอก และคนในครอบครัวเขาต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว
“คุยกันด้วยเหตุผลสิแมท” วินเอ่ยขึ้น แทบจะไม่สนใจว่าคุณแม่ของแมทก็อยู่ตรงนั้น
คุณแม่หันมามองวิน ด้วยสายตาแปลก ๆ เป็นครั้งแรก
เชื่อหรือไม่ พี่ไอรินยังคงยืนอยู่ แล้วดูเหมือนจะอยู่ใกล้เข้ามา กว่าเดิมซัก 1 ก้าว แล้วหัน
หน้ามาเต็มตัว จากเดิมที่แค่เอียง ๆ ตัวยืนฟังอยู่   วินรู้สึกตัวคนเดียวมาก ๆ ทั้ง 3 คนที่ยืน
อยู่ตรงนั้นเหมือนเขาเป็นคนบ้านเดียวกัน และวินกำลังคือผู้ต้องหา แมทยืนตัวตรง
ไม่กระดิก หรือเปลี่ยนท่าทางเลยตั้งแต่วินาทีที่ดึงโทรศัพท์ไป

“แมท....” เสียงวินแผ่ว เพราะกลัวเหลือเกินกับสายตาของแมทในเวลานั้น 

คุณแม่ยืนลูบหลังของแมทอยู่ข้าง ๆ โดยที่วินหวังว่าคุณแม่จะช่วยพูดอะไรบ้าง แต่ก็ไม่มี
ได้แต่มองหน้าลูกชายของท่านอย่างเอ็นดู และเริ่มมองวินด้วยสายตาที่วินไม่คุ้นเคย
วินไม่เคยถูกใครมองด้วยสายตาแบบนี้มาก่อนเลย

“แมท....” วินพูดเบา ๆ อ่อน ๆ อีกครั้ง
“ก็พูดมาสิ !!!” เสียงแมทดังมาก จนคุณแม่ และพี่ไอรินก็ยังสะดุ้งเฮือก จนคุณแม่ต้อง
หยุดลูบหลังแมทไปชั่วขณะ
“แมทลูก - - ใจเย็น” คุณแม่พูดขึ้นอีกครั้ง   
ขณะนั้นพี่ไอริน ตั้งใจดูเหมือนได้ดูละครฉากไคลแมกซ์อย่างจดจ่อ คงไม่ต้องเดาแล้วหละ
ว่าแมทกับวินเป็นอะไรกัน
“มันไม่ใช่อ่ะแมท - - ฟิวเป็นเพื่อนวิน....วินไม่ได้คิดอะไรกับเค้าเลย” วินตอบ
“แล้วเค้าหละ...คิดอะไรกับวินรึเปล่า” แมทเสียงแข็งมาก ๆ แข็งมากจิง ๆ
“วินลูก...” คุณแม่เอียงคอ มองวินด้วยสายตาให้วินรู้สึกว่า วินต้องทำให้มันถูกกว่านี้
“คุณแม่...วินกับคนที่แมทว่า ไม่ได้อะไรกันจริง ๆ คุณแม่” วินหันไปพูดกับคุณแม่
“บอกแมทสิวิน... บอกแมท” คุณแม่ดูไม่เข้าข้างวินเอาซะเลย (ก็วินไม่ใช่ลูกท่านนี่)
“ว่าไงวิน...ไอผู้ชายคนนี้ มันคิดอะไรกับเธอรึเปล่า” แมทเรียกวินว่า ‘เธอ’ ครั้งแรก
วินน้ำตาซึมขึ้นมาตอนนี้เอง   คุณแม่ยังคงมองวิน และลูบหลังลูกชายต่อไป
ในขณะนั้นเอง แมทเบือนหน้าหนีจากวินครั้งแรก พอจะเห็นว่ามีคนที่ 4 ยืนอยู่ตรงนั้น
ด้วย 

“พี่ไอริน....ไม่มีอะไรทำหรอ....ไปตอกบัตรเข้างานก็ได้นะ ถ้าตอนนี้ว่างอยู่อ่ะ”
แมทพูดขึ้นเสียงเกือบจะตวาดใส่พี่ไอริน ที่ยืนฟังอย่างเพลิดเพลินอยู่ตรงนั้น วินยังแอบ
รู้สึกสะใจอยู่ลึก ๆ เลย
“นี่ไอริน......ไม่ใช่หน้าที่อะไรที่เธอต้องมาอยู่ตรงนี้ไม่ใช่หรอ” คุณแม่เสริม
“คะ” พี่ไอรินคอตกเดินออกไปอย่างเสียดายด้วยความรวดเร็ว
แมทหันหน้าไปมองที่อื่นต่อ  วินเอื้อมมือไปจับแขนแมท
“แมท...แมทเชื่อวินนะ”  วินพูดน้ำเสียงขอร้อง ตอนนี้น้ำตาก็ไหลออกมาแล้ว แต่ดูเหมือน
ทั้งแมทและคุณแม่จะไม่ใจอ่อนเลย
“โอ๊ย !!”  แมทเสียงดังอีกครั้ง และสะบัดแขนออกจากมือวินอย่างแรง จนวินตัวเซเล็กน้อย
“แมทลูก ...แมท...แมท ๆ ไม่เอานะ  ไม่เอา” คุณแม่ไม่ปลอบวินบ้างเลย - -,
แมทเป็นคนอารมณ์ร้อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้    จู่ ๆ ก็เป็น  วินตั้งตัวไม่ทันเลยจริง ๆ
วินรู้สึกเสียใจที่สุดที่แมทสะบัดมือวินเมื่อสักครู่นี้
“เมื่อกี๊ก็เหมือนกัน....แมทจะจับมือวินเดิน - - วินก็ไม่ให้จับ” หน้าแมทแดงมากในตอนนี้
“ทำไมหละวิน...ฮะลูก”  น้ำเสียงของคุณแม่เท่านั้นที่ยังเหมือนเมื่อวานอยู่ แต่สายตา
มองวินผิดเต็ม ๆ
“คุณแม่...วินก็คิดแค่ว่ามันไม่ค่อยเหมาะ - - วินกลัวคนในโรงงานจะเห็น แล้วมองแมท
หรือเราทั้งสองคนไม่ดี” วินพูดไปตามความจริง ไม่คิดว่าจะมีประโยคต่อไปของคุณแม่
“ทำไมหละวิน...แมทไม่ดีตรงไหน หรือว่าวินอายหรอลูก....ที่คนจะรู้ว่าเป็นอะไรกับแมท”
คุณแม่พูดเหมือนวินเป็นผู้หญิงที่ทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องแคร์สายตาใคร ที่นี่ไม่ใช่
สวิสเซอร์แลนด์เสียหน่อย คุณแม่เองก็น่าจะรู้ว่าเมืองไทยเปิดรับเรื่องนี้สักแค่ไหนกัน
“เปล่าเลยคุณแม่ -- ทั้งคุณแม่และแมทน่ารักกับวินมาก...วินไม่มีทางคิดอย่างนั้นแน่ ๆ
คุณแม่” วินตอบไปด้วยเสียงสั่น น้ำตาไหลพราก     แมทไม่แม้แต่จะมองหน้าของวิน
ได้แต่เหลือบ ๆ มามองด้วยสายตามองค้อน  วินเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก
“แมท - - แม่ว่าเราเข้าไปในออฟฟิศดีกว่าลูก....เดี๋ยวแดดจะเผาเอา”
อ่าวคุณแม่ ยังกลัวแดดจะเผาลูกตัวเองอีก แถมคุณแม่ยังประคองให้แมทเดินออกไป
จากวิน  โดยไม่หันมาชวน หรือพูดกับวินซักคำ....นี่วินควรจะตามไปมั้ย หรือรออยู่ตรงนี้
วินคิดถึงคุณแม่ตัวเองจับจิตในวินาทีนั้น อยากกลับบ้านเหลือเกิน ถ้าคุณแม่ของวินรู้ว่า
ลูกชายของท่านต้องมาเจอกับอะไรที่นี่ ท่านคงเสียใจไม่น้อย วินตัวคนเดียวที่นี่ ไม่มีพวก
ทำอะไรไม่ได้มากจริง ๆ วินคิดในใจว่า ถ้าลองกลับกัน เป็นคุณแม่ของวิน คุณแม่คงมีวิธี
ที่ดีกว่าคุณแม่ของแมทแน่ ๆ คิดแล้ววินก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่   แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจเดิน
ตามทั้งสองไป

MaWin

  • บุคคลทั่วไป
(ตอนที่ 8 Part 2)


ขณะเดินเข้าไปในโรงงาน   ระหว่างทางที่จะไปถึงออฟฟิศ  วินเดินไปทั้งตาแดง  ช้ำน้ำตา
แต่วินใช้มือปาดน้ำตาที่อยู่บนหน้าออกจนหมดแล้ว  และวินก็พบกับพี่ไอรินและพนักงาน
หญิงอีก 2-3 คน และพนักงานชาย (ที่คิดว่าไม่ชายสักเท่าไหร่) 1 คน  ทุกคนมองวินด้วย
สายตาที่วินเองก็อธิบายไม่ถูก   คงเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ ที่ทุกคนจะไม่รับรู้ถึงเหตุการณ์
เมื่อสักครู่นี้  ที่หากพี่ไอรินบันทึกภาพไว้ได้เธอคงทำ     แต่วินาทีนั้นวินไม่ได้สนใจอะไร
คิดแต่ว่าวินจะทำอย่างไรดีกับแมท ทำอย่างไรให้แมทเข้าใจและหายอารมณ์เสีย
แต่ลึก ๆ วินก็รู้สึกว่าตัวเองถูกอยู่เพียงครึ่งเดียว  เพราะเหตุการณ์เมื่อวานตอนกลางวัน
กับฟิวในห้องน้ำที่คาราโอเกะ วินยังคงลืมไม่ได้ง่าย ๆ

“วิน...เข้ามาในนี่”  แมทเรียกวินด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ให้เข้าไปในออฟฟิศ
วินเดินอย่างเร็ว กลุ้มปนดีใจ ที่อย่างน้อย ๆ แมทยังพูดกับวิน......สักหน่อยก็ยังดี
ขณะที่วินเดินมาถึงประตูห้อง คุณแม่ของแมทยืนจับประตูหน้าห้องเพื่อให้วินเข้าไป
ขณะที่แมทเข้าไปนั่งรออยู่ข้างในแล้ว วินก้มตัวเล็กน้อยเพื่อเดินผ่าน    คุณแม่เอามือ
มาบังหน้าอกวินไว้เบา ๆ ก่อนจะพูดว่า
“ทำกับลูกแม่ดี ๆ หน่อยนะวิน” คุณแม่มีสีหน้าเฉย ๆ น้ำเสียงสุภาพ วินไม่ได้รู้สึกอะไร
กับคำพูดนั้น     วินเพียงแต่พยักหน้าตอบไป  เพื่อน้อมรับคำของท่านและเดินเข้าไป
คุณแม่ปิดประตู และมองเข้ามา และยืนอยู่ครู่เดียว ก่อนที่แมทจะเดินไปที่ประตูและ
เปิดออกพร้อมพูดกับคุณแม่เบา ๆ
“ขอเวลาแมทแป๊บนึงนะครับแม่”  และแมทก็ดึงมู่ลี่ลง จนในห้องนั้นก็มีเพียงเราสองคน
“แมท...” วินนั่งอยู่ที่โซฟาร้องเรียกแมท ในขณะที่เขาทำเหมือนไม่สนใจ และเดินผ่านหน้า
วินไปนั่งที่โต๊ะทำงานแม่ของเขา  และเขาก็มองหน้าวินในที่สุด
“วิน - - แมทไม่สนว่าวินจะรู้สึกอะไรกับ ‘ไอนั่น’ - - แมทสนแต่ว่ามันจะต้องไม่คิดอะไร
กับวิน”   แมทเน้นคำว่า ‘ไอนั่น’ จนวินแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ตั้งแต่เช้าของวันนี้ ทุกอย่างดู
เป็นเรื่องใหม่สำหรับวินเกือบทั้งหมด
“วินตอบแมทได้มั้ย - - ว่ามันจีบวินรึเปล่า” แมทถามต่อ
“เปล่าแมท”  วินตอบสั้น ๆ น้ำเสียงจริงจัง
“ถ้างั้น...มันชอบวินรึเปล่า” แมทถามวินราวกับเป็นทนาย คำถามมันช่างเจาะจง
รอบคอบ และแคบลงเรื่อย ๆ
“ไม่หรอกแมท”  วินตอบไปเช่นนี้ เพียงเพราะรู้สึกว่าไม่กล้าโกหกแมทก็เท่านั้น
“ไม่หรอก ?.....หึ”  แมทยกตัวเล็กน้อย ย้ำคำตอบของวิน และเบ้ปากกับคำตอบที่
ไม่เต็มร้อยของวิน
“งั้นก็แปลว่าวินเองก็ไม่แน่ใจใช่มั้ย - - ถ้ามันไม่ใช่ หรือวินไม่รู้ วินคงตอบมาว่า
  ‘ไม่’ แล้ว คงไม่ตอบแบบนี้หรอก”  แมทพูดต่อ  ถูกของแมท วินไม่แน่ใจจริง ๆ
“แมท…” วินพูดพร้อมลุกขึ้นไปยังที่แมทนั่งอยู่  วินนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าแมท  มือจับเข่า
ของเขาไว้
“แมท วินไม่ได้คิดอะไรกับเค้าเลยนะ - - แค่นั้นก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่หรอ” วินอ้อนวอน
“วินแน่ใจนะว่าวินไม่ได้ชอบเค้า” แมทเสียงอ่อนลง แต่ก็ยังไม่เหมือนเดิมเท่าไรนัก
“ยิ่งกว่าแน่แมท”  วินตอบ
แมทดึงมือวินให้ลุกขึ้น แล้วสวมกอดอย่างแน่น และตบหลังวินเบา ๆ  การกอดครั้งนี้
เสมือนการปลอบเสียมากกว่ากอดด้วยความรัก

“ถ้าวินจำได้ - - ว่าเมื่อคืนแมทพูดอะไรก่อนนอน....ขอให้รู้ไว้นะ  ว่าแมทหมายความ
อย่างนั้นจริง ๆ”  แมทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย  เหมือนเป็นการเตือนมากกว่าการ
บอกเล่า
“แมท....พูดกับวินเหมือนเดิมได้มั้ย - - วินไม่อยากได้ยินน้ำเสียงแบบนี้เลย”
วินขอร้องแมท
“วิน...แมทมีแต่วินคนเดียวนะ - - แมทรักวินมาก....หวังว่าวินคงเข้าใจทั้งหมดนี้นะ”
แมทมีน้ำเสียงที่คล้ายกับแมทคนเดิมมากขึ้น พอทำให้วินอุ่นใจ
“อืม...วินเข้าใจแมท - - แต่เราอย่าทะเลาะกันอีกเลยนะ...วินก็รักแมท - - วินขอให้
แมทไว้ใจวินนะ”  วินบอกกับแมท    ทั้ง ๆ ที่ในอนาคตวินเองนี่แหละที่ทำตัวเอง
ให้แมทไว้ใจไม่ได้ (อีกต่อไป)
“ครับ - - แมทขอโทษนะ”  ในที่สุดแมทคนเดิมก็กลับมา และแมทก็ขยี้หัววินเบา ๆ
“ไปเถอะ - - แมทไม่อยากให้วินไม่สนุก” แมทกล่าวขึ้นพร้อมจูงมือวินออกจากห้อง
โดยครั้งนี้วินไม่กล้าที่จะขัดเขาอีกต่อไป  คิดในใจว่าอีกหน่อยคงชินกับการกระทำ
ที่เปิดเผยของแมทแบบนี้    แต่วินก็แอบหวังลึก ๆ ว่า แมทคงจะปล่อยมือวินก่อนที่
จะออกจากห้องไป       แต่ก็เปล่า....เมื่อออกจากห้องไป การกระทำของเราสองคน
คงจะช่วยย้ำความถูกต้องของเรื่องที่พี่ไอรินเล่าให้เพื่อนร่วมงานละแวกนั้นได้รับรู้

“เป็นไงลูก...” คุณแม่ถามพร้อมยิ้มให้กับแมท โดยยังคงหลีกเลี่ยงที่จะมองหน้าวิน
“ไม่เป็นไงครับแม่....ปกติดี” น้ำเสียงแมทกลับมาเป็นปกติ
“แม่ขอยืมตัววินแป๊บนึงสิ” คุณแม่หันมายิ้มให้วินในที่สุด
“เอาสิครับ”  แมทปล่อยมือวินและเอามือแตะไหล่เบา ๆ เป็นเชิงว่ายกให้คุณแม่ตามที่ขอ
“ไป...วิน” คุณแม่จูงมือวิน และเดินออกจากรัศมีของแมท

คุณแม่เริ่มเปิดฉากพูดกับวิน พร้อมกับเดินไปด้วยตลอดการสนทนาของเรา และมือของ
วินก็ยังคงอยู่ในมือของคุณแม่ตลอดเวลาเช่นกัน

“วิน - - แม่ขอร้องนะ.....แม่มีลูกของแม่อยู่คนเดียว - - แม่คงยอมไม่ได้นะ ถ้าลูกของแม่
คนนี้ต้องเป็นอะไรไป แม่หวังว่าวินจะเข้าใจ”  คุณแม่ไม่เรียกวินว่า ‘ลูก’ เหมือนเมื่อวาน
ทั้งยังใช้คำว่า ‘ลูกของแม่’ แทนเรียกชื่อแมทกับวิน  วินตกใจเล็กน้อยแต่ก็รับคำไป
“วินรักแมทมากนะคุณแม่”  วินตอบคุณแม่ไปแบบตัวชา ๆ
“แม่ไม่สนว่าวินจะรักมากแค่ไหน รักได้ ก็เลิกรักได้ - - แม่ต้องการแค่ให้วินรับปากกับแม่
ว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก - - และวินก็ต้องไม่ทิ้งแมทไปไหน” คุณแม่พูดต่อไป
คำพูดเหล่านี้ทำให้ความรู้สึกของวินที่มีต่อคุณแม่เปลี่ยนไปจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง

“ครอบครัวของเรา โดยเฉพาะแมท ต้องเจอปัญหามามากมายแล้ว...แม่ดีใจที่วินเข้ามา
ในชีวิตลูกของแม่ และทำให้เขามีความสุขมากขนาดนี้ - - แม้ชีวิตของเราจะเปลี่ยนไป
บ้าง...อย่างวันนี้ที่แมทต้องแยกรถมา และไม่ได้ไปนั่งทานอาหารเช้ากับแม่ที่ร้านนั่น
ซึ่งเราไปกันเป็นประจำทุกครั้งที่มาโรงงาน - - แต่แม่ไม่ว่าอะไร ขอแค่ลูกของแม่มีควาสุข
แม่ก็ยอมได้หมด” คุณแม่ช่วยไขข้อข้องใจ ว่าทำไมเมื่อครั้งที่คุณแม่มาถึงที่โรงงาน
และเห็นหน้าวิน จึงมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก (แล้วไหนแมทบอกวินว่าไม่เป็นไรไงหละ)
ซ้ำร้ายวินไม่คิดเลยว่าแค่เรื่องแยกรถมา คุณแม่ก็เอามาเป็นเหตุผลตอนนี้ นี่เป็นสาเหตุ
ของท่าทีเมินเฉยเมื่อเช้านี้หรือเปล่า

“ถ้าวินคิดจะเลิกกับแมท  - - วินต้องนึกถึงวันแรกที่เจอกัน...อีกอย่าง ถ้าไม่คิดจะรัก
ก็ต้องไม่ทำให้เค้ารักตั้งแต่แรก - - ถ้ารักกันแล้ว ทำให้แมทรักวินแล้ว....แม่ถือว่าวินต้อง
รับผิดชอบต่อความรักที่แมทมีให้กับวิน”  คุณแม่ยังพูดต่อไป ในขณะที่วินยังคงตกใจกับ
คำพูดเหล่านั้น   ในความคิดของวินอยากจะถามคุณแม่ด้วยความใคร่รู้เหลือเกินว่า
ถ้าแมทเป็นฝ่ายทิ้งวินไป คุณแม่จะห่วงวินบ้างหรือไม่....แต่ใครจะกล้าถามหละ จริงมั้ย?
“ครับคุณแม่ - - ไม่ต้องเป็นห่วง”  วินพูดเอาใจคุณแม่ไป เพราะใครสักกี่คนที่จะมั่นใจ
ในอนาคตได้ขนาดนั้น ยิ่งกับคำพูด กึ่งขู่ของคุณแม่แบบนี้
“ดีลูก” เหมือนคุณแม่จะพอใจกับคำตอบของวิน พอทำให้กลับมาเรียกวินว่าลูกดังเดิม
“แม่ขอลูกอีกอย่าง ... อย่าพูดกับแมทเรื่องนี้ - - บอกแมทว่าแม่พามาเดินเล่น และเรา
ก็คุยปรับความเข้าใจกัน”  เสียดายจริง วินว่าจะเล่าให้แมทฟังเสียหน่อย ว่าคุณแม่เขา
น่ากลัวในสายตาวินแค่ไหน  แต่วินก็ทำตามที่คุณแม่ขอร้องทุกอย่าง (จนถึงวันนี้)




___________________________________________________________


ตัวอย่างตอนต่อไป...........

ตอนที่ 9 ฟิวจะวุ่น...แมทก็ฉุดไม่หยุด


“แมทเค้าช่างเลือกจังเลย - - แม่คิดไม่ผิดที่ยอมให้ลูกรูดการ์ดซื้อนี่มา” คุณแม่หมายถึง
นาฬิกาฮอยเออร์เรือนขาวมุก ที่วินและแมทใส่อยู่ในวันนั้นด้วยกัน
“เนี่ย - - ไม่ต้องไปหาแฟนใหม่แล้ว.....คบกับแมท...มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต”
จบประโยคของคุณแม่ วินก็รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าก็ไม่ปาน 

....................................................................................

“ไม่เอา - - ไม่เอาอ่ะแมท....แมทอย่าร้องสิ”  วินน้ำตามซึม ยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋า
จู่ ๆ ไม่รู้ยังไง คุณแม่ก็เดินกลับมาอีกครั้ง (ไหนว่าจะไปทำการทำงาน)
“แมท!! - - แมทเป็นอะไรลูก” คุณแม่ตกใจ 

....................................................................................

“ม.อึง รู้ไว้นะว่าวินมีเจ้าของแล้ว และ ม.อึง ก็รู้ไว้เลยว่าวินเป็นของกูตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
วินไม่อยากเชื่อว่าแมทจะกล้าพูดเรื่องของเราให้คนอื่นที่แม้แต่วินเองก็รู้จักได้เพียงไม่ถึง
1 วันได้รับรู้

....................................................................................

“จำไว้นะวิน - - วินต้องเป็นของแมทคนเดียวเท่านั้น” แมทพูดกับวินทั้ง ๆ ที่อยู่บนตัววิน
วินก็ได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ งงว่านี่เรามีอะไรกัน เพียงเพราะให้แมทรู้สึกว่าวินเป็นของแมท
อย่างนั้นหรือ ??  ความรักและเซ็กส์เป็นสิ่งสวยงามที่น่าจะเดินคู่กันไปในความคิดของวินเสมอมา แม้จะมาจนถึงวันนี้ก็ตาม  .......นี่แมทกับวินคิดเหมือนกันหรือเปล่า ?
“พูดสิวิน....ว่าวินเป็นของแมทคนเดียว”  วินกลัวมากกับสิ่งที่ได้ยินและสายตาที่ไม่คุ้นเคย
ของแมทที่ส่งมาให้วิน     
...................................................................................

ICEME

  • บุคคลทั่วไป
จิ้มๆ

เครียดแทนวินอ่ะ ไม่เข้าใจหรอกเพราะเต่าไม่เคยมีแฟน แต่ถ้าต้องถูกกดดันจา่กฝ่ายแม่แบบนี้ก็แย่เลยอ่ะ

แล้วแมทก็ชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมากเกินไป ถึงจะรักก็เหอะอ่ะ

ง่ะ ต่อไปเรื่อยจะเป็นยังไงต่อไปอ่ะเนี่ย อ๊า :serius2:

MaWin

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 9 ฟิวจะวุ่น...แมทก็ฉุดไม่หยุด

“กลับมาซะที - - ไปคุยอะไรกัน” แมทเอ่ยถาม
วินในร่างไร้วิญญาณ (ที่โดนคุณแม่ดูดไปแทบสิ้น) ยังคงไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่ได้ตอบ
แมทไป  ขณะนั้นเอง คุณแม่มาจับที่หัวไหล่วิน ค่อนข้างแน่นพอดู  วินรู้สึกตัวและหันกลับ
ไปมองหน้าท่าน   คุณแม่ใช้สายตาสุภาพ (ที่วินรู้สึกว่านั่นคือสายตาบังคับให้วินตอบ)
มองกลับมาที่วิน
“แมทเค้าถามแน่ะลูก” คุณแม่เอ่ยเบา ๆ แต่น้ำเสียงแข็งพิลึก
“คุณแม่เค้านึกว่าแมทยังไม่ได้พาวินเดินดูโรงงาน...ก็เลยพาวินไปดู และก็คุยเรื่องทั่วไป”
วินตอบไปทั้ง ๆ ที่สติยังไม่สมประดีนัก
“คุยอะไรกัน...ฮึ” แมททำหน้าฉงนถามวินต่อ
“แหม...แมท - - ก็คุยกันตามประสาแม่กับคนที่จะมาเป็นลูกของแม่อีกคนนะแหละ”
วินรู้สึกแปลกประหลาดอย่างที่สุดในชีวิต วินไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาตกอยู่ในฉากชีวิต
ที่เหมือนดั่งละครเช่นนี้   วินาทีนั้นวินนึกถึงคำพูดที่เคยได้ยินว่า ‘ชีวิตจริง น้ำเน่ายิ่งกว่า
ในละคร’ ใครไม่มาเจออย่างที่เค้าว่า ไม่มีทางรู้หรอก วินเอาหัวเป็นประกันเลย

คำพูดคุณแม่ทำเอาแมทยิ้มแป้น วินรู้สึกว่าคนบ้านนี้เปลี่ยนอารมณ์เร็ว เสียยิ่งกว่าลม
เปลี่ยนทิศเสียอีก  ทั้งความรู้สึกตกใจ เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างวินและแมท และ
ไหนจะความรู้สึกระหว่างวินกับคุณแม่ของแมท และยังจะสายตาหลาย ๆ คู่ในโรงงาน
ที่มีพี่ไอรินเป็นเสมือนลำโพง hi-fi คอยพากษ์ความเป็นไปของวินอีก   ความรู้สึกคิดถึง
บ้านก็ประทังเข้ามาเรื่อย ๆ เสียงอื้ออึงของเครื่องจักร ทำให้วินรู้สึกตื้อ    และเหมือนคน
ไร้สติสัมปัชชัญญะในขณะนั้น.......นี่มันอะไรกัน ทำไมอะไร ๆ รอบตัววินตั้งแต่เมื่อเช้านี้
มันถึงได้เป็นอะไรที่วินไม่เคยพบเคยเจอได้ขนาดนี้ (ทุกวันนี้วินเคยคิดอยู่บ่อย ๆ ว่า...
ถ้าวันนั้นวินไม่ไปเจอแมทที่บ้าน  ไม่ย่างกายเข้าบ้านแมท  ไม่ต้องรู้จักกับคุณแม่ของแมท
เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้น...เราอาจจะยังคบกันอยู่ก็ได้)

“แมทหิวจัง ... วินไปกินข้าวกับแมทมั้ย” แมทเอ่ยขึ้น
ในใจวินรู้สึกว่าแมทไม่น่าพูดคำนี้เลย...........และวินก็คิดถูกจริงๆ
“เมื่อกี๊ ดันขับรถเร็วทำไมหละ - - หรือไม่ก็ไม่น่าแยกรถกับแม่ เห็นมั้ย...คลาดกันจนได้”
คุณแม่พูดเหมือนคนได้ที
“แหม...คุณแม่ ... ใจคอจะใจร้ายกับลูกชายตัวเองไปถึงไหน” แมทผู้ไม่รู้อะไรเอ่ยขึ้น
แมทจ๋า...ถ้าแมทรับรู้คำพูดที่คุณแม่ท่านพูดกับวินเมื่อครู่ แมทจะว่ายังไงเนี่ย ???
“แมทขอเงินหน่อยสิแม่ น้า....” แมทอ้อน
“ไม่ให้วินเลี้ยงหละจ๊ะ - - เผื่อกับข้าวจะอร่อยขึ้น” คุณแม่พูดด้วยทีท่าน่ารักตามประสา
คนใจดี  แต่วินไม่รู้สึกเช่นนั้นร่วมด้วยอีกต่อไป (นี่จนทุกวันนี้แมทจะยังไม่รู้จริง ๆ หรอว่า
คุณแม่ท่านไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านแสดงออกมาเสมอไป)
“วินเค้าลืมเอากระเป๋าตังค์มา...ลืมไว้ในกางเกงตัวเมื่อวานหนะครับ” แมทตอบ
“อ่าวหรอจ๊ะวิน....แหมไม่ต้องห่วง - - คบกับลูกชายแม่ สบายจะตาย . . . วินไม่ต้องควัก
สักบาท - - ให้ลูกชายแม่จัดการเอง” วินไม่รู้คุณแม่จะหาว่าหลอกแด๊กส์ลูกชายท่าน หรือ
ท่านตั้งใจจะให้วินสบายจริง ๆ แต่อย่างไรก็ตามคุณแม่ยังคงไม่ลดละในประโยคถัดมา
“เนี่ย” คุณแม่ยกข้อมือซ้ายของวินขึ้นมา
“แมทเค้าช่างเลือกจังเลย - - แม่คิดไม่ผิดที่ยอมให้ลูกรูดการ์ดซื้อนี่มา” คุณแม่หมายถึง
นาฬิกาฮอยเออร์เรือนขาวมุก ที่วินและแมทใส่อยู่ในวันนั้นด้วยกัน
“เนี่ย - - ไม่ต้องไปหาแฟนใหม่แล้ว.....คบกับแมท...มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต”
จบประโยคของคุณแม่ วินก็รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าก็ไม่ปาน  คำพูดนั้นสำหรับวิน
มันเหมือนดูถูกยังไงก็ไม่รู้  ถึงวินจะไม่ใช่คนร่ำรวยที่ทางบ้านมีกิจการร้อยล้าน
แต่วินก็ไม่เคยแม้แต่จะคิดถึงความร่ำรวยของแมทเลยแต่น้อย   ครอบครัววินทั้งคุณพ่อ
คุณแม่ทั้งสองท่านต่างก็ไม่เคยรับของจากใครฟรี ๆ นามสกุลของเราก็มีเกียรติเป็นตระกูล
เก่าแก่ ได้รับความนับหน้าถือตามาแต่อดีตถึงปัจจุบัน    และทั้งสองท่านไม่เคยสอนให้วิน
ยโสโอหัง หรือข่มผู้น้อยด้อยกว่า  แต่ท่านพูดเสมอว่าต้องหยิ่งในศักดิ์ศรีของเราอย่าได้ทำ
ให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสีย  แต่คำพูดของคุณแม่ทำให้วินรู้สึกด้อยค่าอยู่ไม่น้อยเลย
นี่วินคิดผิดหรือเปล่าที่รับของชิ้นนี้มา ???

“ไปมั้ยวิน - - กินข้าวกัน” วินรู้สึกดีใจกับประโยคนี้อย่างพิสดาร   ที่ดูเหมือนมันจะเข้ามา
หยุดคำพูดที่ ‘อาจ’ จะลุกลามไปกว่านี้ของคุณแม่ได้
“ไป ๆ” วินรับคำอย่างเร็ว  สติสตังก็ยังไม่ได้กลับมาเท่าไรนักหรอก
โทรศัพท์วินดังขึ้นมาอีกครั้ง  น่าแปลกที่ตั้งแต่เมื่อวานเย็นนี้ มีแต่ฟิว   ฟิว  และฟิว ที่โทร
หาวิน  อาจเป็นเพราะอั้มที่ยังคงงอนวินอยู่เลยไม่โทรมา และปกติแมทจะโทรหา แต่เรา
อยู่ด้วยกันจนถึงตอนนี้ เลยไม่มีใครโทรหาวินอย่างนั้นมั้ง

เบอร์เดิมที่เป็นต้นเหตุให้วินเกือบตายโทรกลับมาอีกครั้ง  ทั้ง ๆ ที่วินคิดว่าฟิวได้ยินเสียง
แข็ง ๆ ของแมทเมื่อพักใหญ่ที่ผ่านมาแล้วจึงชิงวางไปเสียอีก  วินรู้สึกพอแล้ว ไม่เอาแล้ว
วินจึงพูดขึ้นกับแมท
“แมท - - ฟิวโทรมา วินไม่อยากรับ วินไม่อยากมีเรื่อง...ถ้าแมทข้องใจอะไร วินว่าแมท
คุยกับเค้าเองเลย...วินไม่อยากรับ”  วินกล่าว   คุณแม่ตอนนี้แลดูมีสีหน้าปิติยิ่งนัก
“เอามา” แมทเสียงแข็งเล็กน้อย
“เอาคืนไป - - แค่นี้แหละ” แมทกดวางสายไป และยื่นกลับคืนมาให้วิน
ไม่ถึง 10 วินาที เบอร์ตัวปัญหาเดิมก็เรียกเข้ามาอีก
“อีกแล้วหรอ” แมทรับโทรศัพท์วินไปและกดวางสายไปอีกครั้ง
“เนี่ยนะ - - มันไม่ได้ชอบวิน” แมทดูจะมีน้ำโหขึ้นมาอีกระรอก
วินไม่ได้ทันได้ตอบ โทรศัพท์ของวินที่ยังอยู่ในมือของแมทก็ดังขึ้นอีก
“อะไรว้ะเนี่ย” แมทอุทานแบบไม่สุภาพเป็นครั้งแรกต่อหน้าวิน
“แมทรับสิ - - รับเลย” วินหันไปมองต้นเสียง....คิดในใจว่าขอให้เป็นคนอื่นไม่ใช่คุณแม่พูด
แต่จะเป็นไปได้ไง ก็เรายืนกันอยู่สามคนนี่นา
“แล้วถามมันไปเลยลูก - - อะไรที่ลูกอยากรู้....และบอกมันว่าอย่ามายุ่งกับวินอีก”
พระเจ้าช่วยหมวยที  สาบานกับวินทีสิว่านี่คือคุณแม่คนเดียวกันกับคนเมื่อวานที่วินได้พบ
“คุณแม่ก็รู้ แมทไม่ชอบมีเรื่องกับใคร” แมทเอ่ย ขณะโทรศัพท์ในมือก็ยังดังต่อไป
(ครั้งนั้นสำหรับวิน รู้สึกว่าทำไมโทรศัพท์มันดังได้นานขนาดนี้  มันน่าจะดับไปแล้ว
ไม่ใช่หรือ  คงเป็นเพราะเหตุการณ์ตึงเครียดดึงเวลาอันสั้นให้ดูยาวนานขึ้นกระมัง)
“งั้นให้แม่คุยให้มั้ยหละ”  โอ้โหคุณแม่ผู้เลิศเลอในสายตาวินคนเมื่อวานนี้ไปไหนเสียแล้ว
“ไม่เอาแม่ - - จะบ้าหรอ” แมทตอบกลับ ไม่สุภาพอีกครั้ง
วินยังไม่เคยพูดกับแม่วินอย่างนี้เลย สงสัยเหมือนกันว่าทำไมคุณแม่ไม่ว่าอะไร แต่วินก็
แอบเห็นด้วยกับแมทว่า ‘จะบ้าหรอ’ คุณแม่เป็นผู้ใหญ่นะ และทั้งสามคนนี้ก็แค่เด็กม.6
“เงียบไปแล้ว” คุณแม่พูดขึ้น เมื่อโทรศัพท์หยุดดัง    ขณะเดียวกันคุณแม่ก็หันมามอง
หน้าวิน  สีหน้าราวกับว่าวินได้นำพาสิ่งเลวร้ายเข้ามาในครอบครัวของท่าน 
(ซึ่งในเวลาต่อมาไม่นาน คุณแม่ก็หาว่าวินเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ด้วย.... ทั้ง ๆ ที่คุณแม่นั่น
แหละเป็นคนทำให้ทุกอย่างมันแย่ขึ้นเรื่อย ๆ จนทุกวันนี้ คุณแม่ก็ยังไม่หยุด)
“วินจะทำไงเนี่ย” แมทถามกับวินดี ๆ สีหน้าดูกลุ้มใจ  วินรู้สึกสงสารแมทมาก วินไม่น่าให้
เบอร์ไปกับฟิวเลย....นี่ยังดีนะที่แมทไม่ได้ถามว่าฟิวได้เบอร์วินมาจากไหน ถ้าแมทรู้
คำตอบ วินไม่อยากจะนึกภาพเหตุการณ์ต่อจากนั้นเลย
“แมทจะให้วินทำไงหละ…วินก็จะทำอย่างงั้นอ่ะแมท”  วินที่รู้สึกสงสารแมทเหลือเกินตอบ
คุณแม่มีสีหน้าที่ปิติล้นเปี่ยมอีกครั้ง ออกแนวสะใจเสียมากกว่า  นี่ถ้าฟิวมาได้ยินที่วินพูด
คุณแม่คงรู้สึกดีกว่านี้แน่
“แค่วินอย่าชอบมันก็พอ” แมทเอ่ย  สีหน้ายังคงความกังวลใจ  วินรับรู้ว่าตอนนั้นแมท
ไม่ได้รู้สึกอยากจะต่อว่าวินแล้ว  คงรู้สึกแต่เพียงว่าจะทำอย่างไรดีกับฟิวตัวปัญหาเท่านั้น
“หึ...ไม่มีวันอ่ะแมท”     ทุกวันนี้วินเองก็ไม่แน่ใจตัวเองว่าในอดีตที่ผ่านมานั้น  วินได้ทำ
อย่างที่พูดนี่หรือเปล่า..........ไม่แน่ใจจริง ๆ ถึงแม้เรื่องมัน (เหมือน) จะจบ ๆ ไปแล้ว
วินอาจจะเคยรู้สึกชอบนิด ๆ หรือไม่ได้ชอบเลย.........วินไม่รู้จริง ๆ นะแมท ถึงแม้ทุกวันนี้
แมทอาจจะไม่เชื่อวินก็ตาม

และแล้วปฏิบัติการแรกของ ‘ฟิวจะวุ่น….ใครก็ฉุดไม่อยู่’ ก็ได้เริ่มขึ้น  เสียงตี๊ด ๆ ตี๊ด ๆ
(คงรู้นะว่าโทรศัพท์ยี่ห้ออะไร...อิอิ) เป็นเสียงเรียกของข้อความ  และแล้วแมทคนเดิม
ก็กลับมาอีกครั้ง  .... แมทไม่ได้กดดูข้อความนั้น...แต่ยื่นโทรศัพท์คืนให้วิน   ในขณะที่
คุณแม่ทำสีหน้าไม่พอใจใส่วิน เหมือนอยากจะคว้าโทรศัพท์นั้นไว้เอง  วินหยิบโทรศัพท์มา
แต่ไม่ได้กดเปิดข้อความ
“แมทจะดูมั้ย - -  ถ้าแมทจะดู....วินก็ให้ดู...ไม่มีอะไรปิดบังกันทั้งนั้นแมท”
ถ้าใครได้เห็นสีหน้าแมทตอนนั้นคงสงสารแมท และเกลียดวินน่าดูที่นำพาสิ่งเหล่านี้เข้า
มาในชีวิตของเรา
“ดูสิลูก....เพื่อความสบายใจ”  คุณแม่เหมือนได้ที
“อะ....คุณแม่”  วินยื่นโทรศัพท์ให้คุณแม่ รู้สึกว่าวินจะทำเฉยไม่ได้แล้วกับท่าทีของท่าน
ท่านเองก็เหมือนจะรู้ตัว  ท่านมองโทรศัพท์ของวิน และส่ายหน้าเบา ๆ
“อะแมท”  วินยื่นไปให้แมทอีกครั้ง ขณะเดียวกันเสียงเรียกก็ดังขึ้นอีกครั้ง บ่งบอกถึง
ข้อความเข้าฉบับที่สอง..............นี่วินยังเดือดร้อนไม่พอหรือนี่ฟิว !!!!!?????
“โอโหวิน...........” แมทพูดเสียงเบา พร้อมส่ายหน้า แสดงความระเหี่ยใจอย่างมาก
“นี่มันอะไรกันเนี่ย....วิน” คุณแม่ที่เข้าไปปลอบแมท หันมาจ้องวินเขม็ง
“วินก็ไม่ทราบเหมือนกันคุณแม่” เสียงวินค่อนข้างแข็งตอบกลับคุณแม่ แต่ยังเรียกท่าน
โดยมีคำว่า ‘คุณ’ นำหน้าอยู่  และเป็นเช่นนี้เสมอ ไม่ว่าวินจะระอาท่านเพียงใด
“โอ๊ย....เคลียร์กันเองนะลูก - - แม่ไม่เป็นอันทำการทำงานแล้ว - - เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของ
วัยรุ่นสมัยนี้แม่ตามไม่ทันจริง ๆ . . . นี่ถ้าวินเป็นผู้หญิง แมทคงแย่แน่ ๆ”  คุณแม่พูดถึง
เรื่องเพศของเราเป็นครั้งแรกตั้งแต่วินพบกับท่าน พร้อมมีสีหน้าไม่พอใจ โดยครั้งนี้ท่าน
แสดงต่อหน้าลูกชายของท่านด้วย
“ทำไมต้องพูดอย่างงั้นด้วยอ่ะแม่” แมทหันไปทำเสียงกึ่งดุกับคุณแม่
“ก็ไม่รู้หละ - - ตั้งแต่แม่มาถึงนี่แม่ยังไม่ได้ไปดูงานเลย แมทจะไปกินข้าวหรือพาวินไปไหน
ก็ไปเลยนะ ...แม่ขอไปทำงานแล้ว” คุณแม่พูดพร้อมหยิบแบงค์พัน 2 ใบใส่มือแมท และ
เดินออกไปจากตรงนั้น  ท่านไม่วายหันมาค้อนวิน 1 ที   วินคงผิดจริง ๆ แหละ การมาของ
วินวันนี้ทำให้หลาย ๆ คนเสียการเสียงานไปหมด   ......... แต่พี่ไอรินนี่เค้าทำตัวเค้าเองนะ
วินว่าวินไม่เกี่ยว…
“วิน...แมทขอโทษนะ...แม่แมทเค้าคงห่วงแมทเกินไปอ่ะ”  แมทเอ่ยด้วยสีหน้าที่ยังดูวิตก
“ไม่เป็นไรแมท...ถ้าเป็นแม่วินก็คงไม่ต่างกันหรอก” วินพูดไปทั้ง ๆ ที่ในใจไม่ได้คิดเช่นนั้น
คุณแม่วินไม่เคยแสดงท่าทีอาการเช่นนี้เลยตลอดชีวิตของวินตั้งแต่จำความได้
“ยังไงแมทก็ขอโทษอ่ะ….วินอย่าถือสาแม่เลยนะครับ”  แมทกล่าวต่อ.......คำว่า ‘ถือสา’
ของแมทในวันนั้นวินก็ได้รับรู้และเข้าใจจากคำบอกเล่าของพี่แสงเดือนในช่วงที่คบกับ
แมทได้ประมาณ 7 เดือน โดยเธอเล่าว่า
“หลังจากคุณผู้ชายเก็บข้าวของออกไปจากบ้าน หน้าที่รับผิดชอบเลี้ยงน้องแมท ก็ตกอยู่
กับพี่แสงเดือน....ตอนนั้นน้องแมทอายุ 2-3 ขวบกำลังน่ารัก แต่คุณผู้หญิงเอาแต่เก็บตัว
ไม่ไปไหน นอนอยู่แต่ในห้อง และไม่ยอมให้น้องแมทเข้าไปหา หรืออุ้มน้องแมทเลย
ญาติทางฝั่งคุณผู้หญิงต้องพาจิตแพทย์มาหาถึงบ้าน หมดเงินกันไปเป็นก้อน และใช้เวลา
อยู่ร่วมปี กว่าคุณผู้หญิงจะออกไปข้างนอก และยอมทานมากขึ้นอีกครั้ง ตอนนั้นน้องแมท
ก็พูดได้จนเกือบเก่งแล้ว แต่ต้องสอนให้เรียกคุณผู้หญิงว่าแม่อยู่ตั้งนาน กว่าจะยอมเรียก
พอทุกอย่างใกล้จะกลับมาเป็นปกติ   ขณะที่คุณผู้หญิงอุ้มและเล่นกับน้องแมทอยู่
ท่านพูดกับพี่แสงเดือนว่า ‘คอยดูนะ ..... แมทจะต้องไม่มีทางลำบาก ต้องไม่มีใคร
มาทำให้ลูกฉันเสียใจ และต้องเหนือกว่าทุก ๆ คน’ ......แหมคุณวินขา ถึงพี่แสงเดือนจะเรียนมาน้อย แต่ก็พอจะรู้ว่านี่มันคือคำพูดที่ไม่ปกตินัก…ทุกวันนี้คุณผู้หญิงยังต้องทาน
ยาตามแพทย์สั่งอยู่เลย”  พี่แสงเดือนก็ช่างเป็นแม่บ้านที่เก็บทุกรายละเอียด ทุกวันนี้
พี่แสงเดือนไม่ได้ทำงานที่บ้านแมทแล้ว ตั้งแต่คุณแม่พี่แสงเดือนเสีย พี่แสงเดือนก็ต้อง
กลับบ้านไปดูแลสมาชิกที่เหลือ แต่พี่แสงเดือนก็ยังติดต่อกับวินอยู่ ไม่ว่าจะตอนที่ยังอยู่
บ้านแมท หรือตอนที่กลับอิสานไปแล้ว (พี่แสงเดือนเป็นคนลาว แต่ไม่รู้อย่างไรเธอถึงมา
อยู่ในประเทศไทยได้)  ทุกวันนี้พี่แสงเดือนก็ยังโทรหาวินอยู่บ่อย ๆ ส่วนมากจะยิงมาและ
ให้โทรกลับไปหา  วินชอบคุยกับพี่แสงเดือนมาก เพราะเหมือนเราจะรู้จักกันดีพอสมควร
นอกจากเราจะพูดคุยถึงเรื่องเก่า ๆ เกี่ยวกับแมทและคุณแม่แล้ว  พี่แสงเดือนก็ชอบแนะ
วิธีการทำอาหาร หรือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการเข้าครัว..........ซึ่งวินก็ทำได้แต่ไข่เจียวอยู่ดี
..........แต่ถึงแม้วินจะได้รับรู้เรื่องของคุณแม่ที่ท่านป่วย ทำให้จิตท่านไม่ปกติแล้ว มันก็ยัง
ไม่สามารถทำให้วินรู้สึกให้อภัยท่านในสิ่งที่ท่านได้พยายามทำ หรือสิ่งที่ทำจนสำเร็จกับ
วินอยู่ดี (มันเจ็บปวดเกินจะอภัยจริง ๆ นะคุณแม่)

วินมาไกลเกินไปแล้วหละ แต่ทุกคนควรจะรู้ก่อนว่าทำไมคุณแม่ถึงได้ลมเพลมพัดเช่นนี้
นี่ดีนะที่คนอ่านได้รับรู้แล้ว แต่คิดดูสิตลอดระยะเวลาอันยาวนานกว่าวินจะรู้ วินจะงงงวย
กับการกระทำของท่านขนาดไหน

กลับมาที่เรื่องของวินและแมทต่อ ถ้าใครจำไม่ได้ เพื่อเป็นการไม่ต้องย้อนกลับไปอ่าน
วินจะทวนให้ตรงนี้ แมทบอกกับวินว่า
“ยังไงแมทก็ขอโทษอ่ะ….วินอย่าถือสาแม่เลยนะครับ” 
“ไม่หรอกแมท...วินเข้าใจ” วินตอบ
เชื่อหรือไม่ ซาตานมีจริง!  ข้อความฉบับที่สามดังเข้ามาอีกครั้ง ตามด้วยเสียงเรียกเข้า
ดังขึ้นอีกครั้ง ห่างกันไม่ถึง 5 วินาที
แมทถึงกับเอามือกุมขมับ และส่ายหัวไปมา ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว แมท....วินจะทำ
ยังไงดี  ขอโทษก็คงไม่พอที่พาแมทมาเจอกับการกระทำของฟิวแบบนี้
“วิน - - วินรับเถอะ” แมทเงยหน้าขึ้นมาทั้งน้ำตา
วินตกใจมาก ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะทำให้แมทมีน้ำตาได้
“ไม่เอา - - ไม่เอาอ่ะแมท....แมทอย่าร้องสิ”  วินน้ำตามซึม ยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋า
จู่ ๆ ไม่รู้ยังไง คุณแม่ก็เดินกลับมาอีกครั้ง (ไหนว่าจะไปทำการทำงาน)
“แมท!! - - แมทเป็นอะไรลูก” คุณแม่ตกใจ  สำหรับวินมันโอเว่อร์ไปนิด แต่อย่างว่า
ท่านรักของท่านมาก ก็อย่างนี้แหละ
เสียงคุณแม่ดังมาก ทำเอาขาประจำละครชีวิตของวิน   อย่างพี่ไอรินเปลี่ยนช่องกลับมา
ดูที่เราสามคนยืนอยู่   ครั้งนี้มีสมาชิกเพิ่มมาอีก 4 – 5 คน ถึงแม้ทั้งหมดจะทำทีไม่สนใจ
แต่ขอบอกว่าไม่เนียนเอาเสียเลย    แต่วินไม่โทษพี่ ๆ หรอก ถ้าเป็นวิน วินก็คงละสายตา
ไม่ได้เหมือนกัน  ก็เสียงคุณแม่ลั่นทุ่งเสียขนาดนั้น

“วิน ! เกิดอะไรขึ้น”  คุณแม่ขึ้นเสียงกับวินครั้งแรก  แต่ขอโทษวินไม่ได้ตกใจแม้แต่น้อย
เหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น      ก็แหมการกระทำแต่ละอย่างของคุณแม่วันนี้
วินเริ่มจะคุ้นเคยกับมันแล้วหละ
“คุณแม่.... วินไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย - - ทำไมต้องทำเสียงแบบนั้น” แมทพูดกับคุณแม่
ด้วยน้ำเสียงระทวยกับการร้องไห้ของเขา
สิ้นประโยคของแมท คุณแม่ก็ได้แต่มองหน้าวินอยู่นิ่ง ๆ และลูบหลังลูกชายของท่านไปมา
วินมองคุณแม่ สายตาไม่ได้ละไปไหน วินรู้สึกว่านี่มันเกินเหตุไปสักนิด และเหลืออดมาก
กับอะไรหลาย ๆ อย่างในวันนี้   วินรู้ทันทีว่านี่สงครามระหว่างคุณแม่และวินได้เริ่มขึ้นแล้ว
(แต่ไม่ใช่สงครามนางฟ้านะ 555)

คุณแม่เหมือนจะรู้ว่าวินสู้สายตา ท่านเปลี่ยนสีหน้าเป็นโกรธแค้นที่วินทำกับลูกชายท่าน
“ฮึ่ยย !!” ท่านทำน้ำเสียงไม่พอใจ เบือนหน้าหนี และผละตัวออกไปจากบริเวณนั้นทันที
จุดอ่อนของคุณแม่ดูเหมือนจะอยู่ที่คำพูดทุกคำพูดของแมท    ในเวลาต่อมา ทันทีที่วินจับ
จุดอ่อนของคุณแม่ในข้อนี้ได้ วินก็มักใช้มันเล่นงานคุณแม่กลับเสมอ  เมื่อคุณแม่ทำไม่ดี
กับวินก่อน (ทำไมร้ายอย่างนี้เนี่ย...วินหนอวิน บาปกรรมแท้ ๆ - -^)

“แมท - - วินขอโทษ” ในที่สุดคำขอโทษของวินสำหรับเรื่องนี้ ก็ออกมาครั้งแรก
“ขอโทษทำไมวิน....วินไม่ได้ทำอะไรผิด” แมทพูดตอบ  ยังคงร้องไห้อยู่นิดหน่อย
“แมท - - วินเป็นคนให้เบอร์กับฟิวไป....และฟิวก็ดูเหมือนจะจีบวิน”
วินไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือไม่ที่พูดมันออกไป  แต่คิดในใจว่าเดี๋ยวก็คงได้รู้กัน
“จริงหรอวิน”  แมทถาม....น่าแปลกที่น้ำเสียงแมทยังคงเป็นปกติ
“อืม...” วินตอบเบา ๆ
แมทลุกลงจากเครื่องจักรที่ตอนแรกเขาขึ้นไปนั่งตอนที่ร้องไห้  และแมทก็ดึงมือวิน
กลับเข้าออฟฟิศ โดยไม่พูด หรืออะไรแต่อย่างใด    วินแอบคิดในใจขึ้นมาทันทีว่า
‘ไม่น่าเลยกรู...บอกทำไมก็ไม่รู้’   ขณะนั้นวิน คนที่ยังคงแคร์สายตาประชาชีอยู่
หันไปมองพี่ไอรินและเพื่อน ๆ ที่ยืนอยู่ที่เดิม  ทุกคนที่กำลังขยับปากซุบซิบอยู่หยุดทันที
เหมือนโดนวินสาปเสียอย่างนั้น
“วินเอาโทรศัพท์มานี่ - - แมทจะโทรกลับไปหามันเอง” วินรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยที่ไม่โดน
ต่อว่า หรือแมททำเสียงไม่ดีใส่    ......วินหยิบโทรศัพท์ให้แมทแต่โดยดี
แมทกดโทรกลับไปหาฟิวทันที..................
“พ่อ ม.อึง สิ !!!” แมทเสียงดังใส่โทรศัพท์ (ซึ่งหลังจากวางแมทเล่าให้ฟังว่าฟิวรับโทรศัพท์
แล้วพูดว่า  ‘ว่าไงน่ารัก... เคลียร์กับแฟนนานเลยสิ’ ....... วินรู้สึกว่าแมททำถูกที่สุด)
“ม.อึง รู้ไว้นะว่าวินมีเจ้าของแล้ว และ ม.อึง ก็รู้ไว้เลยว่าวินเป็นของกูตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
หมดกันวิน...ไม่เหลือ - - หมดสิ้นแล้วภาพลักษณ์นักเรียนหนุ่มม.6 .ใส ๆ ไม่เหลือ -*-
วินไม่อยากเชื่อว่าแมทจะกล้าพูดเรื่องของเราให้คนอื่นที่แม้แต่วินเองก็รู้จักได้เพียงไม่ถึง
1 วันได้รับรู้
“แค่นี้นะไอ้ animal”  วินเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองชินกับคำหยาบจากปากแมทเอาตอนไหน
คำหยาบที่แม้แต่วินเองก็ไม่กล้าจะใช้ในตอนนั้น (ก็แปลว่าตอนนี้กล้าแล้ววอ่ะสิ ?)
แมทวางโทรศัพท์ไป และยื่นมันคืนมาที่วิน
“เอาไป”  น้ำเสียงแข็ง ๆ กลับมาอีกแล้ว (วิน...ลางสังหรณ์นายช่างแม่น วันนี้นายไม่น่ามา
เลยจริง ๆ ด้วย)
“เอ้า !....แมทโกรธวินอีกแล้วหรอ”  วินเอ่ยขึ้นงง ๆ
“เปล่า”   แมทตอบสั้น ๆ ก่อนจะเดินไปล๊อคประตูห้อง (ดีนะที่ครั้งนี้ล๊อค)
แมทดึงวินไปที่โซฟา แล้วผลักวินลงไปนอน แมทถอดเสื้อ เข้ามาจูบวินอยู่นาน และเราก็
ทำเรื่องส่วนตัวกันอีกเป็นครั้งที่ 2 มันไม่ต้องมีพิธีอะไรอีกต่อไป  วินกลายเป็นคนใกล้ชิด
กับเรื่องแบบนี้ขึ้นในที่สุด หลังจากที่แมทและวินมีครั้งแรกกันเมื่อคืน  ทั้ง ๆ ที่ปกติวินยัง
วิ่งเล่นแปะแข็ง เล่นบอลลูนสี บอลลูนเส้น (ม.6เนี่ยแหละ) กับเพื่อน ๆ อยู่เลย เรื่องแบบนี้
แทบจะไม่เคยอยู่ในหัวจริง ๆ  คงเป็นเพราะสภาพแวดล้อมครอบครัวของวินด้วย ที่ทำให้
วินอ่อนปวกเปียกขนาดนี้.....และอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้วินเป็นเกย์ด้วยก็ได้มั้ง ...อิอิ

“จำไว้นะวิน - - วินต้องเป็นของแมทคนเดียวเท่านั้น” แมทพูดกับวินทั้ง ๆ ที่อยู่บนตัววิน
วินก็ได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ งงว่านี่เรามีอะไรกันเพียงเพราะให้แมทรู้สึกว่าวินเป็นของแมท
อย่างนั้นหรือ ??  ความรักและเซ็กส์เป็นสิ่งสวยงามที่น่าจะเดินคู่กันไปในความคิดของวินเสมอมา แม้จะมาจนถึงวันนี้ก็ตาม  .......นี่แมทกับวินคิดเหมือนกันหรือเปล่า ?
“พูดสิวิน....ว่าวินเป็นของแมทคนเดียว”  วินกลัวมากกับสิ่งที่ได้ยินและสายตาที่ไม่คุ้นเคย
ของแมทที่ส่งมาให้วิน     ไม่นานก็มีคนมาเคาะที่ประตู แมทสวมเพียงกางเกงยีนส์ของเขา
และเดินไปเปิดประตู ลืมบอกไปว่าเสื้อผ้าวินยังอยู่ครบทุกชิ้น ^.^  ………แมทเปิดประตู
ออกมา
“แมท...นี่ลูก - - ลูกทำอะไร”     คุณแม่ที่ไม่ได้รับรู้กิจกรรมของลูกชายเมื่อครู่เอ่ยทักอย่างตกใจ         สีหน้าของแมทดูราวกับไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวเอาเสียเลย    คุณแม่แทรกตัวเข้ามา
แล้วรีบ ปิดประตู คงเกรงว่าใครจะมาเห็นเข้า   (ทีอย่างนี้หละรู้สึกขึ้นมานะคุณแม่   ที่วิน
รู้สึกว่าไม่ควรเดินจับมือกันประเจิดประเจ้อ กลับไม่เห็นด้วยกับวิน......เชอะ)
“แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อ - - ฮะ! ” คุณแม่ถาม  .........เวรกรรม นี่วินไม่คิดเลยว่าคุณแม่จะถาม
อะไรแบบนี้ แทนที่จะถามว่าทำอะไร ทำทำไม ทำลงไปได้ไง ทำในที่แบบนี้เนี่ยนะ อะไร
เทือกนั้น  ทำเอาวินหายเขินไปเสียเดี๋ยวนั้น....เพราะนี่ก็คงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ธรรมดา
สำหรับคุณแม่สินะ ….. โชคดี (หรือเวรกรรม) ของไอ้วินแท้ ๆ
“ใส่ทำไมหละครับคุณแม่ - - ใครมาเห็นจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...ไม่ว่าใครหน้าไหน - - มันก็
จะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ... ใครเป็นของใคร”  แมทตอบ.........ถ้ายังจำในสิ่งที่พี่แสงเดือน
เล่าให้วินฟัง     คงจะไม่สงสัยกันเท่าไหร่ที่แมทพูดเช่นนั้น.......ก็วิธีการเลี้ยงลูกอันแสนจะ
สร้างความเพียบพร้อมให้ลูกชายของคุณแม่น่ะแหละ....แต่วินเนี่ยสิที่ยังไม่รู้......อึ้งไปเลย
“ใส่เสื้อผ้าซะด้วยนะ...ก่อนจะออกไปน่ะ” คุณแม่ทำหน้าดุ ๆ ใส่แมท
แต่แมทกลัวเสียที่ไหน  ยังดีที่ไม่กลัวแต่ทำตาม ไม่งั้นวินคงเอาหน้าไปซุกตูดพี่ไอริน
ยังจะดีเสียกว่าเดินลอยหน้าลอยตาอยู่ในโรงงานนั่น

___________________________________________________________________


ตัวอย่างตอนต่อไป........

ตอนที่ 10 ความสุขครั้งแรกในรอบวัน…และแฟนเก่า(แก่)ของแมท


“จำได้มั้ย” คุณแม่เสียงตื่นเต้นดีใจพิกล  พร้อมผายมือให้แมทมองไปที่พนักงานผู้ชายคนนั้น
“ได้สิ”    แมทตอบสั้น ๆ
“หวัดดีครับพี่กอล์ฟ” แมททัก สีหน้าไม่เต็มใจ
“แหมแมท ไม่เห็นต้องห่างเหินกันขนาดนี้เลย...ใช่มั้ยคุณแม่” คำพูดครั้งแรกของพี่กอล์ฟ
ทำให้วินได้ยินเสียงของเขา.......ถ้าหลับตาฟัง วินคงนึกว่าผู้หญิงพูด

“วิน...นี่กอล์ฟ - - แฟนแมท”  คุณแม่เสียงแข็ง....ทำไมคุณแม่ใจร้ายกับวินอย่างนี้ นี่คุณ
แม่ลงทุนเรียกพี่กอล์ฟอะไรนี่มาถึงโรงงานเลยหรอ


.............................................................................................


“อะไรอ่ะ !!!” แมทเสียงดัง
“แมท - - พี่ทำถ้วยกาแฟตกใส่แฟนแมทอ่ะ”  พี่กอล์ฟประกาศให้พนักงานแถวนั้น รู้ฐานะ
ของวินที่มีต่อแมทตรงนั้น ในเวลานี้นี่เอง

“แมทจะให้แม่ตัดเงินเดือน !” แมทพูด
“วินเป็นอะไรรึเปล่า” แมทคงยังเปลี่ยนน้ำเสียงไม่ทัน หันมาถามวินเสียงแข็งเล็กน้อย


.............................................................................................


ออฟไลน์ LingNERD*

  • จบแล้ว...รักที่เคยมี *
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
โอ้ว ร้ายกันจังเยย :o12:

Yurameki

  • บุคคลทั่วไป
เชอร์ร่า เอ๊ย พี่กอล์ฟมาเรอะ ตอนต่อไป ฮ่าๆ

แม่ร้ายแล้วอ่าาา  :o12:

มาให้กำลังใจค่า พี่วิน

 :oni1:

ออฟไลน์ duchess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
 :angry2: :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:

หนอยๆๆๆๆ

อุตส่าห์ดีจัยที่นึกว่าจะไม่มีอีเชอร์รี่

แต่ดันได้อีสตรอว์เบอร์รี่กอล์ฟนี่มาแทนหรอ

+++

นี่ถ้าเราเป็นวิน

แมร่งจะหวดอีนีไปตกหลุมเตรียมฝังเรย

 :เตะ1:

anston

  • บุคคลทั่วไป
จะว่าแม่ของแมทร้ายก็จริงอยู่..แต่มันก็มีที่มานะ
เหตุผลก็คงเพราะชีวิตนี้เหลือลูกชายอันเป็นที่รักเพียงคนเดียว..
เลยไม่อยากให้ใครมาทำร้ายหรือทำให้เสียใจ..
นี่ยังดีนะที่ยังให้คบกันได้..ยังเห็นความสุขของลูกเป็นใหญ่..
แต่ก็ต้องรอดูต่อไปเนอะ..

MaWin

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 10 แฟนเก่า(แก่)...ของเธอ

ยังดีที่โชคชะตาของวินยังเมตตา  เรื่องทุกอย่าง (ดูเหมือน) ยุติลงหลังจากเหตุการณ์ใน
ออฟฟิศนั้น  แมทดูมีความสุข ภาคภูมิใจ และเป็นเจ้าเข้าเจ้าของตัววินยิ่งกว่าเมื่อเช้านี้
เสียอีก  แมทเดินกอดคอวิน (ก็ยังดีกว่าจับมือแหละนะ) ระหว่างทางในโรงงาน เพื่อที่จะ
ไปยังรถของแมท แล้วออกไปหาอะไรทานเป็นอาหารเช้า ในเวลา 11 โมง  (ไม่อยากจะ
เชื่อเลย วินนึกว่าตอนนั้น น่าจะสัก บ่ายแก่ ๆ ได้แล้ว...เวลาผ่านไปช้ามาก)

เราไปทานร้านอาหารแห่งหนึ่งในละแวกนั้น เป็นร้านอาหารดีเหมือนกัน        มีอาหารอยู่
หลายประเภท แต่ที่ขึ้นชื่อคงจะเป็นสเต๊ก    แมทจึงสั่งมา 1 ที่ โดยที่วินสั่งข้าวผัดธรรมดา
ในใจก็อยากทานสเต๊กอยู่เหมือนกัน เพราะเป็นอาหารจานโปรดอยู่เหมือนกัน  แต่ในวันนี้
ตั้งแต่เช้า วินร้องไห้จนปวดหน้าปวดตาไปหมด บวกกับอาการเครียดตลอดเกือบ 3ชั่วโมง
ที่ผ่านมา      ทำให้วินมานั่งหั่น แล้วยังต้องเคี้ยวเสต๊กเหนียว ๆ ไม่ได้แน่ ๆ ........เรานั่งอยู่
ที่ร้านอาหารราว ๆ 45 นาที  จู่ ๆ วินก็บ่นปวดหัว แล้วรู้สึกคลื่นไส้มาก ในที่สุดก็ทนไม่ไหว
วินจึงลุกไปอาเจียนในห้องน้ำ......เอ๊ะ! หรือนี่เราจะท้อง !?....ไม่น่ามั้ง.....คงไม่เร็วขนาดนี้
เอ้า...อย่าไหลตามวินนะ วินล้อเล่น...แหมเพิ่งจะหายเครียด.......ช่วยขำหน่อยละกัน ^^

“วิน - - เป็นยังไงบ้าง” แมทมีสีหน้าเป็นห่วง  วินรู้สึกดีใจที่เห็นสีหน้าแบบนี้ของแมท
จะว่าไปทุกครั้งที่วินอยู่กับแมท (แค่สองคน)  วินก็มีความสุขดีมาก ถึงมากที่สุดเลยทีเดียว
“ปวดหัวแมท - - วินอ้วกเลยอ่ะ”  ถ้าเป็นแต่ก่อนวินคงไม่ตอบแบบนี้ แต่ไม่รู้อะไรมาทำให้
วินรู้สึกใกล้ชิด สามารถเปิดเผยและไม่ต้องวางฟอร์มกับแมทอีกต่อไป(จะอะไรซะอีกหละ)
“เอาพาราฯ มั้ยวิน - - หน้าซีดเลยอ่ะ”  แมทเอ่ยถาม.....วินรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมมากในตอนนี้
“แมทมีหรอ” วินถาม ... ไม่คิดว่าแมทจะรอบคอบถึงกับพกยาแก้ปวดติดตัวไปไหนด้วย
“เปล่า... แมทจะไปขอที่เคานท์เตอร์ให้” แมทตอบวิน..ช่างเป็นคนดีอะไรกับวินเช่นนี้ (ยิ้ม)
“เค้าจะให้หรอแมท”      วินเองก็รู้สึกต้องการยาแก้ปวดซัก 2 เม็ดอยู่เหมือนกัน
“เดี๋ยวแมทลองถามดู”   ว่าแล้วแมทก็ลุกขึ้นไปที่เคานท์เตอร์เพื่อถามพนักงาน
และแมทก็เดินกลับมาพร้อมกับยาแก้ปวดสองเม็ดในถ้วยน้ำจิ้มของร้าน
“อ่ะ...อัพเข้าไปซะ”  แมทพูดเล่นกับวิน พร้อมยื่นยามาให้
“ขอบคุณมากเลยแมท”  วินรับยามา และทานเข้าไปทันที
“กลับบ้านกันก่อนมั้ยวิน”  คำถามของแมททำเอาความรู้สึกเห็นแก่ตัวของวินมันนำหน้า
ความถูกต้องขึ้นมาทันที
“แล้วคุณแม่หละ”  วินถามขึ้น แต่ในใจวินขึ้นไปอยู่บนรถพร้อมตีกลับกรุงเทพฯ แล้ว
“ก็....” แมทเว้นวรรคไปครู่หนึ่งก่อนจะต่อคำพูดของเขา ...เพราะเขาเองก็คงไม่แน่ใจ
เหมือนกัน
“ถ้าวินไม่ไหว - - ยังไงเรากลับกันก่อนก็ได้....อยู่โรงงานเสียงมันดัง เดี๋ยววินจะแย่”
สีหน้าของแมทดูไม่ค่อยมั่นใจในคำพูดของตนนัก.....วินาทีนั้นวิน ‘เดา’ ว่าแมทคงรู้สึกว่า
คิดผิดที่ถามขึ้นมาอยู่เหมือนกัน  เพราะเขาคงไม่อยากทิ้งคุณแม่ของเขาไป
“วินเพิ่งกินยาไป - - เดี๋ยวอาจจะดีขึ้น”  ดูเหมือนความถูกต้อง  แม้จะเหลืออยู่น้อยนิด
ที่มีอยู่ในตัววินก็ยังคงทำงานอยู่บ้าง
“ครับ ๆ ลองรอดูก่อน”  แมทมีสีหน้าโล่งอกขึ้น
“กลับมั้ย - - หรือจะอาบแดด”  แมทหยอกอีกครั้ง ขณะนั้นแดดเริ่มร้อนขึ้นมาแล้ว แต่ลม
ก็ยังพัดให้รู้สึกเย็นสบายอยู่
“กลับสิ” วินตอบ
แมทเรียกให้พนักงานมาคิดเงิน    และเราก็ขึ้นรถ    ตรงกลับไปที่โรงงานอีกครั้ง  การกลับ
เข้าไปในโรงงานครั้งนี้สำหรับวิน  มันไม่ได้รู้สึกกระตือรือร้นอยากจะเข้าไปเหมือนครั้งแรก
ในเมื่อเช้านี้เลยแม้แต่น้อย
ทันทีที่เราถึงหน้าโรงงาน ก็เห็นคุณแม่แมทยืนคุยงานอยู่กับพนักงานผู้ชายคนหนึ่ง

“อ้าว......แมท มาแล้วหรอลูก” คุณแม่ทักแมท หน้าวินท่านคงไม่อยากมอง วินก็ได้แต่ยืน
ทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่หน้ารถ
คุณแม่เข้ามาสวมกอดแมท ราวกับว่าเราสองคนใช้เวลาไปทานอาหารเป็นเดือนอย่างนั้น
“จำได้มั้ย” คุณแม่เสียงตื่นเต้นดีใจพิกล  พร้อมผายมือให้แมทมองไปที่พนักงานผู้ชายคนนั้น
“ได้สิ”    แมทตอบสั้น ๆ .... วินเห็นสีหน้าแมทตั้งแต่บนรถแล้วหละว่าไม่สู้ดีนัก
ที่แท้พนักงานชายคนที่นี้ ไม่ใช่แค่พนักงาน เมื่อเค้าหันหน้ามา วินคาดว่าเขาคงแก่กว่าวิน
ไม่มากนัก เต็มที่ก็คงไม่เกิน 4 ปี
“หวัดดีครับพี่กอล์ฟ” แมททัก สีหน้าไม่เต็มใจ
วินก็ได้แต่ยืนเงียบดังเดิมตั้งแต่มาถึงที่นี่  ส่วนคุณแม่ยิ้มแย้ม ท่าทางตื่นเต้น แต่คงลืม
ไปแล้วว่าไอ้วินยืนอยู่ตรงนั้น
“แหมแมท ไม่เห็นต้องห่างเหินกันขนาดนี้เลย...ใช่มั้ยคุณแม่” คำพูดครั้งแรกของพี่กอล์ฟ
ทำให้วินได้ยินเสียงของเขา.......ถ้าหลับตาฟัง วินคงนึกว่าผู้หญิงพูด (ไหงเป็นงี้ไปได้เนี่ย)

เป็นอย่างที่วินบอกไว้ว่า วินจะมีความสุขมากกว่า ถึงมากที่สุด ถ้าได้อยู่กับแมทลำพัง
“วิน...นี่กอล์ฟ - - แฟนแมท”  คุณแม่เสียงแข็ง....ทำไมคุณแม่ใจร้ายกับวินอย่างนี้ นี่คุณ
แม่ลงทุนเรียกพี่กอล์ฟอะไรนี่มาถึงโรงงานเลยหรอ
“เคยเป็นวิน - - แฟนเก่า....เลิกกันโคตรนานแล้ว”  แมทหันมาตอบ แต่ใช่ว่าอารมณ์อึ้ง
ของวินจะเปลี่ยนได้ง่าย ๆ ภายใน 10 วินาที
“สวัสดี - - วิน” พี่กอล์ฟมองวินไม่เต็มตานัก เอ่ยทักขึ้น
วินทำเฉย ๆ ไม่ทักตอบ หรือแสดงสีหน้ายินดีที่ได้รู้จักแต่อย่างใด  (วินกลายเป็นคนแบบนี้
ตอนไหน ตัวเองก็ยังสงสัยอยู่)
“วิน - - ไม่ได้ยินหรอ พี่เค้าทัก” คุณแม่พูดดี ๆ กับวิน เป็นน้ำเสียงที่คุ้นเคยเหมือนเมื่อวาน
ไม่รู้อะไร ทำให้วินได้สติ กลับมารู้สึกดี ๆ กับคุณแม่อีกครั้ง โดยที่ลืมความคิดที่ว่าคุณแม่
พาพี่คนนี้มาทำไมไปเสียหมด
“หวัดดีครับ” วินยกมือไหว้พี่กอล์ฟอย่างเต็มใจ
“พี่เค้าทำงานที่นี่ เป็นพนักงานบัญชี” แมทตอบ  ....ที่แท้คุณแม่ไม่ได้เป็นคนพามาเสีย
หน่อย....วินขอโทษคุณแม่ วินผิดไปแล้ว วินไม่น่าตัดสินคุณแม่ผิดไปเลยก่อนหน้านี้
“ทำไมไม่เรียกกอล์ฟเหมือนแต่ก่อนหละ...แมท” พี่กอล์ฟเสียงหวานเอ่ย
“กอล์ฟ - - นี่แฟนแมทเอง .... น่ารักมั้ย...หน้าตาดีที่สุดเท่าที่แมทเคยมีมาเลย” แมทตอบ
ด้วยสีหน้าเรียบเฉย.......วินหวังว่าพี่กอล์ฟคงจะรู้สึกอะไรบ้างนะ
“หรอ....แต่แมทเคยบอกว่าแมทไม่เคยรักใครเท่าเรานี่” วินรู้สึกแปลก ๆ ที่รุ่นพี่อย่างพี่
กอล์ฟใช้คำแทนตัวเองว่า ‘เรา’ กับรุ่นน้องอย่างแมท แต่ก็ไม่แปลกและทำเอาวินงึงงัน
เท่าคำพูดของพี่ท่าน....อย่างที่บอก ‘ชีวิตยิ่งกว่าละคร’ ไม่มีอะไรจะจริงไปกว่านี้แล้ว
“กอล์ฟ - - แมทรักแฟนคนนี้มาก...มากกว่าครั้งไหน ๆ - - แม่ยืนยัน”  คุณแม่ทำเหมือน
กระซิบกับพี่กอล์ฟเบา ๆ แต่ก็ตั้งใจจะให้แมท และวินได้ยิน   วินรักคุณแม่ขึ้นมาอีกครั้ง
นี่คุณแม่ได้ทำอะไรเพื่อวินเป็นครั้งแรกของวัน....ขอบคุณเหลือเกินคุณแม่
“แหมคุณแม่ก็ - - กอล์ฟก็แค่แซวกันเล่น ๆ เท่านั้นเอง” พี่กอล์ฟทำท่าสะดิ้ง
วินหลุดหัวเราะในท่าทางของพี่กอล์ฟ  จนเอามือปิดปากแทบไม่ทัน
“ไปวิน...กลับไปที่ออฟฟิศที่เรา......กันเมื่อกี๊ดีกว่า” แมทพูดแบบเว้นว่างไว้ คุณแม่มีสีหน้า
อึ้งเล็กน้อย ส่วนพี่กอล์ฟก็นิ่งเงียบไปเลย.......แมททำแบบนี้อีกแล้ว  เที่ยวป่าวประกาศให้
คนรับรู้เรื่องแบบนี้ของเราไปทั่ว แมทคงแค่ต้องการให้พี่กอล์ฟเงียบ....แต่วินก็ไม่มีทางชิน
กับเรื่องแบบนี้ได้อยู่ดี
“วิน....เดี๋ยวลูก - - แม่ขอคุยด้วยหน่อย” คุณแม่เรียกวินเข้าไปหาด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
“คุณแม่...” วินเดินเข้าไปหาท่าน     คุณแม่ดึงแขนวินเบา ๆ ให้ห่างออกมาจากอีกสองคน
ที่กำลังยืนอยู่ตรงนั้น
“วิน....แม่หวังว่าวินคงรู้ดี  ว่าแม่ยังสนับสนุนวินกับแมทอยู่ - - อย่าได้ทำให้แม่ผิดหวัง
.....เรื่องของฟิว  จะไม่มีโอกาสต่อไปนะ - - วินต้องไม่ทำให้ลูกของแม่เสียใจอีก”
คุณแม่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ วินเห็นด้วยกับคำพูดของท่านเต็มเปี่ยม ไม่รู้สึกขัดขืน หรือ
คิดว่าเป็นคำขู่อะไรแต่อย่างใด และตั้งใจจะทำตามที่ท่านขอร้อง
“คุณแม่ไม่ต้องห่วง...วินสัญญา”  วินพยักหน้า แล้วรับคำกับคุณแม่อย่างหนักแน่น
คุณแม่ลูบศีรษะวินอย่างเอ็นดูอยู่ 2 – 3 ครั้ง และดันศีรษะของวินเข้าไปหอม (หวังว่า
วันนั้นหัวของวินคงจะหอมนะคุณแม่)
“ไปเถอะลูก” คุณแม่ยิ้มให้วิน และพยักหน้าบอกให้วินไป
หันกลับไปที่แมท ก็เห็นสีหน้าที่ยิ้มอย่างดีใจอยู่บนหน้าของเขาด้วย        ต้องขอโทษที่วิน
ลืมมองว่าตอนนั้นพี่กอล์ฟทำหน้าอย่างไร  เพราะมัวแต่ดีใจ จนลืมเสียสนิทว่าเขาอยู่ตรง
นั้นด้วย   รู้ตัวอีกที วินก็เดินออกมากับแมทแล้ว (เสียดายจริง ๆ ^o^)

ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ วินและแมทนั่งเล่น  คุยกันเรื่องโน้นเรื่องนี้กันราว 1 ชั่วโมง
แล้วก็เตรียมตัวกลับบ้านกัน  วินรู้สึกเสียดายพอควรที่จะต้องกลับบ้าน และไม่ได้เจอแมท
อีก จนกว่าจะวันศุกร์
“ไม่อยากกลับเลย” วินพูดหวานขึ้นบ้าง เป็นครั้งแรกของวัน
“ทำไมอ่ะครับ” แมททำเสียงอ่อย ๆ รู้ทันว่าวินเรียกร้องความสนใจ
“ก็นอนกับแมทอีกซักคืนสิ ไปเอาชุดนักเรียนจากที่บ้าน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้แมทไปส่ง”
นี่แมทเอาจริงหรอเนี่ย ?   ...แต่งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา...ได้คืบ ต้องอย่าเอาศอก
....ยังไงวันนั้นวินก็ต้องกลับบ้าน

หลังจากที่วินและแมทออกมาจากออฟฟิศ (ตอนนั้นคุณแม่ออกไปกับอาตู่สักพักแล้ว)
วินก็พบกับกลุ่มพี่ไอรินอีกครั้ง และแล้ววินก็นึกออกจนได้ พี่กอล์ฟ คือพนักงานผู้ชาย
ที่วินเห็นตั้งแต่ครั้งแรกที่ก้าวเข้ามาในโรงงานนี้แล้ว (ที่วินเล่าว่าดูไม่แมนนัก)
ถึงว่าทำไมมันคุ้นนัก  ทุกคนมองมาที่วินและแมท โดยเฉพาะพี่กอล์ฟที่ตอนนั้นทำหน้า
สลดอยู่เหมือนพระเอก และวินคือตัวร้ายที่เค้าต้องเกรงกลัว    วินเดินผ่านตรงนั้นไป
อย่างสงบและนิ่ง.....จู่ ๆ ก็  ...... ‘เพล้ง !!!!’  …. แก้วกาแฟฟ้าประทานตกแตก กระเด็นใส่
กางเกงลาคอสท์สีขาวจั๊ว (ของแมท)
“เห้ย”  วินอุทาน (แม๊น..แมนหละ ขอบอก)
“อุ๊ย...ขอโทษน้อง ขอโทษ ๆ พี่หยิบกระดาษออก ไม่คิดว่ามันอยู่ตรงนี้ - - ตายแล้ว
เป็นอะไรมากมั้ย”  พี่กอล์ฟวี๊ดว๊ายตกใจ ทำทีขอโทษขอโพยวินที่ยืนตกใจอยู่ตรงน้น
.........ฉากนี้คงช่วยย้ำเรื่องของพี่แอร์กี่ได้ดีว่า ชีวิตมันน้ำเน่ากว่าในทีวี (เยอะ)……...
“อะไรอ่ะ !!!” แมทเสียงดัง
“แมท - - พี่ทำถ้วยกาแฟตกใส่แฟนแมทอ่ะ”  พี่กอล์ฟประกาศให้พนักงานแถวนั้น รู้ฐานะ
ของวินที่มีต่อแมทตรงนั้น ในเวลานี้นี่เอง
“นี่กางเกงแมทนะ !”  แมทตวาดต่อ........พี่กอล์ฟมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าตกใจ
เพราะผิดแผนที่กางเกงตัวนี้ไม่ใช่ของวิน หรือเพราะวินเอากางเกงของแมทมาใส่ได้ยังไง...
“แมทจะให้แม่ตัดเงินเดือน !” แมทยังพูดต่อไม่หยุด
“วินเป็นอะไรรึเปล่า” แมทคงยังเปลี่ยนน้ำเสียงไม่ทัน หันมาถามวินเสียงแข็งเล็กน้อย
“ไม่เป็น ๆ แมท” วินกลัวพี่กอล์ฟจะถูกตัดเงินเดือน ทั้งที่อีกใจก็คิดว่าพี่เขาแกล้งวิน
จึงตอบไปว่าไม่เป็นอะไร  ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นมันร้อนไปหมด

แมทดึงวินไปเพื่อจะพาไปเข้าห้องน้ำ ขณะเดียวกันวินก็หันกลับไปมองที่จุดเกิดเหตุ
เห็นพี่ไอรินกับพี่กอล์ฟ และเพื่อน ๆ ยืนกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ .... ทุกคนต้องเข้าใจวินนะ
พี่กอล์ฟเพิ่งจบปริญญาตรีมาหมาด ๆ แต่วินก็แค่เด็กม.6 และก็เป็นแค่เด็กปอดแหก
คนนึง คงไม่กล้าจะไปต่อกรกับรุ่นพี่อย่างพี่กอล์ฟแน่ ๆ (แต่ถ้าเป็นเดี๋ยวนี้ก็ไม่แน่...ฮึ่ย!)

วินรู้สึกแสบ ๆ จนน้ำตาซึม ขณะที่ทั้งแมทและวินช่วยกันเอาน้ำราดขากางเกง
ขณะนั้นเองแมทก็ดึงขาเกงเกงขึ้น  วินถึงได้เห็นว่ามันแดงเป็นวง ๆ เท่าฝ่ามือ
“วิน !”  แมททำสีหน้าตกใจ
“จะเป็นอะไรมั้ยเนี่ย”  วินกลัวเสียโฉม (ที่ขา)
“ไหนว่าไม่เป็นไรไง” แมทถามต่อ
“ก็วินกลัวแมทจะต่อว่าพี่กอล์ฟ และก็กลัวว่าแมทจะให้คุณแม่ตัดเงินเดือนพี่เค้าจริง ๆ”
คงไม่คิดว่าวินเป็นคนดี...วินแอบฟ้องอยู่เป็นเชิงต่างหาก แถมยังแอบสร้างภาพให้ตัวเอง
ไปในตัวได้อีกด้วย ^.^
“วินนี่ไม่ไหวเลย” แมทส่ายหัว  วินไม่แน่ใจนักว่าแมทหมายถึงอะไร - -,
“แมท - - วินถามหน่อยสิ” วินเอ่ยขึ้นหลังจากปิดก๊อกน้ำ
“พี่กอล์ฟเค้าทำงานที่นี่มานานรึยัง” วินทำสายตาหึงหวงใส่แมท (อาจจะเป็นครั้งแรก)
“เดือนเดียวเองวิน - - แมทเจอเค้าที่โรงเรียน เค้ามาซ้อมลีดฯ...ตอนนั้นพี่เค้าเป็นฝ่าย
เข้าหาแมทก่อน....เราคบกันไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ” แมทอธิบาย
“แล้วทำไมคุณแม่รู้จัก...แล้วทำไมพี่เค้าถึงได้มาทำงานที่นี่ ??” วินยังคงถามต่อไป
“วินหึงหรอ” แมทถามพลางยิ้ม ๆ
“ตอบคำถาม...แมท” วินเสียงแข็ง ดูเหมือนแมทจะชอบใจกับท่าทีของวินขณะนั้น
“เค้าเคยไปกินข้าวกับแมทและแม่ครั้งนึง...ที่โนโวเทล” แมทตอบ ...อย่างน้อยแมทก็
ไม่ได้โกหกเรื่องที่ว่าไม่เคยพาใครเข้าบ้าน (แต่ทำไมไปกินหรูกันจัง ??)
“นี่วินหึงแมทจริง ๆ  นะเนี่ย - - ทีนี้รู้ยังว่าแมทรู้สึกยังไงเรื่องฟิว”  แมทพูดงี้เอากาแฟ
 มาราดขาวินอีกข้างเลยดีกว่า...ชิ!
“แล้วทำไมเค้ามาทำงานที่นี่ได้หละ” วินถามย้ำ
“อ่อ - - ถ้าวินรู้จักแม่แมทกว่านี้ จะรู้ว่าเค้าสนิทกับใครง่าย เค้าเจอพี่กอล์ฟครั้งเดียว
ก็บอกว่าชอบแล้ว คงเป็นเพราะพี่กอล์ฟจบจากบัญชี, xxxx ด้วยมั้ง” แมทเอ่ยถึง
คณะและสถาบันที่พี่กอล์ฟเรียนจบมา..อืม....ทำเอาวินนิ่งไปเหมือนกัน คณะและสถาบัน
ที่ทุกคนใฝ่ฝัน ที่พี่กอล์ฟจบมา...วินเองก็คงไม่มีทางเข้าได้
“แมท - - เป็นไปได้มั้ยที่เค้ายังรักแมทอยู่” วินถามขึ้นอีก
“รัก ? - - วินจะบ้าหรอ ... แมทคบกับพี่เค้าไม่ถึงเดือนนะ”  แมทตอบ
“อย่างน้อยก็สนิทกันมากพอที่แมทจะเลิกเรียกเค้าว่า ‘พี่’ ...ไม่ใช่หรอ” วินคงหึงแมทขึ้นมา
 บ้างจริง ๆ อย่างที่แมทบอกแหละ
“ไม่รู้สิ - - อาจจะยังรักอยู่ก็ได้มั้ง แต่ก็ไม่มากเท่าที่แมทรักวินหรอกครับ” แมทยิ้มหวานใส่
“แมทเคยมีอะไรกับเค้าป่ะ”  วินไม่ติดขัดฝีปากเลยที่จะถามเรื่องแบบนี้...ทั้งที่เมื่อก่อนคง
ไม่กล้าที่จะถามเท่าไรนัก
“ก็ - - - -“ แมทเว้นวรรคประโยค
“เคยอยู่แล้วหละ” วินเอ่ยขึ้น โดยไม่รอ
“อืม...ก็เคยอ่ะ” แมท ทำหน้าไม่ค่อยดีเท่าไร
“ถึงว่า...ดูตัดใจไม่ได้” วินกล่าวต่อไป......วินคิดในใจว่าก็แมททั้งหน้าตาดี เป็นคนดูดี
 ฐานะก็ดี  ใครหละจะไม่เสียดาย
“อะไรทำให้วินคิดยอย่างนั้น” แมทถาม
“แมทว่าพี่เค้าไม่ชอบหน้าวินมั้ย - - เอาตามตรงนะแมท”    วินถามกลับ
“ตามสัญชาตญาณคนก็คงไม่มั้งวิน...ทำไมหละครับ”   แมททำเสียงหวานลงท้ายประโยค
“แมทว่าเป็นไปได้ป่ะ - - - “ วินเว้นประโยคไปเล็กน้อย  …. แมทท่าทีดูตั้งใจฟัง
“ว่าพี่กอล์ฟจะแกล้งทำกาแฟหกใส่วิน”  วินกล่าวต่อ
แมทหัวเราะขึ้นดัง พร้อมส่ายหัวเล็กน้อย
“วินจะบ้าหรอ - - ดูละครมากไปรึเปล่า”  แมทตอบกลับมา....วินก็ไม่อยากจะคิดหรอกนะ
เพราะมันก็ดูละค้อน...ละคร แต่มันก็ดูเหมือนอย่างนั้นจริง ๆ
“วินว่าพี่กอล์ฟน่ะแหละที่ดูละครมากไป - - ถึงได้ทำอะไรแบบนี้”  วินเถียงกลับ..เพราะทั้ง
พี่กอล์ฟและพี่ไอริน ดูท่าจะติดละครน้ำเน่าเสียเหลือเกิน ถึงได้ทำอะไรน้ำเน่า ๆ แบบนี้ได้
“วิน - - นี่คิดจริง ๆ หรอว่าพี่กอล์ฟเค้าตั้งใจ” แมทถาม สีหน้าดูจริงจัง
“ไม่รู้สิแมท - - วินไม่รู้จะคิดอะไรได้นี่....อยู่ ๆ มาดึงกระดาษ จนกาแฟตกใส่วินทำไมเอา
ตอนนั้นพอดีล่ะ”    วินกล่าวต่อไป สีหน้าจริงจัง เชื่อเต็มที่ว่าพี่กอล์ฟจงใจทำแบบนี้กับวิน
“อืม...วินก็พูดมีเหตุผล - - แต่แมทคิดว่าพี่กอล์ฟไม่น่าจะทำอะไรแบบนั้นได้นะ”
แมทยังคงแก้ต่างให้พี่กอล์ฟ
“แมทคบกับเค้าไม่ถึง 1 เดือน - - รู้จักเค้าขนาดนั้นเลยหรอ”   วินเสียงแข็ง
แมททำสีหน้ายิ้มเยาะกับท่าทีหึง(ที่ไม่ลดละ)ของวิน
“เอา ๆ - - ไปกันใหญ่....อย่าหาเรื่องแมทสิครับ”  แมทพูดทั้งยิ้ม ๆ
“อืม...วินก็ขี้เกียจเถียงแล้ว - - เอาเป็นว่ามันเป็นอุบัติเหตุก็ได้”   วินบอกปัด รู้สึกเหนื่อย
ที่จะต่อความยาวไปอีก
“แล้ววินเจ็บรึเปล่า” แมทยังคงเป็นห่วงต่อ
“แสบ ๆ”  วินตอบไปสั้น ๆ ในใจแอบเคืองเล็กน้อยที่แมทไม่ยอมเห็นพ้องกับวิน (เอาแต่ใจ
จริง ๆ)
“แมทรีบกลับกันเถอะ - - วินต้องกลับไปเอารถที่บ้านแมทอีก...เดี๋ยวถึงบ้านเย็น”
วินเอ่ยขึ้น ขณะนั้นเวลาน่าจะประมาณบ่ายสองแก่ ๆ ได้แล้ว  วินกังวลว่าจะกลับไป
ทานข้าวเย็นกับที่บ้านไม่ทัน
“ครับ ๆ”  แมทเองก็เหมือนนึกขึ้นได้ว่าวินต้องรีบกลับบ้าน กระตือรือร้นขึ้นมา
เราทั้งสองต้องเดินผ่านไปยังจุดเกิดเหตุเมื่อครู่อีกครั้ง ขณะที่พี่แม่บ้านผู้น่าสงสารต้อง
มาทำความสะอาดฉากละครที่พี่กอล์ฟได้จัดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้...ขอให้เวรกรรมตาม
สนองพี่กอล์ฟ ถ้าพี่กอล์ฟคิดจะแกล้งวินจริง ๆ ทั้งยังทำให้พี่แม่บ้านต้องมาเก็บกวาด
โดยใช่เหตุ    วินเดินผ่านพี่กอล์ฟ พี่ไอริน และผองเพื่อนไปโดยไม่มองหน้าใคร ... ตอนนั้น
รู้สึกกลัวจริง ๆ วินจะเก่งก็ต่อหน้าแมทเท่านั้น วินจะไปกล้าทำอะไรคนที่ทั้งเก่ง  ทั้งฉลาด
และแก่กว่า ยังไงเขาก็เป็นพี่ อาวุโสกว่า ....ตอนนั้นวินได้แต่คิดแบบนั้น


________________________________________________________________


ตัวอย่างตอนต่อไป...............
ตอนที่ 11 ความจริง...เป็นสิ่งที่ตายไปได้ก็จะดี


“ทำไม - - แมทกับพี่กอล์ฟ มีอะไรกันเร็วจัง....ไม่ถึงเดือนเนี่ย”  วินปล่อยคำถามที่ค้างคา
“ถามทำไมอ่ะวิน - - เรื่องมันผ่านมานานแล้ว”  แมทสลับสายตาที่มองถนนและวินไป
พร้อม ๆ กันในเวลานั้น
“วินอยากรู้ - - ก็แมทดูเป็นคนไม่ฉาบฉวยดี.....ขนาดวิน เรายังรอกัน 3 เดือนเลย”
วินให้เหตุผล

......................................................................................

“พี่แสงเดือนก็ต้องพอรู้ว่าแมทมีแฟนมากี่คน ?”
   วินถาม
“คุณวินเป็นคนที่สองมั้งคะ....พี่แสงเดือนไม่เคยเห็นคุณแมทพาใครมาที่บ้านนอกจาก
คุณกอล์ฟ แล้วก็คุณวินนี่แหละค่ะ”  พี่แสงเดือนเฉลยโดยวินไม่ต้องถามอะไร และนี่แหละ
คือคำตอบที่วินต้องการจากพี่แสงเดือน   

.........................................................................................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-03-2008 23:11:31 โดย MaWin »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






mobilejom

  • บุคคลทั่วไป
สงสารวินจัง :m15: พี่กอล์ฟนางร้ายเหลือเกิน วินน่าจะเอาเรื่องนะ :เตะ1:

ปล. ชอบเรื่องนี้จัง สนุกๆ มาต่อไวๆนะ

MaWin

  • บุคคลทั่วไป
เชอร์ร่า เอ๊ย พี่กอล์ฟมาเรอะ ตอนต่อไป ฮ่าๆ

แม่ร้ายแล้วอ่าาา  :o12:

มาให้กำลังใจค่า พี่วิน

 :oni1:

ขอบใจจ้า น้องยูระ
จุ๊ฟ

MaWin

  • บุคคลทั่วไป
จะว่าแม่ของแมทร้ายก็จริงอยู่..แต่มันก็มีที่มานะ
เหตุผลก็คงเพราะชีวิตนี้เหลือลูกชายอันเป็นที่รักเพียงคนเดียว..
เลยไม่อยากให้ใครมาทำร้ายหรือทำให้เสียใจ..
นี่ยังดีนะที่ยังให้คบกันได้..ยังเห็นความสุขของลูกเป็นใหญ่..
แต่ก็ต้องรอดูต่อไปเนอะ..

ช่าย...
ต้องรอดูต่อไป

MaWin

  • บุคคลทั่วไป
สงสารวินจัง :m15: พี่กอล์ฟนางร้ายเหลือเกิน วินน่าจะเอาเรื่องนะ :เตะ1:

ปล. ชอบเรื่องนี้จัง สนุกๆ มาต่อไวๆนะ

ขอบคุณมาก ๆ น้า
ที่ชอบเรื่องของวิน
 :o8:

ออฟไลน์ LingNERD*

  • จบแล้ว...รักที่เคยมี *
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
นางมารร้ายยยยยยยยยยย :angry2:

สู้ๆๆ เปงกำลังใจให้พี่วินนี่ :m1:

MaWin

  • บุคคลทั่วไป
นางมารร้ายยยยยยยยยยย :angry2:

สู้ๆๆ เปงกำลังใจให้พี่วินนี่ :m1:


ขอบใจจ้า :o8:

ICEME

  • บุคคลทั่วไป
-*-" ใจร้ายกันจังเลยอ่ะ เอ่อ อ่านไปแบบมึนๆ กำลังเครียดหนักเลยค่า

แอบสงสารอ่ะ :o12: :o12:

MaWin

  • บุคคลทั่วไป
-*-" ใจร้ายกันจังเลยอ่ะ เอ่อ อ่านไปแบบมึนๆ กำลังเครียดหนักเลยค่า

แอบสงสารอ่ะ :o12: :o12:


มึนเพราะ อ่านแล้วเครียดจากสถานการณ์ในเรื่อง

หรือวินเขียนมะรู้เรื่องอ่า

บอกด้วยน้า
จาได้ไปปรับปรุงจ้า  :a2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ เท่าที่อ่านตอนนี้ ยังไม่ขอเข้าข้างใครละกัน
ต่างคนก็ต่างมีคนมาวุ่นวายด้วย  :m23:
ส่วนคุณแม่ออกแนวโรคจิตนิดๆ แฮะ (ขอโทษค่ะ  :m13: รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ อ่านตามที่เขาเขียนมานะ)

ชักลุ้นตอนต่อไปแล้วสิ มาต่อไวไวน้า  :oni2: :oni2:

MaWin

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 11 ความจริง...เป็นสิ่งที่ตายไปได้ก็จะดี

ระหว่างทางกลับบ้านวินมีคำถามอีกมากมายเกี่ยวกับพี่กอล์ฟ     ที่รอการพรั่งพรูออกมา
เพื่อให้แมทไขข้อข้องใจเหล่านั้น  ความคิดหลัก ๆ ของวิน ณ ตอนนั้น คือเรื่องพี่กอล์ฟกับ
แมท  ว่าทำไมทั้งสองคนลึกซึ้งกันแค่ในเวลาไม่ถึง 1 เดือน    แล้วทำไมทีวิน แมทรอจน
เกือบ 3 เดือนกว่าเราจะลึกซึ้งกัน (ตอนนั้นคิดแค่นี้จริง ๆ)
และแล้วความคิดของวินก็กลายเป็นคำถามในที่สุด
“แมท...”  วินเรียก
“ครับ”   แมทละสายตาจากถนนครู่หนึ่งมาที่วิน
“ทำไม - - แมทกับพี่กอล์ฟ มีอะไรกันเร็วจัง....ไม่ถึงเดือนเนี่ย”  วินปล่อยคำถามที่ค้างคา
“ถามทำไมอ่ะวิน - - เรื่องมันผ่านมานานแล้ว”  แมทสลับสายตาที่มองถนนและวินไป
พร้อม ๆ กันในเวลานั้น
“วินอยากรู้ - - ก็แมทดูเป็นคนไม่ฉาบฉวยดี.....ขนาดวิน เรายังรอกัน 3 เดือนเลย”
วินให้เหตุผล
แมทหัวเราะในคอเล็กน้อยก่อนจะตอบ
“ก็แมทรักวินจริง ๆ นี่ - - ไม่ได้แค่เล่น ๆ...ชั่วครั้งชั่วคืน”  แมทตอบ...วินรู้สึกดีเล็กน้อย
“ถ้าอย่างนั้นแค่สามเดือน - - วินก็ว่ามันเร็วไปอยู่ดีอ่ะ”  วินค้าน
“แหม - - ถ้าวินเป็นผู้หญิง คิดอย่างนั้นก็ไม่ผิด....แต่นี่เราไม่มีอะไรจะเสียกันทั้งคู่นี่”
แมทตอบกลับมา......อืมมม ก็จิงของแมทแฮะ  วินจึงได้แต่พยักหน้าตอบไปแบบเห็นด้วย
(และวินจะได้กลับไปพบเรื่องโกหก กับความจริงที่เจ็บปวดเล็กน้อยเมื่อถึงกรุงเทพฯ แล้ว)
“แมท - - แล้วทำไมเลิกกัน”  วินเปลี่ยนคำถาม
“วินจะเซ้าซี้ทำไม.....ตอนนี้แมทรักวิน แมทอยู่กับวิน จะพูดถึงความหลังทำไมครับ”
แมทมีน้ำเสียงแข็งขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังลงท้ายประโยค  ที่แสดงว่าอารมณ์แมทปกติดีอยู่
“ก็วินอยากรู้นี่.....วินไม่ได้จะอะไร ก็แค่อยากรู้เรื่องของแฟนตัวเองแค่นั้นเอง”
 วินทำหน้าอ้อนวอน และก็สำเร็จ แมทใจอ่อนตอบในที่สุด
“แมทไม่ชอบ - - พี่กอล์ฟเป็นคนประเภท ‘เสนอหน้า’ ชอบทำดีเอาหน้า ยิ่งกับแม่แมทแล้ว
ชอบทำมาเป็นเอาใจ ประจบประแจง - - แม่แมทดูไม่ออก แต่แมทดูออก...พี่เค้าทำซะจน
แม่แมทตายใจ....จนแม่ปลื้มซะเว่อร์ - - แมทก็ไม่รู้ทำไม....แม่ดูจะชอบพี่เค้าเอามาก ๆ”
.......แมทตอบมาเสียยาว ทำเอาวินหน้าหดเหลือสองนิ้ว  วันนี้วินทำเรื่องที่ไม่น่าปลื้ม
ออกไปสารพัด.…..แต่เอ๊ะ ?.....ถ้าเคยเจอกันตอนกินข้าวที่โนโวเทลครั้งนึง ทำไมพี่กอล์ฟถึงได้มีโอกาสทำตัวอะไรอย่างนั้นกับคุณแม่ได้เหมือนเจอกันอยู่บ่อย ๆ ....ช่างเหอะ ๆ 
ถามต่อดีกว่า   (เดี๋ยวถึงกรุงเทพฯ ก็รู้....เห้ออออ....)
“แล้วอย่างนี้.....คุณแม่เค้าก็ไม่ชอบวินอ่ะสิ”  วินเสียงอ่อยมาก ๆ
“ไม่....วิน - - แมทรักใคร คุณแม่ก็รัก”   แมทยืนกราน
“คุณแม่คงปลื้มพี่เค้าอยู่ไม่น้อยนะ....ถึงยอมรับพี่เค้าทำงานโดยไม่พิจารณาเลย”  วินเอ่ย
“แหมวิน- -พี่กอล์ฟเป็นพนักงานคนเดียวตอนนี้ในโรงงานของเรา ที่จบเกียรตินิยมมานะ”
 คำตอบของแมท ทำเอาหน้าวินหดลงไปอีกจนเหลือนิ้วเดียว (จากสองนิ้ว)…..นี่วินมีดี
อะไรที่จะไปสู้พี่กอล์ฟได้บ้างมั้ยเนี่ย...ไม่มีเลยจริงๆนะ(จนวันนี้วินก็สู้อะไรพี่เค้าไม่ได้เลย)
“อ่อ”   วินตอบไปสั้น ๆ คิดในใจ  นี่จะถามทำไมเนี่ย   ยิ่งถามยิ่งรับรู้แต่ข้อดีของพี่กอล์ฟ
..........จึงเลิกถามไป     โดยวินก็ไม่ได้ถามถึงสถานการณ์ที่ในที่สุดทำให้ทั้งสองเลิกรากัน
(วินลืมบอกไปว่าพี่กอล์ฟเป็นคนหน้าตาใช้ได้ ไม่ถึงกับดี ตัวสูงเหมาะเป็นเชียร์ลีดเดอร์
จริง ๆ ผิวขาวแต่ไม่เท่าวิน หน้าเค้าแดงนิดหน่อยเหมือนกำลังทำเลเซอร์หลุมสิวที่มีอยู่
ประปรายบนหน้าเค้า...โดยรวมก็ถือว่าหน้าตาหาแฟนได้แน่ ๆ ไม่ต้องห่วง)

ขากลับเราถึงกรุงเทพฯ เร็วกว่าขาไปเสียอีก ไม่นานเราก็ถึงห้างฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และนี่
คือครั้งแรกที่วินได้เห็น และได้เดินห้างแห่งนี้ เราเดินเล่นกันอยู่ไม่นาน เนื่องจากแมทรู้สึก
เหนื่อยในการขับรถ        เราซื้อไอศครีมเพื่อทานกันระหว่างทาง  โดยระยะทางจากห้างฯ
ถึงบ้านแมท   วินต้องเปลี่ยนมาเป็นคนขับให้แมทที่ดูเพลียเอาจริง ๆ เลยขอให้วินขับแทน
เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่วินได้ขับรถยี่ห้อนี้.....ไม่ค่อยถนัดอยู่เหมือนกัน

พอถึงบ้านของแมท วินก็เห็นพี่แสงเดือนกำลังกวาดหน้าบ้านอยู่พอดี จึงเอาขนม
กะหรี่ปั๊บที่ซื้อมาระหว่างทางลงไปฝากพี่แสงเดือน ในขณะที่แมทกำลังบอกให้อาตู่
ที่มาถึงก่อนหน้าเรา เอารถเข้าบ้าน
“ขอบคุณค่ะ...คุณวิน”  พี่แสงเดือนยกมือไหว้ จนวินรับไหว้แทบไม่ทัน
“พี่แสงเดือนเรียกว่าวินดีกว่า - - แล้วต่อไปก็ไม่ต้องไหว้วินแล้วนะ”  พี่แสงเดือนคง
แก่กว่าวินซัก 20 ปีได้ในตอนนั้น อายุแกป่านนี้ก็คง 40 นิด ๆ แล้วหละ วินจึงรู้สึกไม่ดีนัก
ที่พี่แสงเดือนต้องยกมือไว้วิน   จากนั้นทุกครั้งที่พี่แสงเดือนไม่ได้อยู่ต่อหน้าคุณแม่
พี่แสงเดือนก็จะเรียกวินว่า ‘น้องวิน’ ตลอด โดยที่แมทก็เคยถามอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อวิน
ให้เหตุผลไป แมทก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าเป็นต่อหน้าคุณแม่ จะไม่ได้เด็ดขาด....
จากนั้นเราทั้งสองก็เดินเข้าไปในบ้าน โดยเวลานั้นคุณแม่คงนอนพักผ่อนอยู่ที่ห้องนอน
ของท่าน  วินจึงไปเปลี่ยนชุดกลับเป็นชุดเดิม และคืนเงินแมทตามที่วินยืมไปในการซื้อ
ของที่สระบุรี รวมถึงขนมที่ซื้อมาฝากพี่แสงเดือนด้วย เพราะวินลืมเอากระเป๋าเงินไป

ตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าวินจะได้รับรู้การโกหก และความจริงที่เจ็บปวด(เล็กน้อย)
เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพฯ นี่เอง ........ เมื่อวินลงมาถึงชั้นล่าง ในขณะที่แมทใช้ห้องน้ำ
อยู่บนห้องนอนของเขา  วินก็เจอพี่แสงเดือนในห้องครัว.....วินที่นิสัยเริ่มแย่ลง ยังคง
มีคำถามเกี่ยวกับพี่กอล์ฟ จึงดิ่งเข้าไปหาพี่แสงเดือนทันที โดยที่ตรงนั้นก็มีแต่เราสองคน

“พี่แสงเดือน” วินเอ่ยทักพี่แสงเดือนที่กำลังเช็ดห้องครัวอยู่
“กะหรี่ปั๊บอร่อยมั้ย” วินถามเพื่อเป็นการเกริ่นก่อนเข้าเรื่อง
“ยังไม่ได้ทานเลยน้องวิน”  พี่แสงเดือนตอบ
“ใส้ไก่ - - อร่อยมากเลยนะ...ลองชิม ๆ” วินบอก
“เออพี่แสงเดือน....วินถามหน่อยสิ”  วินเริ่มปฏิบัติการ
“อะไรคะคุณ?” พี่แสงเดือนตอนนั้นยังคงเรียกวินสลับไปมา ระหว่าง ‘น้องวิน’ และ ‘คุณ’
วินดึงแขนพี่แสงเดือนให้ออกมาจากมุมอับบริเวณนั้น ให้มาอยู่ที่ช่องทางเดินตรงห้องครัว
เพื่อที่จะได้เห็นหากมีใครผ่านมาแถวนั้น
“พี่แสงเดือนทำงานที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว” วินถาม
“ตั้งแต่คุณแมทตีนเท่าเขียดเลยค่ะ”  พี่แสงเดือนตอบ  ถ้าวินมีความรู้มากพอคงเคยได้ยิน
คำอุปมาของพี่แสงเดือนคำนี้ แทนที่จะเคยได้ยินแต่ ‘ตีนเท่าฝาหอย’ เพียงคำเดียวเท่านั้น
“หรอ ๆ”    วินกระตือรือร้น มีกำลังใจจะถามคำถามต่อไป
“พี่แสงเดือนรู้ใช่ม้ะ ... ว่าวินกับแมทเป็นอะไรกัน”     วินถามพี่แสงเดือนอีก
“คุณผู้หญิงก็รู้ค่ะ- -แกรับได้..คุณวินไม่ต้องเป็นห่วง” พี่แสงเดือนใสซื่อไม่รู้แผนการของวิน
“เรียกน้องวินแหละดีแล้ว.....แล้วถ้างั้นพี่แสงเดือนก็ต้องพอรู้ว่าแมทมีแฟนมากี่คน ?”
   วินถามต่อไป
“คุณวินเป็นคนที่สองมั้งคะ....พี่แสงเดือนไม่เคยเห็นคุณแมทพาใครมาที่บ้านนอกจาก
คุณกอล์ฟ แล้วก็คุณวินนี่แหละค่ะ”  พี่แสงเดือนเฉลยโดยวินไม่ต้องถามอะไร และนี่แหละ
คือคำตอบที่วินต้องการจากพี่แสงเดือน   วินรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาตรงนั้น …………….
………..นี่หรือ คืออาการหึง ??
“จริงหรอพี่แสงเดือน - - พี่แสงเดือนรู้จักพี่กอล์ฟด้วยหรอ”  วินเก็บอาการ แล้วทำเหมือน
 กำลังใคร่รู้อย่างราบรื่น จนพี่แสงเดือนก็ไม่รู้ว่าวินมีทีท่าหึงหวงแต่อย่างใด
“เคยมาที่นี่ 2 – 3 ครั้ง แหละค่ะน้องวิน......พี่แสงเดือนก็ไม่แน่ใจ - - ตอนนั้นคุณแมทไม่
ม.4 ก็ม.5”
พี่แสงเดือนยังคงเฉลยออกมาไม่หยุด ทั้ง ๆ ที่วินยังไม่ได้ถามว่าพี่กอล์ฟเคยมาที่นี่หรือไม่
“มอ 4 มอ 5 !”     วินเปล่งเสียง
“ค่ะ”  พี่แสงเดือนเริ่มมีสีหน้างงเล็กน้อย
“คุณผู้หญิงดูชอบพอคุณเค้ามาก ... แต่พี่แสงเดือนว่าคุณแมทไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ......
อีกอย่าง คุณผู้หญิงเป็นคนชวนคุณเค้ามาเอง คุณแมทไม่ได้ชวน” พี่แสงเดือนอธิบาย
“พี่แสงเดือนรู้ได้ไง - - ว่าแมทไม่ได้ชวน”  เอาแล้วไงวิน....นี่พี่แสงเดือนเค้าไม่เกี่ยวนะ
“ก็....คุณกอล์ฟเธอชอบมาที่บ้าน และคุณผู้หญิงแกเลยชวน - - มีบางทีนะน้องวิน
 ที่คุณกอล์ฟกำลังอาบน้ำอยู่บนบ้าน คุณแมทยังเคยดุคุณผู้หญิงเลยว่า ‘ชวนค้างทำไม’ ”
พี่แสงเดือนนี่ช่างสังเกตเสียจริง ๆ  ….วินรู้สึกตลกเล็กน้อยที่พี่แสงเดือนเรียกพี่กอล์ฟว่า
‘เธอ’…..วินรักพี่แสงเดือนที่ใส ๆ ซื่อ ๆ คนนี้มากจริง ๆ (รักจริง ๆ นะ)
“มาบ่อยมั้ยพี่แสงเดือน” วินถามต่อ
“ก็ 2 – 3 ครั้งไงคะ”  พี่แสงเดือนย้ำคำตอบ
“งี้ก็แปลว่า ค้างทุกครั้งที่มาเลยสิ - - แรดจิง”  วินสบถ....วินเกลียดตัวเองในเวลานั้นจริง ๆ
“ก็มาทีไร ก็ค้างทุกทีแหละ - - พี่แสงเดือนไม่ชอบเลย....คนอะไรไม่รู้ ใช้เก่งมาก ... เหมือน
 อย่างกับเป็นเจ้านายพี่แสงเดือนเลยน้องวิน”  พี่แสงเดือนดูเหมือนจะเริ่มตั้งวงกับวินแล้ว

“วิน! - - วิน”   แมทเดินลงมาจากบันไดพอดี  วินรู้สึกเหมือนหนังกำลังสนุกต้องหยุดลง
เพราะต้องเปลี่ยนแผ่นสอง (แต่กว่าจะได้หยิบแผ่นสองมาเปลี่ยนก็ต้องอดทนอยู่นาน)
“พี่แสงเดือน - - เรื่องที่เราคุยกันไม่ต้องบอกใครนะ”  วินกล่าวก่อนจะเดินออกไป
“ค่ะ ๆ” พี่แสงเดือนรับคำ
“ว่าไงแมท”  วินเดินออกมาจากครัว
“เข้าไปทำอะไร” แมทน้ำเสียงห้วน ๆ ที่งงว่าทำไมวินต้องเข้าไปในห้องครัว
“เข้าไปถามพี่แสงเดือน...ว่ากะหรี่ปั๊บอร่อยรึเปล่า”   วินนี่ช่างไหลลื่นเก่งจริง ๆ
“แล้วเป็นไง” แมทถามต่อ
“พี่เค้ายังไม่ได้กินเลย - - วินก็เลยชวนคุยเรื่องนู่นนี่”  วินตอบ
“เรื่องอะไรหละ”  แมทถามซอกแซก
“ก็เรื่องทั่วไปแหละ....ถามว่าทำงานคนเดียวเหนื่อยมั้ย บ้านใหญ่โตขนาดนี้ และก็อื่น ๆ”
  วินตอบ.......สุดยอดมั้ยหละไอ้วินคนนี้
“พี่แสงเดือนเค้าชินแล้ว....ทำงานที่นี่มาตั้งแต่แมทจำความได้”  แมทตอบ
…..‘ก็ใช่หละสิ ถึงได้รู้ความจริงอะไรที่วินไม่รู้ แล้วแมทพยายามปกปิด’  นี่คือความคิดของวินนะ...ใครจะพูดออกไป...พี่แสงเดือนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จะพลอยซวยเอาได้ อีกอย่าง
ยังมีอีกหลายสิ่งที่วินต้องพึ่งพาพี่แสงเดือนอยู่ (ตลอดเวลา 1 ปี พี่แสงเดือนเสมือนไส้ศึก
ในบ้านของแมท และคอยเป็นผู้ช่วยให้วินไม่ต้องมาเจอเรื่องร้าย ๆ จากแผนของคุณแม่
....ถึงแม้จะไม่ค่อยทันเท่าไรนัก)
“วินเป็นอะไรรึเปล่า - - ทำไมทำหน้างี้ใส่แมท” 
แมทคงสังเกตเอาจากสีหน้า (ที่เพิ่งได้รับรู้ความจริง) ของวิน
“เปล่า - - วินจะกลับบ้านแล้ว”  วินตอบ
“หรอ”  แมททำหน้าตาละห้อยเล็กน้อย
“คุณแม่อยู่ไหน - - วินจะได้ไปลา”  วินที่อารมณ์ไม่สู้ดีนัก ถามขึ้น
“คุณแม่หลับอยู่ .... ไม่เป็นไรวินกลับไปเถอะ”  แมทตอบ
“งั้นวินฝากสวัสดีคุณแม่ด้วยนะแมท”  วินที่อารมณ์ยังค้างบอกไปด้วยน้ำเสียงทื่อ ๆ
 (วินไม่คิดเลย  ว่าต่อมาคุณแม่จะไม่พอใจวิน  เรื่องที่วินไม่ได้เข้าไปลาคุณแม่กลับบ้าน
 แล้วเอาวินไปว่าให้พี่แสงเดือนฟังในเย็นวันนั้น ว่าวินไม่มีสัมมาคารวะ ไปไม่ลา มาไม่ไหว้
 ก็ใครจะไปกล้า  ผู้ใหญ่กำลังพักผ่อน.....ถ้าวินเข้าไปก็จะหาว่าไม่มีมารยาทมารบกวนอีก
 ตอนที่พี่แสงเดือนมาเล่าให้ฟัง เป็นตอนที่พี่เค้าออกมาแล้ว พี่แสงเดือนยังบอกเลยว่า   
 ‘เวรกรรมอะไรของน้องวินก็ไม่รู้’...จริง ๆ วินก็กล้าจะไปกวนอยู่ เพราะเรื่องลา – มาไหว้
เป็นเรื่องสำคัญสำหรับวิน....แต่ลูกชายของคุณแม่เอง  ยังเป็นคนบอกว่าไม่ต้องก็ได้นี่นา)

ขณะวินขับรถกลับบ้าน  วินคิดมาตลอดทางว่าวินควรจะถามแมทเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยดี
หรือจะรอไปก่อน ให้แมทเป็นคนบอกความจริงเอง  แต่ในที่สุดวินก็เก็บมันไว้ โดยที่แมท
เองก็ไม่ได้บอกความจริงกับวิน ทั้ง ๆ ที่วินก็เคยถามเป็นเชิงอยู่ออกบ่อย  จนวันนึงคนที่
เปิดเผยก็คือ........(ตามอ่านกันเอง  อิอิ)

___________________________________________________________


ตัวอย่างตอนต่อไป.........
ตอนที่ 12 เพื่อนสนิท...คนใหม่ในชีวิต


‘วินมีแฟนแบบนี้ได้ยังไง ระวังเถอะวิน คนโมโหร้าย....ฟิว” เบอร์ลงท้ายด้วย 777 เป็น
ผู้ส่งมา และไม่นานก็มีข้อความดังตามมา

..............................................................................................

“วิน....เราก็คนนึงที่ชอบวินอ่ะ - - ไม่ได้หรอ  ถ้าวินบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ชอบเรา ...เราจะไปทำ
อะไรวินได้....ไม่เห็นต้องปิดกั้นอะไรกันเลย   ฟิวก็เพื่อนปุ้ยนะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอ”
ฟิวพูด

................................................................................................



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด