ตอนที่ 9 ฟิวจะวุ่น...แมทก็ฉุดไม่หยุด
“กลับมาซะที - - ไปคุยอะไรกัน” แมทเอ่ยถาม
วินในร่างไร้วิญญาณ (ที่โดนคุณแม่ดูดไปแทบสิ้น) ยังคงไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่ได้ตอบ
แมทไป ขณะนั้นเอง คุณแม่มาจับที่หัวไหล่วิน ค่อนข้างแน่นพอดู วินรู้สึกตัวและหันกลับ
ไปมองหน้าท่าน คุณแม่ใช้สายตาสุภาพ (ที่วินรู้สึกว่านั่นคือสายตาบังคับให้วินตอบ)
มองกลับมาที่วิน
“แมทเค้าถามแน่ะลูก” คุณแม่เอ่ยเบา ๆ แต่น้ำเสียงแข็งพิลึก
“คุณแม่เค้านึกว่าแมทยังไม่ได้พาวินเดินดูโรงงาน...ก็เลยพาวินไปดู และก็คุยเรื่องทั่วไป”
วินตอบไปทั้ง ๆ ที่สติยังไม่สมประดีนัก
“คุยอะไรกัน...ฮึ” แมททำหน้าฉงนถามวินต่อ
“แหม...แมท - - ก็คุยกันตามประสาแม่กับคนที่จะมาเป็นลูกของแม่อีกคนนะแหละ”
วินรู้สึกแปลกประหลาดอย่างที่สุดในชีวิต วินไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาตกอยู่ในฉากชีวิต
ที่เหมือนดั่งละครเช่นนี้ วินาทีนั้นวินนึกถึงคำพูดที่เคยได้ยินว่า ‘ชีวิตจริง น้ำเน่ายิ่งกว่า
ในละคร’ ใครไม่มาเจออย่างที่เค้าว่า ไม่มีทางรู้หรอก วินเอาหัวเป็นประกันเลย
คำพูดคุณแม่ทำเอาแมทยิ้มแป้น วินรู้สึกว่าคนบ้านนี้เปลี่ยนอารมณ์เร็ว เสียยิ่งกว่าลม
เปลี่ยนทิศเสียอีก ทั้งความรู้สึกตกใจ เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างวินและแมท และ
ไหนจะความรู้สึกระหว่างวินกับคุณแม่ของแมท และยังจะสายตาหลาย ๆ คู่ในโรงงาน
ที่มีพี่ไอรินเป็นเสมือนลำโพง hi-fi คอยพากษ์ความเป็นไปของวินอีก ความรู้สึกคิดถึง
บ้านก็ประทังเข้ามาเรื่อย ๆ เสียงอื้ออึงของเครื่องจักร ทำให้วินรู้สึกตื้อ และเหมือนคน
ไร้สติสัมปัชชัญญะในขณะนั้น.......นี่มันอะไรกัน ทำไมอะไร ๆ รอบตัววินตั้งแต่เมื่อเช้านี้
มันถึงได้เป็นอะไรที่วินไม่เคยพบเคยเจอได้ขนาดนี้ (ทุกวันนี้วินเคยคิดอยู่บ่อย ๆ ว่า...
ถ้าวันนั้นวินไม่ไปเจอแมทที่บ้าน ไม่ย่างกายเข้าบ้านแมท ไม่ต้องรู้จักกับคุณแม่ของแมท
เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้น...เราอาจจะยังคบกันอยู่ก็ได้)
“แมทหิวจัง ... วินไปกินข้าวกับแมทมั้ย” แมทเอ่ยขึ้น
ในใจวินรู้สึกว่าแมทไม่น่าพูดคำนี้เลย...........และวินก็คิดถูกจริงๆ
“เมื่อกี๊ ดันขับรถเร็วทำไมหละ - - หรือไม่ก็ไม่น่าแยกรถกับแม่ เห็นมั้ย...คลาดกันจนได้”
คุณแม่พูดเหมือนคนได้ที
“แหม...คุณแม่ ... ใจคอจะใจร้ายกับลูกชายตัวเองไปถึงไหน” แมทผู้ไม่รู้อะไรเอ่ยขึ้น
แมทจ๋า...ถ้าแมทรับรู้คำพูดที่คุณแม่ท่านพูดกับวินเมื่อครู่ แมทจะว่ายังไงเนี่ย ???
“แมทขอเงินหน่อยสิแม่ น้า....” แมทอ้อน
“ไม่ให้วินเลี้ยงหละจ๊ะ - - เผื่อกับข้าวจะอร่อยขึ้น” คุณแม่พูดด้วยทีท่าน่ารักตามประสา
คนใจดี แต่วินไม่รู้สึกเช่นนั้นร่วมด้วยอีกต่อไป (นี่จนทุกวันนี้แมทจะยังไม่รู้จริง ๆ หรอว่า
คุณแม่ท่านไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านแสดงออกมาเสมอไป)
“วินเค้าลืมเอากระเป๋าตังค์มา...ลืมไว้ในกางเกงตัวเมื่อวานหนะครับ” แมทตอบ
“อ่าวหรอจ๊ะวิน....แหมไม่ต้องห่วง - - คบกับลูกชายแม่ สบายจะตาย . . . วินไม่ต้องควัก
สักบาท - - ให้ลูกชายแม่จัดการเอง” วินไม่รู้คุณแม่จะหาว่าหลอกแด๊กส์ลูกชายท่าน หรือ
ท่านตั้งใจจะให้วินสบายจริง ๆ แต่อย่างไรก็ตามคุณแม่ยังคงไม่ลดละในประโยคถัดมา
“เนี่ย” คุณแม่ยกข้อมือซ้ายของวินขึ้นมา
“แมทเค้าช่างเลือกจังเลย - - แม่คิดไม่ผิดที่ยอมให้ลูกรูดการ์ดซื้อนี่มา” คุณแม่หมายถึง
นาฬิกาฮอยเออร์เรือนขาวมุก ที่วินและแมทใส่อยู่ในวันนั้นด้วยกัน
“เนี่ย - - ไม่ต้องไปหาแฟนใหม่แล้ว.....คบกับแมท...มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต”
จบประโยคของคุณแม่ วินก็รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าก็ไม่ปาน คำพูดนั้นสำหรับวิน
มันเหมือนดูถูกยังไงก็ไม่รู้ ถึงวินจะไม่ใช่คนร่ำรวยที่ทางบ้านมีกิจการร้อยล้าน
แต่วินก็ไม่เคยแม้แต่จะคิดถึงความร่ำรวยของแมทเลยแต่น้อย ครอบครัววินทั้งคุณพ่อ
คุณแม่ทั้งสองท่านต่างก็ไม่เคยรับของจากใครฟรี ๆ นามสกุลของเราก็มีเกียรติเป็นตระกูล
เก่าแก่ ได้รับความนับหน้าถือตามาแต่อดีตถึงปัจจุบัน และทั้งสองท่านไม่เคยสอนให้วิน
ยโสโอหัง หรือข่มผู้น้อยด้อยกว่า แต่ท่านพูดเสมอว่าต้องหยิ่งในศักดิ์ศรีของเราอย่าได้ทำ
ให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสีย แต่คำพูดของคุณแม่ทำให้วินรู้สึกด้อยค่าอยู่ไม่น้อยเลย
นี่วินคิดผิดหรือเปล่าที่รับของชิ้นนี้มา ???
“ไปมั้ยวิน - - กินข้าวกัน” วินรู้สึกดีใจกับประโยคนี้อย่างพิสดาร ที่ดูเหมือนมันจะเข้ามา
หยุดคำพูดที่ ‘อาจ’ จะลุกลามไปกว่านี้ของคุณแม่ได้
“ไป ๆ” วินรับคำอย่างเร็ว สติสตังก็ยังไม่ได้กลับมาเท่าไรนักหรอก
โทรศัพท์วินดังขึ้นมาอีกครั้ง น่าแปลกที่ตั้งแต่เมื่อวานเย็นนี้ มีแต่ฟิว ฟิว และฟิว ที่โทร
หาวิน อาจเป็นเพราะอั้มที่ยังคงงอนวินอยู่เลยไม่โทรมา และปกติแมทจะโทรหา แต่เรา
อยู่ด้วยกันจนถึงตอนนี้ เลยไม่มีใครโทรหาวินอย่างนั้นมั้ง
เบอร์เดิมที่เป็นต้นเหตุให้วินเกือบตายโทรกลับมาอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่วินคิดว่าฟิวได้ยินเสียง
แข็ง ๆ ของแมทเมื่อพักใหญ่ที่ผ่านมาแล้วจึงชิงวางไปเสียอีก วินรู้สึกพอแล้ว ไม่เอาแล้ว
วินจึงพูดขึ้นกับแมท
“แมท - - ฟิวโทรมา วินไม่อยากรับ วินไม่อยากมีเรื่อง...ถ้าแมทข้องใจอะไร วินว่าแมท
คุยกับเค้าเองเลย...วินไม่อยากรับ” วินกล่าว คุณแม่ตอนนี้แลดูมีสีหน้าปิติยิ่งนัก
“เอามา” แมทเสียงแข็งเล็กน้อย
“เอาคืนไป - - แค่นี้แหละ” แมทกดวางสายไป และยื่นกลับคืนมาให้วิน
ไม่ถึง 10 วินาที เบอร์ตัวปัญหาเดิมก็เรียกเข้ามาอีก
“อีกแล้วหรอ” แมทรับโทรศัพท์วินไปและกดวางสายไปอีกครั้ง
“เนี่ยนะ - - มันไม่ได้ชอบวิน” แมทดูจะมีน้ำโหขึ้นมาอีกระรอก
วินไม่ได้ทันได้ตอบ โทรศัพท์ของวินที่ยังอยู่ในมือของแมทก็ดังขึ้นอีก
“อะไรว้ะเนี่ย” แมทอุทานแบบไม่สุภาพเป็นครั้งแรกต่อหน้าวิน
“แมทรับสิ - - รับเลย” วินหันไปมองต้นเสียง....คิดในใจว่าขอให้เป็นคนอื่นไม่ใช่คุณแม่พูด
แต่จะเป็นไปได้ไง ก็เรายืนกันอยู่สามคนนี่นา
“แล้วถามมันไปเลยลูก - - อะไรที่ลูกอยากรู้....และบอกมันว่าอย่ามายุ่งกับวินอีก”
พระเจ้าช่วยหมวยที สาบานกับวินทีสิว่านี่คือคุณแม่คนเดียวกันกับคนเมื่อวานที่วินได้พบ
“คุณแม่ก็รู้ แมทไม่ชอบมีเรื่องกับใคร” แมทเอ่ย ขณะโทรศัพท์ในมือก็ยังดังต่อไป
(ครั้งนั้นสำหรับวิน รู้สึกว่าทำไมโทรศัพท์มันดังได้นานขนาดนี้ มันน่าจะดับไปแล้ว
ไม่ใช่หรือ คงเป็นเพราะเหตุการณ์ตึงเครียดดึงเวลาอันสั้นให้ดูยาวนานขึ้นกระมัง)
“งั้นให้แม่คุยให้มั้ยหละ” โอ้โหคุณแม่ผู้เลิศเลอในสายตาวินคนเมื่อวานนี้ไปไหนเสียแล้ว
“ไม่เอาแม่ - - จะบ้าหรอ” แมทตอบกลับ ไม่สุภาพอีกครั้ง
วินยังไม่เคยพูดกับแม่วินอย่างนี้เลย สงสัยเหมือนกันว่าทำไมคุณแม่ไม่ว่าอะไร แต่วินก็
แอบเห็นด้วยกับแมทว่า ‘จะบ้าหรอ’ คุณแม่เป็นผู้ใหญ่นะ และทั้งสามคนนี้ก็แค่เด็กม.6
“เงียบไปแล้ว” คุณแม่พูดขึ้น เมื่อโทรศัพท์หยุดดัง ขณะเดียวกันคุณแม่ก็หันมามอง
หน้าวิน สีหน้าราวกับว่าวินได้นำพาสิ่งเลวร้ายเข้ามาในครอบครัวของท่าน
(ซึ่งในเวลาต่อมาไม่นาน คุณแม่ก็หาว่าวินเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ด้วย.... ทั้ง ๆ ที่คุณแม่นั่น
แหละเป็นคนทำให้ทุกอย่างมันแย่ขึ้นเรื่อย ๆ จนทุกวันนี้ คุณแม่ก็ยังไม่หยุด)
“วินจะทำไงเนี่ย” แมทถามกับวินดี ๆ สีหน้าดูกลุ้มใจ วินรู้สึกสงสารแมทมาก วินไม่น่าให้
เบอร์ไปกับฟิวเลย....นี่ยังดีนะที่แมทไม่ได้ถามว่าฟิวได้เบอร์วินมาจากไหน ถ้าแมทรู้
คำตอบ วินไม่อยากจะนึกภาพเหตุการณ์ต่อจากนั้นเลย
“แมทจะให้วินทำไงหละ…วินก็จะทำอย่างงั้นอ่ะแมท” วินที่รู้สึกสงสารแมทเหลือเกินตอบ
คุณแม่มีสีหน้าที่ปิติล้นเปี่ยมอีกครั้ง ออกแนวสะใจเสียมากกว่า นี่ถ้าฟิวมาได้ยินที่วินพูด
คุณแม่คงรู้สึกดีกว่านี้แน่
“แค่วินอย่าชอบมันก็พอ” แมทเอ่ย สีหน้ายังคงความกังวลใจ วินรับรู้ว่าตอนนั้นแมท
ไม่ได้รู้สึกอยากจะต่อว่าวินแล้ว คงรู้สึกแต่เพียงว่าจะทำอย่างไรดีกับฟิวตัวปัญหาเท่านั้น
“หึ...ไม่มีวันอ่ะแมท” ทุกวันนี้วินเองก็ไม่แน่ใจตัวเองว่าในอดีตที่ผ่านมานั้น วินได้ทำ
อย่างที่พูดนี่หรือเปล่า..........ไม่แน่ใจจริง ๆ ถึงแม้เรื่องมัน (เหมือน) จะจบ ๆ ไปแล้ว
วินอาจจะเคยรู้สึกชอบนิด ๆ หรือไม่ได้ชอบเลย.........วินไม่รู้จริง ๆ นะแมท ถึงแม้ทุกวันนี้
แมทอาจจะไม่เชื่อวินก็ตาม
และแล้วปฏิบัติการแรกของ ‘ฟิวจะวุ่น….ใครก็ฉุดไม่อยู่’ ก็ได้เริ่มขึ้น เสียงตี๊ด ๆ ตี๊ด ๆ
(คงรู้นะว่าโทรศัพท์ยี่ห้ออะไร...อิอิ) เป็นเสียงเรียกของข้อความ และแล้วแมทคนเดิม
ก็กลับมาอีกครั้ง .... แมทไม่ได้กดดูข้อความนั้น...แต่ยื่นโทรศัพท์คืนให้วิน ในขณะที่
คุณแม่ทำสีหน้าไม่พอใจใส่วิน เหมือนอยากจะคว้าโทรศัพท์นั้นไว้เอง วินหยิบโทรศัพท์มา
แต่ไม่ได้กดเปิดข้อความ
“แมทจะดูมั้ย - - ถ้าแมทจะดู....วินก็ให้ดู...ไม่มีอะไรปิดบังกันทั้งนั้นแมท”
ถ้าใครได้เห็นสีหน้าแมทตอนนั้นคงสงสารแมท และเกลียดวินน่าดูที่นำพาสิ่งเหล่านี้เข้า
มาในชีวิตของเรา
“ดูสิลูก....เพื่อความสบายใจ” คุณแม่เหมือนได้ที
“อะ....คุณแม่” วินยื่นโทรศัพท์ให้คุณแม่ รู้สึกว่าวินจะทำเฉยไม่ได้แล้วกับท่าทีของท่าน
ท่านเองก็เหมือนจะรู้ตัว ท่านมองโทรศัพท์ของวิน และส่ายหน้าเบา ๆ
“อะแมท” วินยื่นไปให้แมทอีกครั้ง ขณะเดียวกันเสียงเรียกก็ดังขึ้นอีกครั้ง บ่งบอกถึง
ข้อความเข้าฉบับที่สอง..............นี่วินยังเดือดร้อนไม่พอหรือนี่ฟิว !!!!!?????
“โอโหวิน...........” แมทพูดเสียงเบา พร้อมส่ายหน้า แสดงความระเหี่ยใจอย่างมาก
“นี่มันอะไรกันเนี่ย....วิน” คุณแม่ที่เข้าไปปลอบแมท หันมาจ้องวินเขม็ง
“วินก็ไม่ทราบเหมือนกันคุณแม่” เสียงวินค่อนข้างแข็งตอบกลับคุณแม่ แต่ยังเรียกท่าน
โดยมีคำว่า ‘คุณ’ นำหน้าอยู่ และเป็นเช่นนี้เสมอ ไม่ว่าวินจะระอาท่านเพียงใด
“โอ๊ย....เคลียร์กันเองนะลูก - - แม่ไม่เป็นอันทำการทำงานแล้ว - - เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของ
วัยรุ่นสมัยนี้แม่ตามไม่ทันจริง ๆ . . . นี่ถ้าวินเป็นผู้หญิง แมทคงแย่แน่ ๆ” คุณแม่พูดถึง
เรื่องเพศของเราเป็นครั้งแรกตั้งแต่วินพบกับท่าน พร้อมมีสีหน้าไม่พอใจ โดยครั้งนี้ท่าน
แสดงต่อหน้าลูกชายของท่านด้วย
“ทำไมต้องพูดอย่างงั้นด้วยอ่ะแม่” แมทหันไปทำเสียงกึ่งดุกับคุณแม่
“ก็ไม่รู้หละ - - ตั้งแต่แม่มาถึงนี่แม่ยังไม่ได้ไปดูงานเลย แมทจะไปกินข้าวหรือพาวินไปไหน
ก็ไปเลยนะ ...แม่ขอไปทำงานแล้ว” คุณแม่พูดพร้อมหยิบแบงค์พัน 2 ใบใส่มือแมท และ
เดินออกไปจากตรงนั้น ท่านไม่วายหันมาค้อนวิน 1 ที วินคงผิดจริง ๆ แหละ การมาของ
วินวันนี้ทำให้หลาย ๆ คนเสียการเสียงานไปหมด ......... แต่พี่ไอรินนี่เค้าทำตัวเค้าเองนะ
วินว่าวินไม่เกี่ยว…
“วิน...แมทขอโทษนะ...แม่แมทเค้าคงห่วงแมทเกินไปอ่ะ” แมทเอ่ยด้วยสีหน้าที่ยังดูวิตก
“ไม่เป็นไรแมท...ถ้าเป็นแม่วินก็คงไม่ต่างกันหรอก” วินพูดไปทั้ง ๆ ที่ในใจไม่ได้คิดเช่นนั้น
คุณแม่วินไม่เคยแสดงท่าทีอาการเช่นนี้เลยตลอดชีวิตของวินตั้งแต่จำความได้
“ยังไงแมทก็ขอโทษอ่ะ….วินอย่าถือสาแม่เลยนะครับ” แมทกล่าวต่อ.......คำว่า ‘ถือสา’
ของแมทในวันนั้นวินก็ได้รับรู้และเข้าใจจากคำบอกเล่าของพี่แสงเดือนในช่วงที่คบกับ
แมทได้ประมาณ 7 เดือน โดยเธอเล่าว่า
“หลังจากคุณผู้ชายเก็บข้าวของออกไปจากบ้าน หน้าที่รับผิดชอบเลี้ยงน้องแมท ก็ตกอยู่
กับพี่แสงเดือน....ตอนนั้นน้องแมทอายุ 2-3 ขวบกำลังน่ารัก แต่คุณผู้หญิงเอาแต่เก็บตัว
ไม่ไปไหน นอนอยู่แต่ในห้อง และไม่ยอมให้น้องแมทเข้าไปหา หรืออุ้มน้องแมทเลย
ญาติทางฝั่งคุณผู้หญิงต้องพาจิตแพทย์มาหาถึงบ้าน หมดเงินกันไปเป็นก้อน และใช้เวลา
อยู่ร่วมปี กว่าคุณผู้หญิงจะออกไปข้างนอก และยอมทานมากขึ้นอีกครั้ง ตอนนั้นน้องแมท
ก็พูดได้จนเกือบเก่งแล้ว แต่ต้องสอนให้เรียกคุณผู้หญิงว่าแม่อยู่ตั้งนาน กว่าจะยอมเรียก
พอทุกอย่างใกล้จะกลับมาเป็นปกติ ขณะที่คุณผู้หญิงอุ้มและเล่นกับน้องแมทอยู่
ท่านพูดกับพี่แสงเดือนว่า ‘คอยดูนะ ..... แมทจะต้องไม่มีทางลำบาก ต้องไม่มีใคร
มาทำให้ลูกฉันเสียใจ และต้องเหนือกว่าทุก ๆ คน’ ......แหมคุณวินขา ถึงพี่แสงเดือนจะเรียนมาน้อย แต่ก็พอจะรู้ว่านี่มันคือคำพูดที่ไม่ปกตินัก…ทุกวันนี้คุณผู้หญิงยังต้องทาน
ยาตามแพทย์สั่งอยู่เลย” พี่แสงเดือนก็ช่างเป็นแม่บ้านที่เก็บทุกรายละเอียด ทุกวันนี้
พี่แสงเดือนไม่ได้ทำงานที่บ้านแมทแล้ว ตั้งแต่คุณแม่พี่แสงเดือนเสีย พี่แสงเดือนก็ต้อง
กลับบ้านไปดูแลสมาชิกที่เหลือ แต่พี่แสงเดือนก็ยังติดต่อกับวินอยู่ ไม่ว่าจะตอนที่ยังอยู่
บ้านแมท หรือตอนที่กลับอิสานไปแล้ว (พี่แสงเดือนเป็นคนลาว แต่ไม่รู้อย่างไรเธอถึงมา
อยู่ในประเทศไทยได้) ทุกวันนี้พี่แสงเดือนก็ยังโทรหาวินอยู่บ่อย ๆ ส่วนมากจะยิงมาและ
ให้โทรกลับไปหา วินชอบคุยกับพี่แสงเดือนมาก เพราะเหมือนเราจะรู้จักกันดีพอสมควร
นอกจากเราจะพูดคุยถึงเรื่องเก่า ๆ เกี่ยวกับแมทและคุณแม่แล้ว พี่แสงเดือนก็ชอบแนะ
วิธีการทำอาหาร หรือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการเข้าครัว..........ซึ่งวินก็ทำได้แต่ไข่เจียวอยู่ดี
..........แต่ถึงแม้วินจะได้รับรู้เรื่องของคุณแม่ที่ท่านป่วย ทำให้จิตท่านไม่ปกติแล้ว มันก็ยัง
ไม่สามารถทำให้วินรู้สึกให้อภัยท่านในสิ่งที่ท่านได้พยายามทำ หรือสิ่งที่ทำจนสำเร็จกับ
วินอยู่ดี (มันเจ็บปวดเกินจะอภัยจริง ๆ นะคุณแม่)
วินมาไกลเกินไปแล้วหละ แต่ทุกคนควรจะรู้ก่อนว่าทำไมคุณแม่ถึงได้ลมเพลมพัดเช่นนี้
นี่ดีนะที่คนอ่านได้รับรู้แล้ว แต่คิดดูสิตลอดระยะเวลาอันยาวนานกว่าวินจะรู้ วินจะงงงวย
กับการกระทำของท่านขนาดไหน
กลับมาที่เรื่องของวินและแมทต่อ ถ้าใครจำไม่ได้ เพื่อเป็นการไม่ต้องย้อนกลับไปอ่าน
วินจะทวนให้ตรงนี้ แมทบอกกับวินว่า
“ยังไงแมทก็ขอโทษอ่ะ….วินอย่าถือสาแม่เลยนะครับ”
“ไม่หรอกแมท...วินเข้าใจ” วินตอบ
เชื่อหรือไม่ ซาตานมีจริง! ข้อความฉบับที่สามดังเข้ามาอีกครั้ง ตามด้วยเสียงเรียกเข้า
ดังขึ้นอีกครั้ง ห่างกันไม่ถึง 5 วินาที
แมทถึงกับเอามือกุมขมับ และส่ายหัวไปมา ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว แมท....วินจะทำ
ยังไงดี ขอโทษก็คงไม่พอที่พาแมทมาเจอกับการกระทำของฟิวแบบนี้
“วิน - - วินรับเถอะ” แมทเงยหน้าขึ้นมาทั้งน้ำตา
วินตกใจมาก ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะทำให้แมทมีน้ำตาได้
“ไม่เอา - - ไม่เอาอ่ะแมท....แมทอย่าร้องสิ” วินน้ำตามซึม ยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋า
จู่ ๆ ไม่รู้ยังไง คุณแม่ก็เดินกลับมาอีกครั้ง (ไหนว่าจะไปทำการทำงาน)
“แมท!! - - แมทเป็นอะไรลูก” คุณแม่ตกใจ สำหรับวินมันโอเว่อร์ไปนิด แต่อย่างว่า
ท่านรักของท่านมาก ก็อย่างนี้แหละ
เสียงคุณแม่ดังมาก ทำเอาขาประจำละครชีวิตของวิน อย่างพี่ไอรินเปลี่ยนช่องกลับมา
ดูที่เราสามคนยืนอยู่ ครั้งนี้มีสมาชิกเพิ่มมาอีก 4 – 5 คน ถึงแม้ทั้งหมดจะทำทีไม่สนใจ
แต่ขอบอกว่าไม่เนียนเอาเสียเลย แต่วินไม่โทษพี่ ๆ หรอก ถ้าเป็นวิน วินก็คงละสายตา
ไม่ได้เหมือนกัน ก็เสียงคุณแม่ลั่นทุ่งเสียขนาดนั้น
“วิน ! เกิดอะไรขึ้น” คุณแม่ขึ้นเสียงกับวินครั้งแรก แต่ขอโทษวินไม่ได้ตกใจแม้แต่น้อย
เหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็แหมการกระทำแต่ละอย่างของคุณแม่วันนี้
วินเริ่มจะคุ้นเคยกับมันแล้วหละ
“คุณแม่.... วินไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย - - ทำไมต้องทำเสียงแบบนั้น” แมทพูดกับคุณแม่
ด้วยน้ำเสียงระทวยกับการร้องไห้ของเขา
สิ้นประโยคของแมท คุณแม่ก็ได้แต่มองหน้าวินอยู่นิ่ง ๆ และลูบหลังลูกชายของท่านไปมา
วินมองคุณแม่ สายตาไม่ได้ละไปไหน วินรู้สึกว่านี่มันเกินเหตุไปสักนิด และเหลืออดมาก
กับอะไรหลาย ๆ อย่างในวันนี้ วินรู้ทันทีว่านี่สงครามระหว่างคุณแม่และวินได้เริ่มขึ้นแล้ว
(แต่ไม่ใช่สงครามนางฟ้านะ 555)
คุณแม่เหมือนจะรู้ว่าวินสู้สายตา ท่านเปลี่ยนสีหน้าเป็นโกรธแค้นที่วินทำกับลูกชายท่าน
“ฮึ่ยย !!” ท่านทำน้ำเสียงไม่พอใจ เบือนหน้าหนี และผละตัวออกไปจากบริเวณนั้นทันที
จุดอ่อนของคุณแม่ดูเหมือนจะอยู่ที่คำพูดทุกคำพูดของแมท ในเวลาต่อมา ทันทีที่วินจับ
จุดอ่อนของคุณแม่ในข้อนี้ได้ วินก็มักใช้มันเล่นงานคุณแม่กลับเสมอ เมื่อคุณแม่ทำไม่ดี
กับวินก่อน (ทำไมร้ายอย่างนี้เนี่ย...วินหนอวิน บาปกรรมแท้ ๆ - -^)
“แมท - - วินขอโทษ” ในที่สุดคำขอโทษของวินสำหรับเรื่องนี้ ก็ออกมาครั้งแรก
“ขอโทษทำไมวิน....วินไม่ได้ทำอะไรผิด” แมทพูดตอบ ยังคงร้องไห้อยู่นิดหน่อย
“แมท - - วินเป็นคนให้เบอร์กับฟิวไป....และฟิวก็ดูเหมือนจะจีบวิน”
วินไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือไม่ที่พูดมันออกไป แต่คิดในใจว่าเดี๋ยวก็คงได้รู้กัน
“จริงหรอวิน” แมทถาม....น่าแปลกที่น้ำเสียงแมทยังคงเป็นปกติ
“อืม...” วินตอบเบา ๆ
แมทลุกลงจากเครื่องจักรที่ตอนแรกเขาขึ้นไปนั่งตอนที่ร้องไห้ และแมทก็ดึงมือวิน
กลับเข้าออฟฟิศ โดยไม่พูด หรืออะไรแต่อย่างใด วินแอบคิดในใจขึ้นมาทันทีว่า
‘ไม่น่าเลยกรู...บอกทำไมก็ไม่รู้’ ขณะนั้นวิน คนที่ยังคงแคร์สายตาประชาชีอยู่
หันไปมองพี่ไอรินและเพื่อน ๆ ที่ยืนอยู่ที่เดิม ทุกคนที่กำลังขยับปากซุบซิบอยู่หยุดทันที
เหมือนโดนวินสาปเสียอย่างนั้น
“วินเอาโทรศัพท์มานี่ - - แมทจะโทรกลับไปหามันเอง” วินรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยที่ไม่โดน
ต่อว่า หรือแมททำเสียงไม่ดีใส่ ......วินหยิบโทรศัพท์ให้แมทแต่โดยดี
แมทกดโทรกลับไปหาฟิวทันที..................
“พ่อ ม.อึง สิ !!!” แมทเสียงดังใส่โทรศัพท์ (ซึ่งหลังจากวางแมทเล่าให้ฟังว่าฟิวรับโทรศัพท์
แล้วพูดว่า ‘ว่าไงน่ารัก... เคลียร์กับแฟนนานเลยสิ’ ....... วินรู้สึกว่าแมททำถูกที่สุด)
“ม.อึง รู้ไว้นะว่าวินมีเจ้าของแล้ว และ ม.อึง ก็รู้ไว้เลยว่าวินเป็นของกูตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
หมดกันวิน...ไม่เหลือ - - หมดสิ้นแล้วภาพลักษณ์นักเรียนหนุ่มม.6 .ใส ๆ ไม่เหลือ -*-
วินไม่อยากเชื่อว่าแมทจะกล้าพูดเรื่องของเราให้คนอื่นที่แม้แต่วินเองก็รู้จักได้เพียงไม่ถึง
1 วันได้รับรู้
“แค่นี้นะไอ้ animal” วินเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองชินกับคำหยาบจากปากแมทเอาตอนไหน
คำหยาบที่แม้แต่วินเองก็ไม่กล้าจะใช้ในตอนนั้น (ก็แปลว่าตอนนี้กล้าแล้ววอ่ะสิ ?)
แมทวางโทรศัพท์ไป และยื่นมันคืนมาที่วิน
“เอาไป” น้ำเสียงแข็ง ๆ กลับมาอีกแล้ว (วิน...ลางสังหรณ์นายช่างแม่น วันนี้นายไม่น่ามา
เลยจริง ๆ ด้วย)
“เอ้า !....แมทโกรธวินอีกแล้วหรอ” วินเอ่ยขึ้นงง ๆ
“เปล่า” แมทตอบสั้น ๆ ก่อนจะเดินไปล๊อคประตูห้อง (ดีนะที่ครั้งนี้ล๊อค)
แมทดึงวินไปที่โซฟา แล้วผลักวินลงไปนอน แมทถอดเสื้อ เข้ามาจูบวินอยู่นาน และเราก็
ทำเรื่องส่วนตัวกันอีกเป็นครั้งที่ 2 มันไม่ต้องมีพิธีอะไรอีกต่อไป วินกลายเป็นคนใกล้ชิด
กับเรื่องแบบนี้ขึ้นในที่สุด หลังจากที่แมทและวินมีครั้งแรกกันเมื่อคืน ทั้ง ๆ ที่ปกติวินยัง
วิ่งเล่นแปะแข็ง เล่นบอลลูนสี บอลลูนเส้น (ม.6เนี่ยแหละ) กับเพื่อน ๆ อยู่เลย เรื่องแบบนี้
แทบจะไม่เคยอยู่ในหัวจริง ๆ คงเป็นเพราะสภาพแวดล้อมครอบครัวของวินด้วย ที่ทำให้
วินอ่อนปวกเปียกขนาดนี้.....และอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้วินเป็นเกย์ด้วยก็ได้มั้ง ...อิอิ
“จำไว้นะวิน - - วินต้องเป็นของแมทคนเดียวเท่านั้น” แมทพูดกับวินทั้ง ๆ ที่อยู่บนตัววิน
วินก็ได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ งงว่านี่เรามีอะไรกันเพียงเพราะให้แมทรู้สึกว่าวินเป็นของแมท
อย่างนั้นหรือ ?? ความรักและเซ็กส์เป็นสิ่งสวยงามที่น่าจะเดินคู่กันไปในความคิดของวินเสมอมา แม้จะมาจนถึงวันนี้ก็ตาม .......นี่แมทกับวินคิดเหมือนกันหรือเปล่า ?
“พูดสิวิน....ว่าวินเป็นของแมทคนเดียว” วินกลัวมากกับสิ่งที่ได้ยินและสายตาที่ไม่คุ้นเคย
ของแมทที่ส่งมาให้วิน ไม่นานก็มีคนมาเคาะที่ประตู แมทสวมเพียงกางเกงยีนส์ของเขา
และเดินไปเปิดประตู ลืมบอกไปว่าเสื้อผ้าวินยังอยู่ครบทุกชิ้น ^.^ ………แมทเปิดประตู
ออกมา
“แมท...นี่ลูก - - ลูกทำอะไร” คุณแม่ที่ไม่ได้รับรู้กิจกรรมของลูกชายเมื่อครู่เอ่ยทักอย่างตกใจ สีหน้าของแมทดูราวกับไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวเอาเสียเลย คุณแม่แทรกตัวเข้ามา
แล้วรีบ ปิดประตู คงเกรงว่าใครจะมาเห็นเข้า (ทีอย่างนี้หละรู้สึกขึ้นมานะคุณแม่ ที่วิน
รู้สึกว่าไม่ควรเดินจับมือกันประเจิดประเจ้อ กลับไม่เห็นด้วยกับวิน......เชอะ)
“แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อ - - ฮะ! ” คุณแม่ถาม .........เวรกรรม นี่วินไม่คิดเลยว่าคุณแม่จะถาม
อะไรแบบนี้ แทนที่จะถามว่าทำอะไร ทำทำไม ทำลงไปได้ไง ทำในที่แบบนี้เนี่ยนะ อะไร
เทือกนั้น ทำเอาวินหายเขินไปเสียเดี๋ยวนั้น....เพราะนี่ก็คงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ธรรมดา
สำหรับคุณแม่สินะ ….. โชคดี (หรือเวรกรรม) ของไอ้วินแท้ ๆ
“ใส่ทำไมหละครับคุณแม่ - - ใครมาเห็นจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...ไม่ว่าใครหน้าไหน - - มันก็
จะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ... ใครเป็นของใคร” แมทตอบ.........ถ้ายังจำในสิ่งที่พี่แสงเดือน
เล่าให้วินฟัง คงจะไม่สงสัยกันเท่าไหร่ที่แมทพูดเช่นนั้น.......ก็วิธีการเลี้ยงลูกอันแสนจะ
สร้างความเพียบพร้อมให้ลูกชายของคุณแม่น่ะแหละ....แต่วินเนี่ยสิที่ยังไม่รู้......อึ้งไปเลย
“ใส่เสื้อผ้าซะด้วยนะ...ก่อนจะออกไปน่ะ” คุณแม่ทำหน้าดุ ๆ ใส่แมท
แต่แมทกลัวเสียที่ไหน ยังดีที่ไม่กลัวแต่ทำตาม ไม่งั้นวินคงเอาหน้าไปซุกตูดพี่ไอริน
ยังจะดีเสียกว่าเดินลอยหน้าลอยตาอยู่ในโรงงานนั่น
___________________________________________________________________
ตัวอย่างตอนต่อไป........
ตอนที่ 10 ความสุขครั้งแรกในรอบวัน…และแฟนเก่า(แก่)ของแมท
“จำได้มั้ย” คุณแม่เสียงตื่นเต้นดีใจพิกล พร้อมผายมือให้แมทมองไปที่พนักงานผู้ชายคนนั้น
“ได้สิ” แมทตอบสั้น ๆ
“หวัดดีครับพี่กอล์ฟ” แมททัก สีหน้าไม่เต็มใจ
“แหมแมท ไม่เห็นต้องห่างเหินกันขนาดนี้เลย...ใช่มั้ยคุณแม่” คำพูดครั้งแรกของพี่กอล์ฟ
ทำให้วินได้ยินเสียงของเขา.......ถ้าหลับตาฟัง วินคงนึกว่าผู้หญิงพูด
“วิน...นี่กอล์ฟ - - แฟนแมท” คุณแม่เสียงแข็ง....ทำไมคุณแม่ใจร้ายกับวินอย่างนี้ นี่คุณ
แม่ลงทุนเรียกพี่กอล์ฟอะไรนี่มาถึงโรงงานเลยหรอ
.............................................................................................
“อะไรอ่ะ !!!” แมทเสียงดัง
“แมท - - พี่ทำถ้วยกาแฟตกใส่แฟนแมทอ่ะ” พี่กอล์ฟประกาศให้พนักงานแถวนั้น รู้ฐานะ
ของวินที่มีต่อแมทตรงนั้น ในเวลานี้นี่เอง
“แมทจะให้แม่ตัดเงินเดือน !” แมทพูด
“วินเป็นอะไรรึเปล่า” แมทคงยังเปลี่ยนน้ำเสียงไม่ทัน หันมาถามวินเสียงแข็งเล็กน้อย
.............................................................................................