Hour#19 -Thank to-
"อืม"
"เอ ตื่น"
"อื้มม ไม่เอา จะนอน"
"ไม่ให้นอน ตื่นเร็ว"
"ไม่ตื่น อื้อออ!!! วา!!" พลักตัวป่วนการนอนผมออกอย่างแรง ดันตัวลุกขึ้นนั่งมองคนตรงหน้ายิ้มกวนตีนไม่รู้ไม่ชี้ ผมเอามือลูบจมูกตัวเองปอยๆ ใครสั่งใครสอนให้ปลุกกันแบบนี้วะ บีบมาได้ หายใจไม่ออกไม่ว่า ดั้งกูแฟ๊บมามึงจะทำไง
"ไปอาบน้ำเร็ว"
"ไม่อาบ จะไปไหนวันนี้วันเสาร์นะ" ผมท้วงถามเบาๆ เมื่อวานวาเข้าไปรายงานตัวที่บริษัทมาครับ เห็นว่าพี่ๆที่ทำงานก็นิสัยดีกัน หัวหน้าก็บรีฟหน้าที่ให้วาฟังคร่าวๆแต่เดี๋ยววันจันทร์พอเริ่มงานจริงๆจะมีพี่เลี้ยงที่คอยดูแลวาอีกทีเรื่องการทำสัญญาต่างๆให้ลูกค้า
"ก็วันเสาร์ไง ลุกเร็ว จะพาไปเดท"
"ห่ะ ว่าอะไรนะ" เกาหัวมองหน้าวางงๆ ได้ยินอะไรแว่วๆ
"บอกว่าจะพาไปเดท จะไปมั้ย"
"ไปๆ ไปไหนวะ" นี้มึงชวนกูไปเดทตรงๆอย่างนี้เลยหรอ เซอไพรส์อะไรนี้ไม่มีเลยใช่มั้ย จะเขินหรือจะงี่เง่านอนต่อดี
"ไม่บอก อาบน้ำเร็วหรือจะให้วาอาบให้"
"ไม่ต้องเลยกูอาบเองได้" เด้งลุกจากเตียงตัวเองวิ่งจู้ดเข้าห้องน้ำอย่างหาที่ปลอดภัย หลังจากวันนั้นที่ผมกลับวากลับมาจากเชียงใหม่ เรื่องติดเรทนิดๆบนเตียงนั้นพาเอาใจเต้นแรงทุกครั้งที่อยู่บนเตียงเดียวกับวา ผมว่าผมไม่ได้ทะลึ่งนะแต่ไม่รู้ทำไมมันอดคิดถึงเรื่องนั้นไม่ได้ซะทีว่าถ้าไปไกลกว่านั้นจะเป็นยังไง
"ใจแตกแล้ว เอรัณเอ้ย"
อาบน้ำไม่นานออกมาก็เจอวานั่งบนเตียงยิ้มมองมาอยู่ก่อน จะวาไปวันนี้วาแต่งตัวดูดีกว่าทุกที เสื้อเชิ้ตเข้ารูปสีเข้มเข้ากับไหล่กว้างของวาเป็นอย่างดี กางเกงยีนส์เข้ารูปและรองเท้าผ้าใบสีเข้ม ไล่สายตามาสบกับใบหน้าคมเข้มของวา ดวงตาสีเข้มติดดุ ริมฝีปากไม่หนาจนเกินไป เห็นแล้วมันช่าง...
"มองอะไรน้องเอ มองแบบนี้ แต่งตัวแบบนี้ ระวังจะไม่ได้ออกจากห้อง" วาเอ่ยออกมาเสียงกึ่งล้อเลียนผมถึงได้รู้สึกตัวว่าทั้งตัวมีเพียงผ้าขนหนูที่ปิดบังท่อนล่างไว้อย่างเดียว จู่ๆก็รู้สึกร้อนที่หน้าอย่างจัด เอาจริงๆอยู่กันมาก็นานเพิ่งจะมาเขินอะไรเอาตอนนี้วะ เอรัณ
"ทำเป็นไม่เคยเห็นไปได้"
"เคยเห็น แต่ตอนนั้นมันคือร่างกายของเพื่อน แต่นี้ มันคือร่างกายของแฟน เข้าใจมั้ย"
"อา...โอเค ขอเวลาห้านาทีนะ" เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดออกมาแล้วรีบกลับเข้าไปในห้องน้ำอย่างว่องไว แมร่งเอ้ย วันหลังก่อนเป็นแฟนกันช่วยทำหนังสือคู่มือการขายมาให้กูก่อนก็ดีนะจะได้รู้ว่ามึงหื่นขนาดนี้ วาโย
หลังจากผ่านเหตุการณ์เกือบได้เสียอีกรอบในห้อง ผมก็ย้ายตัวเองออกมานั่งเป็นเจ้านายให้วาเป็นสารถีบนถนนใหญ่เรียบร้อย ถามหลายรอบว่าจะพาผมไปไหนเจ้าตัวก็แค่ยิ้มที่มุมปากไม่ตอบอะไร ด้านหลังมีกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่ผมเพิ่งสังเกตว่าวาติดมาด้วยตอนออกจากห้อง วาไม่พูดอะไรมากบอกแค่เก็บเสื้อผ้าให้แล้ว นี้ตกลงจะพาไปไหนเนี้ย
ปล่อยวาขับรถไปเรื่อยๆ ทิวทัศน์ด้านนอกเริ่มเปลี่ยนไปเป็นนอกเมือง หันไปมองคนขับวาก็ยิ้มๆไม่พูดอะไรเหมือนเดิม เอาเหอะจะพาไปไหนก็ไป นั่งอยู่ดีๆเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้สัมผัสเย็นๆที่ข้างแก้มปลุกให้ตื่นขึ้นมา กระพริบตาสองสามทีปรับสายตาก็เห็นวายิ้มมองมาอยู่ มีผ้าห่มผืนหนาที่ติดรถวาเป็นประจำคลุมตัวผมเอาไว้กันหนาว
"ถึงแล้วไปเชคอินกัน" วาพูดก่อนจะเดินออกจากรถไปเปิดประตูหลังหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าลงมา ทันทีที่ผมลงจากรถไอทะเลก็พัดเข้ามาพร้อมเสียงคลื่นที่พัดเข้าหาฝั่ง
"นี้ที่ไหนเนี้ย"
"ปราณบุรี"
"หะ มาไกลขนาดนี้เชียว มาทำไมอะ"
"อยากมาทะเลกับเอ ไม่ได้หรอ" วายิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินนำหน้าผมขึ้นไปเชคอินกับทางโรงแรม จะว่าไปตั้งแต่เช้ามาผมเห็นวายิ้มตลอด ดูเจ้าตัวมีความสุขมากเห็นแล้วผมก็อดยิ้มตามไม่ได้
ห้องพักที่วาจองเรียกได้ว่าถ้าผมเป็นผู้หญิงนี้ผมคงกรี้ดไปแล้ว ห้องพักแบบ Pool villa ที่เปิดประตูห้องนอนออกไปจะเจอสระว่ายน้ำส่วนตัวอยู่ด้านหน้าเลยสายตาไปก็เป็นน้ำทะเลที่เห็นอยู่ไม่ไกลมาก ผมเกาะขอบประตูมองน้ำทะเลสีใสอย่างผ่อนคลายก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นที่เข้ามาสวมกอดด้านหลังเงียบๆ หลับตารับแรงจูบที่ขมับก่อนจะยิ้มออกมานิดๆ
"นี้เตรียมการขนาดนี้กะให้เอเสียตัวให้ได้เลยใช่มั้ย"
"หึหึ ก็ยังไม่ได้คิดถึงขนาดนั้นแต่พูดมาก็ดี"
"อ้าว"
"ไม่ต้องศึกษาแล้ว เดี๋ยววาสอน"
"เห้ย"
"หึหึ ล้อเล่น ไปๆไปกินข้าวกัน เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว" วาคลายอ้อมกอดออกก่อนจะมองหน้าผมที่ก็ไม่รู้ว่าทำหน้าแบบไหนอยู่เหมือนกันก่อนจะเดินตามวาออกจากห้องไป
เราสองคนใส่รองเท้าแตะที่วาเตรียมมาเดินตามหาดทรายละเอียดสีสวย สายลมพัดพร้อมไอทะเลทำให้อากาศไม่ร้อนเท่าไรนัก มองไปตามหาดทรายเห็นนักท่องเที่ยวบางตา ส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติ อาจเป็นเพราะไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวเลยทำให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าช่วงอื่น
"นึกยังไงพามาทะเล"
"ก็ไม่ยังไง แค่กลัวว่าพอเริ่มทำงานแล้ววาอาจจะไม่มีเวลาให้เอเหมือนแต่ก่อน"
"นั้นสินะ มีแฟนเป็นเด็กนิติต้องอดทนว่าเขาจะมีเวลาให้หนังสือกฏหมายมากกว่าคุณ"
"ฮาๆ ไปเอาประโยคนี้มาจากไหน"
"อ่านเจอในเฟซและประสบการณ์ตรงจากการมีเพื่อนเป็นเด็กนิติมาก่อน" แค่ตอนเป็นนักศึกษาวาก็แทบจะกินนอนในห้องสมุดและห้องทำงานของตัวเอง จนผมทนไม่ได้ต้องคอยหอบน้ำหอบข้าวไปบังคับให้วากิน แต่ถ้าวามีเวลาก็จะเป็นวาที่มาคอยจ้ำจี้จ้ำไชให้ผมกินข้าวอาบน้ำนอนแทน
"แล้วจะน้อยใจมั้ยเนี้ย" วาหันมาถามกึ่งล้อเลียนพาเอาผมเบะปากอย่างขัดใจ
"เห็นเอเป็นคนงี่เง่าหรอ"
"ใช่ นี้ไม่รู้ตัวหรอ"
"วาโย!" ยังมีหน้ามาทำทะเล้นใส่อีก เป็นแฟนกันแล้วนะเว้ย พูดจาเอาใจกันบ้างเดี๋ยวพ่องอนซะหรอก
" ขี้งอน ดื้อ พูดอะไรไม่ค่อยจะฟัง ชอบเถียง ชอบคิดมาก และ คิดไปเองด้วย" จัดมาเต็ม ตกลงผมมีอะไรดีบ้างมั้ยเนี้ย นี้นิสัยผมแย่ขนาดนี้เลยหรอ ชักรู้สึกตัว
"แล้วรำคาญปะ"
"บางที เวลาพูดแล้วเอไม่ฟัง แต่โดยรวมก็โอเค" วาโอบรอบคอผมให้เข้ามาใกล้กัน ผมจับมือวาที่พาดอยู่ที่ไหล่ผมแล้วเงยหน้าขึ้นไปถามกับคำตอบที่ไม่ค่อยจะโอเคสำหรับผม
"หมายความว่าไง โอเค"
"ก็ชอบไปแล้วนิ่ ทั้งหมดที่เป็นเอ ขี้อ้อน ยิ้มง่าย ร่าเริง โกรธง่ายหายเร็ว ใจดี ห่วงความรู้สึกคนอื่นมากกว่าตัวเอง"
"อย่าลืมละกัน เอทดไว้ในใจอยู่นะ จำแม่นนะ ซื้อสิ้นค้าแล้วไม่มีส่งคืนนะ โอ้ย วาโย" เอามือลูบหน้าผากตัวเองปอยๆเมื่อคนตัวสูงกว่าเอามือมาดีดหน้าผากเบาๆอย่างตั้งใจ ทุกทีอะ เอ่ะอ่ะดีดหน้าผากกันตลอด
"ไม่คืนหรอก กว่าจะได้มาจองไว้ตั้งนาน"
เดินมากันจนถึงร้านอาหารสีขาวที่ตั้งอยู่ริมทะเล ดูจากสถานที่แล้วท่าจะแพงหน้าดู เดินเข้าไปนั่งด้านนอกที่ติดกับทะเล ลูกค้ามีอยู่ไม่กี่โต๊ะเพราะเลยเวลาอาหารกลางวันไปมากโข เมื่อเช้ากินไปแซนวิซบนรถกับนมอย่างเดียวเอง สั่งอาหารกันมาสามสี่อย่างโดยมีพระเอกเป็นกุ้งเผาของโปรดของผมเอง
"เปิดเทอมวันจันทร์นี้แล้วใช่มั้ย"
"ใช่ เบื่อว่ะ เข้าสู่เทศกาลรับน้องอีกละต้องไปนั่งเป็นทวดรหัส ทวดเลยนะ แก่วะ"
"หึหึ เดี๋ยววันพุธจะเข้าไปแถวมหาลัยเหมือนกันจะไปเอาชุดครุย"
"รับครุยแล้วหรอ กี่โมงอะอยากเห็นวาลองชุด" นึกภาพวาใส่ชุดสีขาวคลุมด้วยครุยสีแดงคงดูดีมาก ไม่ได้การละมีเวลาอีกปี ผมจะต้องอัพกล้ามฟิตหุ่นให้ดีเท่าวาให้ได้ ปัญหาคือ ไม่อยากไปออกกำลังกับวาแล้วนะ เตะเป้าจนขาจะฉีกยังไม่ได้หุ่นแบบวาเลย
"คงจะเป็นช่วงบ่าย ลาที่ทำงานไปเดี๋ยวไว้โทรหา มีเรียนหรือเปล่า"
"ไม่รู้อะจำไม่ได้ เดี๋ยวไว้ถามภูมิ" อันที่จริงผมเป็นเด็กรักเรียนนะครับ แต่หน่วยความจำผมน้อยผมไม่เคยจำตารางตัวเองได้เลยให้ตายสิ อาศัยติดสอยเพื่อนตลอดเวลาเปลี่ยนคลาส นั่งคุยกันไปไม่นานอาหารก็มาวางเสิรฟ์จนครบ โดยที่วายังคงรักษาตำแหน่งแกะกุ้งของบ้านไว้อย่างเหนี่ยวแน่น
"กินมั้ย" ผมจิ้มกุ้งที่วาแกะมาวางไว้บนจานจนเต็ม เจ้าตัวยกมือให้เห็นว่าเลอะซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรจัดการจิ้มน้ำจิ้มและจ่อไปที่ปากวาอย่างรู้หน้าที่
นัยน์ตาพราวระยับของวามองมาที่ผมก่อนจะรับกุ้งตัวใหญ่เข้าปาก อา ไอ้บรรยากาศหวานๆ ละมุนๆรอบตัวนี้มันอะไรวะ ยิ่งวายิ้มทั้งตาทั้งปากแบบนี้พาลเอาไม่กล้าสบตา
"รู้ตัวมั้ยว่า เอหลบตาวาบ่อยขึ้น" วาถามเสียงนิ่งๆ ไม่ได้จริงจังเท่าไรแต่ก็รู้ว่าถามทุกครั้ง วาต้องการคำตอบทุกครั้ง
"รู้" รู้ตัวมาหลายครั้งแล้วด้วย และผมก็คิดอยู่แล้วว่าวาต้องคิดว่าทำไมบางทีผมถึงไม่กล้าสบตาคมดุของเขาเหมือนแต่ก่อน
"ทำไมละ"
"ก็พยายามสบตาแล้วนะ แต่เขินอะ บางทีก็ทำตัวไม่ถูก ไม่เคยมีแฟนนี้หว่า อยากจะทำตัวเป็นปกติเหมือนเดิมนะ แต่พอมองหน้าวาแล้วใจมันสั่นอะ แบบบางทีก็ไม่รู้จะเอาตาไปหยุดที่ตรงไหน มือก็เหมือนหาที่วางไม่ถูก ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นเลย เหตุผลน่าขำป่ะ" พูดไปก็ทำตัวไม่ถูก ก้มหน้าเขี่ยข้าวในจานตัวเองและพูดสิ่งที่คิดออกมาจะหมด บางทีผมเองก็สงสัยระบบความคิดตัวเองว่าปากผมตรงกับใจมากเกินไปมั้ย คิดอะไรก็พูดออกมาหมดแบบนี้
"หึหึ ไม่หรอก ก็พอจะเข้าใจอยู่"
"เข้าใจว่า" เงยหน้ามองคนเข้าใจอาหารของผมก็เห็นวาจ้องมองมาราวเอ็นดู มือใหญ่เอื้อมมากุมมือผมให้เลิกเขี่ยข้าวเล่นก่อนจะกุมแน่นขึ้นกว่าเดิมเมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นจัดของมือผม
"เข้าใจว่าพอเอรู้สึกตัวว่าวาชอบ และ เราเป็นแฟนกัน ทุกครั้งที่เอมองวามันก็จะอดคิดบางอย่างไม่ได้ จากที่เคยมองวาแบบเพื่อน พอมาตอนนี้เอก็รู้สึกว่า วาไม่ใช่เพื่อนเออีกต่อไป ทุกการกระทำของวามันมากกว่าคำว่าหวังดี แต่มันมีคำว่ารักเข้ามารวมด้วย เอเลยไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงมากกว่า"
"ก็ไม่เชิงอะ อื้อ อธิบายไม่ถูก บางทีก็ลืมเขินนะ แต่แบบ...เนี้ย สายตาแบบนี้ รู้ตัวปะเดี๋ยวนี้ชอบมองเอด้วยสายตาแบบนี้ตลอด"
"แบบไหนครับ" อย่ามาพูดด้วยเสียงทุ้มอ่อนโยนแบบนี้นะ เบนสายตาไปยังท้องทะเลด้านข้างก่อนจะสัมผัสถึงแรงบีบที่มืออย่างดื้อดึงให้มองตากันของวา
"ก็มองแบบที่ชอบทำให้เอรู้สึก....รู้สึกว่าตัวเองโคตรเป็นที่รักเลย"
"ถ้างั้นเอต้องรีบชินซะนะ เพราะวาก็จะมองเอแบบนี้ไปเรื่อยๆ ในที่สุดความรู้สึกของวาที่เก็บเอาไว้ก็ส่งถึงเอแล้ว เพราะฉะนั้นวาจะไม่เก็บความรู้สึกที่วามีกับเออีกต่อไป"
"รอมานานมั้ย"
"หืม"
"รอคำว่ารักจากเอ มานานหรือยัง"
"นาน แต่...เพราะเป็นเอถึงได้รอ"
"ขอบคุณที่รอ"
"ขอบคุณที่ทำให้วาไม่เสียดายที่รอ"
ทานเข้าเสร็จก็เดินกลับมาที่ห้องพักกะว่ารอแดดร่มกว่านี้จะลงไปเล่นน้ำทะเล เรื่องครีมกันแดดไม่ต้องห่วง โดนบังคับให้ทาตั้งแต่ก่อนเปลี่ยนเสื้อแล้วครับ ผมเปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดคอวีตัวนิ่มสีฟ้าและกางเกงขาสั้นสีเข้มก่อนจะหันไปมองวาที่เพิ่งเปลี่ยนชุดออกมาจากห้องน้ำ ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแบบพอดีตัวของวาเข้ากับเสื้อยืดคอวีสีดำเข้มและกางเกงขาสั้นราวกับมันถูกตัดมาให้เข้ากับวาจริงๆ ทั้งที่ก็ใส่คล้ายกับผมแต่ทำไมมันออกมาต่างกันขนาดนี้นะ สงสัยต้องออกกำลังกายอย่างจริงจังละ เอรัณ
แชะ!
เสียงกล้องถ่ายรูปดังขึ้นด้านหลังให้ผมหันไปมองก็เห็นวาจรดกล้องแนบดวงตาและกดถ่ายภาพเบื้องหน้าเอาไว้ โดยไม่บอกก็รู้ว่าภาพผมแน่นอน
"ไม่บอกก่อนว่าจะถ่ายยังไม่ได้เก็กเลย"
"เอาไหนยิ้มซิ"
"ยิ้มมม" ผมพูดยิ้มตามแล้วฉีกยิ้มใส่กล้องจนวายิ้มขำกับใบหน้าที่ยิ้มจนเกินงามของผม วาลงมานั่งข้างกันที่ริมระเบียงก่อนจะหันกล้องมาที่ตัวเองโดยผมก็ขยับเข้าไปจนแก้มชิดกับวาเพื่อให้ถ่ายได้ถนัดขึ้น
"ไหนดูรูปหน่อย" แบมือขอกล้องจากวาและกดไล่ดูรูปต่างๆที่อยู่ไหนกล้อง อยากจะกดลบอยู่หลายภาพแต่วาดึงออกไปซะก่อน ให้มันได้แบบนี้ซิ เกิดมาไม่ขึ้นกล้องต้องทำใจ
"จะลบทำไม"
"น่าเกลียดอะ หน้าผากปาไปสองส่วนสี่ของรูป"
"ฮาๆๆๆ กลัวเถิกหรอ"
"ปมด้อยเหอะ เฮียเอก กับ พี่เฟิร์สก็หน้าผากกว้าง ทำไมไม่เห็นดูแย่เหมือนเอ"
"แย่ตรงไหน น่ารักออก"
"แย่ตรงน่ารักเนี้ยแหละ"
วาไม่สนใจคำบ่นแล้วกดถ่ายรูปเราสองคนต่อ ถ่ายไปสองสามภาพก็หยุดและวางกล้องเอาไว้บนโต๊ะด้านข้างเช่นเดิม
"เล่นน้ำในสระก่อนมั้ยค่อยเล่นน้ำทะเล" วาจับเส้นผมด้านหน้าของผมขึ้นติดกิ๊บให้เรียบร้อย ตอนนี้ผมกำลังเลี้ยงผมให้ยาวใหม่และตัดทีเดียว
"เล่น เฮ้ย!!!" สัมผัสเย็นสดชื่นแล่นจี้ดทั่วร่างกาย ดันตัวเองขึ้นจากผมน้ำก็เห็นมือดีที่ผลักผมลงมาหัวเราะตัวแห้งอยู่ด้านบน
"ถ้าวันหลังมีคำตอบอยู่แล้วก็ไม่ต้องถาม" เอามือปาดน้ำออกจากใบหน้าแล้วมองคนตัวใหญ่ยิ้มร่ามองมาพร้อมกดถ่ายรูปราวกับเตรียมรอถ่ายเอาไว้อยู่แล้ว
"อย่าสาดน้ำนะเอ เดี่ยวกล้องเปียก"
"ห่วงจังเนี้ยกล้อง วางและลงมาเล่นด้วยกันเลยครับวาโย" สั่งเสียงเข้มจนวายกมือยอมแพ้และเอากล้องไปเก็บไว้ที่กระเป๋าก่อนจะเดินลงมาในสระน้ำที่ผมลอยอืดรออยู่ พอเห็นวาลงมาก็โหมตัวเข้าใส่วาจากด้านหลังเอามือกดหัววาลงไปในน้ำเอาเอาคืนโดยเจ้าตัวพยายามขืนแรงผมไว้และดันตัวผมให้ออกไปจากหลังตัวเองอย่างสุดกำลังแต่จุดนี้ เอรัณมือกาวไม่หลุดง่ายๆหรอกนะวาโย
"ยอมยัง ยอมยัง" เกาะหลังวาล็อคคอไม่ปล่อย จนวายืนเต็มความสูงหายใจเอาอากาศเข้าปอดก่อนจะพยายามดึงมือผมออกจากหลังตัวเองอีกครั้ง
"ไม่ยอม"
"ไม่ยอมก็ไม่ปล่อย"
"ปล่อยน้องเอ อย่าหาว่าไม่เตือน"
"ไม่ปล่อยจะทำอะไรกูได้ครับวาโย" เอาคางเกยบ่ายื่นหน้าไปยิ้มยียวนใส่วาก่อนจะร้องเหวอย่างตกใจเมื่อวาทิ้งตัวเองลงไปใต้น้ำโดยไม่บอกก่อนพาเอาผมตกใจปล่อยมืออกจากไหล่วาโดยอันโนมัติและว่ายน้ำดันตัวเองขึ้นด้านบนก่อนจะโดนรั้งแขนเอาไว้จากอีกคนที่อยู่ใต้น้ำเช่นกัน
พยายามเอามือดันร่างแกร่งของวาออกแต่กลายเป็นถูกยึดแขนและดึงเข้ามาแนบชิดกันพร้อมริมฝีปากที่บนขยี้ลงมาโดยไม่ได้ตั้งตัว เรียวลิ้นของวาเข้ามาภายในปากผมอย่างชำนาญ กวาดไล้ไปทั่วก่อนจะแลกเปลี่ยนอากาศหายใจใต้น้ำเมื่อผมเริ่มทุบอกวาอย่างขาดอากาศหายใจ วาดึงตัวผมขึ้นจากใต้น้ำ เสียงหอบหายใจของเราสองคนดังสลับกับเสียงคลื่นและเสียงลมที่พัดอยู่รอบๆตัว ผมเงยหน้ามองวาที่ยังคงโอบรอบเอวผมไว้ไม่ปล่อย
"วา"
"หื้ม"
"คอรีนเต็มปากเลยอะ"
To be con
- Blue Talk -
ตัดจบได้แบบสมเป็นน้องเอมาก แต่มันใช่เวลาพูดแบบนี้มั้ยอีหนู แต่งตอนนี้ไปรู้สึกเหมือนคนกำลังอินเลิฟยังไงไม่รู้ มันหวานซะทะเลไม่เค็มอีกต่อไป แต่น้องเอยังอุสาห์สัมผัสความฟาดของคอรีนได้นี้คือเรื่องจริง เง้อ .... สถานที่ที่วาพามานี้เหมาะแก่การเสียตัวจริงๆ น่าคิดๆ ฮาๆๆ เจอกันตอนหน้าจ้า