Special Hour 2 # Little secret (VAYO)
"อืม...ไปไหนอะ" ผมหันตัวไปตามเสียงเรียกหลังจากขยับตัวลุกเพียงเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะจุดยิ้มที่มุมปากเมื่อตัวคนถามนั้นเอื้อมมือมาจับข้อมือผมไว้ไม่ปล่อยทั้งที่เจ้าตัวนั้นยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมาซักนิด
"จะไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ เหงื่อเต็วตัวนอนไม่สบายหรอก อย่าเพิ่งหลับนะเอกินยาก่อน" ลูบหัวคนขี้อ้อนก่อนจะลุกไปหยิบยาลดไข้ที่เตรียมเอาไว้ ยังนึกขำตัวเองอยู่ในใจว่าถึงก่อนหน้านี้ปากจะบอกว่าถ้าเอไม่พร้อมเขาจะไม่ทำ แต่ในใจลึกๆก็รู้ว่าถ้าเขาพูดออกไปแบบนี้ เอจะยอม บางทีผมอาจจะเป็นคนที่หากำไรจากความขี้ใจอ่อนของเอได้เยอะที่สุด
ก่อนที่จะมานี้ผมได้คุยกับคนที่อยู่ญี่ปุ่น ถามในคำถามที่ตัวเองยังเกรงใจที่จะเอ่ยเพราะกลัวปฏิกิริยาของอีกฝ่ายพอตัว หลังจากกลั้นใจรอคำตอบก็ได้ยินเสียงถอนหายใจก่อนจะพูดคำแรกออกมาจากปลายสาย
'ดูแลกันดีๆนะ' เพียงแค่นี้ก็เข้าใจแล้วว่าตัวผมได้รับความไว้วางใจจากคนรอบตัวเอขนาดไหน ก่อนจะจดสิ่งที่ฝ่ายตรงข้างบอกว่าต้องทำยังไงบ้างเพื่อให้เอไม่ป่วยหลังจากคืนแรก
คิดแล้วก็น่าตลกทั้งที่ผมไม่เคยจะใส่ใจเรื่องพวกนี้มาก่อน ทั้งที่แต่ก่อนการเป็นคนแรกคนใครบางคนก็ทำมาแล้ว ไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้สนใจ ไม่ได้เป็นคนดีอะไรจนถึงขึ้นต้องเป็นห่วง บางคนที่เชี่ยวมากหลังจากจบกิจกรรก็กลับห้อง ไม่มีอ้อมกอด หรือ รอยจูบ แม้แต่ชื่อก็ไม่ได้ถาม แต่กับเอนั้นไม่ใช่ แตกต่างจากคนอื่นยังไงเขารู้อยู่แก่ใจ หลังจากที่เคยเอ่ยปากบอกเอไปถึงเรื่องความรักครั้งแรกของผม ความรักที่ผมคิดว่าใช่หากแต่กลับยอมแพ้ง่ายๆ เพียงถ้าเอไม่ต้องการ
'ถ้าการที่วารักพี่เฟิร์สทำให้เอไม่สบายใจหรือรับไม่ได้ วาจะไม่รักพี่เฟิร์สก็ได้นะ'
ยังจำคำพูดของตัวเองได้ดี ในตอนนั้นจำได้ว่า ความรู้ของการที่โดนเอหนีหน้า ไม่ใส่ใจหรือไม่สนใจกันมันเจ็บเสียยิ่งกว่าการยอมแพ้ในความรัก ทั้งที่ในตอนนั้นมั่นใจว่ากับพี่เฟิร์สมันคือความรัก แต่หลังจากได้สารภาพออกไป พี่เฟิร์สเพียงแค่ยิ้มบางๆมาให้พร้อมลูบหัว มือพี่เฟิร์สเรียวยาว และ เย็นเสมอ แต่สำหรับผมมันสร้างความอุ่นใจให้ตลอดมา
'วาไม่ได้รักพี่หรอก' เป็นคำปฏิเสธที่ดูใจร้ายแต่เหตุผลที่ตามมาเหมือนกับสายลมเย็นๆที่พัดเอาความสับสนในใจออกไป
'เพราะถ้าหากวารักพี่จริง จิตใจวาคงไม่ว้าวุ่นกับน้องเอที่รอวาอยู่ข้างนอกหรอก...จริงมั้ย' รอยยิ้มของพี่เฟิร์สในวันนั้นยังจำได้ดี รู้ทันและเข้าใจ
"เอ กินยาก่อน" สะกิดคนตัวเล็กที่เผลอหลับไปแล้ว ผิวเนียนที่โผล่ออกมาจากผ้าห่มเต็มไปด้วยรอยสีกุหลาบที่เขาเป็นคนฝากเอาไว้ มันยากที่จะห้ามใจในการแสดงความเป็นเจ้าของ เอชอบบอกว่าผมเป็นคนขี้หวง ซึ่งผมก็ไม่เถียงเพราะมีเพียงไม่กี่อย่าง ไม่กี่อย่างจริงๆที่เรียกได้ว่าเป็นของผม แม้แต่ครอบครัวแท้ๆ ยังไม่ใช่ของผมเลย แล้วจะผิดอะไรเมื่อของที่เป็นของๆผม
ผมจะหวงไม่ได้
"อืม" เอครางเบาๆในลำคอก่อนจะลืมตามองมาอย่างอ่อนเพลียที่เห็นแล้วกลับยิ่งปลุกอารมณ์ที่เพิ่งดับไปให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง วางยาลงบนมือเอก่อนจะส่งน้ำให้ เจ้าตัวรับไปกินอย่างว่าง่ายก่อนจะล้มตัวลงนอน
เกลี่ยผมที่ปรกหน้าเอออกเบาๆก่อนจะลากผ้าชุบน้ำอุ่นไปตามเนื้อตัวของเอ เช็ดทำความสะอาดจนมั่นใจว่านิทราในคืนนี้ของเอจะไม่มีอะไรมารบกวนก่อนจะใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ให้คนขี้อ้อนและทิ้งตัวลงนอนข้างๆกัน
วันจันทร์เอก็เปิดเทอมส่วนเขาก็เริ่มงานแรก คงไม่มีเวลาดูแลเอเท่าเหมือนก่อน ดูแล ในหลายๆความหมาย คิดแล้วก็อยากรู้ว่าถ้าคนข้างๆรู้ว่าที่ผ่านมาเขากันท่าคนรอบข้างเอยังไงบ้างจะเป็นยังไงนะ ยิ่งเทศกาลรับน้องปีที่แล้วเออยู่ในกลุ่มพี่ว้ากที่เจ้าตัวติดสอยหอยตามฟากัสที่เป็นเฮดไปอย่างงงๆ และก็เป็นเหมือนทุกปีที่จะมีเด็กปี 1 ถูกใจในตัวเอ เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองนั้นมีใครหลายคนหมายปองอยู่ ทั้งจากคนใกล้ชิดและคนไกล ความขี้เล่น ขี้อ้อน สดใจส ยิ้มง่ายของเอมันทำให้ใครหลายคนหลงไหลโดยไม่รู้ตัว
เอไม่ใช่คนที่หน้าตาดีจัดอย่างใครๆ แต่ใครก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเอมีสเนห์ ทุกครั้งที่เอยิ้มหรือหัวเราะ คือทุกครั้งที่ผมจะเห็นคนบางคนหยุดมองอย่างไม่ถอนสายตา ผมมองคนๆนั้นจนเจ้าตัวรู้สึกและหยุดสายตามาที่ผม จ้องมองอยู่ไม่นานก่อนที่ผมจะเหยียดยิ้มมุมปากเมื่อเอหันไปคุยกับฟากัส
'อย่ายุ่ง' คือคำสั้นๆที่ผมพูดกับคนๆนั้น
"พี่วาเป็นแฟนพี่เอหรอครับ" คำถามที่ดังขึ้นข้างหลังเมื่อเอขึ้นไปเรียนและผมกำลังเดินไปห้องสมุด ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร
"แล้วคิดว่ายังไง"
"พี่เอยังไม่มีแฟน...ผมชอบพี่เอ"
"แล้วคุณจะมาบอกผมทำไม"
"ผมจะจีบพี่เอ"
"ผมก็ไม่ได้ห้ามอะไรคุณ....แต่ผมเตือนคุณแล้ว" และการเตือนของผมก็ดูจะใจร้ายไม่เบา ถึงแม้จะไม่ได้ใช้วิธีที่โหดร้ายอะไร แต่การย้ำเตือนสถานะของอีกคนให้รู้ว่าตัวเองนั้นไม่มีอิทธิพลใดๆเลยต่อความรู้สึกของคนที่เขารักมันก็มากพอที่จะทำให้เขาถอยออกไป ยอมแพ้ ง่ายดาย และอย่างนี้จะให้ผมปล่อยเอไปได้ไง ในเมื่อไม่มีใครที่จะรักเอได้เท่าที่ผมรัก
ตื่นมาตอนเช้าเพราะอาการขยุกขยิกของคนข้างตัว หันหน้าไปมองก็เห็นเอลืมตามองมาอยู่ก่อนแล้วก่อนจะทำหน้าแปลกๆเมื่อมองตากัน ใบหน้าขาวใสค่อยๆเปลี่ยนเป็นแดงเมื่อผมส่งยิ้มไปให้
"เป็นอะไรเอ หน้าแดงเชียวไม่สบายหรอ" กลั้นหัวเราะถามออกไปเพราะรู้ว่าที่เอหน้าแดงมันเป็นผลจากเรื่องเมื่อคืนต่างหาก
"อืม ไม่สบาย"
"อุสาห์ให้กินยาดักไว้แล้วนะเนี้ย ไหน" โน้มตัวลงเอาหน้าผากสัมผัสกับหน้าผากของเอ ใกล้กันจนสัมผัสได้ว่าเอกลั้นหายใจเอาไว้ ยกยิ้มมุมปากก่อนจะแสร้งขมวดคิ้วอย่างกังวล
"ตัวก็ไม่ร้อน ไปหาหมอมั้ยหรือตรงนั้นจะอักเสบ"
"พอๆ ไม่ต้องไปหาหมอ กะ กินยาเดี๋ยวก็หาย" เจ้าตัวดันหน้าผมออกไปไกลๆเมื่อมือผมเริ่มลูบสำรวจร่างกายเอไปมา
"แล้วลุกไปกินข้าวไหวมั้ย หรือจะสั่งรูมเซอวิสให้เขาเอาข้าวต้มมาให้"
"ไหวๆ" มองเอลุกขึ้นจากเตียงช้าๆก่อนจะซี้ดปากเบาๆจนผมอดเป็นกังวลไม่ได้ หรือเมื่อคืนจะรุนแรงไป
"เจ็บมากมั้ย"
"ถามมานิ้คิดว่ากูจะอายมั้ยครับวาโย"
"ก็เป็นห่วง เมื่อคืนวาว่าวาทำเบาๆแล้วนะ สงสัยต้องทำบ่อยๆจะได้ชินไม่เจ็บอีก"
"วาโย!!!"
"ฮาๆๆๆ ไปๆไปแปรงฟันไปครับ"
เข้าไปอุ้มเอขึ้นเมื่อเห็นท่าเดินของเจ้าตัวที่ดูแล้วขัดตาชอบกล และก็ได้ยินเสียงโวยวายกลับมาเหมือนที่คิดไว้
"อุ้มทำไม ปล่อยเลยไม่ใช่ผู้หญิงนะไม่ต้องดูแลขนาดนี้"
"วาก็ไม่ได้มองวาเอเป็นผู้หญิงซักหน่อย แค่เอเป็นคนที่วารัก และวาก็อยากดูแลคนรักของวาก็แค่นั้น" วางเอลงด้านข้างอ่างล่างหน้า เอื้อมมือกักเอเอาไว้ในวงแขน คนด้านหน้ากัดริมฝีปากก่อนจะเบนสายตาหนีไปอย่างเขินอาย ถึงจะน่ารักแต่ผมก็ไม่ชอบเท่าไรเวลาที่เอหลบตาผม เพราะถึงผมภายนอกจะดูเป็นคนมั่นใจในตัวเองขนาดไหนแต่ลึกๆแล้วผมกลัวการถูกทำเหมือนไม่มีตัวตนเหมือนที่ผมโดนครอบครัวปฏิเสธการมีตัวตนของผมมาตลอด
เอื้อมมือไปเปิดน้ำและลูบน้ำเบาๆไปที่หน้าเอโดยเจ้าตัวได้แต่หลับตาแต่ไม่ขัดขืนอะไร จับผมที่ปรกหน้าเอขึ้นมัดเป็นจุกเผยให้เห็นดวงหน้าเรียวของเข้าตัว เอเป็นคนตัวเล็กถ้าเทียบกับผมและเพื่อนๆของเจ้าตัว ผิวขาวๆอย่างคนเหนือ ดวงตากลมโตที่เจ้าตัวชอบบอกว่าตาเล็กแต่นั้นเป็นเพราะดันเอาไปเทียบกับพี่ชายคนรองเสียมากกว่า หน้าผากได้รูปรับกับคิ้วและจมูกอย่างลงตัว ให้มองยังไงเอก็เป็นคนที่น่ารักมากคนหนึ่ง
ผมบีบโฟมล้างหน้าลงบนมือก่อนจะลูบไปที่ใบหน้าของเอ โดยที่เจ้าตัวเหมือนจะผ่อนคลายลงและฮึมเพลงเบาๆ ปล่อยตัวให้เอลงมาจากขอบอ่างให้เจ้าตัวล้างโฟมออก ก่อนจะส่งแปรงสีฟันไปให้ ผมเขยิ่บตัวเข้าไปไปล้างหน้าแปรงฟันตัวเองบ้าง และเมื่อเงยหน้ามองกระจกก็เห็นเอมองมาอยู่ก่อนแล้วก่อนที่เจ้าตัวจะแก้เก้อด้วยการเบียดผมออกและบ้วนปาก
อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นหูของคนตรงหน้าแดง เอื้อมมือคล่อมเอไว้จากทางด้านหลังและก้มจูบลงไปยังหลังคอสวยของเอ สัมผัสได้ถึงแรงสะดุ้งอย่างตกใจของคนข้างหน้าแต่เอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่มองผมผ่านทางกระจกก่อนจะแย้มยิ้มอย่างเจ้าเลห์และหันหน้ามามองหน้าผมอย่างล้อเลียน
จะเล่นอะไรอีกละ
"กูน่ารักใช่ป่ะ มองแบบนี้"
"หลงตัวเอง"
"เอไม่ต้องหลงตัวเอง วาก็หลงเออยู่แล้วปะ"
"หึหึ"
"ได้หนูแล้วอย่าทิ้งหนูนะป๋า หนูอยากได้คอนโด รถยนต์ และ อยากไปเที่ยวญี่ปุ่น ฮาๆๆๆ" ปล่อยมือแล้วจีบปากจีบคอพูดแบบล้อเลียนก่อนจะหัวเราะออกเหมือนตลกตัวเองที่ผมเห็นแล้วหมั้นเขี้ยวชะมัด
เหมือนความคิดจะส่งผลถึงการกระทำผมเชยคางเอขึ้นมาก่อนจะกดริมฝีปากตัวเองลงบนกลีบปากแดงของเอ อาการเกร็งฝืนของเอออย่างตกใจแปลเปลี่ยนเป็นคล้อยตาม เอียงคอให้ผมสัมผัสได้ใกล้ขึ้นลึกล้ำกว่าเดิม สุดท้ายก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปกว่านี้ผมเป็นฝ่ายดึงตัวเองออกมาก่อนเอาคางเกยบ่าเอไว้ กอดแน่นไม่อยากปล่อย
"ถ้าไม่ติดว่าพรุ่งนี้เอมีเรียนนะ"
"ถึงไม่มีเรียนก็ไม่ได้ครับ เจ็บอยู่ครับ พอเลยครับ ไปๆหิวข้าว" เอดันตัวผมออกก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไปด้วยท่าเดินที่ดูขัดๆ บางทีก็ไม่อยากให้เอออกจากห้องไปด้วยสภาพนี้แต่คิดอีกทีก็ดี เพราะมันชัดเจนว่าเอเป็นอะไรกับผม
ระหว่างที่ทานอาหารกันผมเห็นผู้หญิงหลายคนมองมาที่ผมและเอ รวมถึงผู้หญิงผมบลอนเมื่อคืนนั้นด้วย ในครั้งแรกที่เธอเห็นผม เธอก็ส่งยิ้มมาให้ก่อนที่จะเดินไปนั่งลนโต๊ะที่มีเพื่อนของเธอกับผู้ชายอีกคนนั่งอยู่ เดาได้ไม่อยากว่าเป็นคนรักของเธอเพราะท่าทางไม่พอใจยามที่เห็นผู้หญิงของตัวเองส่งยิ้มให้ผู้ชายคนอื่น
ผมตักอาหารลงบนจานของเออย่างเคยชินก่อนจะดื่มกาแฟมองเอที่จัดการอาหารเช้ามือใหญ่
"เมื่อคืนเสียพลังไปเยอะละสิ กินใหญ่เขียว"
"อย่าแซวกันครับวาโย"
"หึหึ" หัวเราะเบาๆก่อนจะนั่งมองเอกินข้าวตรงหน้า พลางจิบโกโก้ไปเรื่อยๆไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ผมชอบนั่งมองเอทำนู้นทำนี้ ชอบมองเวลาเจ้าตัวทำสีหน้าที่หลากหลาย สุข เศร้า เหงา ดีใจ ทุกอย่างออกมาทางสีหน้าและแววตาของเอหมด อาจจะฟังแล้วดูเกินจริงแต่แค่ผมมองหน้าเอ มองว่าเอทำอะไร หรือ แม้กระทั้งตอนเอหลับ ผมก็อดที่จะยิ้มไม่ได้
"ขอโทษนะคะ" ผมเงยหน้าขึ้นไปมองคำเอ่ยทักภาษาอังกฤษจากหญิงสาวที่ส่งยิ้มให้ก่อนจะมองหน้าเอที่ขมวดคิ้วน้อยๆ
"ครับ"
"คุณสองคนเป็นแฟนกันใช่มั้ยคะ"
"ครับ"
"คุณรู้มั้ยว่าคุณเป็นคนที่น่าอิจฉามาก" ผู้หญิงคนนั้นหันไปพูดกับเอที่ทำหน้าไม่ถูกอยู่ ก่อนที่เอจะเอ่ยขอบคุณผู้หญิงคนนั้นไปเบาๆ
"คุณมีปัญหาอะไรกับแฟนคุณหรือเปล่าครับ" ผมเอ่ยถามเมื่อเห็นผู้ชายฝรั่งคนนั้นมองมาด้วยแววตาขุ่นเคือง
"บางที ถ้าเขาสนใจชั้นได้ซักครึ่งที่คุณสนใจแฟนคุณก็ดี "
"เมื่อนานมาแล้วผมเคยอ่านคำพูดหนึ่ง ที่ว่า 'ผู้ชาย คือคนที่ทำให้คนรักของเขาอิจฉาผู้หญิงคนอื่น ส่วน สุภาพบุรุษ คือคนที่ทำให้ผู้หญิงคนอื่นอิจฉาคนรักของเขา'...แต่ผมไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษอะไร และไม่อยากให้ใครมาอิจฉาคนรักของผมเพราะผมก็เป็นแค่ผู้ชาย ที่ไม่อยากทำให้คนรักของผมต้องไปอิจฉาใครเท่านั้นเอง"
"ถึงคุณจะพูดอย่างนั้น แต่ยังไงแฟนคุณก็น่าอิจฉาอยู่ดีฉันไม่รบกวนพวกคุณแล้วดีกว่า ยินดีที่ได้พบกันนะคะ" ผมไม่ได้สนใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะเดินไปทางไหนเพราะคนตรงหน้าผมนั้นดึงความสนใจของผมไปจนหมด
เอเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ก้มหน้าไม่พูดอะไรก่อนจะทำในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงคือการลุกขึ้นแล้วโน้มตัวผ่านโต๊ะเพื่อมอบสัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปาก ก่อนจะดึงตัวกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมนั่งเงียบไม่ได้เอ่ยถามหรือแซวอะไรออกไปกับสิ่งที่เอเพิ่งทำ เพราะอาการก้มหน้าชิดขอบแก้วที่ตัวเองยกขึ้นดื่มก็บ่งบอกได้ดีว่าเขินแค่ไหน
ถ้างั้นผมจะเก็บความลับนี้ไว้ในใจตัวเองอีกข้อละกันว่า จูบรสโกโก้ของเอ อร่อยกว่าที่เคยชิมอีก
End
Blue Talk
ตอนนี้ความรู้เหมือนเรื่อยๆมากเลย ความรู้สึกและบรรยากาศตอนเราแต่งมันแบบเรื่อยๆ ไม่ได้รุนแรงหรือเบาเกินไป ไม่มีรู้จะมองเข้าใจกันมั้ย แต่วาเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจอะไรรอบตัวเท่าไรนัก จะสนใจก็แค่คนที่แคร์ และเราว่าต้องมีคนเป็นแบบวา ที่ชอบมองคนรักของตัวเองทำนู้นทำนี้ มีความสุขกับแค่เห็นเขาทานเข้า ดูหนัง หัวเราะ หรือ ยามหลับ แต่คิดอีกที ยังไงก็อิจฉาเอรัณเสียจริง