Hour#9 -Bedroom-"แมร่ง ทำไมแม่กูไม่ส่งกูไปเลี้ยงควายแทนวะ"
เสียงโรยแรงของฟากัสดังขึ้นหลังจากเพิ่งสอบตัวสุดท้ายของเทอมนี้เสร็จ ตอนนี้ผมกับฟากัสและเพื่อนคนอื่นๆกำลังนั่งอยู่ตามระเบียงหน้าห้องสอบที่เรียกได้ว่า สะเทือนขวัญทุกย่างก้าวเพราะเป็นการสอบเดี่ยว ปากเปล่า รายบุคคลกับอาจารย์ผู้สอนคนละ 15นาที ถ้าตอบคำถามที่อาจารย์ถามได้ หรือ อธิบายโครงสร้าง หรือ งานดราฟผ่าน ก็ผ่านเลยครับ แต่ประเด็นคือต่อให้คุณมั่นใจแค่ไหนในเรื่องที่คุณรู้ แต่พอเข้าไปอยู่ในบรรยากาศตามองตา ห้องนี้มีเพียงเราสอง ในห้องสอบ ร้อยทั้งร้อยมันก็กดดันจนคิดคำตอบไม่ออกอยู่ดี
"ทำไมเมื่อกี้กูไม่ตอบแบบนี้ว่ะ แมร่ง ตอบไปได้ไงโง่ที่สุด" ผมเป็นคนแรกของกลุ่มสามคนที่สอบครับ ออกมาเจอเพื่อนร่วมเซคเลยนั่งถามว่าโดนถามอะไรกันไปบ้าง ถึงได้รู้ว่าแต่ละคนจะโดนคำถามเหมือนกันหนึ่งข้อ และคำถามที่คำตอบง่ายแสนง่าย แต่พอเอาเข้าจริงทุกคนเลือกคำตอบที่โง่แสนโง่กันหมด
"กูควรจะลาออกแล้วไปเลี้ยงควายจริงๆว่ะเอ อิตาลีมีนาให้กูเลี้ยงควายมั้ย"
"เอากูไปเลี้ยงควายด้วยนะกัส แมร่ง ม๊ากูจะรู้มั้ยว่า การศึกษาคือการลงทุน และการลงทุนคือความเสี่ยง แมร่งเอ้ย"
"เหนื่อยใจจริง กูเชื่อเลยว่าไอ้ภูมิมันต้องหน้าบานออกมา ท็อปเซคชัวร์"
"เออ หมั่นใส้คนฉลาดว่ะ เซคก็มีเรียนอยู่แค่15คน ถ้ามันจะมาทำมีนเซคให้สูงนะ กูจะฆ่าภูมิหมกท่อ"
"เออ ลงมือวันไหนบอกกูด้วย โว้ยยย!!" ฟากัสเอามือขยี้หัวไปมาอย่างคนจิตตก มันเป็นอาการปกติสิบนาทีแรกของคนที่เพิ่งออกมาจากห้องสอบครับ พอหลังจากนั้นจะเข้าสู่ช่วงปลง ทำใจ และ ช่างมันเหอะ ฮาๆๆ
"แล้วนี้กลับเลยมั้ยมึง" ผมถามฟากัสเมื่อเห็นว่านี้เพิ่งจะ 11 โมงเอง วิชานี้สอบกันตั้งแต่ 8โมงกว่า ตัดกำลังสุดๆ ความจริงเมื่อเช้าตอนผมออกมาจากห้องก็ลืมไลน์บอกวาว่าออกมาสอบแล้ว ว่าแล้วก็หยิบน้องกามาพิมไลน์บอกวาหน่อยดีกว่า จะตื่นยังวะเนี้ย วันนี้วามีสอบตอนบ่ายสองครับ เชื่อวาวันคงอ่านหนังสือแทบจะโต้รุ่งแน่
"ว่าจะกลับไปนอนวะ ตาจะปิดแล้วเนี้ย" ฟากัสหาวประกอบคำพูดว่ามันง่วงจริงๆ พาเอาผมอดหาวตามไม่ได้
"คงกลับไปนอนเหมือนกันว่ะ ง่วงชิบหายอะ ไปส่งกูที่คอนโดหน่อยดิ่"
"บอกไอ้ภูมิมัน รถมัน วันนี้กูมาพร้อมภูมิกะจะนอนมาในรถสบายๆ ให้มันขับให้ ที่ไหนได้แมร่งโยนกุญแจใส่หน้ากูแล้วนั่งข้างคนขับเฉย นี้กลายเป็นกูปั่นจักรยาน เพื่อมาขับรถให้ไอ้คุณชายหรือไงเนี้ย โอ้ย!"
"นินทากู สลัด!!"
"เชี้ยภูมิ ตบหัวกูนะมึง"
"ทำไม...แล้วเป็นไงเอ ตอบได้มั้ย"
"ได้ตอบมากกว่า อย่าไปพูดถึงมัน กูสะเทือนใจ" เห็นสีหน้าภูมิก็พอจะรู้แล้วความว่าไอ้นี้ เอ ลอยมาแน่ๆ ก้มลงตอบไลน์วา เมื่อวาถามว่าผมอยู่ไหน กินข้าวหรือยัง สำทับไปอีกทีว่า หิว ว. แหวนยาวๆ มันเพิ่งมาถึงมหาลัยครับ มาติวให้เพื่อนก่อนเข้าห้องสอบ ถ้ามึงสองคนแบ่งสมองมาให้กูคนละ 20%กูจะฉลาดกว่านี้มั้ย
เงยหน้ามองฟากัสกับภูมิเถียงกันไปมาเรื่องโดนตบหัวก็อดส่ายหัวไม่ได้ เถียงกันอย่างกับเด็ก ยิ่งมองที่ภูมิเอาเท้าเตะๆเก้าอี้ที่ฟากัสนั่งจนกัสมันลุกขึ้นแล้วภูมิก็ลงไปนั่งแทนก็ยิ่งขำ กัสมันก็บ่นของมันไปแต่ก็ยืนให้ภูมินั่งอยู่ดี ก็สมควรแล้วที่มันสองคนจะโดนจิ้นเหมือนผม
"ระวังโดนเอาไปฟินนะมึงว่า ฟากัสลุกให้ภูมินั่งด้วย ไรงี้" ผมแซวขำๆเมื่อเห็นกัสยืนเอาตัวพิงเบาๆเข้ากับเก้าอี้ที่ภูมินั่งแล้วก้มหน้าเถียงกันต่อ
ตั้งแต่คราวที่แล้วที่หย่อนระเบิดไปว่ามีคนจิ้นคู่กัสภูมิด้วย ก็เหมือนจะเป็นการจุดประกายให้เพื่อนผมไปตามหาข้อมูลดูว่าจิ้นจริงหรือเปล่า สุดท้ายก็ลงเอยที่ โดนจริง จิ้นจริง ฟินจริง ถึงแม้ว่าจะไม่ดังเท่าคู่ผมกับวา แต่ก็ถือว่าเป็นคู่ที่แฟนคลับฟินกันได้อยู่
"เอรัณ อย่าพูดแบบนี้ดิ่วะ ขนลุกเลยจิ้นกูกับมึงกูจะไม่ว่าเลยเอ มาจิ้นกูกับไอ้กัส ยี๊" ภูมิเอื้อมมือดันฟากัสออกแล้วลูบแขนตัวเองเหมือนขยะแขยง แต่ตาที่เงยหน้ามองฟากัสนี้มันออกแนวกวนๆมากกว่า
"โหย ไอ้นี้ เกินไป เกินไป แต่แมร่งก็จิ้นกันไปได้นะ กูเป็นผู้ชาย ชอบผู้หญิงครับ"
"เออ กูก็ผู้ชาย กูยังไม่อับจนหนทางจนต้องมาเอาไอ้กัสเป็นเมียหรอก"
"ได้ข่าวเขาจิ้นกันให้กูเป็นผัวมึงนะภูมิ"
"เรื่องแบบนี้ใครลีลาเด็ดคนนั้นได้เว้ย พรีมบอกเรื่องในจินตนาการกับเรื่องบนเตียงบางทีก็สวนทางกันได้"
"ห่า ถ้างั้นคู่เอวา ไอ้เอไม่รุกวาหรอวะ ไม่นะ กูทำใจไม่ได้ วามันโคตรเมะส่วนน้องเอออกจะเคะขนาดนี้" ฟากัสเดินมาเชยคางผมขึ้นแล้วจับหันซ้ายขวาเบาๆ ผมรีบปัดมือมันทิ้งทันที
"ไอ้นี้...อย่ามาพาดพิงกู เคะๆเมะๆอยู่ได้" ว่าแล้วว่าต้องโดน ช่วงเบี่ยงประเด็นไปไกลๆจากเรื่องวายๆซักวันได้มั้ยวะ
"คู่นี้กูว่ามันตายตัว ตายรัง ตั้งแต่แรกละ ส่วนเรื่องลีลา รู้ๆอยู่ว่าน้องเอของพวกเรา ใสๆ"
"เออ ใสมาก กูก็รออยู่แค่เมื่อไรมันจะ แช่แว๊บ กันซักที" ฟากัสยกมือชูสองนิ้วเป็นกรรไกร ขยับขึ้นลงประกอบศัพท์ใหม่ตัวเอง
"แช่แว๊บ สลัดนี้ก็คิดคำใหม่ได้ตลอดนะ มึงกับภูมิระวังดีๆเลย อย่าให้กูชงเดี๋ยจะยาว"
"ชงเลย ใครกลัว ชงแล้วผู้หญิงหันมาสนใจกูเยอะขึ้น ฟากัสโอเค"
"กูไม่โอเค แมร่ง แค่กูมีน้องเป็นสาววายอยู่ที่บ้านประสาทก็จะกินตายอยู่แล้วเวลาเข้าห้องมันเห็นมันดูการ์ตูนเกย์ หนังเกย์อยู่ หนักๆมีการชวนกูไปนั่งดูด้วย ไม่ไหว อีกอย่างในสายตากูนะ ถ้าโดนจิ้นให้เป็นแฟนกับเอ กูยังยืนยันว่ากูรับได้มากกว่าได้กับผู้ชายตัวสูงร่างควายแบบมึงว่ะ กัส" ภูมิทำหน้าเอียนใส่
อันที่จริงภูมิก็หน้าเห็นใจนะครับเพราะน้องพรีมเรียกได้ว่าไม่มีการปิดบังรสนิยมความชอบของตัวเองเลย บางทีก็เห็นการ์ตูนวายวางอยู่ตรงโต๊ะหน้าทีวีกลางบ้านด้วยซ้ำ เคยถามภูมิว่าพ่อแม่มันรู้มั้ยว่าลูกสาวเป็นแบบนี้ ภูมิก็แค่กรอกตาแล้วบอกว่า
'แม่กูเป็นคนออกเงินค่าสื่อวายให้พรีม' โอเค ชัดเจน
" จิ้นมึงกับเอ ไม่กลัวไอ้วามันมาแหกอกหรอนั้น มันเลี้ยงของมันมา" พูดแปลกๆล่ะฟากัส ม๊ากูหรอกที่เลี้ยงกูเฮียเอกด้วย
"กลัวทำไม น้องเอเป็นของกูหรอกรักแท้แพ้ใกล้ชิด เน้อ" ภูมิคว้าคอผมมากอดและลูบหัวผมไปมา อย่ามองว่าซีนนี้มันโรแมนซ์เพราะคำว่าลูบหัวของภูมิ มันคือขยี้ผมให้เสียทรงมากกว่า
"เออ ไม่กลัวๆ ดูโน้น พ่อมันดินหล่อมาแล้วนั้น" สะบัดตัวเองออกจากไหล่ของภูมิหันไปเห็นวาเดินหน้านิ่งตามนิสัยมาพร้อมถุงเซเว่นในมือ
"ไงพวกมึงสอบเสร็จแล้วหรอ" วาเดินมาหยุดตรงหน้าผมยื่นถุงเซเว่นที่มีขนมปังหมูหยองกับน้ำเปล่า
"เสร็จแล้ว แต้งกิ้วมึง กินข้าวยัง" ยิ้มตาปิดให้วาก่อนจะลุกขึ้นให้วานั่งแทนที่ แต่พอวานั่งผมก็ถูกวาดึงให้มันนั่งตักมันอีกที พอนั่งได้ที่ก็ก้มหน้าก้มตาแกะขนมปัง ตื่นมาก็เข้าห้องสอบเลยหิวจะตายแล้ว
"กินแล้ว"
"ไม่ให้กูนั่งตักมึงแบบไอ้วาบ้างวะ" ฟากัสกระเซ้าพลางส่งสายตาล้อเลียนมาที่ผมกับวา แต่ผมก็หยักไหล่แบบไม่แคร์ วาก็หัวเราะในลำคอเฉยๆ เพื่อนในเซคผมจะชินตากับการที่วามาป้วนเปี้ยนๆรอบๆตัวผมในคณะ เพราะบางทีเวลากระดาษหมด ไม้ขาด กาวสองหน้าไม่มี ก็ได้วาที่คอยเดินไปซื้อมาให้
"กูไม่ใช่วาและมึงไม่ใช่เอ แค่นี้พอจะเป็นเหตุผลที่กูจะไม่ให้มึงมานั่งตักแบบวาได้ยัง"
"ชัดเจน ฮาๆๆ สอบกี่โมง วา"
"บ่ายสอง เอาขนมมาให้เหม่งกินกันตาย แล้วจะไปที่ห้องติวละ"
"วันนี้ตัวสุดท้ายยัง"
ขยับตัวนั่งดีๆเมื่อวากระชับแขนที่โอบรอบเอวผมเบาๆ ตัวผมก็ไม่เบานะ ต้องจัดท่าให้ถ่ายเทน้ำหนักให้ทั่ว ถามว่าถ้าลุก วาจะสบายกว่ามั้ย เรื่องอะไรจะลุกให้มันนั่งสบายคนเดียว
"ยังเลยภูมิ เหลืออีกตัววันพรุ่งนี้"
"เรียนจบแล้ว...วาโยเรียนจบแล้ว" ผมพูดอย่างอดอิจฉาวาไม่ได้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นอาจารย์เดินออกมาจากห้องสอบเมื่อสอบเพื่อนคนสุดท้ายเสร็จ อาจารย์ออกมาพูดเกี่ยวกับโปรเจคจบหนิดหน่อยว่าปิดเทอมนี้ก็ให้ไปคิดกันมาได้แล้ว ใครที่ยังไม่ฝึกงานก็เร่งไปฝึกกันซะ สวัสดีอาจารย์กันแล้วเดินลงจากตึกเพื่อกลับบ้าน
"กลับยังไงเนี้ย ขับรถวากลับมั้ย"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวภูมิไปส่ง"
"กูรับรู้ตอนไหนวะ แต่ได้เดี๋ยวไปส่ง กัสแวะคอนโดเอด้วย"
"แมร่ง สั่งอย่างกับกูเป็นคนขับรถ"
"ก็ใช่ไง มึงเป็นคนขับรถ"
"ขากลับยังจะให้กุขับอีกหรอ คุณชายเกินไปแล้ว ง่อยแดกยัง เชี้ยภูมิ"
"มึงเป็นเพื่อนกู ไม่ใช่กาฝาก รถก็รถกู น้ำมันก็ตังค์กู ข้าวบ้านกูอีก อย่าให้กูคิดบุญคุณมึงนะ" แล้วภูมิกับฟากัสก็เถียงกันไปถึงค่าข้าวค่าอาหารที่ฟากัสชอบไปเกาะบ้านภูมิกินบ่อยๆว่าแม่มันก็ให้เงินค่ากับข้าวกับแม่ภูมิเหอะ
"เป็นอันว่าเดี๋ยวเอกลับกับพวกมัน มึงก็เอารถไว้ใช้ตามปกติอะ"
"อืม แล้วตอนเย็นกินอะไรมั้ย เดี๋ยวแวะซื้อเข้าไป"
"อยากกินทับทิมกรอบอะ" เงยหน้าบอกวาไป อยากกินมานานละ ทับทิบกรอบแต่ขี้เกียจไปซื้อเพราะมันหาที่จอดรถยาก
"กินแต่ขนมนะ เอ้า ตาจะปิดแล้วนะมึงกลับไปนอนไป ไปละเจอกันตอนเย็นเดี๋ยวไปหาที่ห้อง"
"เออ บาย โชคดีเว้ย" ตบไหล่วาเบาๆไปสองที ตาปรือ การตอบสนองเริ่มช้าลง ง่วงนอนเต็มที่ ตื่นเจ็ดโมง มันไม่ใช่เวลาที่คนจะตื่นเปล่าครับ หรือผมคิดไปเอง
"อืม...ภูมิกัส ฝากเอด้วย"
"เออ ไว้เจอกันมึง" ภูมิ ฟากัส โบกมือให้วาแล้วปลดล็อคกุญแจรถ ผมเปิดแล้วคลานไปนั่งหลังรถตามหน้าที่ นั่งไปไม่นานก็ถึงคอนโด ขอบใจมันสองคน แล้วเดินขึ้นห้องไปนอนทันที
"เอ ตื่นได้แล้ว"
"อืม" รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงคุ้นๆจากที่ไหนไม่รู้ไกลๆ ความรู้สึกเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น สัมผัสบางเบาบริเวณศรีษะสร้างความผ่อนคลายให้หลับฝันต่อจริงๆ
"เอ ได้ยินมั้ย ตื่นได้แล้ว"
"ไม่เอา ขออีกห้านาที" สติเริ่มกลับมาทีละนิด รู้สึกได้ว่าวาคงกลับมาจากมหาลัยแล้วและคงมาปลุกไม่ให้ผมนอนทับตะวันอีกแน่
"ไม่ได้ ลุกไปล้างหน้าแล้วมากินข้าว"
"ยังไม่หิวเลย" หงายตัวมองหน้าวาชัดๆ วานั่งอยู่ข้างเตียงฝั่งซ้ายของผม เอามือลูบไปมาตามหน้าผากและข้างแก้มผมเบาๆ
"ไม่หิวก็ต้องลุก เดี๋ยวคืนนี้ก็นอนไม่หลับหรอก"
"อื้ม" เอามือปิดหน้าตัวเองอย่างเกียจคล้านแล้วลุกขึ้งนั่งเอาหัวซบไหล่วา
"หึหึ ทำอะไรน้องเอ"
"อ้อน" เงยหน้าเอาคางเกยไหล่วาก่อนจะเอียงคอตอบไป
"ถึงอ้อนก็นอนต่อไม่ได้ ลุกเลย"
"เผด็จการ"
"ขอบคุณที่ชม" วาลุกขึ้นแล้วฉุดผมให้ลุกออกจากเตียง แต่ผมกลับทิ้งตัวลงนอนแล้วฉุดวาลงมาด้วยกัน อาจเป็นเพราะวาไม่ทันตั้งตัว ทำให้ต้านแรงผมไม่ทันวาเลยลงมานอนทับตัวผมอยู่บนเตียงอีกที
"ฮ่าๆๆ วาง่วงหรอ อยากนอนซินะ มาๆ เอแบ่งที่ให้นอนน้า"
"เล่นแบบนี้ใช่มั้ย เอ" วายันตัวขึ้นคล่อมผม ใกล้กันจนเห็นแววตาของวาชัดเจน ใกล้จนผมอดใจไม่ให้ยกมือขึ้นสัมผัสหน้าของวาไม่ได้
ดวงตาคมกริบติดดุของวา หากมองกันดีๆแล้วจะเห็นว่า แววตาของวาที่ใครก็ว่าดุนั้น แท้จริงซ่อนเร้นควาอบอุ่นเอาไว้ต่างหาก โครงหน้าได้รูปรับกับจมูกที่โด่งจนน่าอิจฉา ริมฝีปากที่มักเรียบเป็นเส้นตรง แต่เวลาอยู่กลับผม ริมฝีปากนี้มักขยับขึ้นเป็นรอยยิ้มแบบที่ผมชอบมอง
ผมชอบให้วายิ้ม ชอบให้วามีความสุข
"ลูบหน้าวาทำไม" วาจับมือข้าวขวาของผมที่แนบแก้มตัวเองอยู่ พลางพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
"หวงหรอ จับไม่ได้หรอ"
"จับได้ ทำไม วาหล่อละซิ"
"มั่นใจในตัวเองขนาดนั้นเชียว" ตอบยิ้มๆกลับไป
" แน่นอน เพราะอยู่กับเอทีไร วาหล่อทุกที"
"ฮึ้ย! เออหล่อ หล่อที่สุดอะ สาวๆหนุ่มๆติดตรึมอยู่แล้วนิ่" เอามือดันหน้าวาออกไปให้พ้นสายตา วาหัวเราะเบาๆในลำคอก่อนจะเอนตัวนอนข้างๆกัน
เราสองคนนอนนิ่งเงียบข้างกันอยู่แบบนั้นซักพัก ในหัวผมกำลังคิดถึงสิ่งที่ค้างคาจิตใจมาตลอด วาเรียนจบแล้ว และจะกลับไปที่เชียงใหม่เลยมั้ย แล้วต่อไปถ้าวามีงานทำ เราจะห่างกันหรือเปล่า จะมีเวลามาเจอมาคุยกันแบบนี้มั้ย
"เอ" ผมหันไปตามเสียงเรียกด้านข้างที่วานอนหลับตาอยู่ข้างๆกัน ปล่อยให้ความเงียบปกคลุมอยู่ไม่นานวาก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นลง
"หลังวาเรียนจบ ทำเรื่องอะไรเรียบร้อย วาคงต้องกลับไปอยู่บ้านใหญ่ซักพักหนึ่งนะ" เสียงวานิ่งเรียบทุกครั้งเวลาพูดถึงบ้านของตัวเอง บ้านที่วามองว่ามันเป็นเพียงแค่โครงสร้างของปูนที่เย็นเชียบ ไม่มีใครให้กลับไปหา และไม่มีใครรอวากลับไป
"นานมั้ย" ผมบอกไม่ได้ว่าไม่อยากให้วากลับไป ด้วยรู้ว่ายังไงวาก็ได้ชื่อว่าลูก และบุคคลที่อาศัยอยู่ที่บ้านนั้นได้ชื่อว่า พ่อแม่ แต่ทุกครั้งที่วากลับไป วาไม่เคยยิ้ม ไม่หัวเราะ เป็นเพียงวาโยที่ทำหน้าที่ของลูกโดยไม่มีหัวใจ ผมไม่ชอบ
"ไม่นานหรอก"
"ถ้าไม่ไหว ก็ไม่ต้องทนนะ วาไม่จำเป็นต้องทนนะเข้าใจมั้ย"
"อื้ม วาไม่จำเป็นต้องทน เพราะมีคนบอกวาเอาไว้ ว่าวามีสิทธิที่จะมีความสุข เพราะฉะนั้นวาจะรีบกลับมาหาความสุขของวาเนอะ"
"ดีมาก จำคำพูดเอไว้ดีๆนะ ถ้ากลับมาแล้วทำตัวเย็นชาใส่กัน ความสุขคนนี้จะสั่งให้เฉาก๋วยกัดจริงๆด้วย"
"ลองสั่งให้กัดดูดิ่ จะดีดเหม่งให้"
"โหดร้าย" ลุกขึ้นนั่งรีบเอามือปกป้องเหม่งตัวเองเอาไว้ทันที
"วาก็ไม่เคยบอกว่าวาเป็นคนใจดีนะ" วาหยิบมือผมออกแล้วดีดลงไปเบาๆที่หน้าผากดังแปะ ก่อนจะลุกขึ้นหัวเราะอารมณ์ดีไปยังโต๊ะกินข้าวทิ้งให้ผมกุมหน้าผากมองตามวาไปอย่างสู้อะไรไม่ได้ แต่ถ้าทุกครั้งที่วาดีดหน้าผากผมจะหัวเราะตามมาแบบนี้ ผมยอมเสียสละหน้าผากตัวเองให้วาดีดอีกหลายๆทีก็ได้วะ
To Be con:: Blue Talk ::ตอนนี้เรื่องที่มีคนเคยจุดประกายเอาไว้ว่า น่าจะจิ้นกัสภูมิด้วย เราเอามาต่อยอดให้แล้วนะจ๊ะ แต่คู่นี้จะจิ้นจนเรียลมั้ย อันนี้เราไม่รู้ ฮาๆๆ ดูเคมีก่อนว่าตรงกันมั้ย เพราะใจไม่เคยคิดจะให้เพื่อนเอมีแฟนเป็นผู้ชาย ...
เห็นมีหลายคนหลงน้องเอ และ ตกหลุมรัก วา กันยกใหญ่ เราเลยพยายามที่จะรักษาโครงเรื่องและบรรยากาศน่ารักๆของสองคนนี้เอาไว้อยู่ ความเป็นธรรมชาติเวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกัน เราว่าเป็นอะไรที่ฟินสุดแล้ว
ส่วนที่ถามถึงเรื่องของพี่เฟิรส์ ว่าไงดีละ คู่พี่ท่านจะออกแนวผู้ใหญ่ๆ ฮารท์ครอเบาๆ มันจะดูไม่เข้ากับธีมเรื่องนี้นะซิ เอาเป็นว่าถ้าทุกคนอยากรู้เรื่องพี่เฟิร์สกันจริงๆ ไว้ถึงเวลา(อีกนาน) เราจะเอาเรื่องของพี่เฟิร์สกับคุณปริญมาให้ทุกคนอ่านละกันเนอะ ^^
เจอกันตอนหน้าค่า
![:mew1:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/mew1.gif)