“กูรู้แล้ว เฮ้อ มึงนิ เออ อยากกินก็กินไป อย่ามาบ่นเหม็นขี้ปากให้ได้ยินนะมึง”ผมพูดเสียงเนือยอย่างเหนื่อยใจ แต่มีขู่ท้ายๆ
“สิบกว่าปีมานี่ ฉัตรเคยบ่นเหรอ”ไอ้ฉัตรมันถามเสียงกลั้วขำทำเอาผมหันหน้าไปมอง ขมวดคิ้ว นี่มันมาอยู่ข้างๆผมสิบกว่าปีแล้วเหรอ มันเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ ถ้าจำไม่ผิด ตั้งแต่ไก่จ๋าเมียของผม แม่ของไอ้หนู เริ่มเจ็บป่วยจนตายจาก ผมก็เห็นมันอยู่ข้างๆมาตลอด ยิ่งกว่าไอ้เกลอสองคนนั้นอีก ไม่ใช่ไอ้สองคนนั้นไม่รักเพื่อน มันก็มาหา มาดูแล ถามทุกข์สุข แต่ทำไมผมเห็นไอ้ฉัตรมากกว่าวะ
“สิบกว่าปีแล้วเหรอ ไวจังนะ นี่แม่ไอ้หนูจากกูไปนานขนาดนี้แล้วเหรอ”ผมพึมพำ เมื่อนึกถึงไก่จ๋า ผมไม่เคยลืมคู่ชีวิตที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แต่เวลาอยู่กับไอ้ฉัตรกลับไม่เคยมีหน้าของไก่จ๋ามาเวียนวนสักหนทำไมนะ
“อย่าทำเสียงแบบนี้สิ ไก่ไปสบายแล้ว เราคนอยู่ต้องอยู่ต่อไป ทำให้มีความสุข คนจากไปจะได้สุขด้วย”มันปลอบผมด้วยรอยยิ้ม บีบมือเบาๆ
“กูรู้ แต่แปลกนะ สมัยเรียนกูกับมึงก็คนล่ะสาย เหมือนฟ้ากับเหว มันมาคบกันถึงทุกวันนี้ได้ยังไงวะ”ผมพูดกลั้วหัวเราะกับเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้
“ใครเป็นฟ้าใครเป็นเหวล่ะ”มันถามยิ้มๆ
“มึงไม่น่าถาม กูเป็นฟ้าสิวะ ส่วนมึงก็เป็นเหวไง”ผมยักคิ้วใส่มัน นึกไปถึงสมัยวัยรุ่นที่ชอบทำท่ากวนตีนใส่มันประจำ
“เหรอ ทำไมอย่างนั้นล่ะ”มันหัวเราะเบาๆถามกลับ
“กูเรียนเกษตรใช่ไหม ก็สบายเหมือนล่องลอยบนท้องฟ้า แต่มึงเรียนวิทย์เพื่อจะเป็นหมอ มึงก็ต้องคร่ำเคร่งก้มหน้าดูแต่หนังสืออย่างหนักเหมือนดิ่งลงเหวไง ควาย เข้าใจยากอีกแล้ว ฮ่าๆๆๆ”ผมก็แถหลอกด่ามันพร้อมหัวเราะ ถ้าเป็นคนอื่นคงจะโกรธ แต่ไอ้ฉัตรมันกลับยิ้มพยักหน้ายอมรับ
“มึงพยักหน้านี่ยอมรับว่าเป็นเหว หรือ เป็นควายวะ ฮ่าๆๆๆๆ”อีกสักดอก มันเลิกคิ้ว
“เป็นได้หมดแหละ ถ้ามันจะทำให้มาบรรจบกัน”มันตอบกลับ ทำเอาผมหุบปากฉับ มันก็จ้องหน้า อยากจะถามเหลือเกิน หนังหน้าที่ตึงขาวใส มึงฉีดโบท็อก หรือเปล่าวะ เหมือนมึงสต๊าฟหน้าวัยยี่สิบต้นๆ ได้ดีไม่แพ้หน้ากูสักนิด หึหึ คิดว่าผมจะชมใครหล่อกว่าตัวเองเหรอ ไม่มี๊ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนต้องชมตัวเองก่อน และก็เงียบกันไป
“อุ้ย คุณฉัตร มาอยู่นี่เอง”เสียงทักทาย ทำให้ผมรู้สึกตัวดึงมือออกอย่างตกใจ นี่กูกับมึงจับมือกันตั้งแต่คุยเรื่องไก่จ๋าจนถึงท้องฟ้ากับเหวที่มีควายมาบรรจบกันเลยเหรอ แต่ไอ้ฉัตรมันทำหน้าเฉยเหมือนปกติ
“มีอะไรเหรอครับ คุณนาง”มันถามเสียงเรียบ แต่มีหางเสียงเลยฟังสุภาพชื่อก็บ่งบอกว่าไม่โสดแล้ว อายุน่าจะสามสิบกว่าๆ แต่หน้าตาทรวดทรงเหมือนสาววัยยี่สิบต้นๆเลย สงสัยจะชอบไอ้ฉัตร ดูเขินอาย ผมเคยเห็นเธอหลายครั้งเป็นหัวหน้าพยาบาลที่ไอ้ฉัตรมันประจำอยู่
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ จะมาตามคุณฉัตรไปทานข้าวด้วยกันค่ะ จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว”ไม่มีอะไรแต่มาตามไปกินข้าว มันก็คือมีอะไรใช่ไหม แล้วกูจะคิดให้มันงงทำไมวะ กลัวสมองเป็นง่อยหรือไง คุณนก
“ขอบคุณครับ นก ไปทานข้าวดีกว่า”มันก้มหัวให้คนมาตาม หันมาบอกผมพร้อมแตะแขนให้ลุกไปกินข้าว
“มึง เอ้อ นายไปเถอะ กู เรา นกเอ้ย ฉันยังไม่หิว เมื่อเช้าเพิ่ง ดะ กินมา”โอย ทำไมมันยากเย็นนักวะที่จะใช้ความสุภาพกับไอ้ฉัตร ปกติมึงมาพาโวยตลอด ผมเกรงใจมันไงต่อหน้าคนอื่นมันจะดูเหมือนไม่ให้เกรียติอีกฝ่ายที่มีตำแหน่งเป็นถึง ผอ.โรงพยาบาล ไหนจะฐานะทางบ้านอีก เป็นที่รู้จักทั้งจังหวัด
“นกพูดอย่างที่เคยพูดเถอะ ตามสบาย ฉัตรไม่ถือหรอก ดูสนิทกว่าแบบนี้มากกว่า”มันเหมือนจะรู้ถึงความลำบากของปากผมที่จะเอื้อนเอ่ยวาจาอันไพเราะ
“มันจะดีเหรอวะ กูเกรงใจ”ผมก็ยังเกรงใจมันอยู่ดี
“คนกันเอง เกรงใจอะไร พูดอยู่ทุกวัน ฟังจนชินหู อย่างนี้ไม่ชอบ ดูห่างเหิน”ไอ้ฉัตร มึงไม่ต้องพูดเหมือนตัดพ้อ สีหน้าอ้อนวอนให้กูพูดหยาบกับมึงก็ได้ เดี๋ยวกูจัดให้
“กูยังไม่หิวว่ะ เมื่อเช้าเพิ่งจะแดกมาเอง”ผมบอกกับมันด้วยความจริงใจ ค่อยโล่งอกหน่อย แต่คุณนางดูมีสีหน้าชอบกล
“ไม่หิวก็ต้องกิน เดี๋ยวโรคกระเพาะกำเริบอีก ไม่เข็ดหรือไงตั้งแต่เรียนมัธยมแล้วนะ กินข้าวไม่เป็นเวลา”มันส่ายหน้าพร้อมย้ำโรคประจำตัวผมอีกอย่าง ผมมองหน้ามันว่ารู้ได้ยังไงว่าผมเป็นแบบนี้ตั้งแต่เรียนมัธยม ทั้งที่ไม่ค่อยได้สนิทกันด้วยซ้ำ
“เออน่า มันหายแล้ว ตั้งแต่ไอ้หนูกลับมากูก็ไม่เป็นแล้วนะ”ผมโบกไม้โบกมือใส่มัน
“หายเหรอ เมื่ออาทิตย์ก่อนใครบ่นปวดท้อง จนหนูต้องพาไปโรงพยาบาล ไม่ต้องพูดแล้ว ไปทานข้าว”มันเสียงดังนิดๆ ก่อนจะจับแขนผมให้เดินไปทันที โดยไม่รอคุณนางที่ยืนเป็นตัวประกอบไปพัก เดินแกมวิ่งตามมา จนมาถึงโรงอาหารของวัด
“ไอ้ฉัตร คุณนก กับข้าวน่ากินทั้งนั้นเลย มะ มะ”เสียงหมอศักดิ์ที่ตรวจไข่ผม ตะโกนเรียกอย่างเป็นกันเอง ถึงคำท้ายจะสั้นไปหน่อย พาลให้นึกไปถึงเวลาเคาะกระมังเรียกสมุนสี่ขาที่บ้านกินข้าวซะได้
“ถ้ายังอิ่มอยู่ งั้น กินขนมจีน หรือว่า ก๋วยเตี๋ยวไหม เดี๋ยวไปตักให้”มันหันมาถามผม
“เออ เอาขนมจีนน้ำยาดีกว่า ดูน่ากินดี”ผมพยักหน้าบอกมัน สักพักมันก็กลับมาพร้อมขนมจีนสองจาน ผมกับมันก็จัดการจนเรียบ เสร็จแล้วก็เดินไปทำบุญตามซุ้มต่างๆ กว่าจะครบก็ปาไปครึ่งวัน จนได้เวลากลับ เออ แล้วมึงให้กูเอากระเป๋าเสื้อผ้ามาทำไมวะ กูก็จัดไม่ถามมึงสักคำ
“อยู่ฮันนีมูนกันต่อเหรอวะ”หมอศักดิ์ถามไอ้ฉัตรที่เก็บของใส่ท้ายรถ ทำเอาผมหันคอแทบหัก
”ฮะๆๆๆ ล้อเล่นน่า”หมอศักดิ์โบกไม้โบกมือ เมื่อเห็นหน้าผม ไอ้ฉัด แม่ง ก็อมยิ้ม ไม่คิดจะแก้ให้ถูก จะฮันนีมูนได้ไง ยังไม่ได้แต่งงานกันเลย ไอ้ห่าราก
“อืม นานจะได้พัก”มันหัวเราะในลำคอก่อนจะบอกหมอศักดิ์กระเจี๊ยว หึหึ
“ก็ดี กันต้องกลับไปทำงานต่อว่ะ พรุ่งนี้มีเคสผ่าตัดด้วย”หมอศักดิ์พูดเหมือนจะเหนื่อยแต่สีหน้าเปื้อนยิ้ม ผมเข้าใจนะอาชีพหมอเป็นอาชีพที่ต้องเสียสละเวลาส่วนตัวพอสมควร ใครมีแฟนอาชีพนี้ต้องทำใจส่วนหนึ่ง ดีที่ไก่จ๋าของผมไม่ได้เป็นหมอเราเลยมีเวลาให้กันเสมอ ไอ้ฉัตรล่ะตั้งแต่มันเป็นหมอมันได้พักสักกี่ครั้งกันนะ คืนหนึ่งๆ มันจะได้หลับเต็มตื่นหรือเปล่า คงไม่หรอกมั้ง ขนาดช่วงเทศกาลมันยังต้องประจำที่โรงพยาบาลเลย นี่ล่ะมั้งมันถึงไม่อยากมีเมีย คงกลัวไม่มีเวลาให้
“ไป นกขึ้นรถ เหม่ออะไร”มันแตะแขนดันผมขึ้นรถที่เปิดประตูรออยู่แล้ว นี่ผมเผลอใจลอยคิดเรื่องมัน
“อ๋อ เออ ไม่มีอะไร อาลัยวัดน่ะ ต้องกลับแล้ว หึหึ”ผมบอกมันขำๆ มันก็ขำด้วย
“พรุ่งนี้พาไปเที่ยวน้ำตก ก่อนกลับ คืนนี้ค้างที่รีสอทร์ก่อน สวย บรรยากาศดี นกคงชอบ”มันพูดหลังจากขับรถออกจากวัดมาได้ระยะหนึ่ง อืม สวย บรรยากาศดี นี่มึงไม่ได้คิดมอมเมากูด้วยสถานที่หรอกนะ โอเค กูอาจจะเป็นหม้ายมานาน มึงก็ไม่มีเมีย แต่ทางออกมันก็มีให้เลือกเยอะนะโว้ย ไอ้ฉัตร อายุขนาดนี้แล้วจะมาคิดเรื่องแบบนี้ มันไม่ใช่อ่ะ มันไม่ใช่แนวของนก นกยกให้ลูกไปคนเดียวก็พอแล้ว ผมว่ามันคงไม่ได้คิดเหมือนที่ผมกำลังคิดหรอก ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นไอ้ฉัตรมันจะฝักใฝ่ทางหลังเลย แม้แต่ทางหน้า ผมก็ไมเคยได้ข่าว ที่จริงมันจะไปทางไหนก็เป็นเรื่องของมัน แต่เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่มันควงลูกผู้ว่า แต่ข่าวก็เงียบไป จนปัจจุบัน ลูกผู้ว่า ผัวสอง ลูกห้าไปแล้ว ก็ไม่มีอีก
“ไอ้ฉัด มึงไม่คิดจะแต่งงานบ้างเหรอวะ”อยู่ๆผมก็ถามมันเรื่องนี้ขึ้นมา
“ไม่”มันก็ตอบสั้นๆตามเคย
“ทำไมวะ หรือเห็นจนชินเลยหมดอารมณ์”แต่ผมชอบถามยาวๆ
“ไม่เกี่ยวหรอก”มันส่ายหน้าช้าๆ แหม่ ไม่ต้องหันมายิ้มให้กูก็ได้
“เออ ตอนแรกที่มึงเห็นร่างกายคนอื่น รู้สึกยังไงวะ”ผมถามเรื่องที่สงสัยมานาน แต่เพิ่งจะมาถามวันนี้
“ตอนเห็นอาจารย์ใหญ่ ก็กลัวปนตื่นเต้น มือสั่นเลยนะตอนลงมีดครั้งแรก หนักกว่านั้นกินอะไรไม่ลงไปหลายวันเลย ไม่ต้องบอกนะว่าเห็นอะไร หึหึ”มันเล่าให้ฟังน้ำเสียงร่าเริง ทำให้ผมยิ้มตามไปด้วย ก่อนมันจะพูดต่อ
”แต่พอนึกถึงสิ่งที่เราตั้งใจว่าจะทำเพื่ออะไร ความกังวลความกลัวทุกอย่างมันก็หมดไป พอจบแล้วได้รักษาคนจริงๆ ยิ่งไม่คิดถึงเรื่องอย่างว่าเลย คิดอย่างเดียวต้องรักษาให้ได้”น้ำเสียงมุ่งมั่นในอุดมการณ์ของมัน
“อ้าว ไหนมึงบอกว่าไม่เกี่ยวไง อย่างนี้มึงก็ตายด้านน่ะสิ”ผมแกล้งท้วงมัน
“ไม่ใช่อย่างนั้น หมายถึงเวลาอยู่ในหน้าที่ ถ้าหมดหน้าที่ก็คืนสู่ธรรมชาติของร่างกายตามเดิม ทำไม นกเป็นห่วงฉัตรเหรอ”มันอธิบายพร้อมถามกลับด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม เลิกคิ้วใส่ ไม่ดูวัยเลยมึงทำไปได้ นึกว่าเป็นหนุ่มอยู่หรือไง
“โอ้ย ของมึงกูจะห่วงทำไม ถ้ามันไม่ลุก มึงก็รับไปเถอะ ฮ่าๆๆๆๆ”ผมหัวเราะกับมุกตอนท้าย
“ใครกันแน่จะต้องรับ”เสียงมันพึมพำ
“อะไรนะ”หูกูก็เสือกมาตึงตอนนี้
“ไม่มีอะไร แล้วนกนึกยังไงถาม”มันยักไหล่ กระชากวัยอีกแล้ว
“ก็ไม่ทำไม ถามเฉยๆ แล้วไม่แต่งจริงอ่ะ”ผมก็ยักไหล่บ้าง
“อยู่อย่างนี้ก็มีความสุขดีแล้ว”มันหันหน้ามายิ้มนิดๆ ให้ผมอีกแล้ว
“ไม่อยากบ้างเหรอ”ผมเลิกคิ้วใส่มัน
“มันก็มีบ้าง นกล่ะ อยากบ้างไหม”มันพยักหน้าก่อนจะถามผมกลับหรือมันจะชวนผมวะ
“เป็นพักๆว่ะ”ผมตอบมันตามตรง
“แล้วพักนานไหม”มันถามอีกยิ้มๆ
“ไม่รู้โว้ย ไม่เคยจับเวลา”ผมตอบมัน ที่หัวเราะเบาๆ สัด ทะลึ่งเหมือนกันนะมึง ก่อนจะเงียบ แต่ปากอมยิ้มทั้งคู่ ผมหยิบแว่นกันแดดใส่ปิดสายตาเหมือนมันมั่ง ปล่อยให้มันเอาเปรียบทางสายตานานแล้ว ปากยิ้มไม่รู้ตามันคิดยังไงมองไม่เห็น จนมาถึงที่พัก สวยอย่างมันว่า อากาศเย็นสบาย มันหิ้วกระเป๋าลงจากรถพยักหน้าให้ผมเดินตามเข้าไปข้างใน เป็นบ้านพักเดี่ยว ห้องน้ำเดียว ทีวีเดี่ยว ตู้เก็บเสื้อผ้าเดี่ยว มีอยู่อย่างที่เดี่ยวและเสียว คือ เตียงเดี่ยว กว้าง สะอาดตา ลองนั่งแล้วเด้งดี หันไปอีกที ไอ้ฉัตรจัดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว อย่างนี้มันก็ต้องสัมผัสเป้าผมทางอ้อมผ่านกางเกงในแล้วสิ พอกับปากที่ดูดจากหลอดเดียวกันทำไมผมเพิ่งมาคิดได้ ทั้งที่มันก็สัมผัสมานานแล้ว
“ชอบไหม”มันถามผม ที่นั่งมองรอบๆห้องที่จัดได้สวยงามดี
“อืม กูไม่เรื่องมากหรอก นอนกลางดินกินกลางทราย อ้วกกลางงาน ก็ผ่านมาหมดแล้ว หึหึ”ผมหัวเราะในลำคอ
“เชื่อ อ้วกบนรถก็เคยมาแล้วนิ หึหึ”มันเป็นฝ่ายหัวเราะในลำคอบ้าง ผมขมวดคิ้ว ตอนไหนวะ
“ตอนโรงเรียนจัดไปเที่ยวทะเลไง ช่วง มอ.หก จำไม่ได้เหรอ”มันทวนความจำให้
“อ๋อ ที่กูอ้วกรดเสื้อมึงใช่ไหม เออ ๆ กูจำได้แล้ว แม่ง ไอ้บุญน่ะสิ เสือกเอาเหล้าผสมในน้ำ กูไม่รู้แดกไปเต็มๆเลย ดีนะอาจารย์ไม่รู้ แต่กูไม่ได้แกล้งมึงนะโว้ย”ผมนึกถึงตอนนั้นก็อดจะหัวเราะไม่ได้ โคตรอายเลย จำได้ว่าตื่นมาอีกทีนอนหนุนตักไอ้ฉัตรอยู่ มันใส่เสื้อกล้ามโชว์ผิวขาวจั๊วะหลับพิงเบาะ มือก็วางพาดบนช่วยแขนผมเหมือนกลัวจะร่วงลงพื้นรถ ตีนนี่เหยียดไปอีกเบาะสบายๆเลย
“จริงเหรอ นึกว่าหึง ไก่ ซะอีก”มันพยักหน้าใส่ แบบไม่เชื่อ
“ตอนแรกน่ะใช่ แต่ตอนเมากูไม่รู้ว่าเป็นมึง ถ้ารู้นะ กูอ้วกรดหัวมึงดีกว่า ฮ่าๆๆๆ”ผมยอมรับก่อนจะทำเป็นพูดใส่มัน
“ก็เกือบเหมือนกันแหละ ดีว่าหลบทัน”มันพูดกลับมายิ้มๆ นั่นสิผมจำได้ว่าเกือบจะล้มหลายครั้ง ทั้งมึน ทั้งมันส์กับเพลง ออกท่าทางกับไอ้บุญ ไอ้เริง เพื่อนคนอื่นอีก สนุกมาก ขนาดไอ้พวกเด็กวิทย์ยังมันส์คิดดู มีไอ้ฉัตรนั่งมองอย่างเดียว
“เหอ เหอ แล้วกูไปนอนตักมึงได้ไงวะ”ผมหัวเราะถามมันถึงเรื่องที่สงสัยอีกแล้ว
“ฉัตรมัวแต่ดูวิว หันไปอีกทีนกนอนกองอยู่กับพื้น เลยดึงขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ แต่ นกโถมเข้ามากอดทั้งตัว บ่นหนาว ฉัตรเลยหยิบเสื้อไปคลุมให้ บุญกับเริงก็หลับเป็นตายในตอนนั้น”มันเล่าด้วยสีหน้าระบายยิ้ม เหมือนย้อนกลับไปวันวาน
“เฮ้ย นี่กูหน้ามืดอ่อยมึงขนาดนั้นเลยเหรอวะ”ผมหยอกมันกลับอย่างอารมณ์ดี มันก็พยักหน้า ก่อนจะต่างคนต่างยิ้ม
“เออ แล้วปวดขาไหม วันนี้นกเดินเกือบทั้งวัน”มันถามถึงขาผมที่เคยเข้าเฝือกมาก่อน หลังจากนั้นเหมือนขาข้างนี้ผมมีปัญหามาตลอด ไอ้ฉัตรต้องพาทำกายภาพบำบัดถึงดีขึ้น มันห้ามยกของหนัก เพราะฉะนั้นผมคงรอดแล้วล่ะที่ไม่ต้องยกมัน ก๊ากกกกกๆๆๆ นี่กูคิดลึกอีกแล้ว
“ไม่เท่าไหร่ เดี๋ยวนอนพักก็หายแล้ว มึงนั่นแหละเหนื่อยหรือเมื่อยบ้างไหม”ผมบอกมัน ไม่อยากให้มันเป็นห่วงผมมากนัก ผมถามมันกลับบ้าง ให้มันดูแลมาเยอะแล้ว
“นิดหน่อย”มันบอกแต่ยกมือนวดไหล่ไปมา ผมเลยเอื้อมมือไปจับให้มันหันหลัง แล้วก็เสียบ ครึครึ เอามือบีบไหล่ให้มัน
“ดีขึ้นไหม”ผมถามมันหลังจากนวดไหล่ หลัง จบที่ขมับ
“อืม ดี ไม่คิดว่านกจะนวดดีอย่างนี้ เอาไว้นวดให้ฉัตรหน่อยนะ เวลาเมื่อย”มันพูดเหมือนจะอ้อน
“เออ ตีนกูจะได้มีที่พัก”ผมรับปากมัน เหมือนกูจะแถเลยวะ
“มาให้ฉัตรดูขาหน่อย บวมหรือเปล่า”มันหันมาไม่พูดเปล่า ลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น ดึงขาผมไปวางพาดตรงหน้าขา ดึงกางเกงขึ้น เอามือลูบคลำไปมาตามวิธีหมอ ผมได้แต่มองเพราะมันทำเป็นประจำอยู่แล้ว ก่อนจะวางเบาๆตามเดิม
“นกจะอาบน้ำหรือกินข้าวก่อน แต่อาบก่อนดีกว่ามั้งเหนียวตัวมาทั้งวันจะได้สบาย”มันยื่นข้อเสนอที่มันตอบสนองตัวเองเสร็จสรรพ เดินไปหยิบผ้าขนหนูมายื่นให้ เดินไปหยิบเสื้อผ้ามาวางไว้ให้ที่เตียงอีก
“แล้วมึงจะถามกูเพื่ออะไรวะ”ผมส่ายหน้ากับมัน ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ ไปยืนพิงประตูเอามือจับอก นึกถึงสิ่งที่มันทำ
‘ไอ้ฉัตร นี่มึงอยากเป็นเมียกูขนาดนี้เลยหรอ’ทำซะเหมือนเมียกูเลย
.
.
.
“นานเหมือนกันนะ ไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้ แต่ก่อนกว่าจะได้พาไอ้หนูไปเที่ยวทีก็นานอยู่ บางทีก็ฝากมันไปไอ้พวกนั้นบ้าง ได้เที่ยวด้วยกันอีกทีก็ตอนมันจบมหาลัยโน่น”ผมนอนลืมตามองเพดานที่ติดดาวเรืองแสง ไอ้ฉัตรนอนข้างตัว ทิ้งระยะห่างพอสมควร
“เหมือนกันนั่นแหละ กว่าจะหาเวลาพักได้ ต้องล่วงหน้าเป็นเดือนๆ บางทีเป็นปีก็มี แต่พักแล้วมีเคสด่วนก็ไปไม่ได้อีก หึหึ”มันตอบกลับมาเสียงรื่นเริงกับงานที่ทำมากกว่าจะเบื่อ
“ทำไงได้ มึงเลือกทางนี้แล้ว กูว่าหมอเป็นอาชีพที่ได้บุญนะ โดยเฉพาะหมอที่มีจรรยาบรรณ อย่างมึง เป็นต้น”ผมหันไปยิ้มชมมันที่หันมาทำหน้าแบบไม่เชื่อว่าผมจะชม
“ดีใจนะ ได้ยินนกชม ทำให้มีแรงอยากจะทำต่อไป”มันตอบกลับด้วยรอยยิ้ม แต่คำพูดมันนี่สิทำเอาใจผมเหวอ
“มึงก็เว่อว่ะ แรงเริงอะไร นั่นมันคืออยู่กับสังขารมึงโว้ย”ผมตอบมันแก้เก้อ มันก็หัวเราะเบาๆ
“เออ ว่าแต่มีใครยังพูดเรื่องหนูอยู่ไหม”มันเปลี่ยนเรื่องถาม ผมเอามือก่ายหน้าผาก นึกถึงลูกที่ตั้งแต่กลับมา มันโดนซุบซิบจากชาวบ้านเหมือนกัน ตั้งแต่ยกเลิกแต่งงาน
“ไม่รู้ว่ะ ไม่ค่อยสนใจ ใครจะพูดอะไรก็ช่างเขาเถอะ สนแต่จิตใจลูกกูพอแล้ว”ผมตอบมันอย่างที่ใจคิด มันเป็นอีกคนที่รู้เรื่องดีที่สุด เพราะมันเป็นหมอประจำตัวไอ้หนูตั้งแต่อยู่ในท้องจนคลอดก็เหมือนเป็นพ่อทูนหัว กลับมามันก็ตรวจร่างกายให้แต่ไม่ถามอะไรที่กระทบจิตใจ มีแต่ให้กำลังใจ
“ดีแล้วล่ะ ไม่อยากเห็นนกเครียด อะไรมันผ่านแล้วก็ผ่านไป ลูกเรา กลับมาได้ก็ถือว่าโชคดีที่สุดแล้ว”ผมฟังที่มันพูดอย่างรู้สึกดี และรู้สึกดีมากตรงคำว่า ‘ลูกเรา’ มันคงหมายถึงลูกผมที่เป็นพ่อแท้ๆ กับมันที่เปรียบเสมือน พ่อทูนหัว
“ก็คิดอย่างนั้นแหละ อีกอย่างไอ้เฮียมันก็เป็นคนดีคนหนึ่ง มันรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับกู และมันก็เป็นคนดูแลไอ้หนู พอกับที่มันก็เป็นคนพาไอ้หนูมาคืนกูอย่างปลอดภัย ถึงจะมีเจ็บตัวบ้างแต่มันก็ทำเพราะความจำเป็น เฮ้อ มันคงถูกลิขิตไว้แล้วมั้ง ว่าชีวิตมันต้องเป็นแบบนี้”ผมเห็นด้วยกับมันก่อนจะพูดถึงไอ้เฮียที่เป็นว่าที่ลูกเขยอย่างไม่เป็นทางการ ต้องรอทางการปล่อยตัวมันก่อนถึงจะเป็นทางการได้ กูจะอธิบายให้มันซับซ้อนทำไมวะ
“จากประวัติเขา ก็ไม่ธรรมดานะ ไอคิวสูงตั้งแต่เด็ก เรียนจบไวกว่าคนรุ่นเดียวกัน ทำงานที่สถาบันมีชื่อของอเมริกา ฐานะทางบ้านดี ถ้ารวมกับนิสัยที่นกและหนูยืนยันว่าเขาดีจริง ก็นับว่านกได้ลูกเขยเพอร์เฟ็คเลยนะ หึหึ”มันพูดถึงประวัติไอ้เฮียให้ผมฟังอย่างคนที่รู้จริง มีหยอกกูตบท้าย
“ถ้ามึงอยากได้ ก็คอยฟังข่าวนักโทษแหกคุกแล้วกัน หึหึ”ผมย้อนมันขำๆ
“จะลำบากทำไมล่ะนก สู้หาใกล้ตัวดีกว่า ถึงไม่ได้มากแค่ได้ใกล้ก็พอ”หันมายิ้มให้กูอีกแล้ว ผมเลยเงียบ
“นก”มันเรียกผม เขยิบเข้ามาใกล้ ผมหันไปหาแต่คว้าหมอนข้างขี่กันไว้
“อะไร กูง่วงแล้ว”ผมถามแต่ทำตาปรือ มันคงไม่นึกว่าผมทำตาเซ็กซี่เชิญชวนมันหรอกนะ
“เรื่องบางเรื่องไม่พูดก็ดีนะ ถ้าพูดไปก็กลัวจะสูญเสียที่เป็นอยู่ ฉัตรไม่อยากให้นกคิดมากที่ฉัตรมาอยู่ใกล้ มาดูแล เป็นห่วง ว่าเพราะอะไร ขอให้รับรู้แค่ใจของกันและกันก็พอ”มันเอื้อมมือมาจับมือผมที่ไม่ได้ชักหนี ได้แต่มองหน้าและแววตาที่สื่อถึงความหมายตามที่พูด
“ฉัตรขอเป็นแค่เพื่อนใจ ที่จะอยู่ข้างๆไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยากให้นึกถึงฉัตรเป็นคนแรก ในตอนที่ฉัตรยังมีชีวิตอยู่ ก็พอ”“ขอแค่นี้ ได้ไหม”มันถามต่อ เมื่อเห็นว่าผมน็อคไปเรียบร้อยแล้ว หลังฟังมันจบ มันมองหน้ากระชับมือให้รู้ว่ามันจะอยู่ตรงนี้ มันจะอยู่เป็น ‘เพื่อนใจ’ ผมจนกว่ามันจะตายจาก
“และถ้ากูตายก่อนล่ะ”ผมถามมัน ที่ยังจับมืออยู่
“อีกหน่อย ฉัตรก็ตายเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น นกเหงาก็มาเข้าฝันฉัตรก็ได้ ดีไหม”มันยกยิ้ม
“กูจะมีเวลาหรือเปล่าก็ไม่รู้ เอาไว้กูตาย กะ”ผมพูดขำๆกลับ แต่ยังไม่จบ มันเอามือปิดปากผม
“อย่าพูด ปล่อยให้มันเป็นไปตามเวลา ตอนนี้สนแค่ เรา ยังมีชีวิตอยู่ก่อน ที่ขอจะให้ไหม”มันค่อยๆเอามือออกและทวงคำตอบจากผมที่เงียบไปอึดใจ ผมถอนหายใจก่อนจะหลับตา มันก็ไม่ได้พูดอีก แต่รู้สึกว่ามันหยิบผ้าห่มมาคลุมให้
.
.
.
.
“มึงจะขอทำไมวะ สิบกว่าปีมานี่ถ้ากูรำคาญคงไล่มึงไปแล้วล่ะ กูไม่ทนอยู่กับคนที่ไม่ได้ชอบหรอก”ผมพูดออกไปทั้งที่ยังหลับตา เลยไม่รู้ว่ามันทำสีหน้ายังไง แต่รู้สึกอุ่นที่แก้ม
“ขอบใจนะ”น้ำเสียงยินดีดังขึ้นแผ่วเบา ใกล้ๆ ทำให้ผมยิ่งไม่กล้าลืมตา ได้แต่ซึมซับเสียงกับสัมผัสของมือมัน
‘ไอ้ฉัด มึงขอเป็นเพื่อนใจ นี่ มันเข้าข่าย ขอเป็นคู่ชีวิตเลยนะโว้ย’ผมคิดในใจ จนกระทั่งเคลิ้มหลับไปจริง และนับเป็นคืนแรกในรอบสิบปี ที่ผมฝันเห็น ไก่จ๋า มายืนยิ้มที่ปลายเตียง จะลุกไปหาแต่ขยับไม่ได้
‘ไม่ต้องเกรงใจไก่นะนก และนกก็ไม่ต้องกลัวด้วย ทำตามใจตัวเองนะ ดูลูกเป็นตัวอย่างสิ ไก่ดีใจด้วยนะ บาย ฮิฮิ’ เมียนะเมีย สิบปีไม่เคยมาเข้าฝัน วันนี้มา แต่ดันพูดแค่นี้เนี่ยนะ เฮ้อ แล้วผมก็หลับลึกอย่างเป็นสุข เก็บแรงไว้เที่ยวกับมันต่อพรุ่งนี้ และ ก็วันต่อๆไป มึงอยากดูแลกู กูก็จะให้มึงดูแล แต่อย่าแถมาดูเอ็นกูนะมึง กูยังไม่พร้อม ฟี้ ฟี้ ฟี้
*******************************************************************************************************************
ปล. กลับมาแล้วกับตอนพิเศษ ประเดิมด้วยคุณนกกับหมอฉัตร แบบเบาเบา ตามวัย มากไปเดี๋ยวแย่ ฮ่าๆๆๆๆ
ยังไม่ลืมกันใช่ไหมค่ะ คนเขียนหายไปนานพอควร กะว่ากลับมาอีกตอนก็น่าจะช่วงเฮียและพรรคพวกออกจากคุกพอดี
ไม่ได้หายไปไหนหรอกค่ะ งานรุมเร้าเข้าขั้นยุ่งเลย :katai4:ยังไม่ได้ตรวจคำผิดด้วย ฝากด้วยนะคะ จะค่อยๆทยอยตามแก้ ขอบคุณนะคะที่ยังถามหาและติดตาม