[Tragedy Series] Tell me the Legend ตำนานรัก..โรงเรียนแพทย์ - Ch.20 จบ (25/4/15)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Tragedy Series] Tell me the Legend ตำนานรัก..โรงเรียนแพทย์ - Ch.20 จบ (25/4/15)  (อ่าน 228911 ครั้ง)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
ตอนที่ 9

ท้องฟ้าสีฟ้า ไม่ได้หมายความว่ามันสดใสเสมอไป

ศราวินรู้สึกเช่นนั้นยามทอดสายตามองดูท้องฟ้าที่อาทิตย์สาดแสงแรงกล้าอยู่บนดาดฟ้าเพียงลำพังเด็กหนุ่มยกมือขึ้นกอดกายตัวเองไว้ ลมเย็นพัดเอาชายเสื้อกาวน์พัดสะบัดไปด้านหลัง

ป่านนี้ชื่อของเขาคงถูกเรสสิเด้นท์บ่นจนหูชาแล้วที่หายตัวมาแบบนี้

แต่ก็ไม่คิดจะกลับลงไปช่วยงาน เพราะใจที่ว้าวุ่นไม่ยอมสงบ

เหตุก็เพราะผู้ชายที่กำลังนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดโดยฝากชีวิตเอาไว้ในมือของอนิรุทธ์ก็คืออติพัทธ์

คนที่เขาเคยรักและนับถือดั่งพี่ชายแท้ๆของตนเอง

คนที่เคยย่ำยีเขาด้วยคำว่ารัก

ศราวินทรุดนั่งลงพิงขอบระเบียง ชันเข่าขึ้นมาซบหน้าลงไป

ชั่วโมงที่แล้วขณะที่เขาถูกเกณฑ์ให้ลงไปช่วยในแผนกอุบัติเหตุที่วันนี้มีอุบัติเหตุใหญ่เข้ามาจนคนไข้ล้นหลาม เขากำลังวุ่นวายอยู่กับการเย็บแผลให้กับผู้ชายวัยกลางคนที่ทำท่าจะลมจับเพราะทนมองเลือดที่ไหลอาบแขนของตัวเองไม่ได้ ในนาทีที่เขากำลังเย็บเข็มที่ห้าอยู่นั้นเอง เสียงของอาจารย์ท่านหนึ่งก็ตะโกนดังเข้าหูมา

“ตามอาจารย์อนิรุทธ์เร็วเข้า! มีตำรวจถูกยิง!”

คำว่าตำรวจทำให้หัวของเขาหันไปทางผู้พูดอย่างไม่รู้ตัว สายตามองไปยังคนเจ็บที่นอนอยู่บนเตียงซึ่งกำลังเลื่อนผ่านไป

ร่างที่คุ้นตานอนอยู่บนเตียงนั้น

“พี่พัท!”

ศราวินมารู้อีกทีก็คือตอนที่เขาถูกกันให้พ้นข้างเตียงที่กำลังเคลื่อนย้ายอติพัทธ์ไปยังห้องผ่าตัด ริมฝีปากของเขาร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าขอให้อนิรุทธ์ช่วยชีวิตตำรวจหนุ่มไว้ให้ได้

“ไม่ต้องห่วง เขาต้องไม่เป็นอะไร..”

อนิรุทธ์ให้สัญญาเช่นนั้นก่อนผลักประตูห้องผ่าตัดเดินตามเข้าไป

ความเป็นความตายของชายหนุ่มขึ้นอยู่กับอนิรุทธ์แล้วในยามนี้

ถึงจะโกรธจะเกลียดกับสิ่งที่อติพัทธ์ทำ แต่ศราวินก็ไม่ปรารถนาให้อีกฝ่ายตายจากไป

น้ำตาแห่งความกังวลและเป็นห่วงค่อยๆไหลออกมา

ร่างบางทรุดนั่งลงเอาหลังพิงกับขอบระเบียงก่อนชันเข่าขึ้นมาซบหน้าลงไป พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่คิดอะไรไปในทางเลวร้ายและเรียกความเชื่อมั่นว่าอนิรุทธ์จะช่วยเหลือตำรวจหนุ่มเอาไว้ได้ แต่มันก็ยากยิ่งนัก

เวลาผ่านไปกว่าหลายชั่วโมงจนตะวันคล้อยลับจากฟ้า ศราวินก็ตัดสินใจลุกขึ้นและเดินกลับลงไปด้านล่างของตึก

การที่เสียงโทรศัพท์มือถือยังไม่ดังขึ้น ก็แสดงว่าอนิรุทธ์ยังทำการผ่าตัดไม่แล้วเสร็จ ตระหนักได้ดังนั้นจิตใจมันก็ว้าวุ่นขึ้นมาอีกครั้ง

ประตูเปิดออกมาพอดีกับที่ศราวินเดินมาถึงหน้าห้องผ่าตัด เด็กหนุ่มถลาเข้าไปหาเตียงที่เข็นออกมา อติพัทธ์ยังคงสลบไสล ที่ริมฝีปากมีท่อช่วยหายใจสอดคาอยู่ ศราวินปราดมองไปที่ร่างนั้นก่อนเงยหน้ามองอนิรุทธ์ที่เดินตามออกมา อนิรุทธ์เดินเข้ามาจับบ่าแล้วอธิบายอาการของนายตำรวจหนุ่มให้ฟัง

“เราเอากระสุนออกจากอกของเขาได้ ยังดีที่ไม่ใช่กระสุนลูกปราย ไม่อย่างนั้นคงแย่ ตอนนี้ก็ต้องให้พักฟื้นในไอซียูดูอาการไปก่อน”

ถ้าหากเป็นยามปกติที่ต้องการแสวงหาความรู้ ศราวินคงจะถามไปแล้วว่ากระสุนลูกปรายมันจะแย่ยังไง แต่ตอนนี้แค่ประคองตัวเองให้เดินตามเตียงที่เข็นพาอติพัทธ์ไปยังไอซียูได้ ศราวินก็นับถือตัวเองแล้ว

“อาจารย์รุทธ์ครับ อาจารย์พลอยากให้ช่วยไปดูผลMRI ของคนไข้หน่อยครับ”

เสียงที่ดังขึ้นจากนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ห้าที่วิ่งมาหาทำให้อนิรุทธ์ที่หมายจะถามว่าคนรักเป็นอย่างไรบ้างต้องชะงักไป เขาหันไปพยักหน้ารับก่อนบอกกับศราวินสั้นๆ

“ผมไปก่อนนะ”

“ขอบคุณนะครับ”

เด็กหนุ่มหันมาค้อมศีรษะให้ก่อนเดินตามเตียงของอติพัทธ์เข้าลิฟต์ไป อนิรุทธ์รอจนประตูลิฟต์ปิดแล้วจึงเดินไปหาบุรพลที่รอให้เขาช่วยวิเคราะห์ภาพที่ได้จากเจ้าเครื่องที่ตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

 

ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งคืนที่ถูกข่มเหง..ศราวินแน่ใจว่าไม่เคยโกรธอติพัทธ์มาก่อนในชีวิต ความผูกพันที่มีกันมาตั้งแต่เด็กทำให้ศราวินทั้งโกรธและผิดหวังเมื่อถูกขืนใจ

แต่ครั้งนี้เขาโกรธอติพัทธ์เสียยิ่งกว่า เพราะชายหนุ่มทำให้เขาตกใจกลัวถึงขั้นช็อกที่อยู่ๆก็มาปรากฏกายในโรงพยาบาลพร้อมกับลูกกระสุนที่ฝังอยู่ในอกเช่นนี้

“หมอนั่งก่อนไหม? หน้าหมอซีดมากเลยนะ”

นางพยาบาลประจำห้องไอซียูเดินมาแตะไหล่เขาและดึงเอาเก้าอี้สีครีมที่วางอยู่ใกล้ๆมาให้ ศราวินทรุดนั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อน ริมฝีปากพึมพำขอบคุณขณะทอดสายตามองไปยังร่างที่ยังไม่ได้สติของอติพัทธ์และมอนิเตอร์ที่บอกค่าต่างๆ เห็นว่าระดับการเต้นของหัวใจ ค่าออกซิเจนและค่าอื่นๆดูไม่น่าเป็นห่วงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกไประดับหนึ่ง

มองหน้าคนที่นอนอยู่บนเตียงแล้วก็อดคิดถึงครั้งหนึ่งในวัยเด็กไม่ได้ เขากับอติพัทธ์นั่งเล่นกันในสวนหน้าบ้านเสียดึกดื่นจนถูกยุงกัด อติพัทธ์ถูกพ่อแม่ต่อว่าไม่น้อยตอนที่เขาต้องเข้านอนโรงพยาบาลเพราะเป็นไข้เลือดออกแถมยังดื้อไม่ไปโรงเรียนแต่มานั่งเฝ้าไข้เขาอยู่ข้างเตียงไม่ยอมห่างแทน

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว แต่เขายังจำได้ดีถึงสีหน้าเป็นห่วงยามอติพัทธ์ทอดสายตามองมา มันไม่เคยเปลี่ยนไป มีแต่ทวีมีขึ้นจนกลายเป็นความรู้สึกที่เขาไม่อยากยอมรับมัน

สำหรับเขาแล้ว อติพัทธ์เป็นได้แค่เพียงพี่ชายคนสำคัญเท่านั้น

ศราวินหยุดความคิดแล้วเอื้อมมือไปลูบเรือนผมของอติพัทธ์ มองอย่างคาดหวังว่านายตำรวจหนุ่มจะลืมตาตื่นขึ้นมาไม่นาทีใดก็นาทีหนึ่งทั้งที่รู้เต็มอกว่าเขาคงไม่ฟื้นขึ้นมาง่ายๆเช่นนั้น

ครืด....

เสียงประตูบานเลื่อนของห้องไอซียูดังขึ้น เด็กหนุ่มไม่ได้หันไปมองจนกระทั่งผู้ที่เข้ามาใหม่เดินมาหยุดยืนอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามกัน

ศราวินเหลือบมองดูนายตำรวจหนุ่มท่าทางไฟแรงที่กำลังทอดมองอติพัทธ์ ดูจากดาวที่ประดับอยู่บนบ่าแล้วก็นึกรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของอติพัทธ์ คงจะมาดูอาการของลูกพี่ตัวเองว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็น่าแปลกที่อีกฝ่ายยืนนิ่งเหมือนไม่ต้องการสนทนากับเขา หรือบางทีอาจจะรู้อาการของอติพัทธ์แล้วจากแพทย์บางคนที่เข้าผ่าตัดร่วมกับคนรักของเขาก็เป็นได้ ตัวเขาเองก็ไม่ได้นึกอยากที่จะสนทนาด้วย

ทว่าความเงียบในบรรยากาศมันช่างน่าอึดอัด ศราวินขยับตัวเล็กน้อยก่อนตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อออกไปรอด้านนอก ตอนนั้นเองที่เสียงของนายตำรวจหนุ่มผู้มาใหม่ดังขึ้น

“คุณคือคุณซันสินะครับ”

“ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับพลางรอบสังเกตทีท่าของอีกฝ่ายนายตำรวจหนุ่มไม่เอ่ยพูดอะไรออกมาอีก เขาเอื้อมมือไปจับมืออติพัทธ์เอาไว้แล้วเฝ้ามอง ศราวินถึงกับชะงักเพราะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่มันเกินกว่าคำว่าเพื่อนร่วมงานกัน เด็กหนุ่มค่อยๆก้าวออกจากห้องนั้นไปอย่างเงียบเชียบ

“เด็กคนนั้นน่ะหรอ..ที่คุณบอกว่ารักกว่าชีวิตตัวเอง มีโอกาสได้กลับมาหาแล้วก็อย่าเอาแต่นอนแบบนี้สิ ลุกขึ้นมาทำคะแนนเร็วเข้าสิ!”

คนพูดเอ่ยออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน เขาก้มหน้าลงและบีบมืออติพัทธ์ไว้แน่น นายตำรวจหนุ่มทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ที่ศราวินนั่งก่อนหน้า

ตลอดเวลาที่ผ่านมามีแต่ภาพความองอาจประทับอยู่ในใจ จิตใจที่แข็งกร้าวจึงแตกร้าวออกมาเพราะความรู้สึกซ่อนเร้นที่มีให้มันไม่อาจทนเห็นอติพัทธ์อยู่ในสภาพเช่นนี้ได้

เจ็บ...ยิ่งกว่ายามรู้ว่าหัวใจของคนที่องอาจมีใครซ่อนเร้นเอาไว้จนเขาไม่อาจเข้าไปแทนที่ได้...

 

ฝ่ายศราวินนั้นพอเดินออกมาจากห้องไอซียูแล้วก็เจอกับอนิรุทธ์ที่กำลังเดินมุ่งหน้ามาพอดีจึงหยุดยืนคอยจนกระทั่งคนรักเดินมาหยุดตรงหน้า

“จะกลับแล้วหรอ?”

เด็กหนุ่มพยักหน้า สีหน้าดูหมองๆจนอนิรุทธ์ต้องเอื้อมมือไปแตะบ่าเอาไว้

“ไม่เป็นอะไรนะ?”

คนถูกถามส่ายหน้า ยังคงเงียบงันไม่พูดอะไร อนิรุทธ์จึงเป็นฝ่ายพูดต่อ

“อาจารย์นันทิชลงไปบอกอาการของคุณพัทกับพวกลูกน้องที่ตามมาดูอาการเรียบร้อยแล้วนะ คุณจะลงไปหาพวกเขาไหม?”

คราวนี้คนที่นิ่งเงียบเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย เพราะอาจารย์นันทิชไม่ได้เข้ามาที่ห้องไอซียู แต่ก็เป็นไปได้ว่าลูกน้องคนอื่นๆของอติพัทธ์อาจจะรออยู่ข้างล่างก็เป็นได้

อนิรุทธ์มองดูเด็กหนุ่มที่เหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกมาด้วยสายตาเป็นห่วง

“จะกลับเลยไหม?”

ศราวินพยักหน้า ทั้งคู่จึงเดินไปที่ลานจอดรถด้วยกัน ระหว่างทางที่กลับ อนิรุทธ์คอยชำเลืองมองคนที่นั่งเหม่อมองออกไปนอกรถด้วยความเป็นห่วง เขาเอื้อมมือไปจับมือเล็กเอาไว้ เด็กหนุ่มหันมามองหน้าเขาก่อนขยับเอนศีรษะมาอิงที่ไหล่

ยามนี้ศราวินรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างบอกไม่ถูก ทั้งเรื่องความลับที่ปิดบังคนรักเอาไว้ ทั้งเรื่องที่อติพัทธ์ถูกยิง ทำให้สับสนไปหมด รู้สึกเพียงอย่างเดียวคืออยากหลับตาลงและไม่รับรู้อะไรอีกนอกจากอ้อมกอดของคนรัก

เหมือนเห็นแก่ตัวที่คิดเช่นนั้น แต่ก็อยากได้เพียงแม้เสี้ยววินาที ที่ผลักเรื่องวุ่นวายทั้งหมดในหัวออกไป

คนที่ขับรถอยู่กดเปิดเพลงให้บรรเลงขึ้น หวังให้เสียงทำนองเพราะที่ไพเราะจะได้ขับกล่อมหัวใจที่กำลังสับสนวุ่นวายของเด็กหนุ่มได้สงบลงบ้าง

“คุณรู้ใช่ไหมว่าผมอยู่กับคุณตรงนี้...และจะไม่หนีไปไหน...”

เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ทีแรกศราวินคิดว่าตัวเองหูฝาดไปจึงเหลือบตามองดูกระจกส่องหลัง ก็เห็นดวงตาคู่คมหลังแว่นกรอบเงินมองมาก่อนที่คนรักของเขาจะเลื่อนสายตาไปมองดูถนนข้างหน้าต่อ

"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้คุณรู้ไว้ว่า..คุณจะมีผมคอยอยู่เคียงข้างเสมอ"

ในอกของเด็กหนุ่มร้อนวูบกับประโยคที่ได้ยิน ดวงตายังคงมองอนิรุทธ์ผ่านบานกระจก

"ขอบคุณนะฮะ" อนิรุทธ์บีบมืออีกฝ่ายเบาๆแล้วพยักหน้า

ความจริงแล้วศัลยแพทย์หนุ่มไม่ได้หมายถึงเพียงแค่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เท่านั้น แต่ยังหมายถึงเรื่องที่อติพัทธ์ทำลงไปอีกด้วย เขาอยากบอกให้ศราวินรู้ ว่าเขาพร้อมจะอยู่เคียงข้าง พร้อมที่จะร่วมแบ่งปันความรู้สึกทุกข์ที่ศราวินเก็บงำเอาไว้

แต่ก็ไม่อาจพูดออกไปได้โดยตรง

ขณะเกียวกัน คนฟังเองก็กำลังนึกถึงสิ่งเดียวกัน ศราวินหลับตาลงอีกครั้ง ภายในใจเกิดคำถามว่าถ้าหากอนิรุทธ์ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตนกับอติพัทธ์แล้ว คนรักของเขาจะรับมันได้ไหม จะยังอยู่เคียงข้างตามสัญญาที่ให้ไว้หรือเปล่า

ความกังวลใจทำให้เด็กหนุ่มดูเซื่องซึม แม้อนิรุทธ์จะพยายามเอาใจเพื่อให้เด็กหนุ่มอารมณ์ดีขึ้น แต่ศราวินก็ยังคงเซื่องซึมอยู่เช่นนั้น

“ไปอาบน้ำกันดีกว่า จะได้สดชื่นขึ้น”

คนที่โอบวงแขนกอดอยู่ชักชวนด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก ดวงตากลมที่หม่นหมองช้อนขึ้นมองสบตาก่อนที่เด็กหนุ่มจะฝืนยิ้มส่งมาให้

“อาจารย์ไปอาบก่อนเถอะฮะ” เพียงแค่คำปฏิเสธนุ่มๆดังรอดออกมา อนิรุทธ์ก็รู้ว่าเด็กหนุ่มยังไม่พร้อมที่จะรับการเยียวยาจากเขา

สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้คนที่ใจเย็นอย่างอนิรุทธ์เริ่มจะหงุดหงิดใจขึ้นมาบ้าง หากเป็นความเจ็บป่วยทางร่างกาย เขาสามารถใช้ความรู้ความสามารถที่มีเยียวยารักษาให้เด็กหนุ่มได้ แต่พอเป็นความเจ็บป่วยด้านจิตใจแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องเยียวยาเด็กหนุ่มอย่างไร ศัลยแพทย์หนุ่มพยายามนึกถึงข้อมูลด้านจิตวิทยาที่เคยได้ร่ำเรียนเมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษาแพทย์ แต่มันก็เลือนรางเต็มที คิดแล้วก็ให้นึกถึงศัลยแพทย์รุ่นน้องที่ตอนนี้ผันตัวไปเป็นจิตแพทย์ขึ้นมา บางทีกวินท์อาจจะให้คำปรึกษากับเขาได้ หากจะเปิดปากคุยกับอีกฝ่ายในเรื่องของเด็กหนุ่มก็คงไม่กระดากใจนักเพราะอีกฝ่ายเองก็คบอยู่กับผู้ชายเช่นกัน

อนิรุทธ์ลอบถอนหายใจและมองดูคนที่บิดตัวออกจากอ้อมแขนแล้วเดินไปนั่งที่ปลายเตียงอย่างนึกห่วง เขาขยับจะเข้าไปหา แต่ก็สัมผัสจากบรรยากาศรอบกายได้ว่าเด็กหนุ่มต้องการเวลาอยู่ตามลำพัง จึงเลือกจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเอาชุดนอนและผ้าเช็ดตัวออกมา เขาเดินไปยังห้องน้ำแต่ก็ไม่วายจะหันกลับมามองศราวินอย่างเป็นห่วงอีกครั้ง

เสียงปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น ศราวินถอนหายใจออกมาอย่างหนักอก รู้ดีเลยว่าวันนี้ทำตัวไม่น่ารัก เขารู้ว่าคนรักพยายามจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น อาจเป็นเพราะเห็นใจว่าวันนี้เขาเจอเรื่องหนักๆมาก็เป็นได้ เขาไม่ควรทำให้อนิรุทธ์รู้สึกแย่ด้วยการปฏิเสธความหวังดีเช่นนี้

คิดได้ดังนั้นแล้วก็ทำให้เด็กหนุ่มยอมลุกขึ้นจากตรงที่นั่ง มือเรียวจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกและหยิบเอาผ้าขนหนูมาพันเอวไว้ เสร็จสรรพก็เดินตามเข้าไปในห้องน้ำ

อนิรุทธ์กำลังยืนอยู่ใต้สายน้ำและปล่อยให้เรือนผมสีดำขลับของตัวเองเปียกโชนตอนที่ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก ดวงตาคมที่ไร้กรอบแว่นบดบังหันไปมองก็เห็นคนที่ปฏิเสธจะอาบน้ำด้วยกันตอนเขาเอ่ยปากชวนเดินเข้ามาในสภาพเกือบเปลือย เด็กหนุ่มปลดเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่นุ่งเอวอยู่ไปพาดบนราวแขวนแล้วเดินเข้ามาหา

ไม่มีคำพูดใดๆ มีเพียงแต่รอยยิ้มอบอุ่นเท่านั้นที่ต้อนรับร่างเล็กให้เข้ามาแบ่งปันพื้นที่อาบน้ำกับอ้อมแขนอันอบอุ่นที่ศราวินสามารถเบียดตัวกอดได้อย่างเต็มที่

หัวใจที่สับสนและว้าวุ่นของเด็กหนุ่มค่อยๆสงบลง

อาบน้ำจนเสร็จ อนิรุทธ์ก็ดึงเอาผ้าเช็ดตัวผืนนุ่มมาคลุมร่างเด็กหนุ่มเอาไว้ ศราวินเหลือบตามองก่อนก้มหน้าลง ความคิดชั่ววูบแล่นเข้ามาในสมอง ร้องบอกให้สารภาพสิ่งที่เก็บเป็นความลับเอาไว้

แต่ความกลัวทำให้เด็กหนุ่มเลือกที่จะกลืนความลับนั้นลงคอไปอีกครั้ง

“ขอบคุณอาจารย์มากนะฮะ...ที่ช่วยชีวิตพี่พัท”

อนิรุทธ์วาดรอยยิ้มอ่อนบนเรียวปากขณะที่ยกปลายนิ้วขึ้นไล้แก้มใส

“คุณขอบคุณผมมาสองรอบแล้วนะ”

เสียงเย้าและสายตาอบอุ่นที่มองมา พาให้ศราวินรู้สึกดีขึ้นมากกว่าเดิมจนอดไม่ได้ที่จะขยับไปกอดกายที่ยังคงเปียกชื้นของคนรัก

“ก็ผมรู้สึกขอบคุณอาจารย์มากเลยนี่ฮะ”

อนิรุทธ์ยิ้มมุมปากแล้วยกมือประคองแก้มให้เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมา เขาแต้มจูบเบาๆลงที่แก้มและกอดเด็กหนุ่มไว้

“ไม่ต้องรู้สึกขอบคุณผมหรอก...แค่รู้สึกรักผมอย่างที่ผมรักคุณอย่างเดียวก็พอ”

คำรักหวานซ่านในใจจนคนถูกรักต้องกอดเกี่ยวกายอุ่นไว้แน่น ราวกับกลัวว่าความรักนั้นจะหลุดลอยไป...

 

ยามหลับ..ความรักไม่ได้ตามเข้าไปในความฝัน

เด็กหนุ่มลืมตาโพลงขึ้นหลังจากตื่นจากความฝันที่ทำร้ายจิตใจของเขา เขาฝันถึงวันที่ต้องสูญเสียทั้งพ่อแม่และคุณลุงคุณป้าที่รัก ก่อนที่ภาพศพของพวกเขาที่อาบไปด้วยเลือดจะเปลี่ยนเป็นร่างของอติพัทธ์ที่นอนอยู่บนเตียงในห้องผ่าตัดและเปลี่ยนเป็นภาพที่ทำให้เด็กหนุ่มกลัวมากที่สุด..

ภาพของอนิรุทธ์ที่โชกไปด้วยเลือดนอนอยู่ในโลงเย็นของห้องชันสูตร

เฮือก!!

หัวใจที่เต้นระรัวมันพาให้ในอกร้าวระบม ศราวินหอบหายใจทั้งที่ดวงตายังเบิกโพลงมองเพดานที่ไร้แสงไฟออยู่

“ซัน?...ฝันร้ายหรอ?” อนิรุทธ์ที่สะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกได้ถึงอาการกระตุกเกร็งของคนในอ้อมแขนถามอย่างเป็นห่วง เขาเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟสีส้มนวลที่ตั้งอยู่ตรงโต๊ะข้างเตียงแล้วเอื้อมมือมาลูบแก้มคนที่ยังหายใจแรงอยู่

ศราวินใช้เวลาครู่หนึ่งในการจับโฟกัสมองอนิรุทธ์ ริมฝีปากที่สั่นเทากลืนเอาก้อนที่จุกอยู่ในลำคอลง พยายามจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็พูดไม่ออก น้ำตามันเอ่อท้นขึ้นมาบนขอบตาแล้วไหลลงข้างขมับ

ไม่ได้อยากอ่อนแอ ไม่ได้อยากให้เสียน้ำตาให้คนรักเห็นจนต้องเป็นห่วง

แต่ใจมันอ่อนแอเหลือเกินเมื่อเห็นภาพความทรงจำที่เลวร้ายมันฉายซ้ำขึ้นมาในความฝัน

แขนเรียวโอบขึ้นกอดกายอุ่น เด็กหนุ่มเบียดกายกอดอนิรุทธ์เอาไว้อย่างต้องการที่พึ่ง ต้องการใครสักคนที่จะไม่ทำร้าย ต้องการใครสักคนที่จะไม่จากไปไหน

อนิรุทธ์กอดเด็กหนุ่มเอาไว้ ลูบศีรษะปลอบประโลมจนกระทั่งร่างเล็กหายสั่นจึงคลายกอดลง ศราวินมองสบตาเขา ลึกในดวงตาคู่กลมยังแฝงไว้ด้วยร่องรอยของความจำอันเลวร้ายที่ตื่นขึ้นเพราะฝัน

"ผมฝันเห็นพ่อกับแม่..ตอนที่พวกเขา..."

คำพูดหยุดค้าง ริมฝีปากเด็กหนุ่มสั่นเทา ไม่ต้องหลับตาก็เห็นภาพศพของพ่อแม่ที่เละไปด้วยเลือดซึ่งนอนอยู่บนเตียงแสตนเลสในห้องดับจิต

ศราวินลบภาพตอนไปรับศพพ่อแม่ของตัวเองกับพ่อแม่ของอติพัทธ์ได้นานแล้ว แต่การได้เห็นผู้ชายที่ตัวเองนับถือเป็นพี่ชาย อยู่ในสภาพมี่ถูกยิงจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดกับตา เลือดที่อาบร่างอติพัทธ์มันขุดเอาภาพที่เขาพยายามลืมไปให้ขึ้นมาอีกครั้ง  หนำซ้ำยังหลอกหลอนให้เขาที่กลัวการสูญเสียให้เห็นภาพของอนิรุทธ์ที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดอีกด้วย

เด็กหนุ่มเงียบไป ไม่พูดอะไรออกมาอีกเพราะไม่กล้าบอกว่าในความฝันนั้น คนที่กำลังกอดเขาอยู่มีสภาพเช่นไร

อนิรุทธ์มองคนรักที่อายุน้อยกว่าด้วยความเห็นใจและเป็นห่วง

“มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้น ซัน..คุณกำลังวิตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณพัท เลยทำให้ฝันแบบนั้น..แต่ตอนนี้อาการของคุณพัทคงที่แล้ว พักฟื้นสักระยะเขาก็จะหายดี เขาจะไม่จากคุณไปแบบคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณแน่ๆ ผมให้สัญญา...”

คนฟังช้อนตาขึ้นมอง

"ผมกลัว..ที่จะต้องเสียอาจารย์ไปมากกว่า" เด็กหนุ่มสารภาพเสียงเบา อนิรุทธ์ทำท่าประหลาดใจชั่วครู่ก่อนจะปรายยิ้มอบอุ่นให้

"เด็กโง่..ผมอยู่ตรงนี้กับคุณแล้วไง" อ้อมรั้งกอดจนศีรษะทุยซุกเข้ากับอก

"ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหน ผมให้สัญญา จะรักและอยู่กับคุณตราบจนนิรันดร์.."

อนิรุทธ์บอกด้วยเสียงทุ้มจากใจ พลางลูบผมนุ่ม

"พูดแบบนี้ หมายความว่า ถึงจะเหลือเพียงแค่วิญญาณก็จะรักและอยู่กับผมตลอดไปใช่ไหมฮะ?" ศราวินเงยหน้ามาถามด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ

"แบบนั้นก็เหมือนกับตำนานของวอร์ดศัลย์เลยสิฮะ"

อนิรุทธ์โล่งใจที่เห็นเด็กหนุ่มเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้น แต่ก็เพียงแค่แวบเดียว เพราะดวงตาของเด็กหนุ่มสั่นไหวก่อนที่จะมีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา

"คุณร้องไห้ทำไม?" มือขวายกขึ้นประกบข้างแก้ม ใจสั่นด้วยความสงสารเด็กหนุ่ม ด้วยรู้ว่าศราวินร้องไห้ออกมาทำไม

“อาจารย์จะอยู่กับผม..ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามใช่ไหมฮะ?”

“แน่นอน...ผมให้สัญญาแล้ว” อนิรุทธ์พยายามสื่อให้อีกฝ่ายรู้ทั้งจากดวงตาและน้ำเสียง ว่าเขายึดมั่นในคำสัญญาที่มีให้มากแค่ไหน

ดวงตากลมสั่นเทาไม่แพ้ริมฝีปาก ศราวินกำลังต่อสู้กับความรู้สึกของตนเองที่จะเอ่ยบอกความจริงให้อีกฝ่ายฟัง

แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ น้ำตาก็ยิ่งไหลทะลักออกมาจากดวงตามากเท่านั้น จนในที่สุดเสียงหอบสะอื้นก็ดังสะท้อนขึ้นมาในห้อง

“คุณมีอะไรที่อยากบอกผมใช่ไหม?”

พอถามออกไปเช่นนั้น มือที่โอบกอดเขาอยู่ก็จิกเสื้อนอนสีเทาไว้แน่น ศราวินพยายามที่จะหยุดร้องไห้และเอ่ยด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น

"พี่..พี่พัทเขา..." น้ำเสียงสั่นเทาจนยากจะจับเป็นคำ เด็กหนุ่มเผยอริมฝีปากสลับกับขบเม้มอย่างขลาดกลัว ดวงตายังสบประสานกับคนรักที่มีอายุมากกว่า

อนิรุทธ์ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มจะกล้าพูดออกมาหรือไม่ แต่เขาเองกลับเป็นฝ่ายที่ไม่สามารถทนฟังได้

ทั้งที่คิดไว้ว่าจะทนรอจนวันที่ศราวินเอ่ยปากบอกเขาเองแท้ๆ

"เขา..ขืนใจคุณ"

คำพูดของเขาทำเอาเด็กหนุ่มตกตะลึง ริมฝีปากบางอ้าค้างน้อยๆ ดวงตาที่มีน้ำตาคลออยู่เบิกกว้าง

"อะ..อาจารย์...รู้..."

อนิรุทธ์พยักหน้ารับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทำเอาเด็กหนุ่มร้องไห้โฮออกมา ร่างสูงทรมานในใจ ได้แต่โอบกอดเด็กหนุ่มไว้และหวังว่าค่ำคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เด็กหนุ่มเจ็บปวด ศราวินจะผ่านมันไปให้ได้

"ผมรู้..และผมก็เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ”

“อะ..อาจารย์...ผมขอโทษ..ผมขอโทษ”

เสียงเด็กหนุ่มเอ่ยซ้ำแล้วซ้ำเล่ากรีดแทงเข้าไปในใจของคนฟัง

“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ...ผมผิดเอง..ที่ปกป้องคุณไม่ได้”

อนิรุทธ์บอกกลับด้วยน้ำเสียงแสนเศร้า รัดกอดแน่นไม่ยอมคลาย ได้ยินเสียงเด็กหนุ่มอ้อนวอนทั้งที่น้ำตายังคงอาบแก้ม

“อย่า..รังเกียจผมเลยนะฮะ”

“ไม่มีวัน...ผมไม่มีวันที่จะรังเกียจคุณ”

คำพูดนั้นเป็นยิ่งกว่าคำสัญญาที่มอบให้

เสียงสะอื้นค่อยๆเงียบลงท่ามกลางความเศร้าที่ยังคงแทรกซึมอยู่ในใจ

-TBC-

แฮ่ คิดถึงอาจารย์หมอกับน้องซันกันหรือเปล่าเอ่ยยย

ตอนนี้อาจจะสั้นไปนิดนะคะ จริงๆเขียนยาวไว้กว่านี้ แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่พัท เลยคิดว่าน่าจะยกไปไว้อีกตอนเลยน่าจะดีกว่า

สำหรับตอนนี้มีตัวละครใหม่ออกมาด้วย แต่คิดว่าบทบาทอาจจะไม่มากนักเพราะคิดว่าเรื่องนี้อาจจะไม่มีคู่รองค่ะ สำหรับที่ใครอยากอ่าน (แต่จะแทรกเป็นตอนพิเศษให้นะคะ ^^)

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ ^^

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ดีใจที่มาต่อแล้ว เย้

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ดีแล้วที่ซันต้ดสินใจบอก เก็บไว้มันอึดอัด

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:กลับมาต่อแล้ววววววววว :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ jing_sng

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 761
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
รอนานมากเลย ดีใจที่มาต่อ
เดาเรื่องไม่ออกเลยว่าจะไปทางไหน คงไม่เศร้าเหมือนตำนานห้องศัลย์นะ

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
โฮ~~~~มาต่อแล้วดีใจ(ร้องไห้)

ดีนะยังจำได้อยู่อ่ะ อยากอ่านต่อๆ

ออฟไลน์ canister

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ในที่สุดดดดดดดดดดดดดดด

มาต่อแล้ววว



 :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ care_me

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 162
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
คุณพระ นึกว่าอิชั้นตาฝาดซะอีก พี่โกะมาแล้ว

ตบมือแปะๆ แต่มาแบบ เรื่องยังไม่เคลียร์เท่าไหร่เลย....

อยากอ่านตอนหน้าแล้ว

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
คิดถึงสองคนนี้ค่ะ แต่มาแต่ละตอนทำเอาใจสั่นตลอดเลย :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :m15:เมื่อไหร่จะคลายตัว สงสารซันอ่ะ

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
มาต่อแล้ววววว

สงสารซันอ่ะ :o12: :o12:

ออฟไลน์ hongzaa

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยยย

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
เหลือเชื่อ มาอัพต่อแล้ว

สงสารซันนะ แต่ดีใจที่หมอรู้ความจริงก่อน และยอมรับได้ ไม่รังเกียจอะไรน้องซัน

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
นานมากกกกกกกกกกกกกกกก
จนต้องกลับไปอ่านตอนที่เจ็ดและแปดอีกรอบ

ออฟไลน์ บี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
สงสารคุณหมอรุท กะนุ้งซันนสงสารโคตรๆๆๆๆ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
อย่าให้เหมือนในชาติที่แล้วเป็นพอ

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
เมื่อไหร่คู่นี้จะมีความสุขกันซะทีหนอ ตั้งแต่ชาติที่แล้วแล้วนะนี่  :monkeysad:

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
สวัสดีค่ะคุณนักเขียนดีใจมากเลยที่เรื่องนี้กลับมาเขียนอีกครั้ง เคยเข้ามาอ่านครั้งนึงค่ะ แต่ไม่ได้เม๊นท เพราะคิดว่าคงจะไม่ได้เขียนอีกแล้ว
ร้องไห้ตั้งแต่อารัมภบทแล้วล่ะค่ะ สงสารนัองน้องซันมากตอนที่โดนข่มขืน แล้วมาน้ำตาท่วมอีกตอนหมอรุทชันสูตร แล้วลงไปอยู่ด้วยกันในโลง แบบว่าฉากนี้สุดๆอ่ะ  ที่สำคัญมามีตอนที่ปัจจุบันทั้งคู่มาเจอกันอีก พรมหลิขิต จริงๆขอให้ตอนจบอย่าต้องกลายเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเลยนะคะ เศร้าแทน อยากรู้จัง ตอนจบจะhappyหรือป่าว ใบ้ให้หน่อยได้มั้ยคะ จะได้เตรียมใจทัน  :mew2:
จะรอติดตามตอนอื่นๆอีกนะคะ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
พูดถึงตำนานแล้วคิดถึงชาติที่แล้วทันทีเลย
อย่าเป็นแบบเดิมนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
ฮ้อลลลลล ยกปัญหาหนักออกออกได้ซะที

:pig4:

ิbabobean

  • บุคคลทั่วไป
 :hao7: ขอตอนต่อไปเร็วจะเป็นไปได้ไหมคะคุณนักเขียน ฮือๆๆๆๆๆ
ในที่สุดก็ยอมพูดออกมาแล้วสินะน้องซัน ลุ้นแทบทุกวินาทีเลย TT
กลัวความฝันน้องซันจังเลย เท่านี้ก็หมดน้ำตาไปเป็นลิตรๆแล้ว
ขอความสุขจงกลับคืนสู่คุณหมอและน้องซันเถอะนะคะ
ด้วยรักและคิดถึงนิยายเรื่องนี้มากจริงๆค่ะ กอดคุณนักเขียน

ออฟไลน์ แก้วเจ้าจอม

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
มาแล้วๆๆๆๆๆๆๆ
เย้!!! :mew1:

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
ตอนที่ 10

“พี่..รักซันนะ”

“อย่างนั้นก็ช่วยจำไว้เลยนะฮะ ว่าความรักของพี่ ทำให้ซันเกลียดพี่จับใจ!”

หากย้อนเวลากลับไปได้...เขาจะไม่ยอมทำผิดเป็นครั้งที่สอง จะไม่มีวันที่จะทำร้ายคนที่ตัวเองรักเช่นนั้น

แต่อติพัทธ์ก็รู้ดีอยู่แก่อก ว่าสิ่งที่ได้กระทำไป มันไม่อาจย้อนคืนกลับไปแก้ไขได้

เสียงที่บอกว่าเกลียดเขา ยังคงก้องอยู่ในหู

แม้ยามที่เสียงปืนลั่นและลูกกระสุนทะลุเข้ามาฝังในอก เพียงเสียงเดียวที่ก้องสะท้อนในหูก็ยังคงเป็นเสียงที่ศราวินตะโกนใส่ว่าเกลียดเขา

เพราะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น

วินาทีที่ลืมตาขึ้น ก็พบกับความเจ็บตรงกลางอกและความว่างเปล่า

ถ้าเป็นในละครหรือนิยาย เมื่อพระเอกลืมตาตื่นขึ้นมาก็จะพบคนที่รักคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง

แต่เขาลืมตาแล้วพบกับความว่างเปล่า ไม่มีใครสักคนคอยเคียงข้าง

อติพัทธ์แค่นยิ้มสมเพชตัวเอง

เขาก็เป็นได้แค่ตัวร้ายที่จะไม่เหลือใครเคียงข้าง

ถึงเจ็บเจียนตาย ศราวินก็คงไม่แล

นายตำรวจหนุ่มหลับตาลงอีกครั้งอย่างเจ็บปวด นึกอยากให้ตัวเองตายไปเสีย แบบนั้นอาจจะไถ่โทษกับสิ่งที่ทำลงไปกับเด็กหนุ่มได้บ้าง

นอนหลับตาอยู่พักใหญ่ก็ได้ยินเสียงบานประตูเลื่อนเปิดออก อติพัทธ์ปรือตาขึ้นมามองด้วยความหวังที่ริบหรี่อยู่ในใจว่าศราวินจะมาเยี่ยมดูอาการเขาบ้าง แต่คนที่เข้ามากลับไม่ใช่

“ฮึ..คุณนั่นเอง”

เสียงที่พูดออกไปมันแหบแห้ง แต่คนที่ก้าวเดินเข้ามาก็ได้ยินชัดเจน

อนิรุทธ์ชะงักเท้าไว้ก่อนหันไปหานางพยาบาลที่อยู่ด้านหลังแล้วบอกให้เธอไปดูคนไข้รายอื่นก่อน เสร็จแล้วจึงเดินเข้าห้องมาพร้อมกับเลื่อนบานประตูกระจกปิดด้วย

“จำได้หรือเปล่าครับว่าคุณถูกยิง?”

“คุณคงเสียดายที่ผมยังไม่ตายสินะ”

อนิรุทธ์เมินเฉยต่อคำพูดประชดประชันนั้นก่อนจะเปิดฟอร์มปรอทในมือและกวาดสายตาอ่าน

“คุณถูกยิงเมื่อสามวันก่อน กระสุนฝังเข้าไปบริเวณกลางอก ผมผ่าตัดเอามันออกมาให้แล้ว” อนิรุทธ์ว่าแล้วหยิบเอาพาดอยู่กับคอเสียบเข้าที่หูและก่อนจะฟังเสียงจังหวะหัวใจและเสียงปอด หลังจากนั้นก็ตรวจดูอาการต่างๆพร้อมทั้งสั่งยาชุดใหม่ให้ด้วย อติพัทธ์อดทนรอจนศัลยแพทย์หนุ่มปิดฟอร์มปรอทแล้วจึงเอ่ยถาม

“ซัน..เขารู้หรือเปล่าว่าผมอยู่ที่นี่?”

ชั่วครู่หนึ่งที่อนิรุทธ์ชะงักไป เขามองนายตำรวจหนุ่มผ่านกรอบแว่นสีเงิน สายตานั้นทำเอาอติพัทธ์รู้ถึงความไม่เป็นมิตร

“รู้ครับ” คำตอบแสนสั้นและห้วน อติพัทธ์กระตุกยิ้มมุมปาก แววตาสมเพชตัวเอง

“รู้..แต่ก็ไม่คิดจะมาดูดำดูดีผมบ้างเลยสินะ”

คำถามนั้นกระตุกต่อมโกรธของอนิรุทธ์ขึ้นมา

“คุณอยากให้ซันมาคอยดูแล ทั้งที่คุณเองก็ทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยกับเขาไว้อย่างนั้นน่ะหรอครับ?” อนิรุทธ์เอ่ยเสียงเย็น ความโกรธสาดทอในดวงตาคู่คม

อติพัทธ์มองดวงตาที่โกรธเกรี้ยวนั้นก่อนจะเบือนหน้าหนี

“แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้ออกจากโรงพยาบาลได้”

อนิรุทธ์สูดลมหายใจเข้าลึก พยายามสะกดกั้นอารมณ์โกรธของตัวเองลงไป

“อย่างเร็วที่สุดก็สามอาทิตย์ แต่นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวของคุณเองด้วย”

อนิรุทธ์บอกเสร็จแล้วก็เดินออกจากห้องไปด้วยจิตใจที่ยังคงขุ่นมัว ทิ้งให้คนที่นอนอยู่รู้สึกเจ็บใจไม่น้อย รู้สึกเหมือนกำลังติดหนี้บุญคุณคนที่แย่งศราวินไป

“บ้าจริง!” นายตำรวจหนุ่มกำหมัดและทุบไปที่ราวข้างเตียงอย่างเจ็บใจ

ทั้งเจ็บใจ ทั้งขมขื่น

ยิ่งไม่ได้เห็นหน้าเด็กหนุ่มก็ยิ่งกระวนกระวาย

อยากจะพบ อยากจะเจอ อยากจะขอโทษกับสิ่งเลวร้ายที่ทำลงไปอีกครั้ง

ความคิดนั้นเป็นแรงผลักดันให้อติพัทธ์พยายามที่จะลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่ร่างกายไม่พร้อม เขามุ่งมั่นกับการที่จะลุกขึ้นจนไม่ได้ยินเสียงประตูที่เปิดออกอีกครั้ง

“อ๊ะ! เดี๋ยวสิ”

เจ้าของเสียงนั้นถลาเข้ามาข้างเตียงและใช้มือดันให้เขากลับลงไปนอนเช่นเดิม

“ปุณ?” อติพัทธ์ครางเรียกชื่อผู้ที่มาใหม่อย่างประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าจะเห็นอีกฝ่ายอยู่ที่นี่

นิปุณส่งรอยยิ้มแฝงความเป็นห่วงมาให้ แต่ก็ไม่วายที่จะบ่นออกมา

“ทำไมทำเรื่องฝืนตัวเองแบบนี้ เดี๋ยวแผลปริขึ้นมาจะทำยังไงกัน”

“นายมาที่นี่ได้ไง?”

คำถามนั้นทำเอาคนฟังรู้สึกน้อยใจอยู่ในอก แต่ร้อยตำรวจเอกนิปุณกลับไม่ได้แสดงอาการที่รู้สึกออกไปทางสีหน้า เขาหยิบเอาผ้าห่มที่กองอยู่ตรงตักของร่างสูงขึ้นมาห่มให้ก่อนจะย้อนถาม

“ผมมาไม่ได้หรือไง? หรือผิดหวังที่ไม่ใช่คนที่คุณรัก”

“ไม่ใช่อย่างนั้น..” อติพัทธ์พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง เขาถอนหายใจช้าๆ มองใบหน้าเยาว์วัยที่ชักสีหน้าก่อนจะเอ่ยต่อ

“ฉันคงใช้คำถามผิดไป จะถามว่านายเพิ่งมาถึงหรอ?”

นิปุณไม่ใช่คนโง่ที่จะหลงเชื่อว่าอีกฝ่ายแค่แสร้งถามเพื่อจะให้บรรยากาศมันดีขึ้น เขาเม้มปากแรงๆให้รู้สึกเจ็บแล้วถึงตอบ

“ก็เพิ่งมาถึงนี่แหละ” กลั้นใจโกหกออกไป ทั้งที่มาถึงตั้งแต่วันที่ชายหนุ่มบาดเจ็บ ที่โกหกเช่นนี้ ก็เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้..ว่ามีคนโง่เง่าคอยเฝ้าวนเวียนมาอยู่ข้างเตียงตลอดเวลาที่สามารถเข้ามาเยี่ยมได้

ไม่มีประโยชน์อะไรที่อติพัทธ์ต้องรู้ ในเมื่อเขาไม่ใช่คนที่อติพัทธ์ปรารถนาให้อยู่เคียงข้าง

อติพัทธ์ไม่ได้เอ่ยถามอะไรต่อ ชายหนุ่มพยายามยกมือขึ้นมาแตะอก สีหน้าเจ็บปวดจนสังเกตได้ นิปุณรู้สึกผิดปกติเลยดึงผ้าห่มที่เพิ่งห่มให้ออก

เลือดไหลซึมทะลุขึ้นมาจนเปื้อนเสื้อของโรงพยาบาลที่อีกฝ่ายสวมอยู่

“จะไปตามพยาบาลมาให้” นิปุณว่าแล้วรีบเดินออกไปตามพยาบาลทันที อติพัทธ์เม้มริมฝีปาก รู้สึกเจ็บที่บาดแผล แต่มันก็ไม่เท่าความเจ็บที่หัวใจ

อยากเห็น...

อยากเห็นหน้าศราวิน...

สักเพียงเสี้ยวนาทีก็ยังดี

 

ทางฝ่ายคนที่อติพัทธ์อยากเห็นหน้านั้น ตอนนี้กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่บนห้องแกลอรี่ที่อยู่เหนือห้องผ่าตัดสอง และมองดูการผ่าตัดอย่างเหม่อลอย รอเวลาให้อนิรุทธ์ตรวจคนไข้ในไอซียูเสร็จแล้วจึงจะค่อยตามไปราวน์รอบเย็นบนวอร์ดศัลยกรรมพร้อมกัน

ไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจใยดี อย่างไรเสีย อติพัทธ์ก็เหมือนพี่ชายแท้ๆที่โตมาด้วยกัน

แต่ก็ไม่รู้ว่าอติพัทธ์จะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ และถ้านายตำรวจหนุ่มฟื้นขึ้นมาแล้ว เขาจะวางสีหน้าอย่างไรดี

ส่วนลึกที่เป็นรอยแผลมันยังเจ็บกับการกระทำของอีกฝ่าย

เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างหนักอก แม้จะสารภาพสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับคนรักฟังแล้วและได้รับการปลอบโยนอย่างอบอุ่น ทว่าฝันร้ายนั้นก็ไม่ได้จางหายไปจากใจ ถึงอนิรุทธ์จะเน้นย้ำหลายครั้งว่าไม่ได้รังเกียจที่ร่างกายของเขาตกเป็นของคนอื่นก็ตาม แต่มันก็ยังคงเหมือนกับมีช่องว่างอยู่ในใจ อาจเป็นเพราะทั้งเขาและอนิรุทธ์ก็ยังไม่ได้แนบชิดกันอย่างลึกซึ้งเหมือนกับก่อนหน้านั้นก็เป็นได้

ความหนักใจและความรู้สึกต่างๆกำลังทับถมลงมาให้รู้สึกทรมาณ

“เฮ้อ...” ศราวินถอนหายใจอย่างหนักอก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่สุขภาพจิตจะย่ำแย่เท่านั้น แต่การเรียนก็คงพลอยไม่ดีตามไปด้วย

“ถอนหายใจเป็นคนแก่เชียวนะ!” เสียงแซวดังขึ้นพร้อมกับท่อนแขนที่พาดมาบนไหล่ ทำเอาศราวินสะดุ้งเฮือกก่อนหันไปมอง

“โธ่..อย่ามาทำให้ตกใจสิโอม”

คนที่เข้ามาหยอกคือเพื่อนร่วมชั้นปีที่ค่อนข้างสนิทด้วย แต่พอขึ้นชั้นคลินิกแล้ว ก็ถูกแยกกันไป ฐิติหรือที่มีชื่อเล่นว่าโอมคนนี้ได้ลงวอร์ดเด็กเป็นวอร์ดแรก จึงไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่

“ไม่ได้เจอกันเลยนะ วอร์ดศัลย์คงจะยุ่งมากล่ะสิ ซันดูผอมลงไปเยอะเลยนะ” คนที่ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆเอ่ยถาม ศราวินพยักหน้างึกงัก นึกแปลกใจที่เพื่อนสังเกตเห็นได้ว่าตัวเองผอมลง ทั้งที่ตัวเขาเองยังไม่รู้สึก

“อืม ยุ่งพอตัวเลยล่ะ วอร์ดเด็กล่ะเป็นไงบ้าง?”

“โอมเป็นดวงคุณชายล่ะมั้ง วันที่เข้าเวรทีไร เงียบทุกที”

ศราวินหัวเราะเบาๆทั้งที่นัยน์ตาเศร้า น้ำเสียงของฐิติยังคงสดใสเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเมื่อสองเดือนก่อน ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นชั้นคลินิกกัน ผิดกับตัวเขาที่มีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนไป

ทั้งเรื่องความคิดที่อยากจะเป็นศัลย์แพทย์เพราะได้อนิรุทธ์เป็นแรงบันดาลใจ

ทั้งเรื่องตำนานของวอร์ดศัลย์ที่ได้รู้และทำให้ได้รักกับอนิรุทธ์

ทั้งเรื่อง...ของอติพัทธ์...

ถ้าถามว่าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นอีกไหม

ศราวินก็คงบอกได้ว่าจะขอยืนอยู่ตรงช่วงเวลานี้ ไม่ขอย้อนกลับไป ถึงจะทุกข์แค่ไหน แต่การได้เป็นที่รักของอนิรุทธ์มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิต

เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงปักใจรักอนิรุทธ์ได้ขนาดนี้ ทั้งที่เวลาที่รู้จักไม่ได้นานอะไรเลย สักวันข้างหน้าอนิรุทธ์จะเปลี่ยนไปไหม จะรักเขาจนตราบที่จะตายจากกันหรือเปล่า มันก็ยังไม่แน่

แต่เขาก็ยังรัก..รักอนิรุทธ์อย่างล้นเหลือ..

รักอย่างไร้เหตุผล...

แต่ก็รัก...มากกว่าใคร

“แล้วนี่ว่างเลยมาเที่ยววอร์ดนี้หรอ? วอร์ต่อไป..โอมลงวอร์ดศัลย์ใช่ไหม?”

“อืม..ลงวอร์ดศัลย์น่ะ แต่นี่ไม่ใช่เพราะว่างเลยมาเที่ยวหรอก เด็กคนนั้นเป็นคนไข้ของโอมน่ะ” ฐิติว่าแล้วพยักพเยิดไปที่คนไข้ซึ่งตอนนี้บุรพลกำลังสอนเอ็กซ์เทิร์นให้ทำการผ่าตัดอยู่

“งั้นหรอ” ศราวินครางรับอย่างไม่กระตือรือร้นเท่าไหร่ ฐิติตีความไปเองว่าเพื่อนคงจะกำลังเหนื่อยอยู่จึงไม่แจ่มใสนัก ปกติแล้วถึงจะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน แต่ศราวินก็มีออร่าที่ทำให้ทุกคนไม่อาจที่จะเข้าใจได้ จะเรียกว่าเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวที่สูง หรือคนที่มีกำแพงหนา ฐิติเองก็ไม่อาจจะสรุปได้เช่นกัน

“น้องเขาเป็นไข้หวัดใหญ่ นอนแอดมิทมาสี่วัน จะออกจากโรงพยาบาลได้อยู่แล้วเชียว”

ครืดดดดดดด....

เสียงมือถือที่ศราวินวางเอาไว้กับตักมันสั่นขึ้นมาขัดจังหวะ เด็กหนุ่มกดให้มันหยุดสั่นแล้วหันไปส่งสีหน้าขอโทษให้แก่เพื่อน

“ขอโทษนะ ได้เวลาราวน์แล้ว แล้วค่อยคุยกันใหม่ทีหลังนะ”

“อือ แล้วเจอกัน” ฐิติบอกทั้งที่ทำหน้าเสียดาย ศราวินรวบเอาเสื้อกาวน์ที่ถอดวางพาดไว้กับเก้าอี้ข้างๆขึ้นมาสวมแล้วเดินออกจากห้องแกลอรี่ไป

 (ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
ศราวินวิ่งขึ้นมายังวอร์ดศัลยกรรมทางบันไดหนีไฟ เขาไม่อยากจะใช้ลิฟต์เพราะไม่อยากจะเจอกับสายตาของใคร ในยามนี้เขาไม่อาจปั้นหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรกับคนอื่นได้ แต่ถึงชั้นสาม เขาก็เจออนิรุทธ์ที่เปิดประตูเข้ามาพอดี

“อ้าว เมื่อกี้ไม่เห็นคุณที่ไอซียู ผมนึกว่าคุณกลับไปแล้วเสียอีก”

เด็หนุ่มเหลือบตามามองหน้าเขาก่อนจะหลบตาไป

“เขา..เป็นยังไงบ้างครับ?”

ดวงตาคมหลังกรอบแว่นอ่อนแสงลง

“ฟื้นแล้วล่ะ ดูอาการคืนนี้อีกคืน พรุ่งนี้ก็คงย้ายไปอยู่ห้องพิเศษได้”

ศราวินผงกศีรษะรับรู้แล้วไม่ได้ถามอะไรอีก สีหน้ายังคงไม่สู้ดีนัก

“เขาถามหาคุณด้วยนะ ราวน์วอร์ดเสร็จจะลงไปหาเขาหน่อยไหม?”

“ไม่ล่ะครับ ผมอยากกลับไปอ่านหนังสือมากกว่า”

เด็กหนุ่มตอบกลับมาทันทีอย่างไม่เสียเวลาคิดก่อนจะนิ่งเงียบไป อนิรุทธ์มองใบหน้าอ่อนเยาว์อย่างรู้ว่าคนรักนั้นปากไม่ตรงกับใจ ทั้งที่ใจอยากจะไปดูอาการของนายตำรวจหนุ่มแต่ก็ปากแข็ง

แต่ศัลยแพทย์หนุ่มก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรมากไปกว่านั้น เขาพยักหน้าก่อนจะเดินนำเด็กหนุ่มขึ้นไปยังชั้นวอร์ดศัลยกรรม

พอขึ้นไปถึงวอร์ด เด็กหนุ่มก็แยกไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ขณะที่อนิรุทธ์เดินไปคุยกับหัวหน้าพยาบาลที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล จากนั้นจึงพานักเรียนแพทย์ทั้งหมดเดินไปราวน์วอร์ดพร้อมกัน

ระหว่างนั้นเขาก็ลองสังเกตเด็กหนุ่มไปด้วย ศราวินเดินเหม่อๆตามเพื่อนมา สายตาเอาแต่คอยมองไปที่สมุดจดบันทึกของตัวเองแบบใจลอย เพื่อนที่อยู่ข้างกันเห็นเขามองจ้องไปก็รีบกระทุ้งสีข้างให้ศราวินเงยหน้ามาฟังเขาพูดเพราะเข้าใจว่าเขาจะไม่พอใจที่เห็นนักเรียนแพทย์ไม่ใส่ใจฟัง กระนั้นอนิรุทธ์ก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับศราวิน แต่เอ่ยอธิบายให้นักเรียนแพทย์ทุกคนฟังเกี่ยวกับการรักษาคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียง

ราวน์ทั้งวอร์ดเสร็จ ศราวินก็มายืนทำหน้าเมื่อยอยู่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล เด็กหนุ่มยกมือขึ้นมาลูบหน้าลูบตาที่รู้สึกล้าไปหมด นักเรียนแพทย์คนอื่นๆพากันแยกย้าย บ้างก็ไปช่วยกันฝึกหัตถการ บางกลุ่มก็เดินลงไปห้องผ่าตัดที่อยู่ชั้นล่าง เหลืออีกสองสามคนที่ยืนคุยอยู่กับอนิรุทธ์เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมให้กับตัวเอง ศราวินเหลือบมองดูเพื่อนร่วมรุ่นยืนคุยกับคนรักอย่างออกรสเกี่ยวกับการผ่าตัดหัวใจแบบคนไข้ยังรู้สึกตัวที่อนิรุทธ์เพิ่งจะเป็นคนลงมือผ่าตัดไปเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้

ส่วนเขาเลือกที่จะยืนอยู่คนเดียวราวกับเป็นพวกรักสันโดษ ความกระตือรือร้นที่เคยมีมันมอดหายไปหมด

“เหนื่อยหรอหมอ?” เสียงหวานของพยาบาลสาวทักขึ้นมา เสียงที่อยู่ใกล้ตัวทำให้ศราวินต้องหันไปหาและฝืนยิ้มให้เธอ

“ฮะ”

“กระทิงแดงสักขวดไหมหมอ?” อธิชาเสนอพร้อมรอยยิ้มกว้างอย่างล้อเลียน รอยยิ้มที่สดใสของเธอทำให้ศราวินต้องเผลอยิ้มตามเพราะมันช่างเหมือนกับรอยยิ้มของอาจารย์ไม่มีผิด

“ถ้าได้สักสองขวดก็ดีสิครับ” เขาแหย่เธอกลับไปเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันกลับมาอึมครึมอีกครั้ง

“ว้า เสียใจด้วยนะหมอ อาจารย์ตุลแกเพิ่งเปิดซดไปเมื่อกี้นี้เอง เอานี้ไปก่อนแล้วกันนะคะ” อธิชาบอกแล้วยื่นมือที่กำอยู่มาหา เด็กหนุ่มมองแล้วเลิกคิ้วอย่างสงสัยแต่ก็ยื่นมือไปรับ พยาบาลสาวปล่อยให้สิ่งที่อยู่ในมือล่วงลงมาอยู่บนฝ่ามือของเขา

มันคือช็อกโกแลตรูปหัวใจที่ห่อด้วยฟอยด์สีแดงขนาดน่ารัก

“ช็อกโกแลตทำให้อารมณ์สดชื่นขึ้นได้นะหมอ ตั้งแต่เล็กๆแล้วเวลาพี่รุทธ์ เอ้ยอาจารย์รุทธ์แกเหนื่อยๆ ได้ช็อกโกแลตก้อนเล็กๆสักก้อน แกจะอารมณ์ดีขึ้นมาทันตาเห็นเลยล่ะ”

เธอบอกและยังคงยิ้มแป้น สายตามองผ่านศราวินไปยังคนเป็นพี่ชายอย่างรักและชื่นชม บ่งบอกให้คู่สนทนาที่แอบลอบสังเกตได้รู้สึกว่าเธอภาคภูมิใจทุกครั้งที่ได้พูดถึงพี่ชายคนเก่งของเธอ

“งั้นหรอฮะ ขอบคุณมากนะฮะ” ศราวินบอกพลางแกะช็อกโกแลตก้อนเล็กเข้าปาก รสชาติขมระคนหวานที่กระจายในปากทำให้รู้สึกดีกว่ารสชาติฝาดๆในปากที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่ช่วยสายของวัน

“หลังจากนี้หมอไม่มีหัตถการต่อแล้วใช่ไหม? ไปหาเค้กกินกันไหมหมอ?”

“อะไรกัน? จะชวนลูกศิษย์พี่ไปกินเค้ก แล้วไม่ชวนพี่ไปด้วย ทั้งที่พี่ก็ยืนอยู่ตรงหน้าเหมือนกัน ไม่ลำเอียงไปหน่อยหรอ?” ศราวินสะดุ้งเล็กๆที่เสียงของคนรักมาดังอยู่ข้างๆทั้งที่ตอนแรกยืนอยู่ห่างกัน ส่วนพยาบาลสาวนั้นหันไปสนใจพี่ชายตัวเองเลยไม่เห็นสายตาที่เขาใช้มองไปยังศัลยแพทย์หนุ่ม

“ถ้าพี่รุทธ์ไม่ติดอะไรก็ไปด้วยกันสิ เค้กตรงร้านใกล้ๆโรงพยาบาลนี่อร่อยมากเลยนะ พี่รุทธ์ไปด้วยก็ดี จะได้เป็นเจ้ามือให้พวกเราไง”

อธิชายิ้มหวานอ้อนพี่ชายและหันมาตัดช่องทางคนที่ทำท่าจะปฏิเสธ

“มีเจ้ามือแล้ว หมอห้ามปฏิเสธนะ”

“โห ชวนแค่ซันหรอฮะ พวกเราก็อยากกินเค้กเหมือนกันนะฮะพี่”

เพื่อนร่วมชั้นของศราวินซึ่งยังคงอยู่บริเวณนั้นโอดครวญที่พยาบาลสาวลำเอียงชวนแต่ศราวินไป พยาบาลสาวหัวเราะคิกคักก่อนจะหันไปมองพี่ชายตัวเอง

“พวกหมอต้องถามอาจารย์แล้วล่ะว่าไปกันหลายคนแบบนี้จะยอมเลี้ยงหรือเปล่า” อนิรุทธ์เลิกคิ้วเมื่ออยู่ดีๆถูกถามแกมบังคับให้กลายเป็นเจ้ามือเลี้ยงเค้กไปเสียอย่างนั้น

“ก็ได้ ว่าแต่พวกหมอมีหัตถการต่อไม่ใช่หรอ?”

“พวกเรามีตอนสองทุ่มน่ะฮะ ส่วนของซันไม่มีนิวันนี้”

ศราวินพยักหน้าโดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก

“อ่อ เวลาพักพอดี งั้นก็รีบไปกันเถอะ พวกคุณจะได้ไม่กลับมาสาย”

อนิรุทธ์ว่าแล้วก็บอกให้ทุกคนไปรอที่ร้านก่อน ส่วนตัวเองจะลงไปเอาเอกสารที่ห้องทำงานแล้วขับรถตามไปเพื่อที่จะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาเอารถที่โรงพยาบาลอีก อธิชาบอกพิกัดของร้านก่อนจะพานักเรียนแพทย์ทั้งสามคนไปยังลิฟต์

ศัลยแพทย์หนุ่มมองตามทุกคนเดินเข้าลิฟต์ไปแล้วจึงเดินลงบันไดไป

ระหว่างที่ลงลิฟต์ ศราวินก็บังเอิญเจอกับนิปุณที่เข้าลิฟต์มาด้วยเช่นกัน แต่นายตำรวจหนุ่มมองเขาแล้วก็เบือนหน้าหนีราวกับไม่ต้องการมองหน้ากัน ศราวินไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายจึงมีปฏิกิริยาใส่ตนเช่นนี้ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ทักทายและทำเป็นไม่รู้จักกับเขา เขาก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะไปเซ้าซี้ทักทายให้อีกฝ่ายรำคาญใจ

“ไปเยี่ยมคุณพัทเขาบ้างล่ะ” ทว่าก่อนที่จะออกจากลิฟต์ น้ำเสียงเย็นชาก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พาให้คนในลิฟต์ประหลาดใจและจ้องมองไปยังคนพูดที่ขังสายตาตัวเองไว้กับประตูลิฟต์

“ครับ” ศราวินรับคำแล้วเดินผ่านนิปุณไปโดยไม่แม้แต่จะหันมองหน้า

“คนรู้จักหรอหมอ?” อธิชาหันมาเอ่ยถามและได้คำตอบเพียงแค่การพยักหน้าเท่านั้น สีหน้าของศราวินทำให้ทุกคนไม่กล้าที่จะเซ้าซี้ถามอะไรไปมากกว่านั้น อธิชาเลยเบนความสนใจไปคุยเรื่องเค้กของทางร้านแทน ศราวินรู้สึกผิดกับทุกคนในใจที่ทำให้เกิดบรรยากาศอึดอัดขึ้นมา

พวกเขาเดินไปถึงที่ร้านไม่ทันจะสิบนาที อนิรุทธ์ก็เดินตามเข้ามาในร้าน ศัลยแพทย์หนุ่มเดินมานั่งลงที่ข้างน้องสาวซึ่งกำลังสั่งเค้กกับทางพนักงานอยู่

“พี่รุทธ์เอาอเมริกาโน่นะ? ธิชาสั่งให้แล้ว”

“อืม รู้ใจพี่จริงนะเรา” รอยยิ้มอบอุ่นพร้อมกับน้ำเสียงเอ็นดูทำเอาทุกคนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศเป็นกันเองและเดาได้ไม่ยากว่าพี่น้องคู่นี้รักกันดีแค่ไหน

ศราวินลอบมองอย่างอิจฉา จริงอยู่ที่เขากับอติพัทธ์อยู่กันอย่างพี่น้องมาตลอด บรรยากาศก็ไม่ต่างจากเวลาที่อนิรุทธ์อยู่กับอธิชาเท่าใดนัก แต่เขากับอติพัทธ์ก็ไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ...ไหนจะความรู้สึกที่อติพัทธ์มีต่อเขา และสิ่งที่เกิดในตอนนี้อีก

“เงียบเลยหมอ เอาอะไรดีคะ?”

อธิชาหันมาถามเขาเสียงหวานทำเอาศราวินที่นั่งเหม่อต้องสะดุ้ง เขาเห็นอนิรุทธ์หันมามองอย่างเป็นห่วงแต่ก็เก็บอาการไว้เพราะไม่ได้อยู่กันตามลำพัง

“ถามซันคนเดียวหรอฮะพี่?”

เสียงแซวดังขึ้น ศราวินไม่ได้หันไปมองว่าเธอมีปฏิกิริยายังไงบนใบหน้า แต่คนที่สังเกตก็คืออนิรุทธ์ เขาเห็นว่าแก้มใสของน้องสาวมีสีชมพูฝาดขึ้นมา

“ก็พวกหมอสั่งกันไปแล้วนี่นา ขาดแต่หมอซันยังไม่ได้สั่งนี่คะ เอาอะไรดีคะหมอ?” ใบหน้าสวยหันมายิ้มให้เด็กหนุ่มอีกครั้ง ศราวินเหลือบตามองก่อนจะหันมองเมนูอีกครั้งและสั่งออกไปอย่างสั่วๆ

“เอาเป็นแมนดารินออเร้นจ์เค้กกับฮอตลาเต้แล้วกันครับ”

“แมนดารินออเร้นจ์เค้กกับฮอตลาเต้นะคะ รอสักครู่นะคะ”

พนักงานสาวบอกก่อนจะเก็บเอาเมนูบนโต๊ะไป ศราวินที่ไม่รู้จะพูดจะชวนใครคุยก็หันมองไปรอบๆร้านที่ตกแต่งสไตล์วินเทจ ภายในร้านเต็มไปด้วยนักศึกษาหนุ่มสาวจากมหาวิทยาลัยที่อยู่ข้างกัน คนที่ดูแปลกประหลาดไม่เข้ากับร้านมากที่สุดก็เห็นจะเป็นอาจารย์ของเขา แต่อนิรุทธ์ก็ทำตัวตามสบายราวกับตัวเองสามารถกลมกลืนไปกับเด็กหนุ่มสาวในร้านได้ไม่ยาก อาจารย์ของเขาคงจะถอดเสื้อกาวน์ทิ้งเอาไว้ในรถ ตอนนี้ร่างสูงสมส่วนของเขาสวมเพียงเสื้อเชิ้ตที่ปลดเนคไทออกไปแล้ว แขนเสื้อถูกพับขึ้นไว้อย่างเป็นระเบียบ

ท่าทางที่วางตัวสบายๆและพูดคุยกับคนอื่นในโต๊ะอย่างเป็นกันเองทำให้ดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ศราวินอดสังเกตไม่ได้ว่านักศึกษาสาวที่นั่งอยู่โต๊ะข้างกันแอบมองอาจารย์ของเขาอยู่เรื่อยๆแถมยังชะม้ายชายตาหวังให้อาจารย์ของเขาหันไปมอง แต่อนิรุทธ์ก็ยังคุยเรื่องเกี่ยวการผ่าตัดกับเพื่อนของเขาอย่างออกรสออกชาติจึงไม่ได้สนใจพวกเธอ

มีบางครั้งที่เขาเผลอมองอาจารย์นานๆ อนิรุทธ์ก็จะหันมาสบตาด้วยก่อนจะเสมองไปทางอื่นเหมือนไม่มีอะไร ทำตัวได้ปกติจนเขานึกชื่นชมในใจ เขาเองก็ต้องทำให้ได้อย่างอาจารย์

ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอาจารย์ สมควรที่จะต้องเก็บเป็นความลับ

ศราวินรู้ซึ้งข้อนี้แก่ใจตัวเองจึงพยายามหันไปพูดคุยกับคนอื่นๆให้เป็นปกติบ้าง แต่ด้วยความที่ต้องฝืนทำมันจึงพาให้หัวใจรู้สึกเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก ไม่ได้รับรู้รสชาติของเค้กที่ตักเข้าปากไปเลยสักคำเดียว

พออธิชาและเพื่อนของเขากลับไปที่โรงพยาบาลแล้ว ทิ้งเขาไว้กับอนิรุทธ์ตามลำพัง ศราวินก็เผลอถอนใจอย่างโล่งอก

“จะกลับกันเลยไหม?”

เสียงนุ่มถามคล้ายขอความเห็น เด็กหนุ่มเหลือบมองสบตาก่อนพยักหน้า

“ฮะ”

“งั้นรอเดี๋ยวนะ” อนิรุทธ์บอกแล้วหันไปหาพนักงานให้มาคิดเงิน ทั้งสองเดินไปขึ้นรถด้วยกัน

“คืนนี้ค้างที่หอคุณนะ”

จะให้ศราวินปฏิเสธเสียงนุ่มกับดวงตาคมที่มองมาอย่างเว้าวอนนี่ได้อย่างไรกัน เด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้แนบอกที่หัวใจกำลังเต้นอยู่เพราะสำนึกได้ว่าช่วงนี้ทำให้คนข้างกันเป็นห่วงมากแค่ไหน

“ฮะ..”

อนิรุทธ์ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีก็ขับรถมาจอดในลานจอดรถใต้หอพักของเด็กหนุ่ม ทั้งสองขึ้นไปยังห้องพัก ตลอดทางยังคงไม่มีใครเริ่มบทสนทนาก่อน มีเพียงสายตาห่วงใยที่อนิรุทธ์ทอดมองคนรักอยู่ตลอดเวลา

“ซัน...ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยสักหน่อย”

เสียงทุ้มดังขึ้นทันทีเมื่อได้มาอยู่เพียงลำพังภายในห้อง เด็กหนุ่มละสายตาจากเครื่องปรับอากาศที่เพิ่งเปิดไปมามองหน้าคนพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจ

เรื่องที่อาจารย์จะขอร้องให้ช่วย...

คนอย่างเขาจะมีความสามารถอะไรที่จะช่วยอาจารย์ได้กันนะ?

เด็กหนุ่มลอบคิดในใจขณะที่พยักหน้ารับคำ อนิรุทธ์เดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า มืออบอุ่นจับมือเขาเอาไว้ขณะสบตากัน

“อาจารย์มีอะไรให้ซันช่วยหรอฮะ?”

“วันนี้..คนรักของผม เขาไม่ยิ้มให้ผมเลย ผมอยากให้คุณช่วยบอกคนรักของผมสักหน่อยได้ไหม...ว่าผมอยากให้เขายิ้มน่ารักๆให้ผมที”

เมื่อคนตัวโตที่มีอายุมากกว่าเอ่ยอ้อนเสียงหวานขนาดนี้ คนที่มีอารมณ์หม่นๆมาทั้งวันก็หลุดยิ้มออกมาได้อย่างไม่ต้องฝืน อนิรุทธ์ยกมือข้างที่ไม่ได้จับมือบางขึ้นมาลูบแก้มเนียน มองเด็กหนุ่มอย่างรักใคร่

“ผมเกือบลืมไปแล้วนะ..ว่ารอยยิ้มของคุณสวยแค่ไหน”

“ขอโทษนะฮะที่ทำให้เป็นห่วง”

ศราวินมีสีหน้าสำนึกผิด เขาเอียงหน้าซบฝ่ามือที่จับแก้มตัวเองอยู่

“ไม่เป็นไรหรอก..ผมเข้าใจ” อนิรุทธ์บอกแล้ววาดวงแขนกอดร่างเล็กมาแนบอก วงแขนของเด็กหนุ่มกอดเขาเอาไว้

อาจเป็นเพราะอนิรุทธ์เป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจในตัวเขาก็เป็นได้ จึงทำให้ศราวินรู้สึกรักและสบายใจที่ได้อยู่ด้วยก็เป็นได้

อนิรุทธ์มีนิสัยที่ผิดกับอติพัทธ์ เขาเข้าใจและไม่เซ้าซี้ให้เขารำคาญใจ ต่างจากอติพัทธ์ที่มักจะเซ้าซี้จนเขารู้สึกอึดอัด

นึกถึงอติพัทธ์แล้ว ใจมันก็รู้สึกอึดอัด

จะให้เขาหนีตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาลก็คงจะยาก อีกทั้งพรุ่งนี้ อติพัทธ์ก็จะได้ย้ายขึ้นมาอยู่ห้องพิเศษของวอร์ดศัลยกรรมอีกด้วย ยังไงเสียก็คงต้องเจอหน้ากัน

“คิดอะไรอยู่หืม?”

ศราวินเหลือบมองคนที่กอดตัวเองก่อนจะสั่นหน้าเบาๆ

“ไม่มีอะไรฮะ”

เด็กหนุ่มพยายามลบความรู้สึกเป็นกังวลในใจออกไป

ช่วงเวลานี้มันควรเป็นของพวกเขาเท่านั้น

-TBC-


แอบหายไปนานอยู่ ขอบคุณท่ียังติดตามนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :hao5: :hao5: :hao5:มาต่อแล้ววววววววววว :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
 :L2:  แวะมาให้กำลังใจคนเขียนค่ะ

แปะไว้ก่อน  อ่านไปได้นิดนึงก็พักยาว  จนป่านนี้ยังไม่ได้อ่านต่อ  มันปวดตับ  555+

แต่ยังแอบดีใจเสมอเวลาเรื่องอัพ   :pig4: :กอด1:

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
โฮกกกกกกกกกก  ในที่สุดก็มาต่อ  ขอแปะไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยวมาอ่าน

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
มาต่อแล้ว ดีใจๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
อึดอัดนิดๆแต่ยังไม่มาก
อาจารย์คือดีอ่ะ รีบๆเป้นหมอนะซันนน
รำคาญพี่ชายซันมาก เลวขนาดนั้นยังจะหวังลมๆแล้งๆอีก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด