ศราวินวิ่งขึ้นมายังวอร์ดศัลยกรรมทางบันไดหนีไฟ เขาไม่อยากจะใช้ลิฟต์เพราะไม่อยากจะเจอกับสายตาของใคร ในยามนี้เขาไม่อาจปั้นหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรกับคนอื่นได้ แต่ถึงชั้นสาม เขาก็เจออนิรุทธ์ที่เปิดประตูเข้ามาพอดี
“อ้าว เมื่อกี้ไม่เห็นคุณที่ไอซียู ผมนึกว่าคุณกลับไปแล้วเสียอีก”
เด็หนุ่มเหลือบตามามองหน้าเขาก่อนจะหลบตาไป
“เขา..เป็นยังไงบ้างครับ?”
ดวงตาคมหลังกรอบแว่นอ่อนแสงลง
“ฟื้นแล้วล่ะ ดูอาการคืนนี้อีกคืน พรุ่งนี้ก็คงย้ายไปอยู่ห้องพิเศษได้”
ศราวินผงกศีรษะรับรู้แล้วไม่ได้ถามอะไรอีก สีหน้ายังคงไม่สู้ดีนัก
“เขาถามหาคุณด้วยนะ ราวน์วอร์ดเสร็จจะลงไปหาเขาหน่อยไหม?”
“ไม่ล่ะครับ ผมอยากกลับไปอ่านหนังสือมากกว่า”
เด็กหนุ่มตอบกลับมาทันทีอย่างไม่เสียเวลาคิดก่อนจะนิ่งเงียบไป อนิรุทธ์มองใบหน้าอ่อนเยาว์อย่างรู้ว่าคนรักนั้นปากไม่ตรงกับใจ ทั้งที่ใจอยากจะไปดูอาการของนายตำรวจหนุ่มแต่ก็ปากแข็ง
แต่ศัลยแพทย์หนุ่มก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรมากไปกว่านั้น เขาพยักหน้าก่อนจะเดินนำเด็กหนุ่มขึ้นไปยังชั้นวอร์ดศัลยกรรม
พอขึ้นไปถึงวอร์ด เด็กหนุ่มก็แยกไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ขณะที่อนิรุทธ์เดินไปคุยกับหัวหน้าพยาบาลที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล จากนั้นจึงพานักเรียนแพทย์ทั้งหมดเดินไปราวน์วอร์ดพร้อมกัน
ระหว่างนั้นเขาก็ลองสังเกตเด็กหนุ่มไปด้วย ศราวินเดินเหม่อๆตามเพื่อนมา สายตาเอาแต่คอยมองไปที่สมุดจดบันทึกของตัวเองแบบใจลอย เพื่อนที่อยู่ข้างกันเห็นเขามองจ้องไปก็รีบกระทุ้งสีข้างให้ศราวินเงยหน้ามาฟังเขาพูดเพราะเข้าใจว่าเขาจะไม่พอใจที่เห็นนักเรียนแพทย์ไม่ใส่ใจฟัง กระนั้นอนิรุทธ์ก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับศราวิน แต่เอ่ยอธิบายให้นักเรียนแพทย์ทุกคนฟังเกี่ยวกับการรักษาคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียง
ราวน์ทั้งวอร์ดเสร็จ ศราวินก็มายืนทำหน้าเมื่อยอยู่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล เด็กหนุ่มยกมือขึ้นมาลูบหน้าลูบตาที่รู้สึกล้าไปหมด นักเรียนแพทย์คนอื่นๆพากันแยกย้าย บ้างก็ไปช่วยกันฝึกหัตถการ บางกลุ่มก็เดินลงไปห้องผ่าตัดที่อยู่ชั้นล่าง เหลืออีกสองสามคนที่ยืนคุยอยู่กับอนิรุทธ์เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมให้กับตัวเอง ศราวินเหลือบมองดูเพื่อนร่วมรุ่นยืนคุยกับคนรักอย่างออกรสเกี่ยวกับการผ่าตัดหัวใจแบบคนไข้ยังรู้สึกตัวที่อนิรุทธ์เพิ่งจะเป็นคนลงมือผ่าตัดไปเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้
ส่วนเขาเลือกที่จะยืนอยู่คนเดียวราวกับเป็นพวกรักสันโดษ ความกระตือรือร้นที่เคยมีมันมอดหายไปหมด
“เหนื่อยหรอหมอ?” เสียงหวานของพยาบาลสาวทักขึ้นมา เสียงที่อยู่ใกล้ตัวทำให้ศราวินต้องหันไปหาและฝืนยิ้มให้เธอ
“ฮะ”
“กระทิงแดงสักขวดไหมหมอ?” อธิชาเสนอพร้อมรอยยิ้มกว้างอย่างล้อเลียน รอยยิ้มที่สดใสของเธอทำให้ศราวินต้องเผลอยิ้มตามเพราะมันช่างเหมือนกับรอยยิ้มของอาจารย์ไม่มีผิด
“ถ้าได้สักสองขวดก็ดีสิครับ” เขาแหย่เธอกลับไปเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันกลับมาอึมครึมอีกครั้ง
“ว้า เสียใจด้วยนะหมอ อาจารย์ตุลแกเพิ่งเปิดซดไปเมื่อกี้นี้เอง เอานี้ไปก่อนแล้วกันนะคะ” อธิชาบอกแล้วยื่นมือที่กำอยู่มาหา เด็กหนุ่มมองแล้วเลิกคิ้วอย่างสงสัยแต่ก็ยื่นมือไปรับ พยาบาลสาวปล่อยให้สิ่งที่อยู่ในมือล่วงลงมาอยู่บนฝ่ามือของเขา
มันคือช็อกโกแลตรูปหัวใจที่ห่อด้วยฟอยด์สีแดงขนาดน่ารัก
“ช็อกโกแลตทำให้อารมณ์สดชื่นขึ้นได้นะหมอ ตั้งแต่เล็กๆแล้วเวลาพี่รุทธ์ เอ้ยอาจารย์รุทธ์แกเหนื่อยๆ ได้ช็อกโกแลตก้อนเล็กๆสักก้อน แกจะอารมณ์ดีขึ้นมาทันตาเห็นเลยล่ะ”
เธอบอกและยังคงยิ้มแป้น สายตามองผ่านศราวินไปยังคนเป็นพี่ชายอย่างรักและชื่นชม บ่งบอกให้คู่สนทนาที่แอบลอบสังเกตได้รู้สึกว่าเธอภาคภูมิใจทุกครั้งที่ได้พูดถึงพี่ชายคนเก่งของเธอ
“งั้นหรอฮะ ขอบคุณมากนะฮะ” ศราวินบอกพลางแกะช็อกโกแลตก้อนเล็กเข้าปาก รสชาติขมระคนหวานที่กระจายในปากทำให้รู้สึกดีกว่ารสชาติฝาดๆในปากที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่ช่วยสายของวัน
“หลังจากนี้หมอไม่มีหัตถการต่อแล้วใช่ไหม? ไปหาเค้กกินกันไหมหมอ?”
“อะไรกัน? จะชวนลูกศิษย์พี่ไปกินเค้ก แล้วไม่ชวนพี่ไปด้วย ทั้งที่พี่ก็ยืนอยู่ตรงหน้าเหมือนกัน ไม่ลำเอียงไปหน่อยหรอ?” ศราวินสะดุ้งเล็กๆที่เสียงของคนรักมาดังอยู่ข้างๆทั้งที่ตอนแรกยืนอยู่ห่างกัน ส่วนพยาบาลสาวนั้นหันไปสนใจพี่ชายตัวเองเลยไม่เห็นสายตาที่เขาใช้มองไปยังศัลยแพทย์หนุ่ม
“ถ้าพี่รุทธ์ไม่ติดอะไรก็ไปด้วยกันสิ เค้กตรงร้านใกล้ๆโรงพยาบาลนี่อร่อยมากเลยนะ พี่รุทธ์ไปด้วยก็ดี จะได้เป็นเจ้ามือให้พวกเราไง”
อธิชายิ้มหวานอ้อนพี่ชายและหันมาตัดช่องทางคนที่ทำท่าจะปฏิเสธ
“มีเจ้ามือแล้ว หมอห้ามปฏิเสธนะ”
“โห ชวนแค่ซันหรอฮะ พวกเราก็อยากกินเค้กเหมือนกันนะฮะพี่”
เพื่อนร่วมชั้นของศราวินซึ่งยังคงอยู่บริเวณนั้นโอดครวญที่พยาบาลสาวลำเอียงชวนแต่ศราวินไป พยาบาลสาวหัวเราะคิกคักก่อนจะหันไปมองพี่ชายตัวเอง
“พวกหมอต้องถามอาจารย์แล้วล่ะว่าไปกันหลายคนแบบนี้จะยอมเลี้ยงหรือเปล่า” อนิรุทธ์เลิกคิ้วเมื่ออยู่ดีๆถูกถามแกมบังคับให้กลายเป็นเจ้ามือเลี้ยงเค้กไปเสียอย่างนั้น
“ก็ได้ ว่าแต่พวกหมอมีหัตถการต่อไม่ใช่หรอ?”
“พวกเรามีตอนสองทุ่มน่ะฮะ ส่วนของซันไม่มีนิวันนี้”
ศราวินพยักหน้าโดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก
“อ่อ เวลาพักพอดี งั้นก็รีบไปกันเถอะ พวกคุณจะได้ไม่กลับมาสาย”
อนิรุทธ์ว่าแล้วก็บอกให้ทุกคนไปรอที่ร้านก่อน ส่วนตัวเองจะลงไปเอาเอกสารที่ห้องทำงานแล้วขับรถตามไปเพื่อที่จะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาเอารถที่โรงพยาบาลอีก อธิชาบอกพิกัดของร้านก่อนจะพานักเรียนแพทย์ทั้งสามคนไปยังลิฟต์
ศัลยแพทย์หนุ่มมองตามทุกคนเดินเข้าลิฟต์ไปแล้วจึงเดินลงบันไดไป
ระหว่างที่ลงลิฟต์ ศราวินก็บังเอิญเจอกับนิปุณที่เข้าลิฟต์มาด้วยเช่นกัน แต่นายตำรวจหนุ่มมองเขาแล้วก็เบือนหน้าหนีราวกับไม่ต้องการมองหน้ากัน ศราวินไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายจึงมีปฏิกิริยาใส่ตนเช่นนี้ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ทักทายและทำเป็นไม่รู้จักกับเขา เขาก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะไปเซ้าซี้ทักทายให้อีกฝ่ายรำคาญใจ
“ไปเยี่ยมคุณพัทเขาบ้างล่ะ” ทว่าก่อนที่จะออกจากลิฟต์ น้ำเสียงเย็นชาก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พาให้คนในลิฟต์ประหลาดใจและจ้องมองไปยังคนพูดที่ขังสายตาตัวเองไว้กับประตูลิฟต์
“ครับ” ศราวินรับคำแล้วเดินผ่านนิปุณไปโดยไม่แม้แต่จะหันมองหน้า
“คนรู้จักหรอหมอ?” อธิชาหันมาเอ่ยถามและได้คำตอบเพียงแค่การพยักหน้าเท่านั้น สีหน้าของศราวินทำให้ทุกคนไม่กล้าที่จะเซ้าซี้ถามอะไรไปมากกว่านั้น อธิชาเลยเบนความสนใจไปคุยเรื่องเค้กของทางร้านแทน ศราวินรู้สึกผิดกับทุกคนในใจที่ทำให้เกิดบรรยากาศอึดอัดขึ้นมา
พวกเขาเดินไปถึงที่ร้านไม่ทันจะสิบนาที อนิรุทธ์ก็เดินตามเข้ามาในร้าน ศัลยแพทย์หนุ่มเดินมานั่งลงที่ข้างน้องสาวซึ่งกำลังสั่งเค้กกับทางพนักงานอยู่
“พี่รุทธ์เอาอเมริกาโน่นะ? ธิชาสั่งให้แล้ว”
“อืม รู้ใจพี่จริงนะเรา” รอยยิ้มอบอุ่นพร้อมกับน้ำเสียงเอ็นดูทำเอาทุกคนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศเป็นกันเองและเดาได้ไม่ยากว่าพี่น้องคู่นี้รักกันดีแค่ไหน
ศราวินลอบมองอย่างอิจฉา จริงอยู่ที่เขากับอติพัทธ์อยู่กันอย่างพี่น้องมาตลอด บรรยากาศก็ไม่ต่างจากเวลาที่อนิรุทธ์อยู่กับอธิชาเท่าใดนัก แต่เขากับอติพัทธ์ก็ไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ...ไหนจะความรู้สึกที่อติพัทธ์มีต่อเขา และสิ่งที่เกิดในตอนนี้อีก
“เงียบเลยหมอ เอาอะไรดีคะ?”
อธิชาหันมาถามเขาเสียงหวานทำเอาศราวินที่นั่งเหม่อต้องสะดุ้ง เขาเห็นอนิรุทธ์หันมามองอย่างเป็นห่วงแต่ก็เก็บอาการไว้เพราะไม่ได้อยู่กันตามลำพัง
“ถามซันคนเดียวหรอฮะพี่?”
เสียงแซวดังขึ้น ศราวินไม่ได้หันไปมองว่าเธอมีปฏิกิริยายังไงบนใบหน้า แต่คนที่สังเกตก็คืออนิรุทธ์ เขาเห็นว่าแก้มใสของน้องสาวมีสีชมพูฝาดขึ้นมา
“ก็พวกหมอสั่งกันไปแล้วนี่นา ขาดแต่หมอซันยังไม่ได้สั่งนี่คะ เอาอะไรดีคะหมอ?” ใบหน้าสวยหันมายิ้มให้เด็กหนุ่มอีกครั้ง ศราวินเหลือบตามองก่อนจะหันมองเมนูอีกครั้งและสั่งออกไปอย่างสั่วๆ
“เอาเป็นแมนดารินออเร้นจ์เค้กกับฮอตลาเต้แล้วกันครับ”
“แมนดารินออเร้นจ์เค้กกับฮอตลาเต้นะคะ รอสักครู่นะคะ”
พนักงานสาวบอกก่อนจะเก็บเอาเมนูบนโต๊ะไป ศราวินที่ไม่รู้จะพูดจะชวนใครคุยก็หันมองไปรอบๆร้านที่ตกแต่งสไตล์วินเทจ ภายในร้านเต็มไปด้วยนักศึกษาหนุ่มสาวจากมหาวิทยาลัยที่อยู่ข้างกัน คนที่ดูแปลกประหลาดไม่เข้ากับร้านมากที่สุดก็เห็นจะเป็นอาจารย์ของเขา แต่อนิรุทธ์ก็ทำตัวตามสบายราวกับตัวเองสามารถกลมกลืนไปกับเด็กหนุ่มสาวในร้านได้ไม่ยาก อาจารย์ของเขาคงจะถอดเสื้อกาวน์ทิ้งเอาไว้ในรถ ตอนนี้ร่างสูงสมส่วนของเขาสวมเพียงเสื้อเชิ้ตที่ปลดเนคไทออกไปแล้ว แขนเสื้อถูกพับขึ้นไว้อย่างเป็นระเบียบ
ท่าทางที่วางตัวสบายๆและพูดคุยกับคนอื่นในโต๊ะอย่างเป็นกันเองทำให้ดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ศราวินอดสังเกตไม่ได้ว่านักศึกษาสาวที่นั่งอยู่โต๊ะข้างกันแอบมองอาจารย์ของเขาอยู่เรื่อยๆแถมยังชะม้ายชายตาหวังให้อาจารย์ของเขาหันไปมอง แต่อนิรุทธ์ก็ยังคุยเรื่องเกี่ยวการผ่าตัดกับเพื่อนของเขาอย่างออกรสออกชาติจึงไม่ได้สนใจพวกเธอ
มีบางครั้งที่เขาเผลอมองอาจารย์นานๆ อนิรุทธ์ก็จะหันมาสบตาด้วยก่อนจะเสมองไปทางอื่นเหมือนไม่มีอะไร ทำตัวได้ปกติจนเขานึกชื่นชมในใจ เขาเองก็ต้องทำให้ได้อย่างอาจารย์
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอาจารย์ สมควรที่จะต้องเก็บเป็นความลับ
ศราวินรู้ซึ้งข้อนี้แก่ใจตัวเองจึงพยายามหันไปพูดคุยกับคนอื่นๆให้เป็นปกติบ้าง แต่ด้วยความที่ต้องฝืนทำมันจึงพาให้หัวใจรู้สึกเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก ไม่ได้รับรู้รสชาติของเค้กที่ตักเข้าปากไปเลยสักคำเดียว
พออธิชาและเพื่อนของเขากลับไปที่โรงพยาบาลแล้ว ทิ้งเขาไว้กับอนิรุทธ์ตามลำพัง ศราวินก็เผลอถอนใจอย่างโล่งอก
“จะกลับกันเลยไหม?”
เสียงนุ่มถามคล้ายขอความเห็น เด็กหนุ่มเหลือบมองสบตาก่อนพยักหน้า
“ฮะ”
“งั้นรอเดี๋ยวนะ” อนิรุทธ์บอกแล้วหันไปหาพนักงานให้มาคิดเงิน ทั้งสองเดินไปขึ้นรถด้วยกัน
“คืนนี้ค้างที่หอคุณนะ”
จะให้ศราวินปฏิเสธเสียงนุ่มกับดวงตาคมที่มองมาอย่างเว้าวอนนี่ได้อย่างไรกัน เด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้แนบอกที่หัวใจกำลังเต้นอยู่เพราะสำนึกได้ว่าช่วงนี้ทำให้คนข้างกันเป็นห่วงมากแค่ไหน
“ฮะ..”
อนิรุทธ์ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีก็ขับรถมาจอดในลานจอดรถใต้หอพักของเด็กหนุ่ม ทั้งสองขึ้นไปยังห้องพัก ตลอดทางยังคงไม่มีใครเริ่มบทสนทนาก่อน มีเพียงสายตาห่วงใยที่อนิรุทธ์ทอดมองคนรักอยู่ตลอดเวลา
“ซัน...ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยสักหน่อย”
เสียงทุ้มดังขึ้นทันทีเมื่อได้มาอยู่เพียงลำพังภายในห้อง เด็กหนุ่มละสายตาจากเครื่องปรับอากาศที่เพิ่งเปิดไปมามองหน้าคนพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจ
เรื่องที่อาจารย์จะขอร้องให้ช่วย...
คนอย่างเขาจะมีความสามารถอะไรที่จะช่วยอาจารย์ได้กันนะ?
เด็กหนุ่มลอบคิดในใจขณะที่พยักหน้ารับคำ อนิรุทธ์เดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า มืออบอุ่นจับมือเขาเอาไว้ขณะสบตากัน
“อาจารย์มีอะไรให้ซันช่วยหรอฮะ?”
“วันนี้..คนรักของผม เขาไม่ยิ้มให้ผมเลย ผมอยากให้คุณช่วยบอกคนรักของผมสักหน่อยได้ไหม...ว่าผมอยากให้เขายิ้มน่ารักๆให้ผมที”
เมื่อคนตัวโตที่มีอายุมากกว่าเอ่ยอ้อนเสียงหวานขนาดนี้ คนที่มีอารมณ์หม่นๆมาทั้งวันก็หลุดยิ้มออกมาได้อย่างไม่ต้องฝืน อนิรุทธ์ยกมือข้างที่ไม่ได้จับมือบางขึ้นมาลูบแก้มเนียน มองเด็กหนุ่มอย่างรักใคร่
“ผมเกือบลืมไปแล้วนะ..ว่ารอยยิ้มของคุณสวยแค่ไหน”
“ขอโทษนะฮะที่ทำให้เป็นห่วง”
ศราวินมีสีหน้าสำนึกผิด เขาเอียงหน้าซบฝ่ามือที่จับแก้มตัวเองอยู่
“ไม่เป็นไรหรอก..ผมเข้าใจ” อนิรุทธ์บอกแล้ววาดวงแขนกอดร่างเล็กมาแนบอก วงแขนของเด็กหนุ่มกอดเขาเอาไว้
อาจเป็นเพราะอนิรุทธ์เป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจในตัวเขาก็เป็นได้ จึงทำให้ศราวินรู้สึกรักและสบายใจที่ได้อยู่ด้วยก็เป็นได้
อนิรุทธ์มีนิสัยที่ผิดกับอติพัทธ์ เขาเข้าใจและไม่เซ้าซี้ให้เขารำคาญใจ ต่างจากอติพัทธ์ที่มักจะเซ้าซี้จนเขารู้สึกอึดอัด
นึกถึงอติพัทธ์แล้ว ใจมันก็รู้สึกอึดอัด
จะให้เขาหนีตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาลก็คงจะยาก อีกทั้งพรุ่งนี้ อติพัทธ์ก็จะได้ย้ายขึ้นมาอยู่ห้องพิเศษของวอร์ดศัลยกรรมอีกด้วย ยังไงเสียก็คงต้องเจอหน้ากัน
“คิดอะไรอยู่หืม?”
ศราวินเหลือบมองคนที่กอดตัวเองก่อนจะสั่นหน้าเบาๆ
“ไม่มีอะไรฮะ”
เด็กหนุ่มพยายามลบความรู้สึกเป็นกังวลในใจออกไป
ช่วงเวลานี้มันควรเป็นของพวกเขาเท่านั้น
-TBC-
แอบหายไปนานอยู่ ขอบคุณท่ียังติดตามนะคะ