[Tragedy Series] Tell me the Legend ตำนานรัก..โรงเรียนแพทย์ - Ch.20 จบ (25/4/15)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Tragedy Series] Tell me the Legend ตำนานรัก..โรงเรียนแพทย์ - Ch.20 จบ (25/4/15)  (อ่าน 223034 ครั้ง)

ออฟไลน์ owo llยมuมข้u

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
เหมือนสวรรค์ มาต่อ ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ซันเข้มแข็งมากๆเลย ตื่นมาก็บอกคนร้ายได้ พวกนี้ต้องโทษให้หนักเอาแบบว่ากรรมตามสนองโดนรุมโทรมบ้าง จะได้ไม่กล้างกร่างอีกทั้งพ่อทั้งลูกเลย


ออฟไลน์ jessiblossom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
มาต่อแล้ว ขอบคุนค่ะ

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ขอให้จิตใจฟื้นฟูเร็วๆนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 :katai1: จริงๆ ตามที่หมออนิรุทธิ์ว่า คนแบบนี้ไม่สมควรได้รับการอภัย ไม่สำนึก

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
จับให้ได้นะพัทธ

ออฟไลน์ Cream A

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
เคยติดตามนิยายของคุณZynestras เรื่อง When It Rain แล้วชอบในการเล่าเรื่อง ภาษาที่ใช้บรรยาย มันทำให้เราอินมากๆ

เลยตามมาอ่านเรื่องนี้ต่อ ปกติเราไม่ค่อยแนวดราม่าและแนวลี้ลับเลย เพราะกลัวเลิกอ่านกลางคันซะก่อน :o12: แต่ยกเว้นเรื่องนี้ไว้เลย

ตอนแรกว่าจะอ่านสักนิดก่อนถ้าดราม่าไปจะหยุดอ่าน แต่นี้คนเขียนปล่อยของมาตั้งแต่บทแรกๆอ่านเพลินจนจบในวันเดียวเลย

บอกเลยลุ้นทุกตอน  คุณZynestras เหมาะเขียนแนวดราม่าแต่ก็ให้อารมณ์สวยงาม ปลื้มมมม เจอนักเขียนถูกใจอีกคนและ  :katai2-1:

เห็นบอกว่าอีกสามตอนจบแล้ว ยังไงจะรอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
น้องซันน่าสงสารมาก กลับมาเป็นคนเดิมเร็วๆนะ
ไม่ต้องกลัวอะไรอีก พี่หมอจะไม่ทิ้งซันให้อยู่คนเดียวอีกแล้ว
ไอ้โก้ ไอ้ระยำเอ้ยย ขอให้แกตายอย่างทรมานที่สุด

ออฟไลน์ wavalove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น้ำตาไหลพราก ...

โอ้ยยย 

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
ยาวสะใจมากอ่ะ แล้วก็ดีใจที่ซันไม่เป็ยอะไรมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MIwEMInE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาต่อแล้ว :katai2-1: :katai2-1:
ขอให้จับโก้ได้ แล้วต่อไปอย่าได้มีเหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้นอีกเลย :monkeysad:


รอตอนต่อไปอยู่นะคะ :katai5:

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
โถถถ ซันเอ๊ย เคราะห์ซ้ำกรรมซัด โดนข่มขืนรอบแล้วรอบเล่า

ออฟไลน์ แพรพลอย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ในที่สุดก็อ่านตามทันแล้ว  o18

ชอบนิยายของคุณ Zynestras มากค่ะ เพิ่งมีโอกาสได้อ่านแค่สองเรื่อง คือเรื่องนี้กับเรื่อง When It Rain
ชอบทั้งภาษาและการบรรยายเนื้อเรื่องมากเลยค่ะ อ่านแล้วอินมากเลย
ตอนเศร้าก็น้ำตาร่วงตาม ตอนน่ารักก็ยิ้มตามจนแก้มปริเลยค่ะ

หวังว่าหลังจากนี้คงไม่มีเรื่องให้น้องซันต้องเสียใจแล้วนะคะ อยากให้น้องหมอกับอาจารย์หมอมีความสุขกันมากๆ
สวนคนเลวๆก็ขอให้ถูกจับเข้าคุกแบบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย ระยำเกินคนนัก  :angry2:


ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้ได้อ่านนะคะ
ติดตามต่อค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
ตอนที่ 18

ทันทีที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นอมรจริง อติพัทธ์ก็ให้ลูกน้องตามล่าตัวอมรมารับโทษทันที อนิรุทธ์เดินออกมารอเขาโทรศัพท์สั่งลูกน้อง เมื่อสั่งเสร็จแล้ว อติพัทธ์ก็หันมา

“แล้วกับเขา..คุณยังอยากให้เขาได้รับโทษอยู่อีกหรือเปล่า?”

“ซันให้อภัยเขาแล้วนะ แต่ผมเอง..อยากให้เขาได้รับโทษตามกฎหมายบ้าง แต่เรื่องมันก็ผ่านมาสี่สิบปีแล้ว อายุความก็หมดไปแล้วด้วย เขาเคยบอกว่าจะไปมอบตัว แต่ก็ไม่รู้ว่ากฎหมายจะทำอะไรเขาได้บ้าง”

“หมดอายุความไปแล้ว..เขาก็ไม่รื้อคดีมาทำให้อยู่ดี”

อติพัทธ์เองก็เสียดายที่ได้คนร้ายมาอยู่ตรงหน้าแต่กลับทำอะไรไม่ได้เช่นนี้

ทั้งสองพากันเดินกลับไปยังห้องไอซียูพอไปถึงแล้วก็เจอแต่อรทิพย์นั่งอยู่ข้างเตียงตามลำพัง

"เป็นยังไงบ้างคะลูก?"

"ลูกชายของเขาเป็นคนร้ายจริงครับแม่เล็ก" อนิรุทธ์เป็นคนตอบ ขณะที่อติพัทธ์นึกเสียดายที่อธิชาไม่อยู่

"งั้นหรอทีนี้ก็ตามจับสินะ"

"ครับ" อรทิพย์ดูเบาใจขึ้นเมื่อรู้ตัวคนร้ายแล้ว

"ถ้างั้นทั้งสองคนไปทานข้าวได้แล้วนะนี่จ้ะ"

อรทิพย์ยกถุงที่ใส่กล่องโฟมมายื่นให้

"ผมขอรับไปทานระหว่างทางกลับแล้วกันนะครับพอดีผมให้ลูกน้องวนรถมารับ คงจะใกล้มาถึงแล้ว" อติพัทธ์บอกและรับน้ำใจของเธอไว้

"ขอบคุณมากนะครับ"

"แล้วเจอกันนะจ้ะ" อติพัทธ์ยิ้มให้เธอก่อนจะหันไปหาศราวินที่ยังคงนอนหลับบนเตียง

"ฝากซันด้วยนะ" เขาตบบ่าอนิรุทธ์เบาๆศัลยแพทย์หนุ่มพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะเดินกลับออกไป

"ถ้าจับตัวคนร้ายได้ไวๆก็ดีสินะคะลูก" อรทิพย์เปรยออกมา

อนิรุทธ์เห็นด้วยกับเธอ คนร้ายอย่างอมรสมควรที่จะโดนจับเข้าคุกให้ไวก่อนที่จะไปทำร้ายใครอีก

“รุทธ์..ธิชาบอกแม่ว่าคุณพัทเขาเป็นคนรู้จักของน้อง แต่เท่าที่แม่สังเกตดู เหมือนคุณพัทเขาห่วงใยน้องมากกว่าจะเป็นแค่คนรู้จักกันนะ”

อนิรุทธ์ยิ้มให้กับความช่างสังเกตของเธอ

“คุณพัทกับซันโตมาด้วยกันน่ะครับ พ่อแม่ของทั้งสองสนิทกันมาก เลยเลี้ยงทั้งคู่เหมือนเป็นพี่น้องกัน”

อนิรุทธ์ตอบไปโดยเลี่ยงที่จะพูดถึงความรู้สึกของอติพัทธ์ที่มีมากเกินกว่าพี่น้อง

“อ่อ..เออจะว่าไป แล้วพ่อกับแม่ของน้องล่ะรุทธ์?”

อรทิพย์ถามเพราะเธอไม่เห็นคนเป็นพ่อกับแม่ของเด็กหนุ่มเลย ซึ่งเกิดเรื่องเลวร้ายแบบนี้กับลูกชายก็น่าจะมาดูแลอยู่ใกล้ๆ

“พ่อกับแม่ของซันเขาเสียไปแล้วล่ะครับ พร้อมกับพ่อแม่ของคุณพัท เป็นอุบัติเหตุตอนช่วงซันอยู่มัธยมได้”

อรทิพย์ยกมือขึ้นปิดปาก แววตาบ่งบอกว่าไม่ได้คาดคิดเอาไว้ก่อนที่จะอ่อนลง เธอหันไปมองคนที่ยังหลับอยู่บนเตียงด้วยความสงสาร

“งั้นรุทธ์ต้องรักน้องให้มากๆนะลูก”

“ครับ” อนิรุทธ์รับคำเธอก่อนจะนั่งลงข้างๆ อรทิพย์อยู่เป็นเพื่อนเขาจนค่ำ เมื่อเห็นว่าเขายอมทานอาหารมื้อเย็นที่เธอลงไปซื้อมาให้เรียบร้อยแล้วจึงยอมกลับบ้านไปพักผ่อน

“ลูกต้องนอนบ้างนะรุทธ์”

“ครับ” อนิรุทธ์ให้คำสัญญากับเธอ อรทิพย์ลูบแก้มเขาเบาๆ เธอมองเขาอย่างเป็นห่วง

“พรุ่งนี้แม่จะเอาเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้นะ”

“รบกวนด้วยครับ” อนิรุทธ์เดินไปส่งเธอขึ้นแท็กซี่ที่หน้าตึก

“ขอบคุณนะครับแม่เล็ก”

“จ้ะ” อรทิพย์ยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนขึ้นแท็กซี่ไป อนิรุทธ์ยืนมองจนรถแท็กซี่เลี้ยวออกจากประตูโรงพยาบาลแล้วจึงกลับขึ้นมาบนตึกอีกครั้ง และจัดการสะสางเอกสารที่ทำค้างเอาไว้ อติพัทธ์กลับมาอีกครั้งในตอนสี่ทุ่มพร้อมกับข่าวที่สืบมาได้

“เราได้ที่อยู่ของอมรจากเบอร์มือถือที่ได้จากมือถือของดำรง อยู่ไม่ไกลจากพวกเราเท่านั้น ผมให้ลูกน้องไปซุ่มดูอยู่ตอนนี้”

“มีโอกาสที่จะจับได้ใช่ไหม?”

อติพัทธ์พยักหน้า สีหน้ามั่นใจว่าจะสามารถจับกุมคนร้ายมาลงโทษได้แน่ๆ

“แล้วผลพิสูจน์รอยนิ้วมือของนายอมรก็ตรงกับรอยนิ้วมือบนซองถุงยางด้วย ยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้แน่ๆ”

“คุณออกหมายจับแล้วหรือยัง?”

“ออกแล้ว ถ้าจับมาได้ ก็คงต้องรอให้ซันแข็งแรงพอที่จะไปชี้ตัวมันได้อีก”

อนิรุทธ์พยักหน้ารับรู้ พวกเขาคุยกันอีกครู่หนึ่งก่อนที่อติพัทธ์จะขอตัวกลับไป อนิรุทธ์จึงได้นั่งทำงานของตัวเองต่อ เขาเงยหน้ามาดูศราวินเป็นระยะ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มลืมตาขึ้นก็ลุกจากเก้าอี้มาที่เตียง

 “คุณพัทเพิ่งกลับไปเมื่อกี้นี้เอง เขาบอกว่าตามเจอที่กลบดานของคนที่ทำร้ายคุณแล้วนะซัน ตำรวจกำลังซุ่มดูกันอยู่ ผมหวังว่าเขาจะอยู่ที่นั่น เราจะได้ตัวคนผิดมาลงโทษตามกฏหมาย”

เด็กหนุ่มรับรู้สิ่งที่เขาพูดและพยายามยิ้มออกมา อนิรุทธ์ลูบแก้มเบาๆก่อนก้มลงจูบแผ่วเบาที่หน้าผาก

“ตอนนี้คุณต้องพักผ่อนมากๆ จะได้กลับมาแข็งแรงไวๆ อีกสักสองสามวันผมจะให้คุณย้ายไปอยู่ห้องพิเศษ ดีหรือเปล่า?”

ศราวินพยักหน้าน้อยๆและบีบมือของอนิรุทธ์เอาไว้ ศัลยแพทย์หนุ่มยิ้มให้คนรักและลากเก้าอี้มานั่งในมุมที่ศราวินจะเห็นตัวเองได้

งานที่ทำค้างไว้ถูกพักอีกรอบ เขานั่งมองศราวินอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งเด็กหนุ่มหลับไปอีกครั้ง



ฝ่ายอติพัทธ์นั้น พอออกจากโรงพยาบาลมา เขาก็ไม่ได้กลับไปยังบ้านพัก แต่เลือกที่จะตรงไปยังแหล่งกลบดานของอมร ซึ่งอยู่ในซอยที่คับแคบของแหล่งชุมชนที่เสื่อมโทรม อติพัทธ์เดินเข้าไปถึงห้องเช่าเก่าๆก็เจอกับลูกน้องของตนที่ซุ่มดูอยู่

“เป็นไงบ้าง? มันเคลื่อนไหวอะไรไหม?”

“ไม่เห็นความเคลื่อนไหวเลยครับสารวัตร แต่เมื่อหัวค่ำได้ยินเสียงอยู่บ้าง แต่จับใจความไม่ได้ว่าอะไร”

อติพัทธ์มองลอดมู่ลี่เก่าๆไปยังห้องที่ต้องสงสัยว่าอมรกบดานตัวอยู่ ภายในห้องนั้นปิดมืดไม่มีแสงสว่างสักดวง ราวกับไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นั่น

“อืม ว่าแต่หมายจับ..เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”

“เรียบร้อยแล้วครับสารวัตร”

อติพัทธ์พยักหน้ารับก่อนจะสั่งให้ลูกน้องเตรียมตัวเข้าบุกห้องเช่าในอีกห้านาที ระหว่างที่รอให้ลูกน้องเตรียมพร้อม เขาก็ตรวจเช็กปืนพกคู่กายกับกุญแจมือว่าเรียบร้อยดีแล้วก็ลงไปด้านหลัง ส่งสัญญาณกับลูกน้องแล้วก็เริ่มบุกกัน

ลูกน้องของอติพัทธ์ตัดโซ่กุญแจที่คล้องประตูรั้วเอาไว้ก่อนเริ่มสะเดาะกุญแจประตูบานข้างใน อติพัทธ์เดินตามเข้ามาและเป็นฝ่ายเดินนำขึ้นไปด้านบน ภายในบ้านมืดสนิทจนต้องอาศัยแสงจากไฟฉายนำทาง พวกเขาค้นหาไปทีละห้องจนกระทั่งเหลือห้องบนชั้นสามซึ่งเป็นห้องสุดท้ายแล้ว

อติพัทธ์และลูกน้องที่ตามเข้ามาอีกสามนายเข้าประจำที่ เขายกปืนขึ้นเตรียมพร้อมขณะที่ตะโกนออกไป

“นายอมร! นี่คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกเราล้อมไว้หมดแล้ว ยอมมอบตัวเสียดีๆ!”

หลังจากที่เขาตะโกนออกไป ก็มีแต่ความเงียบ ไม่มีแม้กระทั่งเสียงความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายภายในห้อง

อติพัทธ์ได้แต่ภาวนาให้อีกฝ่ายอยู่ในห้องนี้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็ต้องเริ่มสอบสวนหาที่อยู่ของนายอมรกันใหม่อีกครั้ง

“บุกเลยดีไหมครับสารวัตร?”

อติพัทธ์พยักหน้าแล้วขยับมาหน้าประตู เขาเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูและพบว่ามันไม่ได้ล็อก จึงเปิดเข้าไปทันที

กลิ่นเลือดคือสิ่งแรกที่ลอยมาแตะจมูก อติพัทธ์ย่นจมูกและยกหลังมือขึ้นมาปิดจมูกไว้ เมื่อไฟฉายส่องแสงไปยังมุมห้อง นายตำรวจทุกคนก็ต้องตะลึง

ร่างของผู้ต้องหานั่งพิงอยู่กับกำแพง กลิ่นเลือดที่อติพัทธ์ได้กลิ่นตอนที่อยู่หน้าประตูห้องก็คือเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลตรงอกที่ถูกเฉือนเหวอะไว้ มีรอยแทงลึกอยู่ที่ตำแหน่งเดียวกับที่ศราวินถูกแทง ใบหน้าของอมรแหงนหงาย มีคราบน้ำลายไหลฟูมปาก ดวงตาเบิกโพลงราวกับหวาดกลัวอะไรสุดขีด บนผนังมีรอยเลือดสาดกระจายและไหลลงมานองที่พื้น ที่แขนและขาทั้งสองข้างมีรอยกรีดหลายรอย ในมือยังคงกำมีดเอาไว้

“เก็บหลักฐานแล้วบันทึกเรื่องเอาไว้”

อติพัทธ์สั่งการลูกน้อง เขาเดินเข้าไปใกล้ศพ บนตักของอมรนั้น นอกจากจะมีเลือดที่ไหลลงมาแล้วยังมีผงสีขาวที่สะท้อนกับแสงไฟฉายอีกด้วย และข้างๆก็มีเม็ดยาที่หล่นอยู่

“เสพยาเกินขนาดทำให้หลอนจนทำร้ายตัวเอง..หรือไม่ก็มีคนจัดฉากให้คิดแบบนั้น” อติพัทธ์พึมพำกับตัวเอง เขาถอยหลังให้ลูกน้องเก็บหลักฐานเอาไว้ ดูจากคราบเลือดที่แห้งไปพอสมควรแล้วกับสภาพศพก็พอประเมินได้ว่าอมรนั้นเสียชีวิตในช่วงเดียวกับที่เขาสั่งให้ลูกน้องมาซุ่มดู

“อ๊ะ..” อติพัทธ์รู้สึกเจ็บแปลบที่แผลของตนเองในตอนที่ลุกขึ้นยืน เขายกมือขึ้นกดบาดแผลเอาไว้แล้วยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง

“สารวัตรเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”

อติพัทธ์ลืมตาขึ้นมา เห็นใบหน้าลูกน้องที่อยู่ใกล้ๆมองมาอย่างสงสัย

“เจ็บแผลน่ะ พวกคุณจัดการกันต่อได้ไหม ผมอยากพักหน่อย”

“ได้ครับ สารวัตรกลับไปพักก่อนดีกว่าครับ ให้ใครขับรถไปส่งดีไหมครับ?”

อติพัทธ์ส่ายหน้า เขาไม่ได้เจ็บจนทนไม่ได้ เพียงแค่อยากพักหน่อยเพราะล้าเต็มทน วันนี้เขาวิ่งตามเรื่องทั้งวัน ร่างกายที่ยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อยก็อุทรออกมา อติพัทธ์กลับอกมาขึ้นรถ เขามองดูเวลาที่บอกเวลาเกือบตีหนึ่งแล้ว เขาควรที่จะกลับบ้านไปนอน แต่ใจก็อยากจะไปบอกข่าวให้อนิรุทธ์รู้ด้วยตนเอง ตัดสินใจเช่นนั้นแล้วก็ขับรถมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลอีกครั้ง

“ขอโทษนะคะ หมดเวลาเยี่ยมแล้วค่ะ”

นางพยาบาลประจำห้องไอซียูปฏิเสธที่จะให้เขาเข้าไป อติพัทธ์มองดูเวลาเยี่ยมบนป้ายที่ติดไว้หน้าประตูแล้วก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ

“ถ้าอย่างนั้น..รบกวนคุณตามคุณหมออนิรุทธ์ออกมาพบผมหน่อยได้หรือเปล่าครับ?”

“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”

คล้อยหลังพยาบาลเดินกลับเข้าไป อติพัทธ์ก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ชุดซึ่งจัดวางไว้สำหรับญาติผู้ป่วย 

คอยไม่นาน อนิรุทธ์ก็เดินออกมาจากห้องไอซียู ศัลยแพทย์หนุ่มเดินตรงมาหา

“อมรตายแล้ว...เขาตายก่อนที่เราจะบุกเข้าไปจับเขา”

อนิรุทธ์รับฟังด้วยอาการสงบ เขายกนิ้วขึ้นมาดันกรอบแว่นสายตาที่สวมอยู่ก่อนถอนหายใจ

“เขาตายได้ยังไง?”

“จากสภาพที่เห็น ดูเหมือนเขาจะทำร้ายตัวเองจนตาย แต่ก็ยังฟันธงไม่ได้ ผมให้ลูกน้องจัดการตรวจสอบอยู่ แล้วผมก็เจอสารเสพติดในห้องที่เจอศพเขาด้วย”

อนิรุทธ์พอจะมองภาพออก แต่ก็ต้องรอในตำรวจสรุปอีกที

“แล้วคุณบอกดำรงหรือยัง?”

อติพัทธ์ส่ายหน้า เขาออกจากที่เกิดเหตุมาก็มาหาอนิรุทธ์เป็นคนแรก

“รอฟังจากหน่วยชันสูตรอีกทีว่าตายเพราะอะไร แล้วค่อยเข้าไปคุย จะเรียกว่ากรรมตามสนองก็คงได้ล่ะมั้งนี่”

อติพัทธ์พูดแล้วก็เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง สายตาเขามองเห็นแสงไฟสีส้มนวลของตะเกียงที่อยู่บนรั้วเล็กๆของอนุสรณ์สถาน อนิรุทธ์เองก็มองไปยังที่นั่งด้วยเช่นกัน

“จะว่าผมใจร้ายก็ได้นะ ตอนที่ผมเห็นศพเขา มันเป็นศพที่อยู่ในสภาพน่าอนาถ แต่ผมกลับไม่รู้สึกสงสารเขาเลย ดีใจด้วยซ้ำที่คนเลวๆอย่างนั้นตายเสียได้”

“ไม่ผิดหรอกที่คุณจะรู้สึกอย่างนั้น”

อนิรุทธ์พูดอย่างเข้าใจ เขาเองก็เผลอนึกดีใจที่คนเลวเช่นนั้นตายไปได้เช่นกัน

“พรุ่งนี้ผมจะเอารูปถ่ายของอมรมาให้ซันชี้ตัวว่าใช่คนร้ายหรือเปล่า จากรูปการแล้วก็หลักฐานที่มี ผมคิดว่าน่าจะเป็นนายอมรนี่แหละที่ทำร้ายซัน แต่ก็ต้องให้ซันยืนยันอีกครั้งด้วย”

“เพื่อความแน่ใจ ให้ซันชี้ตัวอีกครั้งก็ดี”

อนิรุทธ์ไม่คัดค้าน เขาเองก็อยากแน่ใจว่าผู้ชายคนนั้นคือคนที่ทำร้ายศราวินจริงๆด้วยเช่นกัน



อนิรุทธ์เล่าเรื่องที่คนร้ายตายแล้วให้อรทิพย์กับอธิชาฟังในวันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนมีทีท่าตกใจเพราะไม่คาดคิดมาก่อน

“วันนี้คุณพัทจะเอารูปคนร้ายมาให้ซันดูเพื่อชี้ตัวน่ะครับ”

“ไม่ใช่รูปศพนะคะลูก?” อรทิพย์ถามอย่างกังวลใจ ไม่อยากให้ศราวินเห็นภาพที่น่าอนาถเช่นนั้น

“คงไม่ใช่หรอกครับ เห็นคุณพัทบอกว่าจากลักษณะแล้วดูเหมือนนายอมรทำร้ายตัวเองจนเสียชีวิต สภาพศพคงไม่น่าดูเท่าไหร่ ผมคิดว่าเขาน่าจะหารูปตอนที่ผู้ชายคนนั้นยังมีชีวิตอยู่มาให้ซันชี้ตัวมากกว่า”

อนิรุทธ์พูดตามที่คิด อรทิพย์กับอธิชาเองก็หวังใจไว้เช่นนั้น

เปมทัตก็เดินเข้ามา เขาทักทายอรทิพย์กับอธิชาอย่างสุภาพก่อนหันไปหาอนิรุทธ์และเริ่มพูดจุดประสงค์ที่มาหา

“น้องเขาเป็นยังไงบ้าง?”

อนิรุทธ์รายงานผลตรวจให้เขาฟัง เปมทัตพยักหน้า ระหว่างที่ฟัง เขาก็ลอบสังเกตอาการของอนิรุทธ์ไปด้วย

“ถ้าดีขึ้นก็ดีแล้วล่ะนะ ที่มานี่ก็จะบอกว่าให้ย้ายขึ้นไปอยู่ห้องวีไอพีข้างบน เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วง พี่ออกให้เอง พี่จะให้ธิชาเป็นพยาบาลพิเศษให้ รุทธ์เองจะได้มีที่ทางให้พักผ่อนไม่ใช่มาอดหลับอดนอนแบบนี้”

“ขอบคุณมากครับพี่”

อนิรุทธ์ซาบซึ้งกับความช่วยเหลือที่เปมทัตหยิบยื่นมาให้ รู้สึกโชคดีที่ได้รู้จักอีกฝ่าย เปมทัตเป็นคนใจดีและพร้อมจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือเสมอ หากไม่ได้เปมทัต เรื่องที่ศราวินถูกทำร้ายคงเป็นข่าวใหญ่โตและนักข่าวคงจะเข้ามาเพ่นพ่านเต็มโรงพยาบาลไปหมดแล้ว นี่เป็นเพราะเปมทัตเข้าไปจัดการ เรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่ถูกนำไปเล่นข่าว ถึงจะรู้ว่าส่วนหนึ่งเปมทัตทำไปเพื่อไม่ให้ชื่อเสียงของโรงพยาบาลเสียหาย แต่อนิรุทธ์ก็รู้ว่าเปมทัตทำเพื่อเขาและศราวินด้วยเช่นกัน

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก แล้วก็พี่ให้เราลาหยุดได้แค่สองอาทิตย์เท่านั้นนะ ครบสองอาทิตย์แล้วกลับมาทำงานเหมือนเดิมด้วยก็แล้วกัน”

อนิรุทธ์ยิ้มแล้วพยักหน้ารับ เวลาสองอาทิตย์ ศราวินก็คงจะแข็งแรงพอที่เขาจะวางใจละสายตาไปทำงานได้แล้ว

“ว่าแต่..มีอะไรคืบหน้าจากทางตำรวจบ้างไหม?”

สีหน้าของเปมทัตดูจริงจังขึ้น เขาเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่อยากให้ทางตำรวจจับคนร้ายให้ได้โดยไว

“เมื่อคืนคุณพัทมาบอกว่า..ผู้ต้องสงสัยตายแล้วครับ”

“เอ๋?”

“คุณพัทยังไม่ได้บอกรายละเอียดมากนะครับ คงต้องรอผลจากนิติเวชอีกที แต่เท่าที่รู้คือลักษณะเหมือนเสพยาจนหลอนแล้วทำร้ายตนเองจนเสียชีวิตน่ะครับ”

“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ก็ไม่น่าสงสารเท่าไหร่ ทำตัวเองนี่นะ”

เปมทัตว่าแล้วหันไปสั่งพยาบาลให้แจ้งบุรุษพยาบาลขึ้นมาย้ายศราวินไปยังห้องพักวีไอพีที่อยู่ด้านบน ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ศราวินก็ได้ย้ายไปอยู่ที่ห้องพักด้านบนที่เป็นส่วนตัว

“ห้องใหญ่ดีจังเลยนะ”

 อรทิพย์เอ่ยชม ห้องพักผู้ป่วยแบบวีไอพีนั้นมีห้องแบ่งเป็นสองห้อง ด้านนอกเป็นห้องรับรองแขก มีโซฟาที่นั่งและโต๊ะทานอาหารขนาดสองคนนั่ง มีตู้เย็นและไมโครเวฟรวมไปถึงอ่างล้างจานด้วย ส่วนห้องด้านในเป็นเตียงผู้ป่วยและโซฟาอีกชุดกับตู้เสื้อผ้า

“ก็วีไอพีนี่คะ”

อธิชาหันไปบอกก่อนจะวางกองแฟ้มเอกสารที่ช่วยอนิรุทธ์ยกขึ้นมา เลขาของเปมทัตเอาแจกันดอกไม้ของโรงพยาบาลกับของเปมทัตเองมาตั้งไว้ให้ ส่วนตัวเปมทัตนั้นเดินเข้าไปดูความเรียบร้อยก่อนจะออกมาหาอรทิพย์กับอธิชาที่อยู่ตรงห้องรับรองแขก

“พี่ย้ายตารางของธิชาสองอาทิตย์นี้มาเป็นพยาบาลพิเศษดูแลน้องเขานะ ช่วยหน่อยแล้วกันนะ”

“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา” เปมทัตยิ้มให้เธอก่อนจะขอตัวกลับออกไปทำงานต่อ

“ได้ห้องใหญ่แบบนี้ งั้นแม่จะมาค้างเป็นเพื่อน จะได้ช่วยรุทธ์ดูแลน้องนะ แล้วแม่ก็ว่าจะกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้าแล้วก็ข้าวของมาหน่อย เดี๋ยวจะเอาเสื้อผ้าของรุทธ์มาให้ด้วย จะเอาอะไรอย่างอื่นไหมจ้ะ?”

“รบกวนแม่เล็กอีกแล้ว”

อนิรุทธ์พูดอย่างเกรงใจ เพราะอยู่ที่โรงพยาบาลยังไงก็ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนกับอยู่บ้าน

“รบกวนอะไรกัน แม่ยินดีจ้ะ ตกลงจะเอาอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่ละกันครับ ของจำเป็นส่วนมากก็มีติดไว้ในรถอยู่ ขอแค่เสื้อผ้าก็พอครับ” ปกติเขาก็มีของใช้ไม่มากอยู่แล้ว อย่างอื่นไม่จำเป็นเท่าไหร่นัก ขอแค่เสื้อผ้าก็พอแล้วเพราะพวกสบู่ยาสีฟันอะไรพวกนี้ อรทิพย์นำมาให้เขาแล้ว และถ้าขาดเหลืออะไรก็ลงไปหาซื้อที่มินิมาร์ทด้านล่างโรงพยาบาลได้

“จ้ะ ถ้างั้นแม่รีบไปก่อนแล้วกัน จะได้รีบกลับมาก่อนมืด”

“ครับ”

อรทิพย์กับอธิชากลับไปไม่นาน ศราวินก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เด็กหนุ่มกะพริบตาอยู่สองสามครั้งก่อนจะปรับสายตาให้เข้ากับแสงจ้าจากบานหน้าต่างกว้างได้ แต่ก็ยังต้องหยีตาอยู่ดี อนิรุทธ์เห็นเช่นนั้นก็เดินเข้าไปดึงม่านให้ปิดลงก่อนจะเดินกลับมาหา

“ซัน..ตอนนี้คุณย้ายออกจากไอซียูแล้วนะ อาจารย์เปมทัตให้คุณย้ายมาอยู่ที่วีไอพีแทน”

ศราวินกลอกตามามองเขาแล้วพยักหน้าน้อยๆ ยังไม่ทันทีที่อนิรุทธ์จะพูดอะไรอีกก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับอธิชาที่ลากเอารถเข็นพยาบาลเข้ามา

“อ้าว..หมอตื่นแล้วหรอคะ ได้เวลาทำแผลพอดีเลย”

อธิชาลากรถเข็นมาจอดเทียบข้างเตียง เธอส่งยิ้มให้ศราวินและสังเกตได้ว่าถึงจะยังคงเจ็บหนักแต่ศราวินก็มีสีหน้าที่ดีขึ้นแล้ว

“มา..พี่ช่วย” อนิรุทธ์ขยับเข้ามาเอื้อมหยิบถุงมาขึ้นสวมและบรรจงแกะผ้าพันแผลที่ใบหน้าของเด็กหนุ่ม อธิชาเองก็หันไปทำแผลส่วนอื่นให้พลางชำเลืองมองพี่ชายเป็นระยะ อนิรุทธ์ทำแผลอย่างเบามือและใจเย็น ศราวินมองไปที่เขาตลอดเวลาที่ทำแผลให้ อนิรุทธ์เองก็มักจะมองสบตาเด็กหนุ่มพร้อมกับยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ปกติเธอก็เห็นว่าพี่ชายอ่อนโยนกับคนไข้อยู่แล้ว แต่นี่พอคนไข้คือคนรัก อนิรุทธ์ยิ่งทวีความอ่อนโยนมากกว่าเดิมหลายเท่า จนถ้าหลายคนได้มาเห็น คงต้องอิจฉาศราวินเป็นแน่

“ว่าแต่คุณพัทเขารู้หรือยังคะ ว่าหมอได้ย้ายขึ้นมาห้องนี้แล้ว?” อธิชาเปรยถามขึ้นระหว่างที่มือก็ทำแผลให้เด็กหนุ่มไปด้วย

“เดี๋ยวพยาบาลข้างล่างก็บอกล่ะมั้ง” ถึงจะพูดเช่นนั้น แต่อนิรุทธ์ก็คิดว่าทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้วจะโทรไปบอกอติพัทธ์ให้รู้ไว้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาแวะที่ห้องไอซียู เขาเองก็อยากรู้ความคืบหน้าแล้วเช่นกัน

ฝ่ายอติพัทธ์เองก็กำลังมุ่งหน้ามาที่โรงพยาบาลด้วยเช่นกัน ในช่วงเช้าของวันนี้ เขาไปหานิติเวชมาและขอให้เขาช่วยทำการวิเคราะห์การตายของอมรให้เร็วขึ้นอีก แต่กระนั้นการจะวิเคราะห์จนได้ข้อสรุปนั้นก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ที่แน่นอนก็คือรู้ได้แน่ชัดแล้วว่าอมรนั้นเสพยาเข้าไปในปริมาณมากก่อนที่จะตาย เขาคุยกับนิติเวชอยู่พักใหญ่ก่อนจะกลับมายังโรงพยาบาล 

RRRRRRRRR

ทันทีที่ก้าวขาเข้าตึก โทรศัพท์ก็ดังขึ้น อติพัทธ์เห็นเจ้าของเบอร์ที่โทรเข้ามาแล้วก็ใจคอไม่ดีนัก

“มีอะไรหรอคุณ? ซันเป็นอะไรหรือเปล่า?”

(ซันสบายดี ผมแค่จะโทรมาบอกคุณว่า ซันย้ายขึ้นมาที่ห้องข้างบนแล้ว)

“งั้นหรอ...ผมมาถึงโรงพยาบาลพอดี ห้องอะไรล่ะ?”

(ตึกA ชั้น20 ห้องพิเศษ A2001)

“โอเค ขอบคุณที่โทรมาบอก” อติพัทธ์ขอบคุณแล้วกดวางสาย เขาเดินผ่านร้านขายของเยี่ยมแล้วก็ต้องเดินกลับมาอีกครั้งเพื่อซื้อกระเช้าเยี่ยมขึ้นไป เขาเลือกกระถางดอกฟอร์เก็ตมีน็อตกับกระเช้าผลไม้สำหรับเยี่ยมไข้ในวันนี้ ถึงรู้ว่าศราวินคงยังจะทานไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นของฝากสำหรับคนเฝ้าไข้ที่คอยอยู่กับศราวินแทบไม่ห่างนั่นได้ ส่วนดอกไม้นี้ เขาจำได้ว่าศราวินชอบมาตั้งแต่เล็กๆ และยังเป็นสัญลักษณ์ของความรักระหว่างศราวินกับอนิรุทธ์อีกด้วย ถ้าเด็กหนุ่มได้เห็นก็คงจะสดชื่นขึ้นบ้าง   

อติพัทธ์ออกจากร้านไปพร้อมกับของเต็มสองมือ เขาขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่ 20 ห้องของศราวินอยู่เยื้องกับลิฟต์พอดีจึงไม่ต้องเดินไกลมากนัก นัชชาที่กำลังลากเสาน้ำเกลือออกมาจากห้องเก็บของเห็นเข้าก็เข้ามาช่วยเปิดประตูให้

“ขอบคุณครับ”

อติพัทธ์เอ่ยขอบคุณเธอก่อนเดินเข้าห้องไป เขาเห็นแจกันดอกไม้วางอยู่ที่เคาน์เตอร์ จึงเดินเข้าไปวางกระเช้าผลไม้ไว้ข้างกันแล้วเดินถือเอากระถางดอกฟอร์เก็ตมีน็อตเข้าไปในห้องด้านใน

“คุณพัทมาพอดี” อธิชาที่กำลังจะเอารถเข็นไปเก็บส่งเสียงทักทายพร้อมรอยยิ้ม

อติพัทธ์หันไปยิ้มให้เธอและค้อมศีรษะแทนการทักทาย เขาเดินเอากระถางดอกฟอร์เก็ตมีน็อตไปวางไว้ในโต๊ะแล้วเดินไปหาศราวิน

“เป็นไงบ้างเรา อาจารย์รุทธ์ยอมให้ย้ายขึ้นมานี่ได้ แสดงว่าแข็งแรงขึ้นแล้วใช่ไหม?”

ศราวินยิ้มให้เขา ถึงใบหน้ายังคงบวมช้ำจนทำให้รอยยิ้มบิดเบี้ยวไม่ต่างจากเมื่อวาน แต่แววตากับสีหน้าก็ดูสดชื่นขึ้นจนเขาคลายความกังวลใจไปได้ อติพัทธ์ลูบศีรษะเล็กเบาๆก่อนหันมองหน้าอนิรุทธ์ ส่งคำถามผ่านไปทางแววตาว่าถ้าจะพูดเรื่องของอมรตอนนี้ได้หรือไม่ อีกฝ่ายพยักหน้าแทนคำอนุญาต

“ซัน..คือซันจำเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไหม?” อติพัทธ์ถามด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น เด็กหนุ่มมองตาเขาก่อนจะพยักหน้า

“ซันจำได้ใช่ไหมที่ซันเขียนบอกพวกเราว่าคนร้ายคือลูกชายของคนไข้เตียง 1915” เด็กหนุ่มพยักหน้าอีกครั้ง อติพัทธ์ล้วงเอารูปจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมา เขาเคาะรูปนั้นกับฝ่ามือ

“คนที่ทำร้ายซันมีเพียงคนเดียวใช่ไหม?”

ทั้งอติพัทธ์และอนิรุทธ์นึกโล่งใจที่ศราวินพยักหน้าอีกครั้ง

“พี่อยากให้ซัน...ชี้ตัวผู้ต้องหาจากรูปที่พี่จะให้ดูนะ ว่าเป็นคนไหน”

อติพัทธ์บอกก่อนจะยกรูปใบแรกขึ้นมา ศราวินมองแล้วก็ส่ายหน้าว่าไม่ใช่ คนที่สองก็ยังไม่ใช่ จนกระทั่งถึงใบที่สาม เด็กหนุ่มจ้องมองรูปนั้นก่อนจะพยักหน้าว่าใช่ อนิรุทธ์กับอติพัทธ์มองคนในภาพพร้อมกัน

“นายอมร..คนนี้แน่นะซัน”

ศราวินพยักหน้า ใบหน้านี้เขาไม่มีทางลืม

อติพัทธ์ละสายตาจากศราวินมามองสบตาอนิรุทธ์ก่อนที่ตัดสินใจบอกความจริงกับเด็กหนุ่มไป

“ซัน..นายอมรตายแล้วเมื่อคืน ยังฟันธงไม่ได้หรอกนะว่าเขาฆ่าตัวตายหรือถูกฆ่าตายกันแน่ แต่เมื่อคืน พี่เจอศพเขาในห้องเช่าที่เขาไปอาศัยอยู่”

ศราวินฟังแล้วอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็เชื่อว่าอติพัทธ์ไม่ได้โกหกแน่ เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับรู้

ผู้ชายคนนั้นตายแล้ว ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะกลับมาทำร้ายเขาอีกครั้ง

หรือแม้กระทั่งโอกาส...ที่จะขอโทษเขาด้วยเช่นกัน


TBC

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
ยังไงกันนะเนี่ย

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
ซันกายแข็งแรงขึ้นแล้ว ขอใหจิตใจแข็งแรงด้วยนะ
รอติดตามตอนต่อไป ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
อาจจะหลอนเห็นวิญญาณอาจารย์ กับ หมอซัน แล้วฆ่าตัวตายก็ได้

ซันสู้ๆน้า หายเร็วๆ

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
แล้วนายดำรง จะเป็นไง อยากให้ตายตามลูกมันไป

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
มันดูมีปมนะ หรือว่าที่ซันชี้ตัวจะไม่ใช่อมรตัวจริง หรือว่ามีคนฆ่าอมรตาย 

น่าสงสัย จริงๆๆๆ

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
เราก็คิดว่าวิณญาณซันต้องทำอะไรแน่ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
สารภาพว่าเข้ามาอ่านครั้งแรก เคยเห็นเรื่องนี้หลายทีแล้วแต่ไม่กล้าอ่าน กลัวเศร้า... แล้วก็เศร้าจริงๆ น่าสงสารซันนะ
แต่ก็ยังดีที่รอดชีวิตมาได้ ยังดีที่จะได้อยู่กับคนที่รักต่อไป เทียบกับในอดีตแล้วสถานการณ์ตอนนี้น่าจะดีกว่า
ที่เหลือก็รอให้ซันอาการดีขึ้น ได้รับการรักษาเยียวยาทั้งทางร่างกายและจิตใจ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ Cream A

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
หวังว่าซันคงหมดเคราะห์ซะทีนะ แค่นี้ก็น่าสงสารมากพอแล้ว  :o12: รอติดตามตอนต่อไปค่าา

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
อ่านไปก็ระแวงไปตลอด กลัวจะมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นอีก :sad4:
ยังไงคนก็ตายไปแล้ว คงจะไม่ไปสมน้ำหน้าอะไรอีก คนลูกก็รับกรรมที่ตัวเองได้ก่อแล้ว เหลือคนพ่อนี่แหละ เลวร้ายกว่าลูกอีก เมื่อไหร่จะได้รับกรรมซักที :katai1: นี่ไม่แค้นเลย (กัดฟัน กรอดดด)
ซันหายเร็วๆนะ หมดเคราะห์หมดโศก ต้องมีแต่ความสุขได้แล้วนะ คนเขียนไม่เสิร์ฟมาม่าแล้วเนอะ :impress2:
แต่ทำไมรู้สึกสงสัยอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับหมออนิรุทธิ์น้อ แต่คงคิดมากไป :katai1:

ออฟไลน์ MIwEMInE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ลุ้นตั้งนานว่านายอมรจะกลับมาทำร้ายซันอีกไหม
ตายไปก็ดีแล้ว แต่ตายสบายไปนะ :m31:


ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
ตอนที่ 19



เขาทำได้!

เขาลากเอานักเรียนแพทย์มาข่มขืนที่ใต้ทางรถไฟ เหมือนกับที่พ่อของเขาเคยทำ หากไม่มีเสียงไซเรนของรถตำรวจ เขาคงได้สนุกกับเหยื่อที่ล่ามาได้นานกว่านี้

อมรกระหยิ่มใจกับความเลวที่ตัวเองได้ทำลงไป

“น้าเส็ง ฉันน่ะแทงมันที่ปอดเหมือนกับที่พ่อฉันเคยทำ รับรองได้ว่าตายชัวร์! พรุ่งนี้น้ารอดูข่าวพาดหัวได้เลย โทรทัศน์ต้องออกทุกช่องแน่ๆ”

อมรเล่าให้ฟังอย่างหลงระเริงว่าความเลวที่ทำไปมันคือเรื่องน่าภูมิใจ

“แล้วเอ็งแน่ใจได้ไงว่ามันจะตายฮะไอ้โก้? ถ้ามันเสือกไม่ตายไปเอ็งโดนจับติดคุกหัวโตแน่”

“ฉันถึงต้องมาพึ่งน้าให้พาหนีเหมือนที่น้าพาพ่อฉันหนีไง”

ความจริงเส็งก็รู้ตั้งแต่เห็นหน้าแล้ว ว่าอมรมาหาด้วยหน้าตาเช่นนี้ คงไม่พ้นว่าทำความผิดอะไรสักอย่างมาและต้องการให้เขาช่วยพาหนี

“ก็ได้...แต่เอ็งต้องช่วยข้าทำงานนะ”

“ได้สิน้า งานอะไร ฉันทำได้หมดทั้งนั้นน่ะแหละ”

เป็นคราวของเส็งที่ยิ้มกระหยิ่มใจบ้าง

“งานง่ายๆ ก็แค่ส่งยาเหมือนกับที่ไอ้ต้องมันเคยทำเท่านั้นแหละ พอดีงวดนี้ยามันล็อตใหญ่ ข้าเองก็กำลังลำบากเพราะคนส่งมันไม่พออยู่”

อมรกลอกตา นึกถึงคนที่เส็งพูดและวิธีการส่งยา

เคยได้ยินไอ้ต้องมาคุยโม้ว่ามันก็แค่กลืนถุงใส่ยาลงท้อง แล้วก็นั่งรถไปยังจุดนัดหมายส่ง จากนั้นก็กินยาถ่ายเพื่อขับถุงใส่ยาออกมา เป็นงานง่ายๆแต่ได้เงินดี แถมเส็งยังให้ยามาเล่นอีก จิ๊บจ๊อยเสียยิ่งกว่าสิ่งที่เขาทำลงไปเมื่อเช้า

“ได้สิน้า แต่ขอยาให้ฉันด้วยนะ”

“เออ ได้แน่ ถ้าตกลงแล้วก็ตามข้ามา เอ็งนี่มาถูกเวลาจริงเชียว พรุ่งนี้เขาจะเอายามาส่งพอดี”

เส็งว่าแล้วพาอมรออกจากบ้านของตัวเองไปตึกแถวที่เช่าเอาไว้เป็นที่ส่งยา ตัวอมรเองก็คุ้นเคยกับที่นี่ดีเพราะเคยติดสอยห้อยตามเส็งมายังที่นี่อยู่บ่อยครั้ง

เส็งไขล็อกแม่กุญแจเข้าไป อมรเดินตามติดเข้ามา ข้างในค่อนข้างเหม็นอับ บานหน้าต่างมีผ้าม่านผืนหนาปิดเอาไว้จนไม่มีแสงลอดผ่าน มีตู้ม้าเก่าๆตั้งอยู่ที่มุมห้องกับกองขวดเบียร์เปล่าที่ไม่มีใครใส่ใจนำไปทิ้ง บนโต๊ะตัวเตี้ยก็มีกล่องข้าวที่ขึ้นรากับจานที่ถูกใช้แทนที่เขี่ยบุหรี่ซึ่งมีก้นกรองกับเถ้าบุหรี่อัดอยู่แน่น เส็งเปิดไฟดวงกลางห้อง แสงสีส้มริบหรี่ของมันให้บรรยากาศมัวเมา

“ตอนเย็นข้าจะให้ไอ้ต้องเอาข้าวมาให้ ถ้าเอ็งหิวก่อนไอ้ต้องมาก็งัดเอามาม่าในลิ้นชักนั่นมาแดกประทังชีวิตไปก่อน ถ้าง่วงก็ขึ้นไปนอนข้างบน แล้วอย่าสะเออะเปิดม่านล่ะ”

“ขอบคุณมากน้า ว่าแต่...น้าพอมียาให้ฉันเล่นสักนิดบ้างไหม?”

เส็งทำหน้ารำคาญแต่ก็ล้วงกางเกงเอายาที่ซีลในถุงซิปล็อกเล็กๆส่งมาให้ ในนั้นมีทั้งแบบผลึกและยาที่เป็นเม็ดอยู่

“ข้าก็มีอยู่เท่านี้ นี่เห็นว่าเป็นเอ็งหรอกนะ ข้าถึงยอมให้”

“โหยยย ขอบคุณมากนะน้า มีของดีแบบนี้ ต่อให้ต้องยัดยาเป็นพันเม็ดลงท้อง ฉันก็ทำให้น้าได้”

อมรรับถุงยามาจูบราวกับมันเป็นของมีค่าที่สุดในชีวิต

“แล้วอย่าล่อซะน็อกไปล่ะ ข้าไปล่ะ เอ็งก็อย่าออกไปจากที่นี่ล่ะ”

“ไม่ออกไปไหนหรอกน้า ตอนนี้ฉันอยากนอนฝันหวานถึงตูดงามๆของไอ้เด็กที่ฉันตุ๋ยมาวันนี้มากกว่า ป่านนี้มันจะตายหรือยังก็ไม่รู้”

“เออๆ..นอนฝันหวานของเอ็งไป ข้ากลับล่ะ”

“ฉันไม่ไปส่งนะน้า”

เส็งยกมือโบกไล่ก่อนจะออกจากตึกแถวไปโดยไม่ลืมที่จะล็อกประตูและรั้ว

ส่วนอมรนั้นปิดไฟแล้วเดินขึ้นไปบนชั้นสามซึ่งรู้ว่ามีเบาะที่นอนอยู่ในห้องนั้น เขาเปิดเข้าไปและนั่งลงบนเบาะก่อนจะจัดการแกะซองยาอย่างรวดเร็ว มือเอื้อมหยิบบ้องแก้วมาเทผลึกโคเคนลงไปครึ่งหนึ่งก่อนควานหาไฟแช็กมาลนจนผลึกระเหยควันออกมา อมรใช้ปากดูดควันเข้าปอด

“ฮ้า....สุขจริงโว้ยยยยย”

อมรทิ้งตัวนอนลงกับเบาะ มือยกบ้องแก้วเพื่อเสพควันเข้าไปอีก เมื่อยาออกฤทธิ์ก็ทำให้รู้สึกเคลิ้บเคลิ้มและนึกไปถึงตอนที่ได้ข่มขืนศราวิน มันแสยะยิ้มอย่างกักขฬะแล้วจัดการรูดซิบกางเกงลง มือข้างที่ว่างกอบกุมท่อนเนื้อโสมมแล้วเริ่มช่วยตัวเองไปพร้อมกับดูดควันไปเรื่อยๆ

“รู้งี้...แม่งน่าจับมาเอาต่อจริงๆ”

มันไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ได้ทำลงไปเลยแม้แต่น้อย แต่กลับคิดอยากจะลักพาตัวเด็กหนุ่มมาย่ำยีซ้ำอีกครั้ง

ขณะที่เสพยาไป มือก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคนเป็นพ่อ รอสายอยู่ไม่ถึงนาที ปลายสายก็กดรับ

“พ่อ..นี่ฉันเอง รู้ไหมว่าวันนี้ฉันทำอะไรมาบ้าง..”

อมรไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าสิ่งที่ทำลงไปมันเลวมากแค่ไหน แต่กลับภูมิใจกับสิ่งที่ได้ทำ ว่ามันโก้เก๋

เพราะอยู่ในแวดล้อมที่ไม่ดีมาตั้งแต่เล็ก ไม่ได้รับการขัดเกลาให้เป็นคนดีของสังคม

บางคนอาจพูดว่าอาจเป็นเพราะความเลวมันสืบทอดมาในสายเลือด

แต่ความจริงแล้ว จะดีหรือชั่ว มันอยู่ที่สามัญสำนึกและการขัดเกลาจิตใจ

ซึ่งอมร...ไม่มีเลยแม้แต่น้อย



 เส็งกลับมาอีกครั้งในตอนบ่ายของวันรุ่งขึ้น เขามาพร้อมกับกระเป๋าถือใบใหญ่และลูกน้องอีกสองคน อมรเดินสะโหลสะเหลลงมา ใบหน้ายังคงเคลิบเคลิ้มกับฤทธิ์ของโคเคนอยู่

“เอ้าๆ ไหวไหมวะเอ็งน่ะ” เส็งถามเมื่อเห็นอาการนั่งตาลอยของอีกฝ่าย ลูกน้องที่ตามมาด้วยเห็นก็รีบพูด

“นั่นสิเฮีย มันจะไหวหรอ ตาลอยขนาดนี้ ตำรวจเห็นก็รู้ว่ามันล่อยามา มีหวังโดนจับแหง”

“ฉันไหว น้าไม่ต้องเป็นห่วง” อมรรีบพูดแล้วยกมือขยี้จมูกจนแดง พยายามทำท่ากระตือรือร้น แต่ก็ดูแล้วรู้ว่าเมายาอยู่

“เออ ไม่เป็นไร เดี๋ยวแดกยานอนหลับแล้วหลับไป ถ้าตำรวจเรียกก็บอกมันไม่สบายหลับไปเอา” เส็งว่าแล้วเปิดกระเป๋าที่ถือมา ในนั้นมีถุงผ้าหนาๆใส่อยู่อีกสามใบ เส็งดึงออกมาทีละใบและวางบนโต๊ะที่ลูกน้องรีบกวาดเอาของที่รกอยู่ไปวางที่พื้น เปิดออกมาแต่ละใบก็มียาเสพติดอัดแน่นอยู่ในถุงยางสีชมพู แต่ละใบมีขนาดและทรงกลมเหมือนกับลูกปิงปอง

“เอ้า..ไข่ทองคำ” เส็งหยิบขึ้นมาหนึ่งลูก ในนั้นอัดแน่นด้วยผงโคเคน ที่เส็งเรียกมันว่าไข่ทองคำ ไม่ใช่เป็นเพราะรูปลักษณ์ แต่เป็นมูลค่าของมันที่สูงเหมือนทองคำ

“ฉันต้องกลืนทั้งหมดนี่เลยหรอน้า?”

อมรมองไปยังถุงผ้าทั้งสามใบที่มีไข่ทองคำของเส็งอัดแน่นอยู่ ปริมาณมันก็ไม่ได้น้อยๆ

“ทั้งหมดนี้ สามร้อยลูก ถ้าเอ็งกลืนลงท้องไปได้ทั้งหมด ข้าจะยกไอ้นี่ให้”

เส็งเอารางวัลมาหลอกล่อ เป็นไข่ทองคำอีกใบที่ขนาดย่อมกว่าที่อยู่ถุงผ้า แต่ปริมาณของมันก็มากพอที่จะทำให้อมรตาโตได้

“ทำได้ ฉันทำได้อยู่แล้ว”

ว่าแล้วอมรก็หยิบเอาไข่ทองคำนั่นขึ้นมายัดเข้าปากด้วยท่าทางตะกรุมตะกราม สัมผัสของถุงที่ที่ลื่นเฝื่อนไหลลงคอไปอย่างยากลำบาก

“ไม่ต้องรีบโว้ย! อย่าเผลอกัดถุงแตกล่ะมึง ได้น็อกตายกันพอดี”

“ว่าแต่..น้าจะให้ฉันไปส่งที่ไหนหรอ?” อมรชะงักมือที่กำลังส่งไข่ทองคำเข้าปากแล้วถามอย่างสงสัย เส็งหยุดชะงักมือที่ปิดกระเป๋าแล้วมองหน้า

“ความลับ เดี๋ยวถึงที่นั่น เอ็งก็รู้เอง”

เส็งว่าแล้วยกกระเป๋าขึ้น หันไปมองลูกน้องคนที่ตัวสูงซึ่งยืนอยู่ข้างอมร

“เอ็งคอยดูไม่ให้มันสำลักตาย เสร็จแล้วโทรไปตามข้าด้วยก็แล้วกัน”

“อ้าว น้าจะไปไหน?” อมรถามอย่างสงสัย เพราะคิดว่าเส็งจะรอให้ตนกลืนยาเสพติดทั้งหมดนี่ให้เสร็จแล้วพาไปเลย เส็งยักไหล่ใส่

“ข้าก็ต้องเอาไข่ที่เหลือไปให้พวกที่จะเดินทางพร้อมกับเอ็งสิวะ เอ้านี่ไอ้ชาติ ถ้าโก้มันกลืนได้หมดก็ให้มันไป”

เส็งว่าแล้วก็เอาของรางวัลที่หลอกล่ออมรไว้ส่งให้กับลูกน้องตัวเองก่อนกลับออกไปพร้อมกับลูกน้องอีกคน ปล่อยให้อมรนั่งกลืนผงโคเคนที่อัดแน่นอยู่ในถุงยางนั่นเข้าไปทีละลูกๆ

กว่าอมรจะกลืนถุงยางทั้งหมดเข้าไปได้ก็เกือบสี่โมงเย็น ลูกน้องของเส็งโยนเอารางวัลให้

“เอาของมึงไป”

อมรรับไว้แล้วบรรจงจูบไปที่ยาเสพติดถุงนั้น ส่วนลูกน้องของเส็งก็จัดการโทรหาคนเป็นเจ้านาย แต่พยายามโทรเท่าไหร่ก็ไม่มีสัญญาณ

“มึงคอยอยู่นี่ อย่าไปไหนเด็ดขาด กูจะไปโทรหาเฮีย เฮียจะได้รู้ว่ามึงยัดยาเข้าไปได้หมดแล้ว”

ชาติชี้หน้าบอกแล้วเดินออกจากที่กลบดานไปโดยไม่ลืมที่จะล็อกบ้านและประตูรั้วเอาไว้ มันคิดจะเดินไปขอใช้โทรศัพท์ที่ร้านค้าซึ่งอยู่ปากซอย แต่ก็ต้องประหลาดใจที่เห็นคนแปลกหน้าพากันเดินเข้ามาในซอย

สัญชาตญาณระวังภัยตามประสาคนที่ทำผิดอยู่เรื่อยๆร้องบอกให้ชาติจับสังเกตพวกแปลกหน้า พอเดินออกมาถึงหน้าปากซอยมันก็พบกับคำตอบ

รถตำรวจจอดอยู่ที่ปั๊มน้ำมันซึ่งอยู่ตรงข้ามซอยอยู่หลายคัน และมีคนแปลกหน้าอีกหลายคนยืนอยู่ตามจุดต่างๆ เมื่อตระหนักได้ว่าพวกนั้นคือตำรวจนอกเครื่องแบบ ชาติก็แสร้งทำเดินเอื่อยเฉื่อยแต่ออกห่างจากซอยเรื่อยๆและรีบขึ้นรถประจำทางไปทันทีที่มีโอกาส มันพยายามโทรหาเส็งอีกครั้งจนกระทั่งติด

“เฮีย..หมาต๋าแม่งมาจากไหนกันไม่รู้ เฮียอย่าพึ่งเข้าไปนะ”

ชาติกระซิบบอกเสียงเบาและพูดคุยอีกไม่กี่คำก่อนวางสายไป มันกลับมาหาเส็งที่บ้านในครึ่งชั่วโมงต่อมา

“หมาต๋าไม่ได้ตามมึงมาใช่ไหมไอ้ชาติ?” เส็งถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

“ไม่นะเฮีย ผมคิดว่ามันมาตามจับไอ้โก้เพราะเรื่องที่ไอ้โก้มันไปฆ่าเด็กนั่นมากกว่า”

ชาติบอกตามที่คิด เพราะตำรวจไม่มีใครสนใจที่จะมองมาที่เขาเลยด้วยซ้ำ

“ไม่แน่..หมาต๋ามันอาจจะไปจับคนอื่นก็ได้ ยังไม่มีข่าวเรื่องเด็กที่ไอ้โก้มันฆ่าเลยไม่ใช่หรือไงกัน?”

เส็งบอกก่อนยกนิ้วโป้งขึ้นมากัดเล็บด้วยความกระวนกระวาย คิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนว่าตำรวจอาจมาตามจับคนอื่น เพราะไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ตำรวจจะรู้ว่าอมรเป็นผู้ต้องหาได้เร็วขนาดนี้ แต่ถ้ามาจับอมรจริง เขาก็ต้องสูญเสียเงินเป็นล้านถ้าอมรถูกจับไป

“เอาไงดีครับเสี่ย?”

เส็งดึงนิ้วโป้งออกจากปาก มองไปยังชาติที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่

“ไปเตรียมรถ ข้าจะไปอยู่กับซ่งสักระยะ ส่งไอ้คนขนยาคนอื่น พามันออกเดินทางไปได้เลย ช่างไอ้โก้มันไปก่อน”

เส็งเลือกที่จะตัดอมรทิ้งไปก่อนถึงจะพาให้ขาดทุนย่อยยับกันก็ตามที



ฝ่ายอมรนั้นไม่ได้รู้เลยว่าตนเองถูกตัดหางปล่อยวัด หลังจากชาติออกไปแล้ว มันก็เอาแต่จูบลูบไล้ผงโคเคนในถุงยาง พอเห็นว่าชาติหายไปนานแล้ว ยังไม่ยอมกลับมาเสียที มันก็ลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่ง เดินโซเซขึ้นไปยังชั้นสามที่ใช้อาศัยนอนเมื่อคืนนี้

“ของดี...ไม่ใช้ก็น่าเสียดาย”

พูดแล้วก็เอาก้อนถุงยางยัดใส่ในถุงพลาสติกแล้วใช้ปลายนิ้วจิกให้ถุงยางแตก ผงโคเคนสีขาวทะลักออกจากถุงยาง มันค่อยๆบรรจงเทลงบนโต๊ะกระจกที่อยู่ข้างๆให้เป็นแนวเส้นและใช้หลอดพลาสติกอันสั้นนัตถุ์เข้าจมูกไป ใช้ระยะเวลาไม่นานโคเคนก็ออกฤทธิ์ทำให้เคลิบเคลิ้มจนลืมความอึดอัดในท้องที่มีถุงโคเคนเบียดกันอยู่เป็นจำนวนมาก

อมรเคลิ้มไปกับฤทธิ์ยาอยู่พักใหญ่จนกระทั่งตะวันใกล้ตกดิน โคเคนที่เส็งให้มาก็เหลือเพียงเศษก้นถุง ความเคลิบเคลิ้มก็ทำความอันตรายให้กับตัวของมันเอง

“เสียดาย..ที่ไม่ได้เฉือนเนื้อไอ้เด็กนั่น”

มันพูดแล้วมองแขนตัวเองก่อนจะจรดปลายมีดลงและกรีดเป็นทางยาวโดยไม่รู้สึกเจ็บ และยิ้มเมื่อเห็นเลือดสีแดงฉานไหลลงอาบแขน

“เลือด เลือด..เลือด...” มันพูดซ้ำไปซ้ำมา ดวงตาล่องลอย มือกรีดแผลที่แขนไปเรื่อยก่อนจะหัวเราะสะใจและกระหน่ำกรีดแขนตัวเองถี่ขึ้นไปอีก

“ฮ่ะฮะฮ่า!! ข้ามันผู้วิเศษโว้ย!!”

มันคิดว่าตัวเองกลายเป็นผู้วิเศษที่ทำร้ายตัวเองเท่าไหร่ก็ไม่มีวันเจ็บไม่มีวันตาย มันกรีดแขนตัวเองทั้งสองข้างนับสิบรอยก็ยังไม่หนำใจ

“มันต้องแบบนี้!” อมรเงื้อแขนขึ้นสูงก่อนแทงเข้ามาที่ใต้อก มีดแทงทะลุชั้นผิวเข้าไปข้างใน ทะลุไปถึงถุงโคเคนที่อยู่ภายใน มันหัวเราะเสียงดังก้องห้องก่อนกระชากมีดออก

ถุงโคเคนหลายถุงปริขาด ผงโคเคนจำนวนมากกระจายออกมาและซึมเข้าสู่กระแสเลือด

ฤทธิ์ของมันร้ายแรง พิษแทรกซึมเข้าไปในทุกที่รอบข้างอย่างรวดเร็ว

“อึ่ก..อั่กก” มือทั้งสองข้างจิกที่ลำคอ อมรตาเหลือกน้ำลายฟูมปาก บางส่วนไหลย้อยลงมาจนเปรอะเปื้อนไปหมด

“อั่ก...อั่กกก” ใบหน้าแหงนหงาย ดวงตาเบิกโพลง มันพยายามสูดหายใจเข้า แต่อากาศก็ไหลรูรั่วที่ปอดออกไป ร่างกายเกร็งไปทุกสัดส่วน ชักกระตุกจนตัวโยน เลือดไหลทะลักออกมาจากบาดแผลทุกแผลจนตัวซีด

มันทุรนทุรายทรมานกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนจะตายไปในสภาพที่อติพัทธ์และลูกน้องเข้ามาพบ

ตายไปโดยทั้งที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองกระทำลงไปนั้นเป็นบาปกรรมแค่ไหน

และยาเสพติดนั้นให้โทษเช่นไร...





อติพัทธ์ได้รับแจ้งผลการชันสูตรจากฝ่ายนิติเวชในวันต่อมา เขามาหาศราวินกับอนิรุทธ์ทันทีเพื่อแจ้งข่าว

“ผงโคเคนบริสุทธิ์ 60 ลูก น้ำหนักรวม 2.4 กิโลกรัม ถ้าเอาไปขายได้ก็ได้เงินเป็นสิบล้าน แต่นี่เสพยาแล้วหลอน แทงตัวเองเข้าไป คมมีดไปโดนถุงโคเคนแตก โคเคนเข้าสู่กระแสเลือดมากเกินไปก็เลย...”

อนิรุทธ์ฟังแล้วก็ส่ายหน้า เขารู้ดีว่าการได้รับสารเสพติดเป็นจำนวนมากถึงขั้นช็อกตายนั้น เป็นการตายที่ทรมานมากแค่ไหน

“โคเคนขนาดนั้น...เขาไม่ได้หามาด้วยตัวเองแน่ๆ คุณจะตามล่าพวกขบวนการนี้ด้วยใช่ไหม?”

อติพัทธ์พยักหน้า แน่นอนอยู่แล้วที่เขาต้องไล่ล่าพวกขบวนการค้ายาพวกนี้ ยาเสพติดพวกนี้คือยานรก เขาก็เป็นคนหนึ่งที่อยากปราบปรามขบวนการค้ายาให้หมดไป แม้รู้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากก็ตามที

“อืม ยังไงก็ต้องตามต่อ”

อนิรุทธ์พยักหน้า เขาหันไปมองดูศราวิน เด็กหนุ่มนอนฟังตั้งแต่ต้น แววตาดูสลดกับสิ่งที่ได้ยิน

“แล้วบอกพ่อเขาหรือยังคะ?” อธิชาที่นั่งฟังอยู่ด้วยถามขึ้น

“ผมให้ลูกน้องไปบอกแล้ว ตอนนี้น่าจะรู้แล้ว”

ทุกคนในห้องต่างก็พากันนึกปฏิกิริยาของดำรงเมื่อได้รู้ว่าลูกชายของตนเองเสียชีวิตแล้ว และเสียชีวิตเพราะเหตุอะไร

“ว่าแต่..ข่าวก็มีมาอยู่เรื่อยๆ พวกที่กลืนยาเสพติดเข้าไปในท้อง หวังที่จะลักลอบไปส่ง พอถุงเกิดแตก ก็ตายกันไปแบบไร้ค่า นี่เขาไม่ได้ดูข่าวเลยหรือไงกันนะ หรือเพราะความโลภเลยยอมทำเรื่องเสี่ยงอันตรายแบบนี้”

อรทิพย์รำพึงอย่างอดสูใจ หากรู้เท่าทันและไม่โลภมาก ก็คงไม่นำภัยมาให้ตัวเองจนถึงชีวิตเช่นนี้

“หรือไม่ก็รู้ แต่ก็กล้าที่จะเสี่ยง ผมว่าเขาต้องเป็นคนใจกล้าพอสมควรนะครับ เพราะสิ่งต่างๆที่เขาทำลงไป ไม่ใช่คนอ่อนแอที่นึกจะทำก็ทำกันได้เลยสักอย่าง”

ถึงอติพัทธ์จะไม่พูดว่าอมรทำอะไรลงไปบ้าง แต่ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจ อรทิพย์ถอนหายใจช้าๆ นึกสงสัยอยู่ในใจว่าอะไรเป็นตัวแปรให้คนหนึ่งคนทำดีหรือทำชั่วได้ สำหรับเธอแล้ว ถือว่าเป็นโชคดีที่อธิชาและอนิรุทธ์ทำให้เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็นคนดี

“เราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่าค่ะ หมอฟังไปก็ไม่สบายใจเปล่าๆ”

อธิชาตัดบทสนทนาเพราะสังเกตเห็นสีหน้าของศราวินว่าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก และทุกคนก็เห็นด้วย การพูดคุยจึงเปลี่ยนบทสนทนาไปเป็นอย่างอื่นแทน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นอรทิพย์คุยถามอติพัทธ์เสียมากกว่า

จนกระทั่งคล้อยบ่าย อติพัทธ์ก็ลากลับไป พร้อมกับเหล่าเพื่อนของศราวินเข้ามาเยี่ยมพร้อมกับดอกไม้และกระเช้าบำรุงกำลัง

“จะมาเยี่ยมตั้งแต่คืนที่ออกจากโออาร์แล้วนะซัน..แต่อาจารย์เปมทัตบอกว่าอย่าเพิ่งเข้ามาเยี่ยม ให้ซันฟื้นตัวก่อนถึงให้พวกเรามาเยี่ยมได้”

ฐิติบอกขณะที่ขยับมายืนข้างเตียง หลังจากที่อาจารย์อนิรุทธ์ทำการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว รองผู้อำนวยการอย่างเปมทัตก็เรียกพวกเขาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของศราวินเข้าไปคุย เปมทัตไม่ต้องการให้พวกเขาเข้ามาเยี่ยมศราวินในทันที ซึ่งพวกเขาเองก็ไม่เข้าใจนักว่าทำไมเปมทัตถึงไม่ต้องการให้พวกเขาเข้าไปเยี่ยมศราวิน

‘ซันน่ะ..เขาเพิ่งเจอเรื่องเลวร้ายที่สุดมา เขาไม่ได้โดนทำร้ายแต่เพียงร่างกายเท่านั้น แต่ยังโดนทำร้ายที่จิตใจด้วย เขากำลังเปราะบาง ถ้าพวกคุณเข้าไปเยี่ยมแล้วแสดงทีท่าสงสาร จิตใจของคนเจ็บจะยิ่งฟื้นกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ยากยิ่งขึ้น ผมอยากให้พวกคุณรออีกสักสามสี่วัน ให้ซันเขาพร้อมจะรับสภาพของคนที่ถูกสงสารได้เสียก่อน พวกคุณค่อยเข้าไปเยี่ยมเขา แล้วก็นะ..ในกรณีแบบนี้ คนเจ็บน่ะ ไม่ได้ต้องการความสงสารหรอกนะ แต่เขาต้องการกำลังใจมากกว่า’

ศราวินยิ้มให้เพื่อน แก้มที่บวมตอนหลังจากเกิดเรื่อง วันนี้ยุบลงมากแล้ว แต่ก็ยังคงรอยช้ำ ทิ้งสภาพที่ถูกทำร้ายไว้ให้เพื่อนทุกคนได้เห็น ถึงแม้จะได้ยินที่เปมทัตบอกว่าคนเจ็บไม่ได้ต้องการความสงสาร แต่เพื่อนผู้หญิงก็น้ำตาคลอด้วยความสงสารไปกันแล้ว ฐิติเอื้อมมือไปลูบศีรษะศราวินแผ่วเบา

“รักษาตัวให้หายไวๆนะ แล้วกลับมาเป็นซันที่สดใสร่าเริงของพวกเราเหมือนเดิมด้วยล่ะ”

ฐิติยิ้มให้อย่างอบอุ่น ความจริงแล้ว..เขาก็เคยคิดกับศราวินเกินกว่าคำว่าเพื่อนกัน แต่ในยามนี้..เขารู้ดีว่าหมดหวังเสียแล้ว เหตุผลก็คือคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเหล่านักศึกษาคนนั้น

ไม่มีทางใดเลยที่เขาจะสู้อาจารย์แพทย์ผู้เก่งกาจอย่างอาจารย์อนิรุทธ์ได้

ยิ่งรู้ว่าอนิรุทธ์รักศราวินมากถึงขั้นแทบจะไม่อยู่ห่างเลยนับตั้งแต่ศราวินถูกทำร้าย เขาก็แน่ใจว่าอนิรุทธ์รักเพื่อนของเขาจริงและไม่รังเกียจแม้ว่าศราวินจะผ่านอะไรมา รวมทั้งยังจะคอยอยู่เคียงข้างและเป็นกำลังใจให้

บางที..ศราวินคงไม่ต้องการกำลังใจอื่นใดอีกแล้ว

ถึงจะเสียใจอยู่บ้าง แต่ฐิติเองก็ดีใจที่เห็นศราวินได้พบกับรักแท้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตัวเขาเองจะมีโอกาสได้พบบ้างหรือเปล่า

พวกฐิติอยู่คุยได้เพียงไม่นานนัก แต่ละคนก็ต้องพากันแยกย้ายกลับวอร์ดไป ฐิติเป็นคนสุดท้ายที่ออกมา เขาเดินออกมาพร้อมกับอนิรุทธ์และหยุดยืนคุยกันที่ห้องรับรองแขก

“เดือนหน้าผมจะย้ายมาวอร์ดศัลย์ ฝากตัวด้วยนะครับ”

อนิรุทธ์พยักหน้ายิ้มให้ ฐิติเคยได้มีโอกาสเห็นอนิรุทธ์ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจให้กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งนั่นทำให้เขานึกชื่นชมอีกฝ่ายอยู่ในใจ การผ่าตัดครั้งนั้นกระตุ้นให้เขารู้สึกได้ว่าอาชีพแพทย์ คืออาชีพที่ช่วยชีวิตคนได้จริงๆ

เขาไม่เคยศรัทธาในวิชาชีพนี้ ไม่เคยคิดอยากเป็นหมอ ทั้งแม่และน้องสาวของเขาต่างก็ตายไปในการรักษา มันทำให้เขาเกลียดอาชีพนี้จนฝังใน แต่ที่เข้ามาเรียนก็เพราะการบังคับของพ่อ สามปีในชั้นพรีคลีนิกไม่เคยทำให้เขารู้สึกอยากเป็นแพทย์ขึ้นมาจริงจังได้เลย ฐิติคงต้องบอกว่าตัวเองผ่านการเรียนสามปีที่แล้วมาได้ก็เพราะศราวินแท้ๆ

จนกระทั่งได้เห็นการผ่าตัดของอาจารย์อนิรุทธ์ที่ดูสุขุมแต่เร่าร้อน การตัดสินใจที่ฉับไวและเฉียบขาด ทุกอย่างนั้นไม่ได้เพียงแต่ดึงดูดสายตาของเขาเอาไว้เพียงอย่างเดียวแต่ดึงดูดความสนใจไว้อีกด้วย

‘มือของอาจารย์รุทธ์แกน่ะเหมือนมือเทวดา’

เรสสิเด้นท์คนหนึ่งพูดขึ้น เขายังคงจำได้ ใครคนนั้นคงจะหมายถึงความเก่งกาจของมือคู่นั้น แต่เขากลับคิดว่ามือของอนิรุทธ์คือมือของเทวดาที่ช่วยเหลือคนเจ็บเสียมากกว่า เหมือนกับที่อีกฝ่ายใช้สองมือคู่นั้นช่วยเพื่อนของเขาไว้ได้

อาจารย์อนิรุทธ์ทำให้เขาอยากเป็นแพทย์เต็มตัว อยากใช้สองมือและมันสมองของตัวเองช่วยชีวิตผู้อื่น เขาจึงกระตือรือร้นเป็นอย่างมากที่จะได้เวียนมาอยู่วอร์ดศัลยกรรมเสียที

“อืม...แต่เดือนหน้าผมคงจะไม่อยู่แล้ว”

อนิรุทธ์บอกด้วยท่าทางครุ่นคิด เขาเหมือนหลุดปากพูดออกมาเสียมากกว่าที่จะตั้งใจพูดออกมา ฐิติชะงัก มองอย่างไม่เข้าใจ

“อาจารย์จะไปไหนหรอครับ?”

อนิรุทธ์หันมามองเด็กหนุ่มก่อนจะโบกมือ

“ก็ยังไม่แน่หรอก ผมยังไม่ได้ตัดสินใจ”

มันก็เป็นแค่ความคิดที่แล่นผ่านเข้ามาในสมอง ว่าอยากจะลาออกจากงานเพื่อพาเด็กหนุ่มไปรักษาตัว เพราะจากอาการบาดเจ็บในครั้งนี้ทำให้ศราวินคงจะต้องขาดเรียนเป็นเวลาหลายเดือนซึ่งเขาคิดว่าควรหยุดเรียนในปีนี้แล้วเริ่มต้นชั้นปีสี่ใหม่ในปีหน้าเลยน่าจะดีกว่า ซึ่งถ้าศราวินตกลง ก็จะมีเวลาเหลืออีกหลายเดือนกว่าจะขึ้นปีการศึกษาใหม่ เขาก็อยากใช้เวลาในช่วงนั้น พาศราวินไปพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูจิตใจให้กลับมาแข็งแรงเช่นเดิม

“ผมอยากเรียนกับอาจารย์ครับ” ฐิติโพล่งขึ้นมาทันที อนิรุทธ์มองหน้าเขาอย่างประหลาดใจ ฐิติจึงรีบพูดต่ออีกครั้ง

“ผมได้ดูตอนที่อาจารย์เปลี่ยนหัวใจให้น้องพลอย มันทำให้ผมอยากเป็นหมอครับ อาจารย์จะดูถูกผมก็ได้ แต่ที่ผมมาเรียนหมอ ก็เพราะถูกพ่อบังคับ ผมไม่เคยอยากเป็นหมอเลย...จนกระทั่งได้เห็นอาจารย์ผ่าตัดวันนั้น ผมอยากเรียนกับอาจารย์ครับ” เขาลงท้ายด้วยประโยคเดิม ฐิติไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงสารภาพทุกอย่างออกมา อาจเป็นเพราะเลือดร้อนในกายที่อยากจะเก่งแบบคนตรงหน้าก็ได้

อนิรุทธ์ยิ้มบางๆให้เขา เห็นความมุ่งมั่นที่แรงกล้าแล้วก็รู้สึกผิดที่คิดจะทิ้งลูกศิษย์ไป

“อืม...เข้าใจแล้วล่ะ”

ฐิติยิ้มได้ น้ำเสียงของอนิรุทธ์บ่งบอกว่าเข้าใจแล้วและเขาก็เชื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่ทิ้งการสอนไปอย่างแน่นอน

“ถ้าอย่างนั้น...อืมขอตัวก่อนนะครับอาจารย์” หลังจากอนิรุทธ์พยักหน้า เขาก็เดินออกจากห้องไป

“ท่าทาง..อนาคตจะต้องเก่งแน่ๆคนนี้”

อรทิพย์ว่าพลางอมยิ้ม มองคนที่เธอรักไม่ต่างจากลูกในไส้ด้วยสายตาชื่นชม เพราะประตูที่กั้นระหว่างห้องเปิดอยู่ ทั้งเธอและอธิชารวมไปทั้งศราวินที่นอนอยู่บนเตียงต่างก็ได้ยินสิ่งที่ฐิติพูดอย่างชัดเจน ศราวินเองก็มองมาที่คนรักด้วยสายตาชื่นชม เขาเองก็เป็นเหมือนฐิติ หลงรักในความสามารถของอนิรุทธ์จนกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้อยากเป็นแพทย์ฝีมือดีไม่ต่างจากอาจารย์

“เขาจะเก่ง ก็เพราะความมุ่งมั่นของเขานั่นแหละครับ” อนิรุทธ์พูดอย่างถ่อมตัว แต่สิ่งที่เขาพูดก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครค้านได้

ความมุ่งมั่นเท่านั้น ที่จะเป็นแรงผลักดันให้เด็กหนุ่มได้ทีฝีมือและความสามารถที่ดีเลิศ

เขาเองก็รู้ว่าศราวินมีความมุ่งมั่นไม่ต่างจากฐิติ และเขาตั้งใจจะผลักดันให้เด็กหนุ่มได้กลายเป็นศัลยแพทย์ที่เก่งกาจเช่นกัน


-TBC-
ตอนที่ 19 แล้วค่ะทุกคน คือโกะไม่ได้ลงทอล์คไว้สักเท่าไหร่ แต่อยากบอกว่าตามอ่านทุกคอมเม้นส์อยู่นะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ หลายๆคอมเม้นส์เป็นกำลังใจให้ได้เป็นอย่างดีเลย♥♥
ปล.
วันเสาร์นี้ใครไปงานมินิตลาดฟิค SP
มาเจอกับโกะได้นะคะ ที่บูธ C9 ค่ะ
เรื่องนี้มีเหลืออยู่นิดหน่อย จะติดไปวางขายด้วยนะคะ ^^



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2015 01:43:54 โดย zynestras »

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
อ.ดูแลหมอซันเยอะๆนะ รักหมอซันแบบนี้ตลอดไปนะ

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
ดูแลกันดี ๆ นะ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ปลาบปลื้มกับอาจารย์รุทธ์ :impress2:
น้องซันโชคดีจังเลยที่มีคนดีๆอยู่เคียงข้าง  o13

ออฟไลน์ jessiblossom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
หายไวๆนะหมอซัน

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
แข็งแรงไวๆนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด