[Tragedy Series] Tell me the Legend ตำนานรัก..โรงเรียนแพทย์ - Ch.20 จบ (25/4/15)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Tragedy Series] Tell me the Legend ตำนานรัก..โรงเรียนแพทย์ - Ch.20 จบ (25/4/15)  (อ่าน 222714 ครั้ง)

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
การรอตอนต่อไปมันไม่ง่ายเลยในกรณีเช่นนี้

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
กรี๊๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ไม่มีอะไรจะเม้นแล้วจริมค่ะ *น้ำตาคลอ*

ออฟไลน์ youuue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :katai1: :katai1: :katai1:  เอางี้เลยหรอคะ   โลกชักไม่สวย  คนเขียน  คุณเก่งโคตร  ลุ้นจนสุดตัวแล้วขอรับ :sad4: :sad4: o13 :L2: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Autonomyz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ไม่เอา...คุณคนแต่งอย่าทำแบบนี้กับเรานะ
เราเสียใจจจจจ
 :sad4:
ให้สองคนมีความสุขบ้าง

ออฟไลน์ Kamung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :o12: มันบีบหัวใจ ฮืออออออ

ออฟไลน์ xmana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :m15: :m15: :m15: :m15:
รอนานจังง อ่าา รอบนี้

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ไม่นะ มาต่อเร็วๆเลยค่ะ

ขอให้รอดด้วยเถิด  :call:

ออฟไลน์ shokung

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เรื่องนี้โหดร้ายกับนายเอกมากๆ ขอให้ซันปลอดภัยด้วยเถอะ

ออฟไลน์ jessiblossom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
นักเขียนรวมเล่มแล้ว มาต่อให้หน่อยน้าค้า รออยู่น้าY,Y

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
ตอนที่ 16


อนุสรณ์สถาน...

ถึงจะเรียกด้วยชื่อที่สวยหรูเพียงใด แต่ที่อยู่ตรงหน้านี่ก็คือหลุมศพของคนสองคน

อติพัทธ์วางกระถางดอกฟอร์เก็ตมีน็อตที่หาซื้อมาไว้ที่ด้านหน้าของป้ายหลุมศพ เขายืนสงบนิ่งให้เป็นการเคารพขณะที่สายตาอ่านคำที่จารึกบนป้ายนั้น

เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ได้ยินจากพวกนักเรียนแพทย์นั้นเป็นแค่เรื่องเล่าที่บังเอิญมาตรงกับเหตุการณ์หรือเปล่า

หรือบางที...ศราวินกับผู้ชายคนนั้นเป็นคู่กันตั้งแต่ชาติที่แล้ว

อติพัทธ์ไม่รู้ว่าตัวศราวินกับอนิรุทธ์เองจะรู้เรื่องตำนานนี้หรือไม่

คิดแล้วก็อดนึกภาพเหตุการณ์ตอนผ่าตัดไม่ได้ อนิรุทธ์ตั้งใจช่วยเด็กหนุ่มเต็มที่ ทันทีที่เย็บแผลเสร็จ ผู้ชายคนนั้นก็ถึงขั้นล้มลงกับพื้นอย่างหมดแรง ทว่าใบหน้าใต้มาส์กสีเขียวอ่อนนั้น เขาเห็นสีหน้าโล่งอกที่ช่วยชีวิตศราวินเอาไว้ได้

“ถ้าพวกคุณ...เป็นอย่างตำนานที่เขาว่ากัน ที่บอกว่าพวกคุณจะช่วยให้ความรักของใครสองคนได้เป็นรักที่นิรันดร์...ผมขอให้ซันได้มีชีวิตรอดเพื่อที่จะได้รักกับคนรักของเขา ได้รักกันจนแก่จนเฒ่า...อย่าได้เหมือนเรื่องราวของพวกคุณ”

อติพัทธ์สูดลมหายใจ ความรู้สึกเหมือนกำลังจะสารภาพความรู้สึกให้ใครสักคนฟัง

“ผมเคยทำผิดกับซันมาครั้งหนึ่งแล้ว แค่สิ่งผมทำลงไป..มันก็เป็นบาดแผลให้กับซันมากพอแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้...มันคงเป็นบาดแผลใหญ่ยิ่งกว่าที่ผมได้เคยทำร้ายเขา แต่...ผู้ชายคนนั้นได้ช่วยชีวิตซันไว้แล้ว ผมอยากให้เขามีชีวิตอยู่ต่อ ผมเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นจะคอยอยู่เคียงข้างและทำให้ซันได้รับรู้ว่าบาดแผลเลวร้ายที่เขาได้รับ..มันสามารถลบเลือนได้ด้วยความรัก..”

สายลมพัดมาปะทะกาย กลีบดอกฟอร์เก็ตมีน็อตที่อยู่ในบริเวณนี้ปลิดปลิวไปตามสายลม อติพัทธ์แบมือไว้ก็รองรับกลีบดอกสีฟ้าซีดเอาไว้ได้ เขาวางกลีบดอกไว้บนส่วนบนนูนของป้ายหลุมศพแล้วถอยออกมา

“ความรักของพวกเขาควรค่าแก่คำว่ารักนิรันดร์...ได้โปรด...ช่วยคุ้มครองพวกเขาด้วยนะครับ”

ถึงแม้ไม่มีคำตอบกลับมา เขาพูดกับแท่งหินเหมือนกับคนบ้า แต่มันก็เป็นที่พึ่งทางใจอย่างหนึ่ง

อติพัทธ์พลิกข้อมือขึ้นดูเวลาอีกครั้ง เห็นว่าเป็นเวลาที่ศราวินจะได้ย้ายจากไปยังห้องไอซียูแล้ว เขามองไปที่ป้ายหลุมศพอีกครั้งและค้อมศีรษะเล็กๆก่อนจะเดินกลับขึ้นมาบนตึกศัลยกรรม

ภายในห้องเตียงเดี่ยวของไอซียู ศราวินนอนอยู่บนเตียงนั้น ศีรษะของเด็กหนุ่มมีผ้าพันแผลพันอยู่ ส่วนแก้มทั้งสองข้างก็บวมช้ำและมีผ้าพันแผลปิดอยู่  สายที่ระโยงระยางไปมาเต็มไปหมด อุปกรณ์ต่างๆกำลังทำงานอยู่ ไฟสีเขียวบนมอนิเตอร์อันหนึ่งกะพริบเป็นจังหวะ

ข้างเตียงของศราวินก็คืออนิรุทธ์ ศัลยแพทย์หนุ่มนั่งนิ่งอยู่ข้างเตียงราวกับปูนปั้นที่ขยับกายไม่ได้ ศัลยแพทย์หนุ่มยังคงอยู่ในชุดสครับสีกรมท่าที่เปลี่ยนมาสวมตอนผ่าตัด

“คุณอติพัทธ์ใช่ไหมคะ? อาจารย์บอกว่าถ้าเป็นคุณ..เข้าเยี่ยมได้นะคะ” พยาบาลประจำห้องไอซียูเดินเข้ามาบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ขอบคุณครับ”

 อติพัทธ์ขอบคุณเธอก่อนจะเลื่อนประตูกระจกเข้าไป เขาหยุดยืนอยู่ที่ปลายเตียง มองตรงไปยังศราวินอย่างห่วงใยก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองมอนิเตอร์ เลขบนนั้นขยับไปเรื่อยๆ มันบอกทั้งค่าความดัน อัตราการเต้นของหัวใจ และค่าอื่นอีกที่เขาไม่รู้ว่าคืออะไร แต่กราฟที่ยังคงวิ่งขึ้นลงทำให้เขาวางใจได้

“ขอบคุณ...ที่ช่วยชีวิตซันไว้”

เขาเอ่ยพูดโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะหันมาหรือไม่ แต่อนิรุทธ์ก็หันมา เขาเห็นทั้งแววตาที่โศกเศร้าหลังแว่นและความเหน็ดเหนื่อย

“เพราะผม...” อีกฝ่ายพูดแค่นั้น อติพัทธ์เลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจนัก

“ถ้าผม...ไม่ไปส่งเขาที่ด้านหลัง ถ้าให้ซันนั่งรถมาด้วยจนถึงตึก...ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้” เสียงของอนิรุทธ์แหบแห้ง อติพัทธ์ฟังก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังโทษตัวเองอยู่

“มันเป็นความผิดของคนร้าย ไม่ใช่ความผิดของคุณเลย”

อนิรุทธ์ถอดแว่นแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าอย่างเหนื่อยล้า

“ผมคิดว่าประตูด้านหลังมันใกล้ ถ้าส่งซันให้ลงตรงนั้น เขาก็จะขึ้นบันไดเข้าตึกมาได้ใกล้กว่าให้เดินเข้าจากทางด้านหน้า เพราะผมไม่เชื่อมั่นในตัวเองที่จะปกป้องเขาได้ ถึงได้เอาแต่กลัวว่าถ้าใครรู้เรื่องราวระหว่างผมกับซันแล้ว มันจะเป็นผลเสียต่อเขา ผมผิดเอง...”

อนิรุทธ์เอาแต่โทษตัวเอง ดวงตาคมมองไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียง ยิ่งเห็นสภาพที่เด็กหนุ่มถูกทำร้ายจนเจ็บตัวถึงขั้นเกือบเสียชีวิต อนิรุทธ์ก็แทบจะเป็นบ้า

“เวลาแบบนี้..คุณต้องเข้มแข็งไว้ คุณอาจปกป้องซันไว้ไม่ได้ แต่คุณรักษาเขาได้นี่”

อติพัทธ์เอ่ยให้กำลังอย่างที่ไม่คิดว่าตัวเองจะพูดเช่นนี้กับอีกฝ่ายได้ เขายื่นมือไปบีบไหล่กว้างเอาไว้

“จากนี้ไป..ซันไม่ได้แค่ต้องการการรักษาร่างกายเท่านั้น เขาต้องการให้ใครสักคนรักษาจิตใจของเขาด้วย และคุณก็เป็นคนเดียวที่จะรักษาหัวใจของเขาได้”

อนิรุทธ์เงยหน้ามองคนที่ให้กำลังใจ เขาพยักหน้ารับรู้ สีหน้ายังคงเหนื่อยอ่อนและเป็นกังวลอยู่

“อ่อ..แล้วผมก็ติดต่อให้ทางลูกน้องของผมมาเก็บหลักฐานที่เกิดเหตุแล้ว เราจะหาตัวคนผิดมาเข้าคุกให้ได้”

คำพูดของนายตำรวจหนุ่มทำให้อนิรุทธ์คิดได้

“อ่อ..ใช่ เรื่องแจ้งความ หมอเนม..อาจารย์นันทิชน่ะ เขาเก็บหลักฐานที่ซันถูกทำร้ายไว้ให้แล้ว ไม่มีอสุจิของคนร้าย มันคงใช้ถุงยางตอนที่...ทำร้ายซัน” อนิรุทธ์กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขาลูบมือที่พันแผลไว้ก่อนจะหันมาสบตาอติพัทธ์

“แต่มีเศษผิวหนังกับเลือดติดอยู่ที่ปลายเล็บของซัน คิดว่าน่าจะเป็นของคนร้าย เลยเก็บตัวอย่างไปแล้ว”

“ทางลูกน้องผมเก็บเสื้อผ้าของซันไว้ แล้วก็ยังมีเศษซองถุงยางที่คนร้ายมันทิ้งไว้อีก กล้องวงจรปิดที่อยู่ด้านหลังโรงพยาบาลก็ดันมาเสียตอนนี้ ถ้าซันฟื้นแล้ว และพร้อมที่จะให้ปากคำ...เราก็จะหาคนร้ายได้ง่ายมากขึ้นกว่านี้”

อติพัทธ์ถอนหายใจอย่างหนักอก ความเครียดทำให้เขาอยากได้บุหรี่สักมวน แต่พอนึกอยากบุหรี่แล้ว เขาก็นึกถึงคำของพยาบาลสาวขึ้นมาได้

‘ถ้าเลิกได้..ก็เลิกเถอะนะคะ’

บางที...เขาน่าจะลองซื้อหมากฝรั่งติดกระเป๋าเอาไว้บ้าง

“คุณรู้อะไรไหม...” อนิรุทธ์เกริ่นขึ้น ทำให้คนที่นึกอยากสูบบุหรี่หลุดจากภวังค์ของตัวเอง

“สี่สิบปีก่อน ที่โรงเรียนแพทย์แห่งนี้ เคยมีอาจารย์แพทย์กับนักเรียนแพทย์คู่หนึ่งที่แอบลักลอบคบกันเพราะต่างฝ่ายต่างตกหลุมรักซึ่งกันและกัน วันหนึ่งก่อนที่ฝ่ายนักเรียนแพทย์จะเรียนจบ เด็กคนนั้นถูกรุมโทรมและฆ่าทิ้งที่ใต้สะพานนั่น และอาจารย์แพทย์คนนั้นก็ตายตามไปด้วย...เรื่องราวของทั้งสองคนนั้นกลายเป็นตำนานของที่นี่ หลุมศพของพวกเขาทั้งสองคนกลายเป็นอนุสรณ์สถาน...อนุสรณ์สถานของความรักอันเป็นนิรันดร์”

อติพัทธ์ไม่รู้ว่าเพราะอะไร อีกฝ่ายจึงเล่าออกมาให้เขาฟัง แต่น้ำเสียงและบรรยากาศรอบตัวพาให้เขารู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ถ้าผมบอกว่า...อาจารย์แพทย์กับนักเรียนแพทย์ที่พูดถึง...คือผมกับซัน คุณจะเชื่อไหม?” ใบหน้าหล่อคมดูเยือกเย็น อนิรุทธ์ไม่รู้ว่าตัวเองพูดให้อติพัทธ์ฟังเพื่ออะไร แต่การได้พูดออกไปทำให้เขารู้สึกสงบขึ้น

“อย่าล้อเล่นสิคุณ...” อติพัทธ์หัวเราะเสียงแห้งๆเล็กน้อยก่อนหยุดไปเมื่อเห็นแววตาจริงจัง

“ถ้าซันตายไป..คุณจะตายตามซันไปอีกหรือไง?”

อนิรุทธ์จับมือที่บอบช้ำขึ้นมาแนบแก้ม

“ผมไม่เคยจากเขาไปไหน...ที่คุณเห็นคืนนั้น ไม่ใช่ภาพลวงตา”

อติพัทธ์ขนลุกซู่ เขาไม่เคยเชื่อในสิ่งลี้ลับ แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะลบหลู่...

ทว่า...เขาก็ไม่เคยคิดว่าจะได้รับรู้เรื่องราวลี้ลับ

“ถ้าอย่างนั้น...ผมก็วางใจให้คุณดูแลซัน”

อติพัทธ์สรุป เขาทอดสายตามองดูร่างที่นอนอยู่บนเตียงอีกครั้ง

เขากลับขึ้นมาบนห้องพักของตัวเองอีกครั้งตอนร่วมเที่ยงคืน ทันทีที่ถึงเตียงเขาก็ทิ้งหัวนอนลงบนหมอนอย่างเหนื่อยล้า อยากจะนอนหลับสักตื่นให้หายล้า แต่ภาพของศราวินที่ถูกทำร้ายมันก็ไม่ยอมหายไปจากความคิด จึงได้แต่นอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืด

ก๊อก ก๊อก!

เสียงประตูเปิดดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าและเสียงรถเข็น

นอกจากนั้นแล้วยังมีแสงไฟที่เปิดสว่างขึ้นจนอติพัทธ์ต้องหยีตา เมื่อมองได้เต็มตาก็เห็นอธิชาส่งยิ้มบางๆมาให้

“คุณหายไปทั้งวันเลยนะคะ...ธิชานึกว่าคุณจะไม่กลับมาที่ห้องแล้วเสียอีก” อติพัทธ์เลิกคิ้ว มองสบตาเธอก็พอจะรู้ถึงความห่วงใย

“คุณรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วใช่ไหม?”

ถึงไม่บอกว่าเป็นเรื่องอะไร แต่อธิชาก็เข้าใจ

“ค่ะ..ไม่อยากเชื่อเลยว่าหมอซันจะ...” 

อธิชากลืนน้ำลายลงคอและไม่พูดไปมากกว่านั้น เธอเองก็รอที่จะออกเวรเพื่อลงไปเยี่ยมดูอาการของศราวินเช่นกัน ความเงียบเกิดขึ้นกะทันหัน ต่างฝ่ายต่างก็ไม่พูดอะไรออกมา แต่ใจนั้นกลับคิดถึงคนเดียวกัน จนกระทั่งพยาบาลสาวนึกขึ้นได้ถึงจุดประสงค์ที่เข้ามา

“เอ่อ...ธิชาจะมาแทงเข็มให้คุณน่ะค่ะ น้ำเกลือคงไม่ต้องให้แล้ว แข็งแรงขนาดอยู่ได้ทั้งวันโดยไม่เป็นลมก็คงโอเคแล้วล่ะค่ะ แต่ขอแทงเข็มค้างไว้สำหรับให้ยาแล้วกันนะคะ”

“อืม...รบกวนด้วยครับ” อติพัทธ์ยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มแรกที่พยาบาลสาวได้เห็น เธอส่งยิ้มให้เขากลับคืนไปและจัดการเช็ดแอลกอฮอลให้

โครก....

ระหว่างที่อธิชากำลังจะแทงเข็มให้ ท้องของอติพัทธ์ก็ร้องขึ้นมา นายตำรวจหนุ่มให้อีกมือที่ว่างเกาท้ายทอยอย่างเขินๆ

“ขอโทษครับ”

“ไม่ได้ทานอะไรเลยมาทั้งวันสินะคะ?”

อติพัทธ์พยักหน้ารับ ตอนเช้าเขาได้ทานอาหารเล็กน้อยก่อนที่อนิรุทธ์จะมาถึงห้อง แต่หลังจากนั้นเขาก็ทานอะไรไม่ลง จนตอนนี้รู้ว่าศราวินปลอดภัยดีแล้ว เขาก็ยังไม่นึกหิว แต่ท้องก็ยังร้องให้ขายหน้าอธิชา

“อืม..จะเที่ยงคืนแล้ว โรงอาหารกับครัวปิดแล้วด้วยสิคะ”

อธิชาว่าพลางเหลือบดูนาฬิกาทรงกลมที่แขวนอยู่บนผนังสีฟ้า

“งั้น...ผมขอเกเรลงไปหาซื้ออะไรกินที่มินิมาร์ทหน่อยก็แล้วกัน ได้หรือเปล่าครับคุณพยาบาล?” คนถูกขออนุญาตเลิกคิ้วก่อนยิ้มมาให้

“ถ้าไม่รังเกียจ...รับเสบียงของนางพยาบาลสักที่ไหมล่ะคะ?” อติพัทธ์มองรอยยิ้มที่พร้อมแบ่งปันให้แล้วก็ต้องยิ้มกลับไปให้เธออีกครั้ง

“ขอรบกวนด้วยครับ”

“ด้วยความยินดีค่ะ” อธิชารับคำด้วยรอยยิ้ม

เธอแทงเข็มให้อติพัทธ์เสร็จก็ลากรถเข็นออกไป อติพัทธ์ที่ได้อยู่เพียงคนเดียวก็ยกมือขึ้นลูบผมเก้อๆ รู้สึกได้ว่าใบหน้าเหนอะหนะและชื้นเหงื่อ เขาลุกจากเตียงไปล้างหน้า ถึงจะลำบากเพราะใช้มือได้แค่ข้างเดียว แต่ก็คุ้นชินแล้ว แผลก็ใกล้หาย กายภาพอีกไม่กี่วันก็คงได้ออกจากโรงพยาบาล ความจริงแล้วเขาก็อยากออกจากโรงพยาบาลไวๆ เพื่อที่จะได้ตามคดีของศราวินต่อ แต่กระนั้นก็รู้สึกใจหาย..ถ้าต้องออกจากโรงพยาบาลจริงๆ

“นายกำลังคิดอะไรอยู่..อติพัทธ์?” เขาถามตัวเองในกระจก ทั้งที่รู้คำตอบอยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้าที่จะยอมรับมัน

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกหน อติพัทธ์เดินออกมาจากห้องน้ำ ใบหน้าหล่อคมยังคงมีหยาดน้ำเกาะพราวอยู่ อติพัทธ์มองดูพยาบาลสาวยกเอาถาดมาวางให้ กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นโชยแตะจมูก เขาหยิบเอาผ้าขนหนูผืนเล็กจากราวพาดมาเช็ดหน้าขณะเดินไปนั่งที่โต๊ะ ในถาดมีจานขนมปังที่ทำเป็นแซนวิสง่ายๆอยู่สี่ชิ้นกับคุกกี้ในโหลแก้วอีกหนึ่งโหล

“ทานด้วยกันสิฮะ” อติพัทธ์เชื้อเชิญเธอด้วยไมตรีที่มีมากกว่าเดิม แต่พยาบาลสาวส่ายหน้าพลางยิ้มให้

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณพัททานเถอะ ธิชาออกเวรพอดี เก็บท้องไว้ไปกินกับข้าวของแม่ดีกว่า”

“อ่อ..คุณกลับบ้านเลยหรอ?” อติพัทธ์ถามกลับพลางหยิบแซนวิสขึ้นมากัดทาน

“อืม..ว่าจะไปเยี่ยมหมอซันสักหน่อยก่อนกลับค่ะ”

“แล้วคุณกลับยังไง?” หลุดปากถามไปเพราะความเป็นห่วง ยิ่งเพิ่งเกิดเหตุการณ์ร้ายๆขึ้นมาก็ยิ่งวิตกมากกว่าเดิม กลัวว่าคนร้ายจะยังวนเวียนเพื่อหาเหยื่อรายใหม่ กลัวไปหมดทุกอย่างจนนึกแปลกใจตัวเอง

“ธิชาเอารถมาน่ะค่ะ” พยาบาลสาวตอบ นึกประหลาดใจกับกิริยาของอีกฝ่ายอยู่นิดๆ แต่ก็ไม่ได้เอามาใส่ใจนัก

“อ่อ..งั้นขับรถดีๆนะครับ”

อธิชาพยักหน้าก่อนจะขอตัวกลับออกไปเลย คนที่อยู่ในห้องเป่าปากอย่างโล่งอก อติพัทธ์มองดูแซนวิสที่กัดไปได้เพียงสองคำก่อนยิ้มมุมปาก

“เป็นอะไรไปนะเรา..”

อติพัทธ์ถามตัวเองลอยๆก่อนยักไหล่แล้วกัดแซนวิสเข้าปากไป

ส่วนอธิชานั้น พอออกมาจากห้องพักของอติพัทธ์แล้ว พยาบาลสาวก็เดินกลับไปเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ซึ่งก็มีเพียงแค่กระเป๋าสะพายข้างใบเดียวเท่านั้น แต่พยาบาลสาวก็เตรียมชงกาแฟพร้อมกับทำแซนวิสอีกชุดเพื่อนำลงไปให้พี่ชายของตัวเอง

บรรยากาศภายในห้องไอซียูนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความหดหู่ ส่วนมากผู้ป่วยที่ต้องมาอยู่ในไอซียูจะเป็นผู้ป่วยที่อาการหนักและต้องการการเฝ้าระวังกันอยู่ตลอดเวลา เสียงติ๊ดๆดังขึ้นเป็นจังหวะ อธิชาค้อมศีรษะทักทายพยาบาลรุ่นพี่ที่ประจำอยู่ในห้องไอซียูก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ศราวินถูกพามาอยู่ในห้องไอซียูที่แยกเดี่ยว พยาบาลมองเข้าไปก็เห็นร่างสูงที่คุ้นตานั่งอยู่ข้างเตียง ยังไม่ทันจะเข้าไป พยาบาลรุ่นพี่สองคนก็ปรี่เดินมาลากตัวเธอมายังมุมเคาน์เตอร์พยาบาลตรงกลางห้องเสียก่อน

“อาจารย์รุทธ์แกนั่งเฝ้าอยู่ตั้งแต่ผ่าตัดเสร็จแล้วล่ะ ไม่ยอมขยับไปไหน พี่เอากาแฟไปให้ แกก็ไม่สนใจจะดื่มเลย เขาลือกันให้แซ่ดทั้งตึกว่าอาจารย์รุทธ์กับหมอซันแก...มี-อะ-ไร-กัน ธิชารู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”  อธิชาคาดแล้วว่าจะต้องถูกถามอย่างนี้

เธอมองหน้าทั้งสองคนก็เห็นแต่ความอยากรู้อยากเห็น แต่คงไม่กล้าไปถามอนิรุทธ์เองจึงได้มาถามคนเป็นน้องสาวอย่างเธอ

“เอ๋...ธิชาก็ไม่รู้ค่ะ”

อธิชาส่งยิ้มแล้วเดินผ่านพวกเธอไปยังห้องของศราวินอีกครั้ง เธอเปิดประตูบานเลื่อนเข้าไป ศราวินที่เห็นตอนนี้ไม่เหลือเค้าเดิมที่เห็นเลยแม้แต่น้อย พยาบาลสาวรู้สึกสงสารขึ้นมาจับจิต ไม่รู้เป็นเวรเป็นกรรมอะไรที่อีกฝ่ายต้องมาเจอกับเรื่องเช่นนี้

เธอถอนหายใจยาวก่อนหันไปหาพี่ชายที่นั่งนิ่งอยู่

“พี่รุทธ์...ธิชาชงกาแฟกับทำแซนวิสมาให้ ทานหน่อยนะ”

อนิรุทธ์หันมามองด้วยสีหน้าอ่อนล้าก่อนส่ายหน้า

“พี่กินไม่ลง”

“กินไม่ลงก็ต้องกิน หรือจะให้ธิชาไปตามม๊ามาป้อนให้ดี?”

อธิชาเอ่ยขู่ก่อนยัดแก้วกาแฟใส่มือคนดื้อ อนิรุทธ์ถอนหายใจก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่ม พยาบาลยิ้มบางๆแล้วเอื้อมมือไปดึงเก้าอี้มานั่งข้างๆ เธอแกะกล่องแซนวิสแล้วยื่นให้

“พี่ไปพักบ้างก็ได้นะ ยังมีพยาบาลอยู่เฝ้าอีก หมอซันคงไม่เป็นอะไร”

อนิรุทธ์ยกแซนวิสขึ้นแต่ไม่ได้กินมัน เขาถือมันเอาไว้เฉยๆ สายตามองไปยังร่างที่นอนอยู่บนเตียง ศราวินอ่อนแอจนกระทั่งหายใจเองยังไม่ได้ ต้องมีท่อช่วยหายใจสอดคาไว้ที่ปาก

“ตั้งแต่ออกจากโออาร์มา...หัวใจของเขาหยุดเต้นไปแล้วสามครั้ง”

สามครั้งที่อนิรุทธ์ต้องทำการกู้ชีพเด็กหนุ่มขึ้นมา มันทำให้เขากลัวว่าถ้าเขานอนหลับหรือละสายตาไปจากเด็กหนุ่ม ศราวินก็จะทิ้งเขาไปอยู่ในโลกแห่งความตายอีกครั้ง

“เข้าใจแล้ว...แต่ยังไงพี่รุทธ์ก็ต้องกินอะไรรองท้องหน่อยรู้ไหม”

“อืม..” อนิรุทธ์รับคำแล้วยกแซนวิสขึ้นมากัดทานทีละนิด อธิชามองพี่ชายอย่างเป็นห่วงและตัดสินใจที่จะอยู่เป็นเพื่อนในค่ำคืนนี้

“งั้นคืนนี้ธิชาจะอยู่เป็นเพื่อนพี่รุทธ์ก็แล้วกันนะ สองตาคอยเฝ้าดีกว่าตาเดียวใช่ไหมล่ะ?” อนิรุทธ์หันมามองรอยยิ้มจริงใจนั่นอย่างนึกขอบคุณ แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ถึงท่าทีของน้องสาวที่มีต่อศราวิน

“ธิชา...พี่มีเรื่องจะพูดด้วย”

“ว่ามาสิ มีอะไรหรอ?” อธิชาเอียงคอ สงสัยในน้ำเสียงเคร่งเครียดกว่าเดิมของผู้เป็นพี่ชาย

“พี่กับหมอซัน...เรารักกัน พี่คงยกหมอซันให้เราไม่ได้ พี่ขอโทษ..”

“แล้วพี่รุทธ์จะมายกหมอซันให้ธิชาทำไมล่ะ?”

พยาบาลสาวถามกลับไปอย่างงงๆ เมื่อมองสีหน้าของพี่ชายก็พอจะเข้าใจแล้ว

“อย่าบอกนะ...ว่าพี่รุทธ์คิดว่าธิชาชอบหมอซัน?” อนิรุทธ์พยักหน้ารับ

“แสดงว่าที่เมื่อวานหลังจากกินข้าวเสร็จก็รีบพาหมอเขากลับบ้านนี่เพราะหึงใช่ไหมเนี้ย? โธ่...ธิชาน่ะรู้เรื่องที่พี่กับหมอซันคบกันอยู่ ถึงได้พาไปให้ม๊าดูตัวไง หมอเขาจะได้สนิทกับพวกเราไวๆด้วย”

อธิชาพูดด้วยน้ำเสียงไม่เคร่งเครียด เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเธอยอมรับความสัมพันธ์ของพี่ชายกับเด็กหนุ่ม

“แม่เล็กก็รู้ด้วยอย่างนั้นหรอ?” อนิรุทธ์ถามอย่างตกใจ

“ช่ายยย...ม๊าน่ะชอบหมอเขามากนะ เมื่อตอนบ่ายโทรไปบอกเรื่องที่เกิดขึ้นก็ตกใจจะแย่ จะมาโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อบ่ายแล้ว แต่ธิชาห้ามเอาไว้ก่อนว่าคงยังไม่พร้อมให้เยี่ยม แต่พรุ่งนี้ล่ะมาแน่ๆ”

“อืม แล้วรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่..ว่าพี่กับหมอซันคบกัน?”

“ก็พักนึงแล้วนะ วันนั้นตอนที่ลงจากเวรดึกแล้วเห็นหมอซันขึ้นรถไปกับพี่ก็ตงิดๆ เลยขับรถตามไปจนถึงหอของหมอซัน เอารูปพี่ให้ยามดู เขาก็บอกว่าพี่มาค้างที่หอหลายครั้งแล้ว แต่ตอนนั้นก็ยังไม่มั่นใจหรอกนะ จนวันที่ไปชวนให้มากินข้าวที่บ้าน ธิชาเห็นพี่รุทธ์จูบกับหมอซัน เลยมั่นใจว่าคบกันชัวร์” อธิชาเล่าเสร็จก็มองคนที่นั่งนิ่งก่อนจะถามเพราะความอยากรู้

“พี่รุทธ์..กับหมอซันน่ะ...จริงจังใช่ไหม?” อนิรุทธ์ไม่ตอบแต่พยักหน้า แววตาคู่คมที่อ่อนล้าสะท้อนความอ่อนโยนในนั้น

คนเป็นน้องสาวยิ้มบางตอบกลับไปก่อนจะทิ้งศีรษะซบลงกับไหล่กว้าง ดวงตามองไปยังศราวินและภาวนาให้เขาปลอดภัย

เพราะเธอกลัวว่าหากศราวินเป็นอะไรไป

พี่ชายที่แสนใจดีคนนี้ของเธอ..จะตายตามไปด้วย

เหมือนกับในตำนานที่อยู่คู่กับวอร์ดศัลยกรรมมากว่าสี่สิบปี




-TBC-

ขอโทษนะคะที่หายยาวเลย สารภาพว่าลืมเลยว่ายังลงไม่จบ ;w;
ถ้าไม่มีคนทวงถามก็คงยาว TT^TT
ยังไงกระทุ้งๆถามกันได้นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2014 21:22:17 โดย zynestras »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ขอให้ซันปลอดภัยนะ  :hao5:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
การรอคอยช่างบีบหัวใจจริงๆ
ขอให้หมอซันปลอดภัย

ออฟไลน์ jessiblossom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
มาม่าที่สุดเลย นักเขียนซาดิสม์มากเลยค่ะๆ  :hao5:

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
งื่ออยากอ่านต่อ
หมอซันรีบๆฟื้นน้า

ออฟไลน์ wavalove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :hao7: :hao7: :hao7:

เพิ่งเข้ามาอ่าน  อ่านไป ขนลุกไป  โอ้ยย  จะเป็นลม   :ling3: :ling3: :ling3:

ชื่นชมคนเขียน มากๆๆ  ใจสั่น มือสั่น   :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ wavalove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :o12: :o12: :o12:


ขอสงบสติอารมณ์แปป   


:sad4: :sad4: :sad4:


โอ้ย  น้ำตาไหลพรากๆๆๆๆ 

 
:ling1: :ling1: :ling1:


วอนผู้แต่ง  อย่าใจร้ายกับผู้อ่านเลยน่ะครับ 

หัวใจ คนอ่านจะวาย

 :katai1: :katai1: :katai1:

ปล.เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งน่ะครับ 




ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
เพิ่งได้มาอ่าน  สะเทือนใจจนน้ำตาไหลพรากๆ ปกติก้อินกับนิยายว่ายแต่เรึ่องนี้เราอาจจะอินมากกว่าปกติตรงที่ชื้อจริงของซันนั้นชื้อเดียวกับชื่อลูกชาย

ถึงทั้งคู่เหมือนจะได้มาเกิดใหม่ มาเจอกัน แล้วมารักกัน ทำให้วงจรชีวิตหมุนไปในแบบเดิม เป็นเวรเป็นกรรมหรือไงก็ไม่ทราบได้ แต่คราวนี้ก็น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะว่าทั้งซันและอนิรุจน์เองก็ไม่เหมือนเดิม มีหลายอย่างที่เปลี่ยนไปแล้ว

ภาษานุ่มนวลสวยมากค่ะ อ่านลื่นไหล น้ำตาก็เลยไหลไปด้วยง่ายๆ ขออย่าให้จบเป็นโศกนาฏกรรมอีกเลย เท่าที่เกิดขึ้นไปแล้วหนหนึ่งก็เจ็บปวดจนลึมไม่ลงไปแล้ว

ออฟไลน์ bonuses

  • จงเสพติดจิตนาการ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อาการของน้องซัน ยังนิ่งนอนใจไม่ได้เลย

ฟื้นตัวเร็วๆนะ

ออฟไลน์ owo llยมuมข้u

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
TwT มาต่อแล้วว

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
น้องซันสู้ๆนะอย่าเป็นอะไรไปง่ายๆละ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ยังติดตามอยุ่ แต่ละตอน น้าาานนนนน นานนน

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
หมอ...

ดูแลซันด้วยยยย TwT #ร้องเลยค่ะร้องเลยยย #ฮื้อออออออ

ออฟไลน์ shokung

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เรื่องครอบครัวไม่มีปัญหา เหลือแต่หมอซันฟื้น หมอซันรีบฟื้นไวๆนะ

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
หมอซันอาการหนักมาก ถ้าฟื้นมาแล้วก็ต้องต่อสู้กับสภาวะของจิตใจอีก

น่าสงสารอย่างที่สุด พี่หมอต้องเยียวยาน้องให้ได้นะคะ ช่วยทำให้น้องกลับมาเป็นคนเดิม

ออฟไลน์ MIwEMInE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอตอนต่อไป มาต่อเร็วๆนะคะ :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
   ตอนที่ 17













อาการของศราวินคงที่จนกระทั่งรุ่งสาง พอถึงช่วงเวลาที่ให้ยาอีกครั้ง อธิชาก็ขอตัวกลับบ้านเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและนำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้อนิรุทธ์ด้วย คล้อยหลังหญิงสาวไปไม่ถึงสิบนาที อติพัทธ์ก็เข้ามา

“คุณอยู่ที่นี่ทั้งคืนเลยหรอ?” อติพัทธ์ถามพลางนั่งลงที่เก้าอี้ข้างกัน

“อืม..”

อนิรุทธ์พยักหน้าพลางถอดแว่นสายตาออกและใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้นวดหัวตาตัวเอง

คนที่มองดูอยู่นึกทึ่งที่อีกฝ่ายนั่งเฝ้าได้ทั้งคืน ขนาดเขาไปนอนมายังรู้สึกเพลีย ที่เหนื่อยก็คงเป็นเพราะความเครียดที่เจอทั้งวันก็เป็นได้ แต่อนิรุทธ์คงเครียดกว่า บางทีอาจจะเครียดจนทำให้นอนหลับไม่ลงก็เป็นได้

“เมื่อคืน...ผมลืมบอกคุณได้” อนิรุทธ์เกริ่นด้วยน้ำเสียงล้าๆ อติพัทธ์ขยับกายเล็กน้อยเพื่อมองหน้าคนพูด

“ผมเซ็นรับเป็นเจ้าของไข้แทนคุณไปเมื่อคืน คุณคงไม่ว่าอะไรผมนะ?” 

“ชีวิตของซันเป็นของคุณแล้ว ผมไม่ว่าอะไรหรอก”

อติพัทธ์โล่งใจที่ตนเองสามารถพูดออกมาได้โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดใจอีก

“ผมเคยสงสัยว่าทำไมซันถึงไม่เปิดใจรับความรักของผม ตอนนี้ผมได้คำตอบแล้ว...เขารอคอยคุณ รอคอยที่จะได้รักกับคุณนี่เอง”

อนิรุทธ์หันมามองหน้าคนพูด แววตาของอติพัทธ์ดูเหงาและแฝงด้วยความสำนึกผิด

“ผมเสียใจที่เคยทำไม่ดีกับซัน...”

นายตำรวจหนุ่มสารภาพออกมา กดสายตามองสองมือที่กุมเอาไว้บนหน้าขาเพราะไม่กล้าสู้ตาอีกฝ่าย

“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ซันเองก็ให้อภัยคุณแล้วด้วยไม่ใช่หรอ?”

อติพัทธ์พยักหน้า แต่ใจก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี

“เรื่องเลวร้ายบางอย่าง บางทีมันก็เป็นแผลฝังใจคนทำอยู่เหมือนกันนะหมอ ไม่ใช่คนที่ถูกทำร้ายจะเจ็บปวดเพียงฝ่ายเดียว แต่คนทำเองก็เจ็บเหมือนกัน”

อนิรุทธ์ถอนหายใจยาว ดวงตาวาวขึ้นด้วยความกรุ่นโกรธ

“คงเป็นแค่คุณ แต่คงไม่ใช่กับไอ้สารเลวที่ทำร้ายซันแน่ๆ” 

จะผิดไหม...ถ้าคนเป็นแพทย์อย่างเขา จะสาปแช่งให้คนสารเลว    คนนั้นต้องตายอย่างเจ็บปวด

ทว่าถึงจะคิดเช่นนั้น แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นมากระอักเลือดต่อหน้าเขา ด้วยความเป็นแพทย์ก็ทำให้เขาต้องช่วยผู้ชายคนนั้นไว้อยู่ดี

“พูดถึงคนร้าย...คุณว่าซันฟื้นมาแล้ว จะจำรูปพรรณของคนที่ทำร้ายเขาได้หรือเปล่า? ก็แบบในละครทีวี ถูกทำร้ายแรงๆมักจะหวาดกลัวแล้วก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง”

“อืม...จากที่ดูผลซีทีเมื่อวาน ส่วนสมองไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ผมคิดว่าช่วงสายๆจะให้เข้าตรวจเอ็มอาร์ไออีกครั้ง”

อนิรุทธ์บอกแล้วดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ

“เอ็มอาร์ไอดีกว่าซีทีอย่างนั้นหรอ?” อติพัทธ์ถามเพราะไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ เขาคิดว่าตัวเองไม่เคยได้ยินชื่อเครื่องเอ็มอาร์ไอด้วยซ้ำ

“เอ็มอาร์ไอบอกเราได้ว่าสมองมีความเปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่า บางรายเกิดอาการสมองบวมขึ้นมาทีหลัง หรือตอนที่ถ่ายครั้งแรกอาจจะมีเลือดออกแต่น้อยมากจนเครื่องซีทีตรวจจับไม่เจอ เอ็มอาร์ไอจะตรวจจับจุดละเอียดได้มากกว่า”

พอได้รับคำอธิบาย นายตำรวจหนุ่มก็พยักหน้าเข้าใจ

อติพัทธ์อยู่คุยกับอีกฝ่ายอีกพักหนึ่งก่อนจะขอตัวกลับขึ้นห้องไปเพราะได้เวลาฉีดยาของตัวเอง เมื่อเหลือเขาอยู่กับเด็กหนุ่มตามลำพัง อนิรุทธ์ก็เอาแต่นั่งมองอยู่ข้างๆ   

ครั้งนี้คงเป็นการนอนที่ยาวนานที่สุดของเด็กหนุ่ม อนิรุทธ์เอื้อมมือมาจับมือเล็กเอาไว้

“คุณจะนอนนานแค่ไหนก็ได้นะซัน....แต่ขอแค่ให้คุณตื่นมาแล้วไม่เจ็บปวดอีกก็พอ” อนิรุทธ์ยกสองมือขึ้นเท้ากับเตียงแล้วกดหน้าผากลงกับมือที่กุมเอาไว้ ในตอนที่อติพัทธ์พูดถึงเรื่องความจำเสื่อม วูบหนึ่งเขาเกิดความคิดที่เห็นแก่ตัวว่า..เด็กหนุ่มไม่ต้องจำหน้าคนร้ายได้ก็ได้..ลืมไปให้หมดทุกอย่างก็ได้ ถ้าลืม...ศราวินก็จะไม่ต้องมีความทรงจำที่เจ็บปวด

“ผมไม่โกรธหรอกนะ...ถ้าคุณจะลืมผมไปด้วย” อนิรุทธ์บอกเสียงแหบแห้ง เขาเงยหน้าอีกครั้งแล้วยิ้มบางให้กับคนที่ยังไม่ได้สติ

“ขอแค่คุณไม่ต้องเจ็บปวดอีกก็พอ ผมจะไม่หนีไปไหน จะอยู่เคียงข้างคุณ จะรักคุณ แม้ว่าคุณจะลืมความรักของเราไปก็ตาม...” พูดจบแล้วอนิรุทธ์ก็กดจูบลงกับมือบางอย่างทะนุถนอมและเนิ่นนาน

แต่ผละริมฝีปากออก ฝ่ามือของเขาก็รู้สึกถึงแรงกด เงยหน้ามองจึงเห็นเปลือกตากะพริบเบาๆ อนิรุทธ์รีบยันกายลุกขึ้นมายืน

“ซัน...ซัน?”

เปลือกตาบางที่ยังคงมีอาการบวมช้ำขยับลืมขึ้นอย่างลำบาก อนิรุทธ์ค้อมตัวลงเพื่อมองและให้ตัวเองอยู่ในระดับสายตาของอีกฝ่ายด้วย ศราวินลืมตาโพลงขึ้นมา สีหน้าตื่นกลัว สองมือยกขึ้นผลักไสเขา

“อึก อึก!!” เสียงอึกอักอยู่ในลำคอ เด็กหนุ่มยังคงลืมตาโพลง ท่าทางหวาดกลัวเหมือนกับมองไม่เห็นว่าคนตรงหน้าคืออนิรุทธ์

“ซัน...นี่ผมเอง คุณปลอดภัยแล้ว...คุณปลอดภัยแล้วนะ”

อนิรุทธ์กล่อมพลางลูบศีรษะแผ่วเบา ดวงตาเรียวกลอกมามองหน้าเขา ในดวงตานั้นยังคงแสดงความตื่นกลัวออกมา

“คุณอยู่กับผมแล้ว...”

อนิรุทธ์กล่อมแล้วกดจูบลงกับหน้าผาก มือที่ยันเขาอยู่อ่อนแรงลง ศราวินหลับไปอีกครั้ง ศัลยแพทย์หนุ่มถอนหายใจแผ่วเบา เขามองดูมอนิเตอร์อีกครั้งก่อนทรุดนั่งลงบนเก้าอี้พอดีกับที่นางพยาบาลเดินมาเปิดประตู

“มีอะไรหรือเปล่าคะอาจารย์?”

“ไม่มี..ขอบคุณมากครับ” อนิรุทธ์บอก สายตายังคงจ้องมองดูคนรักอย่างเป็นห่วง

หลังจากพยาบาลออกไปแล้ว ไม่นานนักประตูก็เปิดออกอีกครั้ง เสียงฝีเท้าคุ้นเคยเดินเข้ามาประชิดเขา อนิรุทธ์เงยหน้าไปมองก่อนจะลุกขึ้นยกมือไหว้ผู้ที่เข้ามาใหม่

“สวัสดีครับแม่เล็ก”

“จ๊ะ...น้องเป็นไงบ้างน่ะรุทธ์?”

อรทิพย์เอื้อมมือไปเกาะราวเตียงและมองไปยังร่างที่บอบช้ำอย่างแสนสงสาร

“ถูกทำถึงขนาดนี้เชียวหรอนี่...แต่น้องปลอดภัยแล้วใช่ไหมลูก?”

เธอครางเสียงเบาพลางเอื้อมมือไปลูบแขนของเด็กหนุ่ม ประโยคท้ายเธอหันมาถามร่างสูง

“โดยรวมตอนนี้ก็ไม่น่าเป็นห่วงแล้วครับ แต่ต้องระวังเรื่องการบวมแล้วก็สมอง..กับ...”

อนิรุทธ์พูดไม่จบ เขายกมือขึ้นปิดปากตัวเอง นัยน์ตาดูเครียดและเจ็บปวด

“กับเรื่องจิตใจสินะ” อรทิพย์เป็นฝ่ายพูดเอง เธอจับแขนอนิรุทธ์และบีบเบาๆ

“แม่เชื่อว่ารุทธ์จะดูแลและรักษาน้องได้นะ”

“ขอบคุณครับ” อนิรุทธ์ขอบคุณเธอจากใจจริง อรทิพย์คอยอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจเขาเสมอเมื่อเกิดเรื่องเลวร้ายต่างๆในชีวิต เขากอดร่างสันทัดของเธอไว้และปล่อยให้เธอลูบหลังเหมือนกับที่เธอเคยทำมาตลอด อธิชายิ้มจางๆ เธอคิดถูกแล้วที่พาคนเป็นแม่มาด้วย

“แต่ตอนนี้..ลูกต้องทานข้าว แล้วก็อาบน้ำพักผ่อนบ้าง ธิชาบอกว่าลูกกลัวที่จะละสายตาจากน้องเขา แต่ถ้าลูกไม่กิน ไม่นอนเลย ลูกจะเอาแรงที่ไหนมาดูแลน้องเขาล่ะคะลูก? ไปกินข้าวสักหน่อยนะ แล้วก็นอนสักตื่น ถ้าลูกกลัว..จะนอนที่นี่ก็ได้ แม่จะขอเตียงเสริมให้ ส่วนน้อง..แม่จะเฝ้าให้เอง จะเฝ้าไม่กะพริบตาเลยด้วย”

อรทิพย์พูดเสียยาวเหยียดพลางรับกระเป๋าที่อธิชาถือมาวางที่เก้าอี้แล้วหยิบเอากล่องข้าวที่เธอทำเองกับของว่างมาวาง และกระเป๋าอีกใบที่เธอถือมาก็เป็นเสื้อผ้าและสบู่อาบน้ำ รวมทั้งที่โกนหนวดและผ้าเช็ดตัวด้วย

เมื่อเห็นว่าเธอเตรียมพร้อมมาให้ขนาดนี้ อนิรุทธ์ก็คลี่ยิ้มบางๆ เขากอดเธออีกครั้งก่อนเอ่ยขอบคุณ

“ขอบคุณครับแม่เล็ก”

“จ้า...แล้วไม่ต้องขอบคุณอย่างเดียวนะ รีบไปทานข้าว ไปอาบน้ำให้สดชื่นด้วยนะ” เธอยัดเยียดข้าวกล่องไปให้ อนิรุทธ์รับมาไว้ก่อนจะเดินออกไปด้านนอกกับอธิชา ส่วนอรทิพย์นั้นนั่งเฝ้าศราวินต่อ เธอมองดูร่างเล็กที่บอบช้ำไปทั้งตัวด้วยความสงสารและอดสูที่คนเราทำร้ายกันได้ถึงขนาดนี้

“หนูต้องรีบแข็งแรงนะคะลูก” อรทิพย์พูดแผ่วเบาแล้วลูบศีรษะที่ถูกพันผ้าพันแผลเอาไว้

ตั้งแต่เลี้ยงอนิรุทธ์มา เธอไม่เคยเห็นสีหน้าเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อน

แต่สีหน้าเช่นนี้ก็ทำให้เธอรู้

ว่าลูกเลี้ยงของเธอ..รักเด็กหนุ่มคนนี้มากเพียงใด

อนิรุทธ์เดินออกมานั่งทานอาหารตรงที่นั่งด้านหน้าห้องไอซียู รสมือของอรทิพย์ทำให้เขาสามารถทานได้จนหมดกล่อง หรืออาจจะเป็นเพราะเขากลัวอรทิพย์เสียใจถ้าหากเห็นว่าเขาทานเหลือก็เป็นได้

“เฮ้อ...คนเป็นหมอกับคนเป็นพยาบาลนี่เหมือนกันหมดเลยนะ”

อธิชาเปรยขึ้นขณะเทน้ำชาใส่แก้วให้ พอคนฟังเลิกคิ้ว เธอก็เสริมให้เข้าใจ

“ก็กินเร็วอิ่มเร็วไง” อนิรุทธ์ยิ้มทั้งที่นัยน์ตายังคงดูเศร้า

“นี่เราก็ไม่ได้นอนเลยสิ?”

เพราะอีกฝ่ายออกไปเพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้น และตอนที่เฝ้าอยู่กับเขา เธอก็ไม่ได้หลับเลยแม้แต่งีบเดียว

“อืม..ไม่เป็นไรหรอก”

ถึงเธอจะบอกเช่นนั้น แต่อนิรุทธ์ก็อดมองเธอด้วยสายตารู้สึกผิดไม่ได้

“ไม่เป็นไรจริงๆน่า ธิชาเองก็ถือว่าหมอซันเป็นคนในครอบครัวเราแล้วนะ อดนอนแค่คืนสองคืนนี่สบายมากน่า อยู่เวรสามวันติดยังไหวเลย”

อนิรุทธ์ยิ้มให้เธอ รู้ว่าคนเป็นน้องพยายามทำตัวให้ร่าเริงเพื่อไม่ให้เขารู้สึกผิดมากไปกว่านี้ เขาโอบบ่าเธอเข้ามากอดไว้และซบศีรษะอย่างรู้สึกอ่อนล้า

“บ่าพี่รุทธ์แข็งไปหมดแล้วเนี้ย ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวธิชาไปเอาเตียงเสริมมาให้ รู้หรอกน่า..ว่าพี่รุทธ์น่ะไม่ยอมไปนอนที่ห้องพักแน่ ใช่เปล่าล่ะ?”

“อืม..รบกวนหน่อยก็แล้วกัน”

อนิรุทธ์บอกแล้วหยิบเอากระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นมา เขาลงลิฟต์ไปยังชั้นล่างและเดินไปยังห้องทำงานของตัวเอง จัดการอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าภายในสิบนาทีก่อนจะกลับมายังห้องไอซียูอีกครั้ง

“มานอนเร็ว” อรทิพย์บอกพลางวางหมอนลงกับเตียงพับขนาดสามตอนที่วางขนาดกับเตียงคนไข้

โชคดีที่ไอซียูเดี๋ยวนี้มีขนาดค่อนข้างกว้าง เมื่อวางเตียงพับไปแล้วก็ยังมีทางเดินให้เดินได้อยู่

“มีอะไรก็ต้องเรียกผมนะครับ” อนิรุทธ์ย้ำหลังจากทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงพับตัวเตี้ย

“จ้า..ถึงแม่ไม่เรียก รุทธ์ก็ตื่นอยู่ดีน่ะแหละ”

อรทิพย์เอ่ยแซว เพราะถ้ามีปัญหาขึ้นมา เสียงมอนิเตอร์จะร้องดัง และคนที่ตื่นง่ายอย่างอนิรุทธ์ก็คงจะตื่นขึ้นมาก่อนเธอจะร้องเรียกด้วยซ้ำ

อนิรุทธ์ยิ้มให้เธออย่างเกรงใจก่อนจะเอนตัวนอน สายตาเขามองไปยังร่างบนเตียงอีกครั้งก่อนหลับตาลงและหลับไปอย่างรวดเร็ว

 

ศราวินไม่ได้ฟื้นขึ้นมาอีกหลังจากนั้น อนิรุทธ์หลับไปเพียงสองชั่วโมงก็ตื่นขึ้นมาในช่วงสาย เขาลุกขึ้นมาโดยไม่มีทีท่างัวเงียเลยแม้แต่น้อย

“นอนต่อสักหน่อยสิลูก” อรทิพย์บอกอย่างเป็นห่วง แต่ศัลยแพทย์หนุ่มส่ายหน้าแล้วยิ้มให้เธอขณะที่พับเตียงเก็บ

“สองชั่วโมงก็พอแล้วครับ อีกอย่าง..ต้องพาซันไปทำเอ็มอาร์ไอด้วย”

อนิรุทธ์มองดูเวลาก็เห็นว่าที่จวนเจียนกับเวลานัดกับทางศูนย์เอ็มอาร์ไอเต็มที เขาจึงเดินออกไปเรียกพยาบาลที่อยู่ข้างนอกให้ตามบุรุษพยาบาลมาช่วยเข็นเตียงของศราวินลงไปชั้นล่าง

“ต้องตามนิวโรมาด้วยไหม?” อธิชาถามเพราะเห็นว่าศีรษะของศราวินมีบาดแผลอยู่ 



อนิรุทธ์ส่ายหน้า เขาคิดว่าจะดูผลเอ็มอาร์ไอด้วยตัวเองก่อน แล้วจึงค่อยไปปรึกษากับศัลยแพทย์ด้านสมองเองอีกครั้ง

“อะ..มาพอดี ผมกำลังว่าจะโทรขึ้นไปหาอยู่เชียวว่าถึงเวลานัดแล้ว”

คนของศูนย์เอ็มอาร์ไอเดินเข้ามาช่วยเข็นเตียงเข้าไป อนิรุทธ์ได้แต่ยิ้มให้เขาตามมารยาทโดยไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น พอช่วยยกร่างของศราวินย้ายไปวางบนแท่นที่จะเลื่อนเข้าไปในอุโมงค์ตรวจเสร็จแล้ว เขาก็เดินออกมานั่งข้างจอคอมด้านนอก ส่วนอธิชากับอรทิพย์เลือกที่จะไปนั่งรอที่สวนหย่อมด้านนอก

“เอาส่วนไหนบ้างครับอาจารย์?”

อนิรุทธ์หันไปหาคนถามแล้วหันไปมองดูร่างของศราวินที่เคลื่อนเข้าไปในอุโมงค์ช้าๆ

“เอาทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมองกับอก”

บอกเสร็จก็นั่งรอดูผล ภาพแรกที่ออกมาคือภาพของสมอง อนิรุทธ์ดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่พบความผิดปกติใดๆ เช่นเดียวกับภาพของกระดูกส่วนต่างๆและระบบอื่นๆ

“ไม่มีอะไรน่าห่วงใช่ไหมพี่รุทธ์?” อธิชาลุกขึ้นมาถามพร้อมกับเดินตามเตียงที่เข็นกลับไปยังห้องของศราวิน

“อืม..แต่ก็ยังต้องระวังเรื่องการบวมอยู่”

อนิรุทธ์บอกก่อนจะหันไปหาอรทิพย์ที่เดินมาจับมือเขาไว้ เธอบีบมือเบาๆโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่นั่นก็คือกำลังใจที่ถูกส่งผ่านมาให้

“น้องจะต้องหายดี...แม่เชื่ออย่างนั้น”

“ครับ”

 เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องไอซียูพวกเขาก็เจอกับอติพัทธ์ที่ลงมาจากลิฟต์พอดีพวกเขาเดินเข้าไปพร้อมกัน

“ไปตรวจเอ็มอาร์ไอกันมาใช่ไหม? ผลเป็นยังไงบ้าง?”

“ไม่มีอะไรน่าห่วงนอกจากเรื่องการบวม” อนิรุทธ์บอกพลางตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยหายใจที่บุรุษพยาบาลเปลี่ยนจากถังออกซิเจนที่ใช้ตอนเคลื่อนย้ายเตียงมาเสียบเข้ากับท่อที่ฝังในผนังเหมือนก่อนหน้า

“มันไม่น่าเป็นห่วงใช่ไหม?”

“ต้องรอดูว่าจะมีอาการแทรกซ้อนหรือเปล่า ถ้าไม่..ก็เบาใจได้”

ศัลยแพทย์หนุ่มตอบพลางลูบศีรษะคนรักแผ่วเบา

“อืมก็ดีแล้ว เออนี่ลูกน้องผมโทรมาบอกว่าพวกเขาได้เทปวงจรปิดของบ้านที่อยู่อีกฝั่งของสะพานมา มีถ่ายคนร้ายไว้นิดหน่อยแต่ก็ทำให้เราได้รูปพรรณของคนร้ายกับทิศทางที่คนร้ายหนีไป”

“อืม ดีแล้วเรื่องตามจับคนร้ายคงต้องยกให้เป็นหน้าที่ของพวกคุณ รบกวนด้วยนะครับ”

อนิรุทธ์บอกน้ำเสียงดูเคร่งเครียด อติพัทธ์เข้าใจว่าอีกฝ่ายก็ต้องการตามล่าคนร้ายที่ทำร้ายศราวินแต่ติดที่ต้องคอยดูแลรักษาศราวิน

“อืม..ผมก็เลยจะมารบกวนให้คุณอนุญาตให้ผมออกจากโรงพยาบาลด้วยผมอยากเข้าร่วมทีมสืบสวนคดีนี้”

อนิรุทธ์เห็นแววตาจริงจังแล้วก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางยอมอยู่โรงพยาบาลต่อแน่ๆ

“ก็ได้แต่คุณต้องให้ผลตรวจอีกครั้ง และต้องกินยาและปฏิบัติตามตามที่ผมสั่งอย่างเคร่งครัดนะครับ”

อติพัทธ์ตกลง พวกเขาจึงกลับขึ้นไปบนชั้นที่อีกฝ่ายพักอยู่

“ที่จริง...มีกล้องอีกตัวที่น่าจะเห็นภาพตอนก่อนและหลังเกิดเหตุได้ชัด แต่เจ้าของบ้านไปต่างประเทศยังไม่กลับ ผมกำลังให้ลูกน้องหาทางติดต่ออยู่” อติพัทธ์บอกเมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์ อนิรุทธ์หันมามองหน้าเขาก่อนพยักหน้ารับรู้

“แล้วซัน..จะฟื้นเมื่อไหร่ คุณพอจะรู้ไหม?”

“ไม่น่าเกินบ่ายสอง” อนิรุทธ์ประเมินคร่าวๆจากการได้พูดคุยกับวิสัญญีแพทย์ตอนหลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ว

“แล้วคุณว่า...เราควรถามเรื่องที่เกิดขึ้นเลย หรือว่าควรรอไปก่อน?”

ยิ่งรู้รูปพรรณคนร้ายเร็วมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งทำให้ตามจับได้ง่ายมากขึ้น

อนิรุทธ์เองก็เข้าใจในข้อนี้

“ผมว่ารอดูท่าทีของซันตอนเขาฟื้นขึ้นมาก่อนดีกว่า”

ถ้าหากฟื้นขึ้นมาแล้วตื่นกลัวแบบตอนเมื่อเช้านี้ เขาคิดว่าคงไม่ดีสักเท่าไหร่ถ้าจะจี้ถามให้เด็กหนุ่มต้องนึกถึงเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น

อติพัทธ์มองสีหน้าอีกฝ่ายอย่างเข้าใจ เขาจึงไม่เซ้าซี้อะไรอีก

ทั้งสองเดินไปที่เคาน์เตอร์พยาบาล อนิรุทธ์ขอแฟ้มของอติพัทธ์มาและจัดการตรวจร่างกายอติพัทธ์อีกครั้ง เขาเขียนสั่งยาเสร็จเรียบร้อยก็บอกให้พยาบาลส่งเรื่องให้อติพัทธ์ออกจากโรงพยาบาลได้

“ถ้าซันฟื้นแล้ว รบกวนคุณโทรบอกผมด้วยนะ” อติพัทธ์เขียนเบอร์โทรใส่กระดาษแล้วยื่นให้อีกฝ่าย อนิรุทธ์รับมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อกาวน์

“แล้วผมจะมาอีกครั้งช่วงบ่ายสอง อ่อ...แล้วก็ขอบคุณมาก ที่ช่วยชีวิตผมกับซัน”

อนิรุทธ์ยิ้มให้แทนคำพูด อติพัทธ์มองสบตาก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย

“คุณกลับไปดูซันต่อเถอะ”

ส่วนตัวเขาต้องรอที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับทางโรงพยาบาลก่อนถึงจะออกไปได้

“งั้นผมขอตัว” อนิรุทธ์บอกแล้วจึงเดินกลับออกไป ระหว่างรอลงลิฟต์ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“พี่รุทธ์ลงมาเร็ว! หมอเขาฟื้นแล้ว!”

เสียงของอธิชาบ่งบอกความตื่นเต้นก่อนจะตัดสายไปอย่างรวดเร็ว อนิรุทธ์มองลิฟต์ที่ยังค้างอยู่อีกสามชั้นถัดไปแล้วตัดสินใจวิ่งลงบันไดแทน

เมื่อมาลงถึงก็เห็นอรทิพย์กับอธิชายืนอยู่ข้างนอกห้องและมองเข้าไปด้านในที่พยาบาลกำลังตรวจศราวินอยู่

“รุทธ์เข้าไปดูน้องสิจ๊ะ” สีหน้าของอรทิพย์ออกจะเป็นห่วงและวิตก อนิรุทธ์รีบเข้าไปในห้อง พยาบาลเห็นเขาก็ขยับให้เขาเข้าไปตรวจดู

“ทำไมต้องมัด?” อนิรุทธ์ถามทันทีที่เห็นว่ามือของศราวินทั้งสองข้างถูกมัดกับเตียง

“หมอเขาพยายามกระชากท่อช่วยหายใจออกน่ะค่ะอาจารย์”

(ต่อ)

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com

 อนิรุทธ์พยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาตรวจฟังเสียงหัวใจและปอดรวมถึงการตอบสนองของม่านตาก่อนจะสั่งยาเพิ่มเติมอีก ตลอดเวลาที่เขาตรวจ     เด็กหนุ่มจ้องมองมาที่เขาและเหมือนพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง

“ซัน..ผมจะแกะที่มัดมือคุณออก คุณอย่าเอาท่อช่วยหายใจออกอีกนะ ตอนนี้คุณยังหายใจเองไม่ได้ เข้าใจที่ผมพูดไหม?”

ศราวินพยักหน้าเล็กน้อย อนิรุทธ์ยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายและมองด้วยสายตาอ่อนโยนก่อนจะจัดการแกะผ้าที่มัดมือออก อธิชาเดินมาช่วยแกะมืออีกฝั่งให้

“คุณจำได้หรือเปล่า..ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ?”

อนิรุทธ์เลียบๆเคียงๆถาม ศราวินพยักหน้าอีกครั้ง นัยน์ตาสั่นเทา..เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง  อนิรุทธ์ลูบศีรษะของเด็กหนุ่มอีกครั้งก่อนถอนหายใจช้าๆ

“ไม่ต้องห่วงนะซัน...คุณพัทจะต้องตามจับคนร้ายได้แน่ๆ คุณพัทมาเยี่ยมคุณด้วยนะ ธิชากับแม่เล็กก็มาด้วย”

อนิรุทธ์บอกก่อนจะขยับให้อธิชากับอรทิพย์มาอยู่ในสายตาของ    ศราวิน เด็กหนุ่มพยายามยิ้มให้แต่แก้มที่บวมช้ำก็ทำให้รอยยิ้มนั้นดูเกร็งๆและบิดเบี้ยว อรทิพย์จับมือของเขาเอาไว้แล้วยิ้มให้กำลังใจ

“หนูต้องหายไวๆนะคะลูก พี่รุทธ์เขาเป็นห่วงหนูมากนะ”

 ศราวินบีบมือเธอไว้ อนิรุทธ์มองดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนนึกถึงอติพัทธ์ได้ เขาจึงหยิบกระดาษจดเบอร์และมือถือขึ้นมากดโทรหานายตำรวจหนุ่ม

ไม่ถึงห้านาที อติพัทธ์ก็เข้ามาในห้อง เขาเดินเข้ามายืนอยู่ที่ข้างเตียง

“ซัน...เป็นยังไงบ้าง?”

เด็กหนุ่มกลอกตามามองเขาและพยายามยิ้มให้ รอยยิ้มบิดเบี้ยวนั้นทำให้อติพัทธ์มองอย่างไม่สบายใจนัก เขาเงยหน้าสบตาอนิรุทธ์ที่ยืนอยู่อีกฝ่าย

“ถ้าแก้มหายบวมก็จะเป็นเหมือนเดิม”

อนิรุทธ์บอก ทำให้อติพัทธ์เบาใจลง

เขาหันกลับมามองศราวินอีกครั้งและเห็นว่าอีกฝ่ายพยายามที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่ติดตรงที่มีท่อช่วยหายใจคาอยู่ที่ริมฝีปาก

“ท่อหายใจทำให้พูดไม่ได้ใช่ไหม? แต่เหมือนซันอยากจะพูดอะไรนะ”

อติพัทธ์บอก ทุกคนเองก็เห็นตรงกันว่าเด็กหนุ่มเหมือนอยากบอกอะไรสักอย่างกับพวกเขา

“เขียนได้ไหม? ที่วอร์ดมีคนไข้อาการหนักใช้วิธีเขียนแทนพูดอยู่เหมือนกัน”

อธิชาเสนอขึ้นมา อนิรุทธ์ก็เห็นด้วยกับวิธีนี้

“ไปขอปากกากับกระดาษมาทีสิ”

อธิชาพยักหน้าแล้วเดินออกไป ไม่นานหลังจากนั้นก็เข้ามาพร้อมกับกระดาษและปากกา อนิรุทธ์รับมาวางไว้ที่มือของศราวิน เขาจับมือให้เด็กหนุ่มจับปากกาเอาไว้ ศราวินจับปากกาอย่างไม่มีแรงนัก มือของเขาสั่นเทาแต่ก็พอจะเขียนตัวอักษรได้

ทั้งสี่พร้อมใจกันมองดูศราวินเขียน ตัวอักษรโย้เย้เหมือนเด็กที่หัดเขียน แต่ก็พออ่านออกเป็นคำ

“คน - ร้าย -...”

อธิชาตามอ่านทีละคำ อติพัทธ์กับอนิรุทธ์มองหน้ากัน รู้ว่าศราวิน พยายามที่จะบอกพวกเขาว่าคนร้ายคือใคร แต่มือของศราวินจิกเกร็งเพราะ ฝืนเขียน อธิชาจึงจับมือไว้แล้วนวดเบาๆ

“อย่าฝืนค่ะหมอ ค่อยๆเขียน...เรารอได้”

ได้ยินแล้ว ศราวินก็หยุดเขียนครู่หนึ่ง เขาเร่งเร้าตัวเองมากเกินไปจนเกิดอาการเกร็ง เด็กหนุ่มบอกตัวเองว่าอย่าใจร้อนและค่อยๆเขียนอีกครั้ง

“ลูก – 1915? หมายความว่ายังไง?”

อธิชาถามอย่างไม่เข้าใจนัก ผิดกับที่อนิรุทธ์นั้นตัวชาตั้งแต่ที่เห็นเลขสองตัวแรกที่ศราวินเขียน เขามองสบตาเด็กหนุ่ม ศราวินรู้ว่าเขาเข้าใจว่าหมายถึงอะไร

“ลูกชายของคนไข้เตียง 1915 หอสามัญ ใช่ไหมซัน?”

ศราวินพยักหน้า ดีใจที่อนิรุทธ์เข้าใจความหมาย

“คุณรู้จักหรอ?”

อติพัทธ์ถามเพราะเห็นอนิรุทธ์เข้าใจความหมายที่ศราวินอยากบอก

“คนไข้เตียง 1915 เป็นคนไช้ของผม ถ้าคุณอยากได้ตัวคนร้าย เราคงต้องลองเข้าไปคุยกับคนไข้เตียงนั้นดู”

อติพัทธ์พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะหันมาหาศราวินอีกครั้ง

“เก่งมากซัน พักผ่อนนะจะได้แข็งแรงไวๆ”

ศราวินพยายามฝืนยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะปิดตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนและหลับไปอีกครั้ง

“น้องคงเหนื่อยนะ” อรทิพย์บอกแล้วหันมามองหน้าอนิรุทธ์ที่หยิบกระดาษซึ่งวางไว้ใต้มือของเด็กหนุ่มกับปากกาออกมา

“จะเชื่อสิ่งที่น้องเขียนได้หรือเปล่ารุทธ์?”

อรทิพย์ถามอย่างติดใจ เพราะคนส่วนมากเมื่อฟื้นขึ้นมาครั้งแรกมักจะไม่มีสติสักเท่าไหร่นัก

“ผมว่าเชื่อได้นะครับ”

อนิรุทธ์บอกแล้วส่งกระดาษให้อติพัทธ์เก็บไว้เป็นหลักฐาน ทั้งสองคนพากันเดินออกจากห้องไอซียูเพื่อที่จะไปคุยกัน

“เอายังไงดีล่ะคุณ หลักฐานก็มีแค่คำบอกของซัน มันยังไม่ชัดเจนพอที่จะฟันธงได้ว่าลูกของคนไข้เตียง 1915 คือคนร้ายจริงๆนะ ดุ่มๆไปบอกว่าลูกเขาเป็นคนร้ายตอนนี้ จะถูกฟ้องกลับมาเอาได้นะ”

อติพัทธ์พูดอย่างเป็นกังวล ถึงเขาจะเชื่อในสิ่งที่ศราวินบอก แต่ก็ใช่ว่าคนอื่นจะเชื่อตาม อาจมีคนคิดอย่างอรทิพย์ก็เป็นได้ ว่าในตอนนี้สติสัมปชัญญะของศราวินยังมีไม่เพียงพอที่จะบอกได้ว่าใครคือคนร้าย

“คนไข้เตียง 1915 คือดำรง...”

อนิรุทธ์บอกก่อนหันมองสบตาอติพัทธ์

“เขาคือคนร้ายที่ฆ่าซันเมื่อสี่สิบปีที่แล้ว”

อติพัทธ์รู้สึกขนลุกไปทั้งกาย เขาเผลอครางออกมาแผ่วเบา

“ไม่จริง..”

“เป็นเรื่องจริง...”

อนิรุทธ์ยืนยัน ศัลยแพทย์หนุ่มก้มลงมองปลายนิ้วมือของตัวเองอย่างใช้ความคิด เขาเองก็เข้าใจดีว่าการจะกล่าวหาใครสักคนว่าเป็นคนร้ายโดยที่ยังไม่แน่ชัดแบบนั้น คงทำไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้น ผมขอชื่อนามสกุลของดำรงหน่อย จะให้ลูกน้องไปสืบดูว่าลูกชายคือใครแล้วอยู่ที่ไหน อย่างน้อยจับตามองไว้ก่อนก็คงไม่เสียหายอะไร”

อนิรุทธ์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เขาจึงจัดการให้ชื่อนามสกุลของอีกฝ่าย รวมทั้งข้อมูลของญาติที่รู้ด้วย พออติพัทธ์ได้ข้อมูล เขาก็จัดการโทรไปหาลูกน้องทันที ระหว่างที่อติพัทธ์คุยโทรศัพท์ อนิรุทธ์ก็ยืนมองไปตามทางเดิน ซึ่งสุดปลายทางคือทางเชื่อมไปยังหอผู้ป่วยสามัญซึ่งอยู่อีกตึกหนึ่ง สายตาหลังกรอบแว่นเห็นบางสิ่งและทำให้เขานึกขึ้นได้

เตียงของดำรงอยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้จากกล้องวงจรปิดพอดี

อนิรุทธ์รอให้อติพัทธ์วางสายเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงบอกทันที

“คุณพัท..เตียงของดำรงอยู่ตรงกับกล้องวงจรปิดพอดี บางที..ผู้ชายคนนั้นอาจจะมาเยี่ยมพ่อ กล้องอาจถ่ายไว้ก็ได้”

“ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณติดต่อขอดูกล้องวงจรปิดนั่นหน่อยได้ไหม? ส่วนผมจะไปเอารูปจากลูกน้อง พวกนั้นได้รูปจากกล้องวงจรปิดของบ้านอีกหลังแล้ว เจ้าของที่ไปต่างประเทศแล้ว”

“ได้ แล้วถ้าผมได้รูปแล้วจะโทรไปบอก” ตกลงกันเสร็จแล้ว ทั้งสองก็แยกย้ายกันไปทำภารกิจของตน อนิรุทธ์ไปขอดูกล้องวงจรปิดของเวลาในช่วงที่ดำรงเข้ารักษาที่โรงพยาบาล จนกระทั่งเขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกับดำรงมาเยี่ยม จึงให้เจ้าหน้าที่ปริ๊นรูปของผู้ชายคนนั้นออกมา

“ตัดวิดีโอช่วงนี้ ส่งเข้าเมลของผมด้วยนะครับ”

อนิรุทธ์จดอีเมลของตนเองทิ้งไว้ให้ เขากลับไปยังตึกผู้ป่วยอีกครั้งพร้อมกับรูปที่อยู่ในมือ ระหว่างที่เดินกลับไปยังห้องไอซียู เขาก็โทรไปหาอติพัทธ์ ทางฝ่ายนั้นก็ได้วิดีโอช่วงที่คนร้ายลากศราวินไปยังใต้สะพานกับตอนเดินออกมาเรียบร้อยแล้วและกำลังกลับเข้ามาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง อนิรุทธ์จึงบอกว่าจะคอยอยู่ที่ห้องของศราวินก่อนวางสายไป

เมื่อมาถึงที่ห้องก็เห็นว่าอธิชาไม่อยู่แล้ว

“แม่ให้น้องไปซื้อข้าวกล่องน่ะ ว่าแต่ได้เรื่องไหมลูก?”

อนิรุทธ์พยักหน้า เขาเดินเข้าไปนั่งข้างอรทิพย์และเอารูปให้ดู

“เขาหน้าเหมือนกับคนไข้มาก ผมเลยคิดว่าน่าจะเป็นเขา แล้วเท่าที่ดูในกล้องจนถึงวันนี้ก็มีแค่เขาคนเดียว”

คนมาเยี่ยมดำรงมีไม่มากนัก จึงง่ายต่อการหากว่าที่คิด อรทิพย์พินิจดูคนในรูปกับคนไข้บนเตียงก่อนจะพยักหน้า

“หน้าเหมือนมาก...แม่ก็ว่าน่าจะใช่ลูกชายของเขานะ”

“ถ้าซันตื่นขึ้นมาอีกที ผมก็อยากให้เขาดูว่าใช่หรือเปล่า”

อรทิพย์พยักหน้า เธอมองไปยังคนที่หลับอยู่ด้วยความนึกสงสาร ไม่นานนัก อธิชาก็กลับมาพร้อมกับข้าวกล่องที่ซื้อมา อนิรุทธ์ให้อรทิพย์ไปทานกับอธิชาก่อน ส่วนตัวเขานั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงต่อ 

ระหว่างที่รออติพัทธ์มาถึง พิมพ์อรก็เข้ามาหาพร้อมกับเอกสารบางตัวที่ต้องให้เขาเซ็น ซึ่งงานส่วนใหญ่เปมทัตเข้ามารับผิดชอบแทนให้แล้ว แต่บางอย่างก็ต้องผ่านการพิจารณาจากเขาด้วย

ดังนั้นเมื่ออติพัทธ์มาถึง จึงได้เห็นภาพของศัลยแพทย์หนุ่มที่นั่งอ่านเอกสารกองใหญ่อยู่

“เป็นหมอแล้วยังต้องมาทำงานเอกสารด้วยหรอ?”

อนิรุทธ์ยิ้มบาง รับรู้จากทางน้ำเสียงว่าอีกฝ่ายเย้าเล่นเสียมากกว่า เขาปิดแฟ้มโดยใช้ปากกาคั่นหน้าไว้แล้วหยิบเอารูปภาพที่ได้มาจากกล้องวงจรปิดส่งให้ดู อติพัทธ์ดึงเก้าอี้มานั่งลงฝั่งตรงข้ามโต๊ะและหยิบแท็บเล็ตออกมาจากเปิดให้อนิรุทธ์ดูภาพที่ตนเองได้มาบ้าง

“รูปร่างพอๆกัน แถมเสื้อผ้าชุดเดียวกับในนี้ด้วยอีกต่างหาก ผมว่าคงใช่คนเดียวกันแน่ๆ”

“ถ้าอย่างนั้น..จะไปคุยกับพ่อของเขาเลยไหม?”

“อืม ไปคุยเลยก็ได้ ว่าแต่ลูกน้องคุณสืบได้เรื่องอะไรมาบ้างไหม?”

“เท่าที่รู้ตอนนี้ก็คือ นายดำรงนี่เพิ่งจะย้ายมาอยู่แถวบ้านเมื่อเดือนที่แล้ว เขาย้ายกลับมาอยู่กับน้องสาวที่เช่าห้องแถวด้านหลังโรงพยาบาลอยู่มานานแล้ว มีลูกชายเพียงคนเดียว นิสัยเกเรอันธพาลกันทั้งสองคนพ่อลูก คนพ่อที่ถูกแทงเข้าโรงพยาบาลมาก็เพราะไปกร่างกับคนข้างห้อง ส่วนตัวลูกก็กร่างอันธพาล เอะอะใช้กำลังตลอด ไม่น่าคบเท่าไหร่ ถ้าผู้ชายคนนี้เป็นคนร้ายจริงก็ไม่น่าแปลก”

“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”

คำถามนั้นพาให้อติพัทธ์ต้องพรูลมหายใจออก ใบหน้าหงุดหงิดไม่น้อย

“ไม่มีคนเห็นตัวตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ผู้ชายคนนั้นไม่ได้กลับไปที่ห้องเช่า คงหนีไปกบดานอยู่ที่ไหนสักแห่ง ผมให้ลูกน้องตามตัวหาอยู่ อ่อ...ผู้ชายคนนั้นชื่อโก้ ชื่อจริงคืออมร”

อนิรุทธ์พยักหน้าแล้วลุกขึ้น เขาส่งให้อติพัทธ์เก็บรูปที่ตนเองได้มาไปใส่ไว้ในกระเป๋า อติพัทธ์เดินตามเขาออกไปด้านนอก เจออรทิพย์กับอธิชาที่เดินสวนเข้ามาด้านใน

“จะไปไหนกันหรอลูก?”

“ได้รูปจากวงจรปิดของบ้านที่อยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุมาแล้วน่ะครับ คิดว่าน่าจะเป็นคนเดียวกันกับลูกชายของคนไข้เตียง 1915 เลยจะไปสอบปากคำสักหน่อย”

อติพัทธ์เป็นคนตอบแทน

“อ่อ เสร็จแล้วกลับมากินข้าวด้วยนะรุทธ์ คุณพัททานอะไรหรือยัง? แม่ให้ธิชาซื้อข้าวกล่องมาเผื่อด้วยนะ”

“ขอบคุณมากครับ”

อติพัทธ์ยิ้มให้เธอแล้วเผื่อแผ่ไปยังลูกสาวของเธอด้วย อธิชายิ้มกลับมาให้เขาแล้วถอยหนีให้เขากับอนิรุทธ์ออกจากห้องไอซียูไปก่อน

“เธอเป็นแม่เลี้ยงของคุณสินะ โชคดีนะที่ได้แม่เลี้ยงใจดีแบบนี้”

อติพัทธ์เอ่ยออกมา เขาสังเกตท่าทางแล้วก็เห็นว่าอรทิพย์รักอนิรุทธ์เหมือนกับลูกอีกคนหนึ่งของเธอ และดูว่าอนิรุทธ์เองก็รักและเคารพเธอไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งมันก็ยากที่จะเป็นเช่นนี้ ปกติแล้วลูกเลี้ยงกับแม่เลี้ยงมักจะไม่ลงรอยกันสักเท่าไหร่นัก

“ซันเล่าให้ฟังหรอครับ?”

“น้องสาวคุณเล่าให้ฟังน่ะ”

อนิรุทธ์เลิกคิ้วอย่างนึกสงสัยว่าทำไมอธิชาถึงได้เล่าให้อีกฝ่ายฟัง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป

ทั้งสองเดินมาจนถึงเตียงของดำรง ก็พบว่าอีกฝ่ายนั่งเอนอยู่บนเตียงและหันมามองพวกเขาด้วยสีหน้าไม่ประหลาดใจสักเท่าไหร่นัก

“เขาลือกันให้ทั่ว ว่าเด็กคนนั้นถูกข่มขืนแล้วก็โดนทำร้ายจนต้องเข้าไอซียู” ดำรงพูดเรียบๆก่อนจะถอนหายใจ เขาขยับลุกขึ้นมานั่งตัวตรง

“ผมเป็นตำรวจผู้รับผิดชอบคดีนี้ เราได้ภาพวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุมา ในนั้นมีภาพของผู้ต้องสงสัย ซึ่งเราอยากทราบว่าใช่ลูกของคุณหรือเปล่า?”

อติพัทธ์ถามพร้อมกับเอารูปจากกล้องวงจรปิดของอนิรุทธ์มาให้อีกฝ่ายดู ถ้าอีกฝ่ายปฏิเสธ เขาก็คิดว่าจะให้ลูกน้องนำไปสอบถามกับเพื่อนบ้านดูอีกครั้ง

“ใช่..ไอ้โก้ ลูกของผมเอง ไม่ต้องไปสืบหาที่ไหนแล้วคุณตำรวจ คนที่ข่มขืนเด็กคนนั้นก็คือไอ้โก้ มันโทรมาคุยโตให้ผมฟัง ว่ามันทำอย่างผมได้ มันข่มขืนนักเรียนแพทย์แล้วใช้มีดแทงอกก่อนจะทิ้งไว้ตรงใต้สะพานที่ผมเคยทำ”อติพัทธ์ฟังผู้ชายคนนั้นเล่าอย่างรู้สึกแปลกใจ แต่อนิรุทธ์นั้นรับฟังด้วยความเข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายจึงเล่าออกมา

“แล้วทำไม..คุณถึงเล่าให้พวกเราฟัง?”

อติพัทธ์โพล่งถามออกไป ดำรงแค่นหัวเราะ

“คนเป็นพ่อ..ถึงเลวแค่ไหน ก็ไม่ได้อยากให้ลูกทำเลวเหมือนกับที่ตัวเองเคยทำหรอกนะคุณตำรวจ ผมน่ะ ใช้ชีวิตเกือบสี่สิบปีด้วยการหนีหัวซุกหัวซุนไปทั่วประเทศ อยู่อย่างระแวงมาตลอดว่าจะถูกจับเข้าคุกไม่วันไหนก็วันหนึ่ง ผมไม่เคยคิดที่จะให้ไอ้โก้มันต้องมามีชีวิตเหมือนผม แต่ก็ดูเหมือนว่าสายเลือดมันแรง มันเลยได้ความเลวไปจากผมด้วย”

ดำรงพร่ามออกมาราวกับอัดอั้นแล้วแค่นหัวเราะตัวเองอีกรอบ

“คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจนะ”

“ถ้าอย่างนั้นแล้ว คุณเล่าเรื่องที่คุณเคยทำให้ลูกฟังทำไม?”

อติพัทธ์ตั้งข้อสงสัยขึ้นมา ไม่อยากให้ลูกทำอย่างตน แต่กลับเล่าวีรกรรมเลวๆให้ฟัง แบบนี้มันก็เป็นการปลูกฝังทางอ้อมเลยไม่ใช่หรือไงกัน?

“ผมน่ะ..เพิ่งมีโอกาสได้อยู่กับมันก็แค่ไม่กี่เดือนนี้เอง ผมก็เอาไอ้โก้มาฝากให้อีหน่องมันเลี้ยง ก็บอกอีหน่องอยู่นะว่าอย่าเล่าเรื่องที่ผมเคยทำระยำ ตำบอนให้ไอ้โก้มันฟัง แต่สุดท้ายมันก็รู้เรื่องจากพวกที่เคยเป็นลูกน้องตอนช่วงผมเป็นวัยรุ่นอยู่ดี”

“แล้ว..คุณรู้หรือเปล่าว่าโก้..ไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?”

อนิรุทธ์ถามออกไปหลังจากที่อีกฝ่ายพูดจบ ดำรงส่ายหน้าทันที

“ไม่รู้หรอก มันไม่ยอมบอกว่ามันไปซ่อนตัวที่ไหน แต่ถ้าให้เดา..มันคงไปซ่อนตัวอยู่กับเมียมันสักคนล่ะมั้ง”

“แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่ามีที่ไหนบ้าง?”

เป็นอีกครั้งที่ดำรงส่ายหน้า

“ไม่รู้หรอก ปกติมันบอกแต่ว่าจะไปหาเมีย ไม่เคยบอกว่าเป็นที่ไหน”

อนิรุทธ์กับอติพัทธ์มองหน้ากัน ดูจากน้ำเสียงและแววตาของดำรงก็คิดว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะโกหก

“ถ้างั้น..ผมขอยืมมือถือที่คุณบอกว่าโก้โทรมาหาหน่อยได้ไหม?”

“มือถือเก่าๆ ราคาถูกๆ ใช้ตามหาได้หรอ? ถ้าได้ก็เอาไปเถอะ”

ดำรงส่งมือถือไปให้ทันที อติพัทธ์รับมือถือมา เขามองหน้าอนิรุทธ์แล้วพยักหน้าเล็กน้อยก่อนปลีกตัวออกไปด้านนอก เหลือเพียงอนิรุทธ์อยู่กับดำรงตามลำพัง

“ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าอะไรทำให้คุณคิดได้ แต่ก็ขอบคุณมากที่ให้ความร่วมมือ”

ดำรงมองหน้าเขานิ่ง

“ความคะนองน่ะหมอ แล้วก็ความเลวระยำ ตั้งแต่คืนนั้น..ผมมาลองคิดดูก็รู้ว่าตัวเองเลวมากแค่ไหนที่ทำเรื่องแบบนั้น”

ดำรงบอกพลางยกมือขึ้นแตะคอที่ยังพันผ้าเอาไว้

“ไม่คิดเลย..ว่าเด็กคนนั้นต้องมาเจอกับเรื่องเลวๆอีกรอบด้วยฝีมือ  ลูกชายของผมเอง”

อนิรุทธ์มองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายและถามในสิ่งที่ติดใจสงสัย

“ผมถามจริงๆนะ...คุณสำนึกผิดเพราะว่าเกือบโดนวิญญาณของซันฆ่าตายหรือเปล่า?”

ดำรงเลิกคิ้วก่อนจะพรูลมหายใจออก

“คงจะเป็นอย่างนั้นล่ะมั้ง”

อนิรุทธ์มองอีกฝ่ายอย่างไม่นึกเห็นใจ เพราะเกือบตายถึงได้สำนึก

คนๆนี้คงไม่สมควรที่จะได้รับการให้อภัย


-TBC-

อีกสามตอนก็จบแล้วค่าาาาาา

ออฟไลน์ yjm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณค่าที่มาต่อ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ในที่สุดหมอซันก็ฟื้นสักที โล่งอก หายป่วยเร็ววัน
ขอให้จับตัวคนร้ายได้สักที  เลวทั้งพ่อทั้งลูก

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
เย่มาต่อแล้ว
ซันฟื้นแล้วก็รีบๆหายน้า หมอเขาเป็นห่วง
ปล.ไม่อยากให้จบเลยแง้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด