กลับมาลงนิยายต่อ คราวนี้จะลงรวดจนจบเลยนะคะ อีกแค่ 3 ตอนก็จะจบแล้ว
Special 3 : การทะเลาะกันของคู่รัก (2) - เรื่องราวความรักที่พุ่งเข้าหาโดยไม่รู้ตัวของทิว
นับว่าเป็นเรื่องน่าแปลกที่คืนนี้เจ้าลูกชายมันกลับมานอนที่บ้าน ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาแทบจะไม่กลับมานอนบ้านเลย…เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับสองคนนั้นกันแน่นะ แต่ถึงจะสงสัยมากมายเพียงไร ก็ต้องหยุดมือของตนที่กำลังยื่นไปเคาะประตูไว้เพียงแค่นั้น ลูกชายของเขาที่โตแล้ว ไม่ใช่เด็กๆอีกต่อไป คงได้แต่หวังว่าจะแก่ปัญหาของตัวเองได้ล่ะนะ
ภายในห้องนอนของเขา บนเตียงที่เคยนอนกอดคนที่รักเอาไว้ ตอนนี้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น
“นี่เราพูดแรงไปรึเปล่านะ”
เมื่อมานึกย้อนดูการกระทำของตนเองแทมินก็ส่ายหัว ไม่หรอก เขาไม่ได้เป็นคนผิดสักหน่อย เป็นเพราะไผ่ที่เอาแต่ใจมากเกินไปต่างหาก อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาเขาตามใจไผ่มากเกินไปมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้ แต่…มันก็จริงอย่างที่ไผ่พูด ช่วงนี้เขาอาจจะทำงานมากเกินไปจริงๆ บางทีไผ่อาจจะทำเพราะความเป็นห่วงก็ได้ แล้วอีกอย่าง ที่เขาทำงานหนักขึ้นในช่วงนี้ก็เพราะอยากทำให้ความปรารถนาของไผ่เป็นจริงก็เท่านั้นเอง…
“เวรจริง ดันเผลอปากบอกเลิกไปซะแล้วอ่ะ…ทำไงดีวะเนี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย!”
จะมานึกเสียใจอะไรตอนนี้กันนะ เพราะความหงุดหงิดไม่เข้าท่าของตัวเองไม่ใช่เหรอ ตัวเขาที่ทำงานมาเหนื่อยๆ พอเจอสถานการณ์กดดันก็เลยโมโหง่าย แล้วทีนี้จะขอโทษไผ่ยังไงดี
“ใครก็ได้ช่วยตูด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
เสียงตะโกนแหกปาก ทำให้ผู้เป็นพ่อที่ยังคงยืนลังเลอยู่หน้าห้องของแทมินเผยรอยยิ้มพึงพอใจ คิดได้แล้วสินะ เจ้าลูกชายสมองทึ่ม…
…
…
…
หลังจากที่ไผ่ร้องไห้จนผล่อยหลับไป คนเป็นพี่เช่นเขาได้แต่จมอยู่ในห้วงคิด ทำอะไรไม่ได้นอกจะรับฟังและคอยปลอบใจ ทั้งๆที่ใจเขาอยากโอบกอด และจูบซับน้ำตาที่รินไหล…หึ น่าสมเพชตัวเองชะมัด ผ่านมาตั้งสองปีแล้วก็ยังไม่สามารถตัดใจได้ ทิวก้มลงมองคนที่เขารักในคราบของน้องชายฝาแฝด มือข้างหนึ่งเช็ดน้ำตาที่ยังคงมีเหลืออยู่บนใบหน้า
เขาจะไปถามพี่แทมินให้รู้เรื่องว่ามันเป็นยังไงกันแน่ และหากพี่แทมินไม่ต้องการไผ่แล้วจริงๆล่ะก็ มันคงไม่สายเกินไป…ถ้าเขาจะลงมือทุบกระจกบานนั้น กระจกที่ขวางกั้นระหว่างเขากับไผ่
เช้าวันนี้ทิวเตรียมแต่งตัวเพื่อไปมหาวิทยาลัยโดยยืมชุดของไผ่ใส่ไปก่อน
“ทิว..ไผ่ไม่อยากไปเรียนเลย T^T”
น้องชายเริ่มงอแง ทิวได้แต่ยิ้มปลอบ
“เอาน่า ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปก็ได้ ขาดเรียนสักวันคงไม่เป็นไรหรอกเนอะ ^^”
“แต่ว่าวันนี้มีสอบย่อยด้วย ทำไงดี T^T”
“ง่ะ นั่นสินะ ไว้ค่อยไปขออาจารย์สอบใหม่วันหลังดีไหม”
ไผ่คว้ามือของทิวเข้าไปกุมไว้แล้วทำสายตาเว้าวอนสุดชีวิต
“พี่ชาย ไปเรียนแทนเค้าทีสิ”
“ O_o!!!!!”
ทิวอึ้ง! ไม่ใช่อึ้งกับคำขอแต่อึ้งกับสายตาหวานเยิ้มที่สาบานได้เลยว่าคนทำหน้าตาเหมือนกับเขา ตกลงว่าถ้าตูทำก็ออกมาแบบนี้ใช่ไหมเนี้ย!!!!!!!!! อ่ะ แต่ก็คงไม่น่ารักเท่าไผ่หรอกมั้งนะ >///<
“นะๆๆ วันนี้วันเดียวนะ ไปเรียนแทนที”
“เอ่อ เอางั้นก็ได้ ยังไงวันนี้พี่ก็มีเรียนแค่คาบเดียวเองแถมยังเป็นวิชาเรียนรวมด้วย เขาไม่เช็คชื่ออยู่แล้วล่ะ ^^”
สุดท้าย..ก็ทนลูกอ้อนไม่ไหว
“เย้ รักทิวที่สุดเลย!”
ว่าแล้วก็โผเข้ากอดพี่ชาย ทำเอาทิวอึ้งหนัก ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลย เขาจะเขินตายอยู่แล้ว TOT
…
…
…
และแล้วก็กลายเป็นว่าวันนี้ผมต้องมาเรียนแทนไผ่ นี่ดีนะที่ตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่กรุงเทพพร้อมกับแม่เฒ่า สีผิวของผมก็ขาวขึ้นเหมือนกับไผ่ แล้วยังทำผมทรงเดียวกันอีกต่างหาก(เพราะความประสงค์ของไผ่) เลยทำให้แทบจะไม่มีใครแยกพวกผมออกเลยแม้แต่พี่แทมิน จะมีให้ดูก็ตรงที่ผมจะยิ้มกับทุกคนไปทั่วนั่นล่ะทุกคนถึงจะแยกออก
ว่าแต่ว่า….ข้อสอบพวกนี้มันอาร้ายยยย! ไม่เห็นจะรู้เรื่องสักตัว -*- ไผ่น้องรัก ถ้าการสอบครั้งนี้ทำให้น้องมีสิทธ์ได้เกรดอันไม่พึงประสงค์ก็ได้โปรดยกโทษให้พี่ด้วยก็แล้วกันนะT^T บอกตามตรงครับว่าถึงจะอยู่มหาลัยเดียวกัน เป็นฝาแฝดกัน แต่ถ้าทำข้อสอบข้ามคณะกันแบบนี้ ดับสนิทแน่นอน =_=”
“เฮ้ยว่าไงไอ้ไผ่ สอบคราวนี้เต็มอีกแล้วใช่ไหมมึง”
คนที่ทัก ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นเพื่อนของไผ่ เห็นเดินไปไหนมาไหนเดียวกันประจำ….ชื่อไรแล้วน้า …เน เน…..เนม! เออใช่มันชื่อเนม
“จะขอขอบคุณพระเจ้าเลยถ้าได้เต็มอย่างที่เนมว่า”
“โห ไม่ต้องมาทำเป็นแกล้งโง่เลยวะ แม่งสอบทีไรมึงล่ะได้เต็มทุกที กูล่ะโคตรรรรรจะอิจฉา”
เหอะๆ ก็รู้อะนะว่าไผ่ฉลาด แต่ไม่นึกว่าจะได้เต็ม แล้วนี่ถ้าอาจารย์สงสัยขึ้นมาจะทำยังไงล่ะทีนี้
“เออ ว่าแต่ที่เราตกลงกันไว้ ว่าไงวะ”
อ่าว ชิบหายแล้วไหมล่ะ ตกลงอะไรกันอีก
“เอ่อ….โทษทีนะเนม เราลืมไปแล้วว่าตกลงอะไรเอาไว้ ^^” “
เอาแล้วไง เนมมองผมตาไม่กระพริบ จะบอกให้นะว่าถึงนายจะหน้าตาขาวตี๋ สูงเพรียวและดูเท่แค่ไหน ผมก็ไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด (แล้วจะบรรยายความหล่อของมันเพื่อ?????)
“ไอ้เรื่องนั้นไว้ทีหลัง ว่าแต่วันนี้กูว่ามึงแปลกๆนะ ทุกทีเห็นแทนตัวเองด้วยฉันไม่ใช่เหรอ”
อ่าว แล้วผมจะรู้ไหมเนี้ย! ซวยแล้วเนมมองผมด้วยสายตาจำผิดอย่างรุนแรง
“ก็…ไม่มีอะไร แค่อยากจะลองเปลี่ยนบรรยากาศ”
แน่ะ ยังทำสายตาไม่เชื่อมาอีก -*-
“งั้นก็แล้วไป ว่าแต่มึงนึกไม่ออกจริงอ่ะว่าเรื่องอะไร”
“ใช่ พอดีว่าช่วงนี้เบลอๆสงสัยจะอ่านหนังสือมากไป^^”
“นั่นแน่ อ่านหนังสือมากไปหรือว่ามัวแต่จึ้กกะดึ้ยกับแฟนกันแน่ว้า”
ง่ะ….
“จะบอกใหม่อีกครั้งก็ได้ คราวนี้ห้ามลืมอีกนะเฟ้ย”
“อืม”
เนมหันซ้ายหันขวา เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครแล้วก็กระดิกนิ้วให้ผมเข้ามาใกล้ๆ เพื่อที่เขาจะได้กระซิบบอกผมได้ถนัด
“เรื่องที่ว่าก็คือ….แบบนี้ไงล่ะ!”
ว่าแล้วเนมก็จัดการหอมแก้มของผมเข้าไปฟอดใหญ่!!!!!
“ฮะๆๆๆ ว่าแล้ว เป็นทิวจริงๆด้วย ก๊ากๆๆๆ”
“เล่นงี้หมายความว่าไง แล้วรู้ได้ไงเนี้ย!”
“ก็…สังเกตมาตั้งแต่ตอนที่ตั้งใจจะลอกข้อสอบแล้วล่ะ เห็นทำผิดเยอะก็เลยเริ่มสงสัย^^”
ทำผิดเยอะ - -* ใช่สิ ก็ผมไม่รู้เรื่องจริงๆนิ ว่าแต่ถ้าถึงขนาดที่รู้ว่าผมทำผิด มันก็คงจะฉลาดพอ แล้วจะหันมาลอกผมทำมายยยยยยยยย เนมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เหอะๆ โดนจับได้ซะแล้ว แต่ว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมควรจะเครียด!
“แล้วมาหอมแก้มเราทำไม ต้องการอะไรกันแน่!”
“ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งโกรธ หน้าบึ้งๆน่ะ ให้ไอ้ไผ่มันทำคนเดียวก็พอแล้ว”
“งั้นก็บอกมาสิว่าต้องการอะไร”
“ก็…แค่อยากจะแกล้งเท่านั้นไม่ได้ต้องการอะไรสักหน่อย”
“งั้นก็แล้วไป ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ”
“ไม่มีทาง”
“อะ อะ ไอ้……..”
ให้ตายสิ ตอนนี้ความอดทนของผมกำลังจะหดหาย ไผ่นะไผ่ คบคนแบบนี้เป็นเพื่อนได้ยังไงเนี้ย
“พูดคำหยาบเนี้ยมันไม่ดีน้า ^^”
แล้วทีเอ็งล่ะ เล่นขึ้นมึงกูกันเลยไม่ใช่เรอะ!!!
“เอาน่าๆ อย่าเพิ่งโกรธเลย ว่าแต่ไอ้ไผ่มันไปไหนเหรอถึงไม่มาเรียน”
เปลี่ยนเรื่องเฉยเลยนะ - -^
“ไผ่ไม่สบายนิดหน่อย”
“อ่าว ไม่ใช่เรื่องแฟนหรอกเหรอ เห็นบ่นๆอยู่ว่าช่วงนี้แฟนแปลกไป”
รู้อยู่แล้วจะถามเพื่อ??
เมื่อเนมเห็นทำทำหน้าประมาณว่าอยากจะฆ่ามันใจจะขาดมันก็หัวเราะเสียงแห้งไปเลย
“เอาเป็นว่าเราไปเรียนคาบต่อไปกันดีกว่านะ เดี๋ยวจารย์จะเช็คสายเอา”
ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร เนมก็จัดการจับมือของผมพาวิ่งซะอย่างนั้น เฮ้ย เดี๋ยวจะ ทำไมต้องจับมือด้วยเล่า!!!!
โอยยยย ผมอยากจะบ้าตาย จะขอสาบานตรงนี้เลยว่าจะไม่มาเรียนแทนไผ่อีกเด็ดขาดไม่ว่าจะด้วยกรณีใดๆ ไม่งั้นไอ้บ้าเนมมันจะทำให้ผมบ้าตามมันไปจริงๆ และไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ รถฮอนด้าที่ผมคุ้นเคยก็เข้ามาจอดใกล้ๆกับม้านั่งที่ผมกับเนมนั่งอยู่พอดี
“ไผ่ ทำไมถึงไม่รับสายมินล่ะ”
ครับ รถคันนี้เป็นของพี่แทมินนั่นเอง แล้วจะให้ผมรับได้ยังไงในเมื่อผมไม่ใช่ไผ่ ผมหันไปมองหน้าเนมเป็นเชิงขอตัว ซึ่งดูเหมือนว่าเนมก็คงเข้าใจในเรื่องที่ทำไมวันนี้ผมถึงมาเรียนแทนไผ่
“ผมว่าคุยตรงนี้ไม่สะดวกนะ พ…แทมิน”
เกือบจะหลุดคำว่าพี่ไปแล้วไหมล่ะ -*- ผมกับพี่แทมินพากันไปนั่งตรงม้านั่งที่ไม่มีคนพลุกพล่านมากนัก
“บอกหน่อยได้ไหมว่าทำไมถึงไม่รับสาย”
“พวกเราไม่ได้ป็นอะไรกันแล้วนี่ครับ”
“ไผ่ มินขอโทษ ตอนนั้นมินเหนื่อยแล้วก็หงุดหงิดไปหน่อย ขอโทษจริงๆ”
ทำไมกันนะ ต้องให้รู้ตัวก่อนว่าผิดพลาดรึไง ถึงได้มาสำนึกผิด
“แล้วไงครับ”
“เรากับมาเป็นแฟนกันเหมือนเดิมเถอะนะ”
“ผมไม่ใช่ของตายนะครับ ที่นึกจะเลิกเมื่อไหร่ก็ไป นึกจะคืนดีเมื่อไหร่ก็มา”
น่าน ประชดซะ
“ผมถามจริงๆเถอะ แทมินรักผมแน่เหรอ”
“รักสิ รักมากที่สุดเลยด้วย”
“ถ้าหากว่ารัก แล้วทำไมถึงรับในสิ่งที่ผมเป็นไม่ได้ล่ะครับ รึว่าแทมินยึดติดกับตัวผมคนเดิมที่แทมินรู้จัก”
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น มินรักไผ่จริงๆนะ”
ผมถอนหัวใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่ว่ายังไงก็ยังรักไผ่อย่างนั้นสินะ ในเมื่อเจ้าตัวว่าอย่างนั้นแล้วตัวผมจะทำอะไรได้ นอกจากให้ไผ่เป็นคนตัดสินใจเอง
“ผมคิดว่าเรื่องนี้ พี่แทมินควรจะไปพูดกับไผ่จะดีกว่านะครับ”
“เอ๋ แล้วนี่…”
แทบจะขำก๊าก กับท่าทีตะลึงจนตาโตของพี่แทมิน นี่แสดงว่าไม่ได้เอ่ะใจเลยสินะ จริงๆสิ นอกจากเนมแล้วไม่มีใครดูออกเลยสักคนนี่นา
“ผมทิวต่างหากล่ะพี่แทมิน ไผ่เขาอยู่ที่อพาร์ทเมนท์ ไปหาสิ^^”
“อืม”
“พี่แทมิน…”
“อะไรเหรอ”
“พูดในสิ่งที่ใจพี่คิดเถอะนะ อย่าใช่อารมณ์อีกเลย ผมไม่อยากเห็นไผ่ต้องเสียใจอีก และถ้าหากพี่ไม่ต้องการไผ่ ทำให้ไผ่ต้องเสียใจอีกล่ะก็ ผมก็ขอให้พี่ปล่อยมือจากไผ่ไปซะ”
“ทิว…”
“และเมื่อถึงตอนนั้น ผมจะขอรับตัวไผ่ไว้เอง”
นี่ไม่ใช่การขู่ แต่ผมคิดแบบนั้นจริงๆ ถ้าหากคนๆนี้ทำให้ไผ่ต้องร้องไห้อีกครั้ง ผมก็จะไม่ลังเลที่จะทุบกระจกบานนั้นแล้วเอื้อมมือไปคว้าไผ่…
พี่แทมินขับรถออกไปแล้ว เนมก็เดินมานั่งตรงหน้าผม
“เป็นไง ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม^^”
“ไม่รู้สิ คงต้องแล้วแต่ไผ่ล่ะมั้ง ถ้าเป็นอย่างที่เนมพูดก็ดีน่ะสิ”
“ทิวเนี้ยรักน้องชายจังเลยเนอะ”
“แน่อยู่แล้ว ไม่ห่วงน้องชายแล้วเราจะไปห่วงใครล่ะ”
“เอาแต่ห่วงเรื่องของคนอื่น แล้วเรื่องของตัวเองล่ะ เคยห่วงมักรึเปล่า”
จะล้อเล่นอะไรผมอีกล่ะ ถึงได้ถามอะไรแบบนี้ -*-
“อยากจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ เราไม่ได้ฉลาดพอที่จะเดาความคิดของเนมได้หรอกนะ”
“ทิวจะเป็นแฟนกับเนมได้ไหม”
“โธ่เอ้ย เรื่องแค่นี้เอง…….หา!!!!!!”
“เนม..ชอบทิวนะ จะเป็นแฟนกับเนมได้ไหม”
ตายล่ะสิครับ ไอ้นี่มันต้องล้อผมเล่นอีกแน่ๆเลย
“จะล้อเล่นอะไรเราอีกล่ะเนม….เราไม่ขำนะ”
“ไม่ได้ล้อเล่นนะ!!!”
ผมสะดุ้งกับเสียงที่ดังขึ้นและท่าทีจริงจังของเนม นี่อย่าบอกนะว่า…
“เนมชอบทิว ชอบตั้งแต่ตอนที่ไผ่แนะนำทิวให้รู้จักแล้ว ถึงพวกนายจะเหมือนกันสักแค่ไหน แต่ยังไงทิวก็โกหกสายตาของเนมไม่ได้หรอก เนมรู้…รู้ตั้งแต่ที่เจอกันวันนี้แล้วว่าคนที่เข้าห้องมาไม่ใช่ไผ่ แต่เป็นทิว”
อ้าว ตกลงที่บอกว่ารู้ตอนลอกข้อสอบก็โกหกอ่ะดิ แล้วที่หอมแก้มผมไปก็….
“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าเมื่อกี้เนมพูดเล่นก็แล้วกัน ขอโทษนะ”
เนมทำท่าจะลุกขึ้นแต่ไม่รู้ทำไมเจ้าแขนเฮงซวยของผมดันไปคว้าเสื้อของเขาซะได้ แล้วทีนี้ผมจะพูดกับเขาว่าไงดีล่ะครับ -*-
“มีอะไรเหรอ”
“เอ่อ….คือเรื่องเมื่อกี้….”
“????”
“ตอนนี้…เราก็ยังไม่มีแฟน ถ้ายังไง……จะคบด้วยก็ได้”
“O.O!!!!!”
“แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่าเราไม่ได้คิดอะไรกับนาย”
สีหน้าที่ดูจะมีความหวังขึ้นมาของเนมก็พลันหมองลงเล็กน้อย
“ถ้าไม่ได้คิดอะไรด้วยแล้วจะตอบตกลงคบกับเนมทำไม”
“คือ…เราคิดนะ…ก็แค่คิด”
หากเราทุบกระจกบานนั้นแล้วผลมันจะเป็นยังไง ถ้าไผ่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเราล่ะ เราจะทำยังไง เราจะกล้ามองหน้าไผ่ได้ยังไง ความสัมพันธ์ของพวกเราก็คงจะไม่เหมือนเดิม กับยิ่งห่างกันออกไป สุดท้าย…ผมก็ยังคงขี้ขลาด ไม่กล้าที่จะทุบกระจก ได้แต่ปากเก่งไปอย่างนั้น
“ถ้าเนมทำให้เรารักได้ก็ไม่มีอะไรเสียหายไม่ใช่เหรอ ถึงตอนนี้จะกลายเป็นแฟนโดยที่เราไม่ได้คิดอะไรด้วย แต่เนมก็มีโอกาสมากกว่าเมื่อก่อนจริงไหม”
เมื่อผมพูดจบเนมก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีและ…ขโมยหอมแก้มผมไปอีกฟอด
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอฝากตัวด้วยนะ ทิวสุดที่รัก ^^”
“อ่ะนะ -*-“
และเรื่องราวความรักของผมกับเนม ก็เริ่มขึ้น…
-----------------------------------------------------------------------------------------------